ถาม.
คือในพระคัมภีร์ไม่ได้พูดชัดเจนไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรเยอะ เพียงแต่บอกว่าให้ระวังเชื้อของฟาริสี ทีนี้พี่น้องสงสัยว่าฟาริสีเขามีที่มาที่ไปยังไงคือหลังจากโมเสสได้รับพระบัญญัติแล้ว เกิดมาตอนไหน แล้วเขาทำงานยังไงอยู่ที่พระวิหารไหม หรือว่ายังไงทำงานที่ไหน แล้วก็ทำไมเขามีอิทธิพลกับคนยิวมาก ถึงขนาดว่าสั่งเรียกร้องให้คนยิว ประหารพระเยซูได้ ยุยงได้ เอเมนครับ
ตอบ.
สมัยก่อนเมื่อมีการปฏิวัตินะครับ เมื่อมีการยึดอำนาจจากชาติอื่นจากอาณาจักรที่เคยครอบครองอิสราเอล จากนั้นผู้นำเหล่านี้นะครับที่ยึดอำนาจ ที่ทำหน้าที่สำหรับการต่อสู้ เมื่อเขาได้ชัยชนะ แล้วก็ได้ดินแดนอิสราเอลคืนมา พวกผู้นำเหล่านี้นะครับ เป็นทั้งผู้นำศาสนาและเป็นผู้นำทั้งทางการเมืองด้วย
เนื่องจากว่าอิสราเอลเป็นอาณาจักรเป็นประเทศที่มีพระเจ้าเป็นใหญ่ เป็นที่หนึ่งนะครับ และมีพระบัญญัติของพระเจ้าที่จะต้องรักษา เพื่อที่พระเจ้าจะอวยพรเขา เพราะฉะนั้นศาสนาและการเมืองนะครับ จะเป็นเรื่องเดียวกัน และกลุ่มผู้นำเหล่านี้นะครับต่อมามีอำนาจ แล้วเขาก็สร้างสภาขึ้นมาเพื่อที่จะครอบครองราษฎร สภานี้เรียกว่าสภา แซนเฮดริน
แล้วคนกลุ่มเหล่านี้ถูกเรียกว่า ฟาริสี ฟาริสีเป็นกลุ่มที่เคร่งศาสนา แล้วยังมีธรรมาจารย์ด้วย และยังมีสะดูสีอีกกลุ่มหนึ่งเป็นกลุ่มเล็กๆ นะครับ เพราะฉะนั้น 3 พวกนี้นะครับ และฟาริสีจะเป็นกลุ่มที่ใหญ่กว่ามีคนเยอะกว่า แล้วพวกเหล่านี้นะครับ ถามว่าต่อมาเมื่อเขาได้ดินแดนอิสราเอล และครอบครองราษฎรนะครับ ปกครองบ้านเมืองแล้วเนี่ย
มีผู้นำมากมายที่เป็นฟาริสีเขามีปัญหาเรื่องอะไรบ้าง เราต้องไปดูคำตำหนิของพระเยซู ต่อพวกเขาในมัทธิวบทที่ 23 นะครับ ตอนแรกก็ดีอยู่นะครับแต่พอได้แผ่นดินแล้วก็ก่อตั้งเป็นผู้นำเป็นผู้ที่มีอำนาจ ทั้งทางการเมืองและทางการศาสนา สุดท้ายเขาก็เป็นคนที่หน้าซื่อใจคด เป็นคนโลภ เป็นคนที่บีบบังคับประชาชน เป็นคนที่มีคุณสมบัติทุกสิ่งที่อยู่ในมัทธิวบทที่ 23 เราต้องไปอ่านดูนะครับ เต็มเลย เยอะมาก
เพราะฉะนั้นพระเยซูจึงเตือนเรา และหลายคนนะครับสาวกของพระเยซูก็เตือนให้ระวัง เชื้อของฟาริสีเราต้องไปอ่านดูตรงนี้ ว่ามันมีอะไรบ้าง มีเต็มเยอะเลยนะครับ
แต่ประเด็นใหญ่ๆ นะครับก็คือ หน้าซื่อใจคด เราเห็นคำว่าหน้าซื่อใจคดเกือบทุกข้อใช่ไหม เมื่อพระเยซูตรัสนะครับ วิบัติแก่พวกเจ้า พวกธรรมาจารย์และฟาริสี พวกหน้าซื่อใจคด พวกหน้าซื่อใจคด น่าจะมีเกือบทุกข้อเลยนะครับ
เพราะฉะนั้นระวังเชื้อฟาริสี อันแรกก็คือหน้าซื่อใจคด อย่าลืมนะครับคริสเตียนเราแทบจะทุกคนนะครับที่หน้าซื่อใจคด ผมพูดถูกไหม อย่าบอกนะว่าไปโบสถ์ตอนแรกตอนที่ยังไม่ได้พบมานาฯ อย่าบอกนะครับว่าไม่ได้ใส่หน้ากาก อยู่ที่บ้านเราเป็นคนไม่รู้เป็นอะไรก็ไม่รู้นะครับ แต่ไปที่โบสถ์เนี่ยเราเป็นพระเอก นางเอก เราเป็นคนดี เป็นคนชอบธรรม คนบริสุทธิ์ เป็นคนที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ใช่ไหม
แต่พอออกจากคริสตจักรปุ๊บ เราก็กลับไปเป็นตัวเดิม ตัวจริงของเรานะครับอยู่นอกคริสตจักร แต่ตัวปลอมคือสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกคนสองชั่วโมงในคริสตจักร ก็คือเชื้อฟาริสีนั่นเอง ก็คือคนหน้าซื่อใจคด
ขณะที่ชาวโลกนะครับ คนที่ไม่เชื่อ เขาหน้าซื่อใจซื่อ เขาอยากพูดอะไรก็พูด อยากด่าใครก็ด่า เขาอยากเป็นแบบไหนเขาก็เป็น อยากโวยวายก็โวยวาย แต่คริสเตียนเรานะครับเมื่อไปโบสถ์ไปคริสตจักรเราแสดงละคร เราทำตัวเป็นคนดีคนชอบธรรมบริสุทธิ์
นี่นะครับคือปัญหาของคริสเตียนทุกวันนี้ และเชื้อฟาริสีเข้าเต็มๆ เลยในคริสตจักร ใช่ไหมครับ
...
ถาม.
แล้วเราเป็นคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ เราวางตัวยังไงครับ หรือว่าเราเปิดเผยว่าเราเป็นยังไง ก็เป็นแบบนั้นเลยเหรอครับ หรือให้เรามีแนวคิดแบบไหนครับอาจารย์
ตอบ.
สำหรับเราเมื่อพบปะ เมื่อมามีส่วนร่วมในคริสตจักรของพระเจ้า และเมื่ออยู่ท่ามกลางสังคมคริสเตียน หรือคนที่ไม่เชื่อก็ตาม เราเป็นแบบไหนเราก็เป็นแบบนั้น คือในพระคัมภีร์ใหม่และสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัยมากที่สุดสำหรับชีวิตของพวกเรา ก็คือ เริ่มแรกนะครับเราเป็นตัวของเราเอง เป็นตัวของตัวเอง คือไม่หน้าซื่อใจคด ไม่แสดงละคร เราเป็นแบบไหนเราก็เป็นแบบนั้น
แต่.. ไม่จำเป็นครับที่จะไปบอกคนว่า ผมเป็นแบบนี้น่ะ บ้านผมเป็นแบบนี้ มีอะไร ความลับมีแบบนี้แบบนั้น เราไม่พูดครับ เพียงแต่ว่าเราทำตัวเหมือนที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้ เราเป็นอะไรเราก็เป็น
ถ้าหากสมมุติว่า เรามีปัญหาเรื่องเกี่ยวกับตัณหา ตัณหาของฝ่ายร่างกายตัณหาของร่างกาย the Lust of the Flesh เราก็จะขอพี่น้อง และขอพระเจ้า อธิษฐานเผื่อในคริสตจักรก็ได้นะครับ หรือถ้าจะขอกับพระเจ้าโดยตรงสองต่อสองนะครับ เพื่อไม่อยากให้พี่น้องคิดมาก เราก็ขอกับพระเจ้าก็ได้
แต่เราจะไม่ประกาศกับคริสตจักรบอกว่า ผมเป็นแบบนี้เป็นแบบนั้น ครอบครัวของผมภรรยาผมเป็นแบบนี้ ลูกผมเป็นแบบนี้ คืออันนี้เราเก็บเป็นเรื่องของส่วนตัว แต่เพียงแต่ว่าเมื่อเราไปคริสตจักรนะครับ เราเป็นแบบไหนพูดในลักษณะไหน เป็นคนแบบไหน เราก็เป็นแบบนั้น คือเราจะไม่แสดงละครเท่านั้นเองครับ
ทุกวันนี้ถามว่าคริสตจักรส่วนมาก อยู่ในความจริงไหม ไม่เลย คริสตจักรส่วนมากทุกวันนี้อยู่ในความโกหก ผมพูดถูกไหม คือเป็นการเอาตัวละครที่แสดงสร้างขึ้นมาสองชั่วโมงเข้ามาเจอ พบเจอกัน ไม่มีความจริงอยู่ในนั้น แล้วไม่มีความจริงอยู่ในนั้น พระเจ้าแห่งความจริงจะทำงานได้ยังไง ใช่มั้ย
นี่คือปัญหาที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงานไม่ค่อยได้มากเท่าที่สมควร ควรที่จะได้ เพราะฉะนั้นถ้าหากเราอยู่ในความจริง พระเจ้าก็จะโปรดปราน พระเจ้าก็จะพอพระทัย และพระเจ้าก็จะทำงานได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
สำหรับเรื่องนี้นะครับไม่ต้องพูดถึงใครหรอก ผมเองก็เคยเป็น สมัยที่จบมหาลัย แล้วก็จากนั้นก็เป็นศิษย์ยาภิบาล แล้วก็อยู่ในคริสตจักรที่อเมริกานะครับ ปรากฏว่าผมเป็นคนที่ คือสมัยก่อนเนาะก็เป็นคนที่ไม่ยอมใคร แล้วก็ไม่ยอมภรรยาด้วย ส่วนผิดก็มีเยอะมากนะครับ ก็ขัดแย้งถกเถียงทะเลาะกันทุกวัน
พอมาถึงวันอาทิตย์ไปคริสตจักร ขับรถนะครับก็ทะเลาะกัน แต่พอมาถึงที่ลานจอดรถที่คริสตจักร ก็เริ่มพูดนะครับว่าโอเค เดี๋ยวๆๆๆ หยุดก่อน เอาไว้ทะเลาะกันตอนที่ออกมาจากโบสถ์ ตอนนี้อย่าให้พี่น้องเห็น ก็เริ่มยิ้มแย้มแจ่มใสนะครับ ก็เข้าไปในคริสตจักร ก็ทำตัวเป็นคนบริสุทธิ์ เป็นผู้บริสุทธิ์ นี่นะครับคือหน้าซื่อใจคดนะครับ ผมทำมานานหลายปีครับ