(ตาที่ได้เห็นและหูที่ได้ยินก็เป็นสุข มธ 13:16)
1. ยุคบาป
2. ยุคพระบัญญัติ
3. ยุคพระคุณ (ยุคคริสตจักร)
4. ยุคอาณาจักร
...
ยุคที่หนึ่ง ก็คือยุคบาป
ยุคที่สอง ก็คือยุคพระบัญญัติ
ยุคที่สาม ก็คือยุคพระคุณ
ยุคที่สี่ ก็คือยุคราชอาณาจักรสวรรค์หรือราชอาณาจักรของพระเจ้าก็ได้
...
• ยุคที่หนึ่ง ก็คือยุคบาป เริ่มตั้งแต่อาดัมจนถึงโมเสส
• ยุคที่สอง ก็คือพระบัญญัติซึ่งเริ่มตั้งแต่โมเสสจนถึงพระเยซูคริสต์
• ยุคที่สาม ก็คือยุคพระคุณ (ยุคนี้) คือตั้งแต่พระเยซูคริสต์ฟื้นคืนพระชนม์จนถึงวันที่พระเยซูเสด็จกลับมาเพื่อก่อตั้งราชอาณาจักรในโลกนี้
• ยุคที่สี่ ก็คือเป็นเหตุการณ์หลังสงครามอามาเกดโดน หรือเหตุการณ์หลังช่วงระยะ 7 ปีแห่งความทุกข์ทรมาน ซึ่งยุคที่สี่มีเวลาเพียงแค่หนึ่งพันปีเท่านั้น เรียกว่างานเลี้ยงแต่งงาน งานอภิเษกสมรส ช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟูโลกหรือยุคสุดท้าย
...
ถามว่าจำเป็นไหม ที่เราควรจะเรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับยุค ยุคนี้ ยุคหน้า ยุคที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 คำตอบคือสำคัญจำเป็นมาก และโดยเฉพาะสิ่งที่เราควรจะได้รู้ก็คือยุคนี้ไม่ใช่ยุคสุดท้าย ขอย้ำอีกครั้งว่ายุคนี้ไม่ใช่ยุคสุดท้าย ซึ่งผู้คนมากมายทุกวันนี้พี่น้องคริสเตียนมากมาย สอน เทศน์ ในคริสตจักรทั่วไปว่ายุคนี้เป็นยุคสุดท้ายแล้ว และพระเยซูกำลังมาล้างโลกและฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ก็จะเริ่มต้นขึ้น อันนั้นไม่ใช่ ไม่ถูก แต่ยังมีอีกยุคหนึ่งรอเราอยู่
...
1. ยุคพระคุณ..(ยุคคริสตจักร)
- อาณาจักรสวรรค์ (ฝ่ายวิญญาณ)
- อาณาจักรของพระเจ้า (ฝ่ายวิญญาณ)
ยุคพระคุณซึ่งเราสามารถเรียกได้ว่าเป็นยุคคริสตจักร
ส่วนในยุคหน้าคือยุคอาณาจักร ยุคอาณาจักรซึ่งพระเยซูจะนำอาณาจักรของพระองค์ลงมาและผู้เชื่อจะถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม
...
2. ยุคอาณาจักร (คริสเตียนทุกคนจะรอดในวันสุดท้าย แต่คริสเตียนที่ชนะเท่านั้นจะได้เข้าไปในอาณาจักร
- กลุ่มแรก คือผู้ชนะจะได้เข้าไปข้างใน
- กลุ่มที่สอง คือผู้ไม่ชนะ ผู้แพ้จะได้อยู่ข้างนอกเพื่อใช้หนี้ให้ครบ ร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ถูกตีสอน ถูกบ่มให้สุก ไม่สุกแบบคือตามธรรมชาติ ซึ่งคริสเตียนเหล่านี้เพราะเหตุผลที่พระเจ้าเมตตาเขา พระเจ้าเมตตาพี่น้องคริสเตียนเหล่านี้พระเจ้าต้องการให้เขาทุกคนสุกงอมและเพื่อจะได้รอดเข้าไปในฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ แต่น่าเสียดายที่พี่น้องคริสเตียนเรานั้นที่ถูกบังคับให้สุกงอม สุกงอมโดยที่ถูกบ่ม ถูกตีสอน ถูกลงโทษ ก็จะเข้าไปในฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่แต่ไม่ได้รับผลตอบแทน ไม่ได้รับรางวัลอะไรเลยไม่มีรางวัลให้ ซึ่งเป็นการรอด แต่รอดเหมือนรอดผ่านไฟ เราจะเห็นว่าในพระคัมภีร์หลายตอนที่กล่าวถึงการรอดผ่านไฟซึ่งอยู่ใน 1 คร 3:12-15 / 1 คร 5:5 และอีกหลายตอนที่เกี่ยวกับการใช้หนี้ให้ครบ
เมื่อยุคนี้ผ่านไป ยุคอาณาจักรก็เริ่มต้นขึ้น แต่ก่อนที่จะถึงยุคอาณาจักรในช่วงเวลา 7 ปีสุดท้ายของยุคนี้ ของยุคพระคุณ 7 ปีสุดท้ายซึ่งจะมีเหตุการณ์ช่วง 7 ปีแห่งความทุกข์ทรมานเกิดขึ้น ผู้เชื่อที่ชนะแล้วก็จะถูกรับขึ้นไป
...
3. เจ็ดปีแห่งความทุกข์ทรมาน
- สามปีครึ่งแรก
- สามปีครึ่งสุดท้าย
แต่ผู้เชื่อที่ยังไม่ชนะก็จะต้องทนทุกข์ทรมานถูกขับไล่ถูกข่มเหงจากพระคริสต์เทียมเท็จและซาตานที่ร่วมมือกัน ไล่ ล่า ฆ่า ฟัน คริสเตียน และหลังจาก 7 ปีแห่งความทุกข์ทรมานผ่านไปก็จะเกิดมีสงครามอามาเกดโดน
...
4. สงครามอามาเกดโดน
ซึ่งพระคริสต์เทียมเท็จและซาตานและผู้คนมากมายที่ไม่เชื่อพระเยซู ไม่เชื่อพระเจ้า เป็นคนที่ไม่เชื่อจะร่วมมือกันเป็นกองทัพและมาต่อสู้กับกองทัพของพระเยซูคริสต์ พระเยซูคริสต์จะเสด็จลงมาจากสวรรค์พร้อมกับผู้ชนะการต่อสู้ของพระองค์ไม่ได้ยาก การต่อสู้ของพระเยซูคริสต์กลับมารซาตาน และพระคริสเตียนเท็จไม่ได้ใช้เวลายาวนานมากเท่าไหร่ เพราะว่าเป็นการต่อสู้ที่พระเจ้าใช้อำนาจด้วยพระแสง ด้วยพระคำของพระเจ้าที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ ทำให้มาซาตาน และพระคริสเตียนเท็จและลูกน้องของมันถูกฆ่าตายหมด และหลังจากสงครามอามาเกดโดนผ่านไป ก็จะมีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น ก็คือพระเยซูคริสต์จะตัดสินพิพากษาผู้เชื่อเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับคนที่ไม่เชื่อ
...
5. การพิพากษาคริสเตียน (เท่านั้น)
- มธ 7:21-23
- 2 คร 5:10
- โรม 14:10
* รอดเข้าในด้วยการรักษาพระบัญญัติของพระคริสต์*
คือผู้เชื่อทุกคนจะยืนอยู่ต่อหน้าพระคริสต์ และรับการพิพากษา เพื่อที่จะถูกเลือก คนหนึ่งจะได้เข้าไปข้างใน คนหนึ่งอยู่นอก ในช่วงนี้จะอยู่ใน มธ 7:21-23 ซึ่งผู้เชื่อมากมายผู้รับใช้หลายคนที่มายืนอยู่ต่อหน้าพระเยซู และรู้ตัวแล้วว่าไม่ได้เข้าไป ก็เลยต่อว่าพระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์รักษาโรค ไล่ผี รับใช้ ทำทุกสิ่งในพระนามของพระองค์ไม่ใช่หรือ พระเยซูตรัสว่าจงถอยไปจากเรา เราไม่เคยรู้จักเจ้า เจ้าไม่เคยอยู่ใต้พระบัญญัติ ล่วงละเมิดกฎหมายไม่อยู่ใต้กฎหมายเป็นคนที่นอกกฎหมาย
และในเวลาช่วงยุคพันปี คนที่เชื่อทุกคน ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ข้างในหรืออยู่ข้างนอกก็ตาม ผู้ที่เชื่อทุกคนก็จะมีกายทิพย์ไม่ตาย และชาวโลกคนที่ไม่เชื่อที่รอดตายมาจากช่วง 7 ปีแห่งความทุกข์ทรมานก็จะดำเนินชีวิตอยู่ต่อไป
สำหรับผู้เชื่อที่ชนะจะอยู่ในอาณาจักรและจะมีส่วนครอบครองร่วมกับพระเยซูเป็นเวลาพันปี และตำแหน่งการครอบครองของเขาก็จะสืบต่อไปจนถึงฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่และชั่วนิรันดร์
...
ขอให้เราพิจารณาดูชีวิตของเราว่าทุกวันนี้เราเป็นคริสเตียนเราเป็นผู้ชนะหรือเป็นผู้แพ้กันแน่ เราดูได้จากชีวิตของเราเอง
ผู้ชนะก็คือคนที่มีสันติสุขได้ทุกวันเวลาทุกนาที มีความสงบสุข อยู่ในชีวิต อยู่กับพระเจ้า คือไม่กลัวพระเจ้าอีกแล้ว และชีวิตของเขาสนิทอยู่กับพระคริสต์ (สนิทเพื่อรับชีวิต รับชีวิตเพื่อส่องสว่าง) สร้างความสัมพันธ์ให้มากขึ้น ยิ่งมากเท่าไหร่ ยิ่งสนิทมากเท่าไหร่ ยิ่งบอกรักมากเท่าไหร่ ยิ่งส่งรักให้พระเจ้า พระเจ้าก็จะส่งชีวิตมาให้เรา เรายิ่งส่งรักให้พระเจ้ามากเท่าไหร่ พระเจ้าก็จะส่งชีวิตมาให้เรา และก็จะสามารถส่องสว่าง ชีวิตนั้นเป็นน้ำมัน เป็นชีวิตของพระเจ้า เมื่อเรามีชีวิตของพระเจ้ามากเท่าไหร่ เราก็สามารถที่จะดำเนินชีวิตของพระเจ้า คุณสมบัติของพระเจ้า ความชอบธรรมของพระเจ้า ผลของพระวิญญาณผ่านตัวเรา มนุษย์ทั้งโลกและพี่น้องคริสเตียน ครอบครัว คริสตจักร เห็นพระเจ้าในเรา ไม่ได้เห็นเรา นี่คือชีวิตของผู้ชนะ..
แต่ถ้าหากชีวิตของเราทุกวันนี้ ขึ้นลงๆ ดีบาปๆ สุขทุกข์ๆ ไปจนตายไม่มีการเปลี่ยนแปลง ความดีก็พอมีอยู่เล็กน้อย และการเชื่อฟังก็พอมีอยู่เล็กน้อย การรับใช้ก็พอทำแบบเล็กน้อย การมีส่วนร่วมงานในคริสตจักรก็เล็กน้อย แต่ชีวิตของเราไม่มาถึงการเปลี่ยนแปลง ไม่เข้าสู่กระบวนการการเปลี่ยนแปลงสักที ถ้าถึงเวลาที่ระเบิดมันก็จะระเบิด ถ้าถึงเวลาโกรธก็โกรธ ถ้าถึงเวลาโมโหก็โมโห ถ้าถึงเวลาโลภ กิเลส ตัณหา โลภ โกรธ หลง ทั้งหลาย เข้ามามันก็จะเกิดขึ้นระเบิดขึ้น อันนี้เป็นสิ่งที่สื่อให้เรารู้ได้ว่าเราไม่ปกติ..
พี่น้องอย่าคิดน่ะว่าการที่เราเป็นคริสเตียนนาน เข้าโบสถ์นานแล้วหลายปี และมีตำแหน่งในคริสตจักร แล้วก็เราดูดีในคริสตจักร อย่าคิดว่าเราเป็นผู้ใหญ่หรือผู้ชนะแล้ว คือไม่ใช่.. การที่เราเข้าโบสถ์นาน เชื่อพระเยซูนาน และมีส่วนรับใช้ มีตำแหน่ง เป็นศิษยาภิบาล เป็นศาสนาจารย์ เป็นอะไรก็ตาม ตำแหน่งและเวลา ช่วงเวลาของการเข้าโบสถ์เชื่อพระเจ้านาน ไม่ได้บ่งบอกว่าเราเป็นผู้ใหญ่หรือเป็นระดับบุตรหรือระดับพ่อได้
แต่ชีวิตผลของพระวิญญาณ สันติสุขทุกวันเวลานาที และการเปลี่ยนแปลงที่เขาเข้าสู่กระบวนการนั้น พระเจ้าเปิดตาเขาให้มากขึ้นๆๆๆๆ รับการเปลี่ยนแปลงด้วยการถูกเปิดตา ด้วยการเปลี่ยนความคิด มีความคิดที่ถูกต้องต่อพระวจนะคำของพระเจ้า มีการแปลมีการตีความหมายพระคำพระเจ้าที่ถูกต้อง และรู้จักน้ำพระทัยของพระเจ้า
เราดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยของพระเจ้าและอยู่ภายใต้กฎหมายใหม่ของพระเยซู และให้พระเยซูคริสต์ที่เป็นพระวิญญาณที่อยู่ในเราเป็นคนทำแทน
ถ้าหากเราทำตามสิ่งเหล่านี้ ชีวิตของเราสนิทอยู่ในพระคริสต์ ไม่สนใจไม่ใส่ใจเรื่องการเชื่อฟัง แต่เราใส่ใจเรื่องการสัมพันธ์ สร้างสัมพันธ์กับพระเจ้า สร้างสัมพันธ์ บอกรัก สนทนากับพระคริสต์มากเท่าไหร่ เราก็ได้น้ำมันได้ชีวิตพระเจ้า และเราก็จะสามารถที่จะนำมาเกิดผลให้พระเจ้า เพื่อพระเจ้าจะได้รับเกียรติ พระเกียรติเป็นของพระเจ้า บำเหน็จเป็นของเรา
เพราะว่าเราถวายชีวิตนี้ซึ่งเป็นบุคคลที่เป็นขึ้นมาใหม่แล้ว โรม 6:13 เรามอบอวัยวะที่เหมือนดั่งคนที่เป็นขึ้นมาใหม่ให้พระเจ้าใช้ พระเจ้าก็จะใช้เราและสำแดงพระองค์ออกมาผ่านเรา มนุษย์จะเห็นคุณสมบัติ 4 คาแรคเตอร์ ก็คือคุณสมบัติ 4 ประการ ความรัก ความจริง ความชอบธรรม ความบริสุทธิ์ นี่คือคุณสมบัติที่พระเจ้าจะสำแดงผ่านเราเป็นรสเค็มที่ผ่านเกลือนี้
และอีกประการหนึ่งก็คือความชอบธรรม ความดีการทำดี ทุกสิ่งผลของพระวิญญาณใน กท 5:22-23 พระเจ้าจะสำแดงพระองค์ผ่านเรา มนุษย์เห็นความชอบธรรมเหล่านั้น มนุษย์ถวายเกียรติแด่พระเจ้า มนุษย์กลับใจเชื่อพระเจ้า มนุษย์รับพระเจ้า พระเจ้าได้รับเกียรติ เราซึ่งเป็นผู้ที่มอบชีวิตของเราให้พระเจ้าใช้ร่างกายนี้จะได้รับรางวัล บำเหน็จ เป็นบุตรที่รัก มีส่วนครอบครองกับพระเยซูไปจนชั่วนิรันดร์
เนื่องจากว่ามนุษย์เรามีจิตใจที่แบบว่า เออ ต้องเห็นผลเร็วๆ หน่อย ถ้าฝึกไปทำไปแล้วไม่เห็นผลก็แบบว่าจะท้อแท้ถดถอย ขอพี่น้องอย่าท้อแท้ อย่าถดถอย เมื่อเราเข้าสู่ความจริงความไพบูลย์แห่งพระคำพระเจ้า เรามาถึงจุดนี้ เราเห็นว่าเราเลิกกลัวพระเจ้า เรารู้จักคุณค่าของพระโลหิตของพระเยซู เราเข้ามาหาพระเจ้าได้ทุกวันทุกเวลานาที เราสารภาพเมื่อเราทำบาป ไม่กลัวอีกแล้ว เรารู้ว่าพระเจ้ารักเรามาก พระคุณซ้อนพระคุณ ความรักซ้อนความรัก
เพราะฉะนั้นเราอยู่ในชีวิตที่ติดสนิทกับพระเจ้าเหมือนกับต้นไม้ที่อยู่ริมน้ำ เราสามารถรับน้ำแห่งชีวิต รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ รับความรักของพระเจ้า รับการทำงานของพระเจ้าเข้ามา และอีกไม่นานเราก็จะโตและเกิดผลให้พระเจ้า
ย้ำอีกครั้ง ยอห์น 15:5 ถ้าผู้ใดสนิทอยู่ในเรา เขาก็จะเกิดผลและจะเกิดผลมาก เป็นเคล็ดลับที่ง่ายๆ และเป็นเคล็ดลับที่พระเยซูตรัสและเราอ่านอยู่บ่อยๆ อ่านเจอบ่อยๆ แต่เราไม่เข้าใจใช่ไหม เรานึกไม่ถึงว่าการสนิทในพระคริสต์นี้คืออะไร อ๋อ การเชื่อฟังหรอ อันนี้ ไม่ใช่.
การสนิทในพระคริสต์ไม่ใช่การเชื่อฟัง การเชื่อฟังก็เป็นเรื่องอีกต่างหาก การสนิทก็คือการอยู่ในพระคริสต์ ติดสนิทกับพระองค์ การติดสนิทกับพระคริสต์ ก็คือการพูดคุย สนทนาทำความรู้จัก สนิทสนมกับพระองค์ พูดคุยในแต่ละวัน เราพูดเราเชื่อว่าพระเยซูฟังอยู่ เราเชื่อว่าพระเยซูมองดู เฝ้าดู ดูแล ทุกสถานการณ์ ทุกเหตุการณ์ พระเยซูอนุญาตให้ทุกสิ่งเข้ามาถึงเรามันจึงเข้ามาได้
เพราะฉะนั้น การดำเนินชีวิตที่ไว้วางใจในพระเจ้า เชื่อมั่นว่าพระเจ้าทรงรักเรา ดูแลเรา และเชื่อว่าเราอยู่ในพระวิญญาณสนิทอยู่กับพระองค์ด้วยการพูดคุยสนทนา ถึงว่าชีวิตของเราจะเป็นยังไง จะดีหรือร้ายไม่สำคัญอีกแล้ว เพราะว่าเรามีความผูกพัน เรามีความรักลึกซึ้งกับพระเยซูคริสต์แล้ว จะเป็นหรือจะตายหรือจะเป็นยังไง พระเจ้าอนุญาตเราก็รู้แล้ว แล้วเราขอบพระคุณพระเจ้า โลกนี้การข่มเหง ความตาย การถูกตี ถูกเฆี่ยน การถูกจับขังคุก ไม่มีอะไรที่จะเปรียบได้กับสง่าราศีที่จะมาภายหลังซึ่งอีกไม่นานนี้พระเยซูจะนำมาและจะมอบให้ เอเมน.