เราขอบคุณพระเจ้าที่ในที่สุดเราก็มาถึงความเข้าใจทะลุปรุโปร่ง เรื่องความรักอากาเป ซึ่งพระเจ้าสั่งให้เราเป็นคนทำในขณะที่มีชีวิตอยู่ในตอนนี้ เพื่อรอการกลับมาของพระเยซู
และเราก็พบว่า "รักอากาเป" เราทำไม่ได้ ไม่มีใครทำได้
นอกเสียจากว่ามีพ่อแม่บางคน มีบางคนที่มีอาการรักอากาเปในบางครั้งกับลูกกับพ่อกับแม่ กับสามีภรรยา กับเพื่อนบางครั้งเล็กๆ น้อยๆ ที่มันเกิดขึ้นบางครั้งเท่านั้น แต่โดยปกติโดยชีวิตประจำวันเราจะใช้รักอากาเปนี้กับทุกคนไม่ได้และเป็นไปไม่ได้
เนื่องจากว่าความรักอากาเป คือรักที่ไม่มีขีดจำกัด ไม่มีกำหนด ไม่มีข้อแม้ ไม่มีเงื่อนไข ไม่มีอะไร รักก็คือรัก ไม่ได้มองคนที่เราจะรักว่าเขาเป็นอะไร เขาให้อะไรกับเราได้ เขาจะทำอะไรกับเราดีหรือไม่ ไม่มีนะครับไม่ได้มองก็คือหลับหูหลับตาแล้วก็รักเขาไป ซึ่งเป็นความรักที่สำหรับมนุษย์ที่ตกต่ำเสื่อมทรามเสื่อมโทรมแล้ว คือมันเป็นไปไม่ได้
เพราะฉะนั้นขอบคุณพระเจ้าเรามาถึงการเปิดตาในหนังสือยอห์น ที่เราพบว่าในหนังสือมัทธิวพระเยซูประทานพระบัญญัติและเป็นพระบัญญัติใหม่ ซึ่งยากกว่าพระบัญญัติเดิมหลายเท่า พระบัญญัติเดิมเป็นมาตรฐานของมนุษย์ แต่สำหรับพระบัญญัติใหม่ที่พระเยซูประทานให้พวกเราที่เป็นคริสเตียน ก็คือถึงระดับมาตรฐานของพระเจ้า
ซึ่งพระเจ้าเท่านั้นที่เป็นคนกระทำ ที่เป็นคนรักษา ที่เป็นคนใช้ชีวิตในพระบัญญัติใหม่นี้ได้ นี่คือที่มาของหนังสือมัทธิว พระเยซูประทานพระบัญญัติให้แก่เรา
แต่ขอบคุณพระเยซูที่มีหนังสือยอห์นที่เปิดเผยเรื่องที่เราควรจะรู้เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตคริสเตียนในแต่ละวัน ก็คือพระองค์เสด็จมา และในหนังสือยอห์นเปิดเผยว่าพระองค์จะประทานผู้หนึ่งมาเพื่อรักษาพระบัญญัติแทนเราในเรา สรรเสริญพระเยซู
พอดีเราพบมัทธิวบทที่ 6 ข้อที่ 33 ไม่ต้องห่วงเรื่องการดำเนินชีวิตการทำมาค้าขาย การทำอะไรก็แล้วแต่ ให้เป็นรอง แต่งานหลักของคริสเตียนของเราก็คือ แสวงหาอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์
การแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้า ก็คือเรียนรู้แผนการงานของพระเจ้า เรียนรู้ว่ายุคนี้คืออะไร ยุคต่อไปคืออะไร ยุคที่จะมาคืออะไร โลกหน้าคืออะไร เรียนรู้ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ สุดท้ายเราพบว่าอาณาจักรของพระเจ้า คือทุกที่ทุกแห่งทุกหนทุกคนที่พระเจ้าเป็นเจ้าของเป็นผู้ครอบครอง และในนั้นนะครับมีอาณาจักรที่สำคัญ ก็คืออาณาจักรสวรรค์
คืออาณาจักรยุคพันปีที่พระเยซูจะเป็นผู้ครอบครอง และพระบิดาจะเป็นผู้ดูแล และผู้ชนะเท่านั้นที่จะมีโอกาสได้เข้าไปในอาณาจักรนี้ ซึ่งพระคริสต์เน้นในมัทธิวบทที่ 6 ข้อที่ 33 แล้วพระองค์ยังตรัสอีกนะครับว่า ถ้าหากไม่มีความชอบธรรมที่เหนือกว่าฟาริสีและธรรมอาจารย์ จะเข้าไปในอาณาจักรนี้ไม่ได้เป็นอันขาด
ขอบคุณพระเยซูวันนี้เราพบแล้ว ความชอบธรรมที่เหนือกว่าฟาริสีและธรรมอาจารย์ ก็คือความชอบธรรมที่เราต้องยืมพระเยซูให้เข้ามาอยู่ในเรา และเป็นความชอบธรรม เป็นผู้กระทำ เป็นผู้รัก เป็นผู้อภัย เป็นผู้ทำดีมีเมตตาทำทุกสิ่ง เพื่อเราแทนเราในเรา เราจึงพบความชอบธรรมของพระเจ้าอย่างแท้จริง
และเราเห็นนะครับว่าพระเยซูสอนเราว่า เธอไม่ได้รักฉันนะ... รักไม่ได้หรอก... อากาเปไม่ได้... เราจะเห็นนะครับผมเคยพูดบ่อยๆ ว่าถ้าพระเยซูพูดถึง 3 ครั้ง ก็คือพระองค์เอาจริง เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ เพราะฉะนั้นพระเยซูถามเปโตร 3 ครั้ง เจ้ารักเราหรือ เจ้ารักเรากว่าสาวกเหล่านี้หรือ เจ้ารักเราหรือ
ครั้งแรกก็เจ้าอากาเปเราหรือ ครั้งที่สองก็เจ้าอากาเปเราหรือ แต่สุดท้ายเมื่อเปโตยอมเปโตรยอมจำนน เมื่อเปโตรยอมรับว่าเขาอ่อนแอจริงๆ เนื่องจากว่าคำถามที่พระเยซูถามทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์ที่เขาเพิ่งปฏิเสธพระเยซูมาในไม่นานมานี้
เราเห็นกันนะครับเปโตรสาบานว่าจะอยู่กับพระเยซู จะยอมตายเพื่อพระเยซู จะปกป้องพระเยซู แต่ในที่สุดพอถึงเวลาเขามากับพระเยซู ก็คือเปโตรปฏิเสธ 3 ครั้งว่าเราไม่รู้จักคนคนนี้ ซึ่งสำหรับพระเจ้าก็คือเป็นความผิดที่ยิ่งใหญ่มาก แต่ไม่เป็นไรพระเจ้าบอกว่าไม่เป็นไร พระเจ้าเข้าใจความอ่อนแอความเสื่อมโทรมเสื่อมทรามของมนุษย์ เพราะฉะนั้นพระเยซูไม่ถือสา
แต่สิ่งที่พระเยซูถามเพื่อย้ำ ตอกย้ำให้เขาสำนึกว่า "เธอน่ะเป็นคนอ่อนแอทำอะไรไม่ได้หรอกต้องพึ่งฉัน" และเปโตรก็ถ่อมใจยอมรับ ใช่ข้าพระองค์ ฟิเลโอ พระองค์ รักแบบพี่แบบน้อง รักมากกว่านี้ไม่ได้ ครั้งที่สองเปโตรก็พูดเหมือนเดิมรักแบบพี่แบบน้อง ข้าพระองค์ ฟิเลโอ พระองค์เท่านั้น
และคำถามสุดท้าย พระเยซูจึงถามว่าจริงหรือ เจ้า ฟิเลโอ เราจริงนะ เปโตรก็บอกว่าใช่แน่นอนพระองค์รู้ดี ข้าพระองค์ทำได้แค่นี้
แต่ทุกๆ ครั้งที่พระเยซูถามเจ้ารักเราหรือ พระองค์ตรัสคำหนึ่งย้ำคำนี้ 3 ครั้ง จงเลี้ยงดูแกะของเรา
เราจะเข้าใจนะครับว่าเมื่อพระเจ้าเลือกใคร..
คนๆ นั้น คือคนที่อ่อนแอ
คนๆ นั้น คือคนที่เคยทำผิดมากมาย
คนๆ นั้น ไม่ใช่คนที่เพอร์เฟคดีครบถ้วน
แต่คนๆ นั้นคือคนที่ต้องถ่อมใจ ยอมรับในความอ่อนแอของตน ไม่หยิ่งผยองพองตัว ไม่อวดดี อวดฉลาด อวดเก่ง คนที่มีคุณสมบัติในลักษณะนี้ ถึงแม้ว่าเขายังจะทำบาปอยู่ พระเจ้าก็จะเลือกเขาและใช้เขา จงเลี้ยงแกะของเราเถิด แกะของเรา (ของพระเยซู) ไม่ใช่แกะของเปโตร
เพราะฉะนั้นเราขอบพระคุณพระเจ้าเมื่อพระเจ้าใช้เรา เมื่อพระเจ้าเรียกเรา เราทุกคนเป็นปุโรหิตหลวงของพระเจ้า แล้วถ้าหากเรามีโอกาส คือเราแย่งกันทำ เราทำทุกโอกาสที่เราได้โอกาส ได้เวลาที่เราจะทำ เราอย่านิ่งเฉย แย่งกันชิงบำเหน็จที่มาจากพระเจ้า
ผมจึงหนุนใจพวกเรานะครับให้ใช้โอกาส ใช้เวลา ทุกครั้งที่มีโอกาส เพื่อช่วยกันฉันพี่น้อง รักกันฉันพี่น้อง เพื่อรับใช้พระเจ้า ปรนนิบัติพระเจ้า นมัสการพระเจ้า เผยพระวจนะร่วมกัน เพื่อเสริมสร้าง ทุกสิ่งที่เราพูดคือพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นคนคอนเฟิร์มเป็นคนที่ให้ฤทธิ์เดชที่มาจากพระคำแห่งความจริง ออกมาจากปากของเรา จากลิ้นของเราที่พูด เพื่อพี่น้องที่ฟังอยู่จะได้รับการเสริมสร้างก่อขึ้น บำเหน็จของเราก็จะมีมากมาย
และสุดท้ายเราพบว่าหนังสือมัทธิวพระเยซูประทานพระบัญญัติ แต่หนังสือในยอห์นพระเยซูประทานผู้หนึ่งมาเพื่อที่จะรักษา ก็คือพระองค์เองนั่นแหละ ที่จะเป็นผู้ชนะอยู่ในเรา
เปาโลบอกว่าคนวิ่งแข่งมีหลายคน แต่ผู้ชนะมีคนเดียว ขอบคุณพระเจ้าเมื่อก่อนผมไม่เข้าใจ (คริสเตียนเนี้ยแสดงว่าทุกคนก็วิ่งแข่งแต่ผู้ชนะได้รางวัลคนเดียวเหรอ ผมก็แปลกใจว่าหลายคนที่เขาก็ทำดี ก็เชื่อฟังก็ดีอยู่ แต่ทำไมไม่ได้รางวัล) สุดท้ายก็ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์เปิดตา ผู้ชนะมีคนเดียว ก็คือคนเดียวอยู่ในผม อยู่ในคุณ อยู่ในพี่น้องหลายคน คนๆ เดียวคนนั้นก็คือพระเยซูที่เป็นผู้ชนะอยู่ในเราทุกๆ คน เอเมน
เราทุกคนยืมชีวิตผู้ชนะของพระเยซูมา เพื่อให้เป็นผู้ชนะในเราแต่ละคน เพราะฉะนั้นเราทุกคนเข้าเส้นชัยพร้อมกันได้ เพราะเรามีผู้ชนะคนเดียว ก็คือพระเยซูคริสต์
ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์เป็นผู้ชนะในเรา ทำยังไงถึงจะให้พระองค์มาเป็นผู้ชนะในเราได้?
เชื่อว่าพระองค์อยู่ในเราตลอดเวลา โคโลสีบทที่ 1 ข้อที่ 27 พระเยซูคริสต์อยู่ในเราเป็นความหวังแห่งสง่าราศี ขอบคุณพระเจ้าความหวังแห่งสง่าราศี
ทุกวันนี้เราไม่มีสง่าราศีเราไม่มีราศี เราหม่นหมองมีมลทินเป็นคนบาปตกต่ำเป็นเนื้อหนัง แต่เมื่อพระคริสต์เข้ามาอยู่ในเรา พระองค์ดลบันดาลให้วิญญาณของเราได้บังเกิดใหม่ ชอบธรรมบริสุทธิ์ที่สุดสำหรับพระเจ้าเมื่อมองเราทุกครั้ง และตอนนี้พระองค์กำลังก่อเราขึ้น ทำให้ชีวิตของเรา จิตของเราเริ่มเปลี่ยนไป หลายคนเข้าสู่ประสบการณ์นี้แล้วก็ขอบคุณพระเยซู
เมื่อจิตของเราเปลี่ยนไป การกระทำก็เปลี่ยนตาม ความคิดเปลี่ยนไป การกระทำก็ตามมา ซึ่งเป็นการกระทำของคนใหม่ ทุกสิ่งใหม่หมด ขอบคุณพระเจ้า
...
ฉะนั้นอย่าน้อยใจหรืออย่ากลัวว่าฉันยังไม่ดีพร้อม ยังไม่ครบบริบูรณ์ไม่กล้ารับใช้พระเจ้า ทำเถอะครับ หน้าที่ใดๆ ที่พระเจ้ามอบให้เรา เรารับ เราทำ
ยกเว้นนะครับถ้าหากผู้ที่จะปรารถนาที่จะรับใช้พระเจ้าในตำแหน่งผู้ดูแล ผู้ปกครอง หรือศิษยาภิบาล ชีวิตก็ควรจะดีพร้อมมากกว่าผู้อื่น ไม่ได้หมายความว่าเพอร์เฟค 100% ไม่ได้ทำบาปไม่ได้แตะต้องความผิดความบาปเลย อันนั้นไม่ใช่นะครับ
คือผู้รับใช้ทุกคนที่เป็นผู้ดูแลก็ตามหรือผู้ปกครองหรือศิษยาภิบาล ก็ยังมีโอกาสพลาดพลั้งได้เป็นบางครั้งบางคราว นานๆ ทำบาปที่หนึ่ง อันนี้เป็นเรื่องที่พระเจ้าเข้าใจและพระเจ้ายกโทษให้ และเราผู้ชนะก็มองที่ฝ่ายวิญญาณ ไม่มองไปที่เนื้อหนังของใคร
สรุป
คำว่า จงเลี้ยงแกะของเราเถิด พระเยซูย้ำถึง 3 ครั้ง ทั้งๆ ที่เปโตรอย่างไม่พร้อม ท่านเป็นเนื้อหนังที่อ่อนแอ และยังไม่ได้ถูกเปิดตา แต่พระเยซูทำนายและสั่งว่าท่านจะเป็นผู้เลี้ยงแกะของพระองค์ในเวลาต่อมา แต่เมื่อเปาโลมา เปโตรจึงได้เรียนรู้จากเปาโลเพื่อเข้าสู่การเป็นผู้เลี้ยงที่ดีได้
เรานะครับอาจจะไม่พร้อม เราอ่อนแอ เรายังทำบาป แต่พระเจ้าเป็นผู้จัดการกับชีวิตและตัวเก่าของเรา ด้วยการเปิดตาเราก่อน จากนั้นก็ก่อเราขึ้นสู่ชีวิตและนิสัยของพระองค์ เราจึงเกิดผลมากมายเหมือนเปาโลและเปโตรในตอนนั้น ขอบคุณพระเยซู
...
ผมนะครับเมื่อสมัยเป็นคริสเตียนใหม่ๆ ตอนนั้นผมร้อนรนกระตือรือร้นมาก เมื่อมีใครบางคนที่เป็นผู้รับใช้ชวนผม คือผมอยู่ในคริสตจักรตอนนั้นก็น่าจะอายุ 19 หรือ 20 ผมเป็นคนที่ร้อนรนมาก เป็นคนที่ใครๆ ก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เนื่องจากว่าผมเป็นคนที่มีคำถามร้อยพันคำถามที่จะถามแต่ละคน ทุกๆ คนที่ผมคุยด้วยคือผมจะไม่สนใจเรื่องอะไรทั้งนั้น พอเจอผู้นำเจอศิษยาภิบาลเจอผู้รับใช้ผมจะชวนเขาแล้วก็ถามคำถามที่ผมข้องใจ
จนสุดท้ายหลายคนก็แนะนำผมไปเรียนมหาวิทยาลัยศาสนศาสตร์เถอะ ถ้าไม่ไปเราจะเดือดร้อน ก็คือจะต้องถามทุกคนอยู่บ่อยๆ เป็นประจำ สุดท้ายผมก็ไปเรียนที่มหาลัยที่ซานฟรานซิสโก ซึ่งเป็นสังกัดอยู่สังกัดของแบ๊บติส เป็นโรงเรียนที่ใหญ่มากระดับโลก ซึ่งมีศิษยาภิบาลหลายท่านที่มีชื่อเสียงจบจากที่นั่น
ผมตื่นเต้นดีใจมาก ผมคิดว่าน่าจะได้คำตอบจากการไปเข้าโรงเรียนครั้งนี้ และในเวลาที่ศึกษาเรียนรู้ ผมพบว่า ทำไมมีคำว่า ข้อลึกลับ ข้อลึกลับแห่งอาณาจักรสวรรค์ ข้อลึกลับของพระเจ้า ข้อลึกลับของพระคริสต์ ข้อลึกลับที่ลึกลับมากมาย ผมก็แปลกใจ แล้วก็มีตาบอด มียาทาตา เอ๊ะทำไมคริสเตียนต้องมียาทาตา แล้วคริสเตียนตาบอดคืออะไร
ตอนแรกผมก็คิดนะครับว่าอาจจะเป็นเพราะเรามาเชื่อพระเจ้า แล้วความรู้ความเข้าใจของเราก็ยังไม่มากเท่าไหร่ เราอาจจะใช้ชีวิตแบบเดิมๆ แบบชาวโลกทั่วไป จึงต้องการยาทาตา หายอาการตาบอด เพื่อที่จะนมัสการพระเจ้าให้ดีขึ้น เพื่อที่จะไปโบสถ์เป็นประจำ เพื่อที่จะทำทุกสิ่งให้มันดีขึ้น ก็คิดได้แค่นั้น
แต่พอหลังๆ มา ขอบคุณพระเจ้าผมได้มาพบว่า ข้อลึกลับของพระเจ้า ก็คือพระคริสต์อยู่ในเรา
ต่อมาก็ได้พบว่าข้อลึกลับแห่งอาณาจักร ก็คือเราแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้า และให้พระคริสต์ทำแทน เพื่อได้ความชอบธรรมของพระองค์ เพื่อที่จะเข้าไปในอาณาจักรนั้น
ต่อมาก็ได้พบว่ามีข้อลึกลับของพระคริสต์ มีข้อลึกลับของพระคริสต์ด้วยหรอ ก็ได้มาพบว่าข้อลึกลับของพระคริสต์คือคริสตจักร สุดท้ายเป็นข้อลึกลับที่ยิ่งใหญ่มาก ที่หลายคนยังไม่รู้ ยังไม่เข้าใจ พระคริสต์ต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งเดียวมากกว่าทุกสิ่งในโลกในจักรวาลในผู้เชื่อทั้งหลาย ก็คือพระองค์ต้องการให้มีคริสตจักร และให้มีคริสตจักรเที่ยงแท้ ไม่ใช่มีคริสตจักรแบบศาสนาคริสต์ คือมีโบสถ์สวยๆ มีผู้นำที่แต่งตัวดูดี มีพี่น้องคริสเตียนที่ประดับประดาตกแต่งด้วยทองหรือด้วยอะไรที่สวยงาม
แต่พระเจ้าพระคริสต์พระเยซูต้องการอวัยวะที่รักพระองค์ ที่สนิทในพระองค์ ที่ต่อติดเชื่อมต่อกับเถาองุ่น ก็คือพระองค์เอง ให้เราสนิทบอกรักอยู่ในความผูกพันสร้างความผูกพันที่ดีกับพระองค์ พระองค์ไม่ได้ต้องการความสวยงามภายนอก แต่พระองค์ต้องการหัวใจของเรา และให้เรามารวมกันร่วมกันเป็นพระกาย เป็นคริสตจักรของพระองค์
นี้คือสิ่งที่หลายคนยังไม่รู้ และแม้แต่ผู้เชื่อที่เข้าสู่การเปิดเผย การเปิดตา เข้าสู่มานาที่ซ่อนไว้ ก็ยังไม่เห็น
ขอบคุณพระเจ้านะครับซึ่งผมเชื่อนะครับว่าในไม่ช้าเราจะได้รับการเปิดเผย ให้เข้าสู่ข้อลึกลับของพระคริสต์นี้ เพื่อเราจะมีพระกายเที่ยงแท้ และพระกายนี้จะเป็นพระกายที่พระองค์รักมาก และทำการอัศจรรย์และเสริมสร้าง และทำงานได้มากกว่าในคริสตจักรศาสนาทั่วไป
...
เราขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์ให้เรามาถึงการรักษาตาให้หายบอด
เราขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ให้เรามาถึงความรู้ความเข้าใจในข้อลึกลับของพระเจ้า คือพระคริสต์อยู่ในเรา
ข้อลึกลับแห่งอาณาจักร ก็คือเรื่องราวทั้งหลายของอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์
และข้อลึกลับของพระคริสต์ ก็คือคริสตจักร ที่พระเยซูต้องการให้มีในโลกนี้ ซึ่งเป็นคริสตจักรเป็นกายฝ่ายวิญญาณ เป็นอวัยวะฝ่ายวิญญาณ เป็นมนุษย์วิญญาณคนใหม่ ที่มาร่วมกันรวมกันเพื่อปรนนิบัติพระเจ้า เพื่อรับใช้พระเจ้า เพื่อนมัสการพระเจ้า
ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ทำให้เราหายตาบอดและขอบคุณพระเจ้าสำหรับหนังสือยอห์นที่เปิดเผยว่าพระเจ้าเข้ามาอยู่ในเรา เพื่อรักษาพระบัญญัติใหม่แทนเรา ซึ่งเราเองทำไม่ได้แน่นอน
ขอบคุณพระเจ้าที่ให้ชีวิตที่เบาสบาย ขอบคุณพระเจ้าที่แอกเบา ภาระเบา กางเขนเบา
ขอบคุณพระเจ้าที่มาถึงสันติสุขอย่างเต็มล้น ซึ่งเราเริ่มเข้าใจว่า "แม่น้ำแห่งชีวิตที่เจ้าได้ดื่มกินเจ้าจะไม่กระหายอีกเลย" เราได้มาถึงแล้วแม่น้ำนี้ และแม่น้ำนี้ก็คือพระคริสต์ที่อยู่ในเรา
ขอบคุณพระเยซู พระเยซูพวกเรารักพระองค์ รักพระองค์มาก
เป็นพระคุณอันล้นเหลือที่พระองค์ให้พระคุณแก่ผู้เชื่อทุกคน และให้พระคุณประทานพระคุณซ้อนพระคุณ แก่พวกเราที่เปิดใจ ที่ถ่อมใจ น้อมรับถ้อยคำที่เป็นข้อลึกลับของพระองค์ พวกเราสรรเสริญพระเยซู เอเมน