...
เมื่อสนิทในพระเยซูจากรักพระเจ้าและรักเพื่อนบ้านน้อย ก็จะได้รักมากขึ้นๆๆ จากการเป็นคนดีน้อยๆๆ เป็นคนดีปลอม ก็จะได้กลายเป็นคนดีที่แท้จริงไม่ต้องใส่หน้ากาก
...
ขอบพระคุณพระเยซูในความรักของพระองค์ ในพระเมตตาของพระองค์ ที่ทรงเมตตาเลือกเราบางคนให้ได้มาถึงพระคำล้ำลึก รับการเปิดตา เพื่อเข้าสู่การชำระด้วยพระคำและเข้าสู่การชำระด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ในที่สุด สรรเสริญพระเยซู
เรื่องอาณาจักรเป็นเรื่องของการแย่งชิง วิ่งแข่งอย่างแข็งขัน วิ่งแข่งด้วยสุดฤทธิ์สุดเดช สุดหัวใจ ผู้ใดที่วิ่งแข่งได้ ก็จะเข้าถึงเส้นชัยและรับอาณาจักร และการวิ่งแข่งได้ไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าหากตาเราถูกเปิดและรู้ความจริงว่า พระคริสต์เป็นผู้ดำเนินชีวิตแทนเราในเรา สรรเสริญพระเยซู
วันนี้เราได้รู้แล้วเคล็ดลับ และขอบพระคุณพระเยซูที่พระองค์สอนเราในยอห์นบทที่ 15 ให้เราได้พบสิ่งหนึ่ง คือสิ่งที่สำคัญในชีวิตของพวกเรา ในการดำเนินชีวิตคริสเตียน ในการเป็นผู้เชื่อ เราขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์เปิดตาเราให้ได้เห็นว่าการเข้ามาเป็นคริสเตียนไม่ใช่ศาสนาคริสต์ และไม่ใช่การดำเนินชีวิตในรูปแนวศาสนา
เป็นชีวิตที่เป็นชีวิตพระเจ้า เป็นชีวิตจริงๆ เป็นชีวิตมีชีวิต ขอบพระคุณพระเยซู มันเป็นเรื่องของชีวิต ซึ่งเมื่อก่อนเรามีชีวิตที่ไม่ครบไม่เต็ม อาดัมและลูกหลานไม่เคยสัมผัสชีวิตที่ครบที่เต็ม แต่พระเยซูนำชีวิตนั้นมาเพื่อเราจะมีชีวิตที่ครบบริบูรณ์ ยอห์น 10:10 สรรเสริญพระเจ้า
สำหรับบทที่ 15 คือมาถึงบทนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พระเยซูใกล้จะถูกจับ และถูกนำไปประหาร เพราะฉะนั้นเรื่องการสร้างบ้านใหม่ในเราเพื่อพระเจ้าจะเข้ามาอยู่ในเราในบทที่ 14 สำคัญ การมีชีวิตที่ติดสนิทกับพระเจ้าในบทที่ 15 สำคัญมากเมื่อพระองค์ตรัสว่า เรากับพระบิดา และพระวิญญาณบริสุทธิ์ จะมาอยู่กับท่านทั้งหลาย ในบทที่ 14 และบทที่ 15 พระองค์ตรัสว่าพวกท่านควรสนิท เราควรสนิทในพระเจ้า พระเจ้าย้ายเข้ามา พระเจ้าเข้ามาใกล้ขยับเข้ามาใกล้มากๆ อยู่ในเราแล้ว
เพราะฉะนั้นขั้นตอนต่อไป ก็คือเราควรจะทำยังไง? สนิทในพระองค์เพื่ออะไร? เพื่อตัวเราเอง เพื่อเราจะมีความผูกพัน สัมผัสรัก สนิทกับพระเจ้าผู้สร้างจักรวาล เพื่อเราจะเป็นบุตรที่รักของพระองค์ และพระองค์จะเป็นพระเจ้าเป็นพระบิดาที่แสนดีของพวกเรา เราจะเห็นมากกว่าได้สัมผัสมากกว่า ได้รับทุกสิ่งมากกว่าในตอนที่เราเป็นศาสนา
บทที่ 15 เป็นเวลาที่พระองค์ ให้เราสนิท สั่งให้เราสนิทในพระองค์ และพระองค์สอนเรานะครับว่าพระองค์พระเจ้าเป็นเจ้าของสวนเจ้าของไร่องุ่น และพระเยซูนะครับ ก็คือเป็นเถาองุ่นและเราทั้งหลาย ก็เป็น "กิ่ง"
เพราะฉะนั้นเรา "กิ่ง" ต้องติดสนิทกับเถาและมีพระเจ้าเป็นผู้ดูแล เพราะฉะนั้นถ้าหากเราไม่ติดสนิทในพระเยซู ไม่ติดสนิทกับพระเจ้า ไม่มีพระเจ้าเป็นผู้ดูแล ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร ไม่มีผลอะไร ความดีการกระทำทุกสิ่งที่เราทำ การรับใช้ที่เรารับใช้ การตื่นนอนแต่เช้าเพื่ออธิษฐาน เพื่อทำอะไรก็แล้วแต่ มันเป็นแค่ไม้ ฟาง หญ้าแห้ง
แต่ขอบพระคุณพระเยซู วันนี้ที่เราได้รับการหล่อเลี้ยงโดยพระเจ้าเป็นคนรดน้ำและพระเยซูเป็นเถาองุ่น ที่จะเชื่อมชีวิตของพระองค์มาสู่เราทั้งหลาย และผลที่เราทำทุกวันนี้ ก็คือผลของพระวิญญาณ ซึ่งพระคริสต์เป็นผู้กระทำในเรา เป็นผลที่ได้รับเป็นทองคำ เงิน เพชรพลอย เราขอบพระคุณพระเยซูสำหรับสิ่งนี้
เมื่อบทที่ 15 พระเยซูสั่งนะครับว่าให้สาวกทุกคน เราด้วยนะครับ ให้สนิทกับพระองค์ สนิทในพระองค์ และตอบมาเราจะเห็นว่าบทที่ 16 พระเยซูตรัสถึงไม่ต้องห่วงนะ จะมีผู้หนึ่งมาเพื่อเป็นผู้สอนนำพา เลี้ยงดู ดูแล ช่วยเหลือผู้เชื่อทุกๆ ด้านของชีวิต คือในบทที่ 16 นั่นเอง สรรเสริญพระเยซูพระองค์วางแผนไว้ทุกสิ่ง แล้วก็ประกาศสั่งสอน
จากนั้นก็มาถึงบทที่สำคัญ อีกครั้งนะครับบทที่ 14 พระเจ้าย้ายเข้ามาอยู่ในเรา
บทที่ 15 เราควรต้องติดสนิทกับพระเจ้าเพื่อการเกิดผล
บทที่ 16 ก็คือพระวิญญาณจะมาเป็นอยู่กับเราเป็นผู้ช่วย ผู้เลี้ยง ผู้นำ ผู้พาชีวิตของเรา แล้วก็เปิดตาเรา
บทที่ 17 สุดท้ายนะครับ พระเยซูก็จะเป็นปุโรหิตที่อยู่ข้างพระบิดาและร้องขอต่อพระบิดาทุกยุคทุกสมัย ให้ชำระเราโดยพระคำพระเจ้า ให้ดูแล ปกป้อง ปกปักรักษา ซึ่งขอบพระคุณพระเจ้าที่ทุกวันนี้พระเจ้าตอบคำอธิษฐานของพระเยซู และทำงานหนักมากผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์ในโลกนี้ เราที่มาถึงพระคำล้ำลึกในวันนี้ ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นคนกระทำ ก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์นั่นเอง เนื่องมาจากการขอของพระเยซูในบทที่ 17 และเนื่องด้วยการตอบคำอธิษฐานคำขอร้องของพระเยซูในบทที่ 17 นี้ และพระวิญญาณก็เสด็จมาตามสัญญาในยอห์นบทที่ 16 ขอบคุณพระเจ้า พระเจ้าทั้งสามพระภาคได้รับเกียรติ เรายกย่องสรรเสริญเทิดทูนพระนามพระองค์
และอีกครั้งนะครับ เรื่องเถาองุ่นและกิ่งไม่ใช่เรื่องศาสนาหรือการใช้ชีวิตตามรูปแนวศาสนา ซึ่งตอนที่เราเป็นคริสเตียนศาสนาเราอยู่ในสภาพนี้ เราทุกคนต่างก็มีประสบการณ์กันแล้วใช่ไหม
แต่สำหรับชีวิตคริสเตียนแท้ที่จริง ก็คือเป็นเรื่องของการเชื่อมต่อ ต่อติดระหว่างพระเจ้ากับเราผู้เชื่อทั้งหลายที่เป็นบุตร เป็นเพื่อน เป็นเจ้าสาว เป็นที่รัก มันเป็นเรื่องของความผูกพัน มันเป็นเรื่องของชีวิต
เพราะฉะนั้นเมื่อก่อนเราเป็นคริสเตียนที่ตายแล้ว คือตายแล้วไม่มีชีวิต แต่ตอนนี้เรารับการเปิดตา พระเจ้าเปิดเผยความจริงให้เรารู้ว่า เราต้องใช้ชีวิตอย่างคนที่มีชีวิต ก็คือชีวิตพระเจ้า
สำหรับบทที่ 15 พระเยซูย้ำ 5 ครั้ง คือให้เราสนิท ให้เราสนิท ถ้าหากเราใช้ชีวิตที่เอาแต่ทำๆๆ เพื่อพิสูจน์ว่าเราเป็นคริสเตียนที่ดี แต่ไม่สนิท สุดท้ายก็ได้แต่สวมหน้ากากเข้าหากัน คือเป็นคริสเตียนมานานหลายปี ถ้าหากไม่สนิท ชีวิตใหม่ก็เกิดขึ้นไม่ได้ การทำแทนของพระเยซูก็เกิดขึ้นไม่ได้ เราก็ต้องทำเองเมื่อเราทำเอง ทำไม่ได้ รักไม่ได้ อภัยไม่ได้ ยกโทษไม่ได้ ทำดีไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องทำอะไร? ก็ต้องใส่หน้ากาก
ทุกวันนี้เราจะเห็นหน้ากากมีเยอะมาก ไม่ใช่โรงละครไม่ใช่ที่ไหน แต่เป็นที่โบสถ์ เราไม่ได้ตำหนิไม่ได้ตัดสินพี่น้อง แต่เราพูดความจริง เพื่อให้เราได้เห็นภาพ และเราที่ยังใส่หน้ากากก็กลับใจได้ พระเยซูต้อนรับเราเสมอและรอคอยที่จะทำลายหน้ากากของเรา เพื่อให้เราใช้ชีวิตเป็นคนที่น่าซื่อใจซื่อ ไม่ต้องหน้าซื่อใจคดอีก เพื่อชีวิตของเราจะเต็มด้วยพระพรและบำเหน็จมากมาย
...
สุดท้ายผมอยากจะหนุนใจพวกเรา
เราขอบคุณพระเยซูที่เมื่อเราพบพระคำล้ำลึก
จากรู้น้อย เราก็ได้รู้มาก จากรู้ผิด เราก็ได้รู้ถูก
และยิ่งกว่านั้น ยิ่งกว่านั้นเมื่อเราสนิทในพระเยซู จากรักพระเจ้าและเพื่อนบ้านน้อย ก็ได้รักมาก
จากเป็นดีปลอม ก็ได้เป็นคนดีจริงๆ เป็นคนดีของแท้
อีกครั้งนะครับ เมื่อเราพบพระคำล้ำลึก จากผู้ได้รู้น้อย ก็ได้รู้มาก จากรู้ผิด ก็ได้รู้ถูก และเมื่อสนิทในพระเยซูจากในยอห์นบทที่ 15 นี้
จากรักพระเจ้าและรักเพื่อนบ้านน้อย ก็จะได้รักมากขึ้นๆๆ จากการเป็นคนดีน้อยๆๆ เป็นคนดีปลอม ก็จะได้กลายเป็นคนดีที่แท้จริงไม่ต้องใส่หน้ากาก
ถาม.
ยอห์น 15:2 "กิ่งทุกกิ่งในเราที่ไม่ออกผล พระองค์ก็ทรงเอาไปเสีย และกิ่งทุกกิ่งที่ออกผลพระองค์ก็ทรงลิดกิ่งนั้น เพื่อให้มันออกผลมากขึ้น" ในข้อ 2 ที่บอกว่า พระเจ้าทรงลิด ลิดนี้เกี่ยวกับการแตกหักไหมครับ
ตอบ.
ใช่ครับ การแตกหักมีส่วนนะครับ คือเราจะต้องเจอมรสุมชีวิต จะต้องเจอปัญหา จะต้องเจอการทดลอง เจอมากมายหลายสิ่ง ซึ่งอาจจะเป็นสิ่งที่เราไม่ชอบบ้าง อาจจะเจ็บปวดบ้าง ทรมานบ้าง เป็นทุกข์บ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อเรา ให้เราเกิดผล
อย่าลืมว่าทุกครั้งที่พระเจ้าลิดเรา มีใครอยู่ในเรา มีใครอยู่กับเราและมีใครเป็นผู้ปลอบประโลมเรา "พระเยซู"
และการลิดของพระเจ้าบางครั้งเจ็บปวดก็จริง แต่จะไม่นานเกินไป และจะไม่เกินความอดทนของเราที่จะทนได้
...
พี่น้องบางคนที่มาใหม่อาจจะถาม "สนิท" สนิทต้องทำยังไงบ้าง
ก็คือสร้างความผูกพัน พระเยซูสั่งให้เราสนิทในพระองค์ 1 เธสะโลนิกา 5:17 บอกว่า จงอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ ความจริงแล้วภาษากรีก ก็คือจงพูดคุย สนทนาอย่างสม่ำเสมอ
พูดคุยสนทนากับใครครับ กับพระเยซู ไม่ต้องแหงนหน้าขึ้นไปบนฟ้าแล้วนะครับ คือพระเยซูอยู่ในเราแล้ว เราจะคุยกับพระเยซูได้ทุกวันทุกเวลาทุกนาที
อย่างสม่ำเสมอ ก็คือทุกชั่วโมงทุกครั้งที่เรานึกได้ อยากพูดอะไรอยากคุยอะไร คุยกับพระเยซู ผมเห็นผู้หญิงหลายคนคือทักไปหาเพื่อนบ่อยมากใน Messenger บ้าง LINE บ้าง คือคุยกันทั้งวันไม่รู้จะเอาเรื่องไหนเรื่องอะไรมาคุย แต่คุยได้ทั้งวัน
ที่นี้สำหรับเราที่เป็นผู้เชื่อ เป็นบุตรที่รักของพระเจ้าและพระเจ้าสั่งให้เราคุยทั้งวัน เรามาคุยกับพระเยซูดีกว่าใช่ไหมครับ คุยกับเพื่อนอาจจะดีใจบ้าง ทำให้สบายใจขึ้นบ้าง ได้ระบายบ้าง แต่คุยกับพระเยซูได้ชีวิต ได้พลัง ได้สันติสุข ได้ทุกสิ่ง และพระเจ้าแก้ไขปัญหาที่อาจจะแก้ไม่ได้ให้แก้ได้ หนักก็อาจจะกลายเป็นเบา ยากก็กลายเป็นง่าย ร้ายก็กลายเป็นดี เอเมน
พูดคุย สนทนา บอกรัก คุยกับพระเยซู เรารู้นะครับว่าพระองค์ทรงฟังเราทุกๆ เวลาที่เราพูดคุยกับพระองค์ แน่นอนครับพระเจ้ายินดีที่จะฟังเราไม่ว่าเราจะพูดแบบไหน พูดยังไง พูดเพราะไม่เพราะ พูดใช้ศัพท์อะไร บ้านๆ หรือยังไงก็แล้วแต่ พระเจ้าฟังทั้งหมด แล้วพระเจ้าก็ตอบ แล้วพระเจ้าก็พร้อมที่จะตอบเราจะคุยกับเรา ไม่ว่าอาจจะได้ยินเสียงบ้าง หรืออาจจะเป็นผ่านโทรศัพท์บ้าง มือถือบ้าง ทีวีบ้างคอมพิวเตอร์บ้าง อะไรก็แล้วแต่ พระเจ้าจะคุยกับเรา ขอให้เราสังเกต
...
ถาม.
การพูดคุย สนิทกับพระเยซูพูดในใจหรือพูดออกเสียงดีคะ อจ.
ตอบ.
ถ้าจะให้ดี ถ้าจะให้ดีจริงๆ ควรจะพูดออกเสียงครับ แต่ถ้าหากมีคนที่อยู่รอบข้างเรา อยู่ใกล้เรา เราไม่สะดวก ก็พูดในใจได้ครับ
...
เราขอบคุณพระเยซูที่ให้เราเข้าใจลึกมากเกี่ยวกับ 1 เธสะโลนิกา 5:17 ที่พระคริสต์เยซูตรัสผ่านเปาโล "จงอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ" ตอนนี้เรารู้แล้วนะครับว่า จงพูดคุย เป้าหมายของพระเจ้าก็คือเพื่อให้เรามีความผูกพันที่ดีกับพระองค์ พระองค์จึงให้เราพูดคุยกับพระองค์อย่างสม่ำเสมอ สม่ำเสมอนะครับไม่ใช่วันละ 3 ครั้ง เหมือนที่เราเคยเข้าใจกัน แต่ทุกๆ เวลาที่เราคุยได้พูดได้มีโอกาส
เพราะฉะนั้นยิ่งพูดมากเท่าไหร่ คุยกับพระเยซูมากเท่าไหร่ เราก็ได้ผูกพันมีความสัมพันที่ลึกซึ้งกับพระองค์มากเท่านั้น ผมพูดถูกไหมครับ ถ้าเราไม่พูดกับพระเจ้าทั้งวัน เรารู้สึกว่าจะวังเวง จะแบบ.. เออ.. ทำไมวันนี้รู้สึกจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ใช่ไหมครับ
เพราะฉะนั้นพูดคุยทุกวัน ทุกครั้ง ทุกเวลาที่เรามีโอกาสครับ สำหรับพี่น้องบางคนที่พูดไม่เก่ง หรือไม่รู้จะพูดอะไร ก็ใช้คำเอเมนพระเยซู เอเมนพระเยซูสอนข้าพระองค์ด้วย ข้าพระองค์ไม่รู้จะพูดอะไร แล้วเชื่อผมเถอะครับอีกไม่นานต่อมา 1-2 เดือนผ่านไปเราจะพูดเก่งมากครับ
เราจำกันได้ไหมในยอห์นบทที่ 16 ที่ผมพูดถึง คือพระวิญญาณบริสุทธิ์มาเพื่อช่วยเรา เรามีผู้ช่วยนะ และผู้ช่วยของเรา คือผู้ช่วยที่ยิ่งใหญ่ด้วย ไม่ใช่ทนายความ ไม่ใช่ใครที่ไหนในโลกนี้ แต่เป็นพระเจ้าผู้สร้างจักรวาลที่มาเป็นผู้ช่วยเรา
...
เราขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์สั่งสอนเราในยอห์นบทที่ 14 -15 - 16 -17 ซึ่งเป็นบทเรียนที่สำคัญมากก่อนที่พระองค์จะจากไปในฐานะของผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อเยซู เพื่อไปตายไถ่บาปแทนเราทั้งหลาย
พระเจ้าเข้ามาอยู่ในเรา ในยอห์นบทที่ 14 และบทที่ 15 พระองค์สั่งให้เราสนิทในพระองค์ และบทที่ 16 พระวิญญาณบริสุทธิ์ในเรา คือผู้ที่จะเลี้ยงดู นำพา ช่วยเหลือ ดูแล ทุกด้านของชีวิตของเรา เปิดตาชำระเราให้มาถึงชีวิตและนิสัยเหมือนพระคริสต์
เราขอบพระคุณพระเจ้าและยอห์นบทที่ 17 พระเยซูเป็นมหาปุโรหิต ที่ประจำที่สวรรค์ เพื่ออธิษฐานเผื่อ ทูลขอต่อพระบิดา เพื่อคริสเตียนทุกคน จะได้รับการชำระด้วยพระคำและการชำระด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และอยู่ในการดูแล ปกปักรักษา ปกป้องคุ้มครองของพระเจ้า ขอบพระคุณพระเยซูที่พระองค์เป็นมหาปุโลหิตที่ประจำการที่พระบัลลังก์ของพระองค์ สรรเสริญพระเยซูเรารักพระองค์
หน้าที่ของพวกเราตอนนี้ ก็คือสนิทในพระเยซู เพื่อจะเห็นชีวิตใหม่
หน้าที่ของเรา ก็คือสนิทในพระเยซู เพื่อที่จะเห็นนิสัยใหม่
หน้าที่ของเรา ก็คือสนิทในพระเยซูอย่างสม่ำเสมอ พูดคุยกับพระองค์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่จะสำแดงชีวิตของพระเจ้าให้โลกเห็นพระองค์ผ่านเรา
และพระเกียรติเป็นของพระองค์ แต่บำเหน็จเป็นของเราทั้งหลาย เอเมน