หนังสือ มาระโก (Mark)
บทที่ 1.
- ท่านมาระโกเขียนจากคำบอกเล่าและการสั่งสอนของท่านเปโตรที่คริสตจักรในกรุงโรม เมื่อเปาโลเสียชีวิตและพระวิหารยังไม่ได้ถูกทำลาย
- ท่านเขียนเพื่อผู้เชื่อชาวต่างชาติ เพื่อให้ทุกคนได้รู้ว่าพระคริสต์ทรงเสด็จมาในสภาพของพระผู้ไถ่บาปที่เป็นทาสและผู้รับใช้ ขยันทำงานเพื่อช่วยคนบาป ต่ำถ่อม พระองค์ไม่ได้มาเพื่อเป็นนายหรือผู้ยิ่งใหญ่ ขณะที่ท่านมัทธิวเขียนเกี่ยวกับพระเยซูในฐานะกษัตริย์และประทานพระบิญญัติใหม่แก่สาวกที่ติดตามพระองค์ และท่านยอห์นเขียนเกี่ยวกับพระเยซูในฐานะของพระเจ้าผู้ที่จะนำเราเข้าสนิทเป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดาและพระบิดาก็มาเป็นหนึ่งเดียวกับเราได้ คือประทานชีวิตอันครบบริบูรณ์ให้แก่เราทั้งจะเป็นผู้รักษาพระบัญญัติแทนเราในเราเนื่องจากว่าเราทำไม่ได้
- มาระโกเป็นลูกพี่ลูกน้องของบรานาบัส และเคยร่วมเดินทางในรอบแรกของเปาโล ส่วนครั้งที่สองท่านไม่ได้ไปด้วย
.....
ข้อที่
1. "ข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูคริสต์ the gospel of Jesus Christ" คือข่าวดีที่มาทางมนุษย์ชื่อเยซูคริสต์เพื่อช่วยคนบาปให้รอดโดยการทำงานของพระเจ้าผ่านพระองค์ด้วยความขยันจิตใจต่ำถ่อมและน่ารักของพระองค์ ขณะที่ข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักรคือพระเยซูเสด็จมาในฐานะกษัตริย์ของชาวยิวเพื่อแสวงหาราชฎรแห่งอาณาจักรและผู้ร่วมงานกับพระองค์ในการครอบครองในยุคพันปีและแผ่นดินโลกใหม่ไปจนชั่วนิรันดร์ "พระบุตรของพระเจ้า " คือภายในร่างกายของผู้ชายที่ชื่อเยซูนั้นก็คือพระเจ้าพระบุตรนั้นเอง
2. ท่านอิสยาห์ได้ทำนายถึงท่านยอห์นผู้ที่จะมาเตรียมทางให้พระเยซูเพื่อนำความชอบธรรมมาสู่คนบาปเพื่อให้พวกเราเป็นที่ชอบพระทัยของพระเจ้า (มธ 3:15)
3. "เสียงผู้ร้องไห้ในป่ากันดาร" คือท่านยอห์นและพระเยซูไม่ได้ประกาศที่กรุงเยรูซาเล็มหรืออยู่ภายในตัวเมือง แต่ประกาศที่ป่าหรือถิ่นทุรกันดาร เพื่อคนบาปและคนยากจนทั้งคนที่เป็นโรคเรื้อนที่ถูกขับไล่ออกจากตัวเมืองให้ได้รับความรอด "กระทำมรคาของพระองค์ให้ตรงไป" คือนำผู้คนให้มาถึงพระเจ้าไม่ต้องหลงทางไปไหนอีกและไม่ต้องรับแอกที่หนักเหมือนชาวยิวที่แบกพระบัญญัติมาตลอดชีวิตซึ่งเป็นแอกที่หนักมาก
4. บัพติศมาของยอห์นเพื่อแสดงการกลับใจ ความหมายก็คือการกลับใจจากยุคพระบัญญัติเข้าสู่ยุคพระคุณเพื่อให้ได้กลายเป็นคนชอบธรรมโดยทางความเชื่อ บัพติศมาของยอห์นไม่ได้ช่วยให้เรารับความรอดแต่เป็นจุดเริ่มต้นเพื่อการกลับใจใหม่และยอมรับความจริงที่จะมาคือผู้เชื่อได้ร่วมตายและฟื้นขึ้นมาจากตายกับพระเยซูและกลายเป็นมนุษย์วิญญาณ
5. ผู้คนมากมายยอมรับว่าท่านยอห์นคือผู้เผยพระวจนะที่มาจากพระเจ้า พวกเขาจึงออกมารับบัพติศมาจากท่านเพื่อแสดงการกลับใจใหม่แต่ไม่รู้จักแผนการงานของพระเจ้าที่จะกระทำผ่านยอห์นและพระเยซู
6. ยอห์นน่าจะเป็นมหาปุโรหิตต่อจากบิดาของท่านและนุ่งห่มเสื้อผ้าป่านและกินอาหารที่ดี แต่ท่านยอมสละทิ้งทุกสิ่งและเข้าไปอาศัยในถิ่นทระกันดารสวมเสื้อผ้าที่ทำด้วยขนอูฐที่หยาบทำให้ร้อนและเกิดอาการคันทั้งตัว ท่านกินจักจั่นและน้ำผึ้งป่าซึ่งหาง่ายในถิ่นกันดาร
7. ...
8. ขณะที่หนังสือมัทธิวและลูกากล่าวถึงการรับบัพติศมาในไฟ แต่มาระโกกล่าวถึงเฉพาะการรับบัพติศมาในพระวิญญาณเท่านั้น เนื่องจากว่าท่านเน้นเกี่ยวกับข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูคริสต์ผู้มาช่วยให้คนบาปได้รอด และไม่ได้เน้นถึงการลงโทษสู่นรกบึงไฟถ้าหากไม่เชื่อในพระบุตรนั้น บัพติศมาในพระวิญญาณ คือการที่พระคริสต์เยซูจุ่มผู้เชื่อเข้าส่วนในพระเจ้าเพื่อให้เขาได้รับชีวิตที่ครบและไม่ต้องถูกพิพากษาในบึงไฟ เมื่อเราผู้เชื่อรับการจุ่มเข้าไปในพระวิญญาณ เราก็ได้บังเกิดใหม่กลายเป็นบุตรพระเจ้า ทรงเข้ามาสถิดและอาศัยอยู่ในเรา เราได้รับการยกโทษบาป เราถูกย้ายออกจากอาณาจักรของซาตานเข้าสู่อาณาจักรของพระบุตร ได้นั่งอยู่ใกล้พระบิดาในสวรรค์ในพระคริสต์ เราจึงเข้าสู่การได้รับพระพรฝ่ายวิญญาณทุกประการและชีวิตของเราอยู่ภายใต้การเลี้ยงดูดูแลของพระองค์ตั้งแต่วินาทีที่เราเชื่อ
9. การรับบัพติศมาของพระเยซู ไม่ใช่พระองค์ต้องกลับใจใหม่ แต่เพื่อออกจากโลกนี้เข้าสู่โลกฝ่ายวิญญาณซึ่งจะเปิดเป็นทางการและต้อนรับผู้เชื่อที่ติดตามพระองค์เมื่อพระองค์ฟื้นขึ้นมาจากความตาย
10. "ท้องฟ้าก็เปิดออก" คือพระบิดายอมรับในการเสด็จมาเพื่อรับการตายและเป็นขึ้นมาจากตายเพื่อให้การงานของพระเจ้าสำเร็จ "พระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาอยู่เหนือพระองค์" คือการมาเพื่อเจิมและสนับสนุนพระเยซูคริสต์
11. "ท่านเป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก" คือการยอมรับของพระบิดาที่พระบุตรจะกระทำให้การงานของพระองค์สำเร็จคือนำผู้เชื่อทั้งหลายมาคืนดีกับพระเจ้า
12. ทันทีทันใด พระวิญญาณก็ได้นำพระเยซูไปสู่การทดลอง
13. พระเยซูอดอาหารสี่สิบวันและชนะการทดลอง (มธ บทที่สี่)