ขอบคุณพระเยซูในความรักของพระองค์ที่มีต่อเราทั้งหลาย และโดยเฉพาะผู้ที่ถ่อมใจ พระองค์เลือกที่จะเปิดเผยความล้ำลึก ข้อลึกลับของพระองค์ในพระวจนะคำของพระองค์แก่เรา
เพื่อเข้าสู่ชีวิตที่ครบบริบูรณ์จริงๆ มีสันติสุข มีความสุขได้จริงๆ ในโลกที่มีแต่ความลำบากทั้งกายทั้งใจสำหรับผู้เชื่อมากมาย
ขอบคุณพระเยซูสำหรับหนังสือยอห์น และเรามาถึงบทที่ 20 ข้อที่ 19 เราพบว่าหนังสือยอห์นมี 2 ส่วนด้วยกัน
คือส่วนแรก เปิดเผยเรื่องพระคำหรือถ้อยคำ ถ้อยคำหรือพระคำของพระเจ้ามาบังเกิดเป็นมนุษย์ เป็นเนื้อหนัง เพื่อเตรียมการนำพระเจ้าเข้ามาอยู่ในมนุษย์
ส่วนที่สองเราจะพบว่า หนังสือยอห์นกล่าวถึง พระคำนี้เป็นมนุษย์และได้ตายบนกางเขนและเป็นขึ้นมาจากความตายใน 3 วันต่อมา เพื่อเตรียมทางและเพื่อเป็นทางเดียวที่จะนำมนุษย์เข้ามาอยู่ในพระเจ้า
ส่วนแรก คือพระเยซูเป็นพระวาทะ มาเสนอว่าพระเจ้าจะมาอยู่กับพวกท่านทั้งหลาย และพอมาถึงเวลาอันควร พระองค์ก็ยอมตายและเป็นขึ้นมาจากความตาย เพื่อเตรียมทางให้สิ่งนี้เกิดขึ้นสำเร็จได้
และยอห์นบทที่ 14 จนถึงยอห์นบทที่ 16 เปิดเผยเรื่องพระเจ้าทั้งสามพระภาคได้เข้ามาอยู่ในผู้เชื่อ เพื่อให้เราเป็นที่อยู่อาศัย หรือที่สถิต เป็นบ้านของพระองค์
ขอบคุณพระเจ้าแผนการของพระเจ้า เราพบว่าหนังสือยอห์นได้เปิดเผยว่าพระเจ้าต้องการบ้านหลังใหม่และไม่ใช่หลังเดียว คือล้านๆๆๆๆๆ ในโลกนี่ และต้องการที่จะใกล้ชิดกับมนุษย์ จึงทำบ้านสร้างบ้านอยู่ในวิญญาณของเรา
สรรเสริญพระเยซูทุกวันนี้เราเป็นบ้านเป็นที่อยู่อาศัยเป็นที่สถิตอยู่ของพระเจ้า โดยพระเยซูเป็นทางเดียวที่จะทำให้เกิดขึ้นและสำเร็จได้
และการเตรียมของพระองค์ยากลำบากมาก ต้องเอาชีวิตแรก ต้องไปตายบนกางเขนและต้องฟื้นขึ้นมาจากความตาย
เราพบว่าสำหรับในหนังสือลูกา เราพบว่าเป็นเรื่องของพระเจ้าจะประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่อย่าลืม การประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าในลูกาบทที่ 2 ในวันเพ็ญเทคอท เป็นเรื่องของการสวมทับ การมาอยู่เหนือเรา เพื่อฤทธิ์เดช เพื่อของประทาน เพื่อใช้เรา
แต่สำหรับหนังสือยอห์น ขอบคุณพระเยซูเราพบว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาสถิตอยู่ในเรา อยู่ข้างใน ไม่ใช่อยู่ข้างบน ไม่ใช่อยู่เหนือเรา ไม่ใช่อยู่นอกเรา แต่อยู่ในเรา
ลองนึกดูนะครับว่าอะไรที่เหี่ยวแห้ง ต้นไม้ก็เหมือนกัน ที่ไม่มีน้ำเลี้ยง สุดท้ายมันก็ตายไป แต่สำหรับเราเป็นเปรียบเสมือนต้นไม้ที่ได้รับน้ำดูดซึมเข้าไปข้างใน และทำให้ข้างในเติบโตออกมาสู่ข้างนอก
ขอบพระคุณพระเจ้าเพราะฉะนั้นเราจะพบว่าหนังสือยอห์นบทที่ 20 เป็นเรื่องของพระวิญญาณของพระคริสต์เข้ามาสถิตอยู่ในเรา พระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาสถิตอยู่ในเรา พระบิดาเข้ามาสถิตอยู่ในเรา ข้างใน อันนี้เราเคยได้ยินที่ผมพูดแล้วใช่ไหมครับว่า อันนี้เรียกว่า (Pleroo เพลเราะโอ) ก็คือการเข้ามาสวมทับการเข้ามาอยู่ข้างในเรา
ส่วนในลูกาไม่เหมือนกันและไม่ใช่เวลาเดียวกัน เป็นคนละเวลา
สำหรับการเข้ามาสถิตอยู่ของพระเจ้าสามพระภาคในเรา เราจะพบสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้น ก็คือสันติสุข ความสุขที่ล้น สันติสุขที่เต็มล้น เป็นสิ่งที่มนุษย์และคริสเตียนศาสนายังไม่เจอ แต่เราได้เจอแล้ว ผมได้เจอ คุณได้เจอ ขอบคุณพระเยซู
เมื่อเราได้รับการเปิดตาได้เข้าสู่ความจริงแห่งพระคำพระเจ้า เราจึงพบว่า พระพรทุกประการนำมาโดยพระคริสต์และตอนนี้พระคริสต์อยู่ในเรา พระพรทุกประการก็อยู่ในเราและพร้อมที่จะให้เราใช้และเข้าสู่ประสบการณ์ชีวิตที่เต็มด้วยพระพรนั้น
เพียงแต่เรารู้ก่อน เราต้องรู้ก่อน เมื่อรู้เราต้องเชื่อ เมื่อเชื่อเราก็ต้องนับ และยอมรับความจริงนี้ พระวิญญาณบริสุทธิ์จึงนำความจริงนี้ทำให้เกิดขึ้นภายในเรา สรรเสริญพระเยซู
อีกครั้งหนังสือยอห์นเปรียบเสมือนการได้ดื่มน้ำ เป็นเรื่องของการรับพระวิญญาณเข้ามาสู่ภายใน ส่วนหนังสือลูกาเปรียบเหมือนการอาบน้ำ
ขอบคุณพระเจ้าเราไม่มีอะไรอวด หนังสือยอห์นพูดถึงพระเยซูเข้ามาอยู่ในเราเพื่อทำดีแทนเรา
หนังสือลูกาพูดถึงเรื่องเรารับฤทธิ์เดชจากพระเจ้าที่อยู่เหนือเราเพื่อทำการงานทำภารกิจ เพื่อรักษาโรค ไล่ผี ประกาศข่าวประเสริฐ ทำทุกสิ่งใช้ของประทาน ล้วนแต่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งเราเองไม่ได้ทำอะไรเลย เป็นชีวิตที่ง่ายเบาสบายมากที่สุด
อีกครั้งหนังสือยอห์นพูดถึงพระเยซูอยู่ในเราทำดีแทนเรา ทำทุกสิ่งแทนเราพูดคิดกระทำ เบามากๆ
และหนังสือลูกาพูดถึงการรับใช้ที่พระคริสต์พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นคนทำไม่ใช่เราทำ ชีวิตนี้คือมันสบายมากๆ เลย
หน้าที่ของเราก็คือเป็นอวัยวะ ให้พระองค์ใช้ มือ แขน ขา ตา ลิ้นเพื่อพูด ทุกสิ่งให้พระองค์ใช้ในสภาพของคนใหม่ เราถวายให้พระองค์ทุกวันให้พระองค์ใช้ ขอบคุณพระเยซูเป็นชีวิตที่เต็มด้วยพระพรเต็มด้วยพระคุณเต็มด้วยสันติสุขและความสุข นี่ครับคือชีวิตคริสเตียนปกติ ชีวิตคริสเตียนที่เราควรจะได้พบได้เจอ แต่น่าเสียดายพี่น้องอีกมากมายยังไม่มาถึงจุดนี้ เราอธิษฐานเผื่อพี่น้องเหล่านั้น
เราขอบคุณพระเจ้าพระบิดาทรงใช้พระบุตรเข้ามาในโลก และสถิตอยู่กับพระบุตร อย่าลืมนะครับพระเจ้าไม่เคยห่างพระเยซู พระเจ้าอยู่กับพระเยซู 33 ปีกว่า ในยอห์นบทที่ 20 ข้อที่ 21 พระเยซูจึงตรัสกับเขาอีกว่า “สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด พระบิดาของเราทรงใช้เรามาฉันใด เราก็ใช้ท่านทั้งหลายไปฉันนั้น”
พระบิดาทรงใช้พระเยซูมาคืออะไร?
คือเวลาพระบิดาใช้พระเยซูเสด็จมาในโลกนี้ พระบิดาก็อยู่กับพระเยซู พระบิดาคิดพูดกระทำทุกสิ่งแทนพระเยซู พระเยซูเป็นอวัยวะให้พระบิดาใช้ นี่คือความจริง ในยอห์นบทที่ 5 บทที่ 6 เปิดเผยว่าเรามีชีวิตอยู่โดยพระบิดา พระเยซูไม่เคยพูดว่าพระองค์ดำเนินชีวิตของพระองค์เอง ใช้ความคิด สติปัญญาของพระองค์เอง ทำทุกสิ่งเองทั้งนั้นไม่นะครับ
คือทุกครั้งพระเยซูจะอวดพระบิดา และมันเป็นความจริง ก็คือพระบิดาเป็นผู้ใช้ชีวิตของพระเยซู ฟิลิปถามว่าขอสำแดงพระบิดาให้พวกข้าพระองค์ได้เห็นหน่อย พระเยซูว่ายังไงครับ ก็นี่ไงพระบิดา พระบิดาของเธออยู่นี่แหละ จะต้องสำแดงอะไรอีกเราอยู่กับท่านนานถึงขนาดนี้แล้วยังไม่รู้หรือ
เพราะฉะนั้นทีนี้พระบิดาใช้พระบุตรเข้ามาในโลก และสถิตอยู่กับพระบุตร และสาวกเป็นพวกแรกที่ได้รับชีวิตวิญญาณของพระคริสต์เยซูที่เป็นพระบุตร เพื่ออะไร?
เพื่อให้พระองค์ใช้อวัยวะของคนใหม่คนนี้ เพื่อสานต่อการงานของพระองค์ คือการประกาศ การดำเนินชีวิต การสำแดงชีวิตและนิสัยของพระเจ้าผ่านเรา เมื่อพระบิดาใช้พระบุตรมา พระบิดาสำแดงชีวิตของพระองค์ผ่านพระบุตร ตอนนี้ถึงตาเราที่เราจะสำแดงชีวิตของพระคริสต์ เข้าใจกันนะครับ
นี่คือเป้าหมายที่สูงสุดของพระเจ้า พระเจ้าใช้พระบุตรลงมาและพระเจ้าสำแดงชีวิตของพระองค์ผ่านพระบุตร
วันนี้พระเยซูใช้พวกเราออกไป และพระเยซูก็ต้องการที่จะสำแดงชีวิตของพระองค์ผ่านเรา คือสิ่งเดียวที่พระเจ้าต้องการ พระเจ้าต้องการให้ทูตสวรรค์ ให้มนุษย์โลก ให้คนทั้งโลกได้เห็นชีวิตและนิสัยของพระองค์ผ่านเราทั้งหลาย
วันนี้เราได้สำแดงชีวิตของพระเยซูหรือยัง?
ถ้ายัง ยังไม่สายเกินไป เราขอบคุณพระเยซู เราขอโทษพระเยซู ที่ผ่านมาเราอาจจะไม่ใส่ใจ เราอาจจะยุ่งอยู่กับเรื่องฝ่ายร่างกายเนื้อหนัง แต่วันนี้พระองค์หนุนใจ เตือนสติเราให้กลับมาอยู่ในเป้าหมายพระประสงค์น้ำพระทัยของพระบิดาที่พระองค์ต้องการ ก็คือให้เราสำแดงชีวิตของพระคริสต์เยซูผ่านเราทั้งหลายในแต่ละวัน
สำหรับหนังสือยอห์นบทที่ 20 เราพบสิ่งหนึ่ง ก็คือพระเยซูเมื่อก่อนเป็นเนื้อหนังเป็นมนุษย์เป็นเนื้อหนัง แต่พอผ่านการตายและเป็นขึ้นมาจากความตาย พระองค์จึงกลายเป็น พระคัมภีร์พูดว่า พระองค์กลายเป็นวิญญาณที่ประสานชีวิต ก็คือวิญญาณที่ประทานชีวิตได้
เพราะฉะนั้นเราขอบคุณพระเจ้าที่มีพระคริสต์เป็นล้านๆๆ เป็นล้านๆๆๆๆ องค์ที่อยู่ท่ามกลางผู้เชื่อ และอยู่ในผู้เชื่อ อยู่กับผู้เชื่อ เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องไปมองที่ไหนไปมองหาพระเจ้า แต่มองอยู่ข้างในเรา เราเห็นพระเยซูอยู่ในเรา
เป็นความหวังเดียวที่ทำให้เราประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิตและการรับใช้พระเจ้าในโลกนี้ ที่เต็มด้วยความยากลำบาก เต็มด้วยปัญหา มรสุมชีวิตอะไรก็แล้วแต่เยอะแยะ เราเจอกันมามากมาย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพระบิดาอยู่ในเรา พระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่ในเรา พระบุตรอยู่ในเรา คือเป็นสิ่งที่ประเสริฐมากๆ พระเจ้าอยู่บนสวรรค์ประทับที่พระบัลลังก์มีทูตสวรรค์ล้อมรอบเป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่มีเกียรติสูงส่งสง่าราศี สละพระองค์เองลงมาและเข้ามาอยู่ในเราผู้เชื่อทุกๆ คนที่ต่ำต้อย ที่ไม่มีค่าอะไร เป็นกายดินเท่านั้น
แต่พระองค์ก็ยังรักและพระองค์ก็ยังทำให้กายดินนี้ กลายเป็นกายภาชนะที่ใช้ได้ กลายเป็นอวัยวะที่พระองค์เข้ามาสถิตอยู่ได้ ขอบคุณพระเยซูสำหรับพระเจ้าพระองค์ทำสำเร็จแล้วในยอห์นบทที่ 20 นี้ คือทำให้พระเจ้าเข้ามาอยู่ในเรา และเราเข้าไปอยู่ในพระเจ้า เราอยู่ในพระคริสต์ พระคริสต์อยู่ในเรา ทั้งสองจึงกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เราคงจะเข้าใจกันดีนะครับคำนี้ เรากับพระเจ้าตอนนี้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว สรรเสริญพระเยซู
ฉะนั้นขอให้เราตระหนักตลอดเวลาอยู่เสมอ ว่าพระเจ้าอยู่กับเรา พระเจ้าไปกับเรา พระเจ้าเดินกับเรา พระเจ้ามองกับเรา เรามองอะไร เราทำอะไร เราพูดอะไร พระเจ้าก็พูดพระเจ้าก็มองพระเจ้าก็ทำด้วย และถ้าหากเราจะใช้ตา ใช้ลิ้น ใช้หู ไปฟัง ไปมอง ไปพูด ในเรื่องฝ่ายเนื้อหนัง ขอให้เรามีสติ และขอให้เราตระหนักว่าพระเยซูเป็นเจ้าของ ลิ้น ตา หู ของเราอยู่
มันยังไม่สายเกินไปครับ เรากลับใจ เรากลับมาได้ทุกวันทุกเวลา และเรายิ่งฝึกมากเท่าไหร่ พระเจ้าก็จะครอบคลุมครอบครองอวัยวะทั้งหมด และใช้เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้าได้ เอเมน
ถาม.
ขอถามยอห์นบทที่ 20 ข้อที่ 22 ที่บอกว่า พระองค์ตรัสดังนั้นแล้วจึงทรงระบายลมหายใจออกเหนือเขา และตรัสกับเขาว่าท่านทั้งหลายจงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์เถิด
คือเป็นตอนที่ผมกลับไปหาความหมายของคำเนี้ยก็คือว่า คำว่าลมหายใจ หรือว่าที่แปลว่าวิญญาณ ภาษาฮีบรู เป็นคำเดียวกับคำว่า (Ruah - רוח) ที่ชาวยิวใช้สมัยก่อน ก็คือเวลาที่ชาวยิวเห็นฤทธิ์เดชของพระเจ้าเขาก็จะเรียกว่าลมปรานหรือชีวิตของพระเจ้าแทนใช้คำว่าฤทธิ์เดช ก็คือ (Ruah - רוח) ซึ่งมันจะถูกใช้ก่อนที่พระเยซูเสด็จมา ทีนี้พระเยซูเสด็จมาแล้วพระองค์ก็ทรงระบายลมหายใจนี้ออกได้เช่นกันน่าจะเป็นคำเดียวกับคำนี้น่าจะใช่ แปลว่า ฤทธิ์เดชของพระเจ้าก็คือคำว่า (Ruah - רוח) หรือว่า (άνεμος) ภาษากรีกก็คือ (άνεμος) แปลว่าลม
ตอบ.
ขอให้เราเข้าใจตรงนี้นะครับ ถ้าจะพูดหรืออาจเป็นภาษากรีกเราจะพบคำตอบแบบนี้
ครั้นพระเยซูตรัสดังนั้นแล้วจึงทรงระบายลมหายใจออกเหนือเขา นี่คือภาษาไทยนะครับถ้าจะพูดให้เข้าใจ
ก็คือพระเยซูหายใจออกและตรัสว่าจงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์เถิดเข้าใจนะครับ อย่าแปลตรงที่หายใจเข้าหายใจออกหรือว่าลมอะไร ไม่ใช่ครับ
คือการหายใจออกนะครับ หายใจออก ก็คือปล่อยอะไรบางอย่างออกไป ก็คือลมนะครับ แต่คำว่าลมเป็นคำเดียวกันกับวิญญาณ ก็คือ (พนูม่า) เข้าใจนะครับ คือหายใจนะครับ การหายใจก็คือเอาอะไรออกไปหรือเอาอะไรเข้ามา แต่สิ่งที่ออกไปหรือเข้ามา ก็คือ (พนูม่า) ก็คือลม ลมเป็นคำๆเดียวในภาษาฮีบรู ลมเป็นคำ คำเดียวกับวิญญาณ
และมาถึงในหนังสือยอห์นพูดภาษากรีก ภาษากรีกก็คือ (พนูม่า) พนูม่า ก็คือลมหรือวิญญาณ เป็นสองคำที่แปลได้ทั้ง 2 คำ คือ พนูน่า
ส่วนในตอนที่พระเยซูหายใจก็คือภาษาอังกฤษ breathe พระองค์หายใจ เราทุกคนหายใจนะครับ แต่ถ้าหากไม่มีลมก็ตายนะ ถ้าสมมุติว่าไปอยู่ใต้น้ำหรือในถังใบใหญ่ เพราะอากาศมันหมดไม่มีลมแล้วไม่มีอาการแล้ว คุณจะหายใจเข้าออกคือไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรียกว่าหายใจ
เพราะฉะนั้นในพระคัมภีร์ตอนนี้บอกว่าพระองค์จึงหายใจออก พระเยซูจึงหายใจและบอกสาวกทั้งหลายว่า จงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์เถิด แสดงว่าตอนที่พระองค์อ้าปากสิ่งที่ออกไป คืออะไร? พระวิญญาณบริสุทธิ์ ชัดเจนนะครับ
...
อย่าลืมว่าการได้รับการเปิดตามากเท่าไหร่ สันติสุขก็มีมากเท่านั้น
การได้รับการเปิดตาน้อย สันติสุขก็มีน้อย
สมัยที่เราทั้งหลายเป็นคริสเตียนศาสนา เราไปโบสถ์เรามีสันติสุขเมื่อเราได้รับการสัมผัสโดยพระวิญญาณ เราอยู่ที่บ้านเราอธิษฐานหรืออ่านพระคัมภีร์บางครั้งเราได้รับการสัมผัสโดยพระวิญญาณเราก็มีสันติสุขมีความสุขเป็นช่วงระยะหนึ่งสั้นๆ เนื่องจากว่าเราตอนนั้นได้รับการเปิดตาน้อย แต่เมื่อเราได้รับการเปิดตามาก เรามีสันติสุขมากขึ้น และยิ่งได้รับการเปิดตามากเท่าไหร่ สันติสุขก็เต็มล้นก็ล้นพ้นอยู่ในเรา สรรเสริญพระเจ้า ทุกอย่างมันอยู่ที่ตา
สำหรับเราที่เป็นผู้เชื่อที่ได้รับการเปิดเผย ขอบคุณพระเจ้า ซึ่งเมื่อก่อนพระเยซูชอบเรียกเราทั้งหลายว่าสหาย เรียกสาวกตอนที่พระองค์อยู่ในโลกนี้ คือเป็นเพื่อนเป็นสหาย แต่พอมาถึงยอห์นบทที่ 20 จากนั้นไปพระองค์เรียกและมองผู้เชื่อสาวกทั้งหลายว่าเป็นพี่น้อง เราเห็นนะครับ หนังสือยอห์นเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่พูดถึงที่เปิดเผยความล้ำลึกลึกลับ เกี่ยวกับเรื่องครอบครัว ความสัมพันธ์ ความผูกพัน ระหว่างเรากับพระเจ้า
เราเป็นบุตร เราเป็นน้องๆ ของพระเยซู เราเป็นพี่น้อง พี่ๆ น้องๆ ของพระเยซู เพราะฉะนั้นตอนนี้เราไม่ได้เป็นเพื่อนเท่านั้น เราไม่ได้เป็นสหายของพระเยซูเท่านั้น แต่เราเข้ามาใกล้พระเจ้ามากอีกระดับหนึ่ง ก็คือเราได้เป็นบุตรของพระเจ้าและเราได้เป็นพี่น้องกับพระเยซู ขอบคุณพระเจ้าเรามีพี่ชายคนหนึ่งที่รักเรามาก ตายเพื่อเรา สละชีวิตของพระองค์เพื่อเรา ทำทุกสิ่งเพื่อเรา ตายแทนและอยู่แทนเรา
เราขอบคุณพระเจ้าสำหรับหนังสือยอห์น พระเยซูเป็นพระวาทะเป็นถ้อยคำหรือเป็นคำพูดของพระเจ้า ที่เสด็จลงมารับสภาพเป็นเนื้อหนัง รับร่างกายของมนุษย์เป็นเนื้อหนัง เป็นร่างกายดิน ในยอห์นบทที่ 1:24 และเพื่อพระองค์เป็นแกะที่จะถวายเพื่อการไถ่บาปแด่พระเจ้าในยอห์นบทที่ 1:29 เพื่อให้พระบิดาได้ปรากฏแก่มนุษย์ ก็คือในยอห์นบทที่ 14:9-21 และสุดท้ายพระเยซูองค์นี้ เพราะวาทะพระคำนี้มาเพื่อเป็นทางเดียวที่จะให้พระเจ้าและมนุษย์กับกลายมาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ ในยอห์นบที่ 15:1-5
เราขอบคุณพระเจ้าที่ในหนังสือยอห์นพูดถึงเรื่องการเข้ามาอยู่ในเรา อยู่ภายในเราของพระวิญญาณเพื่อดำเนินชีวิตแทนเรา
และเราขอบพระคุณพระเจ้าที่หนังสือลูกาพูดถึงเรื่องพระวิญญาณมาหาเรา สวมทับอยู่เหนือเรา อยู่บนเราเพื่อการใช้ของประทานเพื่อฤทธิ์เดช
สรุปก็คือยอห์นบทที่ 20 พูดถึงเรื่องเรามีพระคริสต์อยู่ในเรา เพื่อดำเนินชีวิตแทนเรา เราไม่ต้องทำอะไร ให้พระองค์ใช้อวัยวะ ในการกระทำทุกสิ่ง ดำเนินชีวิตประจำวัน
และหนังสือลูกาขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์เสด็จมาเพื่อใช้ร่างกายเราเพื่อสำแดงฤทธิ์เดชของพระองค์ เพื่อการงานของพระองค์ เพื่อคริสตจักรจะขยายใหญ่ขึ้นในโลกนี้
ขอบคุณพระเจ้าที่เราเองก็ไม่ได้ทำอะไรอีกทั้งการดำเนินชีวิตและการรับใช้ เป็นการทำงานของพระวิญญาณผ่านเราทั้งหมด ขอบคุณพระเจ้าเป็นชีวิตที่เบาสบาย ขอบคุณพระเจ้าเป็นชีวิตที่ติดสนิทอยู่กับพระองค์ที่จะเกิดผลมากมายโดยพระองค์ สรรเสริญพระเยซู
เพราะฉะนั้นไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานะ อยู่ในสภาพที่สบายดี หรือเจ็บป่วย หรือไม่สบาย หรือยากจน หรือมั่งมี หรือจะอยู่ที่ ที่เราอยากอยู่หรือไม่อยากอยู่ ไปในที่ ที่เราอยากไปหรือไม่อยากไป
ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อให้น้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จ เพื่อเราจะดำเนินชีวิตที่มีพระคริสต์สำแดงพระองค์ผ่านเรา และเพื่อการกระทำฤทธิ์เดชเพื่อให้พระวิญญาณบริสุทธิ์กระทำผ่านเราโดยพระองค์ พระองค์ได้รับเกียรติ เราได้รับบำเหน็จ สรรเสริญพระเยซู
...
ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์เป็นคนตรัส เป็นคนพูด เป็นคนกล่าวคำพยาน และขอบคุณพระเยซูที่พระองค์เลี้ยงดูเราด้วยพระคำล้ำลึกที่เป็นอาหารที่มาจากสวรรค์ ขอบคุณที่หล่อเลี้ยงพวกเราให้เข้าสู่กระบวนการชีวิต การเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนทุกสิ่ง
และขอบคุณสำหรับพระองค์สร้างบ้านสำเร็จในเรา และเข้ามาอยู่ในเรา และเราอยู่ในพระองค์เป็นหนึ่งเดียวกัน
ขอบคุณพระองค์ที่พระองค์เป็นชีวิตที่ครบบริบูรณ์ในเรา สรรเสริญพระเจ้าที่ให้สันติสุขเต็มล้นในพวกเรา
เมื่อเข้าสู่การเปิดตามาก ก็เข้าสู่สันติสุขอย่างมากมายขอบคุณพระเยซู ขอนำพี่น้องทั้งหลายเข้าสู่การเปิดเผยเปิดตา รักษาตาของพี่น้อง เพื่อการดำเนินชีวิตอยู่ในความสว่างที่เจิดจ้าที่ไม่มีความมืด ที่มีแต่พระคุณ พระพร สันติสุข อย่างเต็มล้น ล้นพูลขอบคุณพระเยซู