ถาม.
การฝึกฝนชีวิตฝ่ายวิญญาณคือตอนที่เราพูดอ่านอธิษฐานร่วมกับพี่น้องที่ คจ. ที่ประชุม นมัสการพระเจ้าหักขนมปังเสร็จ ต่อจากนั้นไปก็เข้าในการแบ่งปังพระคำฟื้นฟู แต่ละคนเรานั่งฟังพี่น้องแบ่งปังพระคำของพระเจ้าแต่พอมาที่ตัวเราจะพูดมันพูดไม่ออก ไม่กล้าพูด คือกลายเป็นว่าเราไม่ได้หล่อเลี้ยงให้แก่พี่น้องในอาทิตย์นั้นคือเรียกว่าเราไม่ได้ฝึกฝนในวิญญาณแต่ถ้าเรายืนพูดพระคำให้พี่น้อง คือใช้วิญญาณ ใช่มั้ย อธิบายให้เข้าใจหน่อยค่ะ
ตอบ.
เรื่องการแบ่งปันพระคำ เราใช้วิธีไหนครับ ใช้แบบพี่น้องฟื้นฟูทำกันอยู่หรือไม่...
ทำไมผู้เชื่อไม่โต แต่กลับกลายเป็นเข้าสู่ระบบศาสนาที่อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ การควบคุมของมนุษย์
ผมไม่สนับสนุนให้พี่น้องมากมายอ่านหนังสือฟื้นฟูยามเช้า หรือหนังสือทุกฉบับ แบบที่ต้องทำตามกฏเกณฑ์คืออยู่ภายใต้การควบคุมของใครคนใดคนหนึ่ง หรือองค์กรใดองค์กรหนึ่ง ทำแบบต้องอ่านทุกวันไม่อย่างนั้นจะตามคนอื่นไม่ทัน เพราะสิ่งเหล่านี้จะนำเราเข้าสู่รูปแนวศาสนา อยู่ภายใต้กฏเกณฑ์ซึ่งถ้าหากเราไม่อ่านและไม่เตรียมมาเราก็ไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรกัน
พระเจ้าต้องการให้เราทำทุกสิ่งด้วยชีวิตและวิธีที่ให้ชีวิตพระเจ้าเคลื่อนไหวผ่านพวกเรา
คริสตจักรท้องถิ่นควรร่วมกันตัดสินใจเพื่อเลือกพระคำพระเจ้าข้อไหนเรื่องอะไรโดยที่ไม่ต้องให้ใครมาเลือกหรือตัดสินใจแทนคริสตจักรเราด้วยว่าเราให้พระคริสต์ที่เป็นศีรษะเป็นผู้คิดแทน
เมื่อเราแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้ เราจะไม่ต้องเรียนเพื่อรู้จนกลายเป็นนักรู้อย่างเดียว แต่เราจะเข้าสู่กระบวนการการเติบโตสู่ชีวิตพระคริสต์อีกด้วย
เมื่อเราไม่ได้อยู่ใต้กฎเกณฑ์รูปแนวศาสนา เราก็เข้าสู่กฎของพระวิญญาณและกฎแห่งชีวิต
ซึ่งพี่น้องจึงจะพบว่าพระเจ้าจะทำงานได้มากขึ้นในเราและสามารถมีส่วนช่วยเสริมสร้างพี่น้องในพระกายได้ครับ
10:1 “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ผู้ที่มิได้เข้าไปในคอกแกะทางประตู แต่ปีนเข้าไปทางอื่นนั้นเป็นขโมยและโจร
** คอกแกะคือพระบัญญัติ ที่กักขังควบคุมชาวยิวไว้ (กท 3:23)
** ประตู คือพระเยซู (ข้อที่ 7 และ 9)
** ปีนเข้าไป คือชาวยิวที่มาก่อนพระเยซู และไม่ได้รักษาพระบัญญัติใหม่ผ่านทางพระเยซู
** ขโมยและโจร คือชาวยิว (ลก 10:30)
10:2 แต่ผู้ที่เข้าทางประตูก็เป็นผู้เลี้ยงแกะ
** พระเยซูเป็นทั้งประตูและผู้เลี้ยงแกะ (ข้อ 7, 9 และ 11)
10:3 นายประตูจึงเปิดประตูให้ผู้นั้น และแกะย่อมฟังเสียงของท่าน ท่านเรียกชื่อแกะของท่าน และนำออกไป
** นายประตู คือพระเยซู
** ประตู คือพระเยซู
** แกะ คือผู้ที่เชื่อพระเยซูทุกคน
** นำออกไป คือไม่ได้อยู่ใต้พระบัญญัติเดิมอีกแต่อยู่ภายใต้การทำแทนของพระเยซู (ใต้พระคุณ)
10:4 เมื่อท่านต้อนแกะของท่านออกไปแล้วก็เดินนำหน้า และแกะก็ตามท่านไปเพราะรู้จักเสียงของท่าน
10:5 คนแปลกหน้าแกะจะไม่ตามเลย แต่จะหนีไปจากเขา เพราะไม่รู้จักเสียงของคนแปลกหน้า”
10:6 คำอุปมานั้นพระเยซูได้ตรัสกับเขาทั้งหลาย แต่เขาไม่เข้าใจความหมายของพระดำรัสที่พระองค์ตรัสกับเขาเลย
10:7 พระเยซูจึงตรัสกับเขาอีกว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เราเป็นประตูของแกะทั้งหลาย
10:8 บรรดาผู้ที่มาก่อนเรานั้นเป็นขโมยและโจร แต่ฝูงแกะก็มิได้ฟังเขา
** คริสเตียนไม่ได้ฟังและติดตามชาวยิว แต่ติดตามพระเยซู
10:9 เราเป็นประตู ถ้าผู้ใดเข้าไปทางเรา ผู้นั้นจะรอด และเขาจะเข้าออก แล้วจะพบอาหาร
** ถ้าผู้ใดเข้าไปทางเรา คือสาวกทั้งหลายที่เริ่มเข้ามาเชื่อพระเยซูและพบพระบัญญัติใหม่และรอดโดยทางพระคุณ
** และเขาจะเข้าออก เข้าคือผู้รับใช้ที่อยู่ในยุคก่อนๆ คือโมเสส เอลิยาห์ อิสยา ดานิเอล และคนอื่นๆ มากมาย ออกจากคอกคือเปโตร เปาโล มัทธิว ยอห์น สาวกทุกคน
** พบอาหาร คือพระเยซูเป็นอาหาร (ผู้ที่กินเราและดื่มเรา) พบสุขและพบชีวิตพระเจ้าในเขา.
ยอห์น 6:35 // ยอห์น 4:14 // 20:22 ฯลฯ
10:10 ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อจะลักและฆ่าและทำลายเสีย เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้อย่างครบบริบูรณ์
** ขโมยและโจร คือชาวยิว (ลก 10:30)
** เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต คำว่า * ชีวิต* ในข้อนี้คือ โซ Zoe วิญญาณ หรือชีวิตพระเจ้า หรือชีวิตที่นิรันดร์ที่ไม่มีการสร้างขึ้นมา
10:11 เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี ผู้เลี้ยงที่ดีนั้นย่อมสละชีวิตของตนเพื่อฝูงแกะ
** พระเยซูจะไปตายเพื่อเรา อีกไม่นานต่อมา
** ย่อมสละชีวิตของตนเพื่อฝูงแกะ ชีวิตในข้อนี้คือ ปะซูเค คือจิตใจ คือพระเยซูจะสละจิตใจ (ตายที่ร่างกายและจิต) เพื่อเรา
10:12 แต่ผู้ที่รับจ้างมิได้เป็นผู้เลี้ยงแกะ และฝูงแกะไม่เป็นของเขา เมื่อเห็นสุนัขป่ามา เขาจึงละทิ้งฝูงแกะหนีไป สุนัขป่าก็ชิงเอาแกะไปเสีย และทำให้ฝูงแกะกระจัดกระจายไป
10:13 ผู้ที่รับจ้างนั้นหนีเพราะเขาเป็นลูกจ้างและไม่เป็นห่วงแกะเลย
10:14 เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี และเรารู้จักแกะของเรา และแกะของเราก็รู้จักเรา
** พระเยซูรู้จักเราดีว่าจะเชื่อ บังเกิดใหม่และได้รอดแน่นอน
** เราก็รู้จักและรักพระเยซู จะไม่ทิ้งความเชื่อโดยเด็ดขาด
10:15 เหมือนพระบิดาทรงรู้จักเรา เราก็รู้จักพระบิดาด้วย และชีวิตของเรา เราสละเพื่อฝูงแกะ
10:16 แกะอื่นซึ่งมิได้เป็นของคอกนี้เราก็มีอยู่ แกะเหล่านั้นเราก็ต้องพามาด้วย และแกะเหล่านั้นจะฟังเสียงของเรา แล้วจะรวมเป็นฝูงเดียว และมีผู้เลี้ยงเพียงผู้เดียว
** แกะอื่น คือผู้เชื่อชาวต่างชาติ
** แกะเหล่านั้นเราก็ต้องพามาด้วย คือพระเจ้าจะนำผู้เชื่อยิวและผู้เชื่อต่างชาติมาร่วมเป็นพระกายเดียวกัน (เกิดขึ้นจริงในกิจการ)
10:17 ด้วยเหตุนี้พระบิดาของเราจึงทรงรักเรา เพราะเราสละชีวิตของเรา เพื่อจะรับชีวิตนั้นคืนมาอีก
10:18 ไม่มีผู้ใดชิงชีวิตไปจากเราได้ แต่เราสละชีวิตด้วยใจสมัครของเราเอง เรามีสิทธิที่จะสละชีวิตนั้น และมีสิทธิที่จะรับคืนอีก พระบัญชานี้เราได้รับมาจากพระบิดาของเรา”
10:19 พระดำรัสนี้จึงทำให้พวกยิวแตกแยกกันอีก
10:20 พวกเขาหลายคนพูดว่า “เขามีผีสิงและเป็นบ้า ท่านฟังเขาทำไม”
10:21 พวกอื่นก็พูดว่า “คำอย่างนี้ไม่เป็นคำของผู้ที่มีผีสิง ผีจะทำให้คนตาบอดมองเห็นได้หรือ”
10:22 ขณะนั้นเป็นเทศกาลเลี้ยงฉลองพระวิหารที่กรุงเยรูซาเล็ม และเป็นฤดูหนาว
10:23 พระเยซูทรงดำเนินอยู่ในพระวิหารที่เฉลียงของซาโลมอน
10:24 แล้วพวกยิวก็พากันมาห้อมล้อมพระองค์ไว้และทูลพระองค์ว่า “จะทำให้เราสงสัยนานสักเท่าใด ถ้าท่านเป็นพระคริสต์ก็จงบอกเราให้ชัดแจ้งเถิด”
10:25 พระเยซูตรัสตอบเขาทั้งหลายว่า “เราได้บอกท่านทั้งหลายแล้ว และท่านไม่เชื่อ การซึ่งเราได้กระทำในพระนามพระบิดาของเราก็เป็นพยานให้แก่เรา
10:26 แต่ท่านทั้งหลายไม่เชื่อ เพราะท่านมิได้เป็นแกะของเรา ตามที่เราได้บอกท่านแล้ว
10:27 แกะของเราย่อมฟังเสียงของเรา และเรารู้จักแกะเหล่านั้น และแกะนั้นตามเรา
10:28 เราให้ชีวิตนิรันดร์แก่แกะนั้น และแกะนั้นจะไม่พินาศเลย และจะไม่มีผู้ใดแย่งชิงแกะเหล่านั้นไปจากมือของเราได้
10:29 พระบิดาของเราผู้ประทานแกะนั้นให้แก่เราเป็นใหญ่กว่าทุกสิ่ง และไม่มีผู้ใดสามารถชิงแกะนั้นไปจากพระหัตถ์ของพระบิดาของเราได้
** นี่คืออีกข้อที่บ่งบอกว่าเราจะไม่สูญเสียความรอดเลย
10:30 เรากับพระบิดาของเราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน”
** อันหนึ่งอันเดียวคือเป็นหนึ่ง ไม่เป็นสอง
10:31 พวกยิวจึงหยิบก้อนหินขึ้นมาอีกจะขว้างพระองค์ให้ตาย
10:32 พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “เราได้สำแดงให้ท่านเห็นการดีหลายประการซึ่งมาจากพระบิดาของเรา ท่านทั้งหลายหยิบก้อนหินจะขว้างเราให้ตายเพราะการกระทำข้อใดเล่า”
10:33 พวกยิวทูลตอบพระองค์ว่า “เราจะขว้างท่านมิใช่เพราะการกระทำดี แต่เพราะการพูดหมิ่นประมาท เพราะท่านเป็นเพียงมนุษย์แต่ตั้งตัวเป็นพระเจ้า”
10:34 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “ในพระราชบัญญัติของท่านมีคำเขียนไว้มิใช่หรือว่า ‘เราได้กล่าวว่า ท่านทั้งหลายเป็นพระ’
10:35 ถ้าพระองค์ได้ทรงเรียกผู้ที่รับพระวจนะของพระเจ้าว่าเป็นพระ และจะฝ่าฝืนพระคัมภีร์ไม่ได้
10:36 ท่านทั้งหลายจะกล่าวหาท่านที่พระบิดาได้ทรงตั้งไว้ และทรงใช้เข้ามาในโลกว่า ‘ท่านกล่าวคำหมิ่นประมาท’ เพราะเราได้กล่าวว่า ‘เราเป็นบุตรของพระเจ้า’ อย่างนั้นหรือ
10:37 ถ้าเราไม่ปฏิบัติพระราชกิจของพระบิดาของเรา ก็อย่าเชื่อในเราเลย
10:38 แต่ถ้าเราปฏิบัติพระราชกิจนั้น แม้ว่าท่านมิได้เชื่อในเรา ก็จงเชื่อเพราะพระราชกิจนั้นเถิด เพื่อท่านจะได้รู้และเชื่อว่าพระบิดาทรงอยู่ในเรา และเราอยู่ในพระบิดา”
10:39 พวกเขาจึงหาโอกาสจับพระองค์อีกครั้งหนึ่ง แต่พระองค์ทรงรอดพ้นจากมือเขาไปได้