สิ่งที่สำคัญเมื่อคริสเตียนเจ็บป่วย ป่วยไข้ เป็นออดๆ แอดๆ เป็นมาเรื่อยๆ ไม่ค่อยหาย ถามว่าทำไม อย่าเพิ่งเหมานะครับอย่าเพิ่งเหมาสรุปว่าเขา อาจจะถูกพระเจ้าตีสอน หรืออาจจะไม่ได้เดินในฝ่ายวิญญาณ เรารู้กันแล้วใช่ไหมว่าปัญหา เรื่องสุขภาพ ปัญหาทุกเรื่อง มันมาจาก 3 แหล่ง เราต้องดูตรงนี้ก่อน 3 แหล่ง
เราต้องพิจารณาก่อนว่ามาจากพระเจ้าหรือไม่ ซึ่งเป็นการทดสอบเป็นการทดลอง หรือพระเจ้าตีสอนเพราะว่าเราทำผิด หรืออีกอันหนึ่งก็คือเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า บางคนเนี่ยไม่ได้ทำผิดอะไรไม่ได้ทำบาปอะไรก็เดินในพระวิญญาณตลอดเวลา แต่มีอาการเจ็บไข้เจ็บป่วยทำยังไงก็ไม่หาย ซึ่งอันนั้นพระเจ้าบอกว่าพระองค์ประทานพระคุณให้เราก็เพียงพอแล้ว อันนี้ต้องเข้าใจนะครับ
สำหรับคริสเตียน คริสเตียนฝ่ายวิญญาณพวกเราไม่คิดเหมือนคริสเตียนศาสนา คริสเตียนศาสนาเนี่ยมีปัญหาตรงไหน จุดอ่อนของเขาคือ เมื่อไหร่ที่เราเห็นพี่น้องคริสเตียนด้วยกันเจ็บป่วย หรือมีปัญหาเรื่องเงินทอง เรื่องขัดสน ปัญหาเรื่องสุขภาพ เรื่องอะไรก็แล้วแต่ สิ่งแรกที่มันเกิดขึ้นมัน Pop Up อยู่ในความคิดของเราก็คือ..
"เห็นมั้ยทำผิดแล้ว เห็นมั้ยไม่ได้เดินในพระวิญญาณ เห็นมั้ยไม่ได้ใกล้ชิดสนิทในพระเจ้า"
สิ่งนี้นะครับผมอยากให้เราลบมันออกจากความคิด ขอพระเจ้าเปลี่ยนความคิดของเราใหม่ อันนี้เราจะไม่มองแบบนั้น แต่เราต้องมองว่าเมื่อปัญหาเกิดขึ้น ความเจ็บไข้ที่เป็นอยู่เรื่อยมาไม่หาย ยังไงก็ไม่หาย ก็คือเรามองว่ามันมาจาก 3 แหล่ง ก็คือการทดลอง การถวายเกียรติ และการตีสอน และตัวเขาเองจะเป็นคนที่รู้ดีกว่าใคร เขาเองจะรู้ดีกว่าใคร ว่าเขาได้ทำอะไร หรือไม่ได้ทำอะไร หรือพระเจ้าแค่ทดสอบความเชื่อ
เพราะฉะนั้นหน้าที่ของเราก็คือ อธิษฐานเผื่อ และห้ามคิดในลักษณะเหมือนคริสเตียนศาสนาคิดในเมื่อก่อนนะครับ ซึ่งผมยังเห็นพี่น้องหลายคนที่เป็นคริสเตียนศาสนาที่มีโอกาสได้พูดคุยกับผม มีโอกาสได้แบ่งปันแล้วผมก็ไปนั่งฟัง ซึ่งอันนี้ผมว่ามีเยอะมากนะครับคริสเตียนที่คิดแบบนี้ ก็คือเห็นใครเจอปัญหา เห็นใครเจ็บไข้ เห็นใครล้มละลาย หรือเจอมรสุมชีวิต ก็คิดเลยว่า..
"เนี่ยเขาทำกับเรา หรือเขาทำกับผู้อื่น หรือเขาทำบาปอยู่ เราต้องหนุนใจเขาหรือบอกเขาให้กลับใจ" อันนี้เป็นความคิดของศาสนานะครับ
อีกครั้ง.. ปัญหาต่างๆ ที่เข้ามา แล้วก็อาการเจ็บไข้ที่เป็นไม่หายสักที ก็คือมาจากการทดสอบความเชื่อการทดลอง แล้วก็เพื่อการถวายเกียรติแด่พระเจ้า ซึ่งเขาไม่ได้ทำผิดอะไรแต่พระเจ้าให้เกิดกับเขาเพื่อเขาจะถวายเกียรติ เขาไม่บ่นไม่โวยวายไม่กระวนกระวายไม่กังวล แต่ขอบพระคุณอยู่เสมอ และอีกอันหนึ่งก็คือการตีสอนเพราะว่าเขาทำบาป และเขาเองรู้ดีนะครับ
ซึ่งถ้าใครที่พระวิญญาณบริสุทธิ์นำให้เราเป็นคนไปบอกเขาไปเตือนเขาไปหนุนใจเขาว่า.. “มีอะไรที่ต้องเช็คดูมั้ย ต้องตรวจดูมั้ยว่าเราทำอะไรที่ขัดต่อน้ำพระทัยพระเจ้า ก็กลับใจสารภาพ แค่นั้น เอเมน”
ถาม.
พอชวนเขาสารภาพบาปแล้วปรากฏว่าคุยกันต่อมาสักแป๊บนึงเขาหัวเราะ พี่ก็ชวนเขาบอกรักพระเยซู แล้วก็บอกว่าพระเยซูลูกรักพระองค์ พูดกันสองคน บอกให้เขาพูดตามนะคะ พูดเสร็จปุ๊บเขาก็หัวเราะเขาก็ยิ้มได้เลย พี่บอกอ้าวเมื่อกี้ยังบ่นอยู่เลยอ่ะว่าเจ็บนั่นเจ็บนี่ป่วยนั่นป่วยนี่ ตอนนี้ทำไมหัวเราะได้แล้วล่ะ พี่ก็ถามอย่างนี้ ก็บอกมันเกิดความชื่นชมยินดีขึ้นมาเลย ก็คือเขาไม่มีสันติสุขหมายถึงว่ากฎหมายใหม่ของพระเยซูก็คือไปทำบาปแล้วใช่มั้ยค่ะ เพราะว่าพี่ก็ไม่ได้ตัดสินเขานะว่าเขาไปทำบาป แต่เห็นเขาไม่มีสันติสุข ก็เลยบอกเอ๊ะน่าจะ เราลองสารภาพบาปดูมั้ย เผื่อว่าสันติสุขคือถ้าเกิดว่าเราอยู่ในพระคริสต์เราจะเห็นชัดมากเลยนะ ประมาณนี้ค่ะ ก็พาเขาสารภาพบาป ก็แสดงว่าใช่แล้วนะคะ เขาก็หัวเราะแล้วก็มีสันติสุขมากเลยค่ะ
ตอบ.
กรณีนี้นะครับ ก็ขอบคุณพระเยซูที่เขาอาจจะสารภาพ หรือเขาอาจจะอธิษฐานเข้าสู่การอธิษฐานในวิญญาณ แล้วพระเจ้าก็ให้เขาเกิดสันติสุข
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์วิญญาณพวกเรา สำหรับผมนะครับก็คือ เราจะไม่คิด หรือเราจะไม่ถาม หรือเราจะไม่ชวนนะครับว่า "สารภาพดีมั้ย อาจจะทำบาปอะไรบางอย่างมั้ย" คือบอกเขาว่า “ก็สำรวจดูพิจารณาดูว่ามีอะไรบ้างที่พระเจ้าตรัส” แน่นอนที่สุดครับพระวิญญาณบริสุทธิ์จะตรัสจะรบกวนในใจเราภายในใจเราว่า มันคืออะไรมันมาจากไหน อาการเจ็บป่วยที่ไม่หายสักที เอเมน
ถาม.
ขออนุญาตถามนะคะมีน้องคนนึงไปนั่งกินหมูกะทะกับคนไม่เชื่อ 2-3 คน แล้วพอกลับมาบ้านก็มีอาการทรุดหนักมากเลยทั้งอาเจียนทั้งท้องเสีย แล้วก็โทรมาให้พี่อธิษฐานเผื่อ พี่ก็อธิษฐานเผื่อ แล้วก็เขาก็ยังไม่ดีขึ้น แล้วพี่ก็มาถามพระเจ้านะคะว่า ตกลงน้องคนนี้เขาเป็นอะไร เขาเป็นอะไรถึงเป็นอย่างนั้น สิ่งที่พี่เข้าใจก็คือเขาบอกว่าน้องคนนั้นน่ะไปกินอาหารร่วมกับคนไหว้ผีมา อ้าวแล้วต้องทำยังไง ต้องทำยังไงพระเจ้า ก็บอกว่าให้น้องคนนั้นสารภาพบาป แล้วน้องคนนั้นก็อาการดีขึ้นเลยค่ะ แล้วอย่างนี้พี่ก็ยังเป็นศาสนาอยู่หรอค่ะ
ตอบ.
ถามว่าเราเป็นคริสเตียนศาสนาอยู่หรือไม่ ไม่ใช่ทุกเวลา ไม่ใช่ทุกวัน แต่เมื่อไหร่นะครับที่เราคิดในลักษณะของคริสเตียนศาสนาเราก็อยู่ในความคิดของคริสเตียนศาสนา พี่... มีความคิดที่เปลี่ยนใหม่ได้เยอะสำหรับการเข้าสู่พระคำล้ำลึก อันนี้เราขอบพระคุณพระเจ้า
แต่การถูกเปิดตาเนี่ยมันมีหลายระดับ การถูกเปิดตานะครับมันมีหลายเรื่อง ไม่ใช่ว่าเราถูกเปิดตาปุ๊บเนี่ยก็คือ จะเห็นสว่างทะลุทุกอย่างทุกเรื่องทุกข้อทุกตอนทุกสิ่งนะครับ บางเรื่องที่เราได้รับการชำระแล้ว แล้วก็พี่... อธิษฐานเผื่อ พี่น้องคนนั้นที่ไปกินหมูกระทะกับคนที่ไม่เชื่อ แล้วปรากฏว่าพระเจ้าตรัสพระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัส แล้วพี่... ก็ได้ยินเสียงแล้วบอกว่า เขาทำบาป เขาต้องสารภาพ แล้วเขากลับใจ อันนี้แสดงว่าพี่... ก็อยู่ในน้ำพระทัยพระเจ้า แล้วก็เดินในฝ่ายวิญญาณที่แท้จริง
แต่ในกรณีที่พี่... บอกว่าพี่น้องบางคน ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ไม่แน่ใจไม่มั่นใจและความคิดของเราส่วนมากนะครับ อันนี้ต้องขอพูดตามตรงนะครับ คือกล้าถามผมกับกล้าตอบ คริสเตียนหลายคนถึงแม้ว่าเราอาจจะได้รับมานาฯ แล้วก็ตาม แล้วคนที่ไม่ได้รับมานาฯ เนี่ยยิ่งเป็นกันใหญ่ ก็คือเหมารวมเหมาคิดไปว่า "เนี่ยพระเจ้าลงโทษแกแน่นอน" แล้วเสียงในหัวของเรานะครับเราคิดว่าเป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่พูด
แต่อย่าลืม 1. ต้องสอดคล้องกับพระคัมภีร์ พระวิญญาณต้องสอดคล้องกับพระคัมภีร์ไม่ขัดแย้งกัน และเมื่อเราเห็นว่าพี่น้องได้รับการรักษาให้หาย แน่ใจหรือเปล่าว่าเป็นการทำบาปของเขา พระเจ้าเมตตาเขาก็เป็นไปได้ พระเจ้ารักเขาก็เป็นไปได้ และโดยความเชื่อของพี่... และพี่น้องคนนั้น คนที่เข้าโรงพยาบาล พระเจ้าเมตตาเนี่ยก็รักษาเขาหายได้เหมือนกัน มันหลายกรณี ซึ่งอันนี้อยากจะเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งชัดเจนก็คือ ต้องถามพระวิญญาณบริสุทธิ์ ต้องถามพระเยซู
เอาเป็นว่าสรุปก็คือ พี่... ไม่ได้เป็นคริสเตียนศาสนาทุกๆ อย่าง แต่บางครั้งเนี่ยเราอาจจะยังมาไม่ถึงการชำระ ยังมาไม่ถึงการมองเห็นที่ชัดเจนนะครับ แล้วสำหรับผมเอาแบบนี้ดีกว่าผมเห็นมาเยอะ คริสเตียนที่เราเจอกัน เราเห็นกันเราพูดคุยสามัคคีธรรมกันพูดเรื่องพระคัมภีร์ เป็นคริสตศาสนา แล้วมาร่วมกับผม แล้วเขาจะเล่าให้ผมฟังว่า "เห็นมั้ยคนนี้เนี่ยเห็นมั้ยทำบาป สุดท้ายโดนเลยพระเจ้าลงโทษ เห็นมั้ยคนนี้เนี่ยพูดไม่ดีกับฉันแล้วพระเจ้าก็ตีเขา เนี่ยเป็นเพราะเขาไม่ยอมถ่อมใจกับฉัน" คือมันเป็นลักษณะนี้ อันนี้เป็นความคิดของศาสนาแน่นอนนะครับ
แล้วเราเองที่เป็นคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ เราหลีกเลี่ยงนะครับ เราหลีกเลี่ยง ซึ่งบางครั้งเราเห็นว่าพระเจ้าตีสอนเขาก็จริง เราอาจจะชวนคุยกับเขาแบบลักษณะอ่อนสุภาพ ลักษณะแบบไม่ตัดสิน ก็พี่... ทำถูกแล้วนะครับที่บอกว่าเราสารภาพกันดีมั้ย อันนี้ดีครับเป็นคำพูดที่ที่ดี แต่ถ้าจะคิดอย่างเดียวนะครับว่า อันนี้ต้องมาจากการตีสอน แล้วการทดลองล่ะแล้วการถวายเกียรติล่ะ ทำไมเราไม่คิดถึง นึกออกหรือยังครับ
คือสำหรับคริสเตียนฝ่ายวิญญาณเราต้องนึกถึง 3 สิ่ง อาจจะเป็นการทดลองที่พระเจ้าทดลองเขาก็ได้ หรืออาจจะพระเจ้าให้เขาเจ็บป่วยเพื่อถวายแก่แด่พระองค์ก็ได้
แต่คริสเตียนเราส่วนมากนะครับคือติดเชื้อมาจากคริสเตียนศาสนา ก็คือเหมารวมว่า "โดนตีสอนแล้ว โดนลงโทษแล้ว พระเจ้าเข้าข้างฉัน พระเจ้าเข้าข้างคนนี้ พระเจ้าไม่เข้าข้างคนนี้ พระเจ้าตีเขาเห็นมั้ย" อันนี้เป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงได้ก็หลีกนะครับเพราะว่ายังไม่ใช่น้ำพระทัยพระเจ้า เอเมน
อย่าลืมนะครับพระเจ้ารักทุกคน ตอนนี้พระเจ้ารักคริสเตียนทุกคน สมัยก่อนเราอาจจะใช้พระคัมภีร์เดิมได้ "พระบิดาเข้าข้างข้าพระองค์ พระยาห์เวห์อยู่กับข้าพระองค์ พระองค์จะจัดการทุกคน ไปล้างแค้นให้ข้าพระองค์" อันนี้เราเห็นกันใช่มั้ย คือมันเพิ่งเกิดขึ้นนะครับใน tiktok ใน Facebook เยอะมาก ปรากฏว่าคริสตจักรน้ำองุ่นใหม่เขาใช้กันนะครับ
แล้วเราคริสเตียนฝ่ายวิญญาณล่ะ เราน้อมถ่อมใจ เรารักพระเจ้า แล้วรักทุกคน ไม่มองใครว่าเป็นคนที่ไม่ฟังฉัน พระเจ้าเข้าข้างฉัน พระเจ้าตีเขา อะไรประมาณนี้ในลักษณะนี้ หรือชอบมองว่าคนอื่นโดนตีสอนถูกลงโทษจากพระเจ้า แต่ 2 สิ่งนะครับเราต้องคิดถึงก่อน พระเจ้าอาจจะทดสอบเขาก็ได้ หรือเขาอาจจะถวายเกียรติแด่พระเจ้า เพื่อเขาไม่บ่นไม่ต่อว่าไม่สาปแช่งพระเจ้า พระเจ้าอวยพรเขานะครับ