เมื่อพระเยซูฟื้นขึ้นจากความตาย พระองค์ทรงเสด็จไปที่บ้านของลาซาลัส สามพี่น้องลาซาลัสตกลงกันว่าจะเลี้ยงฉลองตอนรับพระเยซู
- เรือน (บ้าน) ของลาซาลัส เปรียบเสมือนคริสตจักร
- เลี้ยงฉลอง คือทุกอาทิตย์เรามาเลื้ยงฉลองการฟื้นคืนพระชนของพระเยซู
นางมาธาทำอาหาร คือผู้รับใช้มากมายที่เอาแต่ทำๆ รับใช้ๆ แล้วลืมพระเยซูเป็นศูนย์กลางของชีวิต การรับใช้ การเล่นดนตรี การเตรียมอาหารก็ดีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่คริสเตียนไม่ควรขาดคือว่าพระเยซูจะต้องเป็นศูนย์กลางของเวลานั้น ของทุกสิ่งที่เรากระทำอยู่นั้น ในเวลาที่เราทำอะไรอยู่ก็ตาม
พระเยซูไม่ได้ห้ามมาธาให้ทำอาหาร แต่ควรจะออก แล้วมาฟังซะก่อน ถ้าสมมุติว่าวันนั้นไม่มีใครทำกับข้าวให้กิน จะทำอย่างไร ทุกคนก็หิวข้าว พระเยซูสามารถเสกให้กินได้ พระเยซูเลี้ยงคนตั้งห้าพันคน แค่คนในบ้านพระองค์จะทรงเลี้ยงไม่ได้หรือ จริงไหม
...
แต่สรุปว่ามีคริสเตียนอยู่ 3 ประเภท
หลังจากที่คริสตจักรตั้งขึ้น หลังจากที่งานเลี้ยงการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูเริ่มต้นขึ้นทุกๆอาทิตย์มีคริสเตียนสามแบบกำลังอยู่ในคริสจักรทุกวันนี้คือ
1. นางมาธา รับใช้ ลองคิดดูว่าเราทำอะไรต่างๆในคริตจักรแล้วจดจ่อกับสิ่งนั้นมากเกินไป
2. ลาซาลัส กินร่วมกับพระเยซูหมายความว่า อ่าน อธิษฐาน ในขณะที่เรากำลังอ่าน อธิษฐาน เรากำลังกินร่วมกับพระเยซู (กิน คือกินพระวิญญาณ กินพระคำ กินชีวิต Zoe (โซเอ้)
3. นางมารีย์ คนสุดท้าย คือคริสเตียนที่ดีที่สุด (the Best Christian) ดีที่สุดที่พระเจ้าต้องการเลย คือทุ่มเททุกอย่างเลย ของที่แพงที่สุดคืออะไร คือเวลา หัวใจ ความคิด ทุกอย่างทุกเทให้พระเยซูในเวลานั้นเลย ตั้งแต่วินาทีแรกที่เข้ามาในคริสตจักรปุ๊บ เอาน้ำหอมมาราดผม และล้างเท้าให้พระเยซูเลย ไม่ปล่อยให้เวลาช่วงไหนช่วงหนึ่งขาดจากพระเยซูเลย นางมารีย์เข้ามาเจอพระเยซู ก้มกราบ เอาน้ำหอมที่แพงที่สุด คือหัวใจที่เรามี ล้างพระบาทให้พระเยซู คือเข้าใกล้พระองค์ กอดขาพระองค์ใว้ นี่คือคริสเตียนที่ดีที่สุดที่พระเจ้าต้องการ คือ หัวใจของคริสตจักรที่แท้จริง และพระเยซูสอนไว้ว่าจะมีสามคนสามประเภท
...
เรื่องนี่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่ให้เราเห็นเหตุการณ์ว่ามารีย์มาธาเป็นแบบนั้นแบบนี้ ไม่ใช่ แต่พระเยซูต้องการสอนว่าจะมีคริสเตียนสามประเภทในคริสตจักร
1. คือมาธาที่เอาแต่รับใช่รับใช้ ทำนี่ทำนั้นเพื่อพระเจ้า สร้างผลงานมากมาย แต่ว่าไม่ได้กินร่วมกับพระเยซู กินร่วมหมายความว่า อธิษฐาน อ่าน คริสตจักรไหนที่ใช้เวลาในการอธิษฐานมากๆ อ่านพระคำมากๆ มีโอกาสที่จะได้รับการ (ชำระ) เปลี่ยนแปลงและเติบโต
ถามว่าเพลงก็สำคัญ ยิ่งสรรเสริญพระเจ้ายิ่งดี แต่อย่าลืมความสำคัญของการอธิษฐาน อย่าลืมความสำคัญของการอ่าน เราอ่านที่บ้านได้ แต่ควรจะอ่านร่วมกันกินร่วมกัน ถ้าเราอ่านคนเดียวก็เหมือการเห็นแก่ตัว มีของดีของอร่อยแต่เก็บไว้กินคนเดียว ไม่อยากแบ่งใคร และคำอธิษฐานที่ดีๆ สมมุติว่าคนหนึ่งพระเจ้าฟังคำอธิษฐานของเขา เขาอธิษฐานที่บ้านพระเจ้าตอบๆๆ แต่มาคริสตจักรเขาไม่มีโอกาสได้อธิษฐานเลย แสดงว่าคำอธิษฐานนั้นพระเจ้าตอบท่ามกลางคริสตจักรไม่ได้ ใครมีอะไรดีเอามาคริสตจักร แล้วพระเจ้าตอบคนนั้น ทุกคนได้ผลรับประโยชน์ร่วมกันจากคนหนึ่งที่ได้
และ 2. ลาซาลัส ก็กินร่วมกับพระเยซู
และ 3. มารีย์ คือคริสเตียนที่ดีที่สุด นางมรีย์เอาของที่ดีที่สุดคือเวลาที่เขามีทุกนาทีทุกวินาทีให้พระเยซู ทุ่มเทให้หมดเลย แล้วนั่งฟังอยู่ที่นั่น และมาธาพี่สาวของเขามาตำหนิเขาก็ไม่สนใจ ไม่แคร์ แต่ฟังต่อ ลาซาลัสก็กินต่อ
แล้วพระเยซูตำหนิใครสามคนนี้ พระเยซูไม่ตำหนิ ลาซาลัส พระเยซูไม่ตำหนินางมารีย์ แต่ชมนางมารีย์ด้วยซ้ำ แต่ทรงตำหนิคนที่ขยันคือนางมาธา คริสเตียนปัจจุบันนี้ 90 % กำลังรับใช้พระเจ้า ออกไป ประกาศทำนี่ทำนั่นเพื่อพระเจ้ามากมาย แต่พวกเขาเสียอย่างเดียวคือลืมบอกรักพระเยซูในเวลานั้น พูดคุยกับพระองค์
....
มารธาและมารีย์ (ลก 10:38-42)
10:38 บัดนี้ต่อมา ขณะที่พระองค์กับพวกสาวกกำลังไป พระองค์ทรงเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง และผู้หญิงคนหนึ่งชื่อมารธาต้อนรับพระองค์เข้ามาในบ้านของเธอ
10:39 และมารธามีน้องสาวคนหนึ่งชื่อมารีย์ ผู้ซึ่งได้นั่งใกล้พระบาทของพระเยซูด้วย และฟังคำตรัสของพระองค์
10:40 แต่มารธายุ่งในการปรนนิบัติมาก และมาหาพระองค์ และทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า พระองค์ไม่สนพระทัยหรือ ที่น้องสาวของข้าพระองค์ปล่อยให้ข้าพระองค์ทำการปรนนิบัติแต่คนเดียว ดังนั้นขอสั่งเธอให้มาช่วยข้าพระองค์เถิด”
10:41 และพระเยซูทรงตอบและตรัสกับเธอว่า “มารธา มารธา เอ๋ย เธอกระวนกระวายและวุ่นวายใจด้วยหลายสิ่งนัก
10:42 แต่มีสิ่งเดียวที่จำเป็น และมารีย์ได้เลือกเอาส่วนที่ดีนั้น ซึ่งจะไม่ถูกเอาไปจากเธอเลย”