5:1 บัดนี้ พวกท่านผู้มั่งมี จงร้องไห้และโอดครวญเพราะเหตุบรรดาความทุกข์ระทมของพวกท่านซึ่งจะมายังพวกท่าน
** พวกท่านผู้มั่งมี คือคริสเตียนชาวยิวสิบสองตระกูลที่มีฐานะมั่งมี ซึ่งพวกเขาเหล่านี้เป็นผู้นำที่..
- 1. เชื่อผิด และยังทำตัวเป็นครูอาจารย์สอนที่นำผู้เชื่อมากมายหลงผิดไป และ
- 2. พวกเขามีอันจะกิน และใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่ไม่ยอมช่วยเหลือคนที่ยากจนขัดสน มิหนำซ้ำยังเอารัดเอาเปรียบหรือโกงทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อ (ดูข้อที่ 2 จนถึงข้อที่ 5)
** ความทุกข์ทรมานที่จะมาถึงพวกเขา ก็คือการตีสอน ตอนที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ และในยุคพันปี
5:2 ทรัพย์สมบัติของพวกท่านก็ผุพัง และบรรดาเสื้อผ้าของพวกท่านถูกตัวมอดกัดกิน
5:3 ทองคำและเงินของพวกท่านก็ขึ้นสนิม และสนิมของพวกมันจะเป็นพยานหลักฐานต่อพวกท่าน และจะกินเนื้อของพวกท่านดุจไฟ พวกท่านได้ส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้แล้วสำหรับยุคสุดท้าย
5:4 ดูเถิด ค่าจ้างของบรรดาคนงานผู้ที่ได้เกี่ยวข้าวในทุ่งนาทั้งหลายของพวกท่าน ซึ่งพวกท่านได้เก็บไว้โดยการโกงนั้น ก็ร้องขึ้น และเสียงร้องของคนเหล่านั้นที่ได้เกี่ยวข้าวได้เข้าถึงพระกรรณขององค์พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาแล้ว
5:5 พวกท่านได้ใช้ชีวิตในความเพลิดเพลินบนแผ่นดินโลกและได้เริงสำราญ พวกท่านได้บำรุงเลี้ยงใจของพวกท่านเหมือนอย่างในวันแห่งการเข่นฆ่า
5:6 พวกท่านได้ตัดสินลงโทษ และได้ฆ่าคนชอบธรรม และเขาก็ไม่ได้ต่อต้านพวกท่าน
** คำว่า ตัดสินและได้ฆ่าคนชอบธรรม ในที่นี้ คือการต่อต้าน และข่มเหงใส่ร้ายผู้เชื่อที่ได้รับการเปิดตา หรือเชื่อถูกซึ่งถูกมองว่าเป็นคนชอบธรรมสำหรับพระเจ้าแล้วโดยทางความเชื่อ แต่ขัดแย้งกับความเชื่อที่ผิดของคริสเตียนยิวเหล่านี้ เราจะพบว่าคริสเตียนที่เชื่อถูกจะไม่ตอบโต้ โต้เถียงคนที่เชื่อผิด เนื่องจากว่าพวกเขารู้ว่าคนตาบอดจะเห็นไม่ได้และไม่ได้ยิน
5:7 เหตุฉะนั้น จงอดทน พี่น้องทั้งหลาย จนถึงการเสด็จมาขององค์พระผู้เป็นเจ้า ดูเถิด ชาวนารอคอยผลอันล้ำค่าแห่งแผ่นดิน และมีความอดทนนานเพื่อที่จะได้รับผลนั้น จนกระทั่งเขาได้รับฝนต้นฤดูและฝนปลายฤดู
** ท่านยากอบหนุนใจให้พวกเขาอดทนต่อสิ่งที่พวกเขาจะได้รับ เนื่องจากว่าพวกเขาก็เป็นผู้เชื่อ และมีสิ่งที่ดีอยู่บ้าง
5:8 พวกท่านก็จงอดทนเช่นกัน จงให้ใจของพวกท่านตั้งมั่นคง ด้วยว่าการเสด็จมาขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็ใกล้เข้ามาแล้ว
** พวกท่านก็จงอดทนเช่นนั้นเหมือนกัน ก็คือความอดทนเหมือนดั่งชาวนาในข้อที่ 7
5:9 อย่าขุ่นเคืองใจต่อกันและกัน พี่น้องทั้งหลาย เกรงว่าพวกท่านจะถูกพิพากษา ดูเถิด องค์พระผู้พิพากษาประทับยืนอยู่หน้าประตูแล้ว
** ขุ่นเคืองใจ ภาษากรีกคือ στενάζω สเต็น-อัด-โซ ซึ่งมีความหมายว่า ครวญคราง บ่นว่า ระบายความในที่มีอารมณ์ทุกข์ร้อนใจ ซึ่งถ้าหากเราทำแบบนี้ การตีสอนย่อมจะมาถึงเราอย่างแน่นอน
5:10 พี่น้องของข้าพเจ้า จงเอาพวกศาสดาพยากรณ์ ผู้ได้กล่าวในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นแบบอย่างแห่งการทนทุกข์ความเจ็บปวดและแห่งความอดทน
** ผู้เผยพระวจนะในสมัยพระคัมภีร์เดิมส่วนมากก่อนที่จะถูกชาวยิวยอมรับหรือนับถือได้ จะถูกข่มเหงทำร้ายขับไล่เสียก่อน พวกเขาจึงต้องมีความอดทนเป็นอย่างมาก เราผู้เชื่อในยุคนี้จึงต้องดูพวกเขาเป็นแบบอย่าง และแน่นอนที่สุด ผลที่ได้รับก็คือบำเหน็จมากมายที่พระเยซูจะนำมามอบให้เราเมื่อพระองค์เสด็จกลับมา
5:11 ดูเถิด พวกเรานับว่าคนเหล่านั้นที่สู้ทนก็เป็นสุข พวกท่านได้ยินเกี่ยวกับความอดทนของโยบ และได้เห็นที่สุดปลายขององค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วว่า องค์พระผู้เป็นเจ้านั้นทรงเปี่ยมด้วยความสงสาร และพระเมตตาอ่อนโยนสักเท่าใด
** โยบดูเหมือนจะพ่ายแพ้ต่อการทดลอง เนื่องจากว่าผู้เชื่อมากมายมองว่าท่านบ่นว่า และสาปแช่งทุกสิ่งทุกคน และแม้กระทั่งวันเดือนปีที่เขาเกิดมา แต่สิ่งเดียวที่เขาไม่ทำนั่นก็คือสาปแช่งและทิ้งพระเจ้า ทำให้ซาตานเป็นผู้พ่ายแพ้ ท่านจึงได้รับผลตอบแทนอย่างมากมายหลายเท่า เราผู้ที่พระเจ้าเลือกให้มาปรนนิบัติรับใช้พระองค์ และรับใช้มนุษย์ในยุคนี้ ก็จะได้รับผลตอบแทนมากมายเหมือนโยบ เอเมน
5:12 แต่เหนือสิ่งทั้งปวง พี่น้องของข้าพเจ้า อย่าสาบานเลย ไม่ว่าโดยอ้างถึงฟ้าสวรรค์หรืออ้างถึงแผ่นดินโลก หรืออ้างถึงคำปฏิญาณอื่นใดก็ตาม แต่จงให้คำว่า ใช่ ของพวกท่านเป็นคำว่า ใช่ และคำว่า ไม่ ของพวกท่านเป็นคำว่า ไม่ เกรงว่าพวกท่านจะตกเข้าในการพิพากษา
** มนุษย์ชอบสาบานเพื่อทำให้คนใดคนหนึ่งเชื่อใจเขา ชาวยิวชอบสาบานโดยอ้างถึงสวรรค์บ้าง แผ่นดินโลกบ้าง กรุงเยรูซาเล็มบ้าง และศรีษะของตนบ้าง ซึ่งชาวยิวไม่ใช่เจ้าของหรือทำหน้าที่ดูแลสิ่งเหล่านี้เลย บุตรพระเจ้าทั้งหลายไม่ควรเอาอะไรมาอ้างและไม่ควรสาบาน ถ้าหากว่าใช่ก็ว่า ใช่ และไม่ใช่ก็ว่า ไม่ใช่ มธ 5:34-37 และใครจะเชื่อหรือไม่นั้นก็แล้วแต่เขา เพียงแต่เราเดินในความจริง ไม่โกหกหลอกลวงใคร
5:13 มีผู้ใดในท่ามกลางพวกท่านทนทุกข์หรือ จงให้ผู้นั้นอธิษฐาน มีผู้ใดร่าเริงยินดีหรือ จงให้ผู้นั้นร้องเพลงสดุดีทั้งหลาย
** การร้องเพลงสดุดี คือการยกย่องสรรเสริญพระเจ้าและการเชื่อวางใจในพระองค์ เนื่องจากว่าพระเจ้าเป็นผู้ดูแล และจัดการกับชีวิตของผู้เชื่อแต่ละคน พระองค์รับรู้รู้เห็นทุกสิ่งที่เข้ามา เพราะฉนั้นหน้าที่ของเราคือวางใจในพระองค์
เมื่อมีปัญหาเข้ามาเราร้องเพลงสรรเสริญเพื่อแสดงความไว้วางใจในพระองค์ การร้องเพลงเพื่อยกย่องสรรเสริญขอบพระคุณจึงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราเพื่อตั้งจิตอยู่ในการไว้วางใจในพระเจ้า และผลที่ได้รับก็คือการช่วยเหลือปกป้องดูแลจากพระเจ้าที่จะมาถึงเราตามน้ำพระทัยของพระองค์
การร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า คือเคล็ดลับเพื่อนำมาซึ่งการช่วยเหลือของพระเจ้าที่ผู้เชื่อมากมายไม่ตระหนัก และไม่ทำกัน เขาอาจจะร้องเพลงร่วมกับพี่น้องในเวลานมัสการร่วมกันเท่านั้น แต่ไม่ชอบร้องเมื่ออยู่คนเดียว และตอนที่เข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่ที่บ้านหรืออยู่ที่อื่น
Ex. เปาโลกับสิลาส ร้องเพลงในเรือนจำ
5:14 มีผู้ใดในท่ามกลางพวกท่านป่วยหรือ จงให้ผู้นั้นเรียกบรรดาผู้ปกครองของคริสตจักรมา และให้คนเหล่านั้นอธิษฐานเผื่อเขา โดยเจิมเขาด้วยน้ำมันในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า
** สำหรับผู้เชื่อ พระเจ้าต้องการให้เราไม่ประมาทในเรื่องการกินอยู่ ถึงแม้ว่าพระองค์เป็นผู้ดูแลชีวิตเราก็ตาม อาการป่วยมาจากการไม่รักษาสุขภาพซึ่งทำให้ร่างกายอ่อนแอ การประมาทในการกินดื่ม แต่พระเจ้าก็เข้าใจ และเห็นใจเรา
ฉะนั้นเมื่อเราป่วยเราอาจจะพึ่งยาหรือขอการช่วยเหลือจากพระเจ้าได้ด้วยการขอให้คริสตจักรร้องขอการรักษาจากพระบิดา เนื่องจากว่าผู้นำ (ที่แท้จริง) คือตัวแทนของพระเจ้าในโลกนี้
** การเจิม หรือชโลมด้วยน้ำมัน เล็งถึงการขอการทำงานที่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์
5:15 และการอธิษฐานแห่งความเชื่อจะช่วยผู้ป่วยนั้นให้รอด และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงรักษาเขาให้หาย และถ้าเขาได้กระทำบาปทั้งหลาย ก็จะโปรดยกโทษบาปเหล่านั้นให้เขา
** สำหรับผู้เชื่อ ถ้าหากเราจะพึ่งยา หรืออะไรก็ตาม เราเชื่อว่ามาจากพระเจ้า เราจึงทานยา หรือขอการอัศจรรย์เกิดขึ้นโดยไม่ทานยา ตามการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเจ้าก็จะช่วยรักษาเรา ให้หาย และแน่นอนที่สุด ผู้เชื่อที่ป่วยเนื่องมาจากการทำบาป พระเจ้าก็รักษาและยกโทษบาปให้เพราะเห็นแก่พระโลหิตของพระเยซู
5:16 จงสารภาพความผิดทั้งหลายของพวกท่านต่อกันและกัน และจงอธิษฐานเผื่อกันและกัน เพื่อพวกท่านจะได้รับการรักษาให้หาย คำอธิษฐานด้วยใจร้อนรนอย่างเอาจริงเอาจังของผู้ชอบธรรมนั้นมีพลังมากทำให้เกิดผล
** ผู้นำและผู้เชื่อมากมายเข้าใจผิดเกี่ยวกับพระคำข้อนี้ จึงสารภาพและเปิดเผยสิ่งที่ตนกระทำต่อหน้าพี่น้องมากมายในคริสตจักร ซึ่งความจริงก็คือพระคัมภีร์ข้อนี้หมายถึงการมาสารภาพ และขอโทษต่อพี่น้องที่เราทำผิดกับเขาเท่านั้น และไม่จำเป็นต้องบอกใครเนื่องจากว่าเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสองคนที่ทำผิดต่อกัน และเมื่อสารภาพ และขอโทษต่อพี่น้องที่เราได้กระทำผิดต่อเขา พระเจ้าก็จะยกโทษ และรักษาเขาให้หาย
** ผู้เชื่อทุกคนได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้วต่อสายพระเนตรของพระเจ้า เราจึงกลายเป็นผู้ชอบธรรมแล้ว และพระองค์ตั้งเราไว้ให้เดินในความชอบธรรม เพราะฉะนั้นการอธิษฐานของเราก็คือการอธิษฐานของผู้ชอบธรรม แต่เราควรอธิษฐานด้วยใจร้อนรน กระตือรือร้น เอาจริงเอาจัง พระเจ้าก็จะตอบคำอธิษฐานของเราอย่างแน่นอน
5:17 เอลียาห์เป็นมนุษย์ที่อยู่ใต้สภาพอารมณ์ต่าง ๆ เหมือนอย่างพวกเรา และท่านได้อธิษฐานอย่างจริงจังเพื่อไม่ให้ฝนตก และฝนก็ไม่ตกบนแผ่นดินเป็นเวลาถึงสามปีกับหกเดือน
** ท่านยากอบยืนยันโดยอ้างถึงเอลียาห์ที่เดินด้วยตัวเก่า แต่ท่านมีพระเจ้าและอธิษฐานอย่างร้อนรน เอาจริงเอาจัง สิ่งนี้จะนำการอัศจรรย์ และช่วยเหลือของพระเจ้ามาทันเวลาแน่นอน ยิ่งกว่านั้น เราผู้เป็นมนุษย์วิญญาณ และเป็นผู้ชอบธรรมเมื่ออธิษฐานพระเจ้าก็ยิ่งตอบ และนำการช่วยเหลือของพระองค์มาถึงเราอย่างแน่นอน
5:18 และท่านได้อธิษฐานอีกครั้งหนึ่ง และฟ้าสวรรค์ได้ให้ฝน และแผ่นดินจึงได้งอกพืชผลต่าง ๆ ของมันขึ้น (1 พกษ 18:41-45)
5:19 พี่น้องทั้งหลาย ถ้าคนหนึ่งคนใดในพวกท่านหลงผิดไปจากความจริง และผู้หนึ่งชักจูงเขาให้กลับใจเสียใหม่ได้
** สำหรับพี่น้องที่ละทิ้งหรือหลงไปจากความจริงของพระเจ้า หน้าที่ของเราก็คืออธิษฐานเผื่อเขา และแนะนำเตือนสติเขาให้กลับใจโดยพระวิญญาณ
เราไม่ทิ้งหรือตัดสินเขาว่าเขาจะไม่ได้เข้าไปในอาณาจักร เราไม่ทิ้งใคร และไม่ลืมใคร เราคิดถึง และเป็นห่วงทุกคน และอธิษฐานเผื่อทุกคนด้วยหัวใจรัก
5:20 จงให้ผู้นั้นทราบเถิดว่า ผู้ที่ช่วยคนบาปให้กลับใจเสียใหม่จากความผิดแห่งทางของเขา ก็จะช่วยจิตวิญญาณดวงหนึ่งให้รอดพ้นจากความตาย และจะปกปิดบาปเป็นอันมากไว้
** ในยุคพระคุณนี้ พระเจ้าไม่ต้องการทำลายเปิดโปงหรือทำให้ใครอับอายขายหน้า
เนื่องจากว่าพระองค์ทรงทราบด้วยว่าเราป่วยและอ่อนแอ พระองค์ต้องการนำทุกคนให้เข้ามาอยู่ในพระคริสต์ในแต่ละวัน เพื่อรับการเลี้ยงดูดูแลชีวิตทั้งฝ่ายวิญญาณ จิต และร่างกาย
ผู้ที่ช่วยเสริมสร้าง หนุนใจ ล้างเท้าพี่น้องอยู่เสมอ คือคนที่มีมือ และริมฝีปากที่งดงามมากสำหรับพระบิดา เขาจะไม่ขาดบำเหน็จเลยในยุคนี้ ยุคหน้า และแผ่นดินโลกใหม่