ตอน อีกสองข้อมี “ด้วยพระวิญญาณ” แต่ไม่มี “และด้วยไฟ” (มก 1:8; ยน 1:33)
A: ในมัทธิว 3:11 ยอห์นได้พูดเกี่ยวกับการบัพติศมาด้วยไฟ คือการถูกโยนลงบึงไฟใช่มั๊ยคะ
B: เรื่องนี้พี่น้องคริสเตียนมากมายรับไม่ได้ เพราะไม่ค้นดูและขอพระเจ้าเปิดตา เราเชื่อตามผู้นำมานานแล้ว ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1906 ในอเมริกา (Asuza street revival) ซึ่งกลุ่มนี้เริ่มนมัสการแบบร้อนแรง มีเห่าหอน เสีือคำราม ร้องไห้ กลิ้งไปมา กระโดด นอนที่พื้น ฯลฯ ผมก็เคยเป็นไปกับเขาอยู่พักหนึ่ง สาเหตุเป็นเพราะว่าเราได้สัมผัสสันติสุข และดูเหมือนพระวิญญาณเคลื่อนไหว
ฟาริสีและสะดูสีออกมารับบัพติศมาเพราะกลัวพระเจ้า และเชื่อว่าท่านยอห์นเป็นผู้รับใช้ที่พระเจ้าส่งมา
- พวกนี้จะออกมาฟังและสารภาพ ทุกๆ ครั้งที่พระเจ้าส่งผู้เผยพระวจนะมาเตือน
- พวกเขาไม่ได้กลับใจจริงๆ แต่เพราะเกรงกลัวการลงโทษ
- ท่านยอห์นรู้โดยพระวิญญาณ ท่านจึงตำหนิพวกเขา
- แต่ท่านก็ยังให้โอกาสพวกเขา โดยกล่าวว่า ไม่ใช่ออกมารับบัพติศมาเท่านั้น แต่ ต้องกลับใจจากระบบศาสนาและยุคเดิม เพื่อรอรับยุคใหม่จากพระเยซู
ขอให้พี่น้องอ่านพระคำพระเจ้าสี่ข้อนี้ก่อน สองข้อมีด้วยพระวิญญาณและด้วยไฟ แต่อีกสองข้อมีด้วยพระวิญญาณ แต่ไม่มีและด้วยไฟ
- มธ 3:11 (มีไฟ) — พระองค์จะทรงให้เจ้าทั้งหลายรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยไฟ
- มก 1:8 (ไม่มีไฟ) — พระองค์นั้นจะให้เจ้าทั้งหลายรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์”
- ลก 3:16 (มีไฟ) — พระองค์นั้นจะทรงให้เจ้าทั้งหลายรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยไฟ
- ยน 1:33 (ไม่มีไฟ) — `เมื่อเจ้าเห็นพระวิญญาณเสด็จลงมาและสถิตอยู่บนผู้ใด ผู้นั้นแหละเป็นผู้ให้บัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์’
เรื่องราวที่สำคัญในมัทธิวบทที่ 3
1. ข้อ 7 ท่านยอห์นพูดกับฟาริสีและสะดูสี
2. ข้อ 7 ท่านยอห์นตำหนิพวกเขาอย่างแรง
3. ข้อ 8 ท่านยอห์นเตือนและให้โอกาสกลับใจ
4. ข้อ 10 ท่านเตือนว่าผลร้ายจะเกิดกับพวกเขาถ้าไม่กลับใจ คือถูกทิ้งลงในไฟ (มธ 3:10 บัดนี้ขวานวางไว้ที่โคนต้นไม้แล้ว ดังนั้นทุกต้นที่ไม่เกิดผลดีจะต้องตัดแล้วโยนทิ้งในกองไฟ) — ข้อที่ 10 มี “ไฟ” ซึ่งเป็นบึงไฟ
5. พระเยซูจะมาเพื่อจุ่ม (บัพติศมา) เขาในพระวิญญาณถ้ากลับใจ (ข้อ 11)
6. พระเยซูจะมาเพื่อจุ่ม (บัพติศมา) เขาในไฟ (บึงไฟ) ถ้าไม่กลับใจ
7. ข้อ 12 สรุปคือ…
ก. พระองค์จะทรงเก็บข้าวของพระองค์ไว้ในยุ้งฉาง (บัพติศมาในพระวิญญาณ)
ข. แต่พระองค์จะทรงเผาแกลบด้วยไฟที่ไม่รู้ดับ” (บัพติศมาในไฟ)
ในมัทธิวและลูกาเท่านั้นที่พูดถึงบัพติศมาในไฟ แต่ในมาระโกและยอห์นไม่มี “ในไฟ” เพราะมัทธิวและลูกาเป็นข่าวประเสริฐเรื่องราชอาณาจักร ส่วนมาระโกและยอห์นเป็นข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูคริสต์และชีวิตนิรันดร์
เพราะฉะนั้น การรับบัพติศมาคือพระเยซูจะเป็นคนรับให้ บัพติศมาในพระวิญญาณคือรอด บัพติศมาในไฟคือส่งไปยังบึงไฟ (ดู มธ 3:10, 12)
บัพติศมาไม่ใช่พิธี อย่างที่เราเข้าใจผิดกันทุกวันนี้ แต่กรีกแปลว่า “จุ่มลงไป” βαπτίσει ถ้าฟาริสีและสะดูสีกลับใจ จะได้รับบัพติศมาในพระวิญญาณเพื่อรับความรอด แต่ถ้าฟาริสีและสะดูสีไม่กลับใจ พระเยซูจะจุ่มพวกเขาลงไปในบึงไฟเพื่อไม่รอด
ไม่ใช่ทุกคนที่รับความจริงนี้ได้ แต่ถ้าเปิดใจและอ่านพระคำพระเจ้าสี่ข้อช้าๆ เราจะพบว่าในมาระโกและยอห์นไม่มีจุ่มลงไปในไฟ
มัทธิวและลูกาเป็นข่าวประเสริฐที่ให้ทั้งความหวังและการพิพากษา ส่วนมาระโกและยอห์นเป็นข่าวประเสริฐที่ให้แต่ความหวัง
ผู้นำมากมายไม่เคยคิดครับว่ามีอะไรซ่อนอยู่ คนที่บัพติศมาเราในพระวิญญาณคือพระเยซูเองครับ เราจึงมองไม่เห็น (ยน 3:5–6)
“พระองค์จะทรงให้เขาทั้งหลายรับ” ทั้งมัทธิว มาระโก ลูกา และยอห์น ทุกข้อกล่าวว่าพระเยซูเป็นคนรับให้ ไม่ใช่ผู้นำวางมือเท่านั้นจึงจะรับได้
แต่บัพติศมาในไฟ เราผู้เชื่อจะไม่ได้รับ เพราะคนที่ไม่รอดพระเยซูจะจุ่มเขาลงไปในบึงไฟในวันสุดท้าย คือบัพติศมาในไฟครับ
ไม่มีใครสังเกตได้ครับ นอกจากพระสติปัญญาเปิดเผย
เราส่วนมากพออ่านพบว่า พระองค์จะรับบัพติศมาท่านในพระวิญญาณและในไฟ ก็เลยคิดว่าเราผู้เชื่อจะได้รับทั้งสอง
ไม่ใช่ครับ
ความหมายก็คือ พระองค์จะจุ่มท่านลงไปในพระวิญญาณ (พระกาย — เพื่อรอด) และ จุ่มท่านลงไปในไฟ (เพื่อลงโทษนิรันดร์ — เพื่อไม่รอด)
สรุป พระเยซูเป็นคนถือสิทธิอำนาจในการให้คนหนึ่งรอดและอีกคนไม่รอด
A: มีนาบอกเค้าว่า ในเมื่อเรารู้อยู่แล้วว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่ในเรา แล้วทำไมถึงยังขอการเจิมด้วยไฟอีก เค้าบอกว่าเพราะเป็นฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า
B: เรื่องฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า ไม่เกี่ยวอะไรกับการเจิมด้วยไฟครับ
- พระเจ้าเจิมผู้เชื่อและผู้รับใช้ทุกคนในหน้าที่การงานต่างๆ แต่ไม่ได้เอาไฟมาเจิม ทุกคนมีของประทาน แต่คนละหน้าที่
บทความเพิ่มเติม: บัพติสมาในไฟหรือจุ่มลงไปในไฟ