เราขอบคุณพระเยซูสำหรับวันนี้ที่พระองค์นำเรามาถึงความรู้ที่เราควรจะได้รับการเปิดเผยได้รับการเปิดตา เพื่อชีวิตของเราการเดินในฝ่ายวิญญาณการรับใช้พระเจ้าโดยเฉพาะเรื่องการประกาศข่าวประเสริฐจะเป็นภาระที่เบาแอกเบากางเขนเบา แต่พวกเราเคยอยู่ในภาระหนักกางเขนหนักแอกหนักไม่มีความสุขมานานหลายปีเพราะว่าเรากลัวจะพินาศ เนื่องจากว่าเราได้ยินคำสอนนี้แล้วก็เป็นคำสอนที่มาถึงพวกเราจากผู้นำในสมัยก่อน ทำให้เราเกิดมีความกลัวแล้วก็ต้องประกาศ ทุกคนต้องประกาศทั้งๆ ที่ไม่มีของประทาน
เพราะฉะนั้นวันนี้ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์ปลดปล่อยพวกเราให้เป็นไทในเรื่องของการประกาศข่าวประเสริฐ ซึ่งเรารู้แล้วว่าสายประกาศข่าวประเสริฐก็คือสายเปโตร สายที่เลี้ยงดูคริสตจักรดูแลคริสตจักรทำหน้าที่อื่นๆ ต่างๆ ก็เป็นสายยอห์น และขอบคุณพระเจ้าที่พระคัมภีร์ในข้อนี้ ถ้าข้าพเจ้าไม่ประกาศข้าพเจ้าจะวิบัติ (1 คร 9:16) ก็คือเป็นพระคำที่พระเจ้าตรัสกับเปาโลเท่านั้นโดยเฉพาะ ไม่ใช่กับพวกเราทุกๆ คน เอเมนพระเยซู
สำหรับเปาโลการใช้ชีวิตของท่าน ประกาศข่าวประเสริฐรับใช้พระเจ้าท่ามกลางคนที่ไม่เชื่อและคนที่เชื่อทั้งพวกยิวและพวกต่างชาติด้วย “ก็คือการวางตัวให้เหมาะสม”
สรุปคำเดียวคือ เปาโลวางตัวให้เหมาะสม คืออะไร
- เมื่อไปงานศพญาติ พี่น้อง คนที่เรารู้จัก มีบางคนเสียชีวิต เราไปเยี่ยมครอบครัวเขา เมื่อเห็นเขาโศกเศร้าเราก็โศกเศร้ากับเขา
- เมื่อเราไปงานเลี้ยง เมื่อเขาตื่นเต้นดีใจชื่นชมยินดีเราก็ยินดีชื่นชมยินดีกับเขา วางตัวให้เหมาะสม
- เมื่อไปเยี่ยมคนยากจน เราก็วางตัวให้เหมาะสม ไม่แสดงตนว่ามีฐานะดีกว่าเขา หรือคำพูดสำคัญมากนะครับ คือคำพูดที่ไม่มองเขาว่าเป็นคนที่ยากจน เรามองเขาใช้คำพูดในลักษณะของมิตรสหาย เข้าใจนะครับ ไม่ใช่คนที่สูงกว่ามีฐานะที่ดีกว่า
- แล้วเมื่อเราไปเยี่ยมพี่น้องที่ไม่ได้มีตำแหน่งไม่ได้มีฐานะการรับใช้ที่พระเจ้ามอบหมายให้สำคัญ เป็นคริสเตียนธรรมดาทั่วไป เราก็ไปวางตัวให้เหมาะสม ก็คือใช้คำพูดธรรมดาปกติทั่วไป ไม่แสดงอาการว่าเป็นครูเป็นอาจารย์เป็นผู้ยิ่งใหญ่เป็นผู้รู้พูดเอาพูดเอาสอนเอาสอนเอาใช่ไหม ซึ่งอาการเหล่านี้ แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือ บางคนไปพบเจอหรือไปหาคนที่เขาทำผิด ก็ไปแสดงอาการว่าเป็นคนผู้บริสุทธิ์ "กลับใจนะ เธอทำบาปเดี๋ยวพระเจ้าจะลงโทษ พระเจ้าจะตีสอน" เอากันใหญ่เลยนะครับ อันนี้เป็นสิ่งที่ผมไม่ได้พูดโดยที่ไม่มีเหตุผลหรือหลักฐาน เราทุกคนได้เห็นใช่ไหมครับว่าตอนที่เราอยู่ในคริสตจักรศาสนาเราพบเจอเหตุการณ์เหล่านี้ผู้คนเหล่านี้จะมีภายในคริสตจักรของพระเจ้า ถูกไหมครับ
และเราเองนะครับอาจจะติดเชื้อ ซึ่งเราไม่รู้ตัว เมื่อเราได้รับการเปิดตาพระเจ้านำเรามาสู่พระคำล้ำลึกอาหารผู้ใหญ่ มีหลายสิ่งที่เราจะต้องถูกขัดเกลา พระเจ้าจะต้องเปิดตาเราให้เห็นความสว่างมากขึ้นมากขึ้นมากขึ้น การยอมรับการเปิดตาเป็นสิ่งที่ดีนะครับเพื่อพระเจ้าจะเปิดต่อ อีกครั้งถ้าเรายอมรับการเปิดตาพระเจ้าจะเปิดต่อ ถ้าเราไม่ยอมรับเราก็ไม่ได้รับการเปิดต่อ ความรู้ล้ำลึกของเราก็มีเท่านั้นก็ได้เท่านั้นก็รับเท่านั้นแล้วก็มันก็จำกัดเท่านั้น การก่อขึ้นก็จะยากสำหรับพระเจ้า
เพราะฉะนั้นการวางตัวให้เหมาะสม ก็คือเหมือนเปาโลที่วางตัว อยู่กับคนข้างถนนกินกับคนข้างถนนท่านก็ทำตัวเป็นเหมือนคนข้างถนน อยู่กับคนที่มีฐานะเหมือนอยู่กับพวกฟาริสีธรรมอาจารย์คนมั่งมีท่านก็วางตัวให้เหมาะสม อยู่กับคนต่างชาติท่านก็วางตัวให้เหมือนคนต่างชาติ สิ่งที่สำคัญก็คือเราไม่กราบไหว้ไม่เข้าพิธีศาสนาที่เกี่ยวกับเรื่องการกราบไหว้รูปเคารพหรือพระอื่นเป็นอันขาด เพราะว่าอันนี้คือการเล่นชู้กับพระเจ้าเล่นชู้ฝ่ายวิญญาณ
เพราะฉะนั้นการวางตัวให้เหมาะสมของคริสเตียนเป็นสิ่งที่สำคัญ เมื่อเราวางตัวให้เหมาะสม ที่เมืองไทยมีเกลือยี่ห้อไหนไหมครับที่คนนิยมชอบซื้อมากินซื้อมาทานซื้อมาใส่อาหารปรุงอาหารปรุงแต่ง เกลือยี่ห้อไหนมีไหม หรือว่าเท่าๆ กันเหมือนๆ กัน (มันจะอร่อยคนละแบบค่ะ) อร่อยกว่าคนใช้เยอะกว่าใช่ไหมขายดีกว่า เกลือรสเค็มที่มันอร่อยมากๆ เป็นเกลือที่คนชอบ คริสเตียนนะครับพระเยซูให้เราเป็นเกลือที่มีรสเค็ม เพราะฉะนั้นเกลือที่มีรสเค็มต้องเป็นรสเค็มที่มีคุณภาพต้องเป็นเกลือที่มีคุณภาพสูงที่สุด เกลือของพระเจ้ายี่ห้อของพระเยซู เอเมนในมัทธิวบทที่ 5
และการเป็นเกลือที่มีรสเค็ม เราสังเกตพี่น้องที่ตอบสนองกับเรา และเราสังเกตการฟังของพี่น้องที่ฟังเรา เราสังเกตการพูดของเราเราพูดมากเกินไปไหม พูดยาวเกินไปไหม หรือว่าพูดน้อยเกินไปไหม หรือพูดแล้วพี่น้องเขาตอบสนองยังไง ดูอาการของเขา เป็นสิ่งที่เพื่อเราจะแก้ไขปรับปรุงขอพระเจ้าชำระเราให้เป็นเกลือที่มีคุณภาพสูงที่สุด คือทำตัวให้เหมาะสมและเป็นเกลือที่มีรสเค็ม นี่คือสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เราทำเพื่อการดำเนินชีวิตคริสเตียนของเราจะเป็นคริสเตียนที่พิเศษและมีคุณภาพสูงมากๆ
เราได้รับเลือกเราได้รับเกียรติจากพระเจ้า คุณจะเป็นหนึ่งในผู้ครอบครองร่วมกับพระเยซูในยุคหน้าและชั่วนิรันดร์ มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาเรื่องเล็กน้อยนะ เป็นเรื่องที่มีเกียรติมากเป็นเรื่องที่ใหญ่มากสูงมากสำหรับพวกเรา เพราะฉะนั้นเริ่มตั้งแต่วันนี้ก็คือเราได้รับมานาฯ ขอบคุณพระเยซู เริ่มตั้งแต่วันนี้ที่เราได้เห็นบทเรียนจากเปาโล ก็คือท่านทำตัวให้เหมาะสม ถ่อมใจ ต่ำถ่อมยอมเสียเปรียบ ถ่อมถึงดิน ไม่อวดรู้ไม่อวดฉลาด ไม่ทำตนเหมือนครูเหมือนผู้ยิ่งใหญ่เหมือนผู้นำ เป็นผู้เล็กน้อยเป็นคนที่ไร้ตัวตน
เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราวิ่งหาคืออะไร วิ่งหาตามหา สิ่งที่เราวิ่งหาคือการทำตัวให้ไร้ตัวตน คือการทำตัวให้มีรสเค็มที่มีคุณภาพสูง และการทำตัวแสดงตนเป็นคนยากจนอยู่ท่ามกลางคนยากจน แสดงตนเป็นคนโศกเศร้าอยู่ท่ามกลางคนโศกเศร้า แสดงตนอยู่ท่ามกลางคนบาปก็คือเป็นเพื่อนกับเขาเป็นมิตรสหายปลอบใจ แต่ไม่ใช่ว่าไม่ใช่ไปทำบาปกับเขา แต่ทำตัวให้เขาเข้ากับเราได้ อย่ายืนสง่าแต่งกายดูดีทำตนเป็นคนชอบธรรม เพราะว่าพระเยซูตรัสในมัทธิวบทที่ 13 ฟาริสีและธรรมอาจารย์และผู้ชอบธรรม ผู้ชอบธรรมจะไม่ได้เข้าไปในอาณาจักร จะไม่ได้เห็นข้อลึกลับแห่งอาณาจักร ถามว่าทำไม..
ผู้ชอบธรรมเนี่ยเราเห็นในคริสตจักรเยอะมากแต่ก่อน แล้วตอนนี้ก็มี ซึ่งแต่งตัวดูดี คำพูดน่ากลัวมากก็คือคำพูดเหมือนผู้บริสุทธิ์จริงๆ แต่จริงๆ แล้วก็คือแอบไปทำบาป อันนี้เรารู้ดีใช่ไหม คริสเตียนทุกวันนี้ไม่ใช่คริสเตียน เรารู้ดี ก็คือทำตัวน่ารักใส่หน้ากากในคริสตจักรดูเข้มแข็ง แต่อยู่ข้างนอกคริสตจักรเป็นอีกแบบนึงเป็นอีกคนคนนึง เพราะฉะนั้นเรารู้ดีคนที่พูดว่าตนเองเป็นคนชอบธรรมก็คืออยู่ในมัทธิวบทที่ 13 ที่พระเยซูพูดถึง
เราหลีกเลี่ยงนะครับที่จะเป็นผู้ชอบธรรมแสดงตนเป็นครูเป็นผู้นำเป็นผู้ยิ่งใหญ่เป็นผู้ที่รู้มาก อะไรใครพูดข้อไหนคำไหน ก็แจมเข้ามาได้ก็พูดเข้ามาได้ทุกข้อข้ารู้หมด เราให้โอกาสคนอื่นได้พูด เราให้โอกาสคนอื่นได้ทำ เราให้โอกาสคนอื่นได้แสดง เราให้โอกาสคนอื่นได้ประกาศข่าวประเสริฐ เราให้โอกาสคนอื่นได้มีส่วน เราทำตัวให้เหมาะสมอันนี้เป็นสิ่งที่เราควรจะเป็นก็คือคริสเตียนตามน้ำพระทัยและคริสเตียนที่พระเจ้าพอพระทัยชอบพระทัยและรักมากๆ เอเมนพระเยซู
มีอีกสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะเสริมก็คือ เรื่องของคริสตจักร เรานะครับอยู่ร่วมกันในฐานะของพระกายหรือพี่น้องในพระกายหรืออวัยวะของพระเยซู ซึ่งพระเยซูเป็นศีรษะ สำหรับพวกเรานะครับไม่กังวลไม่กระวนกระวายไม่กลัวว่าเราจะไปไม่รอด เราไม่กลัวว่าเราจะไม่มีค่าใช้จ่าย เราไม่ต้องกลัวว่าใครไม่ทำแล้วจะเดือดร้อน คริสตจักรเราจำกันได้ไหมคริสตจักรเป็นของใคร (พระเยซู) ใช่ พระเยซูก่อตั้งคริสตจักรพระเยซูตรัสว่าบนศิลานี้เราจะก่อคริสตจักรขึ้น
พระเยซูเป็นคนก่อตั้งพระเยซูเป็นคนสร้างคริสตจักร เพราะฉะนั้นเราเชื่อว่าทุกวันนี้ ทุกๆ กลุ่มที่รวมตัวกันเป็นคริสตจักรที่พระเยซูก่อขึ้น เป็นบ้านของพระเจ้า เอเมน และพระเยซูเป็นพี่ชายคนโตในทุกๆ บ้าน ทุกๆ หลัง และในบ้านของพระเจ้าก็จะมีภาชนะดินและภาชนะที่เป็นภาชนะทองคำ ซึ่งภาชนะทองคำเมื่อก่อนก็เป็นภาชนะดินนั่นแหละ ก็เหมือนพวกเราทุกวันนี้ที่ได้รับมานาที่ซ่อนไว้ แล้วก็รับการก่อขึ้นเข้าสู่ชีวิตฝ่ายวิญญาณเป็นมนุษย์วิญญาณเป็นคนใหม่ ถวายตัวแด่พระเจ้า เป็นคนที่เป็นขึ้นมาจากความตาย เราใช้คนใหม่คำพูดใหม่ให้พระคริสต์ทำแทน อันนี้คือการก้าวเข้าสู่ชีวิตที่จะเป็นภาชนะทองคำ สรรเสริญพระเยซูเรามาถึงจุดนี้
และเราอธิษฐานเผื่อพี่น้องที่ยังเป็นภาชนะดินอยู่ซึ่งเป็นคริสเตียนแต่ยังไม่รู้ตัวว่าเป็นมนุษย์วิญญาณ ยังไม่รู้ตัวว่าต้องใช้คนใหม่แบบไหน ยังไม่รู้ว่าพระคริสต์อยู่ในเขา แล้วยังไม่รู้ว่าการให้พระคริสต์ทำแทนคืออะไร สิ่งเหล่านี้นะครับบ่งบอกว่าเขายังเป็นภาชนะดินอยู่
และสำหรับพวกเราขอบคุณพระเจ้า เมื่อเรารู้ว่าพระเยซูก่อตั้งคริสตจักรของพระองค์ พระเยซูมีปัญญาสร้างคริสตจักร พระเยซูจะไม่มีปัญญาเลี้ยงดูคริสตจักรของพระองค์เหรอ แล้วพระองค์ยังพูดด้วยพระองค์ตรัสเองว่า “เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี” โอ้สรรเสริญพระเจ้า สองสิ่งแล้วใช่ไหมที่เรารู้ก็คือ 1. พระเจ้าก่อตั้งคริสตจักร 2. พระเจ้าเป็นผู้เลี้ยงที่ดี
เพราะฉะนั้นความกังวลความกลัวความหวาดวิตก เราจะไม่มี พระเจ้าให้ไปถึงไหนพระเจ้าให้อยู่รอดแค่ไหนพระเจ้าให้มีคนประมาณจำนวนเท่าไหร่ พระเจ้าให้เราขัดสนบ้าง เมื่ออธิษฐานเมื่อร่วมกันเมื่อขอการช่วยเหลือจากพี่น้องจากพระกาย เมื่อเราอาจจะไม่ได้ตามที่คาดคิด หรืออาจจะผิดหวังในจำนวนที่เราคาดว่าจะได้มากเมื่อเราขัดสนอยู่ สิ่งเหล่านี้นะครับขอให้ท่านขอบพระคุณพระเจ้า
บางครั้งผมได้ยินนะครับว่าพี่น้องบางคนเสนอให้ทีมประสานขอความช่วยเหลือ และทีมประสานอาจจะไม่มีใครได้รับการเร้าใจจากพระวิญญาณ ทุกคนก็นิ่งอยู่ ก็อธิษฐานรอคำตอบจากพระเจ้าจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้เร้าใจ ซึ่งพระเจ้าก็ไม่ตอบ พี่น้องอย่าน้อยใจนะครับ การช่วยเหลือของพระเจ้าไม่ได้ผ่านโดยตรงมาจากกับทีมประสานเท่านั้น การช่วยเหลือของพระเจ้ามาจากทุกคนทุกที่ทุกแห่งทุกหน อาจจะมาจากพี่น้องในพระกาย หรืออาจจะมาจากข้างนอกก็ได้ จากคนที่ไม่เชื่อก็ได้ พระเจ้ามีแผนการสำหรับพวกเรา เพราะฉะนั้นอย่าน้อยใจ
และอีกอย่างมีพี่น้องหลายคนที่ช่วยเหลือ ให้ โดยที่ไม่บอกชื่อ ปิดนะครับ อันนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะว่าเราทำตามพระคัมภีร์เราทำตามพระบัญญัติใหม่ พระเยซูตรัสว่าอย่าให้มือข้างขวารู้มือข้างซ้ายทำอะไร (มธ 6:3) ก็คืออย่าให้พี่น้องได้รู้ว่าเราช่วยใครทำอะไรถวายเท่าไหร่ เพื่อเราจะได้บำเหน็จในสวรรค์ พระเจ้าผู้อยู่บนสวรรค์จะเตรียมบำเหน็จให้เรา
และพี่น้องนะครับที่เห็นว่าเออไม่เห็นมีใครทำอะไร ไม่เห็นมีใครช่วยใคร ไม่เห็นคนนู้นช่วยคนนี้ ไม่เห็นคนนี้ช่วยคนนู้น ไม่เห็นอาจารย์...ช่วยใคร อันนี้เป็นการพูดที่ไม่ถูกต้องนะครับ ซึ่งเราไม่เห็นอย่าตัดสินในสิ่งที่เราตาไม่เห็น ทุกวันนี้คริสเตียนพวกเราฝ่ายวิญญาณเราเดินด้วยความเชื่อ ถูกไหมครับ เพราะฉะนั้นอย่าเดินด้วยตา อย่าเดินด้วยอารมณ์ความรู้สึกมันจะเป็นการผิดพลาดครั้งใหญ่ มีหลายคนที่ทำเพื่อพระเจ้ามีหลายคนที่ช่วยเพื่อพระเจ้ามีหลายคนที่ให้เพื่อพระเจ้า แต่เราเองเนี่ยไม่รู้ไม่เห็นเราก็เหมาไปว่าตัดสินไปว่าคนนี้ไม่ทำคนนั้นไม่ทำใครไม่ทำอาจารย์...ไม่ทำ อันนี้เป็นความเข้าใจการกระทำที่ไม่ถูกต้องนะครับ
เพราะฉะนั้นผมหนุนใจพวกเราด้วยความรัก ก็คืออย่าตัดสินใครเมื่อเราไม่เห็นการช่วยเหลือ และอย่าน้อยใจอย่าเสียใจเมื่อไม่เห็นทีมประสานทำอะไร ทุกคนนะครับรอคำสั่งจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเยซูเป็นเจ้าของคริสตจักร และผู้ที่เคลื่อนไหวภายในคริสตจักรของพระเจ้าทุกวันนี้ก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราให้เกียรติพระวิญญาณบริสุทธิ์ เอเมน
และสิ่งสุดท้ายก็คือ สำหรับพี่น้องที่ให้ เราให้ตามขนาดของความเชื่อ เราอย่าคิดว่าเออให้คนนี้เท่านี้ แล้วให้ลดลง เขาจะเสียใจไหม อย่าไปคิดแบบนั้นนะครับ
แล้วคนที่ได้รับ ได้รับเท่านี้ แล้วต่อมาได้รับน้อยลง ก็ไม่ต้องเสียใจไม่ต้องน้อยใจ เพราะว่าเราเชื่อว่าขอบพระคุณพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่พระองค์ดลใจคนนั้นให้น้อยลง เพื่อเขาจะไปใช้ทุนนี้ให้คนอื่นต่อให้คนอื่นที่เดือดร้อนกว่าเรา ซึ่งขอให้คิดบวกเอาไว้ก่อน
และขอบคุณพระเจ้าที่เราไม่ได้ถวายสิบลด เราถวายร้อยลด ร้อยลดก็คือถวายด้วยความเต็มใจพอใจรักพระเยซูและรักพี่น้อง ไม่ฝืนใจไม่บังคับใจ ให้ไปแล้วสบายใจ แล้วเราคนรับนะครับเราก็เอเมนเราก็ขอบคุณพระเจ้า ไม่ได้มาจากคนนี้ก็ต้องมาจากอีกคนนึง ก็ต้องมาจากอีกฝ่ายนึง คนที่เชื่อหรือคนที่ไม่เชื่อ มันจะมีการช่วยเหลือที่มาถึงเราแน่นอนขอให้เราวางใจในพระเจ้า วางใจในพระเจ้าคือกุญแจที่จะได้รับการช่วยเหลือ ทางของพระเจ้าไม่มีทางตันมีแต่ทางออกสำหรับพระเจ้า เอเมน
สรุปการประกาศข่าวประเสริฐไม่ใช่หน้าที่ของทุกๆ คนที่ต้องทำ การประกาศข่าวประเสริฐคือบางคนมีของประทานแล้วประกาศก็เกิดผลก็ประกาศต่อไป แล้วเมื่อพระเจ้าใช้ก็ไปประกาศ ประกาศด้วยคนใหม่ด้วยตัวใหม่โดยพระคริสต์พูดแทนทำแทนพระวิญญาณบริสุทธิ์นำพา เราจะมีบำเหน็จ
และสำหรับการรับใช้ การวางตัว ระวังตัวให้เหมาะสม เราเริ่มนะครับถามตัวเองว่า ตอนนี้ข้าพเจ้าพูดมากเกินไปไหม ตอนนี้ข้าพเจ้าพูดน้อยเกินไปไหม ตอนนี้ข้าพเจ้าทำตัวเหมือนแบบอยากให้เป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังอยากให้คนยกย่องไหม หรือทำตัวที่ไร้ค่าไร้ตัวตนไม่ให้ใครเคารพยกย่องเรา เพื่อพระเยซูจะยกเราขึ้นเอง ถามนะครับถามพระเจ้าจะตอบ บางคนอาจจะทำผิดโดยที่ไม่รู้ตัว บางคนอาจจะทำตัวไม่เหมาะสมโดยที่ไม่รู้ตัวก็เป็นได้
ซึ่งสำหรับผม ผมถามพระเจ้าถามพระวิญญาณบริสุทธิ์ ข้าพระองค์ทำถูกไหม ข้าพระองค์ทำในสิ่งที่เหมาะสมอยู่ไหม ก็ขอบคุณพระเจ้าคำถามนี้เป็นเหมือนการที่เราแสดงอาการถ่อมใจกับพระเจ้าและกับมนุษย์ แล้วพระเจ้าก็ช่วยเรา การขัดเกลาก็มี มีมากขึ้น สุดท้ายเราก็เป็นคนที่ครบถ้วนดีพร้อมมากขึ้นมากขึ้น ชีวิตผู้ชนะก็อยู่กับเรา สันติสุขเต็มล้นก็อยู่กับเรา ความสำเร็จเราไปแตะอะไรมันก็งอกขึ้นมันก็เกิดขึ้นมันก็ยิ่งใหญ่ขึ้นมันก็เติบโตขึ้นได้ เพราะว่ามือที่เราไปแตะสิ่งเหล่านั้นคำพูดที่เราพูดกับทุกคนก็เป็นพระเยซู
ใน 1 โครินธ์บทที่ 9 ที่เราได้รับการเปิดเผยจากพระเจ้าในวันนี้ แต่ก่อนหน้านี้นะครับก่อนหน้านี้จะมีเรื่องเกี่ยวกับเปาโลพูดว่า ข้าพเจ้ามีสิทธิ์ที่จะได้รับการเลี้ยงดู การดูแล ข้าพเจ้ามีสิทธิ์ที่จะได้รับการช่วยเหลือจากพี่น้อง แล้วเปาโลก็พูดว่าวัวไม่มีใครเอาตะกร้อมาครอบปากมัน มันทำงานมันก็มีสิทธิ์กินหญ้า (1 คร 9:7-15) ทหารรับใช้ชาติก็ต้องมีกินมีอยู่ มีอยู่มีกินที่อิ่มหนำ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เปาโลพูดว่าเรามีสิทธิ์ไม่ใช่เหรอที่จะได้รับสิ่งเหล่านี้คือผลตอบแทนคือการเพื่อเลี้ยงดู แต่เปาโลพูดคำหนึ่งโดยพระวิญญาณ แต่ข้าพเจ้าไม่เรียกร้องข้าพเจ้าไม่ทวงสิทธิ์ข้าพเจ้าไม่เอาอะไรทั้งนั้น แล้วเปาโลนะครับบอกว่าข้าพเจ้าทำงาน
คือสำหรับคริสเตียนนะครับเราควรมีงานการทำ เราเป็นคนที่ต้องขยันไม่เกียจคร้าน นี่คือบุตรพระเจ้าเอเมน และเราจะไม่ขอใครถ้าเราไม่เดือดร้อน และเราจะรับและพิจารณา อาจจะคืนให้คนอื่นบ้างถ้ามันมากเกินไป คือทั้งนี้ทั้งนั้นสรุปได้ก็คือ ทำตัวให้เหมาะสม เราไม่รับในสิทธิพิเศษที่เราควรจะรับค่าจ้างซึ่งเราควรจะรับเราไม่รับ แต่เราทำงานเลี้ยงชีพเราขยันเราไม่เกียจคร้าน เราหาทางออกให้ได้พระเจ้าก็มีทางออกให้เราถ้าเราขยัน เพราะฉะนั้นขอหาเคาะเนี่ยอาจจะใช้ได้เฉพาะขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่ขอหาเคาะก็เป็นหลักการหนึ่งที่พระเจ้าประทานให้เราเมื่อเราขอ ทางออกมีเสมอสำหรับคนที่ขอพระเจ้า
เพราะฉะนั้นสำหรับเราขอบคุณพระเยซูสำหรับพี่น้องที่ได้รับของประทานและทำหน้าที่ตามของประทานที่ตนมีเกี่ยวกับเรื่องการให้การช่วยพี่น้อง การช่วยพี่น้องที่ขัดสนยากจน หญิงหม้าย หรือผู้รับใช้ หรือค่าใช้จ่ายเรื่องการรับใช้การประกาศ
แต่สำหรับพวกเราถ้าปฏิเสธได้ ถ้าไม่จำเป็นรับ เราไม่รับนะครับ สำหรับผมเองผมก็ยังบอกพี่น้องหลายท่านบอกว่าตอนนี้ก็โอเคอยู่ ก็ขอบคุณพระเจ้า และตอนที่ผมไม่มีผมก็ไม่ได้ไปบอกพี่น้องว่าตอนนี้ผมไม่มี ก็คือผมบอกพระวิญญาณบริสุทธิ์ "พระเยซูข้าพระองค์ตอนนี้ไม่มี ตอนนี้ข้าพระองค์อาจจะขัดสน ตอนนี้เดือดร้อน" พี่น้องทราบไหม คือขอบคุณพระเยซูพระองค์ทำตามหน้าที่ของพระองค์ เมื่อเราทำตามหน้าที่ของเราอย่างสัตย์ซื่อ การช่วยเหลือก็มา สิ่งที่พระเจ้าประทานให้ก็มี คือมันอัศจรรย์มันเหมาะสมมันพอดีเป๊ะมันเหมือนที่มาจากพระเจ้าจริงๆ ไม่ใช่บังเอิญไม่ใช่เกี่ยวกับสิ่งอื่น คือมันเป็นมาโดยพระเจ้าเรารู้เลย
เพราะฉะนั้นเราขอบคุณพระเยซูที่เราทำตามหน้าที่ของเรา เราดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสม เราเป็นเกลือที่มีรสเค็มที่มีคุณภาพสูง เป็นแสงสว่างให้โลกก็คือประกาศข่าวประเสริฐ แล้วก็เป็นความสว่างของพี่น้องในพระกายก็คือเผยพระวจนะเรื่องมานาที่ซ่อนไว้เรื่องพระคำล้ำลึกเพื่อเปิดตาพี่น้อง แล้วการเลี้ยงดูของพระเจ้าจะมาถึงเราไม่ต้องห่วงไม่ต้องกระวนกระวาย คริสตจักรเป็นของพระเจ้า ชีวิตเราเป็นของพระเจ้า พระเจ้าบอกว่าพระองค์ทรงเป็นผู้เลี้ยงที่ดี แน่นอนครับเราจะไม่ขัดสน แล้วเราจะอยู่ดีกินดีถ้าหากเราใช้ทุนทรัพย์สินสิ่งของของเราที่พระเจ้าประทานให้ทุกวันนี้ตามความเหมาะสมพระพรพระคุณทุกสิ่งก็จะเต็มในเรา เอเมน
ในคริสตจักรศาสนานะครับในคริสตจักรศาสนาทุกวันนี้เนี่ยจะมีการช่วยเหลือที่เยอะเพราะว่าเขากำหนดให้ทุกคนถวายสิบลด แต่จริงๆ แล้วก็ไม่มีใครทำได้หรอก คริสตจักรนึงนะครับอันนี้ลองเข้าไปดูก็ได้ แล้วสนิทกับเขาถามเขา เขาจะบอกเราผู้นำหรือผู้ปกครองจะบอกเรา แน่นอนไม่มีคริสตจักรไหนที่ทำได้ในโลกนี้ ไม่ใช่ทุกคนไม่มีทุกคนที่ถวายสิบลด
คนที่ถวายสิบลดในคริสตจักรนึงก็คือน่าจะมีประมาณ 5% ร้อยคนจะมีอยู่ประมาณห้าคน แล้วห้าคนภายในห้าคนนั้นก็จะมี 1. ศิษยาภิบาลแน่นอนเพราะว่าเขากลัวเสียหน้าต้องถวายสิบลด 2. ก็คือผู้นำคริสตจักรทั้งหลายและผู้ที่ถือตนว่าเป็นคนชอบธรรม ที่เดินไปมาแล้วบอกว่าตนเป็นคนชอบธรรมเนี่ยจะถวายสิบลด ก็เท่านั้นนะครับประมาณ 5% ส่วน 95% หรือเก้าสิบห้าคนเนี่ยทำไม่ได้ก็ให้บ้างไม่ให้บ้างถวายบ้างไม่ถวายบ้าง อารมณ์ดีก็ถวาย ได้รับพระพรก็ถวาย ตอนที่ขาดพระพรก็ไม่ถวาย ซึ่งอันนี้เราเห็นกันเป็นประจำ
แต่สำหรับพวกเราขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์เอาแอกหนักภาระหนักกางเขนหนักออกไปจากบ่าพวกเราแล้ว ขอบคุณพระเจ้าที่เราได้รู้ว่า (2 คร 9:7) ก็คือเราให้ตามขนาดของความเชื่อ ให้โดยการไม่ฝืนใจ ด้วยความรัก ด้วยความเต็มใจ นี่แหละครับคือการถวายร้อยลดให้ด้วยคือเต็มทั้งหมด สิ่งที่พระเจ้ามองไม่ได้มองที่จำนวนปริมาณ ในยุคใหม่ยุคพระคุณนะครับคือมองที่เราให้ด้วยความเต็มใจด้วยความรัก
(ลก 21:1-4) เศรษฐีเอาเหรียญเงินไปเต็มไปหยอดทีละเหรียญทีละเหรียญ แต่หญิงหม้ายมีแค่ 2 เหรียญ พระเยซูยกย่องใคร ยกย่องหญิงหม้ายซึ่งเขามีฐานะยากจนแต่เขายังเต็มใจให้พระเยซู และ 2 เหรียญเนี่ยเป็นเงินที่มากสำหรับเขา แต่เศรษฐีคือหยอดๆ ลงไปแล้วก็ยืนทำหน้าทำตาให้ทุกคนเห็นว่าเราเป็นคนที่มีใจกว้างเพื่ออวดคนอื่นให้เขายกย่อง สุดท้ายพระเยซูยกย่องใคร ก็คือหญิงหม้าย
สำหรับเราขอบคุณพระเยซูทุกวันนี้เราได้รู้แล้วว่าการถวายสิบลด ร้อยลด จริงๆ แล้วก็คือการให้ด้วยความรักด้วยความเต็มใจด้วยความพอใจให้แล้วไม่ฝืนใจ แล้วเราดูแลครอบครัวเราเป็นอย่างดีก่อน ครอบครัวมาก่อน ต่อมาก็คือคริสตจักร และต่อมาก็คือคนทั้งหลายที่อยู่ข้างนอกที่เป็นชาวโลกที่เขาขัดสนซึ่งเรามีน้ำใจเราอยากจะให้เขา และอธิษฐานพระเจ้าตอบ เราก็ให้ เพื่อเห็นแก่ข่าวประเสริฐ เพื่อเห็นแก่การสร้างความผูกพันกับเขาในอนาคตเพื่อจะมีโอกาสได้ประกาศกับเขา เอเมนพระเยซู
ถาม.
ถ้าเราจะเรียกว่าสิบลดสำหรับคริสเตียนที่อยู่ในโบสถ์ที่เขาทำกันอยู่ น่าจะเปลี่ยนเป็น 10% ของรายได้หรือเปล่าค่ะ เพราะว่าสิบลดมันเป็นพืชผักใช่ไหมค่ะแล้วก็สัตว์เลี้ยง
ตอบ.
สำหรับโบสถ์ทั่วไปศาสนาคริสต์ทุกวันนี้ที่เขาถวาย เขาเรียกกันว่าสิบลดครับ เขาไม่ได้เรียกว่า 10%
สำหรับคำว่า 10% เนี่ยเป็นคำที่คนหลายๆ คนที่เริ่มเปลี่ยนเริ่มใช้เพื่อให้ทุกคนเข้าใจ แต่โดยทั่วไปแล้วนะครับเราเป็นคริสเตียนปุ๊บเนี่ยแน่นอนเขาจะอธิบายว่าสิบลดคืออะไร ทศางค์ซึ่งเป็นคำเก่าคำเดิมที่เขาใช้กันมาในพระคัมภีร์ แต่คำว่าสิบลดเนี่ยก็คือเป็นคำที่เรารู้เราเข้าใจกันมาตั้งแต่เป็นคริสเตียนเริ่มแรก เราทุกคนก็ผ่านคำนี้ใช่ไหมสิบลด แล้วเรารู้ดีว่าสิบลดเนี่ยก็คือ 10% ของรายได้ไม่ว่าจะเป็นเงินหรือเป็นอะไร
แต่ความจริงแล้วในพระคัมภีร์เดิม สิบลดเนี่ยจริงๆ แล้วมันเป็นพืชผักผลไม้ ข้าว อะไรทั้งหลาย ผลปลูกที่ชาวยิวเขาทำมาหากินปลูกฝัง เลี้ยงสัตว์ ซึ่งเขาจะต้องนำ 1 ใน 10 มาให้พระเจ้า แต่ไม่มีเงินนะครับพระเจ้าไม่กำหนดเป็นเงิน พระเจ้าไม่เรียกร้องให้ชาวยิวนำเงินมาในจำนวน สิบลดนั้น
สรุปนะครับ สิบลดก็คือ 10% นั่นแหละ แต่เขาใช้คำว่าสิบลดมากกว่าคำว่า 10% เพราะว่าทุกคนรู้ดีทุกคนได้รับการเสี้ยมสอนมา เราเองก็เข้าใจตั้งแต่เริ่มเชื่อแล้วใช่ไหมก็คือถวายสิบลดๆ ผู้นำจะสอนเอง
...
ถาม.
เอเมนค่ะ ก่อนที่เราจะถวายร้อยลด ดิฉันก็เคยผ่านจากสิบลด มาเป็น 10% ของรายได้ แล้วก็กลายเป็นร้อยลดก็คือถวายตัวใหม่แล้วก็ของทุกอย่างเป็นของพระเจ้า อันนี้เข้าใจถูกไหมค่ะ
ตอบ.
พี่น้องอย่าสับสนนะครับ ที่บอกว่าจากสิบลด สู่ 10% อันนี้ไม่ถูกนะครับ คือคำว่าสิบลดเนี่ยในโบสถ์ทั่วไปเขาจะใช้กัน เขาจะไม่ใช้คำว่า 10%
ไม่ได้หมายความว่าสิบลดก็คือสิ่งของสัตว์ข้าวอะไร คือคริสเตียนทุกวันนี้ไม่ถวายเป็นสิ่งของ เราเห็นกันใช่ไหม แต่คริสเตียนทุกวันนี้นิยมถวายตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้วก็คือถวายเป็นเงิน คือเป็นเงินจบนะครับ เอาเงินมาถวายให้คริสตจักรเป็นสิบลดจบ ไม่มีใครใช่ไหมที่เลี้ยงวัว 10 ตัวแล้วเอาวัวมาถวายให้คริสตจักร 1 ตัว ลากมันมาตอนวันอาทิตย์มีไหมไม่มีใช่ไหม หรือผักนะครับผักทำ 10 มัดก็เอามัดนึงมาให้พระเจ้าที่คริสตจักรไม่มีใช่ไหม เราไม่เคยเห็นนะครับ
เพราะฉะนั้นอีกครั้งนะครับ สิบลดก็คือ 10% เราไม่ใช่ว่าถวายสิบลด แล้วจากนั้นก็มาถวายเป็นเงิน 10% ไม่ใช่ครับ สิบลดก็คือสิบลด สิบลดก็คือ 10%
แต่ทีนี้เมื่อเรามารู้จักพระคุณพระเจ้า เมื่อรู้พระคำล้ำลึก ได้รับการเปิดตา เราจึงเห็นว่าสิบลดสำหรับคริสเตียนฝ่ายวิญญาณในยุคพระคุณไม่มีแล้ว ไม่มีสิบลดแล้ว แต่เป็นร้อยลด รู้ได้ยังไงว่าเป็นร้อยลด เพราะว่า 1 โครินธ์บทที่ 6:19-20 พระเจ้าทรงซื้อเราแล้ว เราเป็นของพระเจ้าแล้ว เราตายแล้วถูกประหารแล้ว เราถูกฝังกับพระเยซูแล้ว แล้วเราเป็นเจ้าของชีวิตเราเองไหมทุกวันนี้ ไม่มีไม่ได้เป็นนะครับ แล้วเราฟื้นขึ้นมาจากความตาย เราเป็นหนี้พระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ชุบชีวิตเราขึ้นมา เราเป็นหนี้พระเยซูที่พระเยซูชุบชีวิตเราขึ้นมา เราเป็นหนี้พระบิดาที่พระองค์ให้เราฟื้นขึ้นมาจากความตายและเป็นหนึ่งเดียวอยู่ในพระคริสต์อยู่กับพระคริสต์ ชีวิตเก่าของเรามันไม่มีแล้วมันจบแล้ว แล้วเราจะเอาอะไรมาถวายให้พระเจ้า เราก็ต้องให้พระเจ้าทั้ง 100% สิครับใช่ไหม ร้อยลดนะครับ เอเมน
เมื่อเราเข้าใจพระคัมภีร์เราเข้าใจพระคำพระเจ้าโดยการเปิดตาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระวิญญาณแห่งความจริงนำความจริงมาสู่เรา เราเริ่มนั่งคิดนะครับ เอ๊ะนี่เราตายแล้วเหรอ โอ้ใช่ กาลาเทียบทที่ 2:20 ข้าพเจ้าตายแล้วข้าพเจ้าถูกตรึงกับพระคริสต์แล้วข้าพเจ้าจึงไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป เดี๋ยวๆๆๆ ข้าพเจ้าไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป เอ้าตายแล้วหรอ เรานั่งถาม เรานั่งตึกตรอง เรานั่งนับนั่งเชื่อว่าพระคำพระเจ้าเป็นความจริง เรายอมรับความจริงข้อนี้
เมื่อเราตายแล้วเนี่ยคนตายมันมีสิทธิ์ที่จะเป็นเจ้าของอะไรไหม ไม่มี. เป็นสามีของภรรยาเหมือนเดิมไหม ไม่. เดี๋ยวภรรยาก็ไปหาสามีใหม่ แล้วลูกเราล่ะ ลูกเราเราก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นพ่อเขาอีก แล้วสิ่งของบ้านเราล่ะที่เป็นชื่อของเรา ไม่นะครับ. คนอื่นจะเอาไป รถของเราล่ะ ไม่เหลือแล้วนะครับ เงินในบัญชีของเราล่ะ หมดแล้วครับไม่มีแล้ว เราไม่มีสิทธิ์อะไรทั้งนั้นคือมันตายแล้วเนี่ยไม่มีสิทธิ์อะไรแล้ว เราต้องไปทำงานไหมรับผิดชอบหน้าที่ที่เราต้องทำไหม คือเราทำยังไม่เสร็จ ไม่มีแล้วนะครับ เขาจะจ้างคนใหม่ อันนี้ขอให้เราตรึกตรองนะครับว่าเราตายแล้ว คุณตายแล้ว ผมตายแล้ว ทุกคนตายแล้ว เมื่อเป็นคริสเตียนความจริงของพระเจ้าต้องมาสู่เรานะครับก็คือเราตายแล้ว
แล้วเมื่อเราตายแล้ว แล้วชีวิตของเราที่เป็นอยู่ตอนนี้ทุกวันนี้คืออะไร เราก็ต้องดูข้อพระคัมภีร์ต่อไปนะครับก็คือ เราถูกฝัง เมื่อเราถูกฝัง แล้วพระเยซูก็ชุบชีวิตเราขึ้นมา พระวิญญาณบริสุทธิ์ชุบชีวิต พระเจ้าพระบิดาชุบชีวิต เราก็เป็นขึ้นมาเป็นคนใหม่ เมื่อเป็นคนใหม่ก็เป็นส่วนหนึ่งของพระกายของพระเยซูเป็นส่วนหนึ่งในพระคริสต์เราอยู่ในพระคริสต์ เป็นอาดัมคนที่ 2 เป็นมนุษย์คนที่ 2
เพราะฉะนั้นชีวิตนี้เราต้องมาตรึกตรองดูว่า เอ๊ะเรามีอะไรที่เป็นเจ้าของ ของตัวเราเองบ้าง ไม่มีนะครับ
เพราะฉะนั้นชีวิตใหม่นี้เป็นของพระเจ้า แล้วทุกวันเราต้องนับ และเราต้องถวายให้พระเจ้า เนี้ยเป็นของพระองค์ พระองค์เอาไปเลยเอาไปใช้เลย
นี่คือการเริ่มต้นชีวิตคริสเตียนที่ถูกต้องและเป็นชีวิตคริสเตียนที่พระเจ้าพอพระทัย คือยอมรับว่าเราไม่มีสิทธิ์อำนาจหน้าที่อะไรทั้งหลายกับชีวิตเก่าของเราแล้ว เราเป็นคนใหม่ชีวิตใหม่ ขณะที่เราจะไปทำงานนะครับ หลังจากที่เราเชื่อ ได้ยินได้เข้าใจความจริงนี้ เราก็ไปด้วยคนใหม่ ทำหน้าที่ด้วยตัวใหม่ด้วยคนใหม่ "พระเยซูเนี้ยการงานของข้าพระองค์ที่ค้างอยู่ อ่ะ พระองค์ทำเลย ทำแทน พระองค์เป็นแบบนี้แบบนั้นแบบนี้" พระเจ้าก็ทำแทนพระเจ้าก็ช่วยเรามากขึ้นมากขึ้นมากขึ้น เอเมน
เรามีบุญเราโชคดี ขอใช้คำพุทธหน่อย เรามีบุญเราโชคดี ที่มีคนหนึ่งที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่มีพลังมหาศาลมีสันติสุขเต็มล้นให้เรามาอยู่กับเราอยู่ในเราและจะทำทุกสิ่งเพื่อเราแทนเรา มันเป็นอะไรที่มันวิเศษมาก ใช่ไหมคิดเหมือนผมไหมครับ มันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่มาอยู่กับเราอยู่ในเราให้เกียรติเรามากขนาดนี้เลยหรอ
แล้วสิ่งที่เราเคยผิดหวังพระเจ้าก็นำความหวังมาให้ สิ่งที่เรามองเห็นว่ามันทำไม่ได้หรอกความเป็นไปได้ก็มากับพระเจ้ามาอยู่กับเรา คืออะไรที่เราเห็นว่ามันอ่อนแอมันน่าจะเป็นไปไม่ได้ทำไม่ได้ ความเข้มแข็งก็มา เป็นไปได้ก็มา สิ่งที่ดีก็มา หนักก็กลายเป็นเบา ร้ายก็กลายเป็นดี ยากก็กลายเป็นง่าย ชีวิตคริสเตียนมันจะอะไรขนาดนั้นเหมือนกับอยู่ในสวรรค์บนดิน ขอให้ทุกคนอธิษฐานขอการชำระเพื่อเราจะมาถึงจุดนี้ให้ได้ ขอบคุณพระเยซู
ถาม.
แล้วอย่างที่เราพักอาศัยอยู่ กระต่ายคิดว่าเป็นที่พักอาศัย คือความคิดอ่ะว่าอาศัยอยู่กับพระเยซูเป็นบ้านของพระเยซู อย่างนี้ถูกต้องมั้ยคะ
ตอบ.
เมื่อเราซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อที่ดิน ซื้ออะไรก็ตามเป็นชื่อของเรา แต่ตั้งแต่นี้ไปนะครับขอให้เรานับขอให้เราเชื่อและให้เราถือว่าทุกสิ่งที่เป็นชื่อของเราก็คือเป็นของพระเจ้า เจ้าของที่แท้จริงก็คือพระเยซู เอเมน
และเมื่อเราเชื่อแบบนี้พระเจ้าก็จะดูแลเป็นอย่างดี เพราะว่าบ้านของพระเจ้า แน่นอนถ้าเป็นบ้านของพระองค์ พระองค์ก็ต้องดูแลให้ดีที่สุดดีกว่าเราที่ควรจะทำซะอีก เราอาจจะเกลียดค้านอาจจะขี้เกียจทำความสะอาด เราอาจจะแบบคือไม่คิดอะไรมาก แต่สำหรับพระเจ้าเมื่อพระองค์เป็นเจ้าของอะไรเป็นเจ้าของสิ่งไหน แน่นอนครับพระเจ้าต้องดูแลเป็นอย่างดี
เข้าใจแล้วนะครับ ก็คือขอให้เชื่อว่าเจ้าของที่แท้จริง คืออาจจะเป็นชื่อของเรานะครับ แต่เจ้าของที่แท้จริงก็คือพระเจ้า ขอให้เราเชื่อแบบนี้ ธุรกิจการงานก็เหมือนกัน ธุรกิจการงานที่เราทำอยู่ก็เป็นของพระเยซู แล้วพระองค์ยื่นมือเข้ามาเนี่ยแน่นอนที่สุดกำไรมันจะเยอะกว่า แล้วก็ความสุขก็มีมากกว่า ไม่กดดันไม่มีปัญหาอะไรมากกว่าแต่ก่อนที่เราทำเอง มือพระเยซูมาแตะเนี่ย อย่าลืมนะครับมือพระเยซูยิ่งใหญ่พระหัตถ์พระเยซูมาแตะครั้งเดียวทุกสิ่งมันงอกขึ้นมันเจริญขึ้นมันเติบโตขึ้นมันก้าวหน้ามันมีกำไรเยอะกว่าที่เราทำเอง เอเมน
มีบางคนให้ผมเขียนในกลุ่มไลน์ แต่ว่าไม่สะดวกนะครับก็เลยจะพูดตอนนี้เลย
** แล้วสิ่งไหนที่เราทำได้เราก็ทำไป แล้วสิ่งไหนที่เราทำไม่ได้ เราก็เชื่อว่าพระเยซูจะทำให้ อันนี้ถูกมั้ย **
ไม่ถูกครับ ทั้งสิ่งที่เราทำได้และสิ่งที่เราทำไม่ได้ เราเชื่อว่าพระเยซูทำอยู่ เมื่อเราเดินเมื่อเรานั่งเมื่อเรามองเมื่อเราฟังเมื่อเรากินดื่ม เมื่อเรารับใช้เมื่อเราประกาศ เราทำอะไรทุกสิ่งที่เราทำอยู่นะครับขอให้เชื่อเลยว่าพระเยซูกำลังทำอยู่ สิ่งที่เราทำได้อ่ะก็คือพระเยซูนี่แหละกำลังทำอยู่ อย่าไปคิดว่าเราทำเอง เพราะว่าถ้าคิดว่าเราทำเองก็คือ เราพึ่งเราเอง เราพึ่งเนื้อหนัง เรากลับเข้าไปอยู่ใต้พระบัญญัติ แต่ขอให้เชื่อว่าทุกสิ่ง ทุกสิ่งพระเยซูกำลังเป็นคนทำให้ ทั้งสิ่งที่ทำได้และสิ่งที่กำลังจะทำไม่ได้ในอนาคต แล้วเปลี่ยนเป็นทำได้เนี่ยก็คือพระเยซูเป็นคนทำเอง เอเมน
อย่าไปคิดนะครับว่าเออเลิกบุหรี่ได้ นี่เราเลิกได้เอง ตอนนี้เราไม่โกรธได้ คือเราทำได้เอง ตอนนี้เราดีอยู่ขณะหนึ่งดีอยู่ประมาณนึง สิ่งนี้ก็คือเป็นผลงานของเรา เราทำมันใช่ แต่พระเยซูยังไม่ได้ทำ อย่าไปเข้าใจแบบนั้นนะครับ ให้เราเชื่อนะว่าทุกสิ่งพระเจ้าจัดเตรียมตั้งแต่เราเริ่มเชื่อจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต เริ่มตั้งแต่เกิดตั้งแต่เราเกิดมาในท้องจากท้องพ่อท้องแม่ ก็คือพระเจ้าเตรียมจิตใจของเรา เตรียมบางสิ่งบางอย่างที่เราอาจจะทำได้ดีกว่าคนอื่น อาจจะพูดได้เก่งกว่าคนอื่น อาจจะเป็นนักฟังที่ดีกว่าคนอื่น อาจจะมีนิสัยที่ดีกว่าคนอื่น อันนี้ไม่ใช่พื้นฐานที่มาจากเราเองนะ แต่พื้นฐานที่พระเจ้าปูให้ตั้งแต่เราอยู่ในท้องพ่อท้องแม่ แล้วตอนนี้เราทำได้เราก็ขอบคุณพระเจ้าไม่ใช่ผลงานของเรา แต่เป็นผลงานของพระเจ้าที่ทำตั้งแต่เราก่อนที่เราจะเกิดมาเป็นคน
แล้วเมื่อเราได้รับการเปิดตา เราจึงเชื่อว่าทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าทำอยู่เป็นอยู่ทุกวันนี้ไม่ใช่ผลงานของข้าพเจ้า ไม่ใช่ข้าพเจ้าทำ แต่เชื่อว่าเป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นพระเยซูที่ทำแทนเรา เอเมน
ถาม.
เอเมนครับ ถ้าสิ่งที่เราทำพลาดล่ะครับ สิ่งนี้จะเป็นเราทำหรือพระเยซูทำแทนครับ
ตอบ.
สำหรับพระเจ้าความผิดพลาดไม่มี สำหรับพระเจ้าความบาปก็ไม่มี
เมื่อเราทำพลาด แล้วเมื่อเราทำผิดนะครับ ซึ่งเกิดขึ้นโดยที่พระวิญญาณบริสุทธิ์อาจจะไม่ได้ทำให้ พระเจ้าอาจจะไม่ได้ทำให้ อันนี้เป็นสิ่งที่เราต้องฝึกนะครับการฝึกเดินในพระวิญญาณการฝึกเดินเพื่อให้พระคริสต์ทำแทนต้องใช้เวลา ตอนนี้เราอยู่ในการฝึกเพราะฉะนั้นการผิดพลาดจะมีเยอะ การพึ่งตัวเองก็มีเยอะ การพึ่งสติปัญญาความคิด
เราอธิษฐานนะครับขอพระเจ้านำเราที่จะซื้อขายอันนี้ พระเยซูโอเคไหม แล้วปรากฏว่าพระเยซูไม่ได้ตอบ แล้วเราก็จำเป็นที่จะต้องซื้อต้องทำ เราก็ไปทำ แล้วเกิดความผิดพลาดเกิดอาจจะขาดทุน ซึ่งอันนี้ไม่ใช่พระเจ้าเป็นคนทำนะครับ
พระเจ้านำการเรียนรู้การฝึกเดินการฝึกที่จะได้ยินพระสุรเสียงการเร้าใจจากพระวิญญาณ ต้องใช้เวลา แล้วการใช้เวลาก็คือสนิทในพระเยซูให้มากๆ พูดคุยกับพระเยซูอย่างสม่ำเสมอ แล้วเราจะได้ยินเสียงเราจะได้รับการสัมผัสการเร้าใจ ขนลุก ภายในของเรามันจะร้อนรน เยือกเย็นอะไรทั้งหลาย นิ่งสงบ อาการเหล่านี้จะเป็นอาการที่นำของพระวิญญาณบริสุทธิ์มากขึ้นมากขึ้นมากขึ้น
เพราะฉะนั้นตอนนี้คือตอนที่เรากำลังฝึกอยู่ อาจจะมีการผิดพลาด แต่การผิดพลาดนั้นอย่าถือนะครับอย่าคิดว่าเป็นการทำของพระวิญญาณ ไม่นะครับ. เอเมน
ถาม.
พี่เข้าใจว่าพระเจ้าปล่อยให้เราทำพลาด เพื่อให้เรามีประสบการณ์หรือเปล่าค่ะ เพราะหลายๆ ครั้งในชีวิตเราที่ผ่านมาจากที่เราเคยทำสมัยที่ยังไม่ได้รับมานาฯ ก็เหมือนกับคือเนื้อหนังเต็มๆ เป็นความคิดของเราเอง แต่ที่พระองค์ทรงปล่อยให้เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าเป็นแผนการของพระองค์ เหมือนกับว่าเพื่อให้เราได้รู้จักคุณค่าของชีวิตหรือเปล่าค่ะ
ตอบ.
สำหรับคำว่าคุณค่าของชีวิต อันนี้ไม่น่าจะใช้ แต่ใช้คำว่าคุณค่าของการมีพระคริสต์เป็นผู้ทำแทนจะดีกว่า ก็คือถ้าไม่มีพระคริสต์ทำแทนเราจะล้มเหลว ถ้าไม่มีพระคริสต์ทำแทนมันจะยากจะกดดันจะเครียดจะเกิดอาการที่แบบคือมันไม่มีความสุขและไม่มีการประสบความสำเร็จที่สมควรที่จะเป็น
เพราะฉะนั้นการมีพระคริสต์ทำแทนเป็นคุณค่าที่ยิ่งใหญ่เป็นคุณค่าที่สูงส่ง พระเจ้าต้องการให้เรารู้จักคุณค่าของพระคริสต์ที่มาทำแทนเรา
สำหรับถามว่าทำไมพระเจ้าบางครั้งปล่อยให้เราไปทำเอง อนุญาตให้สิ่งนี้เกิดขึ้น พระเยซูไม่ทำแทน ใช่ครับเพื่อให้เราเรียนรู้เพื่อเป็นบทเรียนเพื่อให้เราได้รู้ว่า อ๋อถ้าพระเจ้าทำเนี่ยมันจะดีกว่านี้ อ๋อถ้าพระเจ้าทำเนี่ยมันจะสำเร็จ อ๋อพระเจ้าทำเนี่ยมันจะกำไรมากกว่านี้ แล้วก็มีความสุขมากกว่านี้ แล้วง่าย ง่ายๆ ด้วยไม่ได้ยากเลย ไม่ต้องยุ่งยากอะไรมากเกินไป มันจะเป็นสิ่งที่ง่ายมากๆ โดยที่อาศัยฤทธิ์เดชอาศัยการทำแทนของพระคริสต์
แต่ไม่ใช่เป็นอยู่บ่อยๆ เป็นอยู่เป็นประจำนะครับ เมื่อพระเจ้าให้เราได้เรียนรู้บทเรียนว่า อ๋อเข้าใจแล้ว การมาเป็นคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ การมีพระคริสต์ทำแทน การมีสันติสุขเต็มล้น มันเป็นสิ่งที่มีคุณค่าเป็นสิ่งที่ดีมากๆ เลย รู้แระเข้าใจแระขอบคุณพระเจ้า เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เห็นว่าเรารู้นะครับการทดสอบเรื่องนี้ก็ไม่มา ซึ่งเมื่อเราเหลิง เมื่อเราหลงตัวเอง เมื่ออาจจะเราลืมไป มองเห็นคุณค่าของพระคริสต์น้อยลง พระเจ้าก็อาจอนุญาตให้เกิดขึ้นอีก
ซึ่งถามว่าทำไมพระเจ้าอนุญาต ก็เหมือนเดิมนะครับ ก็คือเหตุผลก็คือเพื่อให้เราได้รู้คุณค่าของการมีพระบิดาที่เป็นพระเจ้า มีพระคริสต์ที่เป็นผู้ทำแทน มีพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นคนนำพาเราในชีวิต ก็แค่นั้นนะครับ
มีน้องชายคนหนึ่งนะครับที่จะเรียกว่าลูกชายก็ได้ เขาเพิ่งรับเชื่อ ก็ขอบคุณพระเยซู เขาคือตอนแรกเขายังสงสัยยังลังเลยังสงสัยอยู่จะเอาหรือไม่เอาจะเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่โดยการนำพาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ สุดท้ายเขาก็รับ เขาก็ขอบัพติศมา เมื่อบัพติศมานะครับจากนั้นก็มีอาการแปลกๆ ก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ คือเขาเห็นอาการบังเกิดใหม่มันเกิดขึ้น เขาอยากเรียนรู้อยากอธิษฐานอยากอ่านคืออยากรู้จักพระเยซูคืออยากรู้จักโลกของฝ่ายวิญญาณให้มากขึ้น
เขาก็เลยมีคำถามนึงที่สงสัยนะครับ ถามว่าอาจารย์ผมจะไปร่วมกับคริสตจักรศาสนาได้ไหมไปโบสถ์ได้ไหม ที่ไปก็เพราะอยากรู้ว่าเขาทำอะไรกัน เขาทำแบบไหน เขานมัสการกันยังไง เขาร้องเพลงเขาอธิษฐานเขาเทศนา เขาทำอะไรกันก็อยากไปดูอย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิตคืออยากเห็น ผมก็เลยตอบเขาไปว่า ไปได้ ไปเพื่อเรียนรู้ ไปเพื่อดูนะครับว่าการเป็นคริสเตียนเป็นยังไง
แล้วผมก็อธิบายบอกว่าคืออันนั้นเรียกว่าระบบศาสนาหรือศาสนาคริสต์ ก็จะเป็นเหมือนคนทั่วไปที่แบบว่านับถือศาสนาแต่ปากแต่คำพูดแต่การกระทำไม่มี อันนี้ข้างนอกดูดี เราอย่าเพิ่งไปหลงไปเชื่อนะไปตกหลุมเขาว่าเขาเป็นคนดีจริงๆ แต่ไปเรียนรู้ไปศึกษาไปค้นไปมองว่าเขาอธิษฐานเขาอ่านพระคัมภีร์เขานมัสการกันยังไง ไปได้ไม่เป็นไรไม่ผิด หรือไปเยี่ยมบ้านของเขาก็ได้ไม่ผิดนะครับ เพียงแต่ว่าเราระมัดระวังแล้วเรา คือมีอะไรมาถามผมได้ เขาก็ถ่อมใจนะครับก็บอกว่าโอเค แล้วเขาก็อยากจะไปดู
คือสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผมเห็นว่า การที่เราจะไปเห็นความผิดพลาดเนี่ยเป็นสิ่งที่ดี พระเจ้าอนุญาตให้เราผิดพลาดเนี่ยมันเป็นสิ่งที่ดีใช่ไหม แล้วเราเองหลายคนอยู่ในที่นี้ในกลุ่มพวกเราและนมัสการวันนี้ เราก็ผ่านความผิดพลาดมาเยอะใช่ไหม เมื่อเรามาพบมานาฯ เราเห็นคุณค่าของมานาฯ ไหม เห็นไหมครับ
สำหรับผมนะครับเป็นยาวิเศษ สำหรับผมเป็นสิ่งที่ล้ำเลิศ เป็นไข่มุก เป็นสิ่งที่ประเสริฐ ไม่มีอะไรที่จะเทียบเท่ามานาที่ซ่อนไว้ ไม่มีแล้ว เพราะว่ามันเป็นสิ่งเดียวที่นำผมมาถึงใกล้พระเยซูสุดๆ เลย อยู่ในพระเยซู พระเยซูอยู่ในผม เป็นชีวิตที่มีแต่สันติสุข เป็นชีวิตที่อาศัยความเชื่อให้นำทุกสิ่งที่พระเยซูทำสำเร็จแล้วมาสู่ผม มีประสบการณ์กับสิ่งเหล่านั้นมันอัศจรรย์มาก ว่ายน้ำบนแม่น้ำแห่งชีวิตของพระคริสต์ สรรเสริญพระเยซู
อันนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่พระเจ้าอนุญาตให้เราเจอความผิดพลาด พระเจ้าอนุญาตให้เราล้มเหลว ขาดทุน พระเจ้าอนุญาตให้เรามีปัญหา เจอมรสุมอะไรทั้งหลาย เพื่อบทเรียนเพื่อเรียนรู้ว่าพระเยซูมีค่าแค่ไหนสำหรับเรา
ถาม.
ก็คือตามที่ฟังที่ อ.พูดก็คือถ้ามาจากพระเจ้า ในพระเจ้าไม่มีความผิดพลาดเลย บางครั้งเราเรียนรู้ในการทรงนำ หรือว่าเราเรียนรู้ว่าสิ่งเนี้ยมาจากพระเจ้าหรือไม่ อย่างเช่นบางครั้งเราก็คิดว่ามาจากพระเจ้า แต่บางครั้งมันก็อาจจะมีปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ในเรื่องราวตรงนั้น แต่สุดท้ายแล้วผลที่ได้รับมันก็เป็นสิ่งที่ดี อันนี้เราเรียกว่ามาจากพระเจ้ามั้ยค่ะ เพราะว่าเราคิดก่อนล่วงหน้าแล้วล่ะว่าสิ่งเนี้ยมาจากพระเจ้า แต่ระหว่างที่เรากระทำไปดำเนินไปมันก็จะมีปัญหาเข้ามาบ้างเล็กน้อย แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่เราได้รับก็คือเป็นสิ่งที่ดีเสมอสำหรับเรา อันนี้ก็คือเรียกว่ามาจากพระเจ้าใช่มั้ยค่ะ
ตอบ.
ขอให้เราแยก 2 คำนี้ให้ออกนะครับ 1. ก็คือมาจากพระเจ้า 2. ก็คือพระเจ้าอนุญาตให้เกิด ขอให้เราแยก 2 คำนี้แล้วเราจะเข้าใจ มีหลายสิ่งนะครับที่ไม่ได้มาจากพระเจ้าแต่พระเจ้าอนุญาตให้เกิด
“โยบ” เราจำกันได้ไหมในพระคัมภีร์โยบ คือโยบซื่อสัตย์รักพระเจ้าเดินไปกับพระเจ้า แต่ปรากฏว่าซาตานเห็นว่า อืมจะลองใจโยบดู แล้วก็ไปหาพระเจ้า "พระเจ้าดูสิผู้รับใช้ของท่าน ใช่ เขาซื่อสัตย์เขาเดินไปกับพระองค์ เพราะว่าเขามั่งมี เพราะว่าเขาไม่ได้ขาดเหลือ เขาไม่ได้ขัดสน เขาไม่ได้ลำบากแน่นอน แต่ถ้าหากเขาไม่มีอะไรเนี่ยจ้างก็ไม่ซื่อสัตย์จ้างก็ไม่เดินไปกับพระองค์ ลองมั้ยล่ะ" พระเจ้าก็อนุญาต
อย่าลืมนะครับสิ่งที่พระเจ้าอนุญาตแต่ก็ไม่ได้มาจากพระเจ้า เหมือนกับโยบที่เป็นอยู่ มันมาจากซาตานซาตานเป็นคนนำปัญหาเข้ามาซาตานเป็นคนทำซาตานล่อลวงซาตานหลอกลวงซาตานทำร้ายทำลาย แต่พระเจ้าอนุญาต เข้าใจหรือยังครับ
เพราะว่าพระเจ้ารู้นะครับว่า พระเจ้ารู้ว่ามันจะเกิดผลดี บางครั้งเมื่อซาตานต้องการนำสิ่งที่ไม่ดีเข้ามาสู่ชีวิตเรา พระเจ้าเห็นไม่ใช่ไม่เห็น พระเจ้ามี 7 ตา เอเมนไหมครับ คือทรงสอดส่องเห็นรู้เห็นทุกคนทุกครอบครัวทุกๆ คนที่เชื่ออยู่ในสายตาของพระเจ้าไม่เคยพลาดสายตา แล้วเมื่อสิ่งที่ไม่ดีเข้ามา ซาตานอยากทำลาย คนอยากทำร้ายเราทำลายเรา มาโกงเรา มาทำอะไรกับเรา พระเจ้าอนุญาตนะครับ เพื่ออะไรครับ? เพื่อเราจะมองเห็นคุณค่าว่าเราอยู่ใกล้พระเจ้าเนี่ยจะปลอดภัย เราอยู่ในพระคริสต์จะสงบสุข จะทำกำไรได้ จะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น
แต่บางครั้งพระเจ้าอนุญาตเพื่อให้เราได้เรียนรู้บทเรียนก็มี เพื่อล้มเหลว แล้วได้เข้าใจ คือสุดท้ายก็คือทุกสิ่งที่พระเจ้าให้เกิดเนี่ยเพื่อเราจะได้รับการก่อขึ้น เพื่อเราจะเข้มแข็งเติบโต เพื่อเราจะเห็นว่าพระเยซูสำคัญมากที่สุด มากกว่าใครในจักรวาลนี้ พระเยซูเป็นสิ่งเดียวเท่านั้นที่เราต้องการ เราจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ การงานได้ ครอบครัวได้ ทุกสิ่งได้ก็เนื่องมาจากอาศัยพระเยซู ถ้าไม่มีพระเยซูเป็นหลักในชีวิตของเราเป็นฐานของชีวิตของเรา เราก็ไม่มีความสุขและล้มเหลว
สุดท้ายขอสรุปนะครับ หลายสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราไม่ได้มาจากพระเจ้า มาจากผู้อื่นโดยที่พระเจ้าเห็นและอนุญาตให้เกิด เพื่อผลประโยชน์ของเรา หรือเพื่อทดสอบความเชื่อของเราก็มี หรืออีกอย่างหนึ่งก็คือเพื่อตีสอนเราเมื่อเราทำผิด เอเมน
สำหรับบางสิ่งบางอย่างมาจากพระเจ้ามีนะครับ มีสิ่งที่มาจากพระเจ้าก็มี ให้เราดูมัทธิวบทที่ 7 ก็คือฝนตก ฝนตกใส่บ้านเรา ฝนก็คือมาจากพระเจ้า มาจากข้างบนมาจากฟ้าสวรรค์ ก็คือการทดลองทดสอบมาจากพระเจ้า แต่อย่าลืมนะครับถ้าหากเราเป็นบ้านที่แข็งแกร่งเข้มแข็ง
บ้านที่แข็งแกร่งเข้มแข็งคืออะไร คือตั้งบนหิน ตั้งบนหินคืออะไร คือศิลา แล้วพระเยซูตรัสว่าเราเป็นศิลา เมื่อเรายืนอยู่บนฐานที่มั่นคงก็คือพระเยซูคริสต์ เรานั่งนอนในพระคริสต์ เราเดินไปมาในพระคริสต์ เรากินดื่มในพระคริสต์ เราไปทำงานในพระคริสต์ เรารับใช้ในพระคริสต์ ประกาศข่าวประเสริฐในพระคริสต์ พูดกับคนอื่นฟังคนอื่น ทุกสิ่งทำทุกสิ่งในพระคริสต์ อันนี้เรียกว่าตั้งบ้านอยู่บนฐานอยู่บนหิน
เพราะฉะนั้นเมื่อเราตั้งบ้านอยู่บนหิน ก็คือตั้งชีวิตของเราอยู่บนพระคริสต์ แน่นอนครับการทดลองที่มาจากพระเจ้าเราก็ผ่านได้ การทดลองที่มาจากมนุษย์เราก็ผ่านได้ ซาตานนำปัญหาทั้งหลายเข้ามา มรสุมทั้งหลายเข้ามา เราก็ผ่านได้ เพราะว่าเราตั้งฐานชีวิตของเราบนพระคริสต์
ถามว่าวันนี้ ที่เราล้มเหลวที่ผ่านมา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พระเจ้าอนุญาตหรือไม่อนุญาต ซาตานนำมาหรือไม่นำมา พระเจ้าตีสอนหรือให้ปัญหาเกิดขึ้น ถ้าหากเราตั้งอยู่ในฐานของพระคริสต์คุณจะเจ็บน้อยคุณจะลำบากน้อย แต่คุณจะเก็บเกี่ยวสิ่งที่ประสบความสำเร็จใหญ่กว่ามากกว่า เอเมน
ตอนแรกผมก็สงสัยนะครับมีสิ่งหนึ่งที่ผมข้องใจเพราะว่าตอนที่ผมอ่านก็คือพระคริสต์ทำแทนเราทุกสิ่ง พระคริสต์ใช้ชีวิตดำเนินชีวิตทำทุกสิ่งแทนเรา อ้าวแล้วเราทำบาปล่ะตอนที่เราทำบาปพระคริสต์ก็ทำบาปกับเราเหรอ ไม่นะครับ. ในพระคริสต์ไม่มีความบาป ในพระคริสต์ไม่มีความล้มเหลว ในพระคริสต์ไม่มีสิ่งที่ไม่ดี เพราะฉะนั้นขณะที่เราทำบาปเนี่ยก็คือเราหลุดออกไปจากพระคริสต์ แล้วไปอยู่ในเนื้อหนังแล้วก็ไปทำบาปเราเองเป็นคนทำบาปและตัวบาปในเราเป็นคนทำ
ถาม.
อ.ค่ะ เราจะเรียนรู้ได้อย่างไรค่ะว่าสิ่งนี้มาจากพระเจ้า คือเราสามารถแยกออกได้อ่ะค่ะ สิ่งนี้มาจากพระเจ้า สิ่งนี้ไม่ได้มาจากพระเจ้าอะไรแบบเนี้ยค่ะ เพื่อที่เวลาคือเราฝึกเดินเราก็ฝึกอยู่แล้วแหละ แต่เหมือนกับว่าเรามีความตั้งใจเพิ่มมากขึ้น ก็คือเพื่อที่เราอยากจะอยู่ในน้ำพระทัยของพระเยซูที่ถูกต้อง ก็คือเชื่อว่ามันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคริสเตียนเรานะคะ เพราะว่าเราก็อยากรู้ว่าสิ่งนี้มาจากพระเจ้าหรือไม่ สิ่งนี้ไม่ได้มาจากพระเจ้า แบบเนี้ยค่ะ
แต่ว่ามันก็อาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับคริสเตียนฝึกเดินอย่างพวกเรานะคะ เพราะว่าก็ยังไม่ได้แบบว่าล้ำลึกเหมือนกับ อ.นะคะ อย่าง อ.ก็คงจะมองออกแล้วว่าอันไหนมาจากพระเจ้า อันไหนไม่ได้มาจากพระเจ้า ส่วนเราก็เป็นการเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ที่พระเจ้าจะเปิดตาเพิ่มมากขึ้น แต่ก็อยากให้อธิบาย อ.เพิ่มมากขึ้นสอนพวกเราเพิ่มมากขึ้นว่าจะสังเกตแบบไหนหรืออะไรเนี้ยค่ะ เพื่อที่ให้เราได้มีความตั้งใจหรือเห็นชัดเจนอยู่ในน้ำพระทัยของพระเจ้าเพิ่มมากขึ้นนะคะ เอเมน
ตอบ.
สำหรับคริสเตียนถ้าหากเรามาถึงจุดที่เราได้เข้าใจความลึกความกว้างความสูงของพระเจ้ามันไม่ได้ยากไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ขอบคุณที่ถามนะครับ คือสำหรับพี่น้องที่ฝึกใหม่ๆ หรือฝึกมานานแต่ไม่เห็น ไม่เห็นคำตอบ ไม่เห็นการทำงานของพระเจ้าในด้านนี้
ข้อที่ 1. สิ่งแรกก็คือเราฝึกไม่ถูกวิธี สิ่งที่ 2. ก็คือการสนิทของเรา เรากลับมาถามตัวเราเองว่าเราสนิทในพระเยซูพอหรือยัง เราสะสมมานาฯ พอหรือยัง 1. สนิทในพระเยซู 2. สะสมมานาฯ ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ให้มากที่สุด
และข้อแรกจำกันได้ไหมก็คือการฝึกไม่ถูกการฝึกไม่ถูกวิธี การฝึกที่ถูกวิธีก็คือสำหรับเรา เราจะรู้ได้ยังไงว่าอะไรที่มาจากพระเจ้า อะไรที่มาจากมาร อะไรที่ไม่ได้มาจากพระเจ้า หรือมาจากมนุษย์ หรืออะไร
เมื่อเราสนิทในพระเยซูมาก มากๆ นะครับ เมื่อเราสนิทในพระเยซูมากๆ เดินในพระองค์มากๆ และเรารู้พระคำพระเจ้าพระคำแห่งความจริงก็คือมานา ฯ สิ่งไหนที่เกิดขึ้นมันเกิดขึ้นตอนที่เราทำอะไรอยู่นะครับ เมื่อเราทำพลาดเมื่อเราทำบาปเมื่อผมทำบาปนะครับมันจะมีบางอย่างที่เกิดขึ้นแล้วผมรู้ทันทีเลย อ๋อใช่นี่คือการกระทำของเราที่ได้รับผลที่มาจากพระองค์ พระองค์ให้มันเกิด ก็อาจจะมีการสูญเสียบ้างเจ็บปวดบ้างเสียใจบ้างซึ่งเป็นสิ่งที่พระเจ้าต้องตีสอนนะครับ
และเราทำอะไรที่ ที่มันเป็นผลที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า อาจจะเป็นการรับใช้อาจจะเป็นการใช้ชีวิตที่ถวายตัวใหม่ให้พระองค์แล้วพระองค์ใช้อยู่ แล้วปรากฏว่าคนเห็นพระเยซูผ่านเรา หรือได้รับผลประโยชน์อะไรบางอย่างที่เขาไม่ควรจะรับโดยที่พระเจ้าเมตตาเขา ซึ่งอันนี้นะครับมันเกิดขึ้นปุ๊บเนี่ยเรารู้เลยว่าพระเจ้าเป็นคนทำ
พูดง่ายๆ คือเราทำอะไรลงไป แล้วสิ่งนั้นมันจะเกิดขึ้นทันที ไม่นานนะครับ บางคนพูดใช่ไหมว่ากรรมมันติดจรวดสมัยนี้ อันนี้ผมขอใช้นะครับก็คือทุกวันนี้พระพรของพระเจ้า การตีสอนของพระเจ้ามันจะติดจรวดนะครับ คือภายในเวลานั้นเพื่อเตือนเราให้รู้ว่าอันนี้มาจากพระเจ้า อันนี้เป็นการตีสอนของพระเจ้า อันนี้เป็นการทำเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้าโดยที่เราไม่ได้ทำผิดอะไร หรือเป็นการทดสอบความเชื่อของเรา ซึ่งจะมีหลายสิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะมีสิ่งล่อลวงเข้ามาอาจจะมีคนทำเงินตกแล้วเราเห็นเราจะมีอาการยังไง โลภไหมหรือคืนเขาไหมหรือยังไง สิ่งเหล่านี้นะครับมันเกิดขึ้นทันทีเดี๋ยวนั้น เรารู้คำตอบก็คือมาจากใคร เอเมน
การฝึกให้ถูกต้อง ฝึกให้ถูกวิธี ฝึกเดิน ทุกสิ่งที่เราเรียนรู้มา วันอาทิตย์เรามาร่วมกันพระเจ้าให้บทเรียนอะไรเรา เรานำไปฝึก เอเมน. อย่าลืมนะครับการบ้านของเรามีตลอดเวลานะ มีทุกๆ สัปดาห์ พระเจ้าเป็นคนให้ไม่ใช่ผม เพราะฉะนั้นการฝึกให้ถูกวิธีก็คือ นำใช้ นำไปฝึก เมื่อเราได้เรียนมา
2. ก็คือสนิทในพระเยซู และสะสมมานาฯ ให้มากเท่าที่จะมากได้ สะสมมานาฯ ค้นหาความจริง ฝึก คือมองพระคำพระเจ้าให้ทะลุ ไม่ใช่ว่าเห็นพระคำล้ำลึก เห็นมานาที่ซ่อนไว้ แล้วก็ไม่ค้นหาอะไรเพิ่มเติม
เราขอพระวิญญาณบริสุทธิ์เปิดเผยให้มากกว่านี้ ให้เห็นมากกว่านี้ ชัดกว่านี้ สูงกว่านี้ กว้างกว่านี้ ลึกกว่านี้ “พระวิญญาณเปิดเถิดให้ข้าพระองค์เห็นมากกว่านี้ เห็นอาจารย์... รู้มากขนาดนี้ ขอข้าพระองค์ได้รู้มากเเล้วก็มากกว่านี้ด้วยถ้าเป็นน้ำพระทัยของพระองค์” เราขอพระเจ้าพระเจ้าก็ให้ แล้วการฝึกของเราสุดท้ายก็จะถูกวิธีมากขึ้นมากขึ้นมากขึ้น
แล้วเราจะเห็นนะครับรู้ทันทีเลยว่าใครมาจากใคร คนนี้วิญญาณของซาตาน หรือคนนี้ เราสังเกตวิญญาณได้ เรารู้ว่าคนนี้พูดมาจากเนื้อหนัง หรือจากพระวิญญาณ เรารู้ว่าสิ่งนี้มาจากพระเจ้า หรือไม่ใช่มาจากพระเจ้า เรารู้นะครับ การรู้เนี่ย การทะลุพระคำพระเจ้า ทะลุจิตใจคน ทะลุเหตุการณ์ ทะลุทุกสิ่ง มันเกิดขึ้นเมื่อเรามาถึงการฝึกถูกวิธี 1. นะครับ 2. ก็คือการสะสมมานาฯ ให้ครบ 3. ก็คือสนิทในพระเยซูให้มากๆ
สิ่งเดียวที่พระเจ้าต้องการในทุกวันนี้สำหรับชีวิตคริสเตียน คืออะไร สนิทใช่ไหม เอเมน สนิทนะครับพระเจ้าต้องการ พระเจ้าต้องการให้เราสนิทกับพระองค์ พระเจ้าต้องการคนที่ใกล้ชิด พระเจ้าต้องการคนคุย ไม่ใช่คนคบ ชัดเจนไหมครับ พระเจ้าต้องการคนคุย ไม่ใช่ว่าคบกันแล้วคือมารู้จักกันเป็นคริสเตียนแล้วมารู้จักพระเจ้าแล้ว คือคบเฉยๆ รู้จักเฉยๆ แต่ไม่คุย พระเจ้าต้องการคนคุย เอเมน
คืออันนี้ผมพูดในฐานะของพี่น้องในพระกายเดียวกัน แล้วผมพูดด้วยความรักไม่ได้ตัดสินพวกเรานะครับ ถ้าโดนเราก็ขอให้พระเจ้าชำระ
ผมรู้ว่าหลายคนยังไม่ได้ฝึก เข้ามารับมานาฯ ใช่ ก็ดีก็เอเมน เข้ามาร่วมนมัสการกับพระเจ้าบ่อยๆ ก็ดีก็เอเมน แล้วการฝึกบางคนก็ฝึกน้อยๆ ไม่ค่อยได้ฝึกมาก เดี๋ยวออกไปก็ลืมไปแล้ว
แต่มีบางคนขอบคุณพระเจ้าที่ฝึก ฝึก ตั้งใจ ขยัน ฝึกเดิน อันนี้ความก้าวหน้าจะมาถึงเขา การพัฒนาชีวิตจะมาถึงเขา แล้วในที่สุดเขาจะมาถึงมาตรฐานของชีวิตผู้ชนะแน่นอน อันนี้สรรเสริญพระเจ้าสำหรับพี่น้องบางคน
แต่มีบางคนก็คือฝึกบ้างไม่ฝึกบ้าง บางคนสะสมมานาฯ บ้าง แต่ไม่ได้สะสมเต็มที่ อาจจะเป็นสาเหตุเพราะอะไรผมไม่ทราบ เรารู้ดีนะครับ แต่ผมพูดด้วยความรักด้วยความห่วงใยด้วยความหวังดี แล้วก็ขอสะกิดเราหน่อย เพื่อเราจะก้าวหน้าและเติบโตไปพร้อมๆ กับพี่น้องหลายๆ คน เอเมน
แต่ก่อนตอนที่ผมฝึกใหม่ๆ ผมจะถาม สัปดาห์หนึ่งผ่านไปผมจะถามว่า เราก้าวหน้าหรือยัง พระเยซูข้าพระองค์ก้าวหน้าหรือยัง ขอชำระข้าพระองค์ ผมเป็นคนขี้จู้จี้ผมเป็นคนที่แบบคือหัวดื้อเป็นคนที่อยากได้อะไรต้องได้ เป็นคนที่คือใส่ใจในสิ่งไหนที่ได้รู้มา อันนี้ก็ขอบคุณพระเจ้าที่พระเยซูใส่ใจตั้งแต่เกิด
แล้วผมขอบคุณพระเจ้าสำหรับพี่น้องหลายคนที่มีหัวใจที่รักมานาฯ และสะสมมานาฯ และเริ่มฝึกเข้าสนิทในพระเยซูให้มาก อันนี้เป็นพระคุณที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเราโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นคนทำไม่ใช่เราทำเอง
แต่พี่น้องบางคนก็อย่าน้อยใจนะครับที่ผมพูดเนี่ย ก็คือเรากลับใจ แล้วขอการชำระจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ตั้งแต่นี้ไปใช้เวลาขยันให้มากขึ้น ใส่ใจให้มากขึ้น การใส่ใจเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้เราเข้าสู่ชีวิตฝ่ายวิญญาณและเติบโตได้ “ใส่ใจ” เอเมน
ถาม.
ขออนุญาตอีกหนึ่งคำถามค่ะ พอดีว่ากำลังเรียนรู้ในเรื่องการทรงนำนะคะ ก็เลยไม่มีความเข้าใจอยู่นิดนึงก็คือ จะยกตัวอย่างหนึ่งเหตุการณ์นะคะ อย่างเช่นเราจะไปขอนแก่นแล้วทีนี้สถานที่ที่จะไปอ่ะคือเราก็ไม่ค่อยจะเดินทางไกลไปที่ไหนแล้วก็ไม่รู้จักสถานที่แห่งนี้ แต่โอเคเราไปกับ Google Map ก็ได้ แต่มันก็จะมีความแบบมันเป็นเมืองใหญ่นะเราไม่เคยไป แล้วทีนี้ก่อนที่จะนอนอยู่ๆมันเกิดเหตุการณ์ขึ้นมาโดยที่ตื่นขึ้นมาแล้วก็มาอธิษฐานกับพระเยซูในการทรงนำในการเดินทางในการปิดสนิทกับพระองค์ แล้วเราก็วางใจสบายใจก็ไม่ได้คิดอะไรไม่ได้คิดกังวลว่าจะไปถูกไหมหรืออะไรยังไง
การสรุปแล้วเหตุการณ์ในวันนั้นก็คือเดินทางราบรื่นมากเลยค่ะ ซึ่งเรารู้สึกว่ามันอัศจรรย์ แล้วเราก็เลยคิดว่ามาจากพระเจ้าแน่นอนเลย แต่มันมีสิ่งที่เราแบบสงสัยอยู่นิดนึงมันเกิดความสงสัย เพราะขากลับฝนพายุแบบกระหน่ำเลย คือเราก็ไม่เคยเดินทางตอนกลางคืนด้วยแล้วฝนมันตกหนัก เราก็เอเมนพระเยซูเรากลับบ้านด้วยกันนะกลับบ้านด้วยความปลอดภัยขอบคุณพระเยซูที่ขับรถแทนลูก แต่สุดท้ายแล้วถึงแม้ว่าเราจะอยู่ในเหตุการณ์บางครั้งที่มันน่ากลัว แต่ก็กลับบ้านมาแบบปลอดภัย
ก็เลยอยากจะถาม อ. ในเรื่องการทรงนำว่าสรุปแล้วมันก็มีทั้งเหตุการณ์ที่ดี คือตอนไปก็มีการรองรับที่ดี เราก็เลยคิดว่ามาจากพระเจ้าแน่นอน แต่พอตกตอนเย็นมาก็เกิดพายุ แต่ก็กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย ก็เกิดความสับสนก็เลยอยากจะถาม อ. นะคะว่าเรากำลังเรียนรู้ในการทรงนำที่มาจากพระเยซู สรุปแล้วเหตุการณ์นี้มันมาจากพระเจ้าหรือว่ามาจากอะไรกันแน่ แต่ก็สุดท้ายแล้วผลที่ได้รับทุกๆ ครั้งไม่ว่าอาจจะมีปัญหาบ้างเล็กๆ น้อยๆ มันก็เป็นสิ่งที่ดีสำหรับเราเสมอแล้วก็ปลอดภัยเสมอ เอเมนค่ะ
ตอบ.
คำถามที่เราควรจะถามในชีวิตประจำวันไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คือเปลี่ยนคำถามนะครับ เป็นคำขอบพระคุณพระเยซูนะครับ
คือเราไม่ต้องคิดมากว่าเอออันนี้มาจากพระเจ้าไหม อันนี้มาจากใคร มาจากซาตานไหม หรืออันนี้ไม่ได้มาจากพระเจ้า อันนี้คำถามนี้ขอให้หยุดนะครับเพราะว่าเป็นคำถามของคริสเตียนศาสนา
เราใช้ชีวิตอยู่บนการขอบพระคุณ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราขอบพระคุณพระเยซูไว้ก่อน แล้วไม่ต้องถามว่ามาจากใคร เรารู้แต่สิ่งเดียวนะครับว่าทุกสิ่งพระเจ้าอนุญาต โอ้พระเยซูอนุญาตให้มันเกิด OK พายุมาพระเยซูอนุญาต OK น้ำท่วมพระเยซูอนุญาต ทุกสิ่งเกิดขึ้นตอนนี้ทั้งดีและไม่ดีก็คือพระเยซูอนุญาต พระองค์เห็นนะครับไม่ใช่ไม่เห็นและพระองค์อนุญาต
เมื่อพระองค์อนุญาตนะครับเรารู้ว่าสิ่งที่ตามมามันจะเกิดผลดีสำหรับเรา หรืออาจจะเป็นการทดสอบความเชื่อบ้าง อาจจะเป็นการตีสอนบ้าง หรือเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ แต่พระเจ้าอนุญาต แล้วเมื่อเรารู้ว่าพระเจ้าอนุญาต เราขอบพระคุณ เอเมน
การดำเนินชีวิตคริสเตียนที่สงสัยตลอด Why? Why? ทำไม ทำไม หรือว่ามาจากใคร มาจากใคร อันนี้เป็นความคิดของศาสนา ต้องขอบอกนะครับ ขอการชำระจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้เราเข้าใจตรงนี้ คือไม่ต้องถามอีกแล้วว่ามาจากใคร อันนี้มาจากใคร พระบิดาพระเยซูอันนี้มาจากใคร ตั้งแต่เช้าจนค่ำเราจะมีคำถามนี้ตลอด หรือบางคนจะถามว่าทำไม ทำไมอันนี้มันเกิดขึ้นกับข้าพระองค์ ทำไมทำไมทำไมอยู่ตลอด
1. ทำไม 2. มาจากใคร ใครเป็นคนทำ อันนี้ไม่ใช่คำถามของคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ
แต่คำพูดของคริสเตียนฝ่ายวิญญาณก็คือขอบคุณพระเยซูในทุกกรณี วันนี้ฟ้าสว่างไม่มีแดดไม่มีฝนขอบคุณพระเยซู อ๋อฝนมาแล้วขอบคุณพระเยซู อ๋อมันเดินทางไม่สะดวกขอบคุณพระเยซู อ๋อเจอปัญหาแล้วตอนนี้พระเยซูเอเมนอยู่กับข้าพระองค์ ขอบคุณพระเยซู นี่คือสิ่งที่เราทำเป็นประจำในชีวิตของเรานะครับ
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ใกล้ๆ หน้าฝนแล้วปรากฏว่าผมเดินทาง ก็ขี่มอเตอร์ไซค์ระยะทางประมาณสักครึ่งชั่วโมงหรือ 40 นาทีประมาณนั้น ก็คือดูฟ้ามันมืดแล้วผมก็รู้สึกว่ารีบหน่อยเนื่องจากว่าพี่น้องรออยู่ก็เลยรีบ ปรากฏว่าเสื้อกันฝนก็ไม่ได้เอาไป (เสียเวลาไปหามันอยู่ที่ไหน) คือในใจบอกว่าอ่ะเปียกก็เปียก เอเมนเปียกก็ไม่เป็นไร แล้วก็ขี่มอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านปุ๊บก็คือฟ้ามันมืดมากๆ มันเริ่มมืดมากกว่าเดิม ก็ไม่เป็นไรก็เอเมนก็ขอบคุณพระเยซูจะเปียกก็เอเมน ก็ขี่มอเตอร์ไซค์ไปจนถึงจุดหมายปลายทางนะครับ พี่น้องทราบไหมฝนแม้แต่เม็ดเดียวก็ไม่ตกไม่ตกมาใส่ผม ก็ขอบคุณพระเยซู
ขากลับนะครับฟ้ามันก็มืดเหมือนเดิม มันก็มืดเหมือนเดิมแล้วก็มืดกว่าเดิมอีกตอนที่ผมจะออกจากบ้านของพี่น้องคนนึง ก็ขอบคุณพระเยซูก็คือฝนไม่ตก
แล้วมีอยู่ครั้งหนึ่งต่อมาก็คือผมไปบางที่บางแห่ง ก็ทำเหมือนเดิมไม่เป็นไร รีบแต่ก็ไม่ได้เอาเสื้อกันฝนไป สุดท้ายนะครับฝนก็ตกใส่ก็เปียกแต่ก็เปียกไม่มากไม่เยอะก็โอเคอยู่
แต่ยังไงก็ตามผมไม่ได้ถามว่า อันนี้พระเจ้าปกป้อง หรือว่าพระเจ้าไม่ทำ หรือว่าพระเจ้ามาจากไหนมาจากใคร พระองค์ทำอะไรอยู่ คือเราไม่ถามพระเจ้านะครับคือพระเจ้ามีเหตุผลพระเจ้าอนุญาตให้เกิด แต่สิ่งที่เราควรทำก็คือขอบคุณพระเยซูเรามีสันติสุขทุกวันเวลา ขอบคุณพระเยซูที่เราอยู่ในพระคริสต์พระคริสต์อยู่ในเรา ขอบคุณพระเยซูที่ทุกอย่างปลอดภัย เปียกนิดหน่อยไม่เป็นไร แล้วถ้าไม่เปียกก็เอเมนไม่ใช่เรื่องใหญ่
เพราะฉะนั้นคำถามที่ว่ามาจากใคร อันนี้เราหยุดใช้ดีกว่านะครับ แล้วก็คำถามที่พี่น้องบางคนอาจจะใช้ตลอดเวลาใช่ไหมว่าทำไม ทำไม ทำไม ทำไมมันเกิดขึ้น ทำไมมันเป็นแบบนี้ ทำไมมันเจอแบบนี้ ทำไมอะไรทำไมพูดแบบนี้กับฉัน ทำไมทำแบบนี้กับฉัน ทำไมโกงฉัน ทำไม ทำไม ทำไม คือสิ่งนี้เราจะไม่พูดอีกแต่เราพูดว่าขอบพระคุณ
ภาษาอังกฤษคำว่า Why? เนี่ยให้เราหยุด แต่เรา thank, give thanks หรือว่า thank you, thank you God, thank you lord เอาคำนี้มาใช้แทน แล้วคุณจะพบว่าชีวิตของคุณ อยู่ตรงไหนก็ตาม เกิดอะไรขึ้นก็ตาม ฝนตกไม่ตกก็ตาม เจอปัญหาอะไรก็ตาม มรสุมชีวิตเข้ามา หรือไม่เข้ามา ดีหรือไม่ดี ผิดหวังหรือสมหวัง แต่ขอบพระคุณขอบพระคุณขอบพระคุณไว้ก่อน เปาโลบอกโดยพระวิญญาณว่าจงใช้ชีวิตอยู่โดยการขอบพระคุณ “1 เธสะโลนิกา 5:18 จงขอบพระคุณในทุกกรณี เพราะนี่แหละเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าในพระเยซูคริสต์เพื่อท่านทั้งหลาย”
ถาม.
ลูกสาวฝากถามมาว่า เขาไม่เข้าใจว่าพระเจ้าให้เขาเกิดมาทำไม ในเมื่อพระเจ้าให้เขามีทั้งรักโลภโกรธหลงมีอะไรยั่วยวนทุกอย่าง เกิดมาทำไม แล้วก็พอเขาไปทำก็บาป อยากสนุกสนานไปทำก็บาป มีกิเลสตัณหาอยากสนองตัณหาก็บาปอีก อยากมีแฟนก็พระเจ้าก็ไม่ประทานมาให้ก็รอคอยมาหลายปีก็ไม่ได้ พอจะไปลองก็บาปอีกอย่างงี้ค่ะ เขาเลยไม่เข้าใจว่าให้เขาเกิดมาทำไม ให้เขาไปเป็นฝุ่นเป็นฝอยแต่ก่อนดีมั้ยไปตกนรกหมกไหม้ในสิ่งที่เขาทำ ดำเนินชีวิตในฝ่ายวิญญาณก็ไม่สำเร็จ อ่อนแออยู่ทุกอย่าง เขาสงสัยค่ะ เอเมนค่ะ
ตอบ.
ก่อนอื่นขอฝากไปถึงลูกสาวนะครับ เราเป็นคนที่โชคดีมากที่สุดที่ได้มาเกิด มีอยู่ล้านๆ คนที่แย่งเรามาเกิดแต่เราได้เกิด เรามีบุญนะครับโชคดี
อันที่ 2. ก็คือเมื่อเรามาเป็นคริสเตียน พระเจ้าต้องการกำจัดตัวบาปที่อยู่ในเรา ตัวบาปนี้มันเป็นต้นเหตุมันเป็นรากของจิตใจที่มีกิเลสตัณหาโลภโกรธหลงอยู่ในเรา เมื่อลูกสาวไปทำบาปเนี่ยเขาไม่ได้ทำแต่ตัวบาปในเขาเป็นคนทำ เพราะฉะนั้นไม่ต้องน้อยใจนะครับพระเจ้ามีทางออกให้เรา
เมื่อก่อนเราเป็นมนุษย์เรามีตัวบาปทำบาปในเรา เราไม่ได้ทำ แต่ต่อไปก็คือให้เข้ามาใกล้สนิทในพระเยซูมากๆ เข้าใจนะครับ บอกเขาให้สนิทในพระเยซู พูดคุยกับพระเยซู ชวนเขามาเข้ากลุ่มพวกเรา เรามีวิธีการที่จะช่วยเขาหลุดจากตัวบาป มามีตัวชอบธรรมที่จะมาอยู่ในเขาแทนที่ตัวบาป แล้วตัวชอบธรรมผู้นี้ก็จะทำดี ไม่มีกิเลส ไม่มีปัญหา ไม่มีโลภโกรธหลงอีก แต่ต้องใช้เวลานะครับอาจจะเป็นปีหลายปี แต่รับรองรับประกันชีวิตจะดีขึ้นแล้วความสุขก็จะมีมากขึ้นแล้วสุดท้ายก็จะไม่บ่นไม่น้อยใจว่าเกิดมาทำไม แต่จะขอบคุณพระเจ้าที่ได้เกิดมา เอเมน
อันแรกอย่าลืมนะครับไปบอกเขาว่าเราน่ะโชคดีมากแล้ว ที่มีคนแย่งกันเกิดร้อยล้านล้านกว่าคนที่แย่งกันมาเกิด สุดท้ายเราได้เป็นคนโชคดีได้เกิดมาเป็นมนุษย์เป็นคน
แล้วก็อันที่ 2. ก็คือเราโชคดีที่พระเจ้าเลือกเราให้มาเป็นคริสเตียน แล้วเรายังทำบาปยังมีกิเลสตัณหาโลภโกรธหลง โอ๊ยใครก็เป็น เราทั้งหลายเนี่ยทุกคนก็เป็นนะครับ มันคือตัวบาปที่อยู่ในเราที่ทำบาป แต่เมื่อเรามาพึ่งพระเยซู พระเยซูเป็นตัวชอบธรรมมาอยู่ในเราแล้วก็ขับไล่ตัวบาปออกไป ตัวบาปไม่มีที่อยู่มันก็หนีไป แล้วสุดท้ายเนี่ยตัวชอบธรรมผู้นี้จะทำให้เรามีแต่ใจจิตใจที่ต่ำถ่อมยอมเสียเปรียบ จิตใจดีมีความรัก มีความเมตตาสงสาร แล้วก็รักชีวิตตนเองอยากอยู่มากที่สุดแทนที่จะอยากตาย
วันนี้เป็นวันที่เขาบ่นใช่ไหมว่าเกิดมาทำไม น้อยใจนะครับ ขอให้จำไว้วันที่ 19 เดือนตุลาคม ไปบอกเขา แล้วฝากชื่อของเขาไว้กับพวกเราแล้วพวกเราจะอธิษฐานเผื่อ เอเมนไหมครับพี่น้อง เราจะมีส่วนร่วมกันช่วยกันอธิษฐานเผื่อลูกสาวของคุณทิพย์ให้เลิกน้อยใจแล้วก็ไม่พอใจไม่ดีใจที่เกิดมาเกิดมาทำไม แล้วจะขอบคุณพระเจ้าจะเปลี่ยนชีวิตมีความหวังอยากอยู่ในโลกนี้ต่อไป เอเมน
...
ถาม.
คือลูกสาวเขาไม่ได้น้อยใจที่เกิดมา แต่เขาไม่เข้าใจเขาสงสัยเพราะว่าก่อนที่จะสร้างโลกพระองค์รู้ว่าเราจะล้มลงในความบาปอยู่แล้วใช่มั้ยค่ะรู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับมนุษย์อยู่แล้ว แล้วพระองค์ให้ต้นไม้ต้นนั้นมาทำไมนะคะเขาไม่เข้าใจว่าต้นไม้แห่งการรู้ดีรู้ชั่วที่ตั้งอยู่ในสวนเอเดน พระองค์ให้สร้างมาทำไมทั้งๆ ที่รู้ว่ายังไงเราก็ต้องกินยังไงเราก็ต้องแพ้ พระองค์มีแผนการอะไรทำไมต้องทำอย่างนั้น เขาดีใจที่เขาเกิดมาแต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมพระเจ้าทำอย่างนั้นค่ะ
ตอบ.
ถามว่าทำไม พระเจ้ามีแผนการอะไร มีสิครับมีแน่นอน คือแผนการของพระเจ้าต้องการให้เราได้เรียนรู้ว่าเราขาดพระเจ้าไม่ได้ เราต้องอยู่ใกล้พระเจ้า อยู่กับพระเจ้าอยู่เสมอ มนุษย์ถูกสร้างเพื่อให้อยู่กับพระเจ้าไม่ใช่เพื่อให้อยู่โดดเดี่ยว ภาษาอังกฤษนะครับพระเจ้าต้องการสร้างเราเพื่อให้ depend on God คำว่า depend on God ก็คืออาศัยพระเจ้าพึ่งพระเจ้าอยู่กับพระเจ้า แต่มนุษย์เลือกที่จะเป็น independent ก็คือสิทธิเสรีภาพ ก็คือมีอิสระ อยากเป็นอิสระ มนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อให้เป็นอิสระนะครับมนุษย์ถูกสร้างมาเพื่อให้อยู่กับพระเจ้าอยู่ใกล้พระเจ้าสนิทในพระเจ้า
เพราะฉะนั้นถามว่าทำไมพระเจ้าตั้งต้นไม้แห่งความรู้ดีชั่ว แล้วตั้งอีกต้นไม้นึงปลูกต้นไม้อีกต้นไม้หนึ่งก็คือต้นไม้แห่งชีวิต จริงๆ แล้วพระเจ้าสนับสนุนให้เรากินผลไม้จากต้นไม้แห่งชีวิต แต่ปรากฏว่ามนุษย์อาดัมเอวาไปกินผลไม้จากต้นไม้แห่งความรู้ดีชั่วโดยการล่อลวงของซาตาน
เพราะฉะนั้นสำหรับพระเจ้า พระเจ้ามีแผน ก็คือแผนของพระเจ้าก็คือให้เราไปกินผลไม้จากต้นไม้แห่งชีวิต และเพื่อเราจะได้ชีวิตที่ครบบริบูรณ์ แล้วจะติดอยู่กับพระเจ้าอยู่กับพระเจ้าไปไหนมาไหนกับพระเจ้าไม่ยอมทิ้งไม่ยอมห่างพระเจ้าเป็นอันขาด
แต่มนุษย์พลาดนะครับไปกินในสิ่งที่จะต้องออกห่างจากพระเจ้าและพึ่งตนเอง สุดท้ายเมื่อทำแบบนั้นพระเจ้าอนุญาตให้มันเกิด แล้วเมื่อมนุษย์ไปทำแบบนั้นไปกินแล้วจิตใจชีวิตก็อยากอยู่เป็นอิสระอยากไม่พึ่งพระเจ้า แล้วพระเจ้าก็ให้เขาไป เมื่อพระเจ้าให้เขาไปเนี่ยเกิดอะไรขึ้น มนุษย์เกิดกิเลสตัณหาโลภโกรธหลง ไม่มีความสุขมีแต่ความทุกข์ สงครามฆ่ากันอะไรทั้งหลาย ความเกลียดชังเกิดขึ้น
แล้วเมื่อเขามาพบพระเจ้าเมื่อเขาได้มารู้จักกับพระเจ้า พระเจ้าก็เป็นความหวัง พระเจ้าก็เป็นคำตอบ พระเจ้าเป็นทางออกเดียวเท่านั้นสำหรับมนุษย์ แต่ก่อนเราไม่รู้จักพระเจ้าเรารู้สึกเป็นยังไงไม่มีความหวังใช่ไหม ไม่มีความสุขใช่ไหม และตอนนี้ผมถามเราทุกคนนะครับ เมื่อเรามาพบพระเยซูพบพระเจ้าและโดยเฉพาะมาพบพระคำล้ำลึกพระคำแห่งความจริง เรามีความสุขไหมครับ มีความหวังไหมครับในชีวิต (มี)
แล้วที่ผ่านมาเราไปเจออะไรทั้งหลายไปเจอตอนที่เราไม่เชื่อ แล้วเราไปเจอมรสุมชีวิตตอนที่เราเชื่อ ทั้งหลายเนี่ยพระเจ้าอนุญาตให้มันเกิดขึ้น เพื่ออะไรครับ? เพื่อที่จะสั่งสอนเราว่าเนี่ยนะ “สิ่งที่คุณขาดไม่ได้ก็คือพระเจ้า”
เพราะฉะนั้นบอกเขาว่าที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้มีกิเลสตัณหาโลภโกรธหลง เรามีตัวบาปทำบาป เราจะทำดีไม่ได้ เชื่อฟังพระเจ้าก็ไม่ได้ เป็นคริสเตียนแล้วก็เป็น บอกเขานะครับว่าพึ่งพระเยซูสิ มาร่วมกับพวกเราในกลุ่มมานาฯ รับการป้อนการเลี้ยงดูจากพี่น้อง เอเมน
...
ถาม.
สรุปก็คือว่าชีวิตของเรามีอิสระไม่ได้ ต้องพึ่งพาพระเยซูอย่างเดียวใช่มั้ยค่ะ คือไม่สามารถมีอิสระได้ใช่มั้ยค่ะ
ตอบ.
แน่นอนครับ อิสระของเรามีนะครับ แต่ก็จำกัด เมื่อเราจะมีอิสระ แต่ชีวิตไม่มีความสุข สำหรับผมผมเห็นว่าการที่เราจะยอมยกอิสระของเราให้พระเจ้าแล้วอยู่กับพระเจ้าติดสนิทอยู่กับพระเจ้ามันดีกว่า
ขอเล่าเรื่องบางเรื่องสั้นๆ นะครับ ในสมัยก่อนที่ประเทศอเมริกาไปเอาชาวผิวดำจากแอฟริกามาเพื่อซื้อขายเป็นทาส แล้วปรากฏว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกซื้อมาถูกจับมาตั้งแต่อยู่จากแอฟริกาแล้วก็มาที่นิวยอร์ก แล้วก็มีคนผิวขาวมาเพื่อที่จะซื้อทาส ปรากฏว่ามีผู้ชายคนหนึ่งเห็นผู้หญิงคนนี้ แล้วก็ไปบอกเจ้าของทาสคนนี้บอกว่าผมต้องการซื้อผู้หญิงคนนี้แล้วก็จ่ายเงินนะครับ แล้วเขาก็ยกผู้หญิงคนนี้ให้เป็นทาสของชายผิวขาวแล้วก็ชายผิวขาวคนนี้ก็นำผู้หญิงคนนี้กลับไปบ้าน
แล้วปรากฏว่าเมื่อมาอยู่ที่บ้านของผู้ชายผิวขาวคนนี้ ปรากฏว่าผู้ชายผิวขาวคนนี้เป็นคนที่ดีมากๆ ดีมากที่สุดเลย เป็นคนนิสัยดีใจดี มีเมตตา มีความรัก เขาไม่ได้มองผู้หญิงคนนี้ว่าเป็นทาส เขามองผู้หญิงคนนี้ว่าเป็นลูกสาว แล้วเขาให้กินข้าวให้ดื่มน้ำให้ทุกสิ่งเหมือนจากที่อาหารที่เขากิน อาหารชนิดเดียวกัน น้ำดื่มก็มาจากที่เดียวกัน แล้วนอนที่นอนก็ให้นอนสบาย ไม่เหมือนทาสที่ต้องนอนพื้นต้องลำบาก ให้นอนอยู่ในบ้านเพื่อความอบอุ่นหิมะตกก็จะไม่หนาว
ปรากฏว่าหลายปีผ่านไปผู้หญิงคนนี้ที่เป็นทาสเนี่ยไม่เคยรู้สึกว่าเขาเป็นทาส แล้วเขาก็เกิดมีความรักต่อนายคนนี้มากๆ มากที่สุดเลย แล้วมีอยู่วันนึงเจ้าของบ้านคนนี้ชายผิวขาวนะครับบอกว่า เธออยากไปแต่งงานอยากไปมีครอบครัวอยากไปมีสามีอยากไปใช้ชีวิตอิสระไปได้เลยนะไม่เป็นไรแล้ว เพราะว่าตอนนี้ก็คือเราไม่ได้ทำไร่ทำนาเราไม่มีอะไรที่จะต้องเดือดร้อนแล้วก็เราจะมีญาติมีหลานมาอยู่เพื่อช่วยงานอะไรทั้งหลาย แล้วไม่ต้องให้เธอช่วยก็ได้แล้วก็ให้เงินไปก้อนหนึ่ง
ปรากฏว่าผู้หญิงคนนี้บอกว่าที่อเมริกาเนี่ยก็คือมันกว้างใหญ่ แล้วออกไปก็คือมันมีโจรมันมีคนร้ายมันมีคนที่ไม่ดีคนผิวขาวที่เขาข่มเหงรังเกียจเขาเหยียดผิว ขออยู่ต่อได้ไหมขอไม่ไปได้ไหม เจ้าของบ้านผู้ชายผิวขาวก็บอกว่าก็ยินดีต้อนรับถ้าเธอไม่อยากจะไป
เราเห็นภาพกันใช่ไหม พระเจ้าสร้างเรานะครับให้มีอิสระให้มีสิทธิเสรีภาพ แต่การมีสิทธิเสรีภาพของเราถ้าขาดพระเจ้าเราก็อยู่ไม่ได้เพราะว่าพระเจ้าเป็นเจ้าของชีวิตเรา แล้วเป้าหมายที่พระเจ้าสร้างเราพระเจ้าสร้างเพื่อให้เราติดอยู่กับพระเจ้าเป็นหนึ่งกับพระเจ้าหนึ่งเดียวกัน เพื่อให้เรามีความสุข เพื่อให้เรามีชีวิตที่ประสบความสำเร็จ เพื่อให้เรามีชีวิตที่อยู่ชั่วนิรันดร์ไปกับพระองค์ได้ ชีวิตที่ขาดพระเจ้าก็คือชีวิตที่ไม่ครบบริบูรณ์
คุณอยากออกไป แล้วไปเจออะไรที่มันไม่ครบบริบูรณ์ไม่มีความสุขไม่มีพระเจ้า มีแต่เจออะไรทั้งหลายที่เราไม่คาดคิดว่าจะเจอ มีแต่มันเลวร้าย คุณจะไปไหม? ถ้าเป็นคนที่ฉลาดจะบอกว่าขอบคุณพระเยซู “พระองค์สร้างข้าพเจ้ามาเพื่อให้มีอิสระ คือให้มีอิสระ แต่ขอเลือกที่จะไม่ใช้อิสระ แล้วขออยู่กับพระเจ้าเพราะว่าอยู่กับพระเจ้าแล้วมีความสุข มีความสมหวัง มีชีวิตนิรันดร์ มีชีวิตที่ครบบริบูรณ์ ไม่ต้องการอะไรอีก” ผมว่าโอเคนะผมว่าเอเมน
สำหรับพระเจ้านะครับ พระองค์มีเหตุผลที่อนุญาตให้โลกนี้เกิดความวุ่นวาย มีความชั่วช้า มนุษย์เสื่อมทราม สิ่งเลวร้ายทั้งหลายเกิดขึ้น เพราะว่าเราจะได้รู้ใช่ไหมว่าคุณค่าของพระเจ้ามีมากแค่ไหน เราจะได้เห็นคุณค่าของพระเจ้า การอยู่กับพระเจ้ามันดีกว่าที่ไม่มีพระเจ้าต้องเยอะ ใช่ไหมครับ
ในยอห์นบทที่ 15 ข้อที่ 1 เราเป็นเถาองุ่นแท้และพระบิดาของเราทรงเป็นผู้ดูแลรักษา
ข้อที่ 2 กิ่งทุกกิ่งในเราที่ไม่ออกผลพระองค์ก็จะเอาไปเสีย และกิ่งทุกกิ่งที่ออกผล พระองค์ก็จะลิดกิ่งนั้นเพื่อให้ให้มันออกผลมากขึ้น
ข้อที่ 3 บัดนี้ท่านทั้งหลายก็สะอาดแล้วโดยทางถ้อยคำนั้นซึ่งเรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายแล้ว
ข้อที่ 4 จงสนิทอยู่ในเราและเราเข้าสนิทอยู่ในท่านกิ่งจะออกผลเองไม่ได้ กิ่งจะออกผลเองไม่ได้นอกจากกิ่งนั้นจะสนิทอยู่ในเถาฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลเองไม่ได้อีกต่อไปฉันนั้น นอกจากท่านทั้งหลายจะเข้าสนิทอยู่ในเรา
เราจะออกไปไหน ออกไปจากพระเจ้า กิ่งไม่ติดอยู่สนิทอยู่ในเถา ก็คือเราไม่ติดสนิทอยู่ในพระคริสต์ เราจะเกิดผลไม่ได้ ไปไหนก็ไปแต่ไม่มีความสุข ไปไหนก็ไปแต่ไม่มีความหวังในชีวิต ไปไหนก็ไปแต่สุดท้ายก็จบชีวิตอยู่ที่บึงไฟ เราจะเลือกเอาอันไหน สำหรับพระเจ้า ติดสนิทในพระเจ้าอยู่กับพระเจ้ามีความหวังมีความสุขมีชีวิตที่ครบบริบูรณ์ มีทุกอย่างในอนาคต
ผมขอพูดสรุปสั้นๆ ก็คือขอบคุณพระเยซูที่การประกาศข่าวประเสริฐเป็นของประทานไม่ใช่ทุกคนประกาศได้ เอเมน
แล้วคำว่าถ้าไม่ประกาศข้าพเจ้าจะวิบัติ ไม่ใช่สำหรับผู้เชื่อทุกคน แต่เป็นคำที่พระเจ้าตรัสกับเปาโลเท่านั้นคนเดียว เอเมน
และสิ่งที่สอง ก็คือเพื่อเห็นแก่ข่าวประเสริฐ เราทำตัวให้เหมาะสม เรายอมเป็นกรีกเรายอมเป็นคนต่างชาติเรายอมเป็นพุทธเป็นอิสลาม เราไปร่วมกับเขาไปเยี่ยมเขาไปหาเขาไปคบค้าสมาคมกับเขาได้ เพียงแต่ว่าเราไม่กราบไหว้เราไม่กราบไหว้พระของเขาเราไม่เข้าร่วมพิธีศาสนาของเขาเพราะว่านี่คือการเล่นชู้ฝ่ายวิญญาณ แต่เราไปเป็นเพื่อนเขา ไปอยู่กับเขา ไปคบค้าสมาคมกับเขา สร้างความผูกพันกับเขาเนี่ยไม่ผิดนะครับ เปาโลทำโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์นำ เพราะฉะนั้นอันนี้เป็นสิ่งที่เราทำได้
และการประกาศข่าวประเสริฐ การรับใช้พระเจ้า เราไม่คิดค่าเราไม่หวังเงินเดือนไม่หวังผลตอบแทนไม่หวังอะไรจากใคร ขอบคุณพระเจ้าสำหรับผมผมไม่หวังอะไรจากใคร ขอให้พี่น้องได้รับการเปิดตา ขอให้พี่น้องได้รับการก่อขึ้น ได้รับการเลี้ยงดูจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ อันนี้เป็นอาหารที่ผมได้กินนะครับ
และเราเองก็ไม่ควรที่จะคาดหวัง ใครช่วยใคร ใครให้ใคร ใครให้เรา ใครไม่ให้เรา เราให้ใคร เราไม่ให้ใคร ขอให้ทำตามพระวิญญาณบริสุทธิ์นำพา พระวิญญาณนำเราทำ พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่นำเราไม่ทำ ใครจะว่ายังไงเราไม่สนใจเราไม่แคร์สื่อใดๆ เราไม่ฟังคำพูดของใคร ใครจะดูถูกใครจะกล่าวหาว่าเราช่วยเราไม่ช่วย เรารับเราไม่รับ แล้วแต่เขา แต่เรากับพระเยซูเป็นผู้ที่รู้ใจกันดี เรากับพระเยซูสนิทสนมกันดี พระเยซูรู้จักเราเรารู้จักพระองค์ เรารักพระองค์พระองค์รักเรา แค่นั้นก็พอ
และสุดท้ายก็คือขอบคุณพระเจ้า พระเจ้าต้องการคนคุยไม่ได้ต้องการคนคบ คือเราต้องสนิทพูดคุยกับพระเยซูอยู่อย่างสม่ำเสมอ สุดท้ายพระองค์จะเป็นคนที่นำเรามาถึงจุดที่พระองค์จะบอกเราว่าอะไรเกิดขึ้น เกิดขึ้นกับอะไร เราจะเป็นคนที่สังเกตวิญญาณ สังเกตเหตุการณ์ สังเกตมนุษย์ สังเกตจิตใจของคนออกได้
และสุดท้ายก็คือขอบคุณพระเยซู เราไปร่วมประเพณี วัฒนธรรม ไปร่วมกับใคร ไปทำอะไร เรารักษาการรักษาพระบัญญัติใหม่ของพระเยซูอยู่เสมอ เราไม่ตาแทนตา ฟันแทนฟัน แก้แค้นโกรธแค้น รถมาปาดหน้าเราไม่ตะโกนด่า แต่เราขอบคุณพระเยซู เอาความรักเป็นใหญ่
เมื่อเราทำได้แบบนี้ บำเหน็จมากมายก็เป็นของเรา และเมื่อเราทำได้แบบนี้ การประสบความสำเร็จในชีวิต ในการงาน การทำมาค้าขาย ในธุรกิจ ในทุกสิ่งก็จะเป็นของเรา เอเมนพระเยซู
และสุดท้ายขอฝากพี่น้องพวกเรานะครับก็คือ การวางตัว การทำตัวให้เหมาะสม การให้โอกาสผู้อื่น เราทำตัวในลักษณะของคนที่ไม่มีตัวตน ไม่มีคุณค่า เป็นผู้เล็กน้อย เราจะไม่เสนอเราจะไม่พูดในลักษณะที่เกินไป ในลักษณะที่อยากให้คนยกย่อง อยากให้คนมองว่าเราเป็นอาจารย์ เป็นผู้นำคนนึง เป็นผู้ยิ่งใหญ่คนนึง เป็นผู้ที่มีเกียรติคนนึงนะ เป็นผู้รับใช้คนนึงนะ อันนี้ให้เราถอนใจออกจากสิ่งเหล่านี้นะครับ แล้วเรามองตนเองว่าเป็นผู้ต่ำต้อยเล็กน้อยและไม่มีคุณค่าอะไร พระเจ้าจะเป็นคนยกเราเองเมื่อถึงเวลา เอเมน