เราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับ เราโชคดี ถ้าจะว่าถ้าจะใช้คำว่า โชคดี จริงๆ แล้วก็ไม่ควรใช้หรอก แต่เพื่อให้เราเข้าใจกันง่ายๆ ก็คือเราเหมือนจะเป็นคนที่โชคดี เป็นคนส่วนน้อยเป็นคนกลุ่มน้อย จากหลายๆ ชาติทั่วโลก ซึ่งได้รับการเปิดตาโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งพระองค์เห็นนะว่าส่วนลึกภายในจิตใจของเรา รักพระเจ้า และต้องการที่จะดำเนินชีวิตให้เป็นที่ชอบพระทัยของพระองค์ เราสรรเสริญพระบิดาในสิ่งนี้ที่พระองค์เลือกเรา เอเมน
มานาฯ หรือ พระคำล้ำลึก ไม่ใช่ชื่อที่ผมตั้งเอง หรือใครตั้ง ซึ่งเราเห็นว่าคำว่ามานาที่ซ่อนไว้มีอยู่ในหนังสือวิวรณ์ และมานาฯ ก็คือพระคำล้ำลึก พระคำล้ำลึกก็คือพระคริสต์ในสภาพของอาหารที่ลงมาจากสวรรค์ สรรเสริญพระบิดาที่ทุกวันนี้เราพบอาหารที่ลงมาจากสวรรค์แล้ว ก็คือตัวตนของพระเยซูในสภาพของอาหารฝ่ายวิญญาณนั่นเอง ฮาเลลูยา
คือพระเยซูถ่ายทอดมานาฯ นี้ ความจริงนี้ พระคำแห่งความจริงนี้ ให้กับเปาโล ซึ่งเราพบว่าหลังจากที่เปาโลได้รับ และก็มาแบ่งให้กับคริสตจักร ให้กับสาวกของพระเยซู เราเห็นว่าการแตกแยกจึงเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยนั้น และมาจนถึงทุกวันนี้มีการแตกแยก และคนส่วนน้อยเท่านั้นที่ได้พบโดยพระเมตตาของพระเจ้า และเราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่เป็นบุคคลพิเศษ สรรเสริญพระเยซูเอเมน
คือมันเป็นเรื่องของวิญญาณ เป็นเรื่องฝ่ายวิญญาณ การฝ่ายวิญญาณ The spiritual วิญญาณเราที่ได้ยินพระวิญญาณผ่านบางคนจากคลิป เราสัมผัสเองใช่ไหม เมื่อเราได้ยินได้ฟัง ไม่ใช่เสียงของเขา ไม่ใช่คำพูดของเขาที่พูดดี ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น
แต่เป็นมาโดยการดลบันดาลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราจึงได้สัมผัส เราจึงหิวกระหาย เรารู้สึกหิวกระหายมั้ยเวลาที่เราได้ฟัง เราเกิดผลภายในเองใช่ไหม เรานำมาฝึกเรารู้สึกเกิดสันติสุข เราเกิดมีพลังบางอย่างที่อยู่ภายในเราเคลื่อนไปมา เพื่อให้เรามีจิตใจที่ไม่เหมือนตัวของเราเอง เราทำในสิ่งที่เราไม่เคยคิด ไม่คาดคิดว่าจะทำได้ แต่ต่อมาเราก็ทำได้ ยกโทษให้ศัตรู รักเพื่อนบ้าน รักทุกคน ไม่มีเหตุผลไม่มีขีดจำกัด เหล่านี้เป็นสิ่งที่แตกต่างใช่ไหม
จากเมื่อก่อนที่เราเคยอยู่ในศาสนา อยู่ในโบสถ์อยู่ในคริสตจักรเก่าของเรา เราไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน อันนี้ถูกมั้ย เราสรรเสริญพระเจ้าที่เราได้พบพระคำล้ำลึก หรือมานาฯ หรือตัวตนของพระคริสต์ เครดิตนี้นะเป็นของพระเยซูยกให้พระเยซู พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงานหนักเพื่อที่จะเลือกเรา นำเรา มาจนถึงพระคำแห่งความจริง โดยพระวิญญาณแห่งความจริง และเราก็เสียใจกับพี่น้องอีกมากมายที่เป็นภาชนะดิน ไม่มาถึงภาชนะทองคำ และยังใช้ชีวิตวนไปวนมาอยู่กับสุขทุกข์ดีบาปไปจนตาย ขึ้นๆ ลงๆ
และเราขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์ ถอดหน้ากากของเรา และเราก็อธิษฐานเผื่อพี่น้องที่ยังใส่หน้ากากอยู่ในทุกวันนี้ ที่อยู่ตามคริสตจักรต่างๆ เรารักเขา เขาเป็นพี่น้องของพวกเรา ซึ่งก็ช่วยไม่ได้ เพราะว่าอาณาจักรสวรรค์เป็นของบุคคลผู้ที่ยอมยากจนฝ่ายวิญญาณ ยอมแสวงหาด้วยความถ่อมใจเปิดใจ รับฟังผู้อื่น เราขอบพระคุณพระบิดาในสิ่งนี้
เมื่อเปาโลได้รับการถ่ายทอดโดยพระเยซู และเปาโลก็นำมาแบ่งปันให้กับสาวกและผู้เชื่อทั้งหลาย ก็มีคนที่รับได้และคนที่รับไม่ได้ เพราะฉะนั้นหลักคำสอนจึงถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือฝ่ายวิญญาณกับฝ่ายเนื้อหนัง แหล่งความรู้ทั้งหลายที่เราพบจากหนังสือก็ตาม การบันทึกเสียง ซึ่งเราพบในยูทูป จะมีทั้งพระคำล้ำลึก และคำสอนแห่งศาสนา ซึ่งพระคำล้ำลึกเราพบว่ามีน้อยมาก และคนที่มีบุญโชคดีจึงจะได้พบ เป็นการช่วยเหลือของพระวิญญาณบริสุทธิ์ สรรเสริญพระเจ้า
คริสเตียนศาสนา และแม้บางคนที่ได้ยิน มาชิมลิ้มรสแห่งพระคำล้ำลึกนี้ บางคนมาพบมานาฯ แล้วน่ะ แล้วก็มาร่วมกับพวกเราอาจจะหลายปี แต่น่าเสียดายน่ะ ยังไม่รู้และไม่เชื่อ ในพระคัมภีร์มีหลายรอด และมี 2 รอดใหญ่ๆ ด้วยกันอันนี้เขาไม่เชื่อ และเขาก็ไม่รับด้วย ซึ่งเขาก็เคยมาฟัง มาอ่านมารับรู้มาสัมผัสกับพระคำแห่งความจริง และอันที่สอง ก็คือความรอดและอาณาจักร ไม่ใช่อันเดียวกัน เขาไม่รู้แล้วเขาก็ไม่รับแล้วเขาก็ไม่เชื่อ ถามว่าทำไม คนมากมายจึงไม่รู้เรื่องอาณาจักร และไม่เชื่อเรื่องอาณาจักร และไม่รู้เรื่องความรอดมี 2 รอด และไม่ยอมรับเรื่องความรู้ความรอดมี 2 รอด ถามว่าทำไม ทำไม?
เพราะว่าอาณาจักรเป็นข้อลึกลับ หรือเป็นความลับ ภาษาอังกฤษก็คือ Mystery ก็คือ The Secret มัทธิวบทที่ 13:11, 13, 16, 17 ข้อลึกลับแห่งอาณาจักรไม่ได้เปิดให้พวกเขาแต่เปิดให้พวกท่าน คนที่ถ่อมใจเท่านั้นจึงจะพบอาณาจักรนี้ สรรเสริญพระเจ้า
ถ้าหากความรอดในวันสุดท้าย และการเข้าอาณาจักรเป็นเรื่องเดียวกัน แล้วมันก็จะขัดแย้งว่าทำไมบางที่พูดว่าเชื่อเท่านั้นก็ได้รอด ความรอดไม่ใช่โดยการกระทำโดยการทำดีการเลิกทำบาปการเชื่อฟังการรักษาพระบัญญัติ
แต่ความรอดได้มาโดยทางความเชื่อ เชื่อเท่านั้นก็ได้รอดแล้ว เปาโลพูดย้ำว่าความรอดเป็นของขวัญ ที่พระเจ้าประทานให้เราโดยฟรีๆ ไม่ต้องจ่ายค่าอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องทำอะไรเพื่อที่จะแลกเอาความรอดจากพระเจ้ามา (อฟ 2:8-9)
แล้วอีกที่หนึ่ง พระเยซูตรัสว่า ความชอบธรรมของท่านต้องเหนือฟาริสีและธรรมอาจารย์ ท่านจึงจะเข้าในอาณาจักรได้ เป็นการขัดแย้งกันใช่ไหมในพระคัมภีร์ แต่เราขอบคุณพระเจ้าในวันนี้ที่เราพบว่า อ๋อ ความรอดที่เปาโลพูดถึงก็คือความรอดในวันสุดท้าย รอดโดยพระคุณทางความเชื่อ พระเจ้าเมตตาสงสารเราจึงให้เราได้รอด
เกิดเก่าเป็นคนบาป บังเกิดใหม่เป็นคนชอบธรรม เกิดเก่าทำบาป บังเกิดใหม่พระเจ้าเป็นคนกระทำทุกสิ่งในเรา ให้เราได้มีโอกาสเป็นคนชอบธรรมบริสุทธิ์เท่าเทียมกับพระเจ้า เท่าเทียมกับคนที่รักษาพระบัญญัติได้ครบ แต่เราไม่ได้รักษาอะไรเลย แต่โดยพระคริสต์เป็นคนรักษาพระบัญญัติแทนเราทำดีแทนเรา เป็นคนชอบธรรมบริสุทธิ์แทนเรา พระองค์ยกทุกสิ่งให้เรา เราจึงกลายเป็นคนบริสุทธิ์และชอบธรรม ต่อสายพระเนตรของพระเจ้าในวันนี้ สรรเสริญพระเยซู
เพราะฉะนั้นเรื่องอาณาจักร และก็เรื่องพระคริสต์ในเรา พระคริสต์ดำเนินชีวิตแทนเรา เป็นข้อลึกลับ แล้วก็เป็นข้อลึกลับเป็นความลับที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด ซึ่งถ้าพระเจ้าไม่เปิดไม่มีใครจะได้เห็น เขาจะค้นยังไงเขาจะหายังไงอ่านพระคัมภีร์ร้อยรอบ ไม่ว่าแต่ร้อยรอบ ล้านรอบก็จะไม่พบข้อลึกลับนี้ เราเห็นใจเขาสงสารเขาที่เขามาไม่ถึง แต่ก็ไม่เป็นไรเราอธิษฐานเผื่อเขา
ซึ่งก่อนที่ผมจะพูดต่อนะครับ ก็ได้ เมื่อวานนะครับ ก็ได้ลงข้อความที่ผมมีโอกาสได้สนทนากับน้องชายคนนึง ซึ่งเขาก็เคยมารับมานาฯ น่าจะ 2-3 ปีจำไม่ได้นะครับ น่าจะประมาณนั้น แล้วเขาก็เป็นคนที่แสวงหาเหมือนกันนะครับ ซึ่งเขาออกจากคริสตจักรเก่าแล้วก็มาร่วมกับพวกเราระยะหนึ่ง แต่ปรากฏว่ามาถึงทุกวันนี้นะครับเขาสรุปว่า พระคริสต์ทำแทนไม่มี เดี๋ยวผมจะอธิบายตอนท้ายๆ ของบทความที่ผมเขียนเอาไว้
แล้วก็เขาก็บอกว่าเชื่อเท่านั้นไม่พอจะไม่รอดเป็นอันขาด ต้องเป็นคนที่ชอบธรรม ต้องรักษาพระบัญญัติ ต้องเชื่อฟังพระเจ้า เลิกทำบาปให้ได้โดยสิ้นเชิง จึงจะรอดได้ แล้วผมก็ถามเขาไปนะครับว่า แล้วทุกวันนี้น้องชายเลิกทำบาปได้ทั้งหมดหรือยัง เขาบอกว่าผมเลิกทำบาปได้ทั้งหมดแล้ว เขาน่าจะอายุประมาณนะครับประมาณ 30 กว่า ถ้าผมอาจจะเดาผิดนะครับ ดูจากหน้าตารูปร่าง น่าจะประมาณ 30 กว่า แล้วเขาก็บอกว่ายืนยันนะครับว่าเลิกทำบาปได้โดยสิ้นเชิง
ผมก็เลยยกข้อพระคัมภีร์หนึ่ง ก็คือ 1 ยอห์น 1:8 (ถ้าเราทั้งหลายจะว่าเราไม่มีบาป เราก็หลอกตัวเอง และความจริงไม่ได้อยู่ในเราเลย) ใครที่บอกว่าตนเองไม่มีบาปและเลิกทำบาปได้ ไม่มีความผิดอีกแล้วนะครับ คือเป็นผู้ชนะแล้ว 100% นะครับ ไม่มีการทำบาปอีก ก็คือเขาหลอกตัวเองแล้วเขาหลอกพระเจ้าโกหกพระเจ้าด้วย เขาก็ไปเรื่องอื่น เขาไม่อธิบายตรงนี้
แล้วเขาก็ถามผมนะครับว่า งั้นอาจารย์เจสอนพี่น้องกลุ่มมานาฯ ให้ทำบาปต่อไปเหรอ ผมก็บอกว่ามันไม่ใช่แบบนั้น คือการที่เราจะเลิกทำบาปได้ เราไม่ได้พึ่งตัวเราเอง แต่เราพึ่งพาพระคริสต์ และการที่จะพึ่งพาพระคริสต์เราต้องวางต้องปล่อยต้องวาง ไม่ต้องไปแตะพระบัญญัติ คือเราขอพระเจ้าชำระเรา ถ้าเราสูบบุหรี่ เรากินเหล้า เราทำบาปโดยที่เราเลิกไม่ได้ เราไม่ต้องไปแตะ คือเรากินแต่เราอธิษฐาน เสียใจขอการชำระโดยพระเจ้า เพราะว่านี่คือสิ่งที่พระเจ้าไม่พอพระทัย
"พระองค์ขอพระองค์เมตตาข้าพระองค์ ข้าพระองค์อยากเลิก อยากทำให้ทุกสิ่งในชีวิตเป็นที่พอพระทัยชอบพระทัยของพระบิดา เมตตาข้าพระองค์เถิดชำระด้วย" คือเราพูดแบบนี้ แล้วเราเน้นที่การสนิท ไม่ใช่เน้นที่การทำการพยายาม เรา trust นะครับ ไม่ต้อง try เข้าใจนะครับภาษาอังกฤษ trust ก็คือวางใจ ไม่ใช่พยายาม ก็คือ try นะครับ
ผมอธิบายแบบนี้ เขาก็บอกว่าพระเจ้าทำแทนเนี่ยไม่มีจริง พระเจ้าช่วยเราให้เลิกทำบาปได้เนี่ยไม่มีจริง เราต้องทำเอง ก็น่าเสียดายที่เขาได้มาชิมมาลิ้มรสของพระคำแห่งความจริง แล้วก็มีบางคนมาจิกเขามาฉุดเขาไปเอาเขากลับไป ตกกับดักอยู่ในกับดักของซาตานเหมือนเดิม ก็อธิษฐานเผื่อเขานะครับ เรารักเขานะครับ เขาก็เป็นน้องชายคนหนึ่งที่เขาบอกว่าเขารักพระเจ้า
แต่ถ้ามีใครนะครับจะบอกว่าเลิกทำบาปได้โดยสิ้นเชิง คืออันนี้ก็คือจะขัดแย้งกับ 1 ยอห์น 1:8 ก็คือโกหกตัวเองและโกหกพระเจ้าด้วย พระเจ้าเห็นนะครับว่าเราแอบซ่อน เราไปหลบหลีก ไปลี้ไปทำบาปที่ลับตาคนนะครับ คือคนเราเนี่ยเราโกหกใครก็ได้แต่โกหกตัวเองไม่ได้ โกหกพระเจ้าไม่ได้ เอเมนมั้ยครับ
แล้วเขาถามว่าแล้วอาจารย์ล่ะ แล้วพี่น้องมานาฯ ล่ะไปถึงไหนแล้ว เลิกทำบาปได้ยัง ผมตอบตามความจริงนะครับ โดยพระคุณพระเจ้า พระเจ้าเปลี่ยนเเล้วก็ทำให้ผมเลิกไปได้มากมาย สรรเสริญพระเยซูตรงนี้ ผมไม่อวดตัวเอง แล้วก็ผมนะครับก็คือยังทำบาปอยู่นะครับ ยังทำบาปบางครั้ง เผลอบางครั้ง หลุดบางครั้ง แต่ขอบคุณพระบิดา ผมกลับมาได้อย่างรวดเร็ว และกลับมาอยู่ในสถานะของคนที่เป็นผู้ชนะได้ อันนี้ก็คืออวดพระคริสต์ ผมก็บอกเขานะครับว่าผมอวดพระคริสต์ ไม่ได้อวดตัวเอง ผมเองทำไม่ได้
ซึ่งเมื่อผมอธิบายไปแล้วพูดไปแล้ว แล้วเขาก็ไม่รับนะครับ ผมจึงเลือกที่จะขอจบ แต่เขาก็ยังพูดต่อนิดนึงนะครับ เขาเห็นว่าผมไม่ต่อ เขาก็เลยหยุด
เราพบความจริงนะครับคืออาณาจักรเป็นข้อลึกลับ พระคริสต์ทำแทน พระคริสต์อยู่ในเราเป็นข้อลึกลับ เพราะฉะนั้นไม่ใช่ว่าคนที่อ่านแล้วก็ได้ฟังได้ยินในยูทูป ในที่ผมพูดนะครับก็คือเขาก็อาจจะได้ยินข่าวประเสริฐ หรือคำสอนที่น่าฟัง แต่เรื่องการเปิดตาเนี่ย ตาที่ 3 นะครับจะถูกเปิดได้ก็เป็นโดยพระวิญญาณแห่งความจริงที่จะมาเปิดให้ท่าน
ผมขอบคุณพระเจ้า สำหรับพี่น้องกลุ่มพวกเรา ที่พระเจ้าเปิดตาที่ 3 ให้แล้ว โดยพระวิญญาณแห่งความจริง เราสรรเสริญพระวิญญาณบริสุทธิ์ เอเมน
สำหรับเรื่องพระเจ้าทำแทนนะครับ หรือพระเจ้าดำเนินชีวิตในเราผ่านเราแทนเรา ถามว่าทำไมเขาไม่รู้ ผมขอย้ำนะครับ ใน โคโลสีบทที่ 1:27 พระคริสต์ในเราเป็นข้อลึกลับที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด
และสำหรับเรื่องข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักร เราพบว่าอาณาจักรเนี่ย ซาตานมันฉลาดมาก ในพระคัมภีร์ภาษาอังกฤษบางฉบับนะครับ แล้วก็ภาษาไทยภาษาลาวภาษาจีนภาษาหลายๆ ภาษาในโลกนี้นะครับ ถูกเปลี่ยนไปแล้ว จากอาณาจักรสวรรค์ เป็นแผ่นดินสวรรค์ หรือสวรรค์ ทำให้ผู้เชื่อมากมายเข้าใจว่า อ๋อ อาณาจักรสวรรค์อาณาจักรของพระเจ้า ก็คือสวรรค์นี่เอง เราก็แสวงหาสวรรค์ ก็คือทำอะไรก็ได้ให้รอด บางกลุ่มก็บอกว่าเชื่อเท่านั้นก็รอด บางกลุ่มก็บอกว่าเชื่อไม่พอต้องรักษาพระบัญญัติจึงจะรอดได้เข้าสวรรค์ เขาก็ลืมไปเลยนะครับว่าอาณาจักรสวรรค์คืออะไร แล้วก็เขาก็ไม่รู้ มันถูกปิดนะครับ
จริงๆ แล้วพระเจ้านะครับก็ฉวยโอกาสใช้ซาตานนี่แหละ ให้ไปหลอกไปล่อไปปิดหูบังตาคนที่หยิ่ง ผยอง พองตัว คนที่อวดตัว อวดรู้ อวดดี อวดฉลาด อวดเก่ง คนเหล่านี้นะครับไม่มีโอกาสที่จะได้พบข้อลึกลับแห่งอาณาจักร
ถามว่าอาณาจักรสำคัญมากแค่ไหน เรารู้ดีใช่ไหม ยอห์นเริ่มต้นออกมาประกาศ เริ่มต้นรับใช้พระเจ้า ยอห์นพูดอะไรก่อน สวรรค์ หรือความรอด หรือรักษาพระบัญญัติ หรืออะไรครับ
อ่านข้อความสามัคคีธรรมกับน้องชาย>>>
ยอห์นประกาศว่า จงกลับใจเสียใหม่เพราะว่าอาณาจักรสวรรค์มาใกล้แล้ว เมื่อพระเยซูเสด็จมา พระเยซูเสด็จมาในมัทธิวบทที่ 4:17 พระเยซูประกาศว่า จงกลับใจเสียใหม่ เพราะว่าอะไร? ความรอดมาถึงแล้ว สวรรค์มาถึงแล้ว หรือว่าอะไร? อาณาจักร เอเมน อาณาจักรสวรรค์มาใกล้แล้ว มัทธิวบทที่ 3:2 มัทธิวบทที่ 4:17, 23 มัทธิวบทที่ 9:35 พระเยซูประกาศข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักรนี้
แล้วก็พระเยซูตรัสว่า อาณาจักรสวรรค์เป็นของผู้ที่ยากจนฝ่ายวิญญาณ คืออะไรครับยากจนฝ่ายวิญญาณ ก็คือคนที่ยอมฟังผู้อื่น คนที่ยอมเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ เข้ามา คนที่ยอมทิ้งสิ่งเก่าๆ ที่มันเหมือนจะผิดดูจะผิดเห็นว่าจะผิดแล้วนะครับ ไม่ถูกต้องแล้ว ยอมทิ้งมันไป แล้วรับสิ่งใหม่เข้ามาก็คืออาณาจักร
แล้วก็อาณาจักรสวรรค์นะครับ ผู้ที่ถูกข่มเหงเพราะเห็นแก่ความชอบธรรมและเห็นแก่พระคริสต์ จะได้เข้าไป ในมัทธิวบทที่ 5:10
คนที่กระทำตามน้ำพระทัยของพระบิดาเท่านั้นจึงจะเข้าได้ ในมัทธิวบทที่ 7:21
เราเห็นนะครับผู้เชื่อมากมายยืนอยู่ต่อหน้าพระเยซู เมื่อถึงวันพิพากษาที่พระที่นั่งของพระคริสต์บนท้องฟ้า แล้วหลายคนนะครับบอกว่าข้าพระองค์ประกาศข่าวประเสริฐ ข้าพระองค์เชื่อ ข้าพระองค์ทำนู่นนี่นั่น ข้าพระองค์ควรจะเข้าไปไม่ใช่เหรอ พระเยซูตรัสว่าจงถอยไปจากเรา พวกเจ้าไม่กระทำตามพระบัญญัติใหม่ของเรา นี่คือแปลกรีกนะครับ ผู้ที่ไม่มีพระบัญญัติของเรานะครับ
เพราะฉะนั้นคนที่จะได้เข้าอาณาจักร ก็คือต้องมีความชอบธรรมเหนือกว่าฟาริสีและธรรมจารย์ ในมัทธิวบทที่ 7:21
คนที่ถือรักษาพระบัญญัติใหม่ของพระคริสต์เท่านั้น จึงจะเข้าได้ มัทธิวบทที่ 7:23
และต้องแย่งชิงกันเข้าไปจึงจะเข้าได้ มัทธิวบทที่ 11:12
ต่อมาพระเยซูทรงสั่งสาวกให้ประกาศเรื่องอาณาจักร ก็คือในมัทธิวบทที่ 10:17
แล้วเราทุกวันนี้ได้ประกาศเรื่องอาณาจักรหรือไม่ ถ้าประกาศก็สรรเสริญพระเจ้านะครับ ถ้ายังก็หาโอกาสที่จะประกาศกับพี่น้อง ช่วยเหลือพี่น้องศาสนามากมายที่ยังไม่ได้พบนะครับ มัทธิวบทที่ 13:11, 17 ,19 อาณาจักรเป็นข้อลึกลับถึงแม้เขาได้ยิน แต่เขาจะไม่เข้าใจ พระเยซูพูดเอง
ต่อมานะครับพระเยซูสอนให้เราอธิษฐานขอให้ อาณาจักรสวรรค์นี้ลงมาตั้งอยู่ในโลกนี้ คือในมัทธิวบทที่ 6:10
และพระเยซูนะครับสั่งให้เราแสวงหาอาณาจักร มากกว่าสิ่งอื่นใด ในมัทธิวบทที่ 6:33
ขอบคุณพระเจ้าวันนี้เราพบอาณาจักรแล้ว เอเมน
แล้วในอาณาจักรของพระเจ้ายังมีผู้ที่จะเป็นน้อย เป็นผู้เล็กน้อย และเป็นผู้ยิ่งใหญ่นะครับ เป็นผู้ที่มีตำแหน่งสูงส่ง และเป็นผู้ที่อาจจะไม่มีตำแหน่งอะไรเลยนะครับ ก็เดินไปมาอยู่อาศัยอยู่ในอาณาจักร แต่ก็ยังดีใช่ไหม ดีกว่าที่ไม่ได้เข้าในอาณาจักร แต่ถูกตีสอนในเกเฮนาเป็นเวลาพันปี
ในมัทธิวบทที่ 18:1 พระเยซูตรัสว่า คนที่จะเป็นใหญ่ก็คือคนที่แสวงหาการใกล้ชิดพระเยซู อยู่ใกล้พระเยซู ไม่ใช่พยายามทำดี ไม่ใช่สร้างโบสถ์หลายๆ หลัง ไม่ใช่นำคนมาเชื่อมากมาย ไม่ใช่ครับ น้องชายคนนั้นถามผมนะครับว่า อาจารย์นำคนมาเชื่อได้กี่คน รู้ไหมครับว่าผมตอบยังไง ผมไม่ตอบนะครับเพราะว่า การที่เราจะนำคนมาเชื่อได้กี่คน หรือมีผลงานอะไรนะครับ ก็เป็นผลของพระคริสต์ ไม่ใช่ผลของเรา เราอวดพระคริสต์ต่างหาก เอเมน
อีกครั้งคนที่จะเป็นใหญ่นะครับ แสวงหาการใกล้ชิดพระเยซู บอกรักพระเยซูทุกวัน สนิทในพระเยซูทุกวัน มีความผูกพันที่ดีกับพระองค์ เป็นคนรักที่น่ารักที่สุดของพระเยซูเท่านั้นเองครับ พระเจ้าจะเป็นคนกระทำในเราอย่างมากมายเกิดผลอย่างมหาศาล และสุดท้ายเราก็จะเป็นใหญ่
มัทธิวบทที่ 5:13-15 เกลือที่มีรสเค็มเท่านั้น และตะเกียงที่ส่องสว่างเท่านั้น จึงจะได้เข้าในอาณาจักรนี้ เกลือที่มีรสเค็มนะครับก็คือการดำเนินชีวิตที่มีความรัก มีความดี มีความชอบธรรม กระทำดีกระทำคุณ อดทนนานต่อผู้อื่น และส่องสว่างนะครับก็คือเรามีคุณสมบัติท่าทีอาการ การเดินการพูดการนั่งการยืนไปมา ท่าทางบุคลิกลักษณะ เป็นเหมือนพระเจ้านะครับ ซึ่งให้พระเยซูเป็นคนกระทำและเปลี่ยนท่าทีของเรา
หลายคนนะครับที่เป็นผู้รับใช้และเป็นผู้ชอบธรรมนะครับ จะเข้าไม่ได้ เขาเชื่อว่าเขาเป็นคนชอบธรรมคนดี หลายคนในคริสตจักรทุกวันนี้ทำตนเป็นคนดีมากใช่ไหมเราเห็นนะครับ บางคนนะครับท่าทางท่าทีอาการสุภาพเรียบร้อยคำพูดคำจา แล้วก็ชอบสั่งสอนผู้อื่นนะครับ เป็นคนดีและเป็นคนชอบธรรมเนี่ย พระเยซูบอกว่าจะเข้าไม่ได้ มัทธิวบทที่ 13:11, 17, 19
และคนที่สวมเสื้อที่เหมาะกับงานเท่านั้น จึงจะเข้าได้ ก็คือคนที่มีจิตใจใหม่แล้ว มัทธิวบทที่ 22:12
และคนที่เป็นเหมือนเด็กนะครับจะเข้าได้ มัทธิวบทที่ 18:3 คนที่เป็นเหมือนเด็กคืออะไรครับ คนที่เป็นเหมือนเด็กเท่านั้น ที่จะเข้าในอาณาจักรได้ เด็กอายุกี่ปี เด็กมันมีลักษณะแบบไหนจึงจะเข้าได้ เด็กเล็กๆ จะใสๆ ซื่อๆ ใช่ไหม คือเป็นคนใสซื่อ เป็นคนที่ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่มีอะไรนะครับที่อยู่ภายในใจ คืออยากพูดอะไรก็พูด อยากว่าอะไรก็ว่า อยากทำอะไรก็ทำ
และโดยเฉพาะในที่นี้นะครับที่พระเยซูตรัสถึงคนที่จะต้องเป็นเด็ก ก็คือในมัทธิวบทที่ 18:4 ก็คือการเน้นที่การยกโทษบาป ยกโทษให้ผู้อื่น ไม่ถือสา ไม่จดจำความผิดของผู้อื่น เด็กนะครับมันตีกันมันทะเลาะกัน ไม่ถึง 5 นาทีมันก็กลับมาเล่นด้วยกันได้ ไม่ว่าจะเป็นร้อยครั้งพันครั้งที่ทะเลาะกัน สุดท้ายก็มาเล่นด้วยกันได้ มาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ใช่ไหมครับ
พระเจ้าต้องการให้เราเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ ในลักษณะนี้ครับ แต่ผู้ใหญ่เนี่ยไม่ได้ใช่ไหม ทำผิดครั้งหนึ่งก็พออภัย ครั้งที่สองก็พอได้ แต่ครั้งที่สามที่สี่เนี่ย เราเริ่มจะไม่ชอบและไม่อยากอภัยแระ ใช่มั้ย
เพราะฉะนั้นพระเจ้าต้องการให้เราเป็นเด็กเล็กๆ ขอพระองค์ทรงชำระเรา เอเมน
ในมัทธิวบทที่ 18:21-35 เราต้องอภัยแก่พี่น้องโดยไม่มีขีดจำกัด ก็คือเป็นเหมือนเด็กนั่นแหละ
และสำหรับคนที่จะเข้าในอาณาจักรนะครับ ก็คือเปรียบเหมือนหญิงพรหมจารี 10 คน ที่ 5 คนเท่านั้นที่จะได้ไปรับเจ้าบ่าว มัทธิวบทที่ 25:1 ก็คือคนที่มีน้ำมันเตรียมมาเผื่อด้วย ก็คือมีพระวิญญาณบริสุทธิ์ครอบครองจิตใจแล้ว ก็คือคนที่เลิกทำบาปแล้วอย่างมากมาย ซึ่งบางครั้งอาจจะหลุดอาจจะเผลออาจจะพลาดพลั้ง แต่กลับเข้ามาสนิทในพระเยซูและดำเนินชีวิตในลักษณะของผู้ชนะต่อไป
แล้วเรื่องอาณาจักร ข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักร พระเยซูตรัสว่าข่าวประเสริฐนี้จะประกาศไปทั่วโลก ทุกมุมโลกก่อน แล้วอาณาจักรจะมา ก็คือมัทธิวบทที่ 24:14
แล้วพระเยซูเห็นความสำคัญของอาณาจักรมากนะครับ ถึงแม้ว่าพระองค์ฟื้นคืนพระชนม์พระเยซูอยู่กับสาวก 40 วัน พระเยซูพูดเรื่องเดียวนะครับก็คือพระองค์สั่งสอน เรื่องอาณาจักร กิจการบทที่ 1:3 นะครับกล่าวไว้
แล้วเราพบว่าพี่น้องผู้เชื่อมากมายไม่เห็นความจริง ก็คือเปาโลประกาศนะครับ เปาโลเป็นคนประกาศเรื่องอาณาจักรเนี่ยมากกว่าทุกเรื่อง เรื่องข่าวประเสริฐท่านก็ประกาศ เรื่องความรอดท่านก็ประกาศ เรื่องสันติสุขเรื่องอะไรท่านก็ประกาศ แต่เรื่องหนึ่งนะครับที่ท่านประกาศมากกว่าทุกเรื่อง และเห็นความสำคัญของข่าวประเสริฐนี้มาก ก็คือเรื่องอาณาจักร
เราไปดูนะครับกิจการบทที่ 14:22 เราทั้งหลายจำต้องทนความยากลำบากมากจนกว่าจะได้เข้าอาณาจักรของพระเจ้า
เปาโลกล่าวโต้แย้งในธรรมศาลาด้วยใจกล้าสิ้น 3 เดือน 3 เดือนนะครับอยู่กับชาวยิว 3 เดือนนะครับชักชวนให้เชื่อในสิ่งที่กล่าวถึงเรื่องอาณาจักรของพระเจ้า กิจการบทที่ 19:8
แล้วก็ ข้าพเจ้ามาหาท่านในไม่ช้านี้ และข้าพเจ้าจะหยั่งดู มิใช่ถ้อยคำของคนที่ผยองเหล่านั้น แต่จะหยั่งดูฤทธิ์อำนาจของเขาเพราะว่าอาณาจักรของพระเจ้ามิใช่เรื่องของคำพูดแต่เป็นเรื่องของฤทธิ์เดช 1 โครินธ์บทที่ 4:19-20
และเยซูซึ่งมีชื่ออีกว่า ยุสทัส ก็เช่นกันซึ่งอยู่ในคณะที่เข้าสุหนัตจำเพาะคนเหล่านั้นเท่านั้นที่เป็นเพื่อนร่วมงานกับข้าพเจ้าในอาณาจักรของพระเจ้า ซึ่งเป็นที่หนุนใจของข้าพเจ้า โคโลสีบทที่ 4:11
เมื่อเขานัดวันพบกับท่านคนเป็นอันมากก็พากันมายังที่อาศัยของพวกท่าน ท่านจึงกล่าวแก่เขาตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น เป็นพยานถึงอาณาจักรของพระเจ้า และชวนเขาให้เชื่อในพระเยซู กิจการบทที่ 28:23
เปาโลจึงได้อาศัยอยู่ครบสองปีในบ้านที่ท่านเช่า และได้ต้อนรับคนทั้งปวงที่มาหาท่าน ทั้งประกาศเรื่องอาณาจักรของพระเจ้า และสั่งสอนเรื่องพระเยซูโดยใจกล้า ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดขัดขวางท่าน กิจการบทที่ 28:31
ขอบคุณพระเจ้าที่เราพบว่าอาณาจักรของพระเจ้า เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เป็นข่าวประเสริฐที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เป็นข่าวประเสริฐที่พระเจ้าต้องการให้เราได้พบได้แสวงหาและได้ประกาศกับผู้เชื่อทุกคน แต่น่าเสียดายที่คนมากมายยังมาไม่ถึงอาณาจักรของพระเจ้า ไม่ได้แสวงหาอาณาจักรของพระเจ้า
และเราทราบดีกันแล้วใช่ไหม ว่าอาณาจักรของพระเจ้าทุกวันนี้ ก็คือคริสตจักร ก็คืออาณาจักรสวรรค์
และอาณาจักรของพระเจ้า คืออาณาจักรสวรรค์ ก็คือยุคพันปีในยุคหน้า
และอาณาจักรของพระเจ้าในที่สิ้นสุดชั่วนิรันดร์ ก็คือฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่
ขอบคุณพระเจ้าที่เราได้ถูกเปิดตา เราได้พบอาณาจักรของพระองค์แล้ว เอเมน
และเรื่องที่สำคัญที่เราพลาดไม่ได้เมื่อเราพบอาณาจักรแล้วนะครับ เราต้องรู้ข้อลึกลับที่ลึกลับที่สุดที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด ก็คือพระคริสต์ทรงดำเนินชีวิตในเราผ่านเราและแทนเรา
สำหรับคริสเตียนชาวต่างประเทศซึ่งเป็นฝรั่งเนี่ยเขาจะเข้าใจดี ในภาษาอังกฤษนะครับใช้คำว่า christ live for you คือเป็นคำที่เข้าใจง่าย เป็นคำที่รับได้ง่ายๆ แต่ถ้าเราจะมาแปลเป็นภาษาไทยภาษาลาวภาษาต่างๆ นะครับว่าพระคริสต์ดำเนินชีวิตแทนเรา พระคริสต์ทำแทน คำนี้มันดูฟังยากใช่ไหม แล้วคนไทยคนลาว ก็คือรับไม่ได้นะครับ อะไรพระเจ้ามาทำแทนเราทำไม พระเจ้าเป็นผู้ยิ่งใหญ่สูงส่งอยู่บนสวรรค์มีเกียรติ แล้วเราเป็นคนต่ำต้อยเป็นคนบาป พระเจ้าจะมาอยู่ในเราและทำแทนเรา เพื่ออะไร ทำทำไม มันไม่สมเหตุสมผล
แต่เราขอบคุณพระเจ้า ที่พระเจ้าได้เปิดให้เราพบว่าเราเป็นคนบาป เราตกต่ำ ชีวิตเรานะครับตกอยู่ภายใต้การสาปแช่ง ตัวบาปเป็นเจ้านาย เป็นเจ้าของ เป็นผู้ครอบครองชีวิตของเรา เราจึงทำอะไรไม่ได้ เมื่อเราจะทำดีเมื่อไหร่ ตัวบาปก็จะครอบคลุมและกำหนดเราและสั่งเราและบังคับเราให้ไปทำชั่วไปทำบาป ในโรมบทที่ 7 นะครับเปิดเผยว่ามนุษย์เป็นคนที่ตกต่ำและเป็นคนบาป
แล้วพยายามรักษาพระบัญญัติ ยิ่งพยายามเท่าไหร่ เสื้อตัวเก่า หรือชีวิตเก่าของเรามันจะยิ่งขาด ก็คือระเบิด เราจะระเบิดนะครับ ก็คือไม่ไหวแล้วร้องโวยวาย เหมือนท่านเปาโลที่ตะโกนในโรมบทที่ 7:24 โอ๊ยข้าพเจ้าทำไมเป็นแบบนี้ โอ๊ยทำไมข้าพเจ้าไม่มีทางออกเลย ไม่มีความหวังเลยในชีวิตในตัวของข้าพเจ้า
แต่ในที่สุดขอบพระคุณพระเจ้าในโรมบทที่ 7:25 เปาโลพูดต่อว่า ขอบคุณพระเจ้าโดยทางพระเยซูคริสต์ข้าพเจ้าจึงรักพระบัญญัติ และทำตามไม่ได้ แต่ในโรมบทที่ 8 ขอบคุณพระเจ้าที่กฎแห่งพระวิญญาณและกฎแห่งชีวิตได้เข้ามาเอาชนะกฎแห่งความบาปและกฎแห่งความตายได้ข้าพเจ้าจึงพ้นจากสิ่งเหล่านี้ สรรเสริญพระเยซูฮาเลลูยา
เราพบพระคริสต์ในเราแล้ว และกฎแห่งความบาปกฎแห่งความตายเอาชนะกฎแห่งพระวิญญาณไม่ได้อีกต่อไปแล้ว สรรเสริญพระเจ้า
แล้วใครบอกว่า พระคริสต์ทำแทนไม่มี พระคริสต์ดำเนินชีวิตแทนเราไม่มี ไม่มียังไงครับ ข้าพเจ้าถูกตรึงกับพระคริสต์แล้ว ข้าพเจ้าจึงไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า กาลาเทียบทที่ 2:20
และพระเยซูตรัสเองว่า ผู้ใดที่กินเราก็จะมีชีวิตอยู่โดยเรา ไม่ใช่โดยตัวของท่านเอง คนที่มีชีวิตอยู่โดยพระคริสต์นะครับ ก็คือพระคริสต์จะเป็นคนมีชีวิตให้เรา ไม่ใช่เราทำ ไม่ใช่เราเดิน ไม่ใช่เรารัก ไม่ใช่เรายกโทษ ไม่ใช่เราพยายามเลิกทำบาป แต่พระเยซูจะทำให้เราเองอยู่ในเรา ยอห์นบทที่ 6:57 เอเมน
พระคริสต์ทำแทนไม่มีเหรอ ไม่มียังไงครับ สำหรับข้าพเจ้าเปาโลพูดโดยพระวิญญาณ สำหรับข้าพเจ้าการมีชีวิตอยู่ก็คือพระคริสต์ ฟีลิปปีบทที่ 1:21 For to me to live is Christ ฟังดีๆ นะครับ For to me to live is Christ แต่ภาษาไทยนะครับแปลว่า สำหรับข้าพเจ้าการมีชีวิตอยู่ก็อยู่เพื่อพระคริสต์ ผิดไปแล้วครับเพี้ยนไปแล้วนะครับ ความจริงนะครับภาษากรีก สำหรับข้าพเจ้าการมีชีวิตอยู่ก็คือพระคริสต์ ก็คือพระคริสต์ที่เป็นคนที่มีชีวิตไม่ใช่ข้าพเจ้า
ยังต้องการอีกไหม พระคริสต์ทำแทนไม่มีหรอ เปาโลพูดโดยพระวิญญาณนะครับ พระวิญญาณขยายใหญ่ขึ้นในข้าพระเจ้า พระคริสต์นะครับขยายใหญ่ขึ้นในข้าพเจ้า Christ magnified in my body ก็คือฟีลิบปีบทที่ 1:20 จะไม่มีได้ยังไงครับ
หรือว่าเปาโลพูดกับท่านเองไม่ได้พูดกับพวกเราไม่ได้พูดเผื่อพวกเรา ไม่จริงนะครับ กาลาเทียบทที่ 4:19 จนกว่าพระคริสต์จะได้ทรงก่อร่างขึ้นในตัวท่าน ในตัวท่านนะครับในที่นี้เป็น plural ก็คือเป็นจำนวนมาก คนมากมายนะครับจะได้รับการก่อขึ้นก่อร่างขึ้นโดยพระคริสต์ในตัวพวกเรา กาลาเทียบทที่ 4:19 เอเมน
อีกครั้งนะครับ พระคริสต์ทำแทนไม่มีเหรอ เปาโลพูดโดยพระวิญญาณอีกนะครับ ในโรมบทที่ 6:13 จงให้อวัยวะของท่าน จงถวาย จงให้อวัยวะของท่าน เป็นเครื่องใช้ในการชอบธรรมถวายแด่พระเจ้า ถวายนะครับไม่ใช่ไปทำนะครับ ก็คือถวายอวัยวะให้พระคริสต์เป็นคนใช้เพื่อสำแดงพระองค์ออกมาผ่านเรา ขอบคุณพระเจ้าเอเมน
แล้วที่สำคัญเราพบว่ายอห์นบทที่ 15:5 จงสนิทในเรา พระเยซูตรัสเอง จงสนิทในเราและเราเข้าสนิทอยู่ในท่าน กิ่งจะออกผลเองไม่ได้นอกจากจะติดอยู่กับเถาฉันใด ท่านทั้งหลายจะเกิดผลไม่ได้ นอกจากจะเข้าสนิทในเราฉันนั้น เอเมน
และในกาลาเทียบทที่ 5:22-23 เปิดเผยความลับ ผลที่พระเยซูตรัสในยอห์นบทที่ 15:5 ผลนี้คืออะไร ก็คือผลของพระวิญญาณ คือความรัก ความปราบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจ ความปราณี ความอ่อนโยน ความดี ความเชื่อ ความอ่อนสุภาพนอบน้อม การรู้จักบังคับตน สรรเสริญพระเจ้าเราพบแล้วสิ่งเหล่านี้ เราอาจจะทำได้เล็กๆ น้อยๆ บางครั้ง แต่การกระทำที่สม่ำเสมอในผลของพระวิญญาณ ก็คือพระวิญญาณจะเป็นคนทำเองในเราให้เราเพื่อเราและแทนเรา
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับข้อลึกลับแห่งอาณาจักรเราได้พบแล้ว ขอบคุณพระเจ้าสำหรับข้อลึกลับเรื่องพระคริสต์อยู่ในเราเป็นความหวังแห่งสง่าราศี เพื่อเราจะดำเนินชีวิตที่ชอบพระทัยของพระบิดาได้ตลอดทั้งวัน สรรเสริญพระเจ้าวันนี้เราได้พบแล้ว ฮาเลลูยาสรรเสริญพระบิดา
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับพี่น้องที่มาตัดสินที่มากล่าวหาที่มาใส่ร้ายว่าความเชื่อนี้ไม่ถูกต้อง แต่สำหรับผมถ้าจะผิดนะครับผมก็จะเอา เพราะว่าอะไรครับ เพราะว่าผมได้รับสันติสุขทุกวันเวลาไม่เหมือนเมื่อก่อน ที่ไปเชื่อถูก แต่ไม่ได้รับอะไรเลย มีแต่สวมหน้ากาก ชีวิตขึ้นลงสุขทุกข์ดีบาปไปจนตาย อันนั้นผมไม่เอาแล้ว
แล้วขอบคุณพระเจ้าทุกวันนี้ผมมีพลังที่ยิ่งใหญ่ เหมือนระเบิดไดนาไมต์ ที่เมื่อไหร่ตัวบาปพยายามที่จะบังคับผมให้ไปทำบาป มันบังคับไม่ได้ เพราะว่าผมปฏิเสธตัวเก่า ปฏิเสธเนื้อหนัง ขอดำเนินชีวิตด้วยตัวใหม่คนใหม่ แล้วพระวิญญาณนะครับกฎแห่งชีวิตกฎแห่งพระวิญญาณก็จะเข้ามาครอบครอง แล้วบาปนะครับทำอะไรไม่ได้ตัวบาปก็ไม่มีที่อาศัย
สุดท้ายขอบคุณพระเจ้า ชีวิต พระองค์รัก พระองค์ชอบพระทัย แล้วเราทุกคนนะครับมีโอกาสที่จะได้ดำเนินชีวิตที่เต็มล้นด้วยสุขทุกวันเวลาได้ และมีโอกาสที่จะดำเนินชีวิตที่เต็มด้วยพลังของพระเจ้าที่จะเลิกทำบาปได้ ขอบคุณพระเยซู
เขาจะกล่าวหาว่าเราสอนผิด รับผิดเชื่อผิด เอเมนเราเอา เพราะว่าเราได้สองสิ่งนี้มา สันติสุขทุกวันเวลา และการเลือกทำบาปได้โดยที่ไม่ต้องพยายามเลย ฮาเลลูยาสรรเสริญพระบิดา
บทเรียนสำหรับวันนี้นะครับ ก็ผมเชื่อว่าพระเจ้านำเรามาถึงเรื่องอาณาจักร แล้วก็ที่ผ่านมาเราพบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกนี้ มีอะไรหลายอย่างที่เราคาดคิดไม่ถึงไม่คาดคิดใช่ไหม แล้วข่าวเครื่องบินตกเนี่ยดูเหมือนจะเยอะมาก น้ำท่วมก็เยอะมาก อุบัติเหตุเรื่องอุทกภัย เรื่องวิกฤตทั้งหลาย เกิดขึ้นเยอะมาก ซึ่งเรารู้ดีนะครับว่ามัทธิวบทที่ 24:14 เกิดขึ้นแล้ว แล้ว 7 ปีแห่งความทุกข์ทรมานกำลังตามมา
ขอให้เราสนิทในพระเยซูให้มาก และขอให้พระองค์ชำระเราในการที่จะเลิกทำบาปทุกสิ่ง เพื่อเราจะมีโอกาสได้เข้าไปในอาณาจักร แทนที่จะถูกตีสอนในเกเฮนาเป็นเวลาพันปี และเรานะครับจะมีโอกาสครอบครองกับพระเยซูไปจนถึงชั่วนิรันดร์ ขอบคุณพระเยซู
ขอบพระคุณพระบิดาที่พระองค์เลือกพวกเราให้เป็นคนกลุ่มน้อยที่มีเกียรติที่เป็นบุคคลพิเศษ ที่พระองค์รับมาประทานสันติสุขทุกวันเวลาให้ และประทานพลังที่ยิ่งใหญ่ให้ ก็คือพระองค์เองที่เป็นกฎแห่งชีวิตและกฎแห่งพระวิญญาณ เพื่อที่จะช่วยพวกเราดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยของพระบิดา สำแดงชีวิตของพระเยซูให้ทุกคนเห็นให้โลกเห็นพระองค์ผ่านพวกเรา และเพื่อพวกเราจะได้รับมงกุฎที่พระองค์จะนำมา เมื่อพระองค์เสด็จมาเพื่อพิพากษาโลก สรรเสริญพระเยซูเอเมน
และมีอีกสิ่งหนึ่งนะครับที่ผมอยากจะหนุนใจพวกเรา ก็คือเมื่อเราฟังมานาฯ ก็ตาม หรืออ่าน ขอพระวิญญาณเปิดตาเราทุกครั้งนะครับ เพราะว่าสำหรับเรื่องการเปิดตา เป็นงานเป็นการกระทำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ “ขอ” พระบิดาขอเปิดตาข้าพระองค์ ขอให้ข้าพระองค์ได้เห็น ด้วยตาฝ่ายวิญญาณ”
ถาม.
อยากขอถามว่าพี่น้องที่เปิดตามาแล้ว แต่ตอนนี้ตาก็ปิดอีกแล้ว คือมันเป็นเพราะว่าเป็นเชื้อยีสต์มาปิดตาใช่ไหมค่ะอาจารย์ เราไปกินของที่มีเชื้อยีสต์ แล้วเชื้อยีสต์ทำให้เราปิดตาอีกครั้งใช่ไหม เชื้อยีสต์ทำให้เราตาปิดใช่ไหมค่ะ เอเมน
ตอบ.
สำหรับเรื่องนี้นะครับ เรื่องการกลับไปสู่ความรู้เดิม ความเชื่อเดิม หลักคำสอนเดิม เมื่อได้มาชิมลิ้มรสแห่งพระคำแห่งความจริงแล้ว หรือพระคำล้ำลึกแล้ว เราต้องไปดูที่มัทธิวบทที่ 13 พระเยซูเป็นคนเปิดเผยว่าทำไมเขากลับไป
สิ่งแรกนะครับ ก็คือมีบางคนที่ได้ยินได้ฟัง แล้วก็ไม่รับเลย
แล้วสิ่งที่สอง บุคคลประเภทที่สอง ก็คือเข้ามารับนะครับ แต่เจอปัญหามากมาย เจอมรสุมชีวิต เขาก็เลยคิดว่าเราน่าจะเชื่อไม่ถูก คำสอนนี้น่าจะผิด จึงทำให้ชีวิตเจอแต่มรสุม เจอแต่ปัญหามากมาย ก็เลยกลับไปนะครับ
แล้วบางคนเนี่ยก็เข้ามานะครับ มีซาตานเป็นคนที่อยู่เบื้องหลัง ก็คือพยายามชักชวนเราให้กลับไปอยู่ในคริสตจักรเดิม แล้วพยายามหลอกล่อเรานะครับ ว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผิด คือเอาคำสอนที่มันดูดีมากดูเหมือนมาก มาให้เราอ่านให้เราเห็นให้เราฟังให้เราได้ยิน สุดท้ายนะครับเมื่อมีหลายคนหลายฝ่ายหลายสิ่ง พยายามดึง มนุษย์จะมีอะไรครับ? มนุษย์มีแต่ความอ่อนแอ มนุษย์ก็คือหวั่นไหวง่าย สุดท้ายก็ตกเป็นเหยื่อของซาตาน ซาตานก็ดึงกลับเข้าไปสู่หลักความเชื่อเดิมคำสอนเดิมได้ เราไม่แปลกใจนะครับ
เพราะฉะนั้นเราอย่าประมาทนะครับ แล้วเราอย่าพูดนะครับว่า "ข้าพเจ้าจะไปถึงมานาฯ ให้จนสิ้นสุด จนสุดๆ ข้าพเจ้าจะไม่หนีไปจากมานาฯ" อย่าพูดนะครับ เพราะว่านี้คือการที่พระเจ้าไม่ชอบพระทัย เราเหมือนจะอวดกำลังของเราเองนะครับ
แต่เราควรจะพูดว่า "พระเยซูขอรักษาข้าพระองค์ ให้อยู่ในความจริง ให้อยู่ในพระคำแห่งความจริงของพระองค์ ขอรักษาข้าพระองค์ไว้" เท่านี้ครับ พระเจ้าจะเป็นคนกระทำ แล้วไม่ให้มารซาตาน ไม่ให้ใครนะครับจะมาหลอกล่อมาล่อลวงมาดึงเราให้กลับไปสู่คำสอนเดิมความเชื่อเดิม สุดท้ายก็สูญเสียสันติสุข และสุดท้ายนะครับก็ไปหลอกลวงตัวเอง ไปหลอกลวงผู้อื่นด้วย ว่าเขาชนะบาปได้แล้ว
แล้วก็มีอีกกรณีหนึ่งนะครับที่ในมัทธิวบทที่ 13 มีบางคนมาแล้วนะครับต้องการหวังผลประโยชน์ อยากจะได้ผลประโยชน์ แต่พอไม่ได้รับผลประโยชน์ เจอแต่แสงแดดเนี่ย ก็คือไม่เห็นมีเงินเดือน ไม่เห็นมีค่าจ้างรางวัล รับใช้ก็ไม่ได้อะไร ไม่มีอะไรเป็นประโยชน์สำหรับฝ่ายร่างกาย เขาก็ถดถอยไป เขาก็กลับไปสู่ศาสนาเดิม ก็ไปหาสมัครนะครับที่โบสถ์ต่างๆ เป็นอาจารย์ เป็นศิษยาภิบาล เขาก็ได้รับนะครับเงินเดือน แต่สุดท้ายพระเจ้าก็ตีสอนเขา เขาก็ล้มเหลว อันนี้ผมเจอผมเห็นมาหลายคนนะครับไม่ใช่คนเดียว
คือต้องการผลประโยชน์เนี่ยเป็นการกระทำที่ผิดเป้าหมาย เมื่อเรามาแสวงหามานาฯ แสวงหาความจริง พระคำแห่งความจริงของพระเจ้า
อีกครั้งนะครับพระเยซูตรัสว่า คนที่พบมานาฯ ก็คือคนที่พบอาณาจักรของพระเจ้า แล้วเมื่อพบอาณาจักรของพระเจ้า ไม่ต้องห่วงครับ พระเจ้าจะประทานสิ่งที่เราขาดเหลือ สิ่งที่เราต้องการ สิ่งที่เราต้องใช้ต้องกินต้องอยู่ในชีวิตฝ่ายร่างกายนี้ ไม่ต้องห่วง พระเจ้าจะเป็นคนประทานให้
แต่ขอให้เราเนี่ย แสวงหาอาณาจักรของพระเจ้าให้ครบถ้วนก่อนนะครับ
และเมื่อท่านพบอุปสรรค พบปัญหา พบเจอมรสุมชีวิต อย่าหวั่นไหว สิ่งเหล่านี้พระเจ้าส่งมาเพื่อให้เป็นครู เพื่อสอนเรา และสุดท้ายก็คือเพื่อให้เราเข้มแข็ง ให้เราเติบโต และเห็นคุณค่าของพระเจ้า
มีกวางตัวหนึ่ง ยืนอยู่ที่ริมน้ำริมแม่น้ำ อยู่ในแม่น้ำนะครับมีจระเข้มากมายพร้อมที่จะกินกวางตัวนี้เป็นเหยื่อ เมื่อมันลงไปในน้ำ แล้วมีสิงโตนะครับที่อยู่ใกล้ๆ อยู่ในพุ่มไม้ ซ่อนอยู่เตรียมที่ตะครุบกวางตัวนี้
แล้วก็มีผู้ชายคนหนึ่งนะครับเป็นนักล่าสัตว์ ก็เข้าไปในป่า แล้วเห็นกวางตัวนี้นะครับ ก็เตรียมที่จะเอาธนูออกมาแล้วจะยิงมัน
กวางตัวนี้เมื่อเห็นว่า ในน้ำก็มีจระเข้ และอยู่ในพุ่มไม้ก็มีสิงโตที่เตรียมที่จะตะครุบมัน แล้วเห็นมนุษย์นะครับเห็นคนนี้ยืน แล้วเตรียมที่จะเอาธนูออกมาแล้วก็ยิงมัน
มันคิดว่าถ้าจะกระโดดลงน้ำก็คือตาย จะวิ่งก็คือโดนสิงโตตะครุบ แล้วถ้าจะทำอะไร จะตื่น จะตกใจ ก็คือไม่รอด ก็คือผู้ชายคนนี้มนุษย์เนี่ยจะยิงมันด้วยธนู
กวางตัวนี้คิดว่ายังไงก็จะต้องตายอยู่แล้ว ไม่มีทางออกไม่มีทางเลือก รอบข้างเจอแต่ปัญหา มันก็เลยสงบนิ่ง สงบใจ ก้มลงดื่มกินน้ำต่อไป ก็รู้ว่าจะตายแล้วเนี่ย คือไม่มีทางออกแล้ว
แล้วในที่สุดเมื่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ก็คือมีเสียงฟ้าผ่า ดังแรงมาก ดังมาก แล้วทำให้มนุษย์เนี้ยตกใจ แล้วก็มือสั่น แล้วเห็นว่าเมื่อเป็นโอกาสที่ไม่ดี กลัวว่ากวางมันจะวิ่งหนี มนุษย์นะครับก็ยิงธนูใส่กวาง แต่พลาดนะครับ ด้วยความที่ว่ามือสั่น พลาด ธนูก็ยิงไปถูกสิงโตไปโดนสิงโต สิงโตเมื่อโดนธนูก็ตกใจก็วิ่งออกมาแล้วก็วิ่งหนีไป มนุษย์ก็วิ่งหนีน่ะ เห็นสิงโตก็วิ่งหนี
และเมื่อได้โอกาส กวางตัวนี้เห็นว่า สิงโตก็ไม่อยู่แล้ว มนุษย์ก็หนีไปแล้ว สุดท้ายมันก็วิ่งเข้าป่าไปปลอดภัย
เราก็ไม่ต่างไปจากกวางตัวนี้ ก็คือปัญหารอบข้าง มันมีมาทุกโอกาส มันมีมาได้ทุกเมื่อ และโลกนี้นะครับโลกนี้โหดร้ายสำหรับพวกเรา โลกนี้ไม่ได้เป็นมิตรกับพวกเรา โลกนี้มีแต่ให้สิ่งที่ไม่ดีกับเรา ให้สิ่งที่ไม่ยุติธรรม ให้ความเกลียดชัง ให้ความชั่วร้าย ให้น้ำตาแก่เรา ให้ความเจ็บปวดกับเรา ถูกไหมครับ
แต่ขณะที่เราเจอมรสุมต่างๆ ปัญหารอบข้าง เราสงบนิ่งสิครับ แล้วก็อธิษฐาน เรามีพระเยซู พระองค์จะส่งฟ้าผ่ามาให้เรา ก็คือการอัศจรรย์นั่นเอง เราจะรอดได้ทุกๆ โอกาส เพราะว่าพระเยซูเป็นกัปตันแห่งความรอดของเรา พระเยซูเป็นผู้ไถ่เรา ทุกวันทุกเวลาและทุกสถานการณ์ ฮาเลลูยา สรรเสริญพระเจ้า
คือสำหรับน้องชายคนนั้นเขามีเพื่อนมีคนที่รู้จักเยอะมาก ที่เป็นผู้นำในคริสตจักรนะครับ ซึ่งหลายคนอาจจะเป็นห่วงเขาแล้วก็พยายามชักชวนพยายามให้เขาออกมา แล้วก็ใช้หลักคำสอนมากมายนะครับ ที่ทำให้เขาไขว้เขวแล้วก็ทำให้เขาสับสน จนสุดท้ายเขาก็กลับไปเชื่อว่า เชื่อไม่พอต้องรักษาพระบัญญัติให้ครบ ต้องเลิกทำบาปให้ได้อย่างสิ้นเชิง จึงจะรอดได้ แล้วสุดท้ายเขาก็มาบอกผมนะครับว่าเขาเลิกทำบาปได้
อันนี้ผมขอพูดตามความจริงนะครับ คือไม่ได้ตัดสินเขานะครับ ตัดสินคือผมใช้ 1 ยอห์นบทที่ 1:8 คือพูดง่ายๆ ผมไม่เชื่อ ถ้ามีใครจะมาบอกว่าเลิกทำบาปได้โดยสิ้นเชิง แล้วก็ผมดูที่การกระทำดูที่อายุ ดูที่ความเชื่อการรับมานาฯ ของเขา คำตอบง่ายๆ ก็คือเขาไม่ได้เลิกทำบาปได้จริงๆ เขาแค่มาบอกมาพูดภาษาง่ายๆ ก็คือเขามาอวดครับ
แม้แต่ผมเองผมไม่เคยพูดว่าผมเลิกทำบาปได้อย่างสิ้นเชิงนะครับ ซึ่งมนุษย์เรานะครับมีโอกาสเผลอ พลั้ง พลาด ไม่มากก็น้อย เราทุกคนยังทำอยู่ แม้แต่เปาโลที่เป็นผู้ชนะแล้ว ท่านก็ยอมรับนะครับว่ามีบางครั้งที่อ่อนแอ แต่ขอบคุณพระเจ้าที่มันไม่ได้เปลี่ยนสถานะเราจากผู้ชนะ ให้ตกต่ำลงไปจนถึงไปทำบาปต่อในแต่ละวัน เราทำปุ๊บเราก็สารภาพแล้วก็รีบกลับมา อยู่ในสถานะของคนชอบธรรมและผู้ชนะต่อไป เราไม่ทำบาปอีก แล้วนานๆ ก็จะเกิดขึ้นอีกครั้งนึง ไม่ใช่เรื่องแปลกนะครับ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เอเมน
สำหรับคนที่จะบอกว่าเลิกทำบาปได้แล้วไม่ทำอีกเลยในแต่ละวัน อันนี้ผมเชื่อไม่ได้ครับ
สำหรับผมนะครับก็คือมีพี่น้องบางคนแจ้งมานะครับ แล้วถามว่าผมไปทำอะไร ไม่ทำอะไรครับ ไม่ไป comment ต่อนะครับ ไม่ไปถกเถียงไม่ไปโต้เถียงกับเขาในที่หน้าเพจของเขา ผมไปคุยกับเขาเป็นส่วนตัวเพราะว่าที่ผ่านมาก็มีได้คุยกับเขาเป็นระยะครับ บางครั้งถ้าหากมีความจำเป็นมีเรื่องที่สำคัญที่จะคุยด้วยนะครับ แล้วปรากฏว่าผมก็ไปทักทายเขาใน Messenger เป็นการ inbox ส่วนตัว แล้วก็ผมก็บอกกับเขาว่าอยากคุยสั้นๆ ไม่ชอบพูดยาวนะครับ
อยากคุยสั้นๆ แค่ถามว่าคิดยังไงถึงกลับไปเชื่อความเชื่อเดิมที่ว่า เชื่อไม่พอต้องรักษาพระบัญญัติ ต้องเลิกทำบาปให้ได้ แล้วคำถามที่ 2 ที่ผมถามก็คือ น้องชายเลิกทำบาปได้โดยสิ้นเชิงหรือยัง เขาก็ตอบมาว่าเชื่อไม่พอต้องรักษาพระบัญญัติต้องเลิกทำบาปให้ได้ เพราะว่าในพระคัมภีร์หลายตอนมีพูดถึงนะครับ แล้วเขาก็บอกว่าขอบคุณพระเจ้าที่ผมรักษาพระบัญญัติผมเชื่อฟังผมเลิกทำบาปได้ ไม่ทำบาปอีกเลยในแต่ละวัน
ผมก็เลยแปลกใจก็เลยยก 1 ยอห์นบทที่ 1:8 ใครที่บอกว่าตนเองไม่ได้ทำบาปอีก ก็คือหลอกลวงตัวเองแล้วก็โกหกพระเจ้าด้วยนะครับ ซึ่งเขาก็ไม่ตอบในเรื่องนี้ แต่เขาไปพูดเรื่องอื่น อาจารย์เจเลิกทำบาปได้หรือยัง พี่น้องในกลุ่มมานาฯ เลิกทำบาปได้ยัง ไปถึงไหนกันแล้ว แต่อันนี้ผมไม่ตอบนะครับผมก็แค่บอกว่า ขอบคุณพระเจ้า โดยพระคุณ พระองค์ก่อชีวิตผมขึ้นมามากแล้ว แล้วเลิกทำได้หลายสิ่ง อัศจรรย์นะครับ แต่ผมไม่อวดตัวเอง ผมอวดพระคริสต์ ผมก็พูดแค่นี้ครับ
เราไม่ต้องแปลกใจ แล้วก็ไม่ต้องเสียใจ ที่พี่น้องที่มาพบมานาฯ แล้วก็หายไป ไม่รับไม่เอา กลับไปเชื่อความเชื่อเดิมคำสอนเดิม ซึ่งอย่างที่ผมพูดนะครับ มันเป็นเรื่องของตา ตาที่ 3 ตาฝ่ายวิญญาณ บางคนที่ได้ยินได้ฟังที่ผมพูดในคลิปในยูทูป ก็ดีใจเพราะว่าเป็นคำสอนใหม่ๆ ซึ่งเขาไม่เคยได้ยิน แต่สิ่งที่ลึกกว่านั้นก็คือตาฝ่ายวิญญาณ เขาถูกเปิดหรือไม่
ทุกวันนี้ผมจึงหนุนใจพวกเราทุกคนนะครับ ให้ทุกครั้งที่อ่านและฟังและเข้าร่วมนมัสการในแต่ละสัปดาห์ ก็คือ ขอพระวิญญาณเปิดตาเราให้ตาที่ 3 ได้เห็นได้เข้าใจ แล้ววิญญาณของเราจะพยานก็คือวิญญาณของเราได้สัมผัสเสียงของผมหรือไม่ ได้กินได้อิ่มไหม รู้สึกมีสันติสุขไหม รู้สึกว่าหิวกระหายไหม เวลาได้ยินได้ฟัง เอเมน
สำหรับพี่น้องที่ยังอยู่ รับมานาฯ แล้วก็ฝึกเดินต่อไป รักในพระคำแห่งความจริง ก็เอเมน สำหรับพี่น้องที่ไม่อยู่ที่ไปแล้วนะครับ แล้วก็พี่น้องคริสเตียนศาสนา ทุกคนเราเป็นพี่น้อง เราอยู่ในบ้านหลังใหญ่ของพระเจ้า เราเป็นครอบครัวเดียวกันครับ
เพียงแต่ว่าเราสรรเสริญพระเยซูที่พระองค์เลือกเรามาให้เป็นภาชนะทองคำที่มีค่าสำหรับพระองค์ ซึ่งพระองค์ใช้ได้เพื่อความชอบธรรมเพื่อการสำแดงชีวิตและนิสัยของพระองค์ผ่านเรา แต่สำหรับพี่น้องที่เป็นภาชนะดิน ก็อธิษฐานเผื่อเขาครับ เรารักเขาอยู่เหมือนเดิม
ขอบพระคุณพระบิดาสำหรับวันนี้ที่พระองค์เปิดตา ขอบคุณที่พระองค์ประทานอาหารฝ่ายวิญญาณ เราได้กินและอิ่ม และขอบคุณสำหรับความรู้ความเข้าใจอย่างครบถ้วนเรื่องอาณาจักรของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ ทุกวันนี้เราแสวงหาและได้พบแล้ว และขอบพระคุณที่พระองค์เป็นคนเปิดตาให้พวกเรา พระเยซู พระบิดา พระวิญญาณบริสุทธิ์ พวกเรารักพระองค์ ขอสรรเสริญพระองค์ฮาเลลูยา
บทความเพิ่มเติม: มานาฯ หรือ พระคำล้ำลึก คือพระคริสต์ในสภาพของอาหารที่ลงมาจากสวรรค์