ถามว่า พระบัญญัติเดิมตอนนี้ยังอยู่หรือไม่
คำตอบ คือพระบัญญัติไม่มีแล้ว พระบัญญัติเดิมทุกวันนี้ถูกเรียกว่าพระบัญญัติใหม่ อันเดิมจบแล้ว
ในกาลาเทียพูดถึงที่กักขังที่เป็นครูที่เป็นอยู่ชั่วคราว ก็คือเมื่อพระคุณ เมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จมา ก็คือหมดหน้าที่แล้ว ก็คือจบแล้ว
แต่มีหลายข้อ มีหลายข้อรักพระเจ้าสุดจิตสุดใจ รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ทำดีนู่นนี่นั่น ก็คือพระเยซูนำเข้ามา แล้วก็ยกระดับทำให้สูงขึ้นยากขึ้น แล้วก็ข้อไหนที่ไม่ได้จำเป็นต้องใช้ พระองค์ก็ลบทิ้ง คือพระเยซูมีสิทธิอำนาจเนื่องจากว่าพระองค์สละชีวิตเพื่อตายไถ่พวกเรา เพราะฉะนั้นพระเจ้าพระบิดาให้สิทธิอำนาจแก่พระเยซูเพื่อแก้ไขยกระดับมาตรฐานของพระบัญญัติ และทุกวันนี้ไม่ได้ถูกเรียกว่าพระบัญญัติเดิม หรือพระบัญญัติของโมเสสอีกแล้ว
แต่เป็นพระบัญญัติใหม่และพระบัญญัติของพระเยซู พระเยซูบอกว่าถ้ารักเราและรักพระบิดาของเรา ท่านทั้งหลายจงรักษาพระบัญญัติของเรา พระบัญญัติของเรา พระเยซูไม่ได้พูดถึงว่าจงรักษาพระบัญญัติของโมเสสเหมือนเดิมอีกแล้ว เนื่องจากว่าพระบัญญัติเดิมเป็นสิ่งที่เคียงคู่ไปกับพันธสัญญาเดิม หนังสือสัญญาฉบับเดิมที่พระเจ้าทำกับชาวยิวก็คือมีพระบัญญัติเพื่อให้ชาวยิวรักษา เพื่อเขาจะได้รอดและได้รับพระพร
แต่สำหรับพวกเรา คือพวกเรามีพระบัญญัติใหม่และอยู่ภายใต้หนังสือสัญญาฉบับใหม่ อีกครั้ง พระบัญญัติเดิมทุกวันนี้ไม่มีแล้ว แต่ถูกเรียกว่าพระบัญญัติใหม่ พระบัญญัติของโมเสสทุกวันนี้ไม่มีแล้ว แต่ถูกเรียกว่าพระบัญญัติของพระเยซู แต่ก็เป็นโครงร่างก็เป็นกฎเกณฑ์การรักษาทั้งหลายอันเดิมที่ปรับปรุงแก้ไขยกระดับมาตรฐาน
เราขอบพระคุณพระบิดาสำหรับหนังสือยอห์น ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงให้ยอห์นเขียน เพื่อทุกวันนี้เราจะได้เข้าใจเกี่ยวกับพระวาทะ หรือถ้อยคำของพระเจ้าที่มีพลังอำนาจ พลังอำนาจที่ซ่อนอยู่ในถ้อยคำ ซึ่งพระเจ้ากระทำทุกสิ่งโดยใช้ถ้อยคำนี้ เพื่อพระองค์จะสั่งให้เกิด ให้เป็น ให้ไป ให้มา ให้มี ให้ทุกสิ่งเป็นไปได้ ก็เนื่องจากถ้อยคำนี้ และถ้อยคำนี้เป็นของพระเจ้าเป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้า และเป็นพระเจ้า
...
ในข้อที่ 12 เรากลายเป็นบุตรพระเจ้า ก็คือเพื่อรับพระสัญญาที่พระองค์สัญญาต่ออับราฮัมในปฐมกาลบทที่ 12 เพื่อเราจะกลายเป็นคนชอบธรรมโดยทางความเชื่อ พระสัญญานี้สำคัญมาก เนื่องจากว่าแตกต่างจากพระบัญญัติจากพันธสัญญาเดิมที่เป็นอยู่ชั่วคราวกับชนชาติอิสราเอล แต่พระสัญญานี้พระเจ้าสัญญาต่ออับราฮัมจะเกิดขึ้น จะมาถึงพวกเราก็ต่อเมื่อพระเยซูเป็นคนนำมาผ่านทางพระเยซู เราทุกคนทั่วโลกทั้งยิว และต่างชาติจึงได้รับพระสัญญานี้โดยผ่านพระเยซูคริสต์
และการได้กลายเป็นคนชอบธรรมสำคัญมาก เราเชื่อพระเจ้า ต้อนรับพระเยซูคริสต์ เราได้กลายเป็นคนชอบธรรมเท่ากับชาวยิวที่รักษาพระบัญญัติเคร่งครัดมากทั้งวันทั้งเดือนทั้งปีทั้งตลอดชีวิต เราได้เป็นคนชอบธรรมเท่ากับพวกเขา ทั้งๆ ที่เราไม่ได้รักษาพระบัญญัติเลย แต่เพียงแต่เราเชื่อในพระบุตรของพระบิดา ว่าพระองค์เป็นพระเจ้า พระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด เป็นพระผู้ไถ่ของเรา เราขอบพระคุณพระเจ้าอย่างมากอย่างที่สุดเลยอย่างล้นเหลือ เนื่องจากว่าเราไม่ต้องทำอะไรเราก็ได้เป็นคนชอบธรรมเท่าเทียมกับคนยิวที่เขาเคร่งศาสนาเขารักษาพระบัญญัติตลอดทั้งชีวิตของเขา สรรเสริญพระเจ้า
...
ข้อที่ 13 ท่านยอห์นบอกว่าบังเกิดจากเลือดเนื้อก็มีความประสงค์ของเนื้อหนัง แต่ถ้าบังเกิดจากพระเจ้าก็มีความประสงค์ของฝ่ายวิญญาณ เมื่อเราเชื่อ เราสังเกตตอนที่เราเชื่อใหม่ๆ เรารักใช่ไหมที่จะอ่านพระคัมภีร์ เรารักที่จะอธิษฐาน เรารักที่จะไปร่วมกับพี่น้อง รับใช้ รักที่จะประกาศข่าวประเสริฐ บอกเรื่องพระเยซูให้ทุกคน เราตื่นเต้น เรารักมาก นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น พระเจ้าเข้ามาอยู่กับเรา เราจะเห็นนิสัยของพระเยซูอยู่ในเรา แต่..ความประสงค์ฝ่ายวิญญาณเหล่านี้ ก็คือจุดเริ่มต้นเท่านั้น
ต่อมาเราก็ต้องพึ่งพาพระคริสต์ให้กระทำทุกสิ่ง ด้วยกฎแห่งชีวิตและกฎแห่งพระวิญญาณ ซึ่งมนุษย์เราเดิมทีเรามีกฎแห่งความบาปและกฎแห่งความตายอยู่ในเรา เราจะทำดีไม่ได้ เราจะไปร่วมกับพี่น้องสม่ำเสมอไม่ได้ เราจะอธิษฐานโดยที่ไม่มีกฎแห่งพระวิญญาณและกฎแห่งชีวิตไม่ได้ เนื่องจากว่าตัวเก่าของเรามันจะต่อสู้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเมื่อพระเจ้าเข้ามาอยู่กับเราแล้ว เราได้บังเกิดใหม่จากพระเจ้าแล้ว เราก็มีความประสงค์ของฝ่ายวิญญาณแล้ว รักในการอธิษฐาน รักที่จะร่วมกับพี่น้อง รักที่จะรับใช้ รักที่จะประกาศข่าวประเสริฐ เป็นสิ่งที่ดี เราขอบคุณพระเจ้า แต่เท่านี้ไม่พอ เราต้องก้าวต่อไปเพื่อที่จะได้รับพระคุณซ้อนพระคุณ
...
ข้อที่ 14 พระเจ้าของเราเป็นวิญญาณ พระเจ้าเป็นวิญญาณ และวิญญาณนี้มีพลังอำนาจ และการกระทำทุกสิ่งของพระเจ้า ก็คือด้วยการพูด ด้วยการใช้ถ้อยคำที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของพระเจ้า พระองค์ทรงอาศัยอยู่ท่ามกลางเราในข้อที่ 14 นี้ก็คือระยะเวลาที่พระเยซูคริสต์เสด็จไปมาอยู่กินกับสาวกทั้งหลายในโลกนี้
...
สำหรับข้อที่ 15 "เพราะว่าพระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนข้าพเจ้า" นี่คือการยอมรับของท่านยอห์นว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า เพราะว่าดำรงอยู่ก่อน ก็คือก่อนกาลเวลาที่ท่านยอห์นจะเกิดเป็นมนุษย์
...
ข้อที่ 16 และเราทั้งหลายได้รับจากความบริบูรณ์ของพระองค์ เป็นพระคุณซ้อนพระคุณ ในพระคัมภีร์ภาษาไทยเขียนผิด อันนี้ผิด ภาษากรีกเขียนว่า จากความบริบูรณ์ของพระองค์เป็นเหตุให้เราทั้งหลายได้รับพระคุณซ้อนพระคุณ เราเข้าใจกันไหม คือเนื่องจากพระคริสต์ เนื่องจากพระคริสต์ เนื่องจากความบริบูรณ์ของพระเจ้าของพระคริสต์ เป็นเหตุให้เราทั้งหลายได้รับพระคุณซ้อนพระคุณ ไม่ใช่โดยการกระทำของเรา ไม่ใช่โดยการกระทำของใคร แต่เป็นการกระทำของพระเจ้าของพระเยซูคริสต์ทำให้เราได้รับพระคุณซ้อนพระคุณ
พูดง่ายๆ ก็คือพระคุณ พระเยซูมาตายเพื่อไถ่บาปเรา พระคุณซ้อนพระคุณ ก็คือพระเยซูมาเพื่ออยู่แทนเรา ทั้งสองสิ่งนี้พระคุณและพระคุณซ้อนพระคุณ เป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานให้เราฟรีๆ เป็นของขวัญ เป็นของขวัญของประทานที่พระเจ้าให้เราโดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรทั้งนั้น เพื่อที่จะซื้อ เพื่อที่จะได้มา แต่เป็นของขวัญของพระเจ้า เอเมน
พระเยซูตายไถ่บาปเรา เราได้รับความรอด รอดจากบึงไฟ เป็นของขวัญของพระเจ้า และพระเยซูมาช่วยเรามาหยุดมาระงับการทำบาปของเราในแต่ละวันได้ ก็คือเป็นของขวัญของพระเจ้า พระเจ้าให้เราฟรีๆ เราสรรเสริญพระเยซู ชีวิตนี้มันเบาสบายมันง่ายมาก เพียงแต่เราร่วมมือกับพระเจ้า เพียงแต่เราเดินด้วยตัวใหม่ทุกวัน เพียงแต่แค่เราสนิทในพระองค์ เมื่อสนิทในพระองค์มากเท่าไหร่ เราก็เกิดผลมากเท่านั้น (ยน 15:5 จงสนิทในเรา แล้วเจ้าจะเกิดผลมาก) เอเมนขอบคุณพระเยซู
และสิ่งที่เราได้รับจากมนุษย์คนใหม่คนนี้ และพระคริสต์ที่อยู่ในเรา ทุกสิ่งที่เราทำ เราดำเนินชีวิตและการรับใช้ พระบิดานับว่าเป็นทองคำ เงิน และเพชรพลอย และผ่านไฟแห่งการทดลองได้ เอเมน
แต่น่าเสียดายที่ทุกวันนี้มีผู้เชื่อมากมาย ที่ยังมาไม่ถึงพระคุณซ้อนพระคุณ เนื่องจากว่าเขาไม่เข้าใจและไม่ได้ถูกเปิดตา จึงไม่มีโอกาสได้เดินด้วยคนใหม่คนนี้ และไม่เคยเห็นสภาพชีวิตของมนุษย์วิญญาณ ทั้งๆ ที่ ผมจำได้เมื่อไม่นานมานี้มีพี่น้องบางคนคุยกับผม ซึ่งเขาต่อต้านมานาฯ หรือรับมานาฯ แต่คือรับไม่มาก เขาบอกว่าพวกคุณเรียกพวกคุณเองว่าเป็นมนุษย์วิญญาณ จริงๆ แล้วเราทุกคนบังเกิดจากพระวิญญาณ เอเมนไหม ถ้าเราไม่เรียกว่าเราเป็นมนุษย์วิญญาณ เราจะเป็นใคร จะเป็นอาดัมหรือว่าจะเป็นมนุษย์เนื้อหนังหรอ
ความเป็นจริงของพระเจ้า ความจริงของพระเจ้า และเราควรจะอยู่ในความจริงนี้ คือเราทุกคนต้องนับว่าเราเป็นมนุษย์วิญญาณ คนที่รู้และคนที่ไม่รู้ก็ตาม เราทุกคนเกิดจากพระคริสต์ ก็คือเป็นมนุษย์วิญญาณทั้งนั้น เพียงแต่ว่าทุกวันนี้เขาไม่รู้ตัวว่าเขาเป็น เราอธิษฐานเผื่อพี่น้องเหล่านี้
...
สำหรับข้อที่ 17 คือข้อที่ 15 จนถึงข้อที่ 18 เป็นคำพูดของยอห์น เป็นคำพยานของยอห์นที่พูดถึงพระคริสต์ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก มีความหมายมากสำหรับเราทั้งหลาย จนมีฟาริสีบางคนที่ถามว่า โอ้ อัศจรรย์มากเลย ต้องการอยากเจอ แล้วผู้ชายคนนี้คือใคร ข้อสรุปของคำพูดของยอห์นคำพยานของยอห์น ตั้งแต่ข้อที่ 15 จนถึงข้อ 18 ก็คือข้อที่ 16 เราอ่านไปแล้วใช่ไหมว่า จากความบริบูรณ์ของพระองค์เป็นเหตุให้เราทั้งหลายได้รับพระคุณซ้อนพระคุณ อันนี้อธิบายไปแล้ว
...
ข้อที่ 17 เพราะว่าพระราชบัญญัติ พระบัญญัติได้ถูกประทานโดยทางโมเสส แต่พระคุณและความจริง สองสิ่งนี้ แต่พระคุณและความจริงได้มาโดยทางพระเยซูคริสต์ ข้อ 17 นี้เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และสำคัญมากๆ เราขอบพระคุณพระบิดา เมื่อพระบิดาทรงประทานพระคุณแล้ว ยิวและคนต่างชาติจึงไม่ต้องรักษาพระบัญญัติเพื่อให้ได้รอด และเพื่อรับพระพรอีกต่อไป เราและคนยิว ยิวและต่างชาติ คือเรารับพระคุณของพระบิดา คือเราเชื่อเท่านั้น เราก็จะได้รับความรอดและรับพระพรด้วย อันนี้คือพระคุณ
และความจริง ความจริงคืออะไร คือความเป็นจริง ความเป็นจริงนี้ก็คือเป็นสิ่งที่ไม่เสื่อมสลาย ไม่ตกต่ำ พูดง่ายๆ ก็คือความไม่จริงทุกวันนี้ ก็คือสิ่งที่ไม่จริงแล้ว โลกนี้เป็นสิ่งที่ไม่จริง เสื่อมสลายตกต่ำ ตกสภาพแล้ว ผิดบาปแล้ว อันนี้พระเจ้าเรียกว่าความไม่จริง คือมันไม่จริง ไม่ยั่งยืน ไม่ถาวร ไม่ครบบริบูรณ์ มันตกต่ำไปแล้ว มันเสื่อมทรามแล้ว และพระเจ้าจึงนำความจริงมาสู่มนุษย์อีกครั้งหนึ่งผ่านทางพระเยซูคริสต์ ขอบพระคุณพระเจ้า
เพราะฉะนั้นความไม่จริง ความไม่จริงคือเกิดความผิดหวัง ความไม่จริงเกิดการมีหลอกลวง การเสียใจ ร้องไห้ การอ่อนแอ การอ่อนแรง เมื่อยล้า ความโศกเศร้า แต่ความเป็นจริงหรือความจริงของพระเจ้าที่พระเยซูนำมาสู่มนุษย์อีกครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นความหวังให้พวกเรามีความสุขได้ และพระองค์ทำให้เรามีพลังได้เมื่อเราอ่อนแอ ทำให้เราร้อนรนได้เมื่อเราเหนื่อยล้า
เราขอบพระคุณพระบิดาและเมื่อเราอยู่ในความจริงนี้ เรียกง่ายๆ ก็คืออยู่ในพระคริสต์ การอยู่ในพระคริสต์ ก็คือการอยู่ในความจริง และการอยู่ในความจริง ก็คือสันติสุข พลัง ความหวัง ทุกสิ่ง อำนาจของพระเจ้า การดูแลของพระเจ้า การปกปักรักษาของพระเจ้าทุกสิ่งอยู่ในความจริงนี้
อยากเข้าไปอยู่ในความจริงนี้ง่ายมาก เราเอ่ยปาก เอเมนพระเยซู ยิ้ม ขอบพระคุณพระบิดา เมื่อกี้ข้าพระองค์อ่อนแอ เมื่อกี้ข้าพระองค์เป็นทุกข์ เมื่อกี้ข้าพระองค์ผิดหวังเสียใจ แต่ตอนนี้ข้าพระองค์อยู่ในพระคริสต์แล้ว แค่นี้เราก็กลับมาอยู่ในความจริงของพระเจ้าได้
การย้ายจากความมืด เข้ามาสู่ความสว่าง ไม่ใช่รอให้ถึงรุ่งเช้าของวันพรุ่งนี้ แต่เราแค่เอ่ยออกมาจากความมืด โดยการร้องออกพระนามของพระเยซู หรือพูดคำว่าเอเมนเท่านั้นเอง เราก็จะได้เข้าสู่ในความจริง และสันติสุขก็จะเกิดขึ้น และพลังของพระเจ้าเข้ามาแทนที่ความอ่อนแอของเรา เอเมนพระเยซู
...
ข้อที่ 18 "ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้าเลย พระบุตรองค์เดียวผู้ทรงสถิตอยู่ในพระทรวงของพระบิดา พระองค์ได้ทรงสำแดงพระเจ้าแล้ว" คือสำหรับพระเจ้าเนื่องจากว่าพระองค์ทรงเป็นวิญญาณ วิญญาณคือสิ่งที่ตามองเห็นไม่ได้ และมนุษย์ไม่มีคนไหนไม่มีผู้ใดมองเห็นพระเจ้าได้ ทั้งๆ ที่ทูตสวรรค์ที่อยู่ใกล้พระเจ้า เห็นแค่เป็นดวงสว่าง ทุกวันนี้พระเจ้ายังเป็นปริศนา และจะเป็นปริศนาตลอดไป เนื่องจากว่าพระองค์เป็นสภาพของวิญญาณ วิญญาณมองเห็นไม่ได้ วิญญาณเข้าใจไม่ได้
แต่พระเยซูสำแดงพระบิดาโดยนำ 4 สิ่งลงมาและปรากฏให้พวกเราได้เห็นก็คือ
1. ความรัก เราเห็นพระเจ้าเป็นความรัก พระเจ้ารัก
แล้วก็สิ่งที่ 2. ก็คือ ความบริสุทธิ์ พระเจ้าบริสุทธิ์ พระเจ้าทรงเป็นผู้บริสุทธิ์
3. แล้วก็ความชอบธรรม พระเจ้าเป็นผู้ชอบธรรม พระเจ้าทำบาปไม่ได้
และสิ่งสุดท้ายก็คือ 4. ความจริง ความเป็นจริง ก็คือสิ่งที่เสื่อมสลายไม่เป็น เป็นสภาพที่อมตะ ทรงเป็นอยู่ตลอดไปชั่วนิรันดร์
ขอบพระคุณพระบิดาที่เราทุกวันนี้เราสามารถเห็นพระเจ้าผ่านทางพระเยซู และขอบพระคุณพระบิดาที่ทุกวันนี้เราได้เห็นสภาพ 4 สิ่งนี้ เราได้เห็นพระเจ้า ได้สัมผัสพระเจ้า ผ่านพี่น้องผู้เชื่อทั้งหลายที่เป็นพระกายของพระองค์ และเราจะร่วมมือเพื่อให้พระคริสต์ก่อชีวิตของพระองค์ขึ้น ให้พระบิดาก่อคุณสมบัติ 4 สิ่งนี้เกิดขึ้นมากขึ้นในพวกเรา เพื่อเราจะเห็นพระบิดาผ่านพี่น้อง และเพื่อโลกจะได้เห็นพระบิดาผ่านพวกเราที่เป็นพระกายของพระองค์ เอเมน
ถาม.
เท่าที่ฟังพระบิดา คือรสเค็มหรือเปล่าคะ เพราะว่าสำแดง 4 คุณสมบัติ
ตอบ.
ถูกแล้วครับ รสเค็มและความสว่างครับผม
...
ถาม.
ช่วยอธิบายถึงความบริสุทธิ์ให้ฟังหน่อยค่ะ
ตอบ.
ความบริสุทธิ์นะครับ คือสิ่งเดียว ด้านเดียว อะไรก็ตามนะครับที่ไม่มีอะไรเจือปน เหมือนทองคำที่หลอม ที่เผาไหม้ ที่ไม่มีแร่ธาตุอื่นผสมอยู่ เป็นทองคำล้วนๆ คือเรียกว่าบริสุทธิ์สำหรับพระเจ้า คือพระเจ้า พระเจ้าทำบาปไม่ได้ คือพระเจ้าไม่มีมลทิน พระเจ้าไม่มีการบาป พระเจ้าไม่มีสิ่งไหนที่เป็นสิ่งที่เรียกว่าไม่ดี พระเจ้าเป็นองค์ผู้บริสุทธิ์ คือชีวิตของพระองค์เป็นได้ฝ่ายเดียว เป็นได้สิ่งเดียว เป็นได้ด้านเดียวเท่านั้น ก็คือบริสุทธิ์ไม่มีบาปและพระองค์คิดบาปก็ไม่เป็น
...
ถาม.
เมื่อเรากลายเป็นผู้ชนะแล้ว เราอยู่ในฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ เราเป็นมนุษย์วิญญาณเราเป็นกายทิพย์ แล้วเราสามารถมองเห็นพระเจ้าได้ไหมคะ หรือว่ามองไม่เห็นพระเจ้า
ตอบ.
เมื่อถึงเวลาแห่งยุคพันปี เราจะเห็นพระบิดาประทับอยู่ที่พระบัลลังก์ และพระบิดานั้นนะครับเราจะเห็นร่างของพระเยซู
และเมื่อถึงฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ ผู้ที่ประทับอยู่บนพระบัลลังก์เราจะเห็นพระบิดานะครับ แต่เห็นร่างของพระเยซูครับผม
คนที่นั่งอยู่ที่พระบัลลังก์นะครับที่มีทั้ง พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเจ้าสามพระภาค จะอยู่ในร่างกายของพระเยซู ซึ่งเป็นร่างกายที่ถูกตรึงในสมัยสองพันปีก่อน เนื่องจากว่าพระเจ้าเป็นวิญญาณและไม่มีร่างกาย พระองค์จึงอาศัยร่างกายของพระเยซู และถึงแม้ว่าจะถึงยุคฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่นะครับ มนุษย์และทูตสวรรค์นะครับ จะไม่สามารถมองเห็นพระเจ้าอย่างครบบริบูรณ์ ไม่สามารถเห็นพระเจ้าได้ อย่างที่ผมพูดนะครับ ตอนนี้คือเราเห็นใครขึ้นไปบนสวรรค์นะครับ จะได้เห็นพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่ในร่างของพระเยซู
และเมื่อก่อน ก่อนที่พระเยซูจะเสด็จลงมา ก็คือโลกจักรวาลตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้วทูตสวรรค์จะเห็นแค่ดวงสว่าง ที่ประทับอยู่บนพระบัลลังก์ ตอนที่พระบิดาเสด็จมาเยี่ยมอับราฮัม และพระบิดานะครับเสด็จมาหาอาดัม พระองค์ใช้ร่างของมนุษย์ลงมาและเดินไปมาในสวนเอเดน แล้วก็มาหาอับราฮัม และทรงรับประทานอาหารร่วมกับอับราฮัม อยู่ในปฐมกาลบทที่ 18 แต่สภาพความเป็นจริงของพระเจ้าจริงๆ แล้วก็คือพระองค์เป็นวิญญาณ และการสำแดงของพระเจ้าในสมัยก่อน ก็คือให้เห็นแค่ดวงสว่างอยู่ที่พระบัลลังก์ที่พระองค์ทรงเนรมิตขึ้น แล้วก็มีทูตสวรรค์ล้อมรอบมีทูตสวรรค์ผู้อาวุโส 24 ตน
...
ถาม.
แต่ว่าตอนนี้ทูตสวรรค์ก็จะเห็นเป็นกายของพระเยซูใช่ไหมคะ
ตอบ.
แน่นอนครับ พระเยซูประทับอยู่ที่พระบัลลังก์ของพระบิดานะครับ อย่าลืมนะครับเมื่อพระเยซูตรัสว่าตอนนี้เราอยู่ที่ข้างขวา ประทับอยู่ที่ข้างขวา ไม่ได้หมายความว่าพระเจ้าสามองค์ คือนั่งด้วยกันสามที่นะครับ ไม่ใช่ครับ คือพระเยซูเป็นร่างที่พระเจ้าใช้เพื่อปรากฏพระองค์ต่อโลกในยุคพันปีและยุคฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ครับ
ขอบคุณพระบิดาที่เราทั้งหลายได้กลายเป็นบุตรพระเจ้า ซึ่งได้รับพระสัญญา ได้รับพระพร ได้รับพระคุณ ได้รับความรอด ได้รับมรดกทุกสิ่งที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้แก่อับราฮัม และมาถึงลูกหลานก็คือพวกเราทั้งหลายโดยผ่านพระเยซูคริสต์ เอเมน
ถ้าไม่มีพระเยซูคริสต์พระสัญญาของพระบิดาก็มาไม่ถึงเรา
ถ้าไม่มีพระเยซูคริสต์เราก็ไม่มีพระพร พระคุณ พระคุณซ้อนพระคุณ และมรดกทุกประการสำหรับพวกเรา สรรเสริญพระเยซู
ขอบพระคุณพระเยซูที่ตอนนี้เราบังเกิดจากวิญญาณจากฝ่ายวิญญาณจากพระวิญญาณ ซึ่งเราเมื่อก่อนเคยบังเกิดจากเลือดเนื้อเป็นเนื้อหนัง แต่ตอนนี้เราเป็นมนุษย์วิญญาณ เรามีความประสงค์ในฝ่ายวิญญาณ ก็คือมีหัวใจที่อยากรับใช้ อยากประกาศ อยากร่วมกับพี่น้อง อยากอธิษฐาน อยากอ่านพระคัมภีร์ แต่สิ่งที่พวกเราต้องการก็คือการทำแทนของพระองค์ เพราะว่าเราทำไม่ได้พระบิดา
ขอบพระคุณพระองค์สำหรับพระเยซูคริสต์ที่เข้ามาและนำกฎแห่งพระวิญญาณและกฎแห่งชีวิตเข้ามา เพื่อที่จะเอาชนะกฎแห่งความบาปและกฎแห่งความตาย
ขอบพระคุณพระบิดาที่พระองค์สำแดงพระองค์ผ่านพวกเรา โดยผ่านพี่น้อง ผ่านการช่วยเหลือกัน รักกัน ดูแลเอาใจใส่กันและกันในคริสตจักร ขอบพระคุณพระองค์ที่เราได้เห็นพระบิดาแล้วผ่านพี่น้องเหล่านี้
และขอบพระคุณพระบิดาสำหรับข้อที่ 17 ก็คือพวกเราไม่ต้องอยู่ใต้พระบัญญัติอีกต่อไป เนื่องจากว่าพระบัญญัติมาทางโมเสสและเป็นอยู่ชั่วคราว กักขังยิวเอาไว้ จนถึงพระสัญญา มาถึงโดยพระเยซูคริสต์ เราจึงได้รับการปลดปล่อยไม่ต้องอยู่ใต้พระบัญญัติอีกต่อไปเพื่อจะรับพรและรับความรอด แต่เราเชื่อและวางใจในพระบุตรเท่านั้น เราก็ได้เป็นคนชอบธรรมเท่ากับคนยิวที่เคร่งครัดแล้ว เอเมนสรรเสริญพระเยซู