8:1 และเซาโลเห็นชอบในการฆ่าสเทเฟนเสีย และในเวลานั้นมีการข่มเหงครั้งใหญ่ต่อคริสตจักรซึ่งอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็ม และเขาทั้งหลายถูกกระจัดกระจายไปทั่วแว่นแคว้นยูเดียกับสะมาเรีย นอกจากพวกอัครทูต
8:2 และพวกคนที่เกรงกลัวพระเจ้าก็หามสเทเฟนไปยังการฝังศพของท่าน และทำการคร่ำครวญอาลัยถึงท่านอย่างยิ่ง
8:3 สำหรับเซาโลนั้น เขากระทำทารุณต่อคริสตจักร โดยเข้าไปในทุกบ้านทุกเรือน และฉุดลากผู้ชายและผู้หญิงทั้งหลายเอาไปจำไว้ในคุก
** เซาโล มีบิดาและมารดาเป็นชาวยิว มาจากตระกูลเบนจามิน ท่านเกิดที่เมืองทาร์ซัสในแค้วนซีลีเซีย ท่านเป็นหนึ่งในพวกฟาริสีที่เคร่งพระบัญญัติมาก (ฟป 3:5-7) และเมื่อพวกผู้นำศาสนายิวมองว่าลัทธิใหม่กำลังจะแพร่ขยายอย่างรวดเร็ว เซาโลก็พร้อมใจกับพวกเขาในการข่มเหงคริสเตียน ถ้าพบว่ามีบ้านเรือนที่เชื่อในพระเยซูก็จะถูกจับและเอาไปจำไว้ในคุก
8:4 เหตุฉะนั้นพวกสาวกทั้งหลายที่ถูกกระจัดกระจายไปนั้น ก็ไปทุกแห่งหนโดยประกาศพระวจนะนั้น
8:5 แล้วฟีลิปได้ลงไปยังเมืองสะมาเรีย และประกาศพระคริสต์ให้แก่พวกเขา
8:6 และประชาชนก็พร้อมใจกันตั้งใจฟังสิ่งเหล่านั้นที่ฟีลิปกล่าว โดยได้ยินและได้เห็นการอัศจรรย์ทั้งหลายซึ่งท่านได้กระทำ
8:7 ด้วยว่าผีโสโครกทั้งหลาย ซึ่งร้องด้วยเสียงดัง ได้ออกมาจากหลายคนที่ถูกสิงอยู่ด้วยผีเหล่านั้น และหลายคนที่เป็นอัมพาต และคนเหล่านั้นที่เป็นง่อย ก็ได้รับการรักษาให้หาย
8:8 และมีความปีติยินดีอย่างยิ่งในเมืองนั้น
** เมื่อผู้เชื่อเดินทางไปถึงที่ไหนก็มีการประกาศ เป็นพยานเรื่องพระเยซูคริสต์ และการทำการอัศจรรย์ต่างๆ เพื่อยืนยันว่าพระเจ้าอยู่กับพวกเขาและมีคนกลับใจอย่างมากมาย ผู้ประกาศที่แท้จริงของพระเจ้าจะนำการปลดปล่อยจากความผิดบาป การเป็นทาสของผีร้ายและโรคภัยทั้งหลายและมาถึงสันติสุขที่แท้จริงได้
** ฟีลิป เป็นหนึ่งในอัครสาวกสิบสองคน (กจ 1:13) ท่านมีของประทานในการประกาศ ไล่ผี และรักษาโรค
1. คริสเตียนศาสนาอยู่ใต้พระบัญญัติเดิม คือต้องแก้แค้นและเอาคืนในสิ่งที่เสียไป แต่คริสเตียนฝ่ายวิญญาณจะอภัย รัก และเมตตาต่อผู้ที่ข่มเหงเขา และพระเจ้าจะเป็นคนตอบแทนแก่ทุกคนตามสมควร และการแก้แค้นไม่ใช่หน้าที่ของเรา
2. เซาโลเป็นหนึ่งในคนที่ข่มเหงคริสเตียนอย่างร้ายแรงแต่ท่านไม่รู้ตัวว่าท่านเป็นคนที่ถูกเลือกเอาไว้เพื่อไปเกิดผลในอนาคต เพราะฉะนั้นเราอย่ามองว่าคนที่ข่มเหงเราและเกลียดชังคริสเตียนหรือกล่าวหาคริสเตียนฝ่ายวิญญาณว่าเป็นพวกปลอม จะไม่มีโอกาสมาถึงพระเยซูและพระคำล้ำลึกได้
3. การประกาศเป็นพยานและการทำการอัศจรรย์ย่อมมาจากการนำพาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ใช่เราทำเองให้เกิดผลได้ หน้าที่ของเราคือแสวงหาของประทานและใช้เพื่อการเติบโตของพระกายของพระเยซู
4. การประกาศเป็นพยาน คืองานหลัก ส่วนการใช้ของประทานในการรักษาโรค ไล่ผี คืองานรอง และเพื่อสนับสนุนการอยู่ด้วยและเป็นฝ่ายเรา ของพระเจ้า
- เมื่อผู้เชื่อถูกข่มเหง ทุบตี ทำร้ายร่างกาย หรือถึงความตาย พระวิญญาณจะให้เขาเต็มล้นภายนอก เพื่อมีใจกล้า มั่นใจ ยอมรับมัน และไม่เจ็บปวดมากเกินที่เขาจะทนได้ และเขาจะสัมผัสการอยู่ด้วยของพระเจ้า
8:9 แต่มีชายคนหนึ่ง ที่ถูกเรียกว่า ซีโมน ซึ่งแต่ก่อนในเมืองเดียวกันนั้นเคยใช้เวทมนตร์ และได้ทำให้ชาวสะมาเรียพิศวงหลงใหล โดยยกตัวเองว่าเป็นผู้วิเศษ
8:10 ผู้ซึ่งคนทั้งสิ้นได้ตั้งใจฟัง ตั้งแต่ผู้น้อยที่สุดถึงผู้ใหญ่ที่สุด โดยกล่าวว่า “ชายคนนี้เป็นมหิทธิฤทธิ์ของพระเจ้า”
8:11 และคนทั้งหลายนับถือเขา เพราะว่านานมาแล้วเขาได้ทำให้พวกเขาพิศวงหลงใหลด้วยการทำเวทมนตร์ต่างๆ
** ซีโมนเป็นชาวยิว - แคว้นสะมาเรียอยู่ตรงกลางระหว่างแคว้นกาลิลีและยูเดียซึ่งมีลูกผสมระหว่างชาวยิวและคนต่างชาติอาศัยอยู่มากมาย เป็นพวกที่ชาวยิวรังเกียจ
8:12 แต่เมื่อพวกเขาเชื่อฟีลิปที่ประกาศสิ่งเหล่านั้นเกี่ยวกับอาณาจักรของพระเจ้า และพระนามของพระเยซูคริสต์แล้ว พวกเขาก็รับบัพติศมาทั้งชายและหญิง
** ข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักร คือข่าวประเสริฐที่พระเยซูประกาศ คือเตือนให้ทุกคนได้รู้ว่า การปกครองของพระเจ้ามาใกล้แล้ว ทุกคนที่เชื่อในพระนามพระเยซูก็จะรอดและได้เข้าไปในอาณาจักร ชาวสะมาเรียมากมายจึงกลับใจเชื่อและรับบัพติศมา แต่การให้บัพติศมาของฟีลิปนั้นไม่ใช่บัพติศมาของพระเยซูคริสต์ คือไม่ออกพระนามพระเยซูคริสต์หรือออกพระนามของพระเจ้าทั้งสามพระภาค พวกเขาจึงไม่ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ (อยู่เหนือพวกเขา) (ดูข้อที่ 15-17)
8:13 แล้วซีโมนเองได้เชื่อด้วย และเมื่อเขารับบัพติศมาแล้ว เขาก็อยู่กับฟีลิปต่อไป และอัศจรรย์ใจ เมื่อเห็นบรรดาการอัศจรรย์กับหมายสำคัญต่างๆ ซึ่งได้ถูกกระทำ
8:14 บัดนี้ เมื่อพวกอัครทูตซึ่งอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็มได้ยินว่า ชาวสะมาเรียได้รับพระวจนะของพระเจ้าแล้ว พวกท่านก็ส่งเปโตรกับยอห์นไปหาพวกเขา
8:15 ผู้ซึ่ง เมื่อท่านทั้งสองลงไปถึงแล้ว ก็อธิษฐานเผื่อพวกเขา เพื่อที่พวกเขาจะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์
8:16 (ด้วยว่าพระองค์ยังไม่ได้เสด็จลงมาสถิตอยู่บนผู้ใดในพวกเขา พวกเขาได้รับบัพติศมาในพระนามของพระเยซูเจ้าเท่านั้น)
** เสด็จลงมาสถิตอยู่บน ภาษากรีกคือ ลงมาอยู่บน (ไม่มีสถิต) พูดง่ายๆ ก็คือ เมื่อเชื่อเราจะได้รับพระวิญญาณของพระคริสต์ พระบิดา และพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาอยู่ภายในเรา และเมื่อรับบัพติศมาในน้ำในพระนามพระเยซูคริสต์เราจะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่บนเรา การรับพระวิญญาณด้านในเนื่องมาจากการกลับใจเชื่อเพื่อการบังเกิดใหม่และได้รับการยกโทษบาปทั้งหมด ส่วนการรับพระวิญญาณด้านนอกเนื่องมาจากการรับบัพติศมาในน้ำเพื่อได้กลายเป็นบุตรที่รักของพระเจ้า และได้ถูกจุ่มเข้าไปมีส่วนในพระกาย คริสตจักร อาณาจักร ของพระเจ้า นั่นเอง
8:17 แล้วท่านทั้งสองได้วางมือของตนบนพวกเขา และพวกเขาได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์
** ทันทีที่ซีโมนและชาวสมาเรียกลับใจเชื่อในข่าวประเสริฐของพระเจ้า พวกเขาก็ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาอยู่ในพวกเขา พวกเขาได้บังเกิดใหม่ ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นเพราะว่าพวกเขาได้เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์ แต่การให้บัพติศมาของฟีลิปที่ไม่ออกพระนามพระเยซูพวกเขาจึงไม่ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่เหนือพวกเขา และบัพติศมาดังกล่าวเรียกว่า บัพติศมาของยอห์น
8:18 และเมื่อซีโมนเห็นว่า โดยการวางมือของอัครทูตทั้งสอง พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงถูกมอบให้ เขาก็เสนอเงินให้ท่านทั้งสอง
8:19 โดยกล่าวว่า “โปรดให้ฤทธิ์เดชนี้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด เพื่อว่าบนผู้ใดก็ตามที่ข้าพเจ้าจะวางมือ ผู้นั้นจะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์”
8:20 แต่เปโตรได้กล่าวแก่ซีโมนว่า “ให้เงินของเจ้าพินาศไปด้วยกันกับเจ้าเถิด เพราะเจ้าคิดว่าของประทานของพระเจ้านั้นสามารถถูกซื้อด้วยเงินได้
8:21 เจ้าไม่มีส่วนหรือส่วนแบ่งในการนี้เลย เพราะใจของเจ้าไม่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระเจ้า
8:22 เหตุฉะนั้น จงกลับใจใหม่จากความชั่วของเจ้านี้ และอธิษฐานต่อพระเจ้า เผื่อว่าบางทีจะโปรดยกโทษความคิดแห่งใจของเจ้าให้แก่เจ้า
8:23 เพราะข้าดูออกว่าเจ้ากำลังอยู่ในน้ำดีแห่งความขมขื่น และในเครื่องจำจองแห่งความชั่วช้า”
8:24 แล้วซีโมนตอบและกล่าวว่า “ขอพวกท่านอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเผื่อข้าพเจ้าเถิด เพื่อสิ่งเหล่านี้ซึ่งพวกท่านได้กล่าวแล้วนั้นจะไม่ได้อุบัติแก่ตัวข้าพเจ้าสักอย่างเดียว”
** การอัศจรรย์ทั้งหลาย เป็นส่วนประกอบสำหรับการประกาศข่าวประเสริฐและเป็นพยานเรื่องพระเยซูคริสต์เท่านั้น ผู้ที่มีของประทานจะใช้เพื่อช่วยเหลือผู้คนมากมายและเพื่อยืนยันว่าพระเจ้าทรงทำกิจและอยู่ฝ่ายพวกเรา แต่มีผู้คนอีกมากมายที่ใช้ฤทธิ์เดชการอัศจรรย์เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับเขาเอง กลายเป็นเรื่องของธุรกิจคริสตจักร เราคริสเตียนฝ่ายวิญญาณได้รับมาจากพระเจ้าเพื่อปลดปล่อยผู้คนเราไม่ควรแสวงหาผลประโยชน์ ชื่อเสียงและค่าจ้าง ซึ่งพระเจ้าอาจให้ผลตอบแทนตามน้ำพระทัย แต่ไม่ใช่ด้วยการเรียกร้องของเรา ผลตอบแทนของเราที่เรามีความหวังใจก็คือในยุคหน้านั่นเอง
8:25 ครั้นพวกอัครสาวกเป็นพยานและประกาศพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว ก็กลับไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และได้ประกาศข่าวประเสริฐตามทางในหมู่บ้านชาวสะมาเรียหลายแห่ง
[1] ต่อมาขณะที่อปอลโลยังอยู่ในเมืองโครินธ์นั้น เปาโลได้ไปตามแว่นแคว้นฝ่ายเหนือ แล้วมายังเมืองเอเฟซัส และพบสาวกบางคน
[2] จึงถามเขาว่า “ตั้งแต่ท่านทั้งหลายเชื่อนั้น ท่านได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือเปล่า” เขาตอบเปาโลว่า “เปล่า เรื่องพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้นเราก็ยังไม่เคยได้ยินเลย”
[3] เปาโลจึงถามเขาว่า “ถ้าอย่างนั้นท่านได้รับบัพติศมาอันใดเล่า” เขาตอบว่า “บัพติศมาของยอห์น”
[4] เปาโลจึงว่า “ยอห์นให้รับบัพติศมาสำแดงถึงการกลับใจใหม่ก็จริง แล้วบอกคนทั้งปวงให้เชื่อในพระองค์ผู้จะเสด็จมาภายหลังคือพระเยซูคริสต์”
[5] เมื่อเขาได้ยินอย่างนั้น เขาจึงรับบัพติศมาในพระนามของพระเยซูเจ้า
[6] เมื่อเปาโลได้วางมือบนเขาแล้ว พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เสด็จลงมาบนเขา เขาจึงพูดภาษาต่างๆและได้พยากรณ์ด้วย
[7] คนเหล่านั้นมีผู้ชายประมาณสิบสองคน
1. เมื่อเราประกาศและมีคนรับเชื่อ เขาได้บังเกิดใหม่และได้รับพระวิญญาณด้านใน จากนั้นเราชวนเขาให้รับบัพติศมาในน้ำและเขาจะได้รับพระวิญญาณมาอยู่เหนืออยู่บนเขา เพื่อการยืนยันโดยพระวิญญาณและได้เข้าส่วนในร่างกายใหม่ของพระเยซู เข้าส่วนในอาณาจักรของพระเจ้า เขาจึงอยู่ภายใต้การดูแลเลี้ยงดูปกปักรักษาและเข้าสู่ทุ่งหญ้าอันเขียวสดและกินพระเยซูให้เติบโต
- การกลับใจใหม่ได้รับพระวิญญาณภายใน ได้บังเกิดใหม่ ส่วนการรับบัพติศมาเข้าในพระเยซูคือการรับด้านนอกเพื่อพระวิญญาณยืนยัน และให้เราเข้าส่วนในพระกาย อาณาจักร พระคริสต์ ในทุ่งหญ้าของพระเจ้า
- ถ้าหากไม่มั่นใจเรื่องบัพติศมา เรารับใหม่ได้ หรือให้ผู้นำอธิษฐานให้ก็ได้ ตามจิตสำนึกเห็นชอบของเรา
2. ผู้เชื่อได้รับพระวิญญาณภายนอก เขาก็ได้รับของประทาน แต่อย่าใช้ของประทานเพื่อประโยชน์ของตนเองและอย่าให้การใช้ของประทานรักษาโรคไล่ผีเป็นงานหลัก แต่ให้เป็นงานรอง งานหลัก ก็คือข่าวประเสริฐ และคำพยานเรื่องพระเยซูคริสต์
ขอบพระคุณพระเจ้า ทีวันนี้ เราได้เชื่อเข้าใน พระเยซูคริสต์ เราได้รับบัพติศมาเข้าในพระเยซูคริสต์ ก็คือการได้เอาทั้งชีวิต ร่างกาย จิต และวิญญาณ เข้าไปมีส่วนในพระองค์ เราจึงผ่านการตาย และเป็นขึ้นร่วมกับพระองค์ และเป็น อวัยวะ ของร่างกายใหม่ของ พระคริสต์ สรรเสริญพระเยซู
ขอบคุณพระเยซู เมื่อเราเชื่อเราได้รับพระวิญญาณ เข้าสู่ภายใน ได้บังเกิดใหม่ และขอบคุณพระเยซู เมื่อเรารับบัพติศมาเราได้รับพระวิญญาณ อยู่บนอยู่เหนือเรา เพื่อการยืนยัน และการยอมรับของพระเจ้า ให้เราเข้าส่วนในพระกายใหม่ เข้าในอาณาจักร เข้าอยู่ในทุ่งหญ้าอันเขียวสด และเข้าอยู่ในพระคริสต์ เอเมน
บทความเพิ่มเติม: คำถามเรื่องบัพติศมา ในกิจการบทที่ 8 แบบไหนถูกต้องตามน้ำพระทัย
8:26 และทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้พูดกับฟีลิป โดยตรัสว่า “จงลุกขึ้น และไปยังทิศใต้ตามทางที่ลงไปจากกรุงเยรูซาเล็มถึงเมืองกาซา ซึ่งเป็นทะเลทราย”
8:27 และท่านก็ลุกขึ้นและไป และดูเถิด มีชาวเอธิโอเปียคนหนึ่ง เป็นขันทีที่มีอำนาจมากใต้อำนาจของพระนางคานดาสี พระราชินีของชาวเอธิโอเปีย ผู้เป็นนายคลังทรัพย์ทั้งหมดของพระราชินีนั้น และได้มายังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อจะนมัสการ
** ขณะที่ฟีลิปประกาศกับชาวสะมาเรียอยู่นั้น พระเจ้าสั่งทูตสวรรค์ให้บอกฟีลิปให้เดินทางไปหาขันทีชาวเอธิโอเปียคนหนึ่งกลับจากการเดินทางไปนมัสการพระเจ้าที่กรุงเยรูซาเล็มเพื่อช่วยท่านให้รอด
** พระเจ้ามีเหตุผลที่จะไม่ให้ฟีลิปไปหาที่กรุงเยรูซาเล็ม แต่เดินทางไปหาขันทีไกลจนถึงเขตเมืองกาซา เนื่องจากว่ามีการข่มเหงคริสเตียนอย่างหนักในกรุงเยรูซาเล็มในขณะนั้น
- พระเจ้าทรงมีเหตุผลที่ไม่ให้ผู้เชื่อที่ได้รับการเปิดตาแล้วไปประกาศในคริสตจักรศาสนา แต่ให้ช่วยทีละคนและอยู่ห่างๆ จากคริสเตียนศาสนาเพื่อหลีกเลี่ยงการถกเถียงจนเกิดการข่มเหงตามมา
8:28 กำลังกลับไป และขณะนั่งอยู่ในรถม้าของท่าน ได้อ่านหนังสืออิสยาห์ศาสดาพยากรณ์อยู่
8:29 แล้วพระวิญญาณตรัสกับฟีลิปว่า “จงเข้าไปใกล้ และให้ตัวเจ้าเข้าไปชิดรถม้าคันนี้เถิด”
8:30 และฟีลิปได้วิ่งเข้าไปใกล้ท่าน และได้ยินท่านอ่านหนังสืออิสยาห์ศาสดาพยากรณ์ และกล่าวว่า “ท่านเข้าใจสิ่งซึ่งท่านอ่านนั้นไหม”
8:31 และขันทีได้กล่าวว่า “ข้าพเจ้าจะเข้าใจได้อย่างไร นอกจากใครสักคนจะชี้แนะข้าพเจ้า” และท่านเชิญฟีลิปให้ขึ้นมาและนั่งรถกับท่าน
** ในหนังสืออิสยาห์มีคำทำนายซึ่งชาวยิวไม่คาดคิดว่าจะเป็นเรื่องราวของพระเยซูที่พวกเขาไม่ต้อนรับ และขันทีคนนี้เมื่อได้อ่านก็ไม่เข้าใจ
8:32 พระคัมภีร์ตอนซึ่งท่านอ่านอยู่นั้นคือข้อความนี้ ‘ท่านถูกนำไปเหมือนแกะเพื่อการฆ่า และเหมือนลูกแกะที่เป็นใบ้อยู่หน้าผู้ตัดขนของมันฉันใด ท่านก็ไม่อ้าปากของท่านเลยฉันนั้น
8:33 ในความอัปยศของท่านความยุติธรรมของท่านถูกนำไปเสีย และผู้ใดเล่าจะประกาศเกี่ยวกับพงศ์พันธุ์ของท่าน เพราะว่าชีวิตของท่านถูกตัดเสียจากแผ่นดินโลกแล้ว’
8:34 และขันทีตอบฟีลิป และกล่าวว่า “ข้าพเจ้าขอร้องท่าน ศาสดาพยากรณ์ผู้นี้ได้กล่าวข้อความนี้เล็งถึงผู้ใด เล็งถึงตัวท่านเอง หรือเล็งถึงผู้อื่น”
** คำทำนายที่ขันทีคนนี้ได้อ่าน อยู่ใน อิสยาห์ 53:7-8 และได้เกิดขึ้นใน มธ 26:63 และยอห์น 19:9
8:35 แล้วฟีลิปได้อ้าปากของท่าน และเริ่มต้นที่ข้อพระคัมภีร์ข้อเดียวกันนั้น และประกาศเรื่องพระเยซูแก่ท่าน
8:36 และขณะที่ท่านทั้งสองกำลังไปตามทางของท่านทั้งสอง ท่านทั้งสองก็มาถึงที่มีน้ำแห่งหนึ่ง และขันทีกล่าวว่า “ดูเถิด ที่นี่มีน้ำ มีอะไรขัดขวางไม่ให้ข้าพเจ้ารับบัพติศมาเล่า”
8:37 และฟีลิปกล่าวว่า “ถ้าท่านเชื่อด้วยสุดใจของท่าน ท่านก็รับได้” และขันทีตอบและกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเชื่อว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า”
8:38 และท่านได้สั่งให้หยุดรถม้า และท่านทั้งสองลงไปในน้ำ ทั้งฟีลิปกับขันทีผู้นั้น และฟีลิปก็ให้ท่านรับบัพติศมา
** ทันทีที่ได้โอกาส เมื่อเราประกาศและเป็นพยาน พอมีคนกลับใจ คือเชื่อด้วยใจรับด้วยปากว่าพระเยซูเป็นพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอด เราควรชักชวนเขาให้รับบัพติศมาเดี๋ยวนั้น เพื่อพระวิญญาณจะทำงานกับชีวิตของเขา และดูแลปกปักรักษาเขาจากการปิดหูบังตาและขัดขวางของซาตาน ฟีลิปไม่ได้บอกขันทีว่าต้องเรียนรู้เรื่องพระเยซู หรือหลักสูตรผู้เชื่อใหม่ หรือต้องร้องเพลงสักสองเพลงก่อน หรือต้องมีพยานสี่ห้าคน ฯลฯ อย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้
8:39 และเมื่อท่านทั้งสองขึ้นจากน้ำแล้ว พระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรับฟีลิปไปเสีย ขันทีนั้นจึงไม่ได้เห็นท่านอีกเลย และท่านจึงไปตามทางของท่านด้วยความปีติยินดี
** ขันทีได้รับสันติสุขทันทีเมื่อเชื่อและบัพติศมา ซึ่งเป็นสันติสุขความชื่นชมยินดีที่พระเจ้าประทานให้ผู้เชื่อทุกคนเป็นของขวัญ (โรม 5:1)
8:40 แต่ฟีลิปถูกพบที่เมืองอาโซทัส และเมื่อเดินทางผ่านเข้าไป ท่านก็ประกาศในทุกนคร จนกระทั่งท่านได้มาถึงเมืองซีซารียา
** ตอนที่ฟีลิปมาหาขันทีท่านเดินทางมาเอง แต่ตอนจากไป พระวิญญาณเป็นคนรับไป คือการเดินทางข้ามเวลาโดยเดชของพระวิญญาณ ท่านได้เดินทางไปประกาศกับคนต่างชาติในหลายเมือง และสุดท้ายก็คือเมืองซีซารียา (เป็นเมืองที่อยู่ใกล้ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อยู่ทางเหนือของแคว้นสะมาเรีย และติดกับเมืองนาซาเร็ธ)
1. เรื่องบัพติศมาในน้ำ
- คือการกระทำต่อหน้าพระเจ้าทั้งสาม พระบิดายอมรับ พระวิญญาณลงมาอยู่เหนือเรา พระเยซูเป็นคนบัพติศมาเราเข้าในพระวิญญาณเดี๋ยวนั้น
- คือการยอมรับความจริงว่า เราตายถูกฝังและเป็นขึ้นกับพระเยซู ในพระเยซูเมื่อสองพันปีก่อน ชีวิตเก่าเราจบแล้วและเราเป็นคนใหม่บังเกิดใหม่ถูกย้ายเข้ามาอยู่ในพระคริสต์ ในอาณาจักรและเป็นประชากรแห่งอาณาจักรดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของพระกายฝ่ายวิญญาณของพระคริสต์ที่มีพระคริสต์เป็นศีรษะแล้ว
- บัพติศมา ไม่ใช่พิธีกรรม ไม่ต้องเรียน 5 ข้อ 8 ข้อ 10 ข้อ ทำพิธี หรือร้องเพลง ฯลฯ แค่รับเมื่อเชื่อและต้อนรับพระเยซูแล้ว
- การจุ่ม คือจุ่มให้มิด
- เป็นคำสั่งของพระเยซู
- ไม่ใช่เพื่อความรอด แต่เป็นเรื่องของการดำเนินชีวิตในโลกนี้ เพื่อรับการเลี้ยงดู ดูแล รักษา ช่วยเหลือ ก่อสร้างชีวิตให้เติบโตสำหรับเราเอง และสำหรับพระกาย เพื่อให้ได้เห็นและเข้าไปในอาณาจักรของพระเจ้า
2. ความรอดมาถึงชาวยิวก่อน จากนั้นก็เป็นพวกลูกครึ่งยิวและต่างชาติในสะมาเรีย และสุดท้ายก็คือคนต่างชาติที่ไม่มีเชื้อสายของยิว
3. พระเจ้ารักทุกคนไม่ว่าจะชายหญิงหรือชายหญิงที่สอง ขันทีคนนี้มาจากเชื้อสายของฮาม บุตรชายคนที่สองของโนอาห์ เป็นพวกที่อาศัยอยู่ที่เอธิโอเปีย (ทวีปแอฟริกา) เขาเป็นคนต่างชาติที่เชื่อพระเจ้าของชาวยิว
4. มีคำทำนายเกี่ยวกับพระเยซูอยู่มากมาย แต่ถ้าหากพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่เปิดเผย ผู้อ่านก็ไม่อาจเข้าใจและรับได้