ชาวสะมาเรียใจดี (ลก.10:30-37) เป็นเรื่องของหลักการแห่งความรอดใหม่ในยุคพระคุณ คือการไม่พึ่งตัวเองในการรักษาพระบัญญัติเพราะว่าไม่มีผู้ใดชอบธรรมได้ด้วยการรักษาพระบัญญัติ
หลักการความรอดในยุคพระบัญญัติ คือต้องรักษาพระบัญญัติให้ครบ ถ้ารักษาไม่ครบก็ต้องนำเครื่องถวายบูชาไถ่บาปไปที่พระวิหารแล้วกลับมาตั้งใหม่ พระเจ้าได้นำพระคุณเข้ามาในโลกทางพระเยซูคริสต์แล้ว
ทุกคนที่พยายามรักษาพระบัญญัติเพื่อให้ได้กลายเป็นคนชอบธรรม ก็คือผู้ชายที่ถูกปล้นและโดยเฉพาะตัวละครในเรื่องนี้ คือนักกฏหมายที่เคร่งในพระบัญญัติและเป็นคนที่ถูกโจรมาปล้น และตีจนสลบนี่เอง
นักกฏหมาย มหาปุโรหิต และคนเลวีต่างก็พากันเดินจากเยรูซาเล็มลงไปเมืองเยรีโค ความหมายก็คือ การรักษาพระบัญญัติและการอยู่ในระบบเก่า จะนำมนุษย์ออกจากพระเจ้าและเข้าไปสู่การสาปแช่งนั่นเอง
และในที่สุดพวกเขาก็พบความพินาศ ผู้ที่รักษาพระบัญญัติจะถูกผู้นำศาสนาลงโทษเพราะว่ารักษาไม่ได้
ผู้นำศาสนา ก็คือโจรทุบตี
และปล้นเอา เสื้อผ้า เงิน ก็คือ การลงโทษที่ต้องจ่ายราคาตามความผิดมากหรือน้อย
ชาวสะมาเรีย คือพระเยซูที่ลงมาเกิดเป็นคนต่ำต้อยเพื่อไถ่โลกและตั้งหลักการแห่งความรอดใหม่
พันบาดแผลให้ คือยกโทษบาปให้
เอาเหล้าองุ่นเทใส่บาดแผล คือประทานชีวิตใหม่ให้
เทน้ำมันใส่ คือประทานพระวิญญาณใหม่ให้
เอาขึ้นขี่ลา คือสอนให้ดำเนินชีวิตที่ต่ำ ถ่อม ยอมเสียเปรียบ ไม่แสวงหาอำนาจ ความยิ่งใหญ่ มีเกียรติ
ลา ไม่ใช่สัตว์ที่ใช้เพื่อสงคราม แต่ชาวบ้านธรรมดาสามัญใช้เพื่อขี่หรือขนของไปมา
โรงแรม คือคริสตจักร
และเจ้าของโรงแรม คือผู้เชื่อผู้รับใช้ทั้งหลายที่มีส่วนดูแลคริสตจักร ที่ทำหน้าที่ปุโรหิตของตน
เงินสองเดนาริอัน คือของประทานพระวิญญาณประทานให้ผู้เชื่อเพื่อการรับใช้
คำว่า กลับมาเราจะใช้ให้ คือบำเน็จรางวัลที่พระเยซูจะนำกลับมามอบให้ผู้เชื่อที่ชนะนั่นเอง
คำอุปมาเกี่ยวกับชาวสะมาเรียที่ดี (ลก.10:30-37)
10:30 และพระเยซูตรัสตอบว่า “ชายคนหนึ่งลงไปจากกรุงเยรูซาเล็มจะไปยังเมืองเยรีโค และตกอยู่ท่ามกลางพวกโจร ผู้ซึ่งได้ถอดเสื้อผ้าของเขาออก และทำให้เขาบาดเจ็บ และก็จากไป โดยละทิ้งเขาไว้เกือบจะตายแล้ว
10:31 และโดยบังเอิญปุโรหิตคนหนึ่งเดินลงไปทางนั้น และเมื่อเขาเห็นคนนั้น เขาก็เดินเลยไปเสียอีกฟากหนึ่ง
10:32 และคนเลวีคนหนึ่งก็เช่นกัน เมื่อเขามาถึงสถานที่แห่งนั้น มาและดูคนนั้น และเดินเลยไปเสียอีกฟากหนึ่ง
10:33 แต่ชาวสะมาเรียคนหนึ่ง ขณะที่เขาเดินทางไป ก็มาถึงที่ที่คนนั้นอยู่ และเมื่อเขาเห็นคนนั้นแล้ว เขาก็มีใจกรุณาต่อคนนั้น
10:34 และเข้าไปหาเขา และเอาผ้าพันบาดแผลของเขาให้ โดยเทน้ำมันกับน้ำองุ่นใส่ในบาดแผลนั้น และให้เขาขึ้นขี่สัตว์ของตนเอง และพาเขามาถึงโรงแรมแห่งหนึ่ง และดูแลเขา
10:35 และในวันรุ่งขึ้นเมื่อเขาจากไป เขาก็เอาเงินสองเดนาริอันออกมา และให้เงินนั้นแก่เจ้าของโรงแรม และกล่าวแก่เขาว่า ‘จงดูแลเขาเถิด และสิ่งใดก็ตามที่ท่านเสียเกินนี้ เมื่อข้าพเจ้ากลับมาอีก ข้าพเจ้าจะใช้คืนให้ท่าน’
10:36 บัดนี้ในสามคนนั้น ท่านคิดว่า คนไหนเป็นเพื่อนบ้านของคนที่ตกอยู่ท่ามกลางพวกโจร”
10:37 และเขากล่าวว่า “คนที่ได้แสดงความเมตตาแก่เขา” แล้วพระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “จงไป และท่านจงทำเหมือนกันเถิด”