การกระทำทุกสิ่งในพระคริสต์ เน้นที่ความรัก (อะกาเป) เป็นหลัก ผู้เชื่อมากมายกระทำหลายสิ่งเพื่อพระเจ้าได้ แต่ไม่มีความรักแท้ต่อกัน เราก็ล้มเหลวในการก่อชีวิตและการรับใช้ เสียแล้ว ผลที่ได้รับก็ไม่ต่างไปจากชาวนาที่ทำไร่ทำนาทั้งปีแต่สุดท้ายไฟไหม้ยุ้งฉาง
2:1 เหตุฉะนั้นถ้าได้รับการเร้าใจประการใดในพระคริสต์ ถ้ามีการหนุนใจประการใดในความรัก ถ้ามีส่วนประการใดกับพระวิญญาณ ถ้ามีการรักเอ็นดูและเห็นอกเห็นใจประการใด
2:2 ก็ขอให้ท่านทำให้ความยินดีของข้าพเจ้าเต็มเปี่ยม ด้วยการมีความคิดอย่างเดียวกัน มีความรักอย่างเดียวกัน มีใจรู้สึกและคิดพร้อมเพรียงกัน
** การกระทำทุกสิ่งในพระคริสต์ เน้นที่ความรัก (อะกาเป) เป็นหลัก ผู้เชื่อมากมายกระทำหลายสิ่งเพื่อพระเจ้าได้ แต่ไม่มีความรักแท้ต่อกัน เราก็ล้มเหลวในการก่อชีวิตและการรับใช้เสียแล้ว ผลที่ได้รับก็ไม่ต่างไปจากชาวนาที่ทำไร่ทำนาทั้งปีแต่สุดท้ายไฟไหม้ยุ้งฉาง
** การมีความคิดอย่างเดียวกัน มีความรู้สึกและคิดพร้อมอย่างเดียวกัน คือผู้เชื่อที่มาถึงพระคำล้ำลึกหรือข้อลึกลับทั้งหลายของพระเจ้า ถ้าหากผู้เชื่อไม่ได้พบมานาที่ซ่อนไว้ จะเป็นหนึ่งเดียวตามน้ำพระทัยและเกิดผลชีวิตใหม่ไม่ได้เป็นอันขาด นอกเสียจากว่าจะเป็นหนึ่งเดียวเพราะเห็นแก่หัวหน้าลัทธิ กลุ่ม หรือคณะนิกาย ซึ่งเขาต้องทำงานหนักมากเพื่อเป็นหนึ่งเดียวอย่างแท้จริง
2:3 อย่าทำสิ่งใดในทางทุ่มเถียงกันหรืออวดดี แต่จงมีใจถ่อมถือว่าคนอื่นดีกว่าตัว
** ผู้เชื่อที่พบอาณาจักรและความชอบธรรมที่แท้จริง คือไม่ใช่แค่การได้เรียนรู้เหมือนบางลัทธิเท่านั้น เขาจะถ่อมตน ยอมเป็นผู้เล็กน้อย พูดน้อย เขียนน้อย ไม่อวดรู้อวดฉลาด อวดเก่ง อวดเข้มแข็ง เขียนและพูดมากพูดยาว
2:4 อย่าให้ต่างคนต่างเห็นแก่ประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว แต่จงเห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่นๆด้วย
** เราไม่เอาเปรียบหรือเห็นแก่ตัว แต่มนุษย์วิญญาณ คือผู้ที่เป็นผู้ใหญ่ ย่อมจะยอมเสียเปรียบต่อเด็กๆ ฝ่ายวิญญาณเสมอ
2:5 ท่านจงมีน้ำใจอย่างนี้ เหมือนอย่างที่พระเยซูคริสต์ทรงมีด้วย
2:6 พระองค์ผู้ทรงอยู่ในสภาพพระเจ้า มิได้ทรงเห็นว่าการเท่าเทียมกับพระเจ้านั้น เป็นการแย่งชิงเอาไปเสีย
2:7 แต่ได้ทรงกระทำพระองค์เองให้ไม่มีชื่อเสียงใดๆ และทรงรับสภาพอย่างผู้รับใช้ ทรงถือกำเนิดในลักษณะของมนุษย์
** ผู้รับใช้ หรือคนใช้...พระเยซูยอมถ่อมลง เรียกพระองค์เองว่าเป็นคนใช้ มาเพื่อรับใช้มนุษย์ (มธ 20:28) เราจึงถ่อมลงเหมือนพระองค์ และยอมรับใช้พี่น้อง และทุกคนโดยไม่ถือตัวว่าดี เด่นดัง มีอำนาจ เกียรติ ชื่อเสียงเกินใคร ผู้นำมากมายทุกวันนี้ไม่มีชีวิตของพระเยซู และไม่แสวงหาการถ่อมใจ ยอมไม่มีอะไรเลย เพื่อเขาจะมีมากมายในอนาคตอันใกล้นี้
2:8 และเมื่อทรงปรากฏพระองค์ในสภาพมนุษย์แล้ว พระองค์ก็ทรงถ่อมพระองค์ลง ยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา กระทั่งความมรณาที่กางเขน
** พระเยซูทรงถ่อมพระองค์ลงต่อมนุษย์และต่อพระเจ้าด้วย จึงยอมตายที่กางเขน เพื่อเชื่อฟังพระบิดาและเพื่อไถ่บาปเราทั้งหลาย
2:9 เหตุฉะนั้นพระเจ้าจึงได้ทรงยกพระองค์ขึ้นอย่างสูงที่สุดด้วย และได้ทรงประทานพระนามเหนือนามทั้งปวงให้แก่พระองค์
2:10 เพื่อ ‘หัวเข่าทุกหัวเข่า’ ในสวรรค์ก็ดี ที่แผ่นดินโลกก็ดี ใต้พื้นแผ่นดินโลกก็ดี ‘จะต้องคุกกราบลง’ นมัสการในพระนามแห่งพระเยซูนั้น
2:11 และเพื่อ ‘ลิ้นทุกลิ้นจะยอมรับ’ ว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า อันเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าพระบิดา
** เมื่อพระเยซูสิ้นพระชนม์และฟื้นคืนพระชนม์ พระองค์เสด็จขึ้นไปสู่พระบิดา และได้รับเกียรติสูงสุด ทรงให้พระนามเยซูมีชัยชนะเหนือนามทั้งปวง ผีมารซาตานต้องยอมสยบ และในยุคหน้า และนิรันดร์ พระคำข้อนี้จะเป็นจริง คือลิ้นทุกลิ้นทั่วแผ่นดินโลก จะยกย่องสรรเสริญพระนามเยซู
2:12 เหตุฉะนี้พวกที่รักของข้าพเจ้า เหมือนท่านทั้งหลายได้ยอมเชื่อฟังทุกเวลา และไม่ใช่เมื่อข้าพเจ้าอยู่ด้วยเท่านั้น แต่เดี๋ยวนี้เมื่อข้าพเจ้าไม่อยู่ด้วย ท่านทั้งหลายจงให้ความรอดของตนเกิดผลด้วยความเกรงกลัวตัวสั่น
** การที่เราต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อให้ได้ความรอดใน ฟป. 2:12 คือรอดเข้าไปในอาณาจักร
2:13 เพราะว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงกระทำกิจอยู่ภายในท่าน ทั้งให้ท่านมีใจปรารถนา และให้ประพฤติตามชอบพระทัยของพระองค์
** "ความปรารถนา" คืออาการอยาก อยากอ่าน อยากเรียนรู้ อยากอธิษฐาน อยากนมัสการพระบิดาร่วมกับพี่น้อง อยากเป็นพยาน อยากออกไปประกาศเรื่องพระเยซูคริสต์ ส่วนการกระทำคือการเชื่อฟังพระเจ้าทั้งภายในจิตใจ และการแสดงออกภายนอก เมื่อเราเชื่อ (เอา) ว่าพระคริสต์ทรงครอบครองจิตใจเราแล้ว พระเจ้าจะเป็นผู้กระทำกิจในเรา ทั้งความปรารถนาและการกระทำ เราจะเกิดอาการอยาก ขยัน ร้อนรนกระตือรือร้นเพื่อดำเนินชีวิต และรับใช้พระเจ้าได้อย่างมากมายทั้งวัน
2:14 จงกระทำสิ่งสารพัดโดยปราศจากการบ่นและการทุ่มเถียงกัน
** ผู้เชื่อฝ่ายวิญญาณจะไม่ตอบโต้ใคร ไม่ทุ่มเถียงให้เสียเวลา แต่เราเดินหลบหนีถอยออกไปจากสิ่งนั้น เราไม่อวดรู้อวดเก่ง และหวังเอาแต่จะชนะผู้อื่น เป้าหมายของการถกเถียงกันก็เพื่อเอาชนะ ไม่มีใครยอมรับฟังใครอย่างแน่นอนทีเดียว เพราะฉะนั้น เราจะเสียเวลาเปล่า
2:15 เพื่อท่านทั้งหลายจะปราศจากตำหนิและไม่มีความผิด เป็น ‘บุตรที่ปราศจากตำหนิของพระเจ้า’ ในท่ามกลาง ‘ยุคที่คดโกงและวิปลาส’ ท่านปรากฏในหมู่พวกเขาดุจดวงสว่างต่างๆในโลก
** ผู้เชื่อที่เป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง จะสำแดงชีวิตพระเจ้าด้วยการกระทำความรักอดทนนาน ไม่ตอบโต้ เห็นอกเห็นใจ ไม่หวังทำลายใคร นี่คือแสงสว่างของพระเจ้าที่อยู่ในเรา และพร้อมที่จะฉายแสงต่อโลก
2:16 โดยการป่าวประกาศยกพระวจนะอันมีชีวิตไว้อยู่เสมอ เพื่อข้าพเจ้าจะได้ชื่นชมยินดีในวันของพระคริสต์ว่า ข้าพเจ้าไม่ได้วิ่งเปล่าๆ และไม่ได้ทำงานโดยเปล่าประโยชน์
** 'การประกาศอันยกพระคำที่มีชีวิต' คือสิ่งที่ผู้เชื่อมากมายต้องการ เพราะทุกวันนี้มีแค่เพียงการประกาศแบบศาสนาให้ได้แต่ความรู้เท่านั้น แต่ไม่ให้ชีวิตต่อผู้ฟังผู้อ่านเลย
** 'การกล่าวพระคำอันมีชีวิต' คือการเปิดเผยมานาที่ซ่อนไว้ (ซึ่งเป็นข้อลึกลับหรือพระคำล้ำลึกที่เปิดเผยให้ผู้เชื่อที่ถ่อมใจ) คือตัวตนของพระเยซูต่อผู้อื่น ซึ่งเราเองต้องมีประสบการณ์เกี่ยวกับชีวิต และมีพระวิญญาณเป็นคนกระทำกิจภายในเราขณะที่เราพูดอยู่
2:17 แท้จริงถ้าแม้ข้าพเจ้าต้องถวายตัวเป็นเครื่องบูชา และเป็นการปรนนิบัติเพราะความเชื่อของท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้ายังจะมีความชื่นชมยินดีด้วยกันกับท่านทั้งหลาย
2:18 ซึ่งท่านก็ควรจะยินดี และชื่นชมด้วยกันกับข้าพเจ้าด้วยเช่นเดียวกัน
2:19 แต่ข้าพเจ้าหวังใจในพระเยซูเจ้าว่า ในไม่ช้าข้าพเจ้าจะให้ทิโมธีไปหาพวกท่าน เพื่อข้าพเจ้าจะได้รับความชูใจเช่นกันเมื่อได้รับข่าวของท่าน
2:20 เพราะว่าข้าพเจ้าไม่มีผู้ใดที่มีน้ำใจเหมือนทิโมธี ซึ่งจะเอาใจใส่ในทุกข์สุขของท่านอย่างแท้จริง
2:21 เพราะว่าคนทั้งหลายย่อมแสวงหาประโยชน์ของตนเอง ไม่ได้แสวงหาประโยชน์ของพระเยซูคริสต์
** ข้อนี้เป็นความจริง ท่ามกลางคริสตจักรทั้งหลายทั่วโลก ผู้คนส่วนมากประกาศเพื่อหวังพระพร บำเหน็จ ค่าจ้างรางวัล เงินเดือน ค่าตอบแทน ความรอด เพื่อให้คนยกย่อง ฯลฯ
2:22 แต่ท่านก็รู้ถึงคุณค่าของทิโมธีแล้วว่า เขาได้รับใช้ร่วมกับข้าพเจ้าในการประกาศข่าวประเสริฐ เสมือนบุตรรับใช้บิดา
2:23 เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าหวังใจว่า พอจะเห็นได้ว่าจะเกิดการอย่างไรแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะใช้เขาไปโดยเร็ว
2:24 แต่ข้าพเจ้าไว้วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า ในไม่ช้าข้าพเจ้าเองจะมาหาท่านด้วย
2:25 ข้าพเจ้าคิดแล้วว่า จะต้องให้เอปาโฟรดิทัสน้องชายของข้าพเจ้า ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานและเพื่อนทหารของข้าพเจ้า และเป็นผู้นำข่าวของพวกท่าน และได้ปรนนิบัติข้าพเจ้าในยามขัดสน มาหาท่านทั้งหลาย
2:26 เพราะว่าเขาคิดถึงท่านทุกคน และเป็นทุกข์มากเพราะท่านได้ข่าวว่าเขาป่วย
2:27 เขาป่วยจริงๆ ป่วยจนเกือบจะตาย แต่พระเจ้าทรงพระกรุณาโปรดเขา และไม่ใช่ทรงโปรดเขาคนเดียว แต่ทรงโปรดข้าพเจ้าด้วย เพื่อไม่ให้ข้าพเจ้ามีความทุกข์ซ้อนทุกข์
2:28 เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าจึงรีบร้อนใช้เขาไป หวังว่าเมื่อท่านทั้งหลายได้เห็นเขาอีก ท่านจะได้ชื่นชมยินดี และความทุกข์ของข้าพเจ้าจะเบาบางไปสักหน่อย
2:29 เหตุฉะนั้นท่านจงต้อนรับเขาไว้ในองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความยินดีทุกอย่าง และจงนับถือคนอย่างนี้
2:30 ด้วยว่าเขาเกือบจะตายเสียแล้วเพราะเห็นแก่การของพระคริสต์ คือได้เสี่ยงชีวิตของตน เพื่อการปรนนิบัติของท่านทั้งหลายที่บกพร่องต่อข้าพเจ้าอยู่นั้นจะได้เต็มบริบูรณ์