เอเมนพระเยซูขอบพระคุณพระองค์สำหรับการเปิดตา ขอบพระคุณพระองค์สำหรับความรัก ขอบพระคุณสำหรับพระคุณซ้อนพระคุณ
พระเยซูใช้ยอห์นเขียนเกี่ยวกับชายตาบอด สำหรับเรื่องชายที่ตาบอดหายดีอันนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ความหมายฝ่ายวิญญาณพระเจ้าต้องการสอนเราจากบทเรียน ก็คือ ตา ที่เกี่ยวกับเรื่องฝ่ายวิญญาณมากกว่า คือความสว่างของตา ความสว่างของร่างกาย ความสว่างของชีวิต ที่เป็นอีกด้านหนึ่งที่มนุษย์ไม่เห็น ซึ่งต้องอาศัยพระวิญญาณเปิดเราจึงเข้าใจ จึงได้ถูกเปิดตาและได้รู้ความจริง
ฉะนั้นเราขอบพระคุณพระเจ้าที่เมื่อก่อนเรามาถึงพระเจ้า เราเป็นคริสเตียน แต่เราก็ยังตาบอดอยู่ เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใช่ไหม และอย่างทุกวันนี้ก็ยังมีพี่น้องอีกมากมาย
ที่มาถึงพระเจ้า แต่ยังมาไม่ถึงพระเจ้า
มาถึงพระเยซู แต่ยังมาไม่ถึงพระเยซู
มองเห็นกางเขน แต่ไม่เคยมองเห็นกางเขน
เพราะฉะนั้นเราขอบพระคุณพระบิดาที่วันนี้เรามีโอกาสได้มาพบความจริง และเดินอยู่ในความจริง และสิ่งที่เราได้รับเยอะแยะมาก มากมายดีกว่าแต่ก่อนตั้งเยอะ ขอบคุณพระเจ้า
เราจะเห็นว่าเมื่อก่อนเรามาเชื่อพระเยซู เราอ่านพระคัมภีร์หลายรอบแต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าเราเป็นคนชอบธรรมแล้วโดยทางความเชื่อ พระเจ้านับว่าเราเป็นคนบริสุทธิ์แล้วชอบธรรมแล้วและรอดแล้ว พระเจ้าสถิตอยู่ในเรา คริสตจักรไม่ใช่โบสถ์นะครับ แต่เป็นผู้เชื่อทั้งหลายที่มารวมกันอยู่เพื่อนมัสการพระเจ้า ปรนนิบัติพระเจ้า เรียกว่าคริสตจักร
คือมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราได้รู้ได้เข้าใจ ซึ่งไม่เหมือนแต่ก่อนที่เราไม่รู้อะไรเลย จะพูดได้คำเดียวก็คือไม่รู้อะไรเลย ตายังบอดอยู่
เราขอบคุณพระเยซู ซึ่งมีหลายเรื่องบางเรื่องที่สำคัญ ผมจะพูดถึงสักนิดนึง คืออันนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ผมและเราผู้เชื่อเกือบทุกคนไม่เข้าใจและกลัวมากๆ ก็คือพระเจ้าจะไม่ยกโทษให้เราถ้าหากเราทำผิดซ้ำๆ หรือทำบาปใหญ่ๆ พระเจ้าคงไม่รักเราอีกแล้วและทิ้งเราไปแล้ว และไม่ให้โอกาสที่เราจะรอดได้
แต่ขอบคุณพระเจ้าเมื่อความสว่างเข้ามาถึงเรา ปรากฏว่าพระเจ้าจะยกโทษให้เราทุกครั้งที่เราสารภาพ 70×7 ครั้ง ชัดเจนมากสำหรับพวกเรา
เมื่อก่อนเราอ่าน 70×7 เราก็ยังสงสัย ยังข้องใจ ยังไม่แน่ใจ ยังไม่มั่นใจว่าพระเจ้าจะยกโทษให้เราจริงหรือไม่
แล้วเรื่องรอดเราก็กลัวมากๆ เลย วันนี้ทำบาปเยอะเลิกทำบาปไม่ได้คงจะไม่รอด
แต่ขอบคุณพระเยซูเรารู้แน่นอนชัดเจนว่ารอดแล้ว แล้วก็รอดเลย ขอบคุณพระเยซู เมื่อก่อนเราก็กลัวว่า เอ่อ วันนี้เราทำบาป วันนี้จิตใจไม่ดี อารมณ์ไม่ดี พระวิญญาณบริสุทธิ์น่าจะไม่อยู่แหละ
แต่ขอบคุณพระเจ้าความสว่างมาถึงพวกเรา พระวิญญาณบริสุทธิ์จะไม่ออกไปจากเราเป็นอันขาด สรรเสริญพระเยซูจึงชั่วนิรันดร์เลยนะครับ จนชั่วนิรันดร์ เอเมน
เรายังเข้าใจนะครับว่าหญิงพรหมจารี 5 คน คือคริสเตียนที่ชนะแล้ว และอีก 5 คนคือคริสเตียนที่ยังไม่ชนะ
แล้วเราขอบคุณพระเจ้าตอนนี้เราเข้าใจนะครับว่าพระบัญญัติเดิมสมัยก่อนเราใช้เนื้อหนังตัวเก่า แล้วสำหรับชาวยิวเท่านั้นที่เป็นคนรักษา
แต่เดี๋ยวนี้ขอบคุณพระเยซู เรามีพระคริสต์อยู่ในเรา เป็นคนรักษาแทนเราช่วยเราเพื่อเรา เราสบายมากไม่หนักเหมือนเมื่อก่อน ภาระพระเยซูเป็นคนเอาไป แอกของเราเมื่อก่อนหนัก แต่เดี๋ยวนี้ก็เบา
ขอบคุณพระเยซูเมื่อก่อนยิวมีสะบาโตเป็นวันเสาร์วันเดียว แต่ขอบคุณพระเจ้าทุกวันนี้สะบาโตของพวกเราคริสเตียนมีทุกวันทุกเวลาทุกนาที เรามีสันติสุข เราพักสงบในพระเยซู เบาสบายมาก เอเมน
แล้วแต่ก่อนเราคิดว่าโบสถ์เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นอาคารเป็นที่ ที่มีไม้กางเขน แล้วก็มีพระคัมภีร์ มีรูปพระเยซู
แต่ตอนนี้ขอบคุณพระเจ้าเรารู้แล้วว่าเป็นพระกายเป็นผู้เชื่อทั้งหลายที่มาร่วมตัวกันอยู่ และถ้าหากเรานมัสการในวิญญาณ ซาตานจะแตะเราไม่ได้
ซึ่งตอนนี้โบสถ์ทั่วๆ ไปคือเป็นที่อยู่ของซาตาน ในวิวรณ์บทที่ 2 ข้อที่ 9 และวิวรณ์บทที่ 3 ข้อที่ 9 กล่าวไว้นะครับ
และตอนนี้เรามั่นใจมากนะครับว่าเชื่อเท่านั้นก็พอ เชื่อเท่านั้นก็ได้รอดแล้ว ซึ่งเมื่อก่อนเราตาบอด เราคิดว่าเชื่อเท่านั้นไม่พอต้องรักษาพระบัญญัติ ต้องรับบับติสมา ต้องถวายทรัพย์ ต้องรับใช้ต้องประกาศข่าวประเสริฐถ้าไม่อย่างนั้นก็จะวิบัติ อันนี้มันเป็นความเข้าใจที่อยู่ในอาการของความมืดของอาการตาบอด
และขอบคุณพระเจ้าเรารู้แล้วนะครับว่ายุคนี้ไม่ใช่ยุคสุดท้าย แต่เป็นยุคหน้า
และขอบคุณพระเจ้าซึ่งเราพบว่าความรักของพระเยซูมีมากมายจนนำเราเข้าไปสู่การตายร่วมกับพระองค์ เมื่อเราสนิทในการตายกับพระองค์มากเท่าไหร่ เราก็จะสนิทในการเป็นขึ้นมากับพระองค์มากเท่านั้น เมื่อเรานับเชื่อว่าตาย สนิทในการตาย ชีวิตแห่งการเป็นขึ้น ชีวิตของมนุษย์วิญญาณคนนี้ก็จะมีพลังยิ่งใหญ่และมีสันติสุขมากมาย ขอบคุณพระเจ้า
และสิ่งสำคัญที่สุดเมื่อเราเข้าสู่อาการหายจากอาการตาบอด ก็คือเรารู้ว่ามันไม่ใช่เพียงแต่มีความรอดเดียวคือรอดจากบึงไฟ และเรารู้นะครับว่าสิ่งที่พระเจ้าต้องการน้ำพระทัยของพระเจ้าก็คืออาณาจักร อาณาจักรสวรรค์และอาณาจักรของพระเจ้า
มีหลายสิ่งหลายเรื่องที่เมื่อเรารับการเปิดตาจากพระเจ้าแล้ว เข้าสู่ความสว่างของพระเจ้าแล้ว ชีวิตของเราแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก ตรงข้ามเลย จากทุกข์เป็นสุขมาก จากสุขน้อยเป็นสุขมาก จากมีพลังน้อยเป็นมีพลังมาก จากทำบาปมากก็ทำบาปน้อยลง แล้วก็ค่อยๆ นานๆ ทำที เป็นชีวิตที่หาอะไรเปรียบไม่ได้แล้ว
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับความสุข ขอบคุณพระเจ้าสำหรับชีวิตที่ดี ขอบคุณพระเจ้าสำหรับการนำทางในแต่ละวัน ขอบคุณพระเจ้าสำหรับการเดินในการอัศจรรย์ที่มีมากกว่าเก่า ตอนสมัยที่เราเป็นคริสเตียนศาสนาก็มีการอัศจรรย์ แต่คือทุกสิ่งมีดีกว่า การเข้าสู่การเปิดตาอยู่ในความสว่างของพระเจ้าเรียกว่าชีวิตที่ดีกว่า
เราขอบคุณพระเยซูสำหรับยอห์นบทที่ 9:15-23
อีกครั้งนะครับ "โคลน" เล็งถึงชีวิตเก่าอาดัมที่ตกต่ำเสื่อมทรามถูกสาปแช่งแล้วและอยู่ในความตาย
เราขอบคุณพระเจ้า น้ำลายที่มาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า ก็คือสิ่งที่ออกมาจากปาก เล็งถึงถ้อยคำ หรือพระคำของพระเจ้าที่ช่วยรักษาความตายให้กลับมามีชีวิตได้ ช่วยรักษาจากความเป็นทุกข์ มามีความสุขได้
ประการที่สอง ก็คือมนุษย์วิญญาณเรามีใจเมตตา มีความรักมากกว่าการตัดสินพี่น้อง ที่มองด้วยสิ่งที่ถูกเรียกว่าถูกผิด เราไม่เกี่ยวเราไม่ยุ่งเกี่ยวสิ่งนี้เราไม่เคร่ง เราไม่เคร่งจนถึงขั้นแบบ คือไม่เห็นความรักเห็นความเมตตาที่ออกมาจากเรา
ถ้าเราจะดูตัวอย่างก็คือสมัยก่อนที่เราอยู่ในคริสตจักรศาสนา พี่น้องมักจะมองมาที่คุณถูกคุณผิด เข้ามาเจอกันทีไรก็จ้องมองก็สำรวจสแกนเลย ว่าผิดอะไร มีอะไรที่ผิด ที่ไม่ถูก การแต่งตัวแต่งกายใส่ทองเยอะไปไหม ผมทรงผมอะไร แล้วก็การกระทำนะครับ
แต่เมื่อเราที่เป็นมนุษย์วิญญาณเข้ามาร่วมกันมาพบกัน เราจะมองที่ความรักและความเมตตา
ประการที่สาม สำหรับยอห์นบทที่ 9 ก็คือ เราจะถูกมองแน่นอนว่าเป็นครูสอนปลอมหรือเทียมเท็จ พระเยซูโดนแล้วใช่ไหม ชาวยิวเขาบอกว่าเนี่ยคนนี้ไม่ได้มาจากพระเจ้าเพราะว่าไม่ได้รักษาสะบาโต
แต่ไม่ต้องท้อใจ ไม่ต้องเสียใจ เนื่องจากว่าเขาไม่เข้าใจ และขอบคุณพระเยซูที่พระองค์ถูกข่มเหงก่อนเรา และตอนนี้นะครับเราก็จะปฏิเสธสิ่งนี้ที่จะเกิดขึ้นกับเราไม่ได้เป็นอันขาด แต่เรา..ขอให้คิดถึงและสงสารคนๆ นั้นที่เขาพูดว่าเราผิด เขาหาเรื่องเขากล่าวหาเนื่องจากว่าเขายังตาบอดอยู่เขาไม่เข้าใจ คนตาดีนะครับก็ต้องสงสารคนตาบอดอย่าไปเสียใจท้อใจน้อยใจหรือโกรธใคร
และประการที่สี่ เกี่ยวกับยอห์นบทที่ 9 ก็คือ การได้มองเห็น คือการเข้าสู่ความจริงของพระเจ้าในพระคริสต์ เรารู้แล้วใช่ไหมว่าความจริงของพระเจ้า คือมีอยู่ในพระคริสต์เท่านั้น
ถ้าออกจากพระคริสต์ ก็คือความไม่จริง
อยู่ในความจริงของพระเจ้า ก็คืออยู่ในความสว่าง ก็คือตาดี แต่เมื่อออกไปจากพระเจ้า ก็คืออยู่ในคำสอนในความมืดในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง
เพราะฉะนั้นเราจะเห็นว่ามีหลายเรื่องที่เราพูดกันไปกันมา เกี่ยวกับ 1. การเปลี่ยนแปลงยุค 2. การเปลี่ยนแปลงเรื่องชีวิตเก่าชีวิตใหม่ เก่าก็คือในอาดัม ใหม่ก็คือในพระคริสต์ 3. ก็คือการได้มีส่วนร่วมกับพระเยซูในการตายและเป็นขึ้นกับพระองค์ นี่เป็นสิ่งที่สำคัญมากและการให้พระคริสต์ทำแทนเรา กาลาเทียบทที่ 2 ข้อที่ 20 เป็นหลักการในการดำเนินชีวิตคริสเตียนในแต่ละวัน ก็คือข้าพเจ้าไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า
เราขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์เปิดตา รักษาตา ให้ยาหยอดตาแก่พวกเรา เราได้พบชีวิตที่เบาสบาย ภาระเบา แอกเบา และได้รับการพักผ่อนจริงๆ และรู้จักในการดำเนินชีวิตอย่างถูกวิธีตามน้ำพระทัยของพระเจ้า และรู้จักการรับใช้ที่ถูกต้องตามน้ำพระทัยของพระเจ้า และรู้จักการปรนนิบัติพระเจ้ารับใช้พระเจ้า และนมัสการพระองค์ร่วมกัน
ขอบพระคุณพระเยซูสำหรับทุกสิ่งสรรเสริญพระเยซูขอพระนามพระองค์เป็นที่สักการะบูชา เอเมน