...
...
ในมัทธิวบทที่ 7:21-23 มีคำหนึ่งที่พระเยซูตรัสว่า “เราไม่เคยรู้จักเจ้าเลย” คำนี้ พี่น้องคริสเตียนส่วนมากมักเข้าใจผิดคิดว่า พระเยซูปฏิเสธผู้เชื่อ ผู้รับใช้ทั้งหลายที่ละทิ้งความเชื่อ หลงทาง ไม่มาโบสถ์ ไม่รับใช้ หนีจากพระเจ้าไปแล้วใช่ไหม
แล้วเมื่อถึงเวลาพระเยซูเสด็จกลับมาเพื่อที่จะก่อตั้งราชอาณาจักร และพระเยซูก็จะเลือกผู้ชนะเข้าไปในราชอาณาจักรสวรรค์ และทิ้งไว้สำหรับคนที่ไม่ชนะให้อยู่นอกอาณาจักรเป็นเวลาพันปี เพื่อถูกบังคับให้สุกงอม เพื่อที่จะได้รับความรอดในวันสุดท้าย
สำหรับพระคัมภีร์ข้อนี้ ไม่ใช่เรื่องของคนที่หลงหาย ผู้รับใช้ที่หลงทาง ผู้รับใช้ที่เลิกเชื่อ เลิกรับใช้ ละทิ้งการงานหน้าที่ของตน แล้วหนีไป (คำตอบคือ ไม่ใช่) ในมัทธิวบทที่ 7:21-27 เป็นข้อสรุปหรือบทสรุปของพระเยซู หลังจากที่พระเยซูก่อตั้งรัฐธรรมนูญใหม่ พระบัญญัติใหม่ กฎหมายใหม่ กฎเกณฑ์ใหม่
สำหรับประชากรแห่งราชอาณาจักรสวรรค์ที่จะได้เข้าไปในราชอาณาจักรนี้ ต้องผ่านคือ.. ต้องดำเนินชีวิตที่ความชอบธรรมเหนือกว่าพวกฟาริสีและธรรมาจารย์ ซึ่งเป็นการดำเนินชีวิตที่ต่ำ ถ่อม และยอมเปรียบเทียบ ก็คือการดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้กฎหมายใหม่ของพระเยซู ในพระคัมภีร์มัทธิวบทที่ 5 บทที่ 6 และบทที่ 7
เมื่อพระเยซูก่อตั้งพระบัญญัติสำเร็จ พระองค์จึงสรุปว่า ในคราวนั้นจะมีคนเป็นอันมากมาร้องว่า พระองค์เจ้าข้าๆ ข้าพระองค์รักษาโรค ข้าพระองค์ไล่ผี ข้าพระองค์ทำการอัศจรรย์ ข้าพระองค์ทำทุกสิ่งในพระนามพระองค์ พระเยซูจะปฏิเสธคนเหล่านี้ พี่น้องผู้เชื่อเหล่านี้ยังเป็นผู้รับใช้อยู่ ยังเป็นคริสเตียนอยู่ ยังมาโบสถ์ อธิษฐาน อ่านพระคัมภีร์ อดอาหาร เกิดผลนำคนมาเชื่อได้ รักษาโรคได้ ทำการอัศจรรย์มากมายได้ แต่พี่น้องเหล่านี้ไม่ได้ดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยพระเจ้า ทำทุกสิ่งตามใจตัวเอง สะสมเกียรติยศ ชื่อเสียง หน้าตา ตำแหน่ง ค่าจ้าง เพื่อตัวเอง
เราก็รู้น่ะว่าคริสเตียนส่วนมากรักพระเจ้า ทุกคนก็รักพระเจ้า บางคนก็รักมาก บางคนก็รักน้อย แต่ปัญหาก็คือจิตใจของเขาไม่เปลี่ยน ไม่มีชีวิตจิตใจใหม่ การที่จะได้เข้าไปในราชอาณาจักรสวรรค์ในยุคหน้า จะต้องเป็นคนที่มีจิตใจใหม่ มีชีวิตใหม่
การมีจิตใจใหม่หรือชีวิตใหม่ เรียกว่าของประทานแห่งพระคุณ
การรักษาโรค การไล่ผี การประกาศ การนำคนมาเชื่อ การทำการอัศจรรย์ได้มากมาย เรียกว่าของประทานแห่งพระวิญญาณ
เพราะฉะนั้นคนที่จะถูกปฏิเสธ ถึงแม้เราจะมีผลงานมากมาย นำคนมาเชื่อเป็นร้อยเป็นพัน และสร้างโบสถ์ได้หลายหลัง สร้างสาวกมากมาย แต่ถ้าหากเราไม่มีจิตใจใหม่ ไม่มีชีวิตใหม่ ไม่มีพระคริสต์ที่อยู่ในเราทำแทนเรา เกิดผลแห่งพระวิญญาณใน (กาลาเทีย 5:22-23) เราจะไม่มีโอกาสได้เข้าไปในราชอาณาจักรนี้
เพราะว่าหลักการแห่งความรอดได้เข้าไปในราชอาณาจักรนี้ ก็คือความชอบธรรมที่เหนือกว่าฟาริสีและธรรมาจารย์ ผลงานต่างๆ การใช้ของประทานแห่งพระวิญญาณ ก็คือหมายเลข 0000 ที่อยู่ข้างหลังหมายเลข 1 หมายเลข 0000 เหล่านี้จะไม่มีคุณค่าไม่มีความหมายถ้าหากไม่มีหมายเลข 1 และหมายเลข 1 ในที่นี้ก็คือของประทานแห่งพระคุณ
ของประทานแห่งพระคุณ ก็คือการทำแทนของพระเยซูคริสต์ในสภาพของพระวิญญาณที่อยู่ในเราทำแทนเรา เกิดผลแห่งพระวิญญาณในเรา
คำว่า “เราไม่รู้จักเจ้าเลย” คำนี้ แท้ที่จริงน่ะพระเยซูรู้จักทุกคน พระเยซูรู้จักทุกคน แม้แต่คนที่ไม่เชื่อพระเยซูก็รู้จักดี แต่คำว่า "รู้จัก" ในที่นี้ เป็นคำเดียวกันกับหนังสือปฐมกาลบทที่ 4:1
ปฐมกาลบทที่ 4:1 กล่าวว่า อาดัมก็รู้จักกับภรรยานางจึงตั้งครรภ์ อาดัมรู้จักกับภรรยานางจึงตั้งครรภ์ หมายความว่ายังไง "รู้จัก" ในที่นี้ ก็คือ การสนิทสนม การผูกพัน การมีสัมพันธ์ การมีความสนิทชิดเชื้อ แน่นแฟ้น ความรัก ความซาบซึ้ง ลึกซึ้ง ระหว่างจิตใจสองใจ คือพระเยซูตรัสว่า เราไม่รู้จักเจ้าเพราะว่าเจ้าไม่รู้จักเรา ถ้าจะพูดต่อประโยคของพระเยซู
การรู้จักกับพระเยซูคริสต์ ก็คือการคุย การสนทนาทุกวัน คำว่า "อธิษฐาน" ในพระคัมภีร์ใหม่ ภาษากรีกความหมายที่แท้จริง ก็คือการคุย การสนทนา
การอธิษฐาน ก็คือเราพูดๆๆๆ พระเจ้าฟังๆๆๆ เราลุกขึ้น เราจบ แต่การคุยหรือสนทนากับพระเจ้า ก็คือเราคุยกับพระเจ้าและเรารอฟัง เราอ่าน เราสังเกต
เพราะฉะนั้น การคุยกับพระเจ้า อาจารย์เปาโลกล่าวว่า ให้เราคุยกับพระเจ้าอย่างไม่หยุดยั้ง อย่างไม่หยุด (1 ธส 5:17) ภาษาอังกฤษก็คือ “Unceasingly Pray” และพระเยซูตรัสเองน่ะว่า “ถ้าเจ้าสนิทในเรา เราก็จะสนิทในเจ้า ถ้าเราสนิทมากเท่าไหร่ พระเจ้าก็จะสนิทในเรามากเท่านั้น”
และสำหรับคริสเตียน เป็นเรื่องของความผูกพัน ไม่ใช่เรื่องของการเชื่อฟัง และการรับใช้ และการกระทำมากมายหลายสิ่งให้พระเจ้าพอพระทัย (คำตอบคือไม่ใช่) การรับใช้ก็ดี การทำดีก็ดี การเชื่อฟังก็ดี เป็นสิ่งที่มาทีหลัง ส่วนเรื่องการสัมพันธ์ การมีความผูกพันกับพระเจ้า เป็นสิ่งที่พระเจ้าต้องการ เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก
คริสตจักร 7 คริสตจักรที่มีปัญหาในพระคัมภีร์วิวรณ์บทที่ 2 บทที่ 3 คริสตจักรแรก ประเด็นแรก ปัญหาแรกที่พระเยซูเอ่ยถึง ก็คือความรัก คริสตจักรทุกวันนี้ คริสตจักรทั่วไป ผู้เชื่อมากมายขาดความรักดั้งเดิม ขาดความรักที่แบบหวานซึ้งสุดซึ้งกับพระเจ้า
เราจะเห็นน่ะว่าพระบัญญัติของพระเยซู พระบัญญัติของพระเจ้า เน้นที่ความรักมาก รักมาก่อน รักคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ และพระเจ้าไม่ได้ก่อตั้งศาสนา พระเจ้าไม่ได้ใส่ใจที่เครื่องบูชา แต่พระเจ้าประสงค์ความเมตตา
สำหรับคำที่พระเยซูตรัสว่า “เราไม่รู้จักเจ้า” สาเหตุก็คือพระเยซูกล่าวถึงผู้เผยพระวจนะปลอม
ผู้เผยพระวจนะปลอมมีสองแบบ
แบบที่ 1. ก็คือ ตั้งใจ คือตั้งใจเข้ามาในสังคมคริสเตียน คนนั้นไม่ได้เชื่อจริงๆแต่ปลอมตัวเข้ามาทำมาหากิน ใช้ข่าวประเสริฐเพื่อการเลี้ยงชีพ
แบบที่ 2. แล้วผู้เผยพระวจนะปลอมสอง ก็คือ ผู้รับใช้ คริสเตียนที่อยู่ในสังคมคริสเตียน เป็นผู้เชื่อที่แท้จริง แต่.. แต่สอนพระคัมภีร์ผิด แปลความหมายตีความหมายพระคำของพระเจ้าผิด แล้วเอาไปแบ่ง เอาไปสอน และทำให้คริสตจักรเดินหลงทาง เดินในความมืด ไม่พบความสว่าง ไม่ได้ดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้พระคุณของพระเจ้าอย่างแท้จริง คือดำเนินชีวิตอยู่ในพระคุณแต่อยู่ใต้พระบัญญัติ คือแบกภาระหนักของชีวิตมาก ไม่ได้รับการพักผ่อน ชีวิตขึ้นลงขึ้นลง และบาปดีบาปดี สุขทุกข์สุขทุกข์ ไปจนตาย
และพระเยซูยังตรัสอีกว่า บุคคลที่จะถูกปฏิเสธ ก็คือคนที่ดำเนินชีวิตที่ไม่ได้อยู่ใต้กฎหมายใหม่ของพระเยซู เราจะเห็นน่ะว่าคริสเตียนทั่วไปทุกวันนี้ 90 ถึง 95% เชื่อ อ่าน ยอมรับ แต่การดำเนินชีวิตยังห่างไกลจากมัทธิวบทที่ 5 บทที่ 6 และบทที่ 7 มาก เราเลือกทำเฉพาะข้อที่เราทำได้ หรือถ้าเราทำเราก็ฝืนใจ กลั้นใจ อดทนต่อสู้มากๆ ถึงจะทำได้ และการกระทำของเราก็ทำได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ส่วนมากเราจะละเมิดทั้งหมดเลยใช่ไหม
.....
อีกครั้ง พระเยซูไม่ได้ตรัสถึงผู้เชื่อที่หลงหาย หรือผู้รับใช้ที่ละทิ้งการงานของตน แต่พระเยซูตรัสถึงผู้รับใช้ ผู้เชื่อที่กำลังรับใช้อยู่ ที่ยังอยู่ในสังคมคริสเตียน ไปโบสถ์ อธิษฐาน อ่านพระคัมภีร์ พยายามเชื่อฟังพระเจ้าในแต่ละวัน
ทุกวันนี้พี่น้องคริสเตียนส่วนมากเข้าใจผิดคิดว่าการใช้ของประทาน การรักษาโรค การไล่ผี การทำการอัศจรรย์มากมาย การนำคนมาเชื่อเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่โอเค เป็นสิ่งที่จะช่วยให้เขาเข้าไปในราชอาณาจักรได้ แต่แท้ที่จริงแล้ว สิ่งเหล่านี้ไม่มีความหมาย ถ้าหากเราไม่มีจิตใจใหม่
การมีจิตใจใหม่ คือหลักการแห่งความรอดเข้าไปในราชอาณาจักร
พระเยซูตรัสว่า ถ้าหากความชอบธรรมของท่าน พูดถึงความชอบธรรม แล้วพระเยซูตรัสอีกว่า ถ้าท่านไม่เป็นเหมือนเด็ก จะเข้าไปในราชอาณาจักรสวรรค์ไม่ได้
การเข้าในราชอาณาจักรเป็นเรื่องของจิตใจภายใน เรื่องของการเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่จิตใจใหม่ เพราะฉะนั้นถ้าหากเราทำ เราก่อ เราสร้าง เรารับใช้ เรามีผลงานมากมาย ผลงานเหล่านั้นก็จะถูกยกให้ผู้อื่น หรือถูกเผาทิ้ง เพราะว่าผ่านการทดลองด้วยไฟไม่ได้ (1 คร 3:12-15) เพราะว่าจิตใจของเราไม่ได้เกิดผลถวายเกียรติแด่พระเจ้า จิตใจของเราเป็นจิตใจที่ดำเนินชีวิตไม่มี ทองคำ เงิน และเพชรพลอย คือเราเกิดผลในชีวิตของเรา เรารับใช้ด้วยชีวิตที่ตายแล้ว ด้วยไม้ ฟาง และหญ้าแห้ง
เมื่อเรามีผลงาน เห็นการทำงานของพระเจ้า เรารักษาโรคได้ เราทำอะไรมากมายได้ เราทำการอัศจรรย์ได้ ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้เข้าไปในราชอาณาจักร
ยังมีสิ่งหนึ่งที่เราจะต้องจัดการ ก็คือชีวิตของเรา ชีวิตภายในจิตใจของเรา ต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ ความชอบธรรมของเราต้องมีพระคริสต์ที่เป็นความชอบธรรม และพระคริสต์เป็นผู้ดำเนินชีวิตแทนที่การดำเนินชีวิตของเราในแต่ละวัน
สิ่งที่สำคัญเราไม่เน้นที่การรับใช้คริสตจักรก่อน รับใช้พี่น้องก่อน แต่เราปรนนิบัติพระเจ้าก่อน สนิทในพระคริสต์ ปรนนิบัติพระเจ้า แสวงหาการใกล้ชิดกับพระองค์ บอกรักพระองค์ สนิทคุยกับพระองค์ทุกวันทุกเวลา นี่คือการได้มาซึ่งการเชื่อฟังและการเกิดผล และการรับใช้พี่น้อง การรับใช้คริสตจักรจะมีคุณภาพมากมาย
อ่านต่อเพิมเตติม: จงสนิท จงสนิท จงสนิท ผลที่ได้รับจากการสนิท คือการเกิดผลมาก