** ก่อนที่เราจะดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยพระบิดา หรือดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณ
เราจะต้องเรียนรู้ และขอการเปิดเผยจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ในอีกหลายๆ เรื่องเสียก่อน
** สิ่งสำคัญที่เราต้องใส่ใจ ก็คือ รูปแนวชีวิต
ชีวิต ไม่ใช่ศาสนา และไม่เกี่ยวอะไรกับศาสนา
ชีวิต คือเป็นธรรมชาติไม่ใช่การพยายามทำในสิ่งที่ไม่ใช่ธรรมชาติของเรา
ชีวิต (โซว์-zoe) มาจากพระเจ้า ไม่ใช่ของมนุษย์
** เมื่อเราเข้าใจบทเรียน 01 โดยการเปิดเผยจากพระวิญญาณแล้ว ถ้าหากเราจะดำเนินชีวิตคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ เราต้องเรียนรู้ให้เข้าใจ 6 เรื่องที่สำคัญต่อไปนี้...
a. การเปลี่ยนแปลง และการเข้ามาแทนที่ ไม่เหมือนกัน change vs exchange
change คือเราพยายามเปลี่ยนด้วยตัวของเราเอง
exchange คือมีคนอื่นเปลี่ยนให้เรา แทนที่เรา
- ศาสนาคริสต์ หรือคริสเตียนศาสนา ไม่รู้ และไม่เข้าใจคำว่า การเปลี่ยนแปลง หรือการเติบโตของชีวิตฝ่ายวิญญาณ
พวกเขาคิดว่า คือการพยายามทำดีเชื่อฟังบังคับตนให้ถึงที่สุด และส่วนไหนที่ทำไม่ได้ก็ขอพระเจ้าเสริมกำลัง
เขาไม่เข้าใจว่า คำว่า เปลี่ยนแปลงในพระคัมภีร์แท้ที่จริงคือการเข้ามาแทนที่ exchange นั่นเอง
- กท 2:20 เปาโลกล่าวว่า ข้าพเจ้าไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแต่พระคริสต์ต่างหาก นี่คือการเข้ามาแทนที่ของพระคริสต์
- ความก้าวหน้าที่แท้จริงของชีวิตคริสเตียน จึงเป็นการเข้ามาแทนที่ของพระคริสต์มากขึ้น ในความคิด คำพูด และการกระทำของเรา
เราไม่ต้องพยายาม ทำ พูด คิด ในสิ่งที่ไม่ใช่ธรรมชาติของเรา แต่ถวายตัว และยอมให้พระองค์เข้ามาแทนที่เรา
b. มนุษย์ภายใน the inner man (อฟ 3:16)
- มนุษย์ภายใน คือวิญญาณที่บังเกิดใหม่แล้ว และจิตส่วนที่ถูกพระคริสต์ครอบครองแล้ว
และพระคริสต์จะขยายอาณาเขตไปสู่จิตทุกส่วน เมื่อครอบครองจิตได้ครบเราก็เลิกทำบาปในแต่ละวันได้
ผู้ที่จะมีจิตที่กลายเป็นมนุษย์ภายในได้ครบ ก็คือเชื่อว่าครบแล้ว ครอบครองแล้ว เป็นผู้ชนะแล้ว
และเน้นที่การสนิทในพระเยซู ทั้งสะสมพระคำที่เป็นความจริงให้มากขึ้นในแต่ละวัน
สรุป มนุษย์ภายใน คือวิญญาณและจิตส่วนที่เลิกทำบาปได้แล้ว
- การแพร่ขยายของมนุษย์ภายในอยู่ที่การสนิทในพระเยซูอย่างสม่ำเสมอและเชื่อว่าแพร่ขยายแล้ว
- ฟป 1:20 กล่าวว่า บัดนี้พระคริสต์จะได้ทรงขยายใหญ่ขึ้นในร่างกายของข้าพเจ้าด้วย
c. เราตายและเป็นขึ้นกับพระคริสต์แล้ว united with Christ death and resurrection (โรม 6:3-4 /2 คร 5:14 / กท 2:20)
เมื่ออาดัมไม่เชื่อฟังพระเจ้า ความบาปและความตายก็เข้ามาสู่มนุษย์โลก มนุษย์จึงตกต่ำเสื่อมทราม
เนื้อหนังกลายเป็นที่อยู่ของตัวบาป แล้ว และไม่มีอะไรดีสำหรับพระเจ้าอีกต่อไป
ถ้าหากจะช่วยมนุษย์ให้รอด พระเจ้าจะไม่เปลี่ยนแปลง หรือคอยเสริมกำลังให้เนื้อหนังเพื่อเอาชนะบาป
ทางออกที่ดีที่สุดก็คือพระเจ้าต้องทำลายด้วยการประหารชีวิตเก่านี้และประทานชีวิตใหม่ให้เขา
การตายร่วมกับพระเยซูและการเป็นขึ้นมาร่วมกับพระคริสต์จึงเป็นหนทางที่พระเจ้าจัดเตรียมเอาไว้เพื่อช่วยเหลือมนุษย์ให้รอดจากอำนาจของตัวบาป
เมื่อพระเยซูตายพระองค์นับทุกคนเข้ามามีส่วนในการตายของพระองค์ และเมื่อพระองค์ฟื้นคืนพระชนม์ ก็นับทุกคนให้เข้าส่วนในการเป็นขึ้น เราจึงตายแล้วและมีชีวิตใหม่แล้ว ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วเมื่อสองพันปีก่อน เราไม่ได้ตายและมีชีวิตใหม่ตอนที่เราบัพติศมา หรือตอนที่เราเชื่อ แต่เราตายแล้วและเป็นขึ้นมาใหม่แล้วพร้อมกับพระเยซู กาลาเทีย 2:20 กล่าวว่าข้าพเจ้าถูกตรึงกับพระคริสต์แล้ว ก็คือพร้อมกับพระคริสต์ ในพระคริสต์ร่วมกับพระคริสต์
** การร่วมตายและเป็นขึ้นกับพระคริสต์
- โรม 6:3-9 / 6:3 พวกท่านไม่ทราบหรือว่า พวกเราหลายคนที่ได้รับบัพติศมาเข้าในพระเยซูคริสต์ ก็ได้รับบัพติศมาเข้าในความตายของพระองค์ 6:4 เหตุฉะนั้น พวกเราจึงถูกฝังไว้กับพระองค์แล้วโดยการรับบัพติศมาเข้าส่วนในความตายนั้น เพื่อเหมือนกับที่พระคริสต์ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตาย โดยสง่าราศีของพระบิดาอย่างไร พวกเราก็จะได้ดำเนินในชีวิตใหม่ด้วยอย่างนั้น 6:5 เพราะว่าถ้าพวกเราเข้าสนิทกับพระองค์แล้วในลักษณะที่เหมือนกับความตายของพระองค์ พวกเราก็จะเป็นขึ้นมาในลักษณะที่เหมือนกับการทรงเป็นขึ้นมาจากความตายของพระองค์ด้วย 6:6 โดยทราบสิ่งนี้แล้วว่า มนุษย์เก่าของพวกเรานั้นถูกตรึงไว้กับพระองค์แล้ว เพื่อร่างกายแห่งบาปนั้นจะถูกทำลายเสีย เพื่อต่อจากนี้ไปพวกเราจะไม่รับใช้บาป 6:7 เพราะว่าผู้ที่ตายแล้วก็เป็นอิสระจากบาป 6:8 บัดนี้ ถ้าพวกเราตายแล้วกับพระคริสต์ พวกเราก็เชื่อว่าพวกเราจะดำรงชีวิตอยู่กับพระองค์ด้วย 6:9 โดยทราบว่า พระคริสต์ที่ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากตายแล้วนั้นจะหาตายอีกไม่ ความตายไม่มีการครอบงำเหนือพระองค์อีกต่อไป
- โรม 8:1-2 / 8:1 เหตุฉะนั้นบัดนี้ จึงไม่มีการปรับโทษแก่คนทั้งหลายซึ่งอยู่ในพระเยซูคริสต์ ผู้ซึ่งไม่ดำเนินตามเนื้อหนัง แต่ตามพระวิญญาณ 8:2 เพราะว่าบัญญัติของพระวิญญาณแห่งชีวิตในพระเยซูคริสต์ ได้ทำให้ข้าพเจ้าเป็นไทจากบัญญัติแห่งบาปและความตาย
d. มนุษย์ภายนอก the outer man
มนุษย์ภายนอก คือจิตส่วนที่ยังทำบาปอยู่ และร่างกาย
มนุษย์ภายนอกเป็นจิตใจที่ยังไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ เและร่างกายของมนุษย์
จิตใจที่ยังไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่นี้ เรียกว่า ตัวเก่า เนื้อหนัง และเป็นที่อยู่ของตัวบาป
ส่วนร่างกายของมนุษย์ ก็เป็นเครื่องใช้ของเนื้อหนัง และตัวบาป (2 คร:4:16)
ทั้งสองนี้ คือจิตใจส่วนที่ยังไม่รับการเปลี่ยนแปลง และร่างกายที่เป็นอวัยวะที่ตัวบาปใช้ทำบาปนั้น เรียกว่า มนุษย์ภายนอก
สรุป มนุษย์ภายนอก ร่างกายและจิตเก่าที่ยังทำบาปเรียกว่า มนุษย์ภายนอก มันกำลังตายไปหมดไปเพียงแต่เราเชื่อ และนับว่าเราตายแล้วทุกวัน เนื่องจากว่ามนุษย์ภายนอกคือชีวิตเก่าเนื้อหนัง ถ้าหากเราเชื่อในความจริงของพระเจ้า มันก็ตายไป (โรม 6:6) โดยทราบสิ่งนี้แล้วว่า มนุษย์เก่าของพวกเรานั้นถูกตรึงไว้กับพระองค์แล้ว
** ทำไมต้องเดินด้วยตัวใหม่ ตัวเก่าไม่ดีตรงไหน และตอนนี้อยู่ที่ไหน
a. มนุษย์คนเก่า old man / เนื้อหนัง the flesh
มนุษย์คนเก่า หรือเนื้อหนัง เป็นคนบาป และมีซาตานที่เป็นตัวบาปสิงอยู่
ไม่อาจช่วยให้กลับคืนสู่สภาพที่ดีได้อีกแล้ว และไม่มีประโยชน์สำหรับพระเจ้า (โรม 7:18)
หรือเรียกว่าติดเชื้อ (บาป) แล้วนั่นเอง (โรม 7:17-25)
พระเจ้าจึงต้องประหารให้ตายที่กางเขน หรือที่ความตายของพระเยซู
เมื่อพระเยซูตายพระองค์ก็นับเราที่เป็นมนุษย์คนเก่า หรือเนื้อหนังไปตายกับพระองค์
เราจึงตายแล้ว และตัวบาปก็ไม่มีที่จะอาศัยอยู่ และครอบครองควบคุมเราไม่ได้ เพราะว่าผู้ที่ตายแล้วก็ได้หลุดพ้นจากตัวบาป (โรม 6:6-7)
b. ชีวิตที่ตายแล้ว คนตาย the dead man
เมื่ออาดัมไม่เชื่อฟังพระเจ้า ความบาปก็เข้ามาสู่เขา และลูกหลาน (โรม 5:12)
และค่าจ้างของความบาป ก็คือความตาย (โรม 6:23)
วิญญาณของมนุษย์ถูกตัดขาดจากพระเจ้า พระคัมภีร์เรียกว่า ตาย (ยน 5:25 / อฟ 2:1,5 / คส 2:13)
วิญญาณตาย คือความตายที่หนึ่งของมนุษย์ จากนั้นไม่นานต่อมาร่างกายก็ตาย
และสุดท้าย ก็คือการตายของชีวิตทั้งชีวิต หรือตายครั้งที่สอง
เรียกว่า ถูกพิพากษาส่งไปยังบึงไฟนั่นเอง
การตายของวิญญาณมนุษย์มีผลถึงการดำเนินชีวิต การทำดี การเดินไปกับพระเจ้า
ซึ่งคนตายจะมีส่วนในพระเจ้าที่เป็นชีวิตไม่ได้
ต้องรอให้พระเยซูเสด็จมาเพื่อช่วยมนุษย์ให้ได้บังเกิดใหม่ในพระเจ้า มนุษย์จึงหลุดพ้นจากความบาป และความตายได้
c. ความดี และการทำดีที่ตายแล้ว dead righteousness / the dead works
พระเจ้าเป็นชีวิต และความตายไม่มีส่วนในพระเจ้า
ความตาย คือผลตอบแทนของความบาป และการละเมิด
ทุกสิ่งที่ตายแล้ว ไม่อาจนำมาถวายเป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้าได้ เช่นเดียวกันคนตายก็ไม่อาจทำดีเพื่อให้เป็นที่ชอบพระทัยของพระเจ้าได้
เนื่องจากว่ามนุษย์เป็นคนตาย การทำบุญการทำดีทำตัวให้บริสุทธิ์ และชอบธรรม เรียกว่า การกระทำดีที่ตายแล้วทั้งสิ้น
พระเจ้าไม่มีผลตอบแทน หรือบำเหน็จรางวัลให้เรียกว่าไม้ฟาง และหญ้าแห้ง (1 คร 3:12-15)
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเนื่องจากว่าพระเจ้าเป็นองค์เที่ยงธรรม และยุติธรรม มนุษย์ที่ไม่รู้จักพระเจ้าที่ทำดีก็จะได้รับผลตอบแทนเฉพาะในโลกนี้เท่านั้น
คือถ้าหากคนที่ไม่เชื่อทำดีก็จะได้ดีคนที่ไม่เชื่อทำชั่วก็จะได้ชั่วเป็นค่าตอบแทน
ฮีบรู 6:1 เปาโลเตือนผู้เชื่อให้ละทิ้งหรือกลับใจจากการกระทำดีที่ตายแล้ว
สรุป ก็คือการทำดีของชีวิตเก่าเนื้อหนังที่ไม่ใช่คนใหม่ และไม่มีพระคริสต์กระทำในเรา เรียกว่าการทำดี หรือความดีที่ตายแล้ว
d. ชีวิตที่มีชีวิตอยู่ the living man
ขณะที่โลกยังอยู่ในความบาป และความตาย แต่ด้วยความรักของพระเจ้า และพระคุณของพระเยซูคริสต์พระองค์เสด็จลงมาตายเพื่อไถ่บาปโลก และช่วยมนุษย์ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งยังประทานชีวิตที่ครบบริบูรณ์ให้พวกเขา
ทุกคนที่เชื่อจึงถูกเรียกว่าผู้ที่มีชีวิตอยู่ the living man มนุษย์คนใหม่ หรือคนที่มีชีวิตอยู่เป็นผู้ที่พระเจ้าพอพระทัย
และยอมรับการถวายเครื่องบูชาของเขาโดยเฉพาะร่างกาย และจิตใจที่เป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว (โรม 6:13)
ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับคนใหม่คนนี้ที่ได้เกิดมาอีกครั้งเพื่อเป็นอวัยวะที่พระคริสต์เยซูจะใช้ในการสำแดงชีวิต และนิสัยของพระองค์
เป็นชีวิตที่บริสุทธิ์ชอบธรรมโดยการชำระของพระโลหิตแล้ว
เมื่อเขาอธิษฐาน และนมัสการพระเจ้าทรงรับฟัง และได้ยิน และต้อนรับเขา
e. ความดีที่มีชีวิต living righteous การกระทำที่มีชีวิต living works
เมื่อเราเป็นมนุษย์วิญญาณ การดำเนินชีวิตในแต่ละวันเราต้อง เชื่อ จำ และนับ อยู่เสมอว่า คนนี้คือคนใหม่ และมีพระคริสต์เป็นผู้ดำเนินชีวิตแทนเรา
การทำดีของเราจึงถูกเรียกว่าการกระทำ หรือการกระทำดีที่เป็นชีวิตหรือมีชีวิตอยู่
เราอาจจะไม่มีผลงาน ไม่เก่ง ไม่ฉลาด แต่ถ้าหากเราทำทุกสิ่งด้วยตัวใหม่ ทุกสิ่งพระบิดาก็นับว่าเป็นเครื่องบูชาอันเป็นที่ชอบแด่พระองค์ (โรม 12:1-2)
f. มนุษย์คนใหม่ new man
มนุษย์วิญญาณ the spiritual man
มนุษย์คนใหม่ หรือมนุษย์วิญญาณ เป็นที่สถิตอยู่ของพระเจ้า
คือวิญญาณ และจิตที่ได้รับการชำระ และครอบครองโดยพระคริสต์แล้ว
การที่จะเป็นคนใหม่อยู่เสมอ ก็คือเชื่อ และมองว่าเราใหม่แล้วทั้งๆ ที่ยังไม่เห็น
เพียงแค่เชื่อนับ และถวายตัวใหม่นี้พระเจ้าก็จะใช้เพื่อสำแดงพระองค์มากขึ้นในแต่ละวัน
คนใหม่ได้รับพระพรฝ่ายวิญญาณทุกประการ คนใหม่ได้รับสิทธิ์ให้กลายเป็นบุตรที่รักของพระเจ้า และเป็นที่ชอบพระทัยของพระองค์
น่าเสียดายที่ผู้เชื่อมากมายพยายามเชื่อฟังรักษาชีวิตให้บริสุทธิ์เพื่อที่จะเป็นคนใหม่ในพระคริสต์เขาไม่รู้ว่าทันทีที่เขาเชื่อเขาก็ได้บังเกิดใหม่ และก็กลายเป็นคนใหม่แล้ว (2 คร 5:17)
** สรุป ก่อนที่จะเดินด้วย คนใหม่ เราต้องเรียนรู้ที่มาที่ไปของชีวิตเราเสียก่อน
- คนเก่า / เนื้อหนัง คือชีวิตเก่า หรือชีวิตที่เกิดจากอาดัม เป็นคนบาปเป็นที่อยู่ของตัวบาป
- คนตาย / ชีวิตที่ตายแล้ว คือถูกตัดขาดจากพระเจ้า ไม่มีอะไรดีสำหรับพระเจ้าเพราะไม่มีชีวิต
- ความดีและการทำดีที่ตายแล้ว คนตายเมื่อทำดีก็คือความดีที่ตายแล้ว ถวายแด่พระเจ้าไม่ได้
- ชีวิตที่มีชีวิตอยู่ คือชีวิตของคนใหม่ที่บังเกิดใหม่และเดินในแต่ละวันด้วยคนใหม่คนนี้
- ความดีที่มีชีวิต / การกระทำที่มีชีวิต เมื่อคนใหม่คนนี้ทำดีในพระคริสต์และพระคริสต์ทำแทน เรียกว่าความดีที่มีชีวิตและเป็นที่ชอบพระทัยของพระบิดา
- คนใหม่ / มนุษย์วิญญาณ คือคนที่บังเกิดใหม่ในพระวิญญาณ คือผู้เชื่อทุกคน แต่หลายคนคิดว่ายังไม่ใหม่เนื่องจากว่าเขายังทำบาปอยู่ คำว่า "ใหม่" ในที่นี้ คือใหม่ในพระคริสต์ไม่ใช่ใหม่ในอาดัมที่ตามองเห็น เมื่อพระคัมภีร์และพระเจ้าว่าเราใหม่ เราก็เชื่อและยอมรับว่าเราใหม่ทั้งที่มองไม่เห็นว่าใหม่
เราใช้ อากาศร้อน หนาว / รถติด / คำพูดด้านลบของคนรอบข้าง ปัญหา เพื่อฝึกอยู่ในพระคริสต์
โรม 6:4 เพื่อเหมือนกับที่พระคริสต์ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตาย โดยสง่าราศีของพระบิดาอย่างไร พวกเราก็จะได้ดำเนินในชีวิตใหม่ด้วยอย่างนั้น
เมื่อพระเยซูตายเราก็ตาย เมื่อพระเยซูฟื้นเราก็มีชีวิตใหม่ และพระเจ้าให้เราดำเนินชีวิตด้วยคนใหม่คนนี้ คือเชื่อว่าเราใหม่แล้ว และมีแต่สิ่งใหม่ ๆ ทั้งนั้น (2 คร 5:17 เหตุฉะนั้นถ้าผู้หนึ่งผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว บรรดาสิ่งเก่าๆ ก็ล่วงไป ดูเถิด สิ่งสารพัดกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น)
** สำหรับความจริงของมนุษย์ คือสิ่งที่ตามองเห็นและหูได้ยิน แต่สำหรับความจริงของพระเจ้า คือทุกสิ่งที่พระเจ้าทำสำเร็จแล้วในพระคริสต์
** ในพระคริสต์ in Christ
a. คำว่า ในพระคริสต์ in Christ มีความหมายมากสำหรับคริสเตียน
ผู้เชื่อมากมายเข้าใจผิดคิดว่า ชีวิตในพระคริสต์ คือการได้มาเป็นคริสเตียน ได้มีส่วนในคริสตจักร ร่วมประกาศรับใช้กับพี่น้องผู้เชื่อในพระกาย
บางคนก็คิดว่าการอยู่ในพระคริสต์ คือการรักษาชีวิตให้บริสุทธิ์ไม่ทำบาป ถ้าทำบาปก็คือขณะนั้นไม่ได้อยู่ในพระคริสต์
สรุป คำว่า ในพระคริสต์ คือชีวิตที่พระเยซูเป็นคนทำสำเร็จแล้ว เราเข้ามาอยู่ในพระองค์เพื่อรับทุกสิ่งตามพระสัญญาโดยทางความเชื่อ
ก. ถ้าเหนื่อยก็พูดว่า เอเมนข้าอยู่ในพระคริสต์ ข้าไม่เหนื่อย เอเมน
ข. ถ้าอ่อนแอก็พูดว่า เอเมนข้าอยู่ในพระคริสต์ ข้าเข้มแข็ง
ค. ถ้าทำบาปก็พูดว่า เอเมนข้าอยู่ในพระคริสต์ชีวิตพระเจ้ามีพลังมากข้าทำบาปไม่ได้ เอเมน
ง. ถ้าเป็นทุกข์ก็พูดว่า เอเมนข้าอยู่ในพระคริสต์ข้ามีสันติสุข
- เราจะมีประสบการณ์ “ชีวิตในพระคริสต์” เพราะว่าเราเชื่อว่าเราอยู่ในพระคริสต์แล้ว
b. การได้อยู่ในทุ่งหญ้าอันเขียวสด (ยน 10:9)
ขอบพระคุณพระเยซูที่วันนี้เราได้เข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำว่า ชีวิตในพระคริสต์
พระเจ้านำเราเข้าไปอยู่ในพระคริสต์และพระคริสต์อยู่ในเราทันทีที่เราเชื่อ (1 คร 1:30) นี่คือสิ่งที่พระเจ้ากระทำสำเร็จแล้ว
ชีวิตในพระคริสต์ คือเราบริสุทธิ์ ชอบธรรม ใหม่แล้ว ต่อพระพักตร์พระเจ้า และได้รับพระพรฝ่ายวิญญาณทุกประการแล้ว
พระคริสต์เป็นทุกสิ่งที่เราต้องการแล้ว เรามีครบแล้ว ทั้ง ๆ ที่เรายังทำบาปอยู่ และเป็นคนที่ใช้ไม่ได้ในฝ่ายเนื้อหนังก็ตาม
c. เราต้องทำอย่างไรเพื่อที่จะมีประสบการณ์ชีวิตในพระคริสต์
คำว่า ในพระคริสต์ เป็นฝ่ายวิญญาณ เป็นความจริงของพระเจ้า เราไม่อาจมองเห็นได้
กุญแจที่จะนำเราเข้าไปมีประสบการณ์ชีวิตในพระคริสต์ในฝ่ายวิญญาณ ก็คือ ความเชื่อ faith
เนื่องจากว่าความเชื่อคือความหวังใจในสิ่งที่ตามองไม่เห็นที่ถูกหวังไว้ว่ามีจริง (ฮบ 11:1)
ความเชื่อยังเป็นสิ่งที่ผู้เชื่อฝ่ายวิญญาณใช้เดินเราไม่ได้เดินด้วยเท้าแต่เดินด้วยความเชื่อตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงสุดท้าย (โรม 1:17 / 2 คร 5:7)
- เพราะฉะนั้นทุกวันนี้ ความจริงของพระเจ้าตาเรามองไม่เห็น แต่เราต้องการมีประสบการณ์ในความจริงของพระเจ้าที่ทำสำเร็จแล้วในพระคริสต์ ก็คือใช้ความเชื่อ เราเชื่อเอา
• เราเชื่อ เราได้บังเกิดใหม่
• เราเชื่อ เราได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์
• เราเชื่อ เราได้รอด
• เราเชื่อ เราได้รับพระพร
• เราเชื่อ เราได้กลายเป็นบุตรพระเจ้า
• เราเชื่อ เราได้รับทุกสิ่งแล้วในพระคริสต์
สรุป เราเชื่อ พระวิญญาณนำสิ่งที่พระเจ้าทำสำเร็จแล้วมาสู่เรา
d. สำหรับพระเจ้า ในอาดัมจบแล้ว เป็นเงา
- อย่าไปมอง อย่าไปสนใจ หันมาใส่ใจสนใจพระเยซูเพื่อชีวิตและสันติสุข ร้องว่า เอเมน ข้ารักพระเยซู ขอบพระคุณพระเยซู พระเยซู ฯลฯ
e. ถ้าหากเราปักใจในฝ่ายเนื้อหนัง
- ก็คือความบาป และความตาย และเป็นศัตรูกับพระเจ้า ถ้าหากเราปักใจในฝ่ายวิญญาณ คือในพระคริสต์ ก็คือ ชีวิต และสันติสุข การปักใจคือการใส่ใจ หันความคิด ความสนใจ มาที่พระเยซูพูดคุยสนทนาบอกรักอย่างสม่ำเสมอ (โรม 8:5-7)
- การเดินไปกับพระเจ้าในพระคัมภีร์เดิมไม่ใช่เรื่องที่ใหม่
สมัยก่อน ลูกหลานหลายคนของอาดัมเดินไปกับพระเจ้า อาเบลเดินไปกับพระเจ้า โนอาห์ก็เดินไปกับพระเจ้า อับราฮัมก็เดินไปกับพระเจ้า ฯลฯ
เนื่องจากว่าพระเจ้าสร้างมนุษย์เพื่อให้เขาเดินไปกับพระเจ้า และผู้ที่เดินไปกับพระเจ้าก็ได้รับพระพร การเลี้ยงดูดูแลเป็นอย่างดี
- เมื่อพระเยซูเสด็จมา และทรงสั่งสอน ถ้อยคำของพระองค์ในยอห์น 15:5 เป็นสิ่งที่สำคัญมาก คือพระองค์ต้องการให้เราเดินไปกับพระเจ้า
คริสเตียนได้รับสิทธิพิเศษ คือมีพระคริสต์สถิตอยู่ภายในเรา การเดินไปกับพระเจ้ายิ่งมีความลึกซึ้งมากกว่าแต่ก่อน
เราไม่เพียงแค่เดินเท่านั้น เรานั่ง นอน ไป มา กิน หายใจ พูด ทำทุกสิ่งร่วมกับพระองค์ ยิ่งเราสนิทในพระองค์มากเท่าไหร่ พระองค์ก็ยิ่งสนิทในเรามากเท่านั้น
นี่คือชีวิตในพระคริสต์ หรือการดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณที่แท้จริง คือมีสองคนอยู่ในร่างเดียว เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันที่รักและผูกพันธ์ ฉันสามีภรรยา
จงสนิทในเรา และเราสนิทในเจ้า แล้วเจ้าจะเกิดผลมาก สรรเสริญพระเยซู การเกิดผลมากมาจากการสนิทในพระองค์นี่เอง ไม่ใช่การพยายามเกิดผลด้วยเรี่ยวแรงกำลังของเราเอง
สรุป การเดินไปกับพระเจ้า / เดินไปกับพระเยซู / เรื่องการสนิท / เป็นเรื่องของชีวิตต่อติดกับชีวิตเพื่อรับชีวิต ต้นองุ่นคือต้นไม้แห่งชีวิต คือพระคริสต์ ยน 15:1-5 ความเชื่อของคริสเตียนไม่ใช่ศานาแต่เป็นเรื่องของ ชีวิต ความรัก และความสัมพันที่ดีระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์
a. กฎของจิตใจในเรา the law of my mind
- ในจิตของมนุษย์มีกฎแห่งจิตใจ ซึ่งรักชอบในความดี ชอบธรรม เที่ยงธรรมและบริสุทธิ์ชอบธรรม แต่กฎนี้อ่อนแอกว่ากฎแห่งบาปที่อยู่ในเขา
- กฎนี้เกิดมีขึ้นตอนที่พระเจ้าสร้างอาดัม คือพระองค์สร้างมนุษย์ในแบบพระฉายาของพระองค์ เขาจึงรักในสิ่งดีทั้งหลาย
- เมื่ออาดัมไม่เชื่อฟัง กฎของจิตใจถูกควบคุมบังคับให้ทำบาปโดยตัวบาปที่อยู่ในเขา มนุษย์จึงตกเป็นทาสของบาป
b. ตัวบาป และ ผู้ชอบธรรมในเรา sin in me and Christ in me
- เมื่ออาดัมไม่เชื่อฟัง ซาตานก็เข้ามาสิงอยู่ในจิตเก่าและร่างกายเก่าของอาดัมในสภาพของตัวบาป ตัวบาปมีชีวิต มีตัวตน และมีนิสัยที่ทำแต่บาปและกบฏต่อพระเจ้า (โรม 7:14-24)
- การตายต่อตัวเก่า คือทางออกทางเดียวที่จะช่วยให้อาดัมได้เป็นอิสระจากตัวบาป (โรม 6:7)
เนื่องจากว่าเราเชื่อว่าเราตายไปกับพระเยซูที่กางเขน ตัวบาปที่อาศัยในเนื้อหนังจิตเก่าและร่างกายเก่าก็ไม่มีที่อยู่ มันจึงบังคับ ควบคุมเราให้ทำบาปไม่ได้อีก
- ในอาดัม ในตัวเก่าและร่างกายเก่าเรามีตัวบาป แต่ขอบพระคุณพระเยซูเมื่อเราเชื่อว่าเราตายแล้ว และเป็นคนใหม่ ในพระคริสต์ ในมนุษย์วิญญาณคนนี้มีพระคริสต์สถิตอยู่
ถ้าหากเราปักใจในฝ่ายวิญญาณ และสนิทในพระองค์เราก็จะมีประสบการณ์ชีวิตในพระคริสต์อย่างมากมายในแต่ละวัน
สรุป ตัวบาป คือชีวิตซาตานที่สิงอยู่ในอาดัมและลูกหลาน ส่วน ผู้ชอบธรรม ในเรา ก็คือพระคริสต์ที่สถิตในเราผู้เชื่อทุกคน และไม่จากเราไปไหน
c. กฎแห่งความบาป the law of sin
- คำว่า กฎ คือสิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำๆ เดิมๆ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง อย่างเช่นการกระพริบตา การหายใจ สิ่งที่อยู่ในที่สูงต้องตกลงในที่ต่ำกว่า ฯลฯ
- กฎแห่งบาปก็เช่นกัน ซาตานคือตัวบาปนำกฎแห่งบาปเข้ามาเพื่อขัดขวางการพยายามเชื่อฟังรักษาพระบัญญัติหรือการทำดีเพื่อพระเจ้า
ทุกครั้งที่เราจะเชื่อฟังกฎแห่งความบาปก็จะบังคับให้เราทำบาปแทนที่ เป็นอยู่แบบนี้เดิมๆ ซ้ำๆ
สรุป กฎ คือสิ่งที่เกิดขึ้นเดิม ๆ ซ้ำ ๆ คือเมื่อเราจะทำดีเพื่อพระเจ้า ตัวบาปก็ขัดขวาง และให้เราทำบาปแทนที่
d. กฎแห่งความตาย the law of death
- คำว่า ตาย ในที่นี้ คืออ่อนแอ ค่อยๆ ตายลงไป คือเมื่อเราจะอ่านพระคัมภีร์ เราพบว่าเกิดมีอาการง่วงเหงาหาวนอนอ่อนแอ
แต่พอไปทำอย่างอื่นกลับมีชีวิตชีวา และเมื่อเรากลับไปอ่านหรืออธิษฐานเราก็จะง่วงนอนอีกครั้ง เดิมๆ ซ้ำๆ วันแล้ววันเล่า นี่คือการทำงานของกฏแห่งความตายในตัวเก่าเนื้อหนัง
สรุป กฎแห่งความตาย คือเมื่อเราจะอ่าน อธิษฐาน นมัสการ เฝ้าเดี่ยว เราง่วงเหงาหาวนอน เหนื่อยเพลีย เรียกว่าตายลงไป
e. กฎแห่งพระวิญญาณ the law of Spirit
- เป็นกฎที่พระคริสต์นำเข้ามาแทนที่กฎแห่งบาป คือเมื่อเราเชื่อว่าเราเป็นคนใหม่ คนเก่าตายไปแล้ว ตัวบาปบังคับเราไม่ได้อีกแล้ว
แต่กฎแห่งพระวิญญาณจะผลักดันเราให้เชื่อฟังได้อย่างง่ายดายโดยธรรมชาติใหม่ของชีวิตพระคริสต์ที่อยู่ภายในเรา
- ทุกครั้งที่เราจะทำดีเพื่อพระเจ้า กฎแห่งพระวิญญาณก็ทำงาน เป็นแบบนี้เดิมๆ ซ้ำๆ
สรุป กฎแห่งพระวิญญาณ คือกฎที่พระคริสต์นำเข้ามาเพื่อเอาชนะกฎแห่งบาป คือเมื่อเราเชื่อว่าเราเป็นคนใหม่และมีกฎแห่งพระวิญญาณในเรา กฏนี้ก็จะผลักดันให้เราเชื่อฟังพระเจ้าได้อย่างง่ายดาย
f. กฎแห่งชีวิต the law of life
- เป็นกฎที่พระคริสต์นำเข้ามาแทนที่กฎแห่งความตาย เป็นชีวิตพระเจ้าที่ทรงพลัง เข็มแข็งร้อนรนกระตือรือร้น ไม่เหนื่อย ไม่ง่วงเหงาหาวนอน เราอธิษฐานและอ่านพระคัมภีร์ได้ทั้งวัน เป็นแบบนี้เดิมๆ ซ้ำๆ
สรุป กฎแห่งชีวิต คือกฎที่เข้ามาเพื่อเอาชนะอาการตายลง อ่อนแอ ง่วงเหงาหาวนอน
g. ร่างกายแห่งความบาป
- เมื่อเราอยู่ในอาดัม เราเป็นตัวเก่า ร่างกายที่เห็นเป็นอยู่นี้ คือหู ตา ลิ้น มือ แขน ขาจะว่องไวต่อบาป และการทำบาปมาก และถ้าหากเราเชื่อว่าร่างกายนี้ถูกตรึงกับพระเยซูแล้วร่างกายนี้ก็จะไม่มีตัวตนอยู่อีกต่อไป แต่จะเป็นร่างกายแห่งการชอบธรรมเป็นอยู่แทนที่
สรุป ร่างกายแห่งความบาป คือร่างกายที่เป็นตัวเก่า มันว่องไวต่อความบาปมาก
h. ร่างกายแห่งความตาย
- ร่างกายนี้ หู ตา จมูก ลิ้น มือ แขน ขา ทุกสิ่งจะอ่อนแอหมดเรี่ยวแรงเมื่อเราจะทำอะไรบางอย่างเพื่อพระเจ้า
สรุป ร่างกายแห่งความตาย คือร่างกายเก่า มันว่องไวต่อความเหนื่อยเมื่อยล้า อ่อนแอ ตายลงไป
i. ร่างกายแห่งความชอบธรรม (อวัยวะของความชอบธรรม)
- เมื่อเราเชื่อว่าตัวเก่าเราตาย นี่คือตัวใหม่ ร่างกายที่เห็นก็เป็นร่างกายใหม่เป็นร่างกายที่ว่องไวต่อการทำดีเพื่อพระเจ้า
สรุป ร่างกายแห่งความชอบธรรม คือร่างกายนี้ แต่เราเชื่อว่าเป็นคนใหม่แล้ว ร่างกายนี้ก็จะเป็นกายแห่งความชอบธรรม ว่องไวต่อการเชื่อฟังมาก
j. ร่างกายแห่งชีวิต
- เป็นร่างกายที่ได้รับเมื่อเราเชื่อว่าคนนี้เป็นคนใหม่ เราจะขยัน อธิษฐาน และอ่าน และทำดีเพื่อพระเจ้าโดยไม่รู้จักเหนื่อย
สรุป ร่างกายแห่งชีวิต คือร่างกายนี้ที่เราเชื่อว่าเป็นคนใหม่แล้ว ว่องไวต่อการอธิษฐาน อ่าน เฝ้าเดี่ยว นมัสการพระเจ้าโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย (เนื้อหนังต่อสู้กับพระวิญญาณของพระคริสต์ในเรา ไม่ได้ต่อสู้กับเรา)
** เนื้อหนังก็ต่อสู้พระวิญญาณ และพระวิญญาณก็ต่อสู้เนื้อหนัง
เมื่อเราพบอาหารผู้ใหญ่ เราเริ่มฝึกเดิน สิ่งที่ตามมาก็คือตัวบาป กฎแห่งบาปและความตาย ร่างกายแห่งบาปและความตายจะไม่อยากตายและไม่ยอมตาย มันจะต่อสู้ เรียกว่าเนื้อหนังต่อสู่พระวิญญาณและพระวิญญาณก็ต่อสู้เนื้อหนัง
กาลาเทีย 5:17 กล่าวว่า เนื้อหนังก็ต่อสู้พระวิญญาณและพระวิญญาณก็ต่อสู้เนื้อหนัง เราพบว่าเนื้อหนังไม่ได้ต่อสู้กับเราหรือจิตของเรา แต่มันต่อสู้พระวิญญาณที่จะเข้ามาแทนที่พวกมัน
แต่สุดท้ายพระวิญญาณก็จะชนะอย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว เพียงแค่เราร่วมมือกับพระวิญญาณ คือ เชื่อว่าใหม่ สนิทในพระองค์ เดินไปกับพระองค์ทุกก้าวที่เดิน
** เรื่องประสบการณ์การเดินในฝ่ายวิญญาณของคุณเพื่อเสริมสร้างพี่น้อง
a. การนับว่าตายและเป็นคนใหม่
b. การถวายตัวใหม่
c. การสนิทบอกรัก+สร้างความผูกพันที่ดีกับพระเยซู
d. การสะสมพระคำแห่งความจริงเพื่อการชำระ
e. การเฉยชา ไม่อยากฝึก การแตกหัก และการนำเรากลับมาโดยพระวิญญาณ