ทุกคนที่เกิดมา ทุกคนที่เชื่อพระเยซู ทันทีที่คุณเชื่อพระเยซูคุณได้รับการชำระโดยพระโลหิตมันเป็นอัตโนมัติ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะชำระคุณโดยพระโลหิต คุณจะกลายเป็นบุตรพระเจ้า คุณจะได้บังเกิดใหม่ แล้วคุณจะรอด เมื่อคุณได้รับการชำระโดยพระโลหิตทุกๆ คน ทุกๆ คนเลยที่เชื่อพระเยซูรับการชำระโดยพระโลหิตแน่นอน
แล้วทีนี้ขั้นตอนต่อมาพระเจ้าต้องการจะชำระเรา ก็คือชำระโดยพระคำ ในพระคัมภีร์บอกว่า พระเยซูอธิษฐานถึงพระบิดาขอให้เราทุกคนได้รับการชำระโดยพระคำพระเจ้า แต่ไม่ใช่ทุกคนที่มาถึงจุดนี้
การชำระด้วยพระคำ ก็คือการถูกเปิดตาให้อ่านพระคัมภีร์แล้วแปลถูก ตีความหมายถูก แต่ปัจจุบันมีผู้เชื่อมากมายในโลกนี้ ที่เชื่อพระเยซูแล้วอ่านพระคัมภีร์ แปลพระคัมภีร์ไม่ถูก ก็เลยไม่ได้รับการชำระโดยพระคำพระเจ้า ด้วยพระคำพระเจ้า
เพราะฉะนั้นเมื่อไม่ได้รับการชำระด้วยพระคำพระเจ้า ขั้นตอนที่สามก็มาไม่ได้
การชำระอันที่สามมาไม่ได้ อะไรคือการชำระอันที่สาม คือการชำระด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ 3 ขั้นตอน
อีกครั้งหนึ่งเราทุกคนที่เชื่อ ทันทีที่เราเชื่อทุกคนได้รับการชำระด้วยพระโลหิต ก็คือได้กลายเป็นบุตรพระเจ้า ได้ตายต่อชีวิตเก่า ได้มีชีวิตใหม่ เป็นวิญญาณ เป็นมนุษย์วิญญาณ ได้บังเกิดใหม่ เรายังทำบาปอยู่แน่นอนนะครับ อันนี้คือการเริ่มต้นได้รับการชำระโดยพระโลหิต
แล้วหลังจากนั้นพระเจ้าต้องการให้เราอ่านพระคัมภีร์แล้วแปลให้ถูก เราเรียกว่าได้รับการชำระด้วยพระคำ เมื่อคุณอ่านพระคัมภีร์แล้วแปลไม่เป็น คุณอธิบายไม่ถูก คุณไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริง คุณคิดว่า เอ่อ.. มันต้องแปลมาแบบนี้ เอ่อ.. พระเจ้าไม่สถิตอยู่กับเราหรอก เราเป็นคนบาปพระเจ้าอยู่กับเราไม่ได้ อันนี้เรียกว่าไม่ได้รับการชำระด้วยพระคำ เราอ่านพระคัมภีร์ปุ๊บ เราบอกว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตกับเรา เราทำบาปพระวิญญาณจะออกจากเรา แสดงว่าเรายังไม่ได้รับการชำระด้วยพระคำ
มานาที่ซ่อนไว้ช่วยให้เรามาถึงการชำระด้วยพระคำ ตราบใดที่คุณไม่ได้พบมานาที่ซ่อนไว้ ตราบนั้นคุณจะไม่มีโอกาสได้รับการชำระด้วยพระคำ
เมื่อเช้ามีพี่น้องพูดถึงเรื่องขอพระเจ้าอวยพร ขอพระเจ้าอวยพร มันติดปาก พี่น้องอีกคนก็บอกใช่มันเป็นคำที่เราติดปากเราใช้บ่อย แล้วหลังจากที่เรามารู้ความจริง รู้ว่าเราได้รับพระพรแล้วในเอเฟซัสบทที่ 1:3 บอกว่าเราได้รับพระพรทุกประการแล้ว ไม่ต้องอวยพรกัน ไม่ต้องบอกว่าพี่น้องขอพระเจ้าอวยพรคุณนะ ขอพระเจ้าอวยพรคุณนะ อาจารย์ขอพระเจ้าอวยพรอาจารย์นะ.. ไม่ต้องอีกแล้วเพราะว่าผมได้รับพระพรแล้ว พวกคุณทั้งหลายก็ได้รับพระพรแล้ว ไม่ต้องอวยพรกัน เพราะว่าเราได้รับสิ่งนั้นแล้ว
เพราะฉะนั้นถ้าคนไหนที่ยังพูดว่าขอพระเจ้าอวยพร แสดงว่าเขายังไม่ได้ถูกการเปิดตา ยังไม่ได้รับการชำระด้วยพระคำ
เพราะฉะนั้นเมื่อเราได้รับการชำระด้วยพระคำ อะไรเกิดขึ้นรู้ไหม การเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงเรียกว่าการชำระด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ คริสเตียนทุกวันนี้มีน้อยมากที่มาถึงการชำระด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์
อันแรก คริสเตียนทุกคนเชื่อพระเยซูปุ๊บ ได้รับการชำระด้วยพระโลหิต พระโลหิตคือเลือดพระเยซู ชำระบาปของเรา เราเป็นหนี้บาป เราถูกปลดปล่อยเราไม่มีหนี้อีกแล้ว เรารอดแล้ว เป็นบุตรพระเจ้าแล้ว
อันที่สอง พระเจ้าต้องการให้เรารับการชำระด้วยพระคำพระเจ้า ก็คือการแปลความหมายพระคัมภีร์ให้ถูกต้อง เข้าใจพระคัมภีร์ถูกต้อง เมื่อก่อนเราเชื่อแบบไหน เรามาเชื่อแบบใหม่ที่ถูกต้องกว่า พวกเราต้องเข้าไปดูในคลิปในยูทูป 5 คลิป คลิป 5 คลิปจะอธิบายชัดเจนว่าเราแตกต่างจากคริสตจักรศาสนายังไง คริสตจักรทั่วไปเขาเชื่อแบบไหน เราเชื่อแบบไหน คือคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ และคริสเตียนศาสนา แตกต่างกันยังไง มีอยู่ 5 คลิป แล้วจะรู้ว่าพวกเราแตกต่างกันยังไง
คริสเตียนทุกวันนี้แสวงหาให้ได้รอด ขอให้รอดก็พอแล้ว ไม่ต้องการอะไรมาก กลัวจะไม่รอด ขอให้รอดก็มีบุญแล้ว แต่สำหรับพวกเราพระเจ้าต้องการให้เรามากกว่านั้นใช่ไหม เราไม่ต้องการแค่ความรอด เราต้องการอาณาจักร อาณาจักรคืออะไร คือมงกุฎ การครอบครองร่วมกับพระเยซู เป็นรัฐบาลร่วมกับพระเยซู
แล้วคริสตจักรทั่วไปเชื่อว่าพระเจ้าอยู่สวรรค์ พระเยซูก็อยู่สวรรค์ แต่พวกเรารู้ว่าพระเจ้าอยู่กับเรา พระเยซูอยู่ในเรา
คริสตจักรทั่วไปสอนว่าเราอาจจะไม่รอดถ้าเราทำบาปอยู่ เราอาจจะไม่รอด พวกเรารู้แล้วว่ารอดแล้วรอดเลย คือมันมีหลายเรื่องที่แตกต่างกันนะครับ
เราขอบคุณพระเจ้าที่พระเจ้าให้พระคำที่แปลถูก เราได้รับการชำระด้วยพระคำแล้ว เอเมน แล้วขั้นตอนต่อมา ก็คือด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ การชำระด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์
อันที่สาม ใจใหม่มาแล้ว จิตใจใหม่ การเปลี่ยนแปลงมาแล้ว เลิกทำบาปได้แล้ว แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือเราต้องรับการชำระด้วยพระคำก่อน ซาตานมันฉลาดมากมันให้อาจารย์ ผู้นำ ผู้รับใช้ทั้งหลาย แต่พระคัมภีร์ผิด เมื่อแปลผิดก็ไม่ได้รับการชำระด้วยพระคำ จิตใจใหม่นิสัยใหม่ก็ไม่มี มนุษย์ในโลกนี้คริสเตียนมากมายในโลกนี้นะครับใส่หน้ากาก นิสัยพระเยซูไม่มี ยังมาไม่ถึง มีจิตใจพระเยซูมั้ย.. ไม่มี เอาความดีของเขาเองทำ ทำดีด้วยกำลังของตนเอง แล้วที่เหลือทำไม่ได้ก็ใส่หน้ากาก แกล้งทำว่าทำได้ คนที่ไม่มีความสุข ก็มาโบสถ์ก็แกล้งทำมายิ้มแย้มแจ่มใส ยิ้ม แต่แท้ที่จริงข้างใน (ใจ) มันทุกข์มาก มันเป็นทุกข์ แต่สำหรับพวกเราขอบคุณพระเจ้าเรายิ้มข้างใน (ใจ) และข้างนอกด้วย ถ้าเราไม่ยิ้มเราก็ไม่ต้องยิ้ม แต่ข้างในมีสันติสุขตลอดเวลา
นี่คือการชำระ 3 แบบในพระคัมภีร์ แต่สิ่งที่เป็นย่อยๆ เรื่องที่เป็นย่อยๆ มันจะมีการชำระด้วยน้ำก็มี การชำระด้วยน้ำ แล้วก็มีการชำระมันมี บางอย่างเล็กๆ น้อยๆ นะครับ แต่การชำระใหญ่ๆ ก็คือมี 3 เรื่องใหญ่ๆ ด้วยกัน 1. พระโลหิต 2. พระคำ 3. พระวิญญาณบริสุทธิ์
ถาม.
การชำระด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์นี้เรียกว่าเราได้รับการเปลี่ยนแปลงจิตใจแล้ว แต่ถ้าหากว่า อาจารย์พูดว่าขั้นตอนที่ 2 การชำระด้วยพระคำ ถ้าหากว่าเราไม่ได้รับการชำระด้วยพระคำอย่างมาก หรือว่าพูดง่ายๆ เราจะก้าวเป็นผู้ชนะน้อย มากเท่าไหร่ มันขึ้นกับการชำระด้วยพระคำไหม
ตอบ.
ใช่ครับ เราเป็นผู้ชนะมาก น้อยแค่ไหน อยู่ที่การชำระด้วยพระคำ และการฝึก คนไหนที่มาถึงการชำระด้วยพระคำ ก็คือการถูกเปิดตาให้รู้ความจริง ให้เข้าใจความหมายที่ถูกต้อง หลังจากนั้นเราก็จะฝึก เมื่อฝึกมากนะครับ การเห็นนิสัยใหม่ จิตใจใหม่จะเกิดขึ้น แต่การชำระด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์การเปลี่ยนแปลงนิสัย พระเจ้าจะเปลี่ยนทีละจุด ไม่ใช่เปลี่ยนปุ๊บทันที ไม่. แต่เปลี่ยนทีละจุด ทีละจุดๆ
แต่ในขณะที่เรารับการเปิดตาให้เข้าใจพระคัมภีร์ที่ถูกต้อง เมื่อเราพบมานาแล้ว เราจะเห็นว่ามีบางส่วนใช่ไหมที่มันเปลี่ยนแล้ว มีบางส่วน ที่เมื่อก่อนทำไม่ได้ แต่เดี๋ยวนี้ทำได้ เมื่อก่อนเรารู้สึกว่าเป็นคนที่หยิ่งผยอง เป็นคนที่หยิ่งมากไม่ยอมใคร แต่พอทีนี้เรามาเริ่มถ่อมได้ แล้วก็เริ่มถ่อมมากขึ้นได้ บางคนก็ถ่อมนิดนึง คือมันจะค่อยๆ เป็นไปตามกระบวนการ เหมือนบันไดนะครับมันจะไต่สูงขึ้น
การชำระด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็คือพระเจ้าจะชำระเราให้มีนิสัยใหม่ แต่คนที่จะมีนิสัยของพระเยซูได้ ก็คือต้องรับการเปิดตา เข้าใจพระคัมภีร์ที่ถูกต้อง ต้องแปลให้ถูกก่อน มีหลายเรื่องที่เราต้องรับการแก้ไขความเชื่อ เราเชื่อผิดมาเยอะมาก เมื่อก่อนเราอธิษฐานก็ผิด อ่านพระคัมภีร์ก็ผิด นมัสการก็ผิด ร้องเพลงก็ผิด เอาตัวเก่ามานมัสการพระเจ้า เอาชีวิตเก่าเนื้อหนังมานมัสการพระเจ้า เราก่อผลงานสร้างผลงานทำอะไรเพื่อพระเจ้า มีแต่ ไม้ ฟาง หญ้าแห้ง คือใช้ไม่ได้พระเจ้าไม่รับ
เพราะฉะนั้นพระเจ้าต้องการเปิดตาเราให้เข้าใจความจริง เพื่อให้เราทำทุกสิ่งให้มันถูกต้อง แต่คริสเตียนมากมายทุกวันนี้เขาไม่ยอม คือหยิ่งผยองพองตัว ไม่ถ่อมตน ไม่เปิดใจรับเอาความจริงจากพระเจ้า ดีไม่ดีนะครับเขาก็หาว่าสิ่งใหม่ๆ ที่เขาได้ยินเป็นเทียมเท็จ เป็นคำสอนที่ปลอม
ถาม.
การเปลี่ยนแปลงนี้ เปลี่ยนแปลงอะไร ใช่เปลี่ยนแปลงแบบว่า เคยเล่นไพ่ แล้วอยู่ๆ ไม่เล่นไพ่ไหม หรือว่าเคยโกหก แล้วไม่โกหกไหม หรือว่าการเปลี่ยนแปลงอะไร
ตอบ.
สำหรับพระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงานกับคริสเตียน การเปลี่ยนแปลงมันมี 2 การเปลี่ยนแปลง
- การเปลี่ยนแปลงอันแรก ก็คือการเปลี่ยนแปลงภายนอก
- การเปลี่ยนแปลงภายใน ก็คือนิสัย
การเปลี่ยนแปลงภายนอก ก็คือเลิกบุหรี่ เลิกเหล้า เลิกอะไรที่เราติดอยู่ อันนั้นเรียกว่าการเปลี่ยนแปลงภายนอก สิ่งเสพติดทั้งหลาย หรือสิ่งอะไรที่เราติดอยู่
แต่นิสัย 4 อย่าง คือการเปลี่ยนแปลงภายใน ความหยิ่งผยองพองตัว แล้วก็ความโกรธ แล้วก็กิเลสตัณหาความโลภความหลงในฝ่ายเนื้อหนัง แล้วก็ตัณหาในฝ่ายร่างกาย คือเซ็กส์
มี 4 อย่างที่พระเจ้าจะเปลี่ยนเรา ในมนุษย์ทุกคนนะครับมีผี 4 ตัว มีนิสัย 4 ตัวที่พระเจ้าต้องการทิ้ง และ 4 ตัวนั้น คือ..
ตัวแรก ก็คือความหยิ่ง อวดตัว อวดเก่ง เหมือนซาตานมันมีจุดอ่อนตรงนี้ ซาตานมันสูญเสียอำนาจของมันสูญเสียตำแหน่งของมันเพราะความหยิ่ง
อันที่สอง ก็คือความโกรธ ความโกรธ ความโมโห ความโกรธร้าย พระเจ้าต้องการกำจัด
อันที่สาม ก็คือสิ่งที่เรารักโลก เรียกว่าตัณหาของเนื้อหนัง ก็คือรักโลก โลก รักในสิ่งที่เป็นของโลกนี้
อันที่สี่ ก็คือตัณหาร่างกาย ตัณหาร่างกายก็คือเรื่องเซ็กส์ เรื่องความใคร่ ถามว่ามีความใคร่ผิดไหม ไม่ผิด ถ้าเราลงถูกที่ ก็คือลงที่ภรรยาของเรา สามีเรา แต่ถ้าเรามีความใคร่ที่ไปลงคนอื่น มันผิด พูดตรงๆ เลยนะเราอยู่กับภรรยาเรา กับสามีเรา เรานอนกับสามีเรา เราไปเรียกโรเบิร์ตๆ มีปัญหาแน่ อันนั้นผิด
ถาม.
งั้นการที่เข้าอาณาจักรได้ หรือว่าการที่จะได้รับมงกุฎนั้น พระเจ้าใช้มาตรฐานอันไหน ที่เป็นการ เปลี่ยนแปลงภายนอก หรือภายใน
ตอบ.
สำหรับพระเจ้านะครับ คือคริสเตียนส่วนมากเลิกเหล้าเลิกบุหรี่ได้ พระเจ้าชำระโดยพระวิญญาณปุ๊บปั๊บเลยก็มี บางคนเชื่อปุ๊บได้ปั๊บ คริสเตียนศาสนาทั่วไปนะครับได้รับการชำระภายนอกมากมายเต็มไปหมด
สิ่งที่ตัดสินสิ่งที่บ่งบอกว่าเขาจะได้เข้าในอาณาจักร คนที่จะเข้าในอาณาจักร คือการได้รับการชำระด้วยพระวิญญาณข้างในภายใน คือเปลี่ยน 4 นิสัยนี้ 4 อย่างนี้
แล้วถามว่าบางคนเปลี่ยนได้ 3 อย่าง แล้วอีกอย่างสุดท้ายยังเปลี่ยนไม่ได้ แล้วพอพระเยซูเสด็จมาเขาจะได้เข้าในอาณาจักรมีตำแหน่งไหม ก็เข้าได้ ก็มีตำแหน่ง ก็มี เพราะว่าวันนั้นที่พระเยซูมาอันที่ 4 พระเจ้าก็เปลี่ยนทันทีเลยแล้วก็ตาย เปลี่ยนวันสุดท้ายแล้วก็ตาย พระเจ้าให้โอกาส ไม่ใช่ว่าทำได้ 3 อย่างแล้วอีกอย่างหนึ่งยังไม่ได้ จะได้สวมมงกุฎไหม คือพระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าแห่งความรัก พระเจ้าแห่งความเมตตา พระเจ้าไม่ได้หมายความว่าต้อง คุณต้องเคร่งนะ ต้องทำให้มันได้นะ ต้องแบบนี้แบบนั้น ไม่ใช่ พระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าแห่งความเมตตา พระเจ้าแห่งความรัก อะลุ่มอล่วย พระเจ้าเป็นพระเจ้าที่ผ่อนผันเยอะมากๆ เข้ามาเถอะๆ ไม่เป็นไรๆ
พระเจ้าไม่ได้บอกว่า ไม่ได้ ต้องเคร่ง ผิดข้อหนึ่งไม่ได้ อันนั้นมันสมัยยุคพระบัญญัติ ยุคพระบัญญัติ อย่าลืมนะในพระคัมภีร์พูดถึงพระที่นั่งของพระเจ้าหลายพระที่นั่ง พระที่นั่งของพระเจ้าพระที่นั่งเดียวนั่นแหละ แต่ในแต่ละยุคจะเปลี่ยนความหมาย
ในยุคพระบัญญัติพระเจ้านั่งอยู่ที่พระบัลลังก์แห่งการพิพากษา เพื่อพิพากษาคนไหนจะรอดหรือไม่รอด ต้องรักษาพระบัญญัติให้ครบ
แต่มาถึงยุคพวกเราพระเจ้าพระบิดานั่งอยู่ที่พระบัลลังก์แห่งพระคุณ พวกเรามีบุญนะ พวกเรามีบุญมากที่เกิดในยุคนี้ เพราะว่าพระเจ้านั่งอยู่บัลลังก์แห่งพระคุณ ถ้าเราเกิดมาในช่วงที่พระเจ้านั่งอยู่บัลลังก์แห่งพระบัญญัติของแห่งการพิพากษา เราตาย เราต้องเป็นยิว
เราขอบคุณพระเยซูที่ตอนนี้พระบิดานั่งอยู่ที่พระบัลลังก์แห่งพระคุณ
ถาม.
อจ. พอดีเคยไปดูแล้วเห็น ในสมัยก่อนเขาพูดกันว่าพระเยซูจะกลับมา แต่ว่าจะกลับมาพิพากษาคริสเตียนที่กินหมู ทำไมเขาถึงพูดอย่างนั้น มันหมายความว่ายังไง
ตอบ.
คือพระเจ้าเตือนชนชาติอิสราเอลไม่ให้กินเนื้อหมู หรือว่าเนื้อสัตว์บางชนิด หรือว่าสัตว์ที่ถูกรัดคอตาย หรือสัตว์ที่เท้าเป็นกีบ คือสัตว์บางชนิดพระเจ้าไม่อนุญาตให้กิน เนื่องจากว่าสัตว์เหล่านั้นมันกินอยู่สกปรก หมูเป็นสัตว์ที่กินอุจจาระมันเอง พอมันถ่ายออกมา แล้วหมูมันจะมุดดิน อะไรที่อยู่ที่ดินสกปรกมีเชื้อโรคอะไรมันกินหมด รวมทั้งอุจจาระมนุษย์ อุจจาระมันเองด้วยมันกินหมด แล้วมนุษย์กินเข้าไปมันก็เป็นเชื้อโรคมีพยาธิไม่ดีต่อสุขภาพ พระเจ้าก็เลยไม่อนุญาตให้กิน
แต่ทีนี้มาถึงพระเยซู พระเยซูสอนว่าอะไรก็กินได้ อะไรก็กินได้ แต่สิ่งที่ออกมาจากปาก ออกมาจากใจเนี่ยสำคัญมากที่สุด แต่เรื่องกินเนี่ยไม่ใช่เรื่องใหญ่แล้วไม่ใช่ปัญหาแล้ว
พระเยซูรู้ว่าต่อมาเขาจะเลี้ยงหมูยังไง ทุกวันนี้เราเลี้ยงหมูยังไง เหมือนสมัยก่อนไหม สมัยก่อนเลี้ยงหมูคือปล่อยให้มันมุดดิน ปล่อยให้มันกินอุจจาระมันเองแล้วก็อุจจาระมนุษย์มันกินทั่วทุกที่
แต่เดี๋ยวนี้ขังในกรง มีคอกหมู แล้วก็เวลาหมูมันถ่ายออกมา เจ้าของหมูก็ล้างฉีดล้างให้สะอาด มันไม่มีโอกาสได้กินอุจจาระมนุษย์ มันไม่มีโอกาสไปมุดดิน มันไม่มีโอกาสกินอุจจาระมันเอง เพราะฉะนั้นมันสะอาดเรากินได้ เนื้อหมูอร่อย
พระเยซูรู้ว่าในอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องการเลี้ยงหมูเลี้ยงสัตว์ เพราะฉะนั้นพระเยซูบอกว่ากินได้ แต่สิ่งที่พวกท่านระมัดระวังไม่ใช่เรื่องกิน แต่เป็นเรื่องของการใช้คำพูด สิ่งที่ออกมาจากใจ อย่าให้มันแทนคนอื่น อย่าให้มันทำลายคนอื่น ฆ่าคนอื่นด้วยคำพูด ทุกวันนี้คริสเตียนมากมายฆ่ากันด้วยคำพูด คริสเตียนทุกวันนี้อยู่ด้วยกันไม่ได้อยู่ด้วยกันยากก็เพราะคำพูดนี่แหละ
อ่านเพิ่มเติม: การชำระสามขั้นตอน