3:1 พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่อาจจะพูดกับท่านเหมือนพูดกับผู้ที่อยู่ฝ่ายจิตวิญญาณแล้วได้ แต่ต้องพูดกับท่านเหมือนคนที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนัง เหมือนกับท่านเป็นทารกในพระคริสต์
** ผู้เชื่อในเมืองนี้มีคำสอนที่เป็นความจริงและอาหารผู้ใหญ่แต่พวกเขายังไม่ได้รับการเปิดตา จึงยังเป็นเด็กหรือทารกฝ่ายวิญญาณ
3:2 ข้าพเจ้าเลี้ยงท่านด้วยน้ำนมมิใช่ด้วยอาหารแข็ง เพราะว่าเมื่อก่อนนั้นท่านยังไม่สามารถรับและถึงแม้เดี๋ยวนี้ท่านก็ยังไม่สามารถ
** เวลาผ่านไปนานมากแล้วแต่ผู้เชื่อเมืองนี้ยังรับมานาที่เป็นอาหารผู้ใหญ่ยังไม่ได้
3:3 ด้วยว่าท่านยังอยู่ฝ่ายเนื้อหนัง เพราะว่าเมื่อท่านยังอิจฉากัน โต้เถียงกัน และแตกแยกกัน ท่านไม่ได้อยู่ฝ่ายเนื้อหนังหรือ และไม่ได้ดำเนินตามมนุษย์สามัญดอกหรือ
** การอิจฉากัน โต้เถียงกัน และแตกแยกกัน สามสิ่งใหญ่ๆ นี้คือสิ่งที่บ่งบอกว่าผู้เชื่อรับการเปิดตาสู่อาหารผู้ใหญ่จริงหรือไม่ ซึ่งผู้ชื่อมากมายอาจจะรับพระคำล้ำลึกเนื่องจากว่าเขาชอบ แต่ไม่ได้หมายความว่าพระวิญญาณเปิดตาเขาให้ รู้ รู้ และเข้าใจ เข้าใจ (รู้จริงๆ เข้าใจจริงๆ ถูกเปิดตาจริงๆ) บางคนได้รับอาหารผู้ใหญ่แต่การฝึกยังไม่ไปถึงระดับหนุ่มจึงเลิกอิจฉา โต้เถียง และแตกแยกไม่ได้
3:4 เพราะเมื่อคนหนึ่งกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเป็นศิษย์ของเปาโล” และอีกคนหนึ่งกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเป็นศิษย์ของอปอลโล” ท่านทั้งหลายมิได้อยู่ฝ่ายเนื้อหนังหรือ
** ผู้เชื่อที่ยังยกมนุษย์เป็นหัวหน้าหรือผู้นำที่สำคัญและมองอีกคนไม่สำคัญ ก็คือยังอยู่ในฝ่ายเนื้อหนัง
3:5 เปาโลคือผู้ใด อปอลโลคือผู้ใด เขาเป็นผู้รับใช้มาแจ้งให้ท่านทั้งหลายเชื่อ ตามซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงโปรดประทานแก่ทุกคน
** ผู้รับใช้ทุกคนล้วนแต่พระเจ้าใช้เขามาเพื่อการงานของพระองค์ อย่ายกย่องใคร อย่าเอ่ยถึงชื่อเขามากและบ่อยจนเกินไป แต่จงยกย่องสรรเสริญพระเจ้าผู้กระทำกิจผ่านพวกเขา
3:6 ข้าพเจ้าได้ปลูก อปอลโลได้รดน้ำ แต่พระเจ้าทรงทำให้เติบโต
** พระเจ้าให้บางคนประกาศแต่พระวิญญาณเป็นคนทำงาน บางคนรดน้ำแต่พระวิญญาณทรงกระทำกิจผ่านเขา แต่ผู้ที่ทำให้เติบโตจริงๆ คือพระเจ้าผู้เดียว
3:7 เพราะฉะนั้น คนที่ปลูกและคนที่รดน้ำไม่สำคัญอะไร แต่พระเจ้าผู้ทรงโปรดให้เติบโตนั้นต่างหากที่สำคัญ
** คำว่า "เติบโต" ในที่นี้ก็คือการถูกก่อขึ้นสู่ชีวิตและนิสัยของพระคริสต์ที่เรียกว่าการรับการชำระด้วยพระวิญญาณนั่นเอง
3:8 ดังนั้นคนที่ปลูกและคนที่รดน้ำก็เป็นพวกเดียวกัน แต่ทุกคนก็จะได้ค่าจ้างของตนตามการที่ตนได้กระทำไว้
** เมื่อพระเจ้าเรียกผู้เชื่อมาร่วมงานกับพระองค์ พระเจ้าทรงเที่ยงธรรมและมีค่าตอบแทนแก่ทุกคนทั้งในชีวิตนี้และยุคต่อไป เราทำมากก็ได้ตำแหน่งที่สูงกว่าและถ้าหากทำน้อยก็ได้น้อยกว่า ส่วนรายละเอียดของบำเหน็จรางวัลจะอยู่ที่อธิบายข้อที่ 15
3:9 เพราะว่าเราทั้งหลายเป็นผู้ร่วมทำการด้วยกันกับพระเจ้า ท่านทั้งหลายเป็นไร่นาของพระเจ้า และเป็นตึกของพระเจ้า
** "ไร่นา" และ "ตึก" ในที่นี้ก็คือ คนงาน ของพระเจ้านั่นเอง
3:10 โดยพระคุณของพระเจ้าซึ่งได้ทรงโปรดประทานแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้วางรากลงแล้วเหมือนนายช่างผู้ชำนาญ และอีกคนหนึ่งก็มาก่อขึ้น ขอทุกคนจงระวังให้ดีว่าเขาจะก่อขึ้นมาอย่างไร
** พระเจ้าใช้เปาโลเพื่อมาเตือนผู้เชื่อทั้งในสมัยนั้นและทุกยุคสมัยเรื่องการวางราก นายช่างผู้ชำนาญคือผู้รับใช้ที่สอนให้ผู้เชื่อได้รู้และเข้าใจว่า เราวางรากที่ถูกต้องคือพระคริสต์เป็นรากเป็นฐานของชีวิตซึ่งก็คือการมีพระคริสต์เป็นศูนย์กลางของชีวิตการรับใช้และนมัสการ คือสนิทในพระองค์ ทำทุกสิ่งในพระองค์ร่วมกับพระองค์และเพื่อพระองค์เท่านั้น
3:11 เพราะว่าผู้ใดจะวางรากอื่นอีกไม่ได้แล้ว นอกจากที่วางไว้แล้วคือพระเยซูคริสต์
** ทุกวันนี้ผู้เชื่อมากมายหลายคณะนิกายวางรากไม่ถูกและไม่เป็น คือวางความรู้เป็นราก วางฤทธิ์เดชไฟพระวิญญาณภาษาแปลกๆ เป็นราก การถือวันเดือนปีเป็นราก การถือพิธีบัพติศมาเป็นราก วางหลักคำสอนเป็นราก วางนามชื่อของพระเจ้าเป็นราก และอีกมากมาย พวกเขาไม่สอนให้ผู้เชื่อบอกรักและสนิทในพระคริสค์ สร้างความผูกพันที่ดีกับพระองค์ในแต่ละวัน
3:12 แล้วบนรากนั้นถ้าผู้ใดจะก่อขึ้นด้วยทองคำ เงิน เพชรพลอย ไม้ หญ้าแห้งหรือฟาง
** เมื่อผู้เชื่อสนิทบอกรักและเดินในฝ่ายวิญญาณหลังจากเขาได้รับการเปิดตาแล้ว แน่นอนที่สุดสิ่งที่เขาก่อขึ้นก็คือทองคำ เงิน และเพชรพลอย
** ทองคำ เล็งถึงพระเจ้าผู้เป็นคนคิดตัดสินใจใช้สติปัญญาในเราแทนเรา/ เงิน เล็งถึงชีวิตและนิสัยของพระคริสต์เยซูที่สำแดงผ่านตัวใหม่ของเราที่ถวายตัวเป็นอวัยวะของพระคริสต์เพื่อสำแดงทั้งรสเค็มและความสว่าง (รสเค็ม คือคุณสมบัติกิริยาอาการนั่งยืนเดินไปมาการพูดจา/ ความสว่าง คือผลของความชอบธรรมในกาลาเทีย 5:22-23)/ เพชรพลอย เล็งถึงการรับใช้ด้วยของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งผ่านตัวใหม่ของเรา
** ไม้ เล็งถึงสติปัญญาความคิดการตัดสินใจของชีวิตเก่ามนุษย์อาดัมในเรา/ ฟาง เล็งถึงตัวเก่าอาดัมหรือเนื้อหนังที่เป็นอยู่เนื่องจากว่าเขาไม่รู้ว่ามันตายแล้วที่กางเขนเมื่อสองพันปีก่อน
** สรุป ถ้าหากเรานับว่าเป็นคนใหม่ และเชื่อว่าทรงเป็นคนคิดแทนตัดสินใจแทน และทรงเป็นสติปัญญาของเรา ก็คือก่อชีวิตและการรับใช้ขึ้นด้วยทองคำ ถ้าหากเรานับเละเชื่อว่าพระคริสต์ทรงกระทำแทนเราผ่านตัวใหม่ก็คือก่อชีวิตและรับใช้ขึ้นด้วยเงิน และถ้าหากเรานับว่าเป็นคนใหม่และให้พระวิญญาณใช้ร่างกายใหม่นี้เพื่อการรับใช้ก็คือก่อชีวิตและการรับใช้ขึ้นด้วยเพชรพลอยนั่นเอง
3:13 การงานของแต่ละคนก็จะได้ปรากฏให้เห็น เพราะเวลาวันนั้นจะให้เห็นได้ชัดเจน เพราะว่าจะเห็นชัดได้ด้วยไฟ ไฟนั้นจะพิสูจน์ให้เห็นการงานของแต่ละคนว่าเป็นอย่างไร
** เวลานั้น ก็คือการพิพากษาที่พระที่นั่นของพระคริสต์ (the seat of Christ) นั่นเอง ซึ่งพระเยซูจะตัดสินเฉพาะผู้เชื่อเท่านั้น เพื่อสวมมงกุฏตำแหน่งที่แตกต่างกันของแต่ละคนจากการกระทำของเขา
3:14 ถ้าการงานของผู้ใดที่ก่อขึ้นทนอยู่ได้ ผู้นั้นก็จะได้ค่าตอบแทน
** การงานของผู้ที่คิดโดยพระเจ้า ทำดีในเราโดยพระคริสต์เยซู และใช้ของประทานด้วยตัวใหม่ จะได้ค่าตอบแทนทั้งในชีวิตนี้และยุคหน้าไปจนชั่วนิรันดร์
3:15 ถ้าการงานของผู้ใดถูกเผาไหม้ไป ผู้นั้นก็จะขาดค่าตอบแทนแต่ตัวเขาเองจะรอด แต่เหมือนดังรอดจากไฟ
** การงานของผู้ที่คิดด้วยปัญญาของเขาเอง ทำดี และใช้ของประทานด้วยตัวเก่า จะได้ค่าตอบแทนในชีวิตนี้และจะรอดในวันสุดท้าย แต่จะไม่ได้รับค่าตอบแทนและมงกุฏในอาณาจักรและนิรันดร์ ยุคหน้าเขายังต้องถูกกักขังและตีสอนเป็นเวลาพันปีเนื่องจากว่าเขาไม่แสวงหาอาณาจักรและความชอบธรรมเพื่อเข้าสู่ชีวิตผู้ชนะและเมื่อเขารอดเข้าไปในแผ่นดินโลกใหม่เขาก็เป็นประชากรเท่านั้นไม่มีตำแหน่งอะไรเลยตลอดไปชั่วนิรันดร์
3:16 ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่าท่านเป็นวิหารของพระเจ้า และพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในท่าน
** ผู้เชื่อเป็นวิหาร คือเราเป็นที่อยู่อาศัยของพระเจ้า วิญญาณของพระองค์สถิตในเราทุกคน เมื่อวิญญาณเราบริสุทธิ์แล้ว พระเจ้าก็จับจองและอาศัยอยู่ เมื่อจิตของเราถูกเปิดตาและเชื่อว่าทรงสถิตอยู่ในจิต พระองค์ก็ขยายอาณาเขตเข้ามาอยู่ในจิต และใช้ร่างกายเราเพื่อสำแดงชีวิตและใช้ของประทานผ่านเรา
3:17 ถ้าผู้ใดทำลายวิหารของพระเจ้า พระเจ้าจะทรงทำลายผู้นั้น เพราะวิหารของพระเจ้าเป็นที่บริสุทธิ์และท่านทั้งหลายเป็นวิหารนั้น
** การทำลายจิตและร่างกายของเราคือการทำดีทำชั่วด้วยตัวเก่า รับใช้ด้วยตัวเก่าและนมัสการด้วยตัวเก่า ทั้งการทำบาปทุกชนิด
3:18 อย่าให้ผู้ใดหลอกลวงตัวเอง ถ้าผู้ใดในพวกท่านคิดว่าตัวเป็นคนมีปัญญาตามหลักของยุคนี้ จงให้ผู้นั้นยอมเป็นคนโง่จึงจะเป็นคนมีปัญญาได้
** เราที่เคยคิดว่ามีปัญญาและฉลาดมากและคิดว่าปัญญาของมนุษย์คือสิ่งที่ดียอดเยี่ยม แต่สำหรับพระเจ้าเป็นแค่ความโง่เขลา
3:19 เพราะว่าปัญญาของโลกนี้เป็นความโง่เขลาจำเพาะพระเจ้า ด้วยมีคำเขียนไว้แล้วว่า ‘พระองค์ทรงจับคนที่มีปัญญาด้วยอุบายของเขาเอง’
** จับเขาด้วยอุบายของเขาเอง คือปล่อยให้เขาตกขอบ หลงทาง หล่นจากพระคุณ ตาบอดและอยู่ในความมืดต่อไป
3:20 และยังมีอีกว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทราบความคิดของคนมีปัญญาว่าเป็นเพียงแต่ไร้สาระ’
3:21 เหตุฉะนั้นอย่าให้ผู้ใดยกมนุษย์ขึ้นอวด ด้วยว่าสิ่งสารพัดเป็นของท่านทั้งหลาย
** อย่าอวดตัวเราเอง อย่าอวดมนุษย์ด้วยกันว่าดีหรือเก่งหรือฉลาดมีปัญญา แต่จงถ่อมใจและอวดพระคริสต์ทั้งคำพูดและการกระทำ
3:22 จะเป็นเปาโล อปอลโล เคฟาส โลก ชีวิต ความตาย สิ่งในปัจจุบันนี้ หรือสิ่งในอนาคต สิ่งสารพัดนั้นเป็นของท่านทั้งหลาย
3:23 และท่านทั้งหลายเป็นของพระคริสต์ และพระคริสต์ทรงเป็นของพระเจ้า
** เราทุกคนเป็นของพระคริสต์แล้ว เราเป็นของพระองค์ ทรงซื้อเราด้วยชีวิตและพระโลหิตของพระองค์ เราไม่มีสิทธิ์ใช้ชีวิตนี้เพื่อสนองความต้องการของเราเองอีกต่อไป ถ้าหากเราเชื่อในข้อนี้เราก็เป็นบุตรที่รักของพระเจ้าและเป็นสุข