ทุกวันนี้พี่น้องคริสเตียนส่วนมากมักจะเข้าใจผิดคิดว่าการทำงานของซาตาน งานหลักของมันก็คือพยามยามทำให้เราทำบาปไม่เชื่อฟังพระเจ้าเพื่อชีวิตของเราจะไม่ถวายเกียรติเเด่พระองค์ อันนี้เป็นความเข้าใจผิด
งานหลักของซาตาน ก็คือทำให้เราเชื่อผิดไม่รู้จักน้ำพระทัยพระเจ้า เเละสิ่งที่สองก็คือการทำให้เราใส่ใจในเรื่องความรู้ การเรียนรู้ การค้นหา เรื่องรับใช้ งานกิจกรรมคริสตจักร การประกาศข่าวประเสริฐ หรือเเม้เเต่เเสวงหาฤทธิ์เดชอำนาจ เราจะเห็นว่าพี่น้องคริสเตียนส่วนมากบางกลุ่มเน้นที่ความรู้เเสวงหาความรู้กันเยอะเหลือเกิน ใส่ใจที่ความรู้
บางกลุ่มใส่ใจที่ฤทธิ์เดช พลัง อำนาจเเห่งพระวิญญาณ เเละเมื่อเราใส่ใจสิ่งเหล่านี้มากกว่าการเเสวงหาพระคริสต์ที่เป็นบุคคล การเข้าใกล้พระองค์ สามัคคีธรรมกับพระองค์ทุกวันทุกเวลานาที สนิทในพระคริสต์ เราล้มเหลว
เราใส่ใจในความรู้ เราล้มเหลว เราใส่ใจในเรื่องไฟแห่งพระวิญญาณ เรื่องฤทธิ์เดช เรื่องอำนาจ รักษาโรค ไล่ผี เราล้มเหลว เพราะว่าน้ำพระทัยของพระเจ้า คือต้องการให้เราสนิทในพระองค์คือสิ่งเเรก
ในชีวิตคริสเตียนไม่มีอะไรสำคัญไปมากกว่านี้ คือการสนิทในพระคริสต์ คือการอยู่ในความรักดั้งเดิมของพระองค์ ทุกวันนี้คริสเตียนตกหล่นจากความรักดั้งเดิมและไม่สนิทในพระคริสต์ เรายุ่งอยู่กับงาน การรรับใช้ เรายุ่งอยู่กับฤทธิ์เดช ของประทาน เรายุ่งอยู่กับความรู้เเสวงหาความเข้าใจสติปัญญา มีใครบ้างเมื่อเวลาพบกันเเละเราพูดถึงการสามัคคีธรรมกับพระคริสต์ สรรเสริญยกย่องพระนามของพระองค์ เราเห็นบ่อยไหม? ไม่ค่อยมีนะ แต่ส่วนมากจะพูดถึงเเต่ความรู้กันมากกว่า อวดเรื่องฤทธิ์เดชกันมากกว่า เเละสิ่งนี้บ่งบอกว่าเราล้มเหลวในการดำเนินชีวิตคริสเตียนที่เเท้จริงเเละในที่สุดเราก็พ่ายเเพ้ต่อมารซาตาน
สงครามของซาตานที่ทำกับพระวิญญาณ ที่ต่อสู้กับพระวิญญาณไม่ใช่ทำให้เราดำเนินชีวิตที่อยู่ในความบาปเเละไม่เชื่อฟัง อันนั้นไม่ครับ อันนั้นเป็นงานรองของมัน
เเต่งานหลักของซาตาน ก็คือหลอกล่อเราให้ใส่ใจในสิ่งอื่นมากกว่าพระคริสต์ที่เป็นบุคคล ที่เป็นตัวตน เราอยู่ใกล้ชิดพระองค์ สนิทในพระองค์เหมือนกับนางมารีย์ เเต่คริสเตียนส่วนมากทุกวันนี้ดำเนินชีวิตรับใช้เหมือนกับนางมารธา เเละถ้าหากเหนี่อย ท้อ ก็หนี หรือก็บ่น การที่จะเป็นคริสเตียนที่จะประสบความสำเร็จได้ ดำเนินชีวิตที่เชื่อฟังได้ มีจิตใจใหม่ได้ รับใช้พระเจ้าอย่างมีพลังมหาศาลเคลื่อนเข้าไป ก็คือ การได้อยู่ใกล้ชิดพระเยซู
เพราะเมื่อไหร่ที่เราปักใจ ใส่ใจในการเชื่อฟังพระเจ้า ในการรับใช้พระเจ้าเราล้มเหลว เราจะหมดเเรง เเต่ถ้าหากว่าเราปักใจในการสนิทในพระคริสต์ สนิทสนม พูดคุย บอกรัก ใกล้ชิด อยู่ในความรักดั้งเดิมของพระองค์ พระองค์ก็จะประทานชีวิตให้เรา เเละชีวิตนี้จะเคลื่อนเราไปจะทำให้เราทำได้สำเร็จทุกอย่าง
มัทธิว บทที่ 19:26 สำหรับมนุษย์เป็นไปไม่ได้เเต่สำหรับพระเจ้าก็เป็นไปได้ เเละ ฟิลิปปี บทที่ 2:13 พระเจ้าเป็นผู้กระทำกิจในเรา เพื่อให้เราสามารถดำเนินชีวิตอยู่ในน้ำพระทัยของพระเจ้าทั้งการกระทำเเละความปราถนา
อีกครั้งงานหลักของซาตานที่ทำกับเราทุกวันนี้เพื่อขัดขวางเราก็คือ
ล่อลวง หลอกล่อให้เราใส่ใจในเรื่องฤทธิ์เดชอำนาจ ของประทานพระวิญญาณฯ ไล่ผี รักษาโรค เเละล่อลวงเราให้ใส่ใจในเรื่องความรู้ ความเข้าใจประวัติศาสตร์ ความรู้ในพระคัมภีร์ ภาษากรีก ฮีบรู อาราเมค อะไรก็เเล้วเเต่ สิ่งเหล่านี้มันจะใช้เพื่อให้เราหลงกลมันเเละก็ออกจากการสนิทในพระคริสต์
เเละสิ่งที่สองต่อมา มันหลอกล่อเราให้เรารับพระคำพระเจ้าที่เป็นเชื้อยีสต์ ก็คือคำสอนปลอม คือคำอธิบาย การตีความหมาย การแปลความหมายพระคัมภีร์ที่ผิด เมื่อเราแปลผิด เมื่อเราเข้าใจผิดต่อน้ำพระทัย ต่อพระคำของพระเจ้าเราก็เดินหลงทาง เราก็เดินผิด เชื่อผิด รับใช้ผิด ทำอะไรทุกอย่างผิดหมด สาเหตุเพราะว่าเราไม่เข้าใจ เราจะเห็นว่าคริสตจักร คริสเตียน เเปลความหมาย ตีความหมายตามความเข้าใจของเราเอง
เเละนี่เเหละคือที่มาของสงคราม ที่ซาตานกำลังต่อสู้ กำลังทำสงครามกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ อยู่ในนี้ อยู่ในจิตของคุณ เพราะฉะนั้นการที่จะต่อสู้กับมารซาตานเเละเป็นฝ่ายชนะ คือการที่เราจะต้องมี "อาวุธ ยุทธภัณฑ์" ครบชุด เเต่เนื่องจากว่าพี่น้องคริสเตียนมากมายไม่มีอาวุธ หมายความว่ายังไง เรามาดูกัน
อาวุธประการเเรกที่อาจารย์เปาโลกล่าวถึงอยู่ในเอเฟซัสบทที่ 6
คือการดำเนินชีวิตอยู่ในความจริง ความจริงนี้คือความจริงอะไร คือความจริงของพระเจ้า ซึ่งเมื่อเราค้นพบความจริงของพระเจ้าเเล้ว เราจึงจำเป็นที่จะเอาความจริงนั้นคาดเอวก็คือการใช้ชีวิตอยู่ในความจริงนั้น เมื่อเราอ่อนแอเราบอกว่าในพระคริสต์ไม่มีความอ่อนเเอมีเเต่ความเข้าเเข็ง เมื่อเราเหนื่อยเราก็บอกว่าในพระคริสต์พระองค์เป็นชีวิต พระองค์เป็นความกระตือรือล้น เราสามารถที่จะยิ้มเเละอธิษฐานเเละรับน้ำเเห่งชีวิต รับสันติสุข รับพลังเเละไม่นานต่อมา ไม่กี่วินาทีต่อมาเราจะเห็นว่ามีการเปลี่ยนเเปลงจากอ่อนเเอมาสู่การเป็นคนที่เข้มเเข็ง จากความกระวนกระวาย จากความกังวลกลายเป็นความสุขสันติสุขอยู่ในความสงบสุขกับพระเจ้า เเละกลายเป็นการพักสงบในพระคริสต์ ไว้วางใจในพระองค์ในทุกสิ่งทุกเรื่อง
ความจริงของอาดัม อยู่ในฝ่ายเนื้อหนังที่ตามองเห็น มนุษย์ทำให้เราลงเราก็ลง มนุษย์ทำให้เราขึ้นเราก็ขึ้น มนุษย์ทำให้เราท้อเราก็ท้อ
เเต่ความจริงของพระเจ้าในพระคริสต์ ไม่มีใครทำให้เราลงหรือทำให้เราขึ้นได้
เมื่อเราอยู่ในพระคริสต์ ในพระคริสต์มีเเต่ความเข้มเเข็งไม่มีความอ่อนเเอ ในพระคริสต์มีเเต่สันติสุข มีเเต่ความสงบสุข ไม่มีความทุกข์ ไม่มีความกังวล กระวนกระวาย ไม่มีความกลัวต่อพระเจ้าอีกต่อไป เพราะฉะนั้น เราจึงจำเป็นที่จะต้องเอาความจริงคาดเอว เเต่ปัญหาก็คือคริสตจักรทุกวันนี้ คริสเตียนมากมายไม่มีความจริงที่จะคาดเอวเลย เราดำเนินชีวิตอยู่ในเนื้อหนัง ในความที่ไม่จริง เเละเขาไม่รู้ว่าความจริงทุกวันนี้อยู่ในพระคริสต์ คือพระเจ้ากระทำทุกสิ่งสำเร็จเเล้ว พระพร มรดก น้ำเเห่งชีวิต สันติสุข พระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งเป็นชีวิตที่กระตือรือล้น ก็อยู่ในพระคริสต์หมดเเล้ว พระเจ้าประทานให้เเล้ว
ถ้าเราต้องการเราอยากดำเนินชีวิตที่กระตือรือล้น ร้อนรนมีสันติสุขไม่กลัวพระเจ้าก็เข้าไปอยู่ในพระคริสต์ครับ ซึ่งคลิปก่อนผมพูดถึงโลกนี้เป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งถ้าหากเราอยากมีประสบการณ์ในมรดก ในพระพรในทุกสิ่งในพระคริสต์เราใช้ความเชื่อ คือเชื่อเอา เพราะว่าพระคัมภีร์กล่าวถึงคำว่า "Blessed" หรือพระพร คือพระเจ้าอวยพรเเล้ว เป็นอดีตกาล เเละการที่เราจะได้รับพระพรทั้งหมด ในฝ่ายวิญญาณก็คือเชื่อเอาครับ แม้เเต่คำว่าเต็มล้นในพระวิญญาณ "Filled" เต็มล้นเเล้วด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์
ชีวิตคริสเตียนพูดง่ายๆ ก็คือเรามีทุกสิ่งเเล้ว พระเจ้าประทานเเล้ว พระเจ้าให้เราเเล้ว พระเจ้าอวยพรเราเเล้ว พระเจ้าประทานพระวิญญาณฯให้เราเเล้ว พระเจ้าให้เราเต็มล้นด้วยพระวิญญาณฯเเล้ว พระเจ้าให้น้ำแห่งชีวิตอยู่ในเราแล้ว การที่จะได้รับสิ่งเหล่านี้เเละได้เห็นได้สัมผัสสิ่งเหล่านี้ก็คือเชื่อเอา ถ้าหากเราดำเนินชีวิตอยู่ในความจริงของพระเจ้าในพระคริสต์ เราจะเห็นว่าสวรรค์บนดินอยู่ในเรา อยู่กับเรา เเละเราจะมองทุกสิ่งในเเง่บวกซึ่งถ้าหากเมื่อไหร่เราอยู่ในอาดัมเราจะเห็นมากมายหลายสิ่งที่ทำให้เราท้อแท้ได้ ทำให้เราอ่อนเเอได้ ทำให้เรากระวนกระวาย ทำให้เราเป็นทุกข์ได้
เเต่ถ้าหากเราอยู่ในพระวิญญาณ อยู่ในพระคริสต์ อยู่ในความจริงของพระเจ้าที่อยู่ในฝ่ายวิญญาณ คือทุกสิ่งดีหมดเเล้ว ทุกสิ่งมีเเต่ด้านบวก เรามองทุกสิ่งในด้านดี เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคริสเตียน เราควรจะมีความจริงคาดเอว
หมายความว่ายังไงการมีความจริงคาดเอว ก็คือการดำเนินชีวิตอยู่ในความจริงของพระเจ้า ความจริงของพระเจ้าในทุกวันนี้ก็คืออยู่ในพระคริสต์ ซึ่งในอาดัมในเนื้อหนังไม่มีความจริงอีกต่อไปแล้ว แต่ปัญหาก็คือ พี่น้องคริสเตียนมากมาย ดำเนินชีวิตในความจริงของอาดัม เดินตามอารมณ์ความรู้สึก ชีวิตขึ้นลงๆ ดีบาปๆ ใครมาทำให้เราลงเราก็ลง ใครมาทำให้เราขึ้นเราก็ขึ้น ใครมาทำให้เราน้อยใจ เบื่อ เซ็ง เป็นทุกข์ จิตใจของเราก็คล้อยตามปัญหาเหล่านั้น
เเละอาวุธอันที่สอง ก็คือความชอบธรรมเป็นเครื่องป้องกันอกถ้าหากเราถามใคร เขาก็จะบอกเราว่าเราเป็นคนบาป ผมเป็นคนบาป คุณเป็นคนบาป อาจารย์ก็เป็นคนบาป ทุกคนก็เป็นคนบาปกันหมด ใช่ถ้าเราจะดูฝ่ายเนื้อหนัง เเต่เราเป็นมนุษย์วิญญาณ เราดำเนินชีวิตอยู่ในวิญญาณในพระวิญญาณและความจริงของพระเจ้าก็คืออยู่ในฝ่ายวิญญาณ เพราะฉะนั้นพระเจ้าทรงกระทำแล้วให้เรากลายเป็นคนชอบธรรมโดยทางความเชื่อ เเละพระเจ้ายอมรับเราว่าเราเป็นคนชอบธรรมเเล้ว
เพราะว่าทุกวันนี้เรามีเสื้อที่ดีที่สุดสวมใส่ ก็คือบุคคลของพระคริสต์ที่มาอยู่กับเราเเละปกปิดชีวิตเนื้อหนังฝ่ายร่างกายฝ่ายชีวิตฝ่ายความบาปของเรา เเล้ว พระเจ้ามองมาที่เรา เราก็เป็นคนชอบธรรม เพราะฉะนั้นการดำเนินชีวิตที่มีพระคริสต์เป็นเสื้อที่ดีที่สุดให้เราสวมใส่ เราได้กลายเป็นคนชอบธรรมเเล้วต่อพระพักตร์พระเจ้าเราชอบธรรมเเล้ว เรามีความชอบธรรมนี้เป็นเครื่องป้องกันอกเรา
เเละความชอบธรรมที่สอง ก็คือการดำเนินชีวิตที่ชอบธรรม พระคริสต์สำแดงชีวิตที่ชอบธรรมออกมาผ่านเราให้โลกเห็นพระคริสต์ไม่ได้เห็นเราให้พระองค์เป็นคนกระทำ เรายอมให้พระองค์กระทำ เราไม่ทำ เราบอกว่าพระคริสต์รักเถิด เมตตาเถิด สงสารเถิด อดทนนานเถิดข้าพระองค์ทำไม่ได้ เเละพระองค์ก็ทำ การกระทำของพระองค์มีมากขึ้นๆ เท่าไหร่ ความชอบธรรมของเราก็มีมากขึ้นๆ ต่อหน้ามนุษย์ เเต่สำหรับการชอบธรรมต่อหน้าพระเจ้า ต่อพระพักตร์เราเป็นเเล้วตั้งเเต่วันที่เราเชื่อ ความเชื่อของเราพระเจ้านับว่าเป็นความชอบธรรม เราให้พระคริสต์ทำแทนเราทุกวัน
ฝึกดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณ คือฝึกที่จะสนิทกับพระคริสต์ พูดคุยกับพระองค์ เราเเบ่งเวลาเป็นชั่วโมง เราลืมเผลอเมื่อเมื่อไหร่อยู่ในฝ่ายเนื้อหนังเราไม่คุยกับพระเยซู กลับมาคุยใหม่ คือการยกย่อง สรรเสริญ ขอบพระคุณ อธิษฐานเผื่อพี่น้อง คุยกับพระองค์ บอกรักพระองค์ ถ้าเราคุยบ่อยๆ เราคุ้นเคย เราชินเราจะมีสิ่งที่จะพูดมากเหลือเกิน ขนาดเราคุยกับเพื่อน เราคุยทางเฟส เราคุยทางโทรศัพท์ ทางไลน์ เราก็มีคำพูดเป็นร้อยเป็นพันใช่ไหม บางคนพูดทั้งวันเลยคุยทั้งวันก็ไม่เหนื่อย เเต่คุยกับพระเจ้าไม่มีอะไรจะพูด ขอพระเจ้าช่วยเราที่จะเรียนรู้เเละเข้าใจในการพูดคุยสามัคคีธรรมกับพระเจ้าเเละคุ้นเคยเเละรักชอบในการสนิทกับพระองค์ เเละการกระทำของเราไม่ใช่การกระทำที่ฟรีๆ พระเจ้าให้บำเหน็จรางวัลเราด้วย
เเละสิ่งที่สาม ก็คือการเอาข่าวประเสริฐเเห่งสันติสุขสวมเป็นรองเท้า หมายความว่ายังไง ข่าวประเสริฐเเห่งสันติสุข เมื่อเราได้รับเเล้ว จิตใจของเราอยู่ในความสงบสุขกับพระเจ้า เรามี "Peace" ก็คือสันติ ความสงบสุขเป็นฝ่ายเดียวกับพระเจ้า ไม่เป็นศัตรูต่อกันอีกต่อไปเเล้ว เราไม่ใช่คนบาปอีกต่อไปแล้ว พระเจ้าเเตะต้องเราได้ พระเจ้ารับเราเป็นบุตร เพราะฉะนั้นเราจึงมีสันติกับพระเจ้า เราจึงอยู่ในความสงบสุขกับพระเจ้า เรามี "Peace" กับพระเจ้าในหัวใจของเรา
เราสามารถรับสันติสุขจากพระเจ้าได้ทุกวันทุกเวลานาที เมื่อเรามีปัญหา เมื่อสิ่งเลวร้ายเข้ามาในชีวิตของเรา เราสามารถที่จะเห็นสันติสุขนั้น เมื่อเรานมัสการพระเจ้า สรรเสริญพระองค์ สนิทในพระคริสต์พูดคุยสนทนากับเราในเเต่ละวัน และเมื่อเรามีสันติสุขนี้ เรามีความสงบสุขกับพระเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า เรามีสันติมี "Peace" ต่อกันเเล้ว ยังไม่พอสิ่งที่เราควรกระทำต่อมาก็คือเราควรจะเเบ่งสันติสุขนี้ ความสุขนี้ จิตใจที่มีเเต่ความสงบสุขนี้ในพระเจ้าให้คนอื่นด้วย
การดำเนินชีวิตที่มีสันติสุข ความสงบสุขอยู่กับพระเจ้า เเละการดำเนินชีวิตที่มีสันติสุข ความสงบสุขกับพี่น้องคริสเตียนเเละมนุษย์โลกเป็นสิ่งที่คริสเตียนควรจะมี เราประกาศข่าวประเสริฐนี้ให้มนุษย์ทั้งหลายได้พบความสงบสุข ได้พบสันติสุขในพระเจ้าด้วย
เเละนี่คือความหมายของคำว่า เอาข่าวประเสริฐเเห่งสันติสุขสวมเป็นรองเท้า ให้เรามีสันติสุขทุกวัน ทุกเวลานาที สันติสุขกับพระเจ้า สันติสุขภายในจิตใจของเราเเละสันติสุขที่เรามีกับเพื่อนมนุษย์เเละพี่น้องคริสเตียนเเละเราเเบ่งสันติสุขนี้ให้กับทุกคนด้วย ให้เขาได้มาพบความจริงว่าเราไม่ควรที่จะกลัวพระเจ้า เราควรจะเข้าใจเรื่องพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ที่ชำระเราจากความผิดบาปเเละเรามาหาพระเจ้าได้ทุกครั้ง ทุกวัน ทุกเวลาได้โดยทางพระโลหิต เเละเมื่อเราเป็นคริสเตียนเชื่อพระเจ้า เราก็ได้คืนดีกับพระองค์ เราไม่มีฐานะเป็นศัตรูกับพระเจ้าอีกต่อไปแล้ว
พระเจ้ายอมรับเราเป็นบุตรซึ่งพี่น้องคริสเตียนมากมาย ยังกลัวพระเจ้าไม่มีความสงบสุขภายในจิตใจเเละยังไม่พอ เขายังไม่มีความสงบสุขกับพี่น้องคริสเตียนเเละคนอื่นๆ ด้วย การที่จะมีสันติสุขอย่างเต็มล้นทุกวันทุกเวลา เราอยู่ในการเชื่อฟังพระเจ้าได้เเล้วมากมายเเละการทำผิดของเราอาจจะมีเล็กน้อย เเต่ถ้าหากว่าเรายังเริ่มต้นดำเนินชีวิตในฝ่ายวิญญาณขณะที่เราเริ่มฝึกใหม่ๆ การทำบาปของเราก็ยังทำอยู่เเต่เราควรจะมีสันติสุข เราหลงรักพระเจ้าเเล้ว เลิกกลัวพระเจ้าได้เเล้วเเละอยู่ใกล้ชิดกับพระเจ้า เราเริ่มเห็นสันติสุขทำงานเคลื่อนไหวมากขึ้นๆ กว่าเดิม
เเต่สำหรับชีวิตคริสเตียนที่ปกติธรรมดาที่ยังอยู่ในกระบวนการการเปลี่ยนเเปลงพระเจ้ากำลังทำงานอยู่ เพื่อช่วยเราเปลี่ยนเรา สันติสุขเราควรจะต้องมีไม่ใช่ว่าขึ้นลงๆสุขทุกข์ๆ อันนั้นไม่ครับไม่ถูกครับคือเราอยู่ในสันติสุขกับพระเจ้าไม่มากก็น้อยต้องมี คืออย่าห่วงอย่ากลัวว่าเราทำบาปอยู่จะมีสันติสุขได้ยังไง มีได้ครับ คือฝากการทำงานที่จะเปลี่ยนเราไว้กับพระเจ้าเป็นหน้าที่ของพระเจ้าเป็นหน้าที่ของพระวิญญาณ
เเต่การอยู่ในสันติสุข สนิทกับพระคริสต์ อยู่ในการสามัคคีธรรมกับพระองค์ทุกวันเข้ามาหาพระองค์ เมื่อทำบาปก็สารภาพเเล้วเข้ามา ทำผิดร้อยพันครั้งก็ไม่เป็นไรสารภาพเเล้วเข้ามาหาพระเจ้า พระเจ้าก็มีโอกาสทำงานต่อเนื่อง เราเติบโตได้ทันเวลาเเละเมื่อเรามีสันติสุขเเล้ว เราเเบ่งให้คนอื่น เราประกาศกับคนอื่น ผมมีเรื่องที่จะเเบ่งปันคุณ ฉันมีเรื่องที่จะบอกเธอ
การที่จะเป็นคริสเตียน เราเป็นคริสเตียนแล้ว เราควรจะมีสันติสุขทุกวันทุกเวลาทุกนาที
เราประกาศกับคนที่ไม่เชื่อได้เเละประกาศกับคนที่เชื่อด้วย เพราะคริสเตียนส่วนมากทุกวันนี้ส่วนมากไม่มีสันติสุขทุกวันทุกเวลาทุกนาที เเละเขาไม่เชื่อด้วย เขาไม่เชื่อว่าคริสเตียนจะสามารถมีสันติสุขทุกวันเวลาได้เพราะว่าปัญหามันก็เยอะ ความบาปเราก็ทำใช่ไหมซึ่งมันเป็นสิ่งที่ทำให้เราคิดว่ามันจะสุขได้ยังไง สุขได้ครับสุขภายในใจสุขในวิญญาณ เเล้วเราขอบพระคุณพระเจ้าที่พระเจ้าให้สันติสุขนี้ (โรม 5:1)
เราจึงได้รับการชำระให้บริสุทธิ์เเล้วเเละเราจึงมีสันติสุขกับพระเจ้าในพระคริสต์ เเละสันติสุขนี้พระเจ้าให้เราภายใน ไม่ใช่การได้มาด้วยการทำดีครบเป็นคนที่ดีเพอร์เฟคเเล้วจึงจะมีสันติสุขได้ไม่ใช่ครับ
ชีวิตคริสเตียนคือ
เราอยู่ในสันติสุขเพื่อรอการก่อขึ้น เรามีสันติสุขเเละอยู่ในกระบวนการการเปลี่ยนเเปลงชีวิตไปพร้อมๆ กัน เราอยู่ในสันติสุขกับพระเจ้า สามัคคีธรรม ทำบาปทำเเต่สารภาพเเล้วกลับมาใหม่ รวบรวมความจริงที่เป็นมานาที่ซ่อนไว้ เเละฝึกฝนชีวิตของเราเอาความจริงนี้คาดเอว
เเละเอาความชอบธรรมเราเชื่อเเล้วเราเป็นคนชอบธรมเเล้วทุกวันทุกเวลาทุกนาทีต่อพระพักตร์พระเจ้าเเละพระเยซูคริสต์กำลังทำดีเเทนเรา ทำในเราทุกวันๆ ทำไปเรื่อยๆ เเละนี่คือความชอบธรรมที่เรามีเป็นเครื่องป้องกันอก
เเละอันที่สามก็คือการอยู่ในสันติสุขกับพระเจ้าทุกวันทุกเวลาเเละเราประกาศข่าวประเสริฐเรื่องนี้ให้พี่น้องคริสเตียนเเละคนที่ไม่เชื่อด้วยให้เขาได้มีโอกาสรับสุขได้เหมือนเรา
อาวุธประการที่สี่ ก็คือความเชื่อเป็นโล่ ความเชื่อที่เป็นโล่
ป้องกันลูกศรไฟเพื่อป้องกันการบุกรุกจู่โจมของซาตาน หมายความว่ายังไง เอาความเชื่อเป็นโล่ ก็คือการอยู่ในความเชื่อ ดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ เดินด้วยความเชื่อไม่ใช่ด้วยการปฏิบัติ คริสเตียน เริ่มต้นก็ด้วยความเชื่อ เเละจบลงด้วยความเชื่อ โรม 1:17 หมายความว่ายังไง ก็คือ เราเชื่อเราได้บังเกิดใหม่ไม่ใช่ปฏิบัติ เราเชื่อเราได้รับการยกโทษบาป เราเชื่อเราได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ใช่การปฏิบัติ ไม่ใช่การอดอาหาร ไม่ใช่การอธิษฐาน ไม่ใช่การเชื่อฟังรักษาชีวิตให้บริสุทธิ์เเละให้พระวิญญาณเข้ามาอยู่กับเราได้ ขอพระวิญญาณ เเต่เมื่อเราเชื่อ เราเชื่อก็จะมาหาเราเเละอยู่กับเรา
เราได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์โดยทางความเชื่อ อีกครั้งเมื่อเราเชื่อในพระเยซูคริสต์เรารับการยกโทษบาป เมื่อเราเชื่อในพระเยซูคริสต์เราตายกับพระคริสต์เเล้วเราเป็นขึ้นมาใหม่เราได้รับชีวิตใหม่ เมื่อเราเชื่อในพระเยซูคริสต์เราได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาอยู่กับเราอยู่ในเรา เเละถ้าเราเชื่อทุกวันว่าเราเป็นคนชอบธรรมเราก็ชอบธรรม เราเชื่อทุกวันว่าเราเป็นคนใหม่เเล้ว เราก็เป็นคนใหม่เเล้ว เเละเราเชื่อเราเป็นคนดีเเล้วเป็นคนเพอร์เฟคเเล้วพระวิญญาณบริสุทธิ์กำลังทำงานกำลังดำเนินชีวิตเเทนเราเเล้วเราเชื่อทุกวันสิเราก็จะเห็น
ชีวิตของคริสเตียนไม่มีอะไรนอกความเชื่อ"เริ่มก็ด้วยความเชื่อเเละจบลงก็ด้วยความเชื่อ"คือเชื่อเอา อยากเป็นอะไร อยากมีอะไร อยากทำอะไร เราเป็นอะไรได้เพราะว่าทุกสิ่งสำเร็จเเล้วในพระคริสต์ในพระเจ้า เเล้วเราถ้าหากจะมีประสบการณ์กับสิ่งเหล่านี้ที่ได้รับมาก็คือการเชื่อเอา "เชื่อ" เชื่อว่าเป็นก็เป็นเชื่อว่าได้ก็ได้ ฮบ 11:1 ความเชื่อคือการยอมรับในสิ่งที่ตามองไม่เห็นว่ามีจริง มีอยู่จริงๆเเละได้รับเเล้ว คือเราเป็นคนใหม่ เราได้บังเกิดใหม่ เรามีพระวิญญาณอยู่ในเรา เราเป็นผู้ชนะเเล้วเราทำได้ทุกสิ่งเเล้ว
ทุกวันนี้ความเชื่อของเราไม่ทันความจริงของพระเจ้าเราจึงไม่เห็นเราจึงไม่มีประสบการณ์เเละไม่ได้อยู่ในประสบการณ์ในความจริงของพระเจ้านี้ อีกครั้งความเชื่อเป็นโล่ก็คือการดำเนินชีวิตเดินด้วยความเชื่อไม่ใช่เดินด้วยการปฏิบัติหรือเดินด้วยตามองเห็น เราเป็นคนบริสุทธิ์ เราเป็นผู้ชอบธรรม เราอยู่ในพระคริสต์ เรามีพลังมากมายมหาศาลขอบพระคุณพระเยซู เราตั้งชีวิตของเราตั้งความเชื่อของเราอยู่ในพระคริสต์ เราไม่มองมาที่ฝ่ายเนื้อหนัง
2 คร 5:7 เราเดินด้วยความเชื่อไม่ได้เดินด้วยตาเห็นหูได้ยิน ประสาทสัมผัสทั้ง 5 การดำเดินชีวิตอยู่ในความเชื่อก็คือเชื่อเอาพระเจ้าเป็นคนทำเราเป็นคนเชื่อ
ฮบ 12:2 กล่าวว่าพระเยซูคริสต์เป็น "Perfecter" พระเยซูคริสต์เป็นผู้ทำให้สมบูรณ์ พระเยซูคริสต์เป็นผู้ทำให้สำเร็จ พระเยซูคริสต์เป็นผู้ทำให้เราเพอร์เฟค "Holy" บริสุทธิ์ ชอบธรรม พระเยซูทำให้เรามีชีวิตมีจิตใจใหม่ได้ พระเยซูเป็นคนกระทำเราเป็นคนเชื่อเอา
กท 2:20 เราตายเเล้วเราไม่มีชีวิตอยู่เเต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในเราเราคนใหม่ เเละ
ฟป 2:13 พระเจ้าเป็นผู้กระทำกิจในเราทั้งความปราถนาเเละการกระทำ เเละ
คส 1:27 คือพระคริสต์อยู่ในเราเป็นความหวังเเห่งสง่าราศรี พระคริสต์เป็น "Perfecter" ความหมายก็คือพระคริสต์เป็นผู้ทำให้เราเพอร์เฟคเเละเรานี่อยากเป็นคนดีเชื่อฟังทำทุกสิ่งได้เราเชื่อเอา ดีเเล้ว ชนะเเล้ว เป็นเเล้ว รับหมดเเล้ว มีหมดเเล้ว ขอบพระคุณพระเจ้าเเล้ว เราจะเห็นผล ชีวิตคริสเตียนก็คือเชื่อพระเจ้าให้เห็น ถ้าหากเราอยากเห็นก่อนเเล้วจึงจะเชื่อเราจะไม่ได้เห็น สำหรับหลักการของชีวิตคริสเตียน คือขอให้เห็นก่อนจึงจะเชื่อขอให้ดีก่อนสิจึงจะเชื่อ เเต่พระเจ้าบอกว่าเชื่อก่อนจึงจะดี เชื่อก่อนจึงจะเห็น เชื่อก่อนจึงจะสัมผัสได้ เชื่อก่อนจึงจะได้รับสิ่งเหล่านี้
อาวุธประการต่อไป ก็คือเอาความรอดเป็นหมวกเหล็ก เอาความรอดเป็นหมวกเหล็กมาสวมไว้หมายความว่ายังไง ก็คือคริสตจักรทุกวันนี้มากมายเหลือเกินที่สอนกัน เเละพี่น้องคริสเตียนก็พูดกันก็เยอะมากว่ารอดโดยความเชื่อเท่านั้นไม่พอมันไม่ถูก คือต้องเชื่อเเละปฏิบัติตาม เชื่อเเล้วต้องเชื่อฟัง เชื่อแล้วต้องบัพติสมา เชื่อเเล้วต้องอ่านพระคัมภีร์ อธิษฐาน ไปโบสถ์ ต้องถวายสิบลด ต้องทำมากมายหลายสิ่งจึงจะได้รับความรอด เเละต้องรักษาชีวิตให้ดีที่สุดเพอร์เฟค อยู่ในการเชื่อฟังพระเจ้าตลอดชีวิตถึงจะรอด อันนี้ไม่ใช่หมวกเหล็ก
การเอาความรอดเป็นหมวกเหล็ก ก็คือเรามั่นใจในความรอดของเรา เราไม่กลัวอีกเเล้วว่าจะไม่รอด เมื่อเราบังเกิดใหม่ในพระคริสต์บังเกิดใหม่ในพระวิญญาณเราจะรอดเเน่นอน เพราะว่าเราเป็นบุตรพระเจ้า พระเจ้าเลือกพระเจ้าหมายไว้แล้ว และเราจะไม่สูญเสียความรอดอีกเลย พระเยซูคริสต์ตรัสว่าเรารู้จักเเกะของเราดีเเละเเกะก็รู้จักเราดีแกะจะตามเรามา คือคนไหนใครก็ตามที่บังเกิดใหม่เเล้วจะไม่สูญเสียความรอดอีกเลย นอกจากว่าใครที่จะปฏิเสธพระเยซูในวันสุดท้ายหรือในชีวิตของเขาเเละไม่เคยกลับมาหาพระเจ้าอีกเลย อันนั้นเป็นคนที่ไม่เคยได้เกิดใหม่
ในท่ามกลางเราคริสเตียนมีมากมายเหลือเกินที่ผู้เชื่อหลงเข้ามาเเต่ไม่ได้บังเกิดใหม่ ก็เป็นศาสนาเหมือนคนทั่วไป มีหลายๆ คนที่มาตามพ่อตามเเม่ใช่ไหม คือเป็นคริสเตียนตามพ่อเเม่ตามครอบครัวตามบ้านเมืองตามประเทศเป็นศาสนาประจำชาติ ขึ้นชื่อว่าเป็นคริสเตียนเเต่ไม่เคยบังเกิดใหม่ ไม่เคยมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระเยซูเลย อันนี้คือการไม่ได้บังเกิดใหม่เเละวันนึงเขาจะทิ้งพระเจ้าได้เเละเขาไม่มีโอกาสได้รอด
เเต่สำหรับคนที่บังเกิดใหม่ในพระวิญญาณเเล้วคือคนที่รอดเเน่นอนที่สุด สำหรับเรื่องเกี่ยวกับความรอดเเน่นอนก็คือ อฟ 4:30, 2 ทธ 1:14 ถ้าหากเรามั่นใจในความรอดของเราเเล้วเราก็จะไม่เป็นห่วง ไม่กระวนกระวายไม่ต้องเเบกภาระหนักอีกแล้ว คริสเตียนทุกวันนี้หลายคนเเบกภาระหนักเหลือเกินเนื่องจากว่ากลัวจะไม่รอด ดำเนินชีวิตที่ทำบาปเป็นประจำเเละจะรอดได้ไหม คือเขากลัวมากเป็นห่วงมาก เเต่เราขอบพระคุณพระเจ้า เรามีความรอดเป็นหมวกเหล็กก็คือ ป้องกันไม่ต้องกลัวใครจะมาล่อเรามาบอกเรามาหลอกเรา ซาตานใช้พี่น้องคริสเตียนมากมายมาบอกเราว่าการเชื่อเท่านั้นการเชื่อเฉยๆไม่รอดเเน่นอนจะต้องปฏิบัติตาม รับใช้ ถวายตัว ดำเนินชีวิตที่เชื่อฟังต่างๆนาๆ เเต่เราขอบพระคุณพระเจ้า หลักการเเห่งความรอดในยุคนี้เชื่อเท่านั้น เชื่อเท่านั้นก็ได้รอดเเล้ว ส่วนเรื่องการเข้าในราชอาณาจักรเป็นอีกเรื่องนึง
การที่จะดำเนินชีวิตในพระคริสต์ให้พระคริสต์ทำแทนเราอันนั้นได้เข้าในราชอาณาจักรเป็นใหญ่เป็นโตเป็นนายมีตำเเหน่ง เเต่การรอดในวันสุดท้ายก็คือความรอดจากบึงไฟ อันนี้คือเชื่อเท่านั้นก็รอดเเล้ว ยน 3:16 เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลกจนประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ลงมา ใครที่เชื่อในพระบุตรนั้นก็จะไม่พินาศเเต่มีชีวิตของพระเจ้าชีวิตนิรันดร์
เเละพระคัมภีร์อีกหลายตอนที่กล่าวถึงการเชื่อเท่านั้นก็จะได้รอด อฟ 2:8-9, โรม 11:6 เเละก็ผู้ชายคนนึงที่เอาภรรยาของบิดาของตนมาเป็นเมียเเละอาจารย์เปาโลกล่าวว่าให้เขาออกไปจากคริสตจักร เพราะว่าเขาเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีเเละเพื่อวิญญาณของเขาจะรอดในวันสุดท้าย คือซาตานจะทำลายเนื้อหนังของเขาทำลายชีวิตของเขาเเต่วิญญาณจะรอดในวันสุดท้าย เห็นไหมครับคือเขาเชื่อเฉยๆ เชื่อเท่านั้นเขาก็ได้รอดเเล้ว เขาทำบาปทำผิด เเต่เมื่อถึงวันสุดท้ายเขาก็ได้รอด เเละเราจะเห็น 1 คร 3:12-15 การก่อขึ้นที่ไม่ถูกคือผลงานจะถูกเผาไหม้ทิ้งหมดเเต่เราจะรอดเหมือนรอดผ่านไฟ
อาวุธประการต่อมา ก็คือถือดาบหรือถือพระแสงของพระวิญญาณ ก็คือพระคำพระเจ้านี่เอง การที่เราจะมีพระคำพระเจ้าไว้เพื่อต่อสู้กับผีมารซาตาน ถ้ามีใครจะมาพูดอะไรที่ไม่ถูกต้องตามความหมายพระคำของพระเจ้า ไม่รู้จักน้ำพระทัยของพระเจ้าซึ่งพี่น้องคริสเตียนทุกวันนี้มากมายหลายคน เขาก็รักเรา เขารักเราเป็นห่วงเราต่างตนต่างก็เป็นห่วงซึ่งกันเเละกัน แต่ปรากฎว่าเมื่อเราให้สิ่งที่มันผิดให้เขา เขาไม่รู้เขาก็รับเอา เเต่ขอบพระคุณพระเจ้าที่เรายืนอยู่ในความจริงเราเข้าใจน้ำพระทัยพระเจ้าเเล้ว เราเข้าใจการตีความหมายพระคัมภีร์ต่างๆ เเละพระคำของพระเจ้าเหล่านี้เรายึดไว้เป็นพระเเสงหรือเป็นดาบ ใครจะมาพูดอะไรก็คือการกระทบกระเเทกเราต่อสู้กับเรา เราก็เอาดาบนี้ป้องกัน ป้องกันตัวไว้ต่อสู้คืนไป
ถ้าหากเราบอกเขา เขาไม่เชื่อเขาไม่ฟังเราก็ปล่อย เเต่ถ้าหากเราบอกเขาไปในความจริงในพระคำพระเจ้าที่เป็นความจริงเขาฟังเขายอมรับ เราก็ต่อสู้กับมารเเละป้อนความจริงนั้นให้เขาเเละเขาก็จะมีโอกาสได้เติบโตได้รับพระคำพระเจ้าได้รับความจริงได้ถูกเปิดตาเเละมาเป็นหนึ่งในผู้ชนะของพวกเรา ขอพระเจ้าช่วยเราที่จะไถ่พี่น้องมากมายปลดปล่อยเขาให้เป็นอิสระให้เป็นไท เพื่อว่าชีวิตคริสเตียนจะเติบโตขึ้นได้ อยู่ในสันติสุขได้ คือเราต้องมีพระเเสงของพระเจ้าซึ่งเป็นพระคำเพื่อที่จะปลดปล่อยพี่น้องเหล่านั้น
สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคริสเตียน ก็คือธิษฐานในพระวิญญาณ อธิษฐานในพระวิญญาณ ก็คือการสามัคคีธรรมกับพระวิญญาณอยู่ในพระวิญญาณ ขณะที่ร่างกายของเราจิตใจของเราทำงานอยู่ในที่ทำงาน อยู่ในครอบครัว ทำอาหาร ทำกับข้าว ทำอะไรก็ตาม เเต่สิ่งที่สำคัญที่เราขาดไม่ได้ ก็คือการอธิษฐานในวิญญาณ ในพระวิญญาณ การสามัคคีธรรม การสนิทในพระคริสต์อย่างสม่ำเสมอไม่ขาด
พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสผ่าน อ.เปาโลว่า จงอธิษฐานอยู่เสมอ จงอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ ภาษากรีก ก็คือจงพูดคุยสนทนากับพระเจ้าอย่างไม่หยุดยั้งอย่างสม่ำเสมอ ก็คือการพูดคุยอย่างต่อเนื่อง คืออย่างที่ผมเคยพูดว่าเราเเบ่งเป็นชั่วโมงได้เพราะว่าคริสเตียนเรามักจะเผลอ เผลอบ่อยมากคือเราจดจ่อชีวิตจิตใจของเราในฝ่ายเนื้อหนังมากกว่าฝ่ายวิญญาณเเต่การฝึกของเราจะช่วยให้เราคุ้นเคยกับการพูดคุยได้สามัคคีธรรมได้สนทนาได้อธิษฐานในพระวิญญาณกับพระวิญญาณอยู่เสมอ
สรุป
อาวุธยุทธภัณฑ์ทั้งชุดที่พระเจ้าให้เราไม่ได้มีไว้เพื่อต่อสู้กับมารซาตานที่มาจู่โจมอยู่ข้างนอก ซาตานไม่ได้มาเพื่อที่จะทำร้ายเราเป็นงานหลัก เเละซาตานไม่ได้มาเพื่อทำให้เราทำบาปไม่เชื่อฟังพระเจ้า ดำเนินชีวิตที่ไม่ถูกต้องตามน้ำพระทัย อันนั้นไม่ใช่งานหลักของมันอันนั้นเป็นงานรองๆของมัน
เเต่งานหลักของซาตานทุกวันนี้ที่ทำกับเราก็คืออยู่ในจิตของเราเป็นจิตศาสตร์ สงครามจิตศาสตร์ ทุกวันนี้มันหลอกล่อเราให้เราใส่ใจในเรื่องฤทธิ์เดชอำนาจของประทาน เเละมันใช้ความรู้ให้เราปักใจใส่ใจในเรื่องความรู้สติปัญญา การรับใช้บ้าง ทุกสิ่ง อะไรก็ตามที่เราไปทำเเละเราไม่มีโอกาสได้สนิทกับพระคริสต์ เราไม่ได้อยู่ใกล้ เราตามหาพระเยซูผู้เดียว เราขอเกาะติดกับพระเยซูเท่านั้น เรื่องความรู้สติปัญญา ของประทาน ฤทธิ์เดชอะไรทั้งหลายพระเจ้าให้เรามีได้ พระเจ้าให้เราใช้ได้เเต่นั่นเป็นสิ่งที่เป็นรอง
สิ่งที่เป็นศูนย์กลางของชีวิตจิตใจของเราในส่วนกลางเลย ก็คือพระคริสต์ที่เป็นบุคคล เราเเสวงหาพระองค์ผู้นั้นอยู่ใกล้ชิดกับพระองค์ บอกรักพระองค์ ติดสนิทกับพระองค์เเละทุกสิ่งก็จะตามมา ไม่ใช่ว่าเราให้การรับใช้เป็นใหญ่เป็นหลัก เป็นศูนย์กลางของชีวิต สติปัญญาเป็นศูนย์กลางของชีวิต บางคนเเสวงหาเหลือเกินความรู้ๆ เเต่เราไม่มีโอกาส ไม่มีโอกาสได้สนิทกับพระคริสต์ บางคนก็ใส่ใจในเรื่องไฟ เรื่องพระวิญญาณ เรื่องฤทธิ์เดช รักษาโรค ไล่ผี พูดถึงได้ทั้งวัน
เเต่การพูดถึง การยกย่องสรรเสริญพระเยซูมีน้อยมาก คำว่าขอบคุณพระเยซูเขาใช้ เเต่การที่จะพูดถึงว่าพระเยซูเเสนดี เรายกย่องสรรเสริญพระเยซูกันเถอะ เราขอบพระคุณด้วยกันเถอะ เราร่วมกันสามัคคีธรรมเเละเเสวงหาพระคริสต์ให้มากกันขึ้นเถอะ ทำยังไงเราถึงเข้าใกล้พระเจ้ามากขึ้น เเละถ้าหากเราไม่มาถึงจุดนี้เราพ่ายแพ้
เเละอีกอย่างซาตานหลอกล่อเราไม่ให้มีความจริงคาดเอวไว้ ไม่ให้มีความชอบธรรมเป็นเครื่องป้องกันอกเรา ไม่ให้มีข่าวประเสริฐเเห่งสันติสุข ไม่มีความสุขเป็นรองเท้าสวมไว้ เเละไม่มีความเชื่อเป็นโล่ ชึวิตของเรากลัวจะไม่รอดด้วย เเละอีกอย่างก็คือเราไม่มีพระเเสงที่เป็นความจริงเป็นพระคำของเจ้าเพื่อต่อสู้ พระคำของพระเจ้าที่เป็นความจริงเรามีน้อยมาก เราเชื่อผิดๆถูกๆเราจะมีพระเเสงได้ยังไง
ขอพระเจ้าช่วยเราให้เข้าใจสงครามจิตศาสตร์ สงครามที่อยู่ภายใน ซึ่งพระเจ้าเปิดตาเราให้เข้าใจเเล้ว เราก็สามารถเอาชนะมารซาตานได้อย่างง่ายๆ และชีวิตของเราทุกวันนี้เป็นอิสระเป็นไทมีสันติสุขอยู่ในกระบวนการการเปลี่ยนแปลงของพระเจ้าที่ทำงานในเราทุกวันเเละในที่สุดไม่ช้าไม่นานเราก็จะกลายเป็นผู้ชนะ