1. เปาโลยืนยันว่าท่านคืออัครทูตที่มาจากพระเจ้า
2. สาธุการแด่พระเจ้า – Blessed be to God คำพูดในเชิงยกย่อง อวยพร พูดแต่สิ่งดีๆ
3. ผู้ปลอบประโลม comforter ที่ดีที่สุด ที่เข้าใจเรามากกว่าใคร พระองค์แคร์ ใส่ใจ ให้กำลังใจเราอยู่เสมอทุกวัน ไม่เคยห่างเราไปไหน ขอเพียงแค่เรารู้ เข้าใจและเชื่อในความจริงนี้
4. พระเจ้าทรงรับรู้ความทุกข์ของเราเรื่อง การเป็นอยู่การอยู่กิน การเดินทางประกาศรับใช้ การถูกข่มเหง แต่เพื่อเข้าสู่ชีวิตผู้ชนะ พระเยซูก็แบ่งปันประสบการณ์ความทุกข์ยากของพระองค์แก่เราไม่มากก็น้อย
สำหรับข้อที่ 3. ผมอยากจะพูดถึงเรื่องคำว่าสาธุการแด่พระเจ้า คำว่าสาธุการแด่พระเจ้าถ้าหากว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับคำที่เขาใช้กันในศาสนาอื่น เราก็ใช้ได้อยู่นะครับ แต่ภาษากรีกเป็นทำนองของลักษณะของคำเดียวกันกับภาษาอังกฤษที่เรียกว่า “Blessed”
“Blessed” ก็คือการพูดอวยพรพระเจ้า การพูดดีให้พระเจ้า การพูดดีให้พระเจ้าก็คือ ขอบพระคุณพระองค์ สรรเสริญพระองค์ ยกย่องพระองค์ พระเจ้าของเราแสนดี พระเจ้าผู้สูงสุด พระเจ้าผู้สร้างสรรพสิ่ง พระเจ้าเป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ พูดในลักษณะในเชิงที่เคารพยกย่องถวายเกียรติแด่พระเจ้า ภาษาอังกฤษก็คือใช้คำว่า Blessed be to God คือพระพร สิ่งดีๆ ขอให้เป็นของพระเจ้า
สำหรับคำว่าสาธุการอันนี้ถ้าเป็นคำที่เราใช้และเหมาะสมเราก็ใช้ แต่ถ้าเห็นว่าจะเหมือนกับที่เราพูดแล้วเชื่อมโยงถึงศาสนาอื่น เราก็หยุดใช้ได้นะครับ แทนที่เราจะใช้คำว่าสาธุการแด่พระเจ้า เราอาจจะใช้คำว่าขออวยพรพระเจ้า ขอยกย่องพระเจ้า ขอสรรเสริญพระเจ้า ขอบพระคุณพระเจ้า ประมาณนี้ เอเมน
สำหรับข้อที่ 1. อัครทูตของพระเยซูคริสต์ตามพระประสงค์ของพระเจ้า เปาโลใช้คำนี้อีกครั้งนึง ขณะที่ท่านใช้คำนี้อยู่ใน 1 โครินธ์ ฉบับแรกจดหมายฉบับแรก ที่ท่านเขียนถึงคริสตจักรเมืองโครินธ์ ท่านก็ใช้คำนี้ เปาโลผู้เป็นอัครทูตของพระเยซูคริสต์ตามพระประสงค์ของพระเจ้า เป็นคำเดียวกันนะครับ แล้วมาถึงจดหมายฉบับที่ 2 ที่ท่านเขียนถึงคริสตจักรโครินธ์ ท่านก็ยังยืนยันเหมือนเดิม ยังย้ำให้คริสตจักรนี้ได้เชื่อและวางใจในพระเจ้าในตัวของท่านที่พระเจ้าใช้ท่าน ท่านก็เลยยืนยันว่าเรานะคืออัครทูต อัครทูตของพระเยซูคริสต์ตามพระประสงค์ของพระเจ้า ไม่ใช่มนุษย์แต่งตั้ง ไม่ใช่เขาแต่งตั้งเขาเอง ไม่ใช่เขาทำตามใจของเขาเอง แต่สิ่งที่เขาทำต่อคริสตจักรเมืองโครินธ์ก็คือโดยเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้า เอเมน
สำหรับวันนี้เรามาถึงเรื่องของการ take care ดูแล เอาใจใส่ พระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าผู้ที่ปลอบประโลม เป็นผู้เดียวเท่านั้นที่เข้าใจมนุษย์และปลอบประโลมมนุษย์ในทางที่ถูกต้องและเกิดผลแด่มนุษย์ช่วยมนุษย์ได้ ไม่ใช่เหยียบย่ำซ้ำเติมพูดผิดพูดถูกไม่เข้าใจมนุษย์ไม่เข้าใจเรา มีเพื่อนบางคนที่มาพูดกับเรา ตั้งใจนะสู้นะ อะไรประมาณนี้ก็พูดไปพูดมาสุดท้ายก็ไม่เข้าใจเราอยู่ดี แล้วก็ไม่ได้ช่วยเรา ดีไม่ดีอาจจะทำให้เราจิตตกหรือเสียใจมากกว่าเก่า กังวลมากกว่าเก่า
แต่สำหรับพระเจ้าของเรา ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์สัญญาในหนังสือยอห์นบทที่ 14 บอกว่าพระองค์จะประทานผู้หนึ่งมาเพื่อเป็นผู้ปลอบประโลม อยู่กับเรา ช่วยเหลือเรา แล้วในที่สุดทุกวันนี้เรามีพระเจ้าผู้อยู่ในเราเป็นผู้ปลอบประโลม เป็น comforter , comforter ก็คือปลอบประโลม เป็นผู้แคร์ก็คือ เอาใจใส่ ใส่ใจเรามากที่สุด มากกว่าใคร ขอบคุณพระเยซูสำหรับสิ่งนี้เอเมน
เราหลายคนคิดว่าเมื่อมาเชื่อพระเยซู เป็นคริสเตียนแล้ว จะไม่มีใครแคร์ ไม่มีใครสนใจ พระเจ้าคงจะอยู่ห่างไกล ไม่เคยมาสนใจเราเลย ไม่เคยมาใส่ใจเราเลย อันนี้ผิดนะครับ
คือตั้งแต่นาทีแรกที่เราเชื่อจนถึงทุกวันนี้ พระเจ้าใส่ใจเรามาก แคร์เรามาก รักเรามากที่สุดกว่าใคร ไม่มีใครเท่าพระเจ้าที่ทำหน้าที่ได้แบบนี้ เพราะฉะนั้นเราอย่าคิดนะครับว่าเราอยู่โดดเดี่ยว บางครั้งคริสเตียนมักจะคิดว่าเหงาใช่ไหม
คำว่าเหงาอย่าให้มีนะครับหรือคำว่าโดดเดี่ยวอย่าให้มี คำว่าเสียใจท้อใจเหนื่อยเบื่ออย่าให้มีนะครับ เพราะว่าพระเยซูเป็นผู้ที่อยู่กับเราอยู่ใกล้เราตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน แล้วพระองค์จะเป็นผู้ปลอบประโลมเราได้ดีที่สุด เพียงแค่เราหันหูไปสู่พระเจ้า เข้าใจนะครับหันหูไปสู่พระเจ้า แต่ก่อนเราหันหูไปสู่หันสายตาไปสู่สิ่งอื่น สู่โซเชียล สู่เฟซบุ๊ค อะไรก็แล้วแต่ แต่สิ่งเหล่านี้อาจจะช่วยเรานิดๆ หน่อยๆ หรืออาจจะไม่ช่วยเลยก็ได้ แต่ผู้ช่วยที่ดีที่สุดผู้ปลอบประโลมที่ดีที่สุดสำหรับพวกเราก็คือ “พระเยซู”
ปัญหาที่ทำให้เราคิดว่าเราไม่มีพระผู้ช่วย พระเยซูไม่สนใจไม่แคร์ไม่ใส่ใจเรา เนื่องจากว่าเราไม่ได้เรียนรู้ว่าพระเจ้าตรัสกับเราได้ทางใดบ้าง ส่วนมากเรามักจะคิดนะครับว่าพระเจ้าเพียงแค่ตรัสกับเราพูดกับเราใช่ไหม เราก็รอฟังอยู่ รอฟัง หรือผ่านพระคำพระเจ้า เราก็อ่านพระคัมภีร์ว่าพระเจ้าจะตรัสกับเราในข้อไหนบทไหนก็เปิดไปเรื่อยๆ ใช่ไหม
แต่แท้ที่จริงแล้วก็คือการตรัสการสัมผัสการพูดคุยการสนทนาของพระเจ้า คือมาจากทุกทางทุกที่ทุกโอกาสทุกครั้งที่พระเจ้ามีโอกาส แล้วภายในวันนึงนะครับพระเจ้าต้องการตรัสกับเรามากมายหลายครั้ง เพียงแค่เราไม่ได้สังเกตแค่นั้นเอง
เพราะฉะนั้นการเรียนรู้ว่าพระเจ้าตรัสกับเราพูดคุยกับเราปลอบประโลมเรา มีทางไหนบ้าง เมื่อเรารู้เราจะขอบพระคุณพระเจ้าแล้วเราจะสัมผัสได้ แล้วเราจะเห็นการอัศจรรย์เห็นการพูดคุยของพระเจ้ากับเรามากกว่าที่เราเคยเป็น บางครั้งอยู่ดีๆ ก็มีบางคนทักมา แล้วก็พูดคุยกับเรา แต่แท้ที่จริงเราไม่คิดนะว่าพระเจ้าเป็นคนส่งเขามา ถูกไหม
หรือบางครั้งเราอาจจะดูอะไรเพลิดเพลินไป ดูเฟซบุ๊คนะครับแล้วก็มีอะไรบางอย่างโผล่ขึ้นมา อันนั้นก็มาจากพระเจ้า หรือบางครั้งเราดูยูทูป หรือไปไหนก็ตาม ไปจับไปแตะต้องอะไรไปดูอะไร แล้วปรากฏว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่กระตุ้นเราให้นึกถึงการเข้ามาสู่อยู่ในความเชื่อ เข้ามาสู่พระเจ้าอีกครั้งนึง เข้ามากลับเข้ามาในการเดินในพระวิญญาณอีกครั้งนึง เข้ามาสนิทอีกครั้งนึง ซึ่งสิ่งเหล่านั้นนะครับล้วนแต่มาจากพระเจ้าทั้งนั้นที่พระองค์เป็นคนทำเป็นคนที่จะตรัสกับเรา
แล้วเมื่อเรารู้นะครับเราจะเห็นว่าโอ้มีมากมายหลายสิ่งเหลือเกินที่อยู่รอบข้างเรา บ่งบอกให้รู้ว่าพระเจ้ากำลังปลอบประโลม กำลังแคร์ กำลังใส่ใจ ให้กำลังใจเราอยู่ เอเมน
ถาม.
ขออนุญาตเสริมนะคะในสดุดีบทที่ 139:23 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงตรวจตาดูเถิด และทรงทราบจิตใจของข้าพระองค์ ขอทรงตรวจสอบและประจักษ์แจ้งความคิดกระวนกระวายของข้าพระองค์ โปรดดูว่ามีสิ่งใดบ้างในตัวของข้าพระองค์ซึ่งไม่เป็นที่พอพระทัยและขอทรงนำข้าพระองค์ไปตามวิธีนิรันดร์ เอเมนขอบคุณพระเยซู พระองค์ทรงแคร์เรามากจริงๆ ค่ะ
ตอบ.
สำหรับพระคัมภีร์เดิมข้อนี้ชัดเจนมากแล้วก็ช่วยให้เราเข้าใจแล้วเป็นสิ่งที่คงอยู่ตลอดไป แน่นอนครับ comforter ภาษาไทยก็คือ ผู้ปลอบประโลม ปลอบใจ อ๋อ ไม่เป็นไร สู้ๆ นะ อ๋อ ไม่เป็นไรเรารักเจ้านะ เราอยู่กับเจ้านะ เราจะไม่ทิ้งเจ้าไปไหน สิ่งนี้คือสิ่งที่พระเจ้าอยากให้เราได้รับอยากให้เราสัมผัสอยากให้เรารู้ว่าเป็นคำที่เป็นอมตะ
พระองค์ปลอบใจเราเป็นอมตะเป็นชั่วนิรันดร์ ไม่ใช่ปลอบใจวันนี้เท่านั้นพรุ่งนี้ไม่มีไม่สนใจเรา ไม่นะ คือทุกวันทุกเวลานาทีพระเจ้าทรงปลอบประโลมปลอบใจทรง cheer up ก็คือให้กำลังใจเราทุกๆ นาที สรรเสริญพระเจ้าสำหรับสิ่งนี้ เพราะว่าเราต้องการเพื่อน เราต้องการคนเข้าใจ ต้องการคนเห็นใจ เอเมนพระเยซูสำหรับหนังสือสดุดี
เราขอบคุณพระเจ้าสำหรับพระคำวันนี้ที่สำคัญมากและมีค่ามากสำหรับคริสเตียนพวกเรา ซึ่งเราได้รู้ว่าพระองค์เป็น comforter เป็นผู้ปลอบประโลมที่ดีที่สุด ที่เข้าใจเรามากกว่าใคร พระองค์แคร์ พระองค์ใส่ใจ ให้กำลังใจเราอยู่เสมอทุกวันทุกเวลา และพระองค์ไม่เคยห่างเราไปไหน
ขอเพียงแค่เรารู้ความจริงนี้และเข้าใจและเชื่อและวางใจในความรักความเมตตาของพระเจ้า เราจะเห็นการอัศจรรย์ การปลอบประโลม การแคร์ การใส่ใจ การเอาใจใส่ ให้กำลังใจอยู่เสมอ เราจึงไม่เหงาอีกต่อไปแล้วเราก็ไม่ต้องการมนุษย์ที่เราคอยโทรไปทักไปอยากคุยกับเขา ซึ่งบางครั้งก็อาจจะช่วยได้นิดๆ หน่อยๆ เล็กๆ น้อยๆ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก แต่สำหรับพระเจ้าของเราพระองค์เข้าใจว่าเราต้องการอะไร เรากังวลเรื่องอะไร เราเป็นทุกข์เรื่องอะไรอยู่
และสิ่งสุดท้ายในพระคำของพระเจ้าในวันนี้ก็คือ ความทุกข์ยาก พระเจ้าทรงรับรู้ความทุกข์ยากของเรา
ความทุกข์ยาก 1. เรื่องการเป็นอยู่ การอยู่กิน การใช้จ่าย 2. ก็คือเรื่องการเดินทาง การประกาศ รับใช้ 3. ก็คือการถูกข่มเหง
3 สิ่งนี้เพื่อที่เราจะเป็นผู้ชนะ พระเจ้าต้องให้เรามีประสบการณ์ มันเป็นการแบ่งปันประสบการณ์ความทุกข์ยากของพระเยซู พระองค์แบ่งปันให้เราเพื่อเราจะมีโอกาสมีส่วนในอาณาจักรของพระเจ้าและมีส่วนในพระคริสต์และมีส่วนในชีวิตของพระเจ้าที่เป็นผู้ชนะ เมื่อพระเยซูผ่านประสบการณ์อะไรเราก็ต้องผ่านอันนั้น เพราะฉะนั้นพระเยซูสำคัญมากจึงแบ่งปันประสบการณ์เหล่านี้ให้แก่พวกเรา
แล้วไม่ต้องตกใจว่าคนที่มั่งมีมีฐานะจะต้องไปทุกข์ยาก ไม่เป็นแบบนั้นนะครับ หรือเราที่สบายอยู่เสมอแล้วอยู่ดีๆ ก็ตกต่ำ เจ๊ง ล่มจมอะไรทั้งหมด ไม่ใช่นะครับ ก็คือพระเจ้าจะแบ่งปันประสบการณ์ความทุกข์ยากให้เราไม่มากก็น้อยตามน้ำพระทัยพระเจ้า ไม่ใช่ว่าพระเยซูไม่มีบ้านอยู่เราก็ต้องไม่มีบ้านอยู่ พระเยซูเดินทางเดินตะลอนๆ ไปตลอดเราก็ต้องเป็นแบบนั้น ไม่นะครับ
ก็คือพระเจ้าจะแบ่งปันประสบการณ์ความทุกข์ยากไม่มากก็น้อยให้เราได้มีประสบการณ์ได้สัมผัสว่า อ๋อ การถูกข่มเหงมันเป็นแบบนี้ การติดคุกมันเป็นแบบนี้ การไม่มีกินมันเป็นแบบนี้ การอยู่แบบไม่มีบ้านไม่มีหลักแหล่งไม่มีที่ที่เราเองเป็นเจ้าของมันเป็นแบบนี้
สิ่งที่สำคัญพระเจ้าต้องการอยากให้เราเข้าใจว่าโลกนี้เป็นที่อยู่ “ชั่วคราว” โลกนี้เป็น “เงา” ไม่ใช่ของจริงไม่ใช่ของแท้ไม่ใช่ความจริง มันจะจบลงเมื่อไหร่เราไม่ทราบ และเมื่อมันจบลงเราจะเอาอะไรไปด้วยไม่ได้ นอกจากการเดินในพระวิญญาณการกำหนดว่าเราเป็นตัวใหม่เป็นคนใหม่แล้วเดินตามน้ำพระทัยของพระบิดา
เมื่อเราทุกข์ยาก เราขอบคุณพระเยซู
เมื่อเรามั่งมี เราขอบคุณพระเยซู
เมื่อเราถูกข่มเหง เราขอบคุณพระเยซู
เมื่อเราอยู่โดดเดี่ยวเดียวดายไม่มีใครรักเรา แต่เรามีผู้ปลอบประโลมที่ดีที่สุด
แล้ววันนี้สำหรับวันนี้พระคำของพระเจ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้าเป็นผู้ปลอบประโลมเราเมื่อเราทุกข์ยาก
ไม่ว่าจะทุกข์ยากเรื่องอะไร
1. ก็คือเรื่องการเป็นอยู่การอยู่กิน ฐานะอาจจะยากจนหรือขัดสนบางครั้งบางเวลา พระเจ้าอยู่ที่นั่นและปลอบใจเรา
สิ่งที่ 2. ก็คือการเดินทางไปประกาศรับใช้ การรับใช้พระเจ้า การปรนนิบัติพระเจ้าในกลุ่มในคริสตจักร เมื่อเราเจอปัญหามากมายมรสุมจากพี่น้อง เราขอบพระคุณพระองค์พระองค์เป็นผู้ปลอบประโลมเราอยู่เสมอ
และสิ่งที่ 3. ก็คือการถูกข่มเหง อาจจะถูกข่มเหง อาจจะถูกจำคุก อาจจะถูกกักขัง อาจจะถูกจำกัดการรับใช้ การใช้ชีวิตคริสเตียน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพระเจ้าก็อยู่ที่นั่นแล้วเป็นผู้ปลอบประโลมให้กำลังใจใส่ใจแคร์เรามากกว่าใครอยู่ทุกวันเวลา ขอบคุณพระเยซู
เราจำกันได้ไหมว่า บ่าวก็ไม่เหนือไปกว่านาย เมื่อนายรับอะไรได้ประสบการณ์อะไรเข้ามาในชีวิตของนาย บ่าวก็ต้องได้รับเหมือนกัน แล้วเราเองนะครับถ้าอยากเป็นผู้ชนะเราอย่าปฏิเสธเราหลีกหนีไม่ได้ การข่มเหงก็จะมีมา การทุกข์ยากทั้งฝ่ายร่างกายการเป็นอยู่การอยู่กินขัดสนก็จะมีมาเป็นบางครั้ง การถูกข่มเหงก็จะมีมา การพี่น้องไม่เข้าใจพี่น้องไม่รักเรา หรือใครเกลียดชังเรา คริสเตียนแตกแยกขัดแย้งให้เราอยู่กับเขาไม่ได้ ก็คือสิ่งเหล่านี้สิ่งเดียวเท่านั้นที่เราขอบพระคุณพระเจ้าก็คือพระเยซูยังอยู่กับเราแล้วเป็นผู้ปลอบประโลมเราที่ดีที่สุดที่เข้าใจเรามากกว่าใคร สรรเสริญพระเยซูในสิ่งนี้เอเมน
มีบางคนถามว่าทำไม พระเจ้าไม่ให้ผู้เชื่อทุกคนมั่งมี มันจะได้แบบสิ้นหมดปัญหาต่างๆ สำหรับพระเจ้าของเรานะครับพระเยซูเสด็จมาในโลกนี้พระเยซูอยู่ในฐานะของคนมั่งมีไหมหรือว่าคนยากจน (ยากจนค่ะ/ครับ) ทั้งๆ ที่พระเจ้าสามารถทำให้พระเยซูเป็นผู้ยิ่งใหญ่ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีได้ แต่พระองค์ไม่ทำ
แล้วพระเยซูเดินทางไปมา พระเยซูอยู่ดีกินดีไหม กินสเต็กทุกวันไหมกินแฮมเบอร์เกอร์กินพิซซ่าไหม หรือกินอะไร พระเยซูกินอาหารที่เขาเอามาให้นะครับ บางครั้งก็มีกิน บางครั้งก็กินแบบ อดๆ อยากๆ ไม่ได้มีอยู่ตลอดเวลานะครับ เพราะว่าคนที่ติดตามพระเยซูมีหลายร้อยหลายพันคนก็จริง แต่อย่าลืมนะครับหลายคนขี้เหนียว รู้ได้ยังไง?
รู้ได้ (มธ 14:13-21, ยน 6:1-14) ขณะที่มีประมาณ 5,000 คนที่เป็นผู้ชายไม่นับผู้หญิงและเด็ก ไม่มีใครเสนออาหารยื่นอาหารมาให้พระเยซู มีกี่คนครับมี “เด็ก” เล็กๆ คนเดียวที่เอาปลากี่ตัวขนมปังกี่ก้อน (ปลาเล็กๆ สองตัวกับขนมปังห้าก้อน) นี่คือการขัดสนการอดๆ อยากๆ การอยู่ทุกข์ยากของพระเยซู พระเยซูไปไหนใช่มีคนติดตามเยอะแยะ แต่ไม่ได้มีคนที่ซัพพอร์ตจริงๆ แต่พระเยซูอยู่รอดมา 33 ปีกว่าไม่เคยขาดไม่เคยขัดสนมากจนเกินไป การอัศจรรย์เกิดขึ้นตลอดเวลาพระบิดาหยิบยื่นอาหารหยิบยื่นสิ่งที่จำเป็นให้พระองค์และสาวกโดยคนที่ไม่คาดคิดก็คือ “เด็กเล็กๆ”
เพราะฉะนั้นเราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับประสบการณ์ชีวิตที่พระเยซูได้รับ พระเยซูไม่ร่ำรวยไม่มั่งมีไม่ใช่เศรษฐี พระเยซูไม่ได้มีอยู่มีกิน กินสเต็ก กินอาหารดีๆ ตลอดเวลา แต่พระเยซูบอกพวกเรานะครับสิ่งหนึ่งก็คือโลกนี้เป็นที่อยู่ “ชั่วคราว” แล้วพระเยซูมาไม่ได้มาเพื่อแสวงหาสิ่งเหล่านี้ คือความสุขของร่างกาย แต่พระเยซูมาเพื่อนำวิญญาณของทุกดวงให้รอด ให้ได้มีโอกาสเข้าไปอยู่ในอาณาจักร และเข้าไปในฟ้าสวรรค์ใหม่แผ่นดินโลกใหม่ ขอบคุณพระเยซู
เพราะฉะนั้นเมื่อเราเจอประสบการณ์ชีวิตที่อดอยากทุกข์ยากขัดสน เรามองที่พระเยซู พระองค์ก็เคยผ่านประสบการณ์นี้ แล้วเราขอบพระคุณพระเยซูที่สอนเราว่าพระองค์ทุกข์ทนลำบาก เราที่เป็นผู้ชนะก็ต้องทุกข์ทนลำบากเหมือนพระองค์ เราขอบพระคุณพระเจ้าเราไม่ขาดสันติสุขและเราไม่ขาดผู้ปลอบประโลมใจที่ใส่ใจที่แคร์ที่รักเราอยู่เสมอ เอเมน
และพระเจ้ารู้ดีนะครับจะให้ใครมั่งมีร่ำรวยได้ หรือไม่ควรให้ใครมั่งมี เพราะว่าบางคนอยู่อย่างยากจนอยู่แบบมีฐานะสามัญชนธรรมดาทั่วไปอยู่ไปวันๆ เนี่ยมันก็ดีอยู่แล้ว แต่ถ้าให้เขาน่ะ บางคนก็คือให้เขามั่งมีร่ำรวยขึ้นมาปุ๊บ อาการเย่อหยิ่งอาการหลงลืมพระเจ้าทิ้งพระเจ้ามันมีโอกาสที่จะเป็นไปได้มาก พระเจ้าจึงไม่ให้นะครับ
แล้วสิ่งที่สำคัญคือพระเจ้าต้องการจะสอนเราว่าโลกนี้เป็นที่อยู่ “ชั่วคราว” อย่าไปปักใจปักหลักตั้งรากฐานชีวิตให้มั่นคงอยู่ในโลกนี้ เพราะว่าสิ่งที่มั่นคงก็คืออาณาจักรสวรรค์และฟ้าสวรรค์ใหม่แผ่นดินโลกใหม่
พูดถึงเรื่องสเต็กแฮมเบอร์เกอร์อะไรทั้งหลาย ผมอยู่อเมริกา 20 กว่าปีถามว่าชอบไหม ชอบมาก อร่อยมาก แต่ถามว่าตอนนี้ไม่ได้กินเป็นยังไงรู้สึกยังไงเสียดายไหมคิดถึงไหม ก็ธรรมดานะ คืออาหารทุกสิ่งที่เรากินมันก็ถ่ายออกไป น้ำดื่มเราดื่มมันก็แค่นั้น สิ่งที่เรามองเห็นทุกวันนี้ในโลกทุกวันนี้ที่เรียกว่าความสุขที่เรียกว่าความอิ่มอร่อย อร่อยของมนุษย์ แต่จริงๆ แล้วความอร่อยแท้ที่จริงเนี่ยมันคือสันติสุขที่มาจากพระเจ้า
เราทานข้าวเรากินข้าวเรากินอะไรก็ตามที่มันไม่ได้เอร็ดอร่อยมากมันเป็นอาหารพื้นบ้านชาวบ้านธรรมดาๆ กินกัน ไม่ใช่อาหารที่แพงหรู แต่พี่น้องทราบไหมว่าถ้าเรากินกับพระเจ้ามันจะมีรสหวานๆ เหมือนน้ำผึ้งนะ แล้วความปลอดภัยความสะอาดจากเคมีจากพิษภัยทั้งหลายที่มันแฝงอยู่ในอาหารที่เขาปรุงแต่ง มันไม่มีมันปลอดภัยเพราะว่าพระเยซูใช้ Filter กลั่นกรองอาหารแล้วชำระอาหารให้สะอาด เรากินด้วยความปลอดภัย และเรากินด้วยความมีน้ำผึ้งที่ผสมอยู่มันหวานมันอร่อย เมื่อเราอยู่ในการเดินในพระวิญญาณกับพระเจ้า เอเมน
วันนี้อีกครั้งนะครับเราพูดถึง 4 เรื่องด้วยกัน
เรื่องแรก ก็คือเปาโลยืนยันว่าท่านเป็นอัครทูตที่มาจากพระเจ้า ขณะที่คริสเตียนมากมายทุกวันนี้เชื่อว่าเปาโลเป็นแค่อัครทูตเป็นแค่คนที่ทำงานกับชาวต่างชาติแล้วหนังสือจดหมายฝากของเขาหลายฉบับไม่ได้มาจากพระเจ้าไม่ได้เขียนโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ อันนี้เป็นความเชื่อที่ผิดนะครับ เพราะฉะนั้นพระเจ้าต้องการยืนยันว่าเปาโลเป็นอัครทูตที่มาจากพระเจ้าจริงๆ แล้ว กระทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าจริงๆ เพราะฉะนั้นจดหมายของเปาโลทุกฉบับเรานับว่าเป็นพระคำพระเจ้า เขียนโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ผ่านมือของเปาโล เอเมน
และสิ่งที่ 2. เราจะพูดว่าสาธุการแด่พระเจ้า เราก็พูดได้ ถ้าหากว่าเราคิดในลักษณะของการที่คำนี้ไม่ยุ่งเกี่ยวกับศาสนาอื่นที่เขาเคยใช้กัน ศาสนาอื่นเขาใช้กันว่าสาธุ สาธุการ ถ้าเราเห็นว่ามันฟังแล้วรู้สึกว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เราไม่พูดนะครับ สำหรับผมผมไม่พูดนะครับ แต่ถ้าจะพูดว่า Blessed be to God , Lord Blessed be to you ก็คือพระพรเป็นของพระองค์ คำพูดดีๆ ทั้งหมดเป็นของพระองค์ถวายให้พระองค์ คำพูดยกย่องคำพูดสรรเสริญ คำพูดที่มันดีมันทำให้พระองค์พอใจ พูดหนุนใจพูดให้กำลังใจ พูดอะไรก็ตามที่ดีๆ
คือเราไปเยี่ยมคนแก่คนนึงหรือว่าไปเยี่ยมผู้ใหญ่ แล้วเราไปพูดในสิ่งที่ดีๆ ให้เขา "ขอบคุณมากค่ะขอให้สุขภาพแข็งแรงนะ ขอให้อยู่ดีกินดีนะ" อะไรประมาณนี้ นี่คือสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เราพูดกับพระองค์แบบนี้ แต่ภาษาไทยแปลว่าสาธุการแด่พระเจ้า ถ้าเราจะนำมาใช้โดยที่ไม่คิดถึงศาสนาอื่น ก็โอเคนะครับ แต่ภาษาอังกฤษก็คือใช้ได้ Blessed be to God ก็คือพระพรทั้งหลายสิ่งที่ดีๆ ทั้งหลายขอให้เป็นของพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว เอเมน
และข้อที่ 3. เราขอบพระคุณพระเจ้าที่เราเห็นชัดแล้ววันนี้สำหรับพี่น้องหลายคนนะครับ ก็คือพระเจ้าของเราพระองค์เป็นพระผู้ปลอบประโลมที่ดีที่สุด ที่เข้าใจที่สุด ที่ใส่ใจ ที่แคร์เรามากที่สุดกว่าใคร
เริ่มจากตรงนี้ยอห์นบทที่ 14:16 พระเยซูตรัสว่า “และเราจะทูลขอพระบิดา และพระองค์จะประทานผู้ปลอบประโลมใจอีกผู้หนึ่งให้แก่ท่านทั้งหลาย เพื่อพระองค์จะได้สถิตอยู่กับท่านทั้งหลายตลอดไป”
** ขอบคุณพระเจ้าผู้ปลอบประโลมผู้นี้ก็คือ พระเยซูคริสต์ พระวิญญาณของพระองค์จะอยู่กับพวกเราตลอดไป และจะเป็นผู้ปลอบประโลมของเรา
14:17 “คือพระวิญญาณแห่งความจริง ผู้ซึ่งโลกไม่สามารถรับได้ เพราะว่าโลกมองไม่เห็นพระองค์และไม่รู้จักพระองค์ แต่ท่านทั้งหลายรู้จักพระองค์ (เอเมนเรารู้จักพระเยซูดีนะครับ ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์เป็นวิญญาณที่อยู่กับเราตอนนี้) เพราะพระองค์ทรงสถิตอยู่กับท่านทั้งหลายและจะประทับอยู่ในท่านทั้งหลาย”
** ประทับ สถิตอยู่ ก็คือทำบ้านอาศัยอยู่ทำที่อาศัย ทำให้บ้านเราให้เราเป็นที่อาศัยของพระเจ้า ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ มาๆ ไปๆ แต่เป็นที่พักอาศัยที่ถาวรที่อยู่กับเรา เอเมนขอบคุณพระเยซูสำหรับสิ่งนี้
14:18 “เราจะไม่ละทิ้งท่านทั้งหลายไว้ให้ปราศจากการปลอบประโลมใจ เราจะมาหาท่านทั้งหลาย”
** ความหมายก็คือ เราจะไม่ทิ้งท่านทั้งหลายไว้ให้ปราศจากการปลอบประโลมใจ การปลอบประโลมใจ การปลอบใจ การให้กำลังใจ มันจะมีอยู่เสมอทุกวันทุกเวลานาทีเพราะว่ายอห์นบทที่ 14:18 ยืนยันสิ่งนี้ เอเมนพระเยซู
14:20 “ในวันนั้นท่านทั้งหลายจะรู้ว่า เราอยู่ในพระบิดาของเรา และท่านทั้งหลายอยู่ในเรา และเราอยู่ในท่านทั้งหลาย”
** ขอบคุณพระเยซู เมื่อเรารับมานาฯ สิ่งที่ดีที่สุดยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับวันนี้ที่เราได้รู้ เราเข้าใจ เมื่อเราพบมานาฯ ก็คือพระบิดาอยู่ในพระเยซู และเราเองเราทั้งหลายอยู่ในพระเยซู และพระเยซูอยู่ในเราทั้งหลาย สรรเสริญพระเจ้าสรรเสริญพระบิดาขอบคุณพระเยซูและขอบพระคุณพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่พระองค์กระทำให้สำเร็จทุกสิ่งแล้ว คือพระบิดาอยู่ในพวกเรา พระเยซูอยู่ในพวกเรา พระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่ในพวกเรา แล้วเราทั้งหลายก็อยู่ในพระองค์เช่นกัน พระเยซูพวกเรารักพระองค์ เอเมน
ข้อที่ 4. เรื่องสุดท้าย ก็คือพระเจ้าทรงรับรู้ความทุกข์ของเรา ความทุกข์ยากของเรา ความขัดสนของเราเรื่องการเป็นอยู่การอยู่กิน การขัดสนของเราอาจจะเกิดมีมาบางครั้ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราไม่หวั่นไหวเพราะว่าโลกนี้เป็นที่อยู่ “ชั่วคราว” และพระเยซูก็แบ่งปันพระเยซูเองเป็นคนแบ่งปันประสบการณ์ความทุกข์ยากนี้ให้พวกเรา ในพระคัมภีร์พูดชัดเจนพระองค์เป็นคนแบ่งปันให้เรา ไม่ใช่ว่าเรารับมาเองหรือมันมาเอง พระเยซูเป็นคนแบ่งปันให้
ถ้าเราอยากจะเป็นบุตรที่รักและเป็นผู้ชนะร่วมกับพระเยซูและปกครองบ้านเมืองร่วมกับพระองค์ ครอบครองอาณาจักรสวรรค์และฟ้าสวรรค์ใหม่แผ่นดินโลกใหม่ร่วมกับพระเยซู เราก็ต้องรับส่วนแบ่งปันที่พระเยซูแบ่งปันให้ก็คือ การข่มเหง การประกาศรับใช้ที่ทุกข์ยากลำบาก การถูกผู้คนประณาม การถูกกักขังบ้างบางคนนะครับพระเจ้าเลือก แล้วการอยู่กินที่ขัดสน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็คือพระเยซูเป็นคนแบ่งปันให้ เราจะต้องได้รับประสบการณ์เหล่านี้ความทุกข์ยากนี้ไม่มากก็น้อย
เราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับทุกสิ่งที่จะมีมา ความทุกข์ยากนะครับ แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่เราขาดไม่ได้ 24 ชั่วโมง 7 วัน ทุกเวลาตลอดเวลาสม่ำเสมอก็คือ การปลอบประโลมใจ การให้กำลังใจ การใส่ใจ การแคร์เรา รักเรา ไม่เคยห่างไปไหน ขอบคุณพระเจ้า
สำหรับพี่น้องหญิงพวกเรานะครับ ทำหน้าที่เป็นคนที่พูดเสริม และขณะที่เรามีพี่น้องชายอยู่มากมายเราช่วยกันเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า ขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระบิดานะครับ
เราขอบคุณพระเจ้าสำหรับพี่น้องหญิงที่ไม่สะดุดไม่น้อยใจ แล้วพี่น้องผมก็เชื่อว่าเราก็น่าจะเข้าใจ สำหรับพี่น้องชายที่มีอยู่ที่ร่วมอยู่เราทำหน้าที่พูดหลักแล้วทำหน้าที่เป็นผู้ที่นำพาพี่น้องนะครับ
แต่สำหรับพี่น้องหญิง เราขอบคุณพระเจ้าที่หลายคนรักและมีใจที่อยากจะรับใช้ เราให้คุมศีรษะอยู่และรักษาการไม่มีตัวตน เพื่อที่พระเจ้าจะเป็นคนยกเขาขึ้นเอง แล้วพระเจ้าจะเป็นคนนำเขา ใช้เขา ทำทุกสิ่งตามน้ำพระทัยของพระบิดา ทุกคนได้รับพระพรได้รับบำเหน็จตามที่ทุกคนกระทำ แต่เรื่องการกระทำตามหน้าที่เราทำให้ถูกนะครับ
สำหรับผมไม่มีปัญหาใครจะเป็นอะไร ใครจะเป็นคนหลัก หรือพูด หรือเป็นอาจารย์ เป็นศิษยาภิบาล เป็นอะไรผมไม่ได้มีปัญหา แต่ปัญหามันอยู่ที่พระเจ้านะครับ เพราะฉะนั้นเมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัส เมื่อกฎเกณฑ์ใหม่เกิดขึ้นในพระคัมภีร์ใหม่ เราทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้านะครับเพราะว่าเรารักพระองค์ แล้วเราต้องการให้พระองค์พอพระทัยในคริสตจักรของพวกเรา
เพราะฉะนั้นขอบคุณพระเยซูที่เราทั้งหลายถ่อมใจ แล้วก็เราเข้าใจกันและกัน เราไม่ได้ยกขึ้นให้เป็นผู้นำ ไม่ได้ยกขึ้นให้เป็นผู้สอน ผู้พูดหลัก แต่ว่าเรารัก เรารักเราให้เกียรติ เราดูแลทุกคนในฝ่ายวิญญาณ เป็นพี่น้องในพระกายเท่ากัน สรรเสริญพระเยซูเอเมน
และวันนี้เราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับบทเรียนที่มีค่า ก็คือเรามีผู้ปลอบประโลมที่ไม่เคยห่างทิ้งเราไปไหน พระองค์ใส่ใจ พระองค์แคร์ พระองค์ให้กำลังใจเราอยู่เสมอทุกวันทุกเวลา อย่าไปคิดว่าพระเจ้าใจดำ พระเจ้าไม่เคยแคร์เรา พระเจ้าไม่รักเรา แล้วก็เกิดน้อยใจท้อใจ อันนี้เป็นสิ่งที่ไม่ใช่ความจริงในพระคำพระเจ้า เอเมน
และการทุกข์ยากลำบากขัดสนในเรื่องการใช้ชีวิต การเป็นอยู่ อาหารการกิน เงินทองใช้จ่าย แล้วก็เรื่องการทุกข์ยากลำบากเรื่องการไปประกาศ การรับใช้ หรือการที่พี่น้องขัดแย้ง พี่น้องทะเลาะ พี่น้องไม่ให้เกียรติเรา ไม่ให้กำลังใจเรา พี่น้องไม่เชื่อฟังเรา หรือเกิดปัญหาต่างๆ นาๆ ในคริสตจักร และสุดท้ายก็คือการข่มเหงจากชาวโลกจากคนที่ไม่เชื่อ อาจจะถูกกักขังบ้าง หรืออาจจะถูกจำกัดการรับใช้ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่มาเป็นเรื่องของการข่มเหง สิ่งเหล่านี้นะครับไม่ได้มาหาเราโดยตรงแต่พระเยซูเป็นผู้แบ่งปัน พระเยซูแบ่งปันให้เรา เพราะว่าเราจะมีส่วนในการรับใช้การเป็นผู้ชนะครอบครองร่วมกับพระองค์ เอเมน
พอดีเมื่อกี้ผมพูดถึงว่าเมื่อก่อนที่อยู่อเมริกาเคยอยู่ดีกินดี กินสเต็กกินแฮมเบอร์เกอร์อะไรอร่อยๆ พี่น้องบางคนบอกว่าอ้าวเพิ่งลงรูปสเต็กใน Facebook ไม่ได้เกี่ยวกับผมนะครับคือผมไม่ได้เข้าไปดูใน Facebook นานหลายวัน หรือว่าถ้าผมเข้าไปหรือถ้าผมเห็นก็ไม่ได้พูดถึงเขานะครับ เพราะฉะนั้นพี่น้องอย่าเข้าใจผิดนะครับ แต่บางครั้งพระวิญญาณบริสุทธิ์อาจจะ อาจจะ อาจจะเตือนเขา หรืออาจจะอะไรก็ไม่รู้ใช่ไหม
สำหรับเรานะครับ เราจะโพสต์อะไรใน Facebook เราที่เป็นบุตรพระเจ้า เราที่ดำเนินชีวิตอยู่ในกระบวนการการก่อขึ้นของพระวิญญาณบริสุทธิ์สู่ชีวิตผู้ชนะ การโพสต์เรื่องอาหารก็ดี เรื่องการไปมาก็ดี เรื่องธุรกิจการงานก็ดี ความสำเร็จอะไรทั้งหลายเนี่ยก็ดี ถ้าจะเป็นได้นะครับถ้าจะเป็นได้บุตรที่รักของพระเยซูมนุษย์วิญญาณ เราจะไม่พูดไม่อวดไม่โชว์อะไรมาก เราจะเสริมสร้างพี่น้องด้วยพระคำพระเจ้า พูดด้วยการหนุนใจพี่น้องให้พี่น้องได้รับการก่อขึ้นเสริมสร้างสู่ชีวิตฝ่ายวิญญาณมากกว่า แทนที่จะลงรูปอะไรทั้งหลายที่มันเป็นเรื่องของฝ่ายร่างกาย แล้วทำให้มนุษย์เนี่ยหิว อยากกินเหมือนเรา อยากได้เหมือนเรา อยากมีเหมือนเรา อันนี้เป็นสิ่งที่นอกเหนือจากน้ำพระทัยของพระเจ้าครับผม เอเมนนะครับ
แล้วผมอยากจะหนุนใจพวกเรานะครับ เราโพสต์ในสิ่งที่เสริมสร้างดีกว่า แทนที่จะพูดในเรื่องที่เป็นการบ่น หรือเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเราเองที่พี่น้องไม่ได้รับพระพรร่วมกับเรา เราไม่ลงดีกว่า เอเมนนะครับ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่ผ่านมาที่ผมพูดอะไรทั้งหลายเนี่ย ผมไม่ได้ไปเอามาพูดเพื่อประชด หรือพูดใส่ หรืออะไรใคร แต่ก็พูดถึงเพราะว่าขอบคุณพระเจ้าวันนี้พระองค์นำเรามาถึงเรื่องความทุกข์ยากใช่ไหม
เพราะฉะนั้นสำหรับผมจะอยู่ยังไงจะกินยังไงอยู่ดีกินดี หรืออยู่อย่างขัดสนอะไร ผมขอบพระคุณพระเจ้าทุกวัน เพราะว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งชั่วคราว การอยู่ดีกินดีกินที่อร่อยก็คือกินร่วมกับพระคริสต์กินอยู่ในพระคริสต์และกินเพื่อพระคริสต์ ผมจะกินอะไรวันไหนผมจะถามว่า "พระเยซูจะกินอะไรวันนี้ แล้วเราไปกินด้วยกัน แล้วพระเยซูจ่าย" แล้วปรากฏว่าอาหารทุกอย่างที่เรากินเรามั่นใจว่ามันปลอดภัยสะอาดแน่นอนไม่มีสารปนเปื้อนไม่มีสิ่งอะไรที่เป็นสกปรกไม่มีสิ่งอะไรที่เป็นสารเคมี แล้วขอบคุณพระเจ้าที่อาหารมันจะอร่อย อร่อยมาก คือพระเจ้าทำให้อร่อย ไม่ใช่อาหารที่เขาทำนะ แต่พระเจ้าทำให้อร่อยเอเมน ถามนะครับถามพระเจ้า "พระเยซูอยู่ในข้าพระองค์พระองค์หิวพระองค์อยากกินอะไร ไปกินด้วยกัน"
พี่น้องที่ได้อ่านพระคัมภีร์ หรือได้ฟังที่ผมเคยพูด เราคงทราบกันดีใช่ไหม พระเยซูกินเก่ง เชื่อไหมพระเยซูชอบกิน เมื่อมีอาหารเมื่อบางคนเชิญพระเยซูไปเศรษฐีบางคนเชิญพระเยซูไปบ้านเนี่ย พระเยซูจะกินเอาๆๆ ในพระคัมภีร์บอกว่าพระเยซูกินเก่ง เราเห็นกันไหม (มธ 11:19) เอเมน
เพราะฉะนั้นเรื่องการกินไม่ใช่เรื่องใหญ่ แล้วเราที่เป็นมนุษย์เราอยู่ในโลกนี้เรากินอะไรก็กินไปเถิด พระเจ้าให้กินอะไรเราก็กิน เรากินด้วยการขอบพระคุณ แล้วเชื่อว่าพระเยซูกินกับเรา แล้วเรากินเพื่อให้พระเยซูได้ชิมได้อร่อย พระเจ้าลงมาในโลกนี้สิ่งหนึ่งที่พระเจ้าต้องการอยากจะชิมก็คืออาหาร แต่ไม่ใช่ว่าคือกินอาหารที่แพงหรูต้องไปภัตตาคารต้องไปร้านอาหารที่มันประมาณนั้น แต่เรากินอะไรก็ได้ริมถนนก็ได้ริมทางก็ได้ อาหารที่แบบถูกๆ ก็ได้ แต่เมื่อเรากินกับพระเยซูคือมันจะหวานหอมหวานและอร่อยมากๆ
ถาม.
ขอถามต่อจากการสามัคคีธรรมเมื่อวานเรื่องใจกำหนัดค่ะ เราที่เป็นผู้หญิงที่ฝึกเดินในฝ่ายวิญญาณแล้วก็โตในฝ่ายวิญญาณประมานนึง แล้วการแต่งตัวการแต่งรูปของเราที่มันเกินจริงและเป็นเหตุให้ผู้ชายมองด้วยใจกำหนัด เราจะมีความผิดมั้ยค่ะ หรือยังไงค่ะ
ตอบ.
มีครับ
1 ทิโมธี 2:9-12
2:9 ในแบบเดียวกันด้วย ให้พวกผู้หญิงแต่งตัวในเครื่องนุ่งห่มที่สุภาพเรียบร้อย พร้อมด้วยความรู้จักละอายและความมีสติสัมปชัญญะ ไม่ใช่ด้วยการถักผม หรือทองคำ หรือไข่มุกทั้งหลาย หรือเครื่องแต่งกายราคาแพง
2:10 แต่ (ซึ่งสมกับพวกผู้หญิงที่ประกาศตัวว่าอยู่ในทางของพระเจ้า) ด้วยการงานที่ดีทั้งหลาย
2:11 ให้ผู้หญิงเรียนรู้อย่างเงียบๆ ด้วยใจนอบน้อมทุกอย่าง
** พี่น้องหญิงควรแต่งกายเรียบร้อยคือไม่โป๊ๆ เปลือยๆ ในลักษณะที่ยั่วยวนผู้ชาย ทั้งกิริยาอาการคุณสมบัติเพื่อให้เหมาะสมกับคนที่เดินทางพระวิญญาณ
ถาม.
เอเมนๆ ค่ะ แล้วสมัยนี้เขาฮิตกันแต่งรูปภาพตัวเองสวยๆ จริงๆ แล้วเราควรจะทำมั้ยค่ะ หรือว่าก็ตามขนาดของความเชื่อค่ะ
ตอบ.
ถ้าหากเรารักและแสวงหาการเดินในพระวิญญาณอย่างแท้จริงและโตพอ เราจะไม่แต่งครับ
พระเยซู เปาโล และสาวกสมัยแรกใส่เสื้อผ้าเก่าๆ ไม่สนใจเรื่องดูดีภายนอก แต่เน้นความงดงามของจิตใจมากกว่า เพราะว่าทุกคนวิ่งแข่งเข้าอาณาจักร ต้องใช้ความสวยหล่อฝ่ายวิญญาณ (ผลของพระวิญญาณ)
อย่าลืมนะครับว่า เมื่อพระเยซูเสด็จมา พระองค์สวมสภาพที่ขี้เหร่ หน้าตาไม่ดี ไม่หล่อ ไม่มีสิ่งใดที่ทำให้ผู้คนหลงไหลในรูปกายภายนอกของพระองค์เลย (อสย 53:2-3)
สำหรับพี่น้องหญิงที่ยังทำไม่ได้และรักสวยรักงามอยู่ เราในฐานะพระกายก็หนุนใจ ให้โอกาสและอธิษฐานเผื่อ เพื่อการชำระ ไม่ใช่ฝืนใจเลิก (แต่อาจมีผลต่อตำแหน่งหน้าที่การรับใช้) ครับ
1. เรื่องพี่น้องหญิงเป็นคนพูดหลักไม่ได้ถ้าหากมีพี่น้องชายที่พูดได้ร่วมอยู่ด้วย และทำหน้าที่เป็นครูสอนไม่ได้ แต่เผยพระวจนะเสริมได้ ถ้าหากเรายอมให้พี่น้องหญิงทำ การตีสอนก็จะตามมา
- พี่น้องหญิง เมื่อเผยพระวจนะ หรือพูดหลักขณะที่ไม่มีพี่น้องชายร่วมอยู่ด้วย ไม่ควรใช้คำพูดในลักษณะเป็นนาย เป็นอาจารย์ มีอำนาจ ซึ่งทุกคนสามารถสัมผัสได้ว่าเขาต้องการเป็นใหญ่ อยากเด่นดีดัง นี่คือการไม่คลุมศรีษะของพี่น้องหญิงและแน่นอนโทษก็จะมาถึงเขา
2. คำว่า งอน ไม่ควรมีท่ามกลางบุตรของพระเจ้า แต่ถ้าผู้เชื่อเด็กและเพื่อที่ไม่เชื่องอนเรา เราในฐานะผู้เชื่อฝ่ายวิญญาณ เราไปง้อ เราขอโทษ เราเป็นฝ่ายไปหาเข้าก่อน ยอมต่ำถ่อมยอมเสียเปรียบเพื่อเขาจะเห็นพระคริสต์ผู้ถ่อมใจผ่านเรา บุตรพระเจ้าเป็นผู้สร้างสันติ Peacemaker คืออยู่เพื่อสร้างมิตรภาพอันดีต่อทุกคน ขอพระเยซูชำระเราให้ถ่อมถึงดิน ไม่อวดตัวอวดดีอวดฉลาด บุตรพระเจ้า ถ้าหากมีอะไรไม่สบายใจไม่พอใจก็มาคุยกัน ไม่ใช่งอน หรือเก็บไว้ในใจทำให้เกิดมีรากขมขื่นไม่มากก็น้อย
3. ผมสอนลูกชายเรื่องความรอดมีสองรอด เรื่องคุณค่าอันครบถ้วนของพระโลหิต
4. เมื่อมีสิ่งที่บาดหมางใจกันท่ามกลางพี่น้อง พระเจ้าต้องการให้เราคืนดี กลับใจ กลับมาสู่ความรักในพระคริสต์ พระองค์ตรัสกับทั้งสองทุกด้านเพื่อให้สัญญาณ แต่เราอาจไม่รู้หรือคิดไม่ถึง แต่สิ่งที่สำคัญคือเราต้องเรียนรู้การสื่อสารอันครบถ้วนของพระเจ้ากับผู้เชื่อ ผู้เชื่อที่โตกว่าก็ควรยอมไปขอคืนดี ง้อ การกระทำดังกล่าวจะทำให้เขาไม่ขาดบำเหน็จทั้งในชีวิตนี้และยุคหน้าอย่างแน่นอน
5. การขอโทษซึ่งบางครั้งเราไม่ผิด ก็ดี ทำให้รับพรและหัวใจโล่งเบาสบายเนื่องจากว่าสันติสุขเต็มล้นในเราและผู้ที่ได้ยินคำขอโทษจากเราก็อาจจะอ่อนใจและมองเห็นความรักและหวังดีของเราต่อเขา
6. เราผู้ชนะ ไม่มีศักศรี ไม่มีตัวตน ไม่มีเกียรติ เราจึงเป็นฝ่ายที่ต้องรักก่อน ขอโทษก่อน ยอมก่อน เพื่อว่าในอาณาจักรเราจะได้นั่งที่สูงและอยู่ใกล้องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
7. อย่าโกรธจนถึงตะวันตกดิน ตะวันคือตะวันของแต่ละคน ตะวันตกดินคือเราเข้าไปอยู่ในความมืดหรือการบาปแล้ว หลุดจากพระคริสต์เข้าไปอยู่ในเนื้อหนังที่มีตัวบาปเป็นนายแล้ว เราอาจโกรธได้แต่อย่าได้ถึงเจ็ดก้าวหรือเจ็ดวินาที เพื่อซาตานจะไม่ครอบครุมครอบงำควบคุมจิตใจเราได้
8. ชาวยิวบัพติศมาชาติอื่นที่อยากเป็นยิวและคู่แต่งงานที่เป็นชาติอื่นเพื่อเข้ามามีส่วนในพระพรของพระเจ้า และยอห์นนำมาใช้เพื่อนำผู้คนให้กลับใจเสียใหม่จากพันธสัญญาเดิมสู่พระสัญญาใหม่ จากนั้นผู้เชื่อก็ต้องรับบัพติศมาในพระนามพระเยซูเพื่อการบังเกิดใหม่และการถูกรับเข้าไปอยู่ในพระคริสต์หรือในพระวิญญาณบริสุทธิ์นั่นเอง
9. สาเหตุของการร้องให้เสียใจ คือความทุกข์ยากทั้งฝ่ายร่างกาย จิตใจ และวิญญาณ เมื่อเรากลับใจเชื่อในพระเยซูเราจะได้รับการรักษาให้หายทั้งสามด้าน
10. การอยู่ดีกินดีก็ดี ชีวิตที่ดีที่เราได้รับจากพระเจ้าก็ดี ไม่ได้สำคัญมากเท่าชีวิตที่เต็มล้นด้วยสันติสุขและมั่นใจในความรอด อาหารข้างทางที่เรากินอาจไม่แพงไม่อร่อยเท่าร้านที่หรูหรา แต่เมื่อกินกับพระเยซูรสชาตก็อร่อยและสะอาดปลอดภัย
11. พระบัญญัติมาเพื่อประหารเรา คือเมื่อเราทำบาปละเมิดพระบัญญัติ พระบัญญัติก็ลงโทษเรา เราไม่ควรแตะต้องพระบัญญัติอีกต่อไปเพราะว่าเราอยู่ใต้พระคุณ ซึ่งก็คือการทำแทนของพระคริสต์ในเราผ่านเรา
สำหรับผม ผมเชื่อนะครับว่าพระเจ้ากำลังทำงานในกลุ่มพวกเราอยู่ เรื่องเกี่ยวกับพี่น้องชายพี่น้องหญิง แล้วการปรนนิบัติหน้าที่รับใช้ให้ถูกต้อง เอเมน
คริสตจักรเป็นของพระเยซู พระองค์ก่อตั้ง สิ่งดีๆ ก็จะตามมาเมื่อเราแสวงหาการทำในสิ่งที่ถูกต้องตามน้ำพระทัยของพระเจ้า เอเมน
ถาม.
เมื่อคืนหลังจากที่ผมอธิษฐานเรื่องพี่น้องแบ่งปันในกลุ่มใหญ่ แล้วก็เรื่องความฝันต่างๆ มันตรงกับความฝันผม ทีนี้ผมก็อธิษฐานเมื่อคืนก็ได้คำตอบมาก็คือ ผมนั้นเป็นผู้ดูแลสวนองุ่น 1 สวน 1 แปลงองุ่นนั้น แต่เป็นต้นเหมือนกับต้นข้าว แต่เป็นผลองุ่นเต็มทั้งแปลงนั้น แล้วมีอีกซีกหนึ่งเขาขโมยตัดเอาไปกินกัน คล้ายๆ ว่าเขาเอาทั้งตอเอาจนถึงพื้นเลยถึงโคนเลย พอไปอีกนิดนึงที่เขาเอาไปนั้น ก็เดินสำรวจดูแล้วก็มีผู้หญิงคนนึงนั่งอยู่กับลูกเขา เขาบอกว่าเขาโดนคริสเตียนศาสนาดูถูกเขา เพราะว่าทาง อ. ของเขานั้นบอกว่าเขาเป็นคริสเตียนหอย ในความฝันนั้นผมก็เอ๊ะคริสเตียนหอย ผมก็เลยบอกว่าต้องถามอาจารย์ดู ว่าคริสเตียนหอยนี้มันเป็นยังไง แต่สวนองุ่นนั้นเราล้อมรั้วไว้อย่างดี แต่ยังมีคนมาขโมยเอาไปอยู่
ก็ขอเปิดเผยด้วยครับเอเมน
ตอบ.
สำหรับต้นองุ่นนะครับ ก็คือ ผล ผลที่เราจะได้รับเมื่อเราทำสวนองุ่น ทำไร่ทำสวนองุ่นของพระเจ้า อาจจะมีคนมาแย่ง อาจจะมีคนมาแย่งชิง อาจจะมีคนทำให้เราไม่เกิดผล หรือจะมาแย่งชิงผลที่เราจะเกิดนะครับ
สิ่งที่สำคัญนะครับ อย่ารับความเชื่อคำสอนที่เป็นเชื้อยีสต์เข้ามา การรับใช้ของเราขอให้รับใช้ตามน้ำพระทัย ขอให้รับใช้ในพระคริสต์ ร่วมกับพระคริสต์ และเพื่อพระคริสต์ ตัวใหม่เป็นคนทำ แล้วเมื่อเราทำสิ่งนี้ได้ ไม่ใช้อารมณ์ความรู้สึก ไม่ใช้กำลังของเราเอง จะไม่มีใครมาขโมยผลของเราได้ ขโมยองุ่นเราได้
ส่วนคริสเตียนหอยนะครับ คือเป็นคำที่ศาสนาคริสต์เขาใช้กัน จริงๆ แล้วในพระคัมภีร์ไม่มีนะครับ ซึ่งเขาอาจจะพูดถึงเรื่องอาจจะช้า อาจจะไปมาช้า ก็อันนั้นแล้วแต่เขาจะตีความ แต่สำหรับเราไม่มีในพระคัมภีร์นะครับคริสเตียนหอย
พระเยซูขอให้น้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จ เรื่องคริสตจักร เรื่องพระกาย ทั่วแผ่นดินโลกนี้ แล้วก็โดยเฉพาะพี่น้องชาวไทยชาวลาว แล้วก็ขอให้น้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จในเรื่องของการประกาศ การรับใช้ การปรนนิบัติพระองค์ การทำหน้าที่ปุโรหิตของพี่น้องชายที่จะมีบทบาทมากขึ้น ขอให้เป็นตามน้ำพระทัยของพระเยซู
เราทั้งหลายน้อมรับสิ่งไหนที่เป็นความชอบธรรม สิ่งไหนที่เป็นความบริสุทธิ์ ขอพระองค์เข้ามาแตะเข้ามาสัมผัสเข้ามาชำระเพื่อพระกายนี้จะเป็นพระกายเที่ยงแท้ที่แท้จริง เพื่อจะเป็นพระกายที่พระองค์รักมากกว่าใคร และเพื่อจะเป็นพระกายที่เกิดผลให้พระองค์มากกว่าใคร สรรเสริญพระเยซู พระเยซูพวกเรารักพระองค์
และร่างกายไหนที่เจ็บป่วยไข้ซึ่งเป็นวิหารของพระองค์ เป็นบ้านเรือนของพระองค์ ก็ขอพระองค์ชำระขอพระองค์แตะสัมผัสเพื่อเราทั้งหลายจะหายดีจากอาการเจ็บไข้ป่วย ขอบคุณพระเยซูพวกเรารักพระองค์เอเมน