สำหรับพี่น้องที่ได้รู้จักประวัติศาสตร์ของเราที่ร่วมกับพระเยซูคริสต์เมื่อสองพันปีก่อน ก็ขอบพระคุณพระเจ้า
แต่สำหรับพี่น้องอีกมากมายที่ยังไม่รู้จักว่าเมื่อสองพันปีก่อนที่พระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เราอยู่ที่ไหน
วันนี้เราจะไปค้นดูประวัติศาสตร์ของเรา ซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกันกับพระเยซู และประวัติศาสตร์ของเรา และประวัติศาสตร์ของพระเยซู ก็เป็นประวัติศาสตร์เดียวกัน หมายความว่ายังไง..เราไปดูกัน
ในโรม 6:3 กล่าวว่า ท่านไม่รู้หรือว่าเราทั้งหลายที่ได้รับบัพติศมาเข้าในพระเยซูคริสต์ ก็ได้รับบัพติศมาเข้าในความตายของพระองค์
เมื่อเรารับบัพติศมา เราก็ได้รับบัพติศมาเข้าในความตายของพระเยซู
ถามว่าเราตายตอนไหน ตอนที่เรารับบัพติศมาใช่ไหม ไม่นะครับ พระเยซูตายสองพันปีก่อน เราก็ต้องตายสองพันปีก่อน ใช่ไหมครับ ไม่ใช่ว่าพระเยซูต้องมาถูกตรึงบนไม้กางเขน เมื่อเราบัพติศมาไม่นานมานี้ 2 ปีก่อน 2 ปีที่แล้ว หรือว่า 5 ปีที่แล้ว หรือเดือนที่แล้ว ไม่ครับ
พระเยซูตายครั้งเดียว พระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนครั้งเดียว คือสองพันปีก่อน และเมื่อเรารับบัพติศมา ก็คือการยืนยันความจริง คือการยอมรับความจริงว่า เราร่วมในการตายกับพระเยซูเมื่อสองพันปีก่อน
โรม 6:4 ไม่เฉพาะแต่เราตายกับพระเยซูเท่านั้น เราก็ยังถูกฝังกับพระเยซูด้วย
โรม 6:4 กล่าวว่า เหตุฉะนั้นเราจึงถูกฝังไว้กับพระองค์แล้ว โดยการรับบัพติศมาเข้าส่วนในการตายนั้น เหมือนกับที่พระคริสต์ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตาย โดยเดชรัศมีของพระบิดาอย่างไร เราก็จะได้ดำเนินชีวิตใหม่ด้วยอย่างนั้น
ขณะที่พระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เราก็มีส่วนในการตายนั้นด้วย เราร่วมการตายในพระคริสต์ร่วมกับพระคริสต์ และเมื่อพระเยซูคริสต์ถูกฝัง เราก็ถูกฝังด้วย และเมื่อพระเยซูฟื้นคืนพระชนม์ เราก็ได้รับชีวิตใหม่
ขอบพระคุณพระเจ้านะครับไม่มีอะไรที่เราจะต้องทำเพื่อให้ได้ชีวิตใหม่ เพื่อให้ได้กลายเป็นคนใหม่ คือการเชื่อ เมื่อเราเชื่อ ยอมรับความจริง และรับบัพติศมา ยืนยันความจริงว่า ประวัติศาสตร์ของพระเยซูและประวัติศาสตร์ของเรา เป็นประวัติศาสตร์อันเดียวกัน
เพราะฉะนั้นพระคัมภีร์ โรม 6:3-4 พูดถึงการตายร่วมกันกับพระเยซู ระหว่างพระเยซูกับเรา ตายร่วมกัน ตายด้วยกัน
และโรม 6:4 กล่าวถึง การถูกฝังด้วยกัน พระเยซูอยู่ที่อุโมงค์ คุณก็อยู่ที่อุโมงค์ด้วย ผมก็อยู่ที่นั่นด้วยนะครับ เราทุกคนอยู่ในอุโมงค์กับพระเยซู 3 วันนะครับ เป็นเวลาที่เรากับพระเยซู สร้างความผูกพัน ความสัมพันธ์ พระเยซูดูเราน่ะ ดูเราทุกคน เตรียมการไถ่เพื่อเรา และเมื่อพระเยซูคริสต์ฟื้นคืนพระชนม์ ขึ้นไปนำพระโลหิตขึ้นไปหาพระบิดาบนสวรรค์ เข้าไปในพระวิหาร ถวายพระโลหิต พระเยซูคริสต์นะครับได้รับสง่าราศีจากพระบิดา พระองค์ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้เราด้วย
โรม 6:6 กล่าวว่า เราทั้งหลายรู้แล้วว่ามนุษย์เก่าของเราได้ถูกตรึงไว้กับพระองค์แล้ว เพื่อตัวที่บาปนั้นจะถูกทำลายให้สิ้นไป เพื่อเราจะไม่เป็นทาสของบาปอีกต่อไป
โรมบทที่ 6 นี้พูดถึงการ ที่ได้รู้นะครับ คือเราทั้งหลายรู้แล้วว่า รู้แล้วว่า knowing คำว่า “รู้” เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะว่าคริสเตียนส่วนมากทุกวันนี้ไม่รู้ ไม่รู้ว่า เอ๊ะ เราเชื่อพระเจ้าแล้วเนี่ย พระเจ้าทำอะไรกับชีวิตของเรา และสองพันปีก่อนเราอยู่ที่ไหน พระเยซูอยู่บนไม้กางเขน เราอยู่ที่นี่หรือเปล่า หรือว่ายังไม่ได้เกิด ไม่ครับ
เมื่อพระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เราก็ตายกับพระเยซูนะครับ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราต้องการที่จะทำก็คือ “รู้” อาจารย์เปาโลกล่าวในโรมบทที่ 6:6 ว่า knowing - knowing ก็คือรู้แล้วว่า เราทั้งหลายรู้แล้วว่ามนุษย์เก่าของเรา มนุษย์ตัวเก่า คนเก่านี้ คนเก่าๆ นี่แหละ ถูกตรึงแล้วกับพระเยซู เพื่อตัวบาปนะครับ พี่น้องจำได้ไหมครับว่าตัวบาปมันอยู่ที่ไหน มันอยู่ในตัวเก่าของเรา
เมื่อเราถูกเปิดตา เข้าใจความจริง ได้เห็นความจริง ว่าตัวเก่าของเราตายแล้ว เราเชื่อ เมื่อเราเชื่อนะครับ ตัวเก่าของเราก็จะตายจริงๆ ทุกสิ่งเป็นไปได้ด้วยความเชื่อ การดำเนินชีวิตของคริสเตียนทุกวันนี้ เป็นไปได้เพราะความเชื่อ
เมื่อเราเชื่อ พระเจ้าก็ทำ
เมื่อเราเชื่อ พระเจ้าก็นำเข้ามา
เมื่อเราเชื่อ พระเจ้าก็ให้สัมผัส
เมื่อเราเชื่อ ทุกสิ่งก็จะเป็นจริง
ฮีบรู 11:1 กล่าวว่า ความเชื่อคือการยอมรับในสิ่งที่ตามองไม่เห็นว่าได้รับแล้ว ได้รับแล้วนะครับ เราตายแล้วนะครับ พี่น้องตายแล้วนะครับ คุณตายแล้ว บนไม้กางเขนของพระเยซูสองพันปีก่อน เมื่อพระเยซูสิ้นพระชนม์ คุณก็ตายแล้วเหมือนกัน ผมก็ตายแล้ว
ผลประโยชน์ของการตายมีอะไรบ้าง ก็คือ เราได้พ้นจากตัวบาป ตัวบาปไม่มีที่เกาะแล้ว ตัวบาปถูกทำลายนะครับ มันไม่สามารถที่จะค้นหาตัวเก่าของเรา เพราะว่าเราเชื่อทุกวันไง ว่าตัวเก่าของเราตายแล้ว
1 โครินธ์ 5:31 อาจารย์เปาโลกล่าวว่า ข้าพเจ้าตายทุกวัน เนี่ยเป็นการหลีกเลี่ยงเป็นการหลบหลีก เป็นการที่จะทำให้ตัวบาปตามหาไม่เจอ ก็ต้องตายทุกวัน ตายทุกเวลา ตายทุกชั่วโมง ตายทุกนาที ด้วยการเชื่อ ด้วยการบอกตัวเองว่า..
“ข้าพเจ้าตายแล้ว เราตายแล้วน่ะ นี่เธอ เธอตายแล้วน่ะ บอกตัวเอง แล้วบอกพระเจ้า เพื่อยืนยันความเชื่อ
พระบิดา พระเยซู พระวิญญาณบริสุทธิ์ ข้าพระองค์ตายแล้ว ข้าพระองค์เชื่อ เชื่อในความจริงของพระองค์ ทั้งๆ ที่ข้าพระองค์เห็นว่าตัวเก่านี้ยังอยู่ แต่ข้าพระองค์เชื่อ”
เมื่อเราเชื่อมากเท่าไหร่ เราจะเห็นและสัมผัสการตายของตัวเก่าของเรา มันจะหมดเรี่ยวแรงในการที่จะอยากจะทำบาป ปรารถนาที่จะทำในสิ่งที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้า มันไม่มีแรงนะครับ ตัวบาปก็จะไม่มีพลังอำนาจ และตัวบาปก็จะถูกทำลายไป
แล้วโรม 6:7 กล่าวว่า เพราะว่าผู้ที่ตายแล้วก็พ้นจากบาป
ขอบพระคุณพระเจ้า การที่จะพ้นจากตัวบาปที่มันเกาะเรา มันอยู่ในเรา อยู่ในฝ่ายเนื้อหนังนะครับ ถ้าเราตาย เชื่อว่าตายทุกวัน ตัวบาปก็ไม่มีที่อยู่ เราก็พ้นจากบาป เอเมน
และพระเยซูตรัสในลูกา 9:22 ว่าถ้าหากผู้ใดจะเดินตามเรามา จะต้องสละชีวิตของตน และแบกกางเขนตามเรามาทุกวัน ทุกวันเลยนะครับ
แบกกางเขนคืออะไร ก็คือตายต่อตัวเก่าไง คือยอมรับการตายที่กางเขน ทุกวันทุกวัน อย่าลงมานะครับ ไม่ต้องออกมา ไม่ต้องกลับคืนมามีชีวิตอยู่ในเนื้อหนัง เราอยู่ในฝ่ายวิญญาณเราเชื่อทุกวันว่า เราตายแล้ว ตายแล้ว ก็คือการแบกไม้กางเขนของพระเยซูทุกวัน
พระเยซูตรัสว่า ถ้าใครไม่แบกกางเขนตามเรามาทุกวัน คือตายทุกวัน ก็ไม่เหมาะกับเรา
โรม 6:8 ยังกล่าวอีกว่า แต่ถ้าเราตายแล้วกับพระคริสต์ เราเชื่อว่าเราจะมีชีวิตอยู่กับพระองค์ด้วย
ถ้าหากเราเชื่อว่า เราตายแล้วกับพระคริสต์ อีกความเชื่อหนึ่งที่จะต้องตามมา ที่เราจะต้องมี ก็คือการเชื่อว่าเรามีชีวิตอยู่กับพระคริสต์
พี่น้องจำได้ไหมครับว่า กาลาเทีย 2:20 กล่าวว่า ข้าพเจ้าถูกตรึงแล้วกับพระเยซูคริสต์ ข้าพเจ้าจึงไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป อันนี้ 2 คนจบแล้วนะครับ พระเยซูที่เป็นเนื้อหนัง เป็นมนุษย์นะครับ สิ้นชีวิตแล้ว และข้าพเจ้าตัวเก่า ผู้เก่า บุคคลคนเก่า ก็ตายแล้วกับพระเยซู 2 คนตายร่วมกันไป แต่พระคริสต์ต่างหาก พระคริสต์พระวิญญาณมาแล้ว แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคนนี้คือคนใหม่ ไม่ใช่อาจารย์เปาโลคนที่ตายไปเมื่อก่อน แต่เป็นตัวใหม่บุคคลผู้ใหม่ที่ได้บังเกิดใหม่แล้ว
กาลาเทีย 2:20 ไม่ใช่ประสบการณ์ของอาจารย์เปาโลเท่านั้น แต่เป็นประสบการณ์ของชีวิตคริสเตียนทุกคนด้วยนะครับ เรา ผม คุณ ตายแล้วนะครับ เราถูกตรึงกับพระเยซูคริสต์บนไม้กางเขนแล้ว เราจึงไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในเรา เรานี้ เราใหม่นะครับ
โรม 6:11 ยังกล่าวอีกว่า ท่านทั้งหลายจงถือว่าท่านได้ตายต่อบาป และมีชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้าในพระคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
เพราะฉะนั้นการที่เราได้ “รู้” รู้แล้วว่าเราตายแล้วนะครับ สิ่งที่สำคัญในขั้นตอนต่อมา ก็คือ “ถือว่า” “ถือว่าหรือคิดว่า” “หรือเชื่อว่า” “หรือยอมรับว่า” ภาษาอังกฤษใช้คำว่า considering หรือ Consider - Reckon หรือว่า Reckoning ก็ได้ เป็นคำเดียวกันนะครับ คือ “ถือว่า”
เราขอบคุณพระเจ้า เมื่อเรารู้ว่าเราตายแล้ว เราเชื่อว่าเราตายแล้วเนี่ย เราก็ถือทุกวันนะครับ ถือทุกวัน นับทุกวัน ยอมรับทุกวัน เชื่อทุกวันว่า เราตายแล้ว และตัวใหม่กำลังเป็นอยู่ และพระคริสต์อยู่ในตัวใหม่ของเรา อยู่ร่วมกันกับตัวใหม่ของเรา
เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อเราเชื่อว่าเรามี 2,000 บาท อยู่ในกระเป๋า เราเดินไปที่ธนาคาร แล้วบอกพนักงานธนาคารว่า เอาเงินเข้าบัญชีให้ผมหน่อย 2,000 บาท
ก็คือ การเชื่อและยอมรับว่าพระคำขอพระเจ้าเป็นความจริง และสิ่งที่พระเจ้าทำเมื่อสองพันปีก่อน พระเยซูนับเราเข้าไปอยู่ร่วมในการตายของพระเยซู เราก็ตายแล้ว เราเชื่อทุกวันนะครับและเราเดินดำเนินชีวิตด้วยการตายต่อตัวเก่าทุกวันทุกเวลานาที และมีชีวิตใหม่ในตัวใหม่ทุกวันทุกเวลานาที ร่วมกับพระเยซู สนิทในพระองค์ เราจะเห็นชีวิตใหม่ก่อร่างสร้างตัวขึ้น และพระเยซูคริสต์เริ่มสำแดงพระองค์ผ่านตัวเรามากขึ้น และชีวิตในสันติสุขจะครอบครองจิตใจของเราอยู่เสมอไม่เคยขาด ไม่เคยจะหายอีกเลย
กาลาเทียบ 6:14 กล่าวว่า ซึ่งโดยกางเขนนั้นโลกตรึงไว้แล้วกับข้าพเจ้า และข้าพเจ้าก็ถูกตรึงไว้แล้วจากโลก
เราจะเห็นนะครับว่า “กางเขน” กางเขนของพระเยซูคริสต์ พระเจ้าใช้เพื่อประหารชีวิตเก่าของเรา ผลประโยชน์ที่ตามมาก็คือ ตัวบาปไม่มีที่อยู่ เราก็พ้นจากความบาป โรม 6:7 ที่กล่าวว่า เพราะว่าผู้ที่ตายแล้วก็พ้นจากตัวบาป
และในพระคัมภีร์กาลาเทีย 5:14 กล่าวว่า เพราะว่าความรักของพระคริสต์ได้ครอบครองเราอยู่ เพราะเราคิดเห็นอย่างนี้ว่า ถ้าผู้หนึ่งได้ตายเพื่อคนทั้งปวง เหตุฉะนั้นคนทั้งปวงจึงตายแล้ว
ผมตายแล้ว คุณตายแล้ว พี่น้องทุกคนตายแล้วนะครับ เราที่เชื่อพระเยซูคริสต์ เราถูกเปิดตา มาพบความจริง มาพบประวัติศาสตร์ของเรา เป็นประวัติศาสตร์เดียวกันกับพระเยซูคริสต์เมื่อสองพันปีก่อน คือเราตายร่วมกัน
โคโลสี 3:3 กล่าวว่า เพราะว่าท่านได้ตายแล้ว และชีวิตของท่านซ่อนไว้กับพระคริสต์ ในพระเจ้า
เราทุกวันนี้ เราตายต่อตัวเก่าแล้ว และชีวิตใหม่ของเรา ซ่อนไว้ในพระคริสต์กับพระคริสต์ในพระเจ้า
และสุดท้าย กาลาเทีย 2:20 เป็นข้อที่ผมใช้ประจำนะครับ ก็คือข้าพเจ้าถูกตรึงแล้วกับพระคริสต์ ถูกตรึงก็คือตายร่วมกัน ถูกตรึงด้วยกันที่บนกางเขน ที่ไม้กางเขนนะครับ ข้าพเจ้าจึงไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า
เราขอบพระคุณพระเจ้า สำหรับชีวิตคริสเตียนเนี่ย มันง่ายเกินกว่าที่เราจะคิดอีกนะครับ เมื่อก่อนเราเป็นคริสเตียนเราเชื่อพระเจ้าใช่ไหม อ่านพระคัมภีร์เจอพระบัญญัติ 10 ประการ ตกใจ. อ่านพระคัมภีร์เจอคำสอนของพระเยซู มีหลายข้อที่เราเห็นแล้วน่ากลัว. คือแค่คิดก็ผิดแล้ว
ซึ่งเราก็คิดว่าเราพอจะทำได้นะครับ ก็พยายาม ก็ขอพระเจ้าเสริมกำลัง ใช่ไหม ดำเนินชีวิตไปในแต่ละวัน และพี่น้องคริสตจักร ศิษยาภิบาล ผู้นำ ก็เทศนาสั่งสอนบอกว่า ทำไปเรื่อยๆ แล้ววันหนึ่งพระเจ้าจะเปลี่ยนจิตใจเรา แต่ปรากฏว่า 5 ปี 10 ปี 20 ปี 30 ปีผ่านไป ไม่มีการเปลี่ยนแปลงนะครับ การเปลี่ยนแปลงไม่มา การชำระด้วยพระคำ และการชำระด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ มาไม่ถึง ถามว่าทำไม..
เพราะว่าเราไม่ “รู้” การรู้คือสิ่งที่สำคัญมาก knowing is the most lmportant Thing for Christian Life คือการรู้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก สำหรับชีวิตคริสเตียน เพราะว่าถ้าหากเราไม่รู้นะครับ เราก็จะเดินทางผิด เราหลงทาง หลงประเด็น ดำเนินชีวิตหลงยุค เราคิดว่ายุคนี้เป็นยุคอะไร ยุคพระบัญญัติหรือยุคพระคุณกันแน่ หรือยุคสุดท้ายกันแน่ เราไม่ทราบนะครับ
เพราะฉะนั้นแล้ว การรู้คือสิ่งที่สำคัญมาก และการที่จะรู้ได้ก็คือขอพระเจ้าเปิดตาเรา หรือเรียนรู้จากผู้ที่มีของประทานแห่งสติปัญญา ที่จะช่วยเราให้เข้าใจ ที่จะรักษาตาของเรา ที่จะเปิดใจของเรา เข้าสู่พระคำที่แท้จริง พระคำที่ลึกซึ้ง พระคำที่เป็นมานาที่ซ่อนไว้
เพื่อเราจะสามารถดำเนินชีวิตอยู่อย่างคนที่มีสันติสุขได้ทุกวันเวลานาที ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในแต่ละวันก็ตาม และเราก็จะเข้าสู่กระบวนการการเปลี่ยนแปลง การชำระด้วยพระวิญญาณ เมื่อนั้นนะครับ เรารักได้แม้กระทั่งศัตรูของเรา เรารักได้แม้กระทั่งคนที่เกลียดเรา เราอดทนได้แม้กระทั่งที่มีอาการรำคาญมากมายเกิดขึ้น เรารักได้ เราทำดีได้ เราเชื่อฟังได้ เราอดทนนานได้
เราเดินไป 2 กิโลได้ เราถอดเสื้อคลุมให้ได้ เราหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาตบได้ เราทำทุกสิ่งได้ เพราะว่าพระวิญญาณ พระคริสต์ที่อยู่ในเรา เป็นพลังอำนาจยิ่งใหญ่ที่มีกฎแห่งพระวิญญาณและกฎแห่งชีวิต เอาชนะความบาปได้และเอาชนะความตายได้
สำหรับคริสเตียนเรานะครับ ดำเนินชีวิตทุกวันนี้เพื่อแสวงหาจิตใจใหม่พยายามเปลี่ยนแปลงพยายามกันมากเหลือเกิน ทำงานหนักมาก แล้วก็เมื่อไหร่ที่ดำเนินชีวิตที่ดี ชอบธรรม ไม่ทำบาป ใช่ไหม ก็พยายามรักษาชีวิตไว้ให้บริสุทธิ์ รักษาไว้ กลัวที่จะทำบาป กลัวที่จะคิดบาป มันเป็นงานที่หนักมากนะครับ
เพราะฉะนั้นความจริงของพระเจ้า เมื่อพระเจ้าเปิดตาเรา เราจะพบว่า การที่เราได้กลายเป็นคนชอบธรรม ไม่ต้องทำอะไร
“เชื่อ” พระเจ้ายอมรับนะครับว่า “ความเชื่อ” ของเราเป็นความชอบธรรมสำหรับพระเจ้า พระเจ้าถือว่าเราได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้วโดยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์
เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องห่วงนะครับ สภาพฐานะของเราทุกวันนี้เป็นคนชอบธรรมแล้ว ไม่ต้องห่วง เมื่อเราทำบาป ก็เรียกว่าผู้ชอบธรรมไปทำบาป แต่สำหรับชาวโลกนะครับ ถ้าหากเขาดำเนินชีวิตที่ดีและบริสุทธิ์มากๆ พระเจ้านะครับเรียกเขาว่า คนบาปทำดี ก็ไม่มีอะไรสำหรับพระเจ้าไม่ได้มีประโยชน์อะไร เป็นการทำดีที่ตายแล้ว
ในเอเสเคียล 36:26-27 พระเจ้าสัญญาว่าจะประทานจิตใจใหม่ให้เรา และจิตใจใหม่นั้น ได้รับแล้วอยู่ในเราแล้ว เมื่อสองพันปีก่อนพระเยซู สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน ถูกฝัง แล้วก็ฟื้นคืนพระชนม์ เราก็ได้รับชีวิตใหม่แล้ว
ข้อที่ 26 เราจะให้ใจใหม่แก่เจ้า และเราจะบรรจุจิตวิญญาณใหม่ไว้ในเจ้า เราจะนำใจหินออกไปเสียจากเนื้อของเจ้า และจะให้ใจเนื้อแก่เจ้า
ข้อที่ 27 และเราจะใส่วิญญาณของเราภายในเจ้า และกระทำให้เจ้าดำเนินตามกฎเกณฑ์ของเรา และเจ้าจะรักษาคำตัดสินของเราและกระทำตาม
ขอบพระคุณพระเจ้า พระเจ้าสัญญาแล้วใช่ไหมว่า “เราจะใส่วิญญาณของเราไว้ภายในเจ้า และกระทำให้เจ้าดำเนินตามกฎเกณฑ์ของเรา” ขอบพระคุณพระเจ้านะครับ การทำดีการเชื่อฟังไม่ใช่หน้าที่ของเรา
อีกครั้ง.. หนังสือมัทธิวพระเยซูประทานพระบัญญัติใหม่ให้แก่เรา แต่หนังสือยอห์นพระเยซูประทานผู้ที่จะมา กระทำตามพระบัญญัติอยู่ในเรา ทำเพื่อเรา ก็คือที่นี่ไง เอเสเคียล 36:27 “เราจะใส่วิญญาณของเราไว้ภายในเจ้า และกระทำให้เจ้าดำเนินตามกฎเกณฑ์ของเรา” ขอบพระคุณพระเจ้า ไม่ใช่หน้าที่ของเรา ที่จะต่อสู้กับความบาป เราพักผ่อนในพระคริสต์ แทนที่เราจะทำงานหนักมาก พยายามทำดีเชื่อฟัง ไม่ครับ.
โรม 6:5 กล่าวว่า เพราะว่าเราเข้าสนิทกับพระองค์แล้วในการตายอย่างพระองค์ เราก็จะได้เป็นขึ้นมาอย่างพระองค์ได้ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายด้วย
ขอบพระคุณพระเจ้า เมื่อพระเยซูตาย เราก็ร่วมในการตายนั้นกับพระเยซู และเราเป็นขึ้นกับพระเยซูเมื่อพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว ขอบพระคุณพระเจ้า
โรม 6:13 กล่าวว่า อย่ายกอวัยวะของท่านให้เป็นเครื่องใช้ในการอธรรม แต่จงถวายตัวของท่านแด่พระเจ้า เหมือนหนึ่งคนที่เป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว
พี่น้องดำเนินชีวิตอยู่ทุกวันนี้ เป็นคนใหม่หรือคนเก่า เป็นมนุษย์เนื้อหนังหรือเป็นมนุษย์วิญญาณ อยู่ในอาดัมหรืออยู่ในพระคริสต์ เราเลือกได้นะครับ
แต่ถ้าหากเราดำเนินชีวิตแบบศาสนา พระเจ้าไม่เคยก่อตั้งศาสนา ศาสนาคริสต์ ไม่ใช่ศาสนา แต่ปัญหาอยู่ตรงที่ว่าเรานี่แหละ เป็นคนทำให้คริสเตียนกลายเป็นศาสนา คริสเตียนศาสนาก็คือดำเนินชีวิตด้วยเนื้อหนัง ด้วยมนุษย์คนเดิมคนเก่านี่แหละ เพื่อพยายามรักษาพระบัญญัติ ทำงานหนักมากเพื่อการเชื่อฟัง และการรักษาความชอบธรรมไว้ บริสุทธิ์ไว้ ในจิตใจของเขา
แต่.. เราเป็นมนุษย์วิญญาณ เราเป็นคริสเตียนอยู่ในฝ่ายความเชื่อ เป็นคริสเตียนที่แท้จริง ไม่ใช่คริสเตียนศาสนานะครับ เราเชื่อว่าเราตายแล้วสองพันปีก่อน และพระเยซูฟื้นคืนพระชนม์ เราก็เป็นขึ้นมากับพระเยซูคริสต์
ถามว่า พระสัญญาของพระเจ้าอยู่ในเอเสเคียลบทที่ 36 และเมื่อไหร่พระเจ้าประทานให้เรา เรามาดูสาวกของพระเยซูคริสต์ก่อนนะครับ
เมื่อพระเยซูฟื้นคืนพระชนม์ เย็นวันนั้นนะครับพระเยซูตรัสกับสาวกในยอห์น 20:22 กล่าวว่า ครั้นพระองค์ตรัสดังนั้นแล้วจึงทรงระบายลมหายใจออกเหนือเขา และตรัสกับเขาว่า ท่านทั้งหลายจงรับพระวิญญาณเถิด
คือระบายออกนะครับ แล้วก็พระวิญญาณก็ไปอยู่กับแต่ละคน เป็นพระเยซูในสภาพของพระวิญญาณที่ฟื้นขึ้นจากตายแล้ว พระองค์ทรงเป็นพระวิญญาณผู้ประทานชีวิต คือเป็นผู้ที่สามารถมีสิทธิ์มีสิทธิอำนาจในการแบ่งชีวิตให้แต่ละคนได้ (1 คร 15:45-47)
วันนี้นะครับ มีร้อยคนที่รับเชื่อพระเยซู พระเยซูในสภาพของพระวิญญาณ ก็จะแบ่งร้อยพระวิญญาณ ร้อยชีวิตของพระองค์ เข้าไปอยู่ในเขา เพื่อเอาชนะตัวบาปที่ครอบครองใจของเขาอยู่ อยู่ในฝ่ายเนื้อหนัง เพื่อวันหนึ่งนะครับเขาจะถูกเปิดตา และให้พระวิญญาณที่เป็นตัวชอบธรรม ผู้ชอบธรรมนี้ มีอำนาจเหนือกว่าตัวบาป และเอาชนะตัวบาปได้
ฟีลิปปี 1:21 เพราะว่าสำหรับข้าพเจ้านั้น การมีชีวิตอยู่ก็คือพระคริสต์
สำหรับพระคัมภีร์ข้อนี้นะครับ ภาษาอังกฤษและภาษากรีกแปลตรงกันมาก แปลว่า For to me to live is Christ. สำหรับข้าพเจ้านั้นการมีชีวิตอยู่ก็คือพระคริสต์
หมายความว่ายังไง หมายความว่า การมีชีวิตอยู่นี้ ก็คือพระคริสต์เป็นผู้มีชีวิตอยู่ ไม่ใช่ข้าพเจ้า
ส่วนภาษาไทยและภาษาลาวภาษาอื่นๆ หลายฉบับนะครับแปลว่า เพราะว่าสำหรับข้าพเจ้านั้นการมีชีวิตอยู่ก็อยู่เพื่อพระคริสต์ อันนี้แปลผิด เราไม่ได้อยู่เพื่อพระคริสต์ พระคริสต์อยู่เพื่อเราต่างหาก สำหรับพระคัมภีร์ข้อนี้นะครับ
ส่วนการอยู่เพื่อพระคริสต์ ก็ถูกนะครับ การอยู่เพื่อพระคริสต์เนี่ย เพื่อให้พระคริสต์อยู่เพื่อเรา คืออาจจะสับสนไปหน่อยใช่ไหม คือการดำเนินชีวิตของเรา การมีชีวิตอยู่ เราอยู่เพื่อให้พระคริสต์มีชีวิตอยู่เพื่อเรา l leave for Christ to live for me ภาษาอังกฤษในฟีลิปปีบทที่ 1:21 กล่าวว่า For to me to live is Christ คือสำหรับข้าพเจ้า การมีชีวิตอยู่ก็คือพระคริสต์ ไม่ใช่ข้าพเจ้าเป็นผู้มีชีวิตอยู่
และโคโลสี 3:1 กล่าวว่า ถ้าท่านรับการทรงชุบให้เป็นขึ้นมาด้วยกันกับพระคริสต์แล้ว ก็จงแสวงหาสิ่งซึ่งอยู่เบื้องบนในที่ซึ่งพระคริสต์ทรงประทับข้างขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า
สำหรับคริสเตียนสิ่งที่เราแสวงหา ไม่ใช่สิ่งของในโลกนี้นะครับ ไม่ใช่ทรัพย์สิน ไม่ใช่การงานที่ดี ไม่ใช่สุขภาพดี ไม่ใช่ครอบครัวที่อบอุ่น ไม่ครับ. ทุกสิ่งเหล่านี้พระเจ้าจะเป็นผู้กำหนดนะครับ
แต่สิ่งที่เราควรจะแสวงหาก็คือสิ่งที่อยู่เบื้องบน เบื้องบนก็คือเรา เราที่เป็นคริสเตียน นั่งอยู่ในพระคริสต์ ใกล้พระบิดาแล้วนะครับ
เอเฟซัส 2:6 กล่าวว่า และพระองค์ทรงให้เราเป็นขึ้นมากับพระองค์ และทรงโปรดให้เรานั่งในสวรรค์สถานกับพระองค์ในพระเยซูคริสต์ เราขอบพระคุณพระเจ้า
ตาเราไม่เห็น เราไม่รู้ ว่าเรานั่งอยู่บนสวรรค์สถานในพระคริสต์กับพระบิดาแล้ว
แต่เราขอบพระคุณพระเจ้า เราเชื่อในความจริงของพระเจ้า ทุกวันนี้ความจริงของพระเจ้า ไม่เหมือนความจริงของมนุษย์แล้ว เป็นคนละอย่างกันเลย แตกต่างอย่างกับฟ้ากับดิน
ทุกวันนี้พระเจ้าบอกว่า เราเป็นคนชอบธรรมแล้ว
แต่ในเนื้อหนังนะครับเขามองดู โอ้ เราทำบาป เราก็บอกว่าเรายังเป็นคนบาปอยู่
แต่ความจริงของพระเจ้า คือเราเป็นคนชอบธรรม
ความจริงของมนุษย์ก็คือ เรายังเป็นคนบาปอยู่
และความจริงของพระเจ้าก็คือเรานั่งอยู่บนสวรรค์สถาน ในสวรรค์สถานกับพระเจ้าในพระคริสต์แล้วxx
แต่ทุกวันนี้ ความจริงของมนุษย์ก็คือเราก็ยังนั่งอยู่นี่ไง ผมก็นั่งอยู่ที่นี่นะครับ พี่น้องก็นั่งอยู่ที่บ้าน หรืออยู่ที่ไหนสักแห่ง คือเรายังอยู่ในโลกนี้ อันนี้คือความจริงของมนุษย์นะครับ ตาเรามองในสิ่งที่ตามองเห็น
แต่สำหรับพระเจ้า ความจริงของพระเจ้า อยู่ในพระคำของพระองค์ ทุกสิ่งพระเยซูคริสต์ทำสำเร็จแล้ว ความจริงของพระเจ้าก็คือ “อยู่ในพระคริสต์” ความจริงของมนุษย์ก็คือ “อยู่ในอาดัมในโลกนี้ที่ตาเห็น”
เราขอบพระคุณพระเจ้าที่ทรงสำแดงให้เราได้เห็นประวัติศาสตร์ของเรา ว่าสองพันปีก่อนเมื่อพระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เราก็อยู่ที่นั่น ขอบพระคุณพระเจ้า
การประหารชีวิตเก่าของเรา เพื่อให้เราได้หลุดพ้นจากตัวบาปที่มันเกาะติดเราอยู่ และเมื่อเราอยู่ฝ่ายเนื้อหนังทุกวันนี้ ตัวบาปก็จะมา ตัวบาปก็จะรออยู่ เราอยู่ในฝ่ายเนื้อหนัง ปักใจในเนื้อหนังเมื่อไหร่ ตัวบาปก็จะมีพลังอำนาจ และเราก็อยู่ในความบาปและในความตาย (โรม 8:5-7) และถ้าหากเราปักใจใส่ในฝ่ายวิญญาณ จดจ่อที่ฝ่ายวิญญาณ เราก็อยู่ในชีวิตและสันติสุข
เมื่อเราได้รู้แล้วนะครับ เรารู้ว่า ความจริงของพระเจ้า และความจริงของเรา บนไม้กางเขนสองพันปีก่อน เราร่วมตายและเป็นขึ้นกับพระเยซูคริสต์ และทุกวันนี้เราดำเนินชีวิตด้วยตัวไหน? ตัวเก่าหรือตัวใหม่ ตัวเนื้อหนังหรือตัวฝ่ายวิญญาณ ตัวในอาดัมหรือตัวในพระคริสต์ อยู่ในโลกนี้หรืออยู่ในสวรรค์สถาน
ถ้าเราปรารถนาที่จะอยู่ในฝ่ายเนื้อหนังต่อไป ก็ไม่ต้องเชื่อนะครับ ทุกสิ่งมันเป็นอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องที่จะต้องเชื่อนะครับ
แต่ถ้าเราปรารถนาที่จะดำเนินชีวิตในฝ่ายวิญญาณ ก็คือเชื่อเอา ไม่มีทางเลือกนะครับ คือคว้าไม่ได้ จับไม่ได้ ตามองไม่เห็น สิ่งเดียวที่จะเข้าไปถึงชีวิตโลกฝ่ายวิญญาณได้ ก็คือ “เชื่อ” เมื่อ “เชื่อ” พระวิญญาณก็จะนำความจริงมาปรากฏ มาให้เราสัมผัส มาให้เราได้เห็น
ขอพระเจ้าช่วยเรา ที่จะเข้าใจพระคำที่ล้ำลึกของพระเจ้า เพื่อพระเจ้าจะเปิดตาเรา และเราจะดำเนินชีวิตที่สบายๆ ง่ายๆ คือยอมยกชีวิตของเราให้พระเจ้าเป็นผู้ใช้ในการสำแดงพระองค์ออกมาให้โลกได้เห็นพระองค์ผ่านเรา เกียรติสง่าราศีเป็นของพระเจ้า พระพรบำเหน็จรางวัลเป็นของเรา
อ่านต่อ: “คุณอายุเท่าไหร่” How old are you?