เราขอบพระคุณพระเยซูที่เมื่อก่อนหรือตอนที่เป็นศาสนาอื่นๆ ที่เราเคยเป็น แล้วคนที่อยู่ในศาสนานั้นๆ หรือแม้แต่ทุกศาสนา กว่าจะมาถึงจุดที่ปล่อยวาง ปล่อย ปลง วาง ให้มีความสุข ให้จิตใจนิ่งสงบ เขาต้องทุ่มเทชีวิต ต้องสละทิ้งทุกอย่าง ไปบวชเป็นพระบ้าง เข้าไปในป่าบ้าง หรือหาที่อยู่ที่อยู่นอกเมืองที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโลกกับสังคมกับอะไรทั้งนั้น เพื่อให้ได้มาซึ่งสันติสุขนี้
แต่เราสำหรับเราคริสเตียน เราขอบพระคุณพระเจ้าที่พระเยซู พระองค์นั่นแหละที่เป็นสันติสุข เป็นความสงบสุขนี้ สรรเสริญพระเยซู
และน่าเสียดายที่เราไม่เคยแกะกล่อง ซึ่งกล่องของขวัญนี้พระเจ้าประทานให้เราแล้ว เมื่อเรามีพระเยซู คริสเตียนมากมายทุกวันนี้ เราเห็นใจเขานะครับ อธิษฐานเผื่อเขา เนื่องจากว่ามีพระคริสต์ แต่ยังไม่ได้สัมผัสยังไม่ได้แกะกล่อง คือของขวัญที่ล้ำค่ามาก ก็คือสันติสุข คือความสงบสุข คือ peace ที่อยู่ภายในหัวใจภายในจิตใจของเรา
และเรารู้ดีนะครับ สำหรับพี่น้องที่รับการเปิดตา การที่จะได้สัมผัสสันติสุขที่อยู่ข้างในเราแล้ว ซึ่งก็คือตัวตนของพระคริสต์ เราเพียงแต่ "เชื่อ" ว่าเรามีในเราแล้ว ขอบคุณพระเยซู เพราะว่าพระองค์เข้ามาสถิตในเราและจะไม่จากพรากจากเราไปไหน
เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญนะครับก็คือ เราเชื่อว่าเรามีแล้ว และการที่จะได้สัมผัสก็คือเราต้องอยู่ในพระคริสต์อย่างสม่ำเสมอ ก็คืออยู่ในพระวิญญาณ คือ Live and walk in The Spirit ดำเนินชีวิตและเดินในพระวิญญาณอย่างสม่ำเสมอ เราจะเห็นปรากฏการณ์ เราจะเห็นอาการนิ่งสงบของหัวใจที่มีมากขึ้นๆๆๆ ในแต่ละวัน สรรเสริญพระเยซู
สำหรับสันติสุขนี้ ไม่เกี่ยวกับความชื่นชมยินดี หรือ Happiness หรือ joyfulness ที่ยิ้มได้หัวเราะได้ มันเป็นอาการนิ่งสงบภายในจิตใจ ซึ่งมีหลายระดับด้วยกัน สำหรับพี่น้องที่รับการเปิดตาแล้ว ไม่กลัวพระเจ้า เพราะว่าเรารู้ว่าพระเจ้ารักเรา แล้วก็เรารู้ว่าพระเจ้ามองเราว่ายังเป็นเด็กอยู่
แน่นอนครับเด็กก็ต้องยังทำบาป ซึ่งพระเจ้าเข้าใจ แต่เราพยายามทำดี พยายามเชื่อฟังพระเจ้า ให้เป็นที่พอพระทัยพระองค์ แต่พระองค์รู้นะครับว่าเราต้องทำเพราะว่าตัวบาปยังอยู่ในเรา ตัวบาปเอาชนะเราได้อยู่ เนื่องจากว่าตาเรายังไม่ถูกเปิดมากพอ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็มีสันติสุข เพราะว่าเราไม่กลัวพระเจ้า เราสารภาพ เราเสียใจ เรารอการชำระ เราสารภาพบาปทุกๆ ครั้งที่เราทำบาป เราปรารถนาที่จะเลิกทำบาปให้ได้ เพื่อเป็นบุตรที่รักของพระบิดา
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เวลานะครับ เป็นสิ่งที่พระเจ้าทำกิจในเรา
แต่ขอบคุณพระเจ้าเรามาถึงสันติสุขระดับแรก เรียกว่าสันติสุขระดับแรก คือเรายังทำบาปอยู่ แต่เราก็มีสันติสุขเพราะว่าเราไม่กลัวพระเจ้า แล้วเรารู้นะครับว่าเรารอดแล้วรอดเลยแน่นอนไม่สูญเสียความรอดไปอีก นี่คือ อาการของการได้รับสันติสุข หัวใจนิ่งสงบ ในระดับแรก
และถ้าหากเรายังทำบาปอย่างต่อเนื่องนานๆ ไปนะครับ เราอาจจะเริ่มมีอาการที่เป็นทุกข์บ้าง กังวลบ้าง กระวนกระวายบ้าง และต่อมาไม่นานถ้าหากเราเติบโตขึ้นในสันติสุขนี้ ก็คือสนิทในพระเยซู บอกรักพระเยซู อยู่ในพระวิญญาณ อยู่ในพระคริสต์สม่ำเสมอ ไม่ออกไปสู่เนื้อหนัง และเน้นที่การสนิทให้มากเท่าที่จะมากได้ อีกไม่นานนะครับ สันติสุขนี้ก็จะเต็มล้น ก็จะไม่หายไปไหน ไม่หายไปจากเรา
เมื่อเราสนิทมากเท่าไหร่ ความนิ่งสงบสุข อาการนิ่งสงบสุข อาการปล่อย ปลง วาง อาการพักผ่อนของจิตเรามันจะมีมาก แต่ถ้าหากเราสนิทน้อย อาการนิ่งสงบของจิตใจก็จะมี ก็จะมี ซึ่งตอนนี้เรารู้สึกว่าไม่กลัวพระเจ้าแล้ว เราไม่กลัวว่าเราจะไม่รอดอีกแล้ว คือเรารู้แล้วว่าเรารอดแล้วรอดเลย อันนี้เราเข้าสู่สันติสุขระดับหนึ่ง ระดับแรกๆ
แต่ถ้าหากเราสนิทมากๆ ทุกๆ วันในแต่ละวันอย่างสม่ำเสมอ เราจะพบว่าสันติสุขทุกวันและทุกเวลานาทีจะเกิดขึ้นกับเรา เอเมน
...
ถาม.
หมายความว่าเราจะพอใจ แล้วก็ปล่อยวางได้กับทุกเรื่องราวที่เข้ามาในชีวิตของเราใช่ไหมคะ
ตอบ.
ทุกวันนี้คริสเตียนที่ยังเป็นเด็กนะครับ เราขอเรียกว่าเด็กก็แล้วกัน ถ้าหากเรามีอะไรเกิดขึ้น เราสนิทในพระเยซู เราปล่อย ปลง วางได้ แต่พออาการหนักๆ สิ่งที่มันเลวร้ายมากกว่าเดิม มรสุมหนักกว่าเก่าเกิดขึ้น เราจะเริ่มไขว้เขว เริ่มกระวนกระวาย เริ่มกังวล อันนี้คืออาการที่ยังมาไม่ถึงสันติสุข คืออาการปล่อย ปลง วางได้ อย่างครบครับ
แต่ถึงยังไงก็ตามนะครับ เวลาเป็นสิ่งที่ช่วย ก่อนที่ใครคนใดคนหนึ่ง จะมาถึงอาการนิ่งสงบ ปล่อย ปลง วางได้ จนถึงที่สุด ก็คือใช้เวลาครับ แต่ยังไงก็ตามนะครับเราขอบคุณพระเจ้าที่ ทุกๆ ศาสนาเขาแสวงหาสิ่งนี้ แต่เราได้รับมาฟรีๆ โดยที่ไม่ต้องใช้เรี่ยวแรงกำลังมาก ไม่ต้องฝึกไม่ต้องออกไปไหนไม่ต้องหนีไปไหนไม่ต้องสละทิ้งสมบัติไปอยู่ป่า "แต่เรามีพระคริสต์อยู่ในเรา แล้วพระคริสต์เป็นสันติสุขของเรา" ขอบคุณพระเจ้า
...
ข้อที่ 28 เราขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์เปิดเผยให้เราได้เข้าใจ เราส่วนมากเมื่อก่อนเราอ่านพระคัมภีร์ยอห์น แล้วก็ในบทที่ 14 เราจะไม่เข้าใจมากเท่าไหร่ แล้วก็คิดอยู่ คิดอยู่ว่าพระคัมภีร์น่าจะขัดแย้ง เพราะว่ามีบางตอนที่พระเยซูบอกว่าพระองค์เป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดา พระองค์เท่าเทียมกับพระบิดา แต่บางตอนก็บอกว่าพระบิดาก็เป็นใหญ่กว่าเรา
ซึ่งตอนนี้เราขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์เปิดตา เราได้เข้าใจว่า ตอนที่พระเยซูพูดว่า เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดา ก็คือพระองค์พูดในฐานะของพระบุตร พระเจ้าพระบุตร
และตอนนี้ยอห์นบทที่ 14:28 พระองค์ตรัสว่าพระบิดาก็เป็นใหญ่กว่าเรา เราในที่นี้นะครับ ก็คือพระเยซูที่เป็นมนุษย์
เราขอบพระคุณพระเจ้าแล้วสำหรับข้อนี้ก็คือเราไปหาพระบิดา ก็คือนำพระโลหิตไปถวายเพื่อเป็นการไถ่บาป แล้วสุดท้ายพระองค์บอกว่าเราจะกลับมาอีก ก็คือกลับมาในสภาพของพระวิญญาณ และเดี๋ยวนี้นะครับเรามีพระคริสต์ที่พระองค์บอกว่าเราจะกลับมาอีก พระองค์มาแล้ว ขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์อยู่ในเราแล้ว สรรเสริญพระเยซู
...
ถาม.
เราจะจากไปแล้วจะกลับมาหาท่านอีก ถ้าท่านรักเราท่านก็จะชื่นชมยินดี คืออะไรคะ
ตอบ.
เราเห็นคำตอบในข้อนี้ที่พระเยซูบอกว่า ถ้าท่านรักเรา ท่านก็จะชื่นชมยินดี เพราะเราบอกว่าเราจะไปหาพระบิดา ด้วยว่าพระบิดาของเราเป็นใหญ่กว่าเรา
ซึ่งถ้าหากผู้เชื่อที่ฟังและสาวกที่ฟังและเข้าใจ เขาก็จะดีใจ เพราะเขารู้ว่าพระเยซูจะไปหาพระบิดาเพื่อนำพระโลหิตไปถวายเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป และตอนที่พระเยซูพูด พระเยซูพูดในลักษณะ ในฐานะของมนุษย์คนหนึ่ง พระเยซูที่เป็นมนุษย์และจะขึ้นไป ได้รับเกียรติจากพระบิดา เนื่องจากว่าพระองค์ตายไถ่บาปของโลกของมนุษย์ พระเยซูจะได้รับเกียรติและกลายเป็นพระคริสเยซูเป็นพระวิญญาณ
และพระองค์จะลงมา แล้วก็ได้รับสิทธิอำนาจจากพระบิดาให้แบ่งพระวิญญาณ แบ่งชีวิตของพระองค์ เข้าสู่ผู้เชื่อทุกๆ คนได้ นี่คือการที่เราจะชื่นชมยินดีนะครับ
แต่ตอนนี้สาวกทั้งหลายเขาได้ยิน เขาจะงง เขาจะไม่ชื่นชมยินดีตอนนั้นนะครับ แต่หลังจากที่พระเยซูเสด็จมา แล้วพระเยซูบอกว่า ท่านทั้งหลายจงรับพระวิญญาณเถิด เนี่ยความชื่นชมยินดีมันมีเต็ม เอเมน
ถาม.
ก็เพราะว่าสาวกก็ยังพูดถึงว่า ถ้าพระเยซูจะจากไปสาวกก็ไม่ยอมให้จากไปอยู่แล้วใช่ไหมคะ เพราะว่าเขาไม่รู้ไง ว่าพอไปแล้วพระองค์จะเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งเขาไม่เข้าใจ เหมือนเราตอนนี้ซึ่งถ้าเรามองดูแล้วอย่าง อจ. คือยังสอนเราไม่หมด แล้วอยู่ๆ จะจากไปอยู่ที่อื่น แล้วก็ไม่ติดต่อกับเรามาอีก เราก็เครียดนะ ใช่ไหมคะ คือเราไม่รู้ว่าพระเยซูไปแล้วก็จะกลับมาอีก แล้วก็ยังมีพระวิญญาณบริสุทธิ์มาให้อยู่กับพวกเราอีก ใช่มั้ยคะ
ตอบ.
ที่ผ่านมาก็มีข่าวนะ บอกว่าอาจารย์เลิกเชื่อ คือมีคนพูดแบบนี้เลย บอกว่าอาจารย์ประกาศกับพี่น้องบอกว่าตั้งแต่นี้ต่อไปไม่เชื่อพระเยซู ไม่เอาพระเยซูแล้ว แล้วก็ไม่รับใช้แล้ว ไม่นมัสการพระเจ้าแล้ว ซึ่งตอนแรกผมฟังก็แปลกใจ แต่ต่อมาก็รู้นะครับว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้ คือคนเราจะพูดอะไรก็พูดได้ เพียงแต่ว่าเราไม่ถือสาเขาเท่านั้นเอง
ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ขอบคุณพระเจ้า ผมไม่เคยหนีไปไหน ไม่เคยทิ้งพระเยซูของผม พระเยซูเป็นที่หนึ่งในชีวิตของผม ผมขอบคุณพระเจ้า ส่วนเรื่องการนมัสการนะครับ เรารู้ดีนะครับว่าผมอยู่ที่ไหนใช่มั้ย ผมอยู่กับพวกเรามานานเป็นปีๆ แล้วนะครับ
และใช่ครับเรื่องจริงนะครับถ้าหากว่ามีพี่น้องหลายคน ที่ผมไม่ได้ไปเยี่ยม ไม่ได้ไปสอนต่อ หลายคนก็บอกว่า ภาษาบ้านๆ เขาเรียกว่าอะไร ลงแดงใช่มั้ย ที่เคยกินแล้วไม่ได้กิน เคยถูกเลี้ยงดูมาดีแล้ว ได้กินอาหารที่อร่อยแล้ว แต่ต่อมากับไม่ได้กิน คือเนื่องจากว่าสถานการณ์ไม่อำนวย ผมก็เลยไม่สืบต่อ
แต่ก็ขอบพระคุณพระเจ้า ก็ยังรับใช้ในส่วนที่รับใช้ได้ ก็ขอบคุณพระเยซู
ใช่ครับ คือมันเป็นสิ่งที่เราต้องกินต่อๆ ไป รับการเลี้ยงดูต่อๆ ไป แต่พี่น้องที่เข้าใจ พี่น้องที่เติบโตจริงๆ แล้วนะครับ เราจะพบว่าอย่าลืมนะครับ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเป็นคนสอนเราต่อ เอเมน ไม่ใช่อาจารย์นะครับ
พระวิญญาณบริสุทธิ์จะสอนเราต่อ และมานาที่ซ่อนไว้ ในคลิปในยูทูป จริงๆ แล้ว คลิปสั้นๆ แต่มีข้อมูลเป็นพันๆ เรื่อง ถ้าหากเราจะฟังไปฟังมา แล้วเราจะพบนะครับว่ามันมีหลายอย่างมากมาย ที่เราจะเริ่มถูกเปิดตามากขึ้นๆๆๆๆ เอเมนไหมครับ
เว็บไซต์เราตอนนี้ก็มีนะครับ ก็มี 2 เว็บไซต์ด้วยกัน ที่เราจะเข้าไปค้น เอาข้อมูลทุกอย่างที่เราต้องการ คือเพียงเขียนอะไรก็ได้ที่เราต้องการอยากรู้ บัพติศมา ความรอด อะไรก็ได้ จะมีคำตอบออกมาเยอะ แล้วเราก็กดลิงค์เข้าไปก็จะเจอคำตอบ ซึ่งไม่จำเป็นต้องรออาจารย์ไปสอน หรือมาสอน หรือมาคุยกับพวกเรานะครับ เราค้นหาได้ แต่ขอให้อ่านด้วยใจอธิษฐาน ด้วยจิตอธิษฐาน ขอการเปิดตาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ เอเมน
...
ถาม.
ที่พระเจ้าบอกว่า“จงนิ่งเสีย และรู้เถอะว่า เราคือพระเจ้า เราจะเป็นที่ยกย่องท่ามกลางประชาชาติ เราจะเป็นที่ยกย่องในแผ่นดินโลก”
สดุดี 46:10 กับความสงบนิ่งในยอห์นบทที่ 14:27 เหมือนกันใช่ไหมคะ
ตอบ.
สำหรับการนิ่งเสียในตอนนั้นกับในยอห์นบทที่ 14 ไม่เหมือนกันนะครับ การนิ่งเสียก็คือการบอกให้หยุด หยุดไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกังวล เพียงแต่บอกให้หยุดชั่วคราว คือคนจะฝ่าไฟแดงใช่ไหม เราบอกว่าหยุดอย่าฝ่านะเดี๋ยวรถชน แต่ตอนนี้ (ยน 14:27) บอกว่าจงนิ่งสงบ จงมีสันติสุข มีความสุขภายในจิตใจเป็นคนละเรื่องกันครับผม
...
ถาม.
พระองค์จึงลงท้ายบอกว่าจงนิ่งเสียเราเป็นพระเจ้า เราคือพระเจ้า ทำไมพระองค์ต้องวงเล็บท้ายด้วยว่าเราคือพระเจ้า
ตอบ.
สำหรับมนุษย์นะครับ คือถ้าใครบางคนไปบอกว่า สบายใจได้นะ ไม่ต้องกลัว คุณจะหายดีแน่นอน จากสิ่งที่คุณเป็นอยู่
แต่อีกคนหนึ่งที่เป็นหมอ เป็นหมอที่รักษาคนไข้มามากมายต่อหลายคนแล้ว แล้วมาบอกว่าไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวผมจะฉีดยา มียาดีๆ แล้วก็จะช่วยรักษาให้คุณหาย
ตกลงเราจะเชื่อใคร หมอแน่นอนนะครับ พระเจ้านะครับยืนยันว่าพระองค์เป็นพระเจ้า เพื่อให้เรามั่นใจ และเชื่อใจ และสบายใจ และวางใจในพระองค์
แต่ถ้าหากคนธรรมดาคนหนึ่งไปพูดไปบอกว่าจงนิ่งเสีย เขาจะวิ่งรอบทุกที่ทุกแห่งเลยนะครับ แต่พระเจ้าบอกว่าเราเป็นพระเจ้า เพราะฉะนั้นขอบคุณพระเยซู เรามีพระเจ้ายืนยัน ค้ำประกันให้เรา
เพราะว่าคนยิวส่วนมากเขาจะไม่ไว้ใจใครนะครับ ถ้าจะพูดอะไรเนี่ย ก็ต้องบอกชื่อนะครับ เพราะฉะนั้นพระเจ้าชอบใช้คำว่าเราคือพระเจ้า เราคือพระเยโฮวาห์ เราคือพระเยซูโฮวาห์ ถ้าเราอ่านพระคัมภีร์เดิมเราจะเห็นคำนี้บ่อยมาก เพื่อให้เรานะครับมั่นใจในความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า เพื่อเชื่อใจพระองค์ เอเมน
เราขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์ให้มีพระเยซู ที่เป็นคนแรกของมนุษย์คนใหม่ อาดัมคนสุดท้าย เราก็เป็นผู้ที่จะเริ่มเป็นบุตรพระเจ้าที่ครบถ้วนบริบูรณ์ เพื่อนำเราที่เป็นน้องๆ ของพระองค์ให้เป็นมนุษย์เผ่าพันธุ์ใหม่
ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์เปลี่ยนความตายให้มาเป็นชีวิตได้
ขอบพระคุณที่เปลี่ยนความทุกข์ให้เป็นความสุขได้
ขอบพระคุณที่เติมเต็มในสิ่งที่เราขาดหาย ไม่มี ไม่พอ ไม่เต็ม ให้มี ให้พอ ให้เต็ม ให้มีสันติสุข มีชีวิตอยู่อย่างมีเป้าหมาย
เราขอบพระคุณพระเจ้า การไถ่ของพระเจ้า พระเจ้าทำทุกสิ่งอย่างละเอียด มีขั้นตอน มีแบบแผน แล้วพระเจ้าทำ พระเจ้าจริงจัง ทำอย่างเอาจริงเอาจัง
สำหรับเราที่เป็นผู้เชื่อ ที่เอาจริงเอาจังเหมือนพระเจ้า แสวงหาจริงๆ ทะเยอทะยานในความเชื่อ ในการแสวงหา ค้นหา ก็จะได้พบ และเข้าสู่ชีวิตที่ครบบริบูรณ์ และมีสันติสุข และเติบโตตามเวลา
ผู้เชื่อส่วนมากโดยทั่วไปถ้าเป็นคริสเตียนศาสนา เราก็จะแบบ.. เราไม่เห็นความเอาจริงเอาจังของพระเจ้า การใส่ใจของพระเจ้า แผนการงานของพระเจ้า
พระเยซูมาตาย ก็คือตายอย่างเอาจริงเอาจัง ถ้าเราเห็นตรงนี้ เราก็จะซาบซึ้ง และรักพระเยซูมาก ซึ่งไม่มีใครที่อภัยบาปให้มนุษย์ได้ และเป็นเครื่องถวายบูชาไถ่บาปได้ พระเยซูเท่านั้นที่มีคุณสมบัติที่พร้อม ซึ่งทุกสิ่งเกิดขึ้นในเวลาที่แกะต้องถูกฆ่าที่พระวิหารบ่ายสามโมง และพระเยซูก็ตายตอนบ่ายสามโมง เพื่อยืนยันว่าพระองค์เป็นแกะของพระเจ้าที่ตายเพื่อไถ่บาป
ในสมัยก่อน ก่อนที่จะมาถึงยุคพระคัมภีร์ใหม่ ยุคพระบัญญัติเดิม ยุคพระคัมภีร์เดิม ยุคพันธสัญญาเดิม ยิวจะนำแพะสองตัวไม่ใช่ตัวเดียวนะ ยิวจะนำแพะสองตัว ตัวที่หนึ่ง ก็คือเอาไปที่พระวิหารเพื่อที่จะเชือดคอฆ่าเพื่อนำเลือดมาเป็นเครื่องถวายบูชาไถ่บาป
และแพะอีกตัวหนึ่ง แพะตัวนี้จะถูกมัดด้วยเชือกที่ยาว ยาวมากๆ แล้วก็จะปล่อยให้มันวิ่งไป วิ่งหนีไป แล้วเชือกแพะก็จะทาเป็นสีแดงเข้ม แล้วก็เขาจะปล่อยให้มันวิ่ง มันก็จะวิ่งหนีแล้วก็ปุโรหิตก็จะไล่ตาม แล้วทุกๆ ปีแพะตัวนี้ที่ถูกเลือกมา แล้วผูกเชือกด้วยเชือกที่ยาว และทาสีแดงเข้ม มันจะวิ่งไปในถิ่นทุรกันดาร แล้วมันก็จะกระโดดลงไปในผา มันจะกระโดดลงไป แต่เชือกก็ยังอยู่คือมันยาวมาก ปรากฏว่าถ้าเชือกนี้เปลี่ยนนะครับ แกะตายแล้วนะครับแกะตัวนี้ตายแล้ว
ถ้าเชือกมันเปลี่ยนสีเป็นสีขาว ปีนั้นๆ ก็คือความผิดบาปของชนชาติอิสราเอลทั้งชาติจะได้รับการอภัย แต่ถ้าหากเชือกยังเป็นสีแดงเข้มเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเป็นสีขาวสะอาด ก็คือบาปของชนชาติอิสราเอลปีนั้น ก็คือยังไม่ได้รับการอภัยบาป (ลนต 16:21-22)
ถามว่าทำไม เพราะว่าความบาปของชนชาติอิสราเอล คือเขายังทำเล่นๆ ไม่เอาจริงเอาจัง กลายเป็นศาสนายิว ซึ่งไม่จริงจัง ไม่เอาจริงเอาจังกับพระเจ้า
สิ่งที่พระเจ้าต้องการ ก็คือการเอาจริงเอาจัง ก็คือการใส่ใจ เราขอบพระคุณพระเจ้าที่พระเจ้าเปิดตาเรา ให้มาถึงความรู้ที่ล้ำลึก พระเจ้าเลือกเรานะครับ ไม่ใช่บังเอิญ และสิ่งที่พระเจ้าต้องการต่อมา ก็คือการเอาจริงเอาจัง ใส่ใจ
พระเจ้าไม่ได้บังเอิญ ที่ให้เรามาพบมานา คือเลือกเรามาเป็นพิเศษ เป็นคนพิเศษ เพราะฉะนั้นคนพิเศษ ก็ต้องทำในสิ่งที่ควรทำ ก็คือใส่ใจ เอาจริงเอาจัง เห็นคุณค่าของพระโลหิตของการตายของพระเยซู
เพราะฉะนั้นการสารภาพของเรา ขอบพระคุณพระเจ้า ด้วยพระโลหิตของพระเยซู ด้วยพระโลหิต ความบาปที่เป็นสีแดงเข้มของเรากลับกลายมาเป็นสีขาว โดยพระโลหิตของพระเยซู
ขอบพระคุณพระเจ้า เราเอาจริงเอาจังกับชีวิตใหม่ที่ได้รับ เอาจริงเอาจังกับถ้อยคำของพระเยซูที่พระองค์ให้เราอยู่ในถ้อยคำของพระองค์ เดินในความเชื่อ สนิท บอกรัก พูดคุย อยู่ในพระวิญญาณตลอดเวลา แล้วบำเหน็จมากมายก็เป็นของเรา และเราจะกลายเป็นผู้ที่พระเจ้าเรียกว่าเป็นบุตรที่รักของพระองค์ เอเมน