every moment Joy การรับสุขทุกวันเวลา
พี่น้องคริสเตียนส่วนมากยอมรับไม่ได้หรือไม่เชื่อว่าเราสามารถมีสันติสุขทุกเวลาทุกนาทีได้ ภาษาอังกฤษก็คือ every moment Joy หรือสันติสุขทุกเวลาทุกนาที ทุกโอกาส ทุกสถานการณ์ อยู่ที่ไหนก็ตาม จะเจอปัญหามากมายหนักเบาแค่ไหนก็ตาม เราก็สามารถมีสันติสุขทุกวันทุกเวลาได้
สันติสุขทุกวัน ทุกเวลานี้เป็นสัญญาของพระเยซู พระเยซูสัญญาว่าจะประทานให้ "ความสุขที่เราให้แก่ท่านไม่เหมือนโลกให้" คือคริสเตียนเรานะครับแสวงหาการมีความสุข เมื่อเราสมหวัง สมใจปรารถนา เมื่อเราได้รับคำตอบจากพระเจ้าที่ตอบคำอธิษฐานของเรา เราก็มีความสุขความพอใจ
แต่ชีวิตคริสเตียนแท้ที่จริงไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ไม่ว่าใครจะพูดอะไรให้เรา ไม่ว่าเราจะถูกข่มเหงมากแค่ไหน สันติสุขนี้นะครับไม่ได้มาจากการได้รับสิ่งดีๆ
แต่สันติสุขของคริสเตียน คือสันติสุขที่มาจากภายใน ออกมาจากวิญญาณของเรา ขยายกระจายเข้ามาสู่จิตใจ พระเยซูสัญญาในยอห์นบทที่ 4 ข้อที่ 14 "แต่ผู้ใดที่ดื่มน้ำซึ่งเราจะให้แก่เขานั้น จะไม่กระหายอีกเลย แต่น้ำซึ่งเราจะให้เขานั้นจะบังเกิดเป็นบ่อน้ำพุในตัวเขา พลุ่งขึ้นถึงชีวิตนิรันดร์"
ความหมายก็คือ เมื่อพระเยซูคริสต์ที่มาหาเรา มาอยู่กับเรา มาสถิตในเรา ในสภาพของพระวิญญาณ พระองค์เป็นน้ำแห่งชีวิตด้วย
พระองค์เป็นทุกสิ่งที่เราปรารถนา
พระองค์เป็นคำตอบของคำถามทุกคำถามที่เรามี
พระองค์ทรงเป็นทุกสิ่งที่เติมให้เต็มในส่วนที่ขาดหายของเรา
และหนึ่งในนั้นก็คือสันติสุข คือความสุข คือจิตใจที่เต็มล้นด้วยความชื่นชมยินดี
เพราะฉะนั้นคริสเตียนเราเมื่อขาดสันติสุข เมื่อเป็นทุกข์ เราก็ขอๆๆๆ ใช่มั้ย แต่แท้ที่จริงนะครับ การได้รับสันติสุขจากพระเจ้า ก็คือเชื่อ เชื่อนะครับว่าเรามีแล้ว คือพระเยซูตรัสว่า น้ำแห่งชีวิตที่เราให้แก่ท่านนั้น จะกลายเป็นบ่อน้ำพุอยู่ในตัวเขา แล้วพระเยซูสัญญาว่าเขาจะไม่กระหายอีกเลย เพราะว่าอยู่ข้างใน (เรา) นี้แล้ว อยู่ข้างในแล้ว คือเราสรรเสริญ เรายกย่องพระเจ้า เราขอบพระคุณพระเจ้า เราสามัคคีธรรมสนิทในพระเจ้า
เมื่อเราสนิทในพระองค์ พระองค์ก็สนิทในเรา
เมื่อพระองค์สนิทในเรา เราสนิทในพระองค์
สันติสุขก็เกิดขึ้น พลังแห่งอำนาจแห่งพระวิญญาณ น้ำมัน ชีวิตที่กระตือรือร้น ร้อนร้อนรน ก็อยู่ในเราก็จะเกิดขึ้น พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะทำงาน
สาเหตุที่คริสเตียนเราไม่ได้รับสันติสุข ก็เพราะว่าเราไม่เข้าใจ เราไม่รู้ว่าทุกคนมีแล้ว มีบ่อน้ำพุที่อยู่ในตัวเรา สันติสุขนี้นะครับ ไม่ได้ ได้ด้วยการเชื่อฟัง หรือขอ อธิษฐาน อดอาหาร อะไรประมาณนั้นหรือนมัสการพระเจ้า
แต่สันติสุขนี้มากับความรอด เมื่อเราได้รับความรอดจากพระเจ้า เมื่อเราเชื่อพระเยซูคริสต์ เราได้รับความรอด เราได้รับการชำระให้กลายเป็นคนชอบธรรม แล้วของแถมอันหนึ่งในหลายๆ พระพร ในหลายๆ สิ่งที่พระเจ้าให้เรานะครับ ก็คือสันติสุข
โรม 5:1 "เหตุฉะนั้นเมื่อเราเป็นคนชอบธรรมเพราะความเชื่อแล้ว เราจึงมีสันติสุขกับพระเจ้า ทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา"
เราจึงได้รับการชำระให้บริสุทธิ์โดยทางความเชื่อ เราจึงมีสันติสุขกับพระเจ้าในพระคริสต์ เราจะมีสันติสุขนะครับ สันติสุขมากับความเชื่อ สันติสุขมากับความรอด เป็นแพ็กเกจ
และสันติสุขนะครับ เป็นพระบัญญัติของพระเยซู ถ้าหากชีวิตคริสเตียนเราดำเนินชีวิตที่ขึ้นลงๆ สุขทุกข์ๆ เราไม่ได้อยู่ในพระบัญญัติของพระเยซู เราละเมิดกฎพระบัญญัติของพระเยซู และเราละเมิดกฎสะบาโตใหม่ของพระเยซู
สะบาโตใหม่ของพระเยซูคริสต์ ในพระบัญญัติในยุคพันธสัญญาใหม่ สะบาโตก็คือ การได้พักใจ การได้เดินในพระคริสต์ ในพระวิญญาณ ได้พักผ่อนจิตใจทุกวันทุกเวลาทุกนาที ถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม มีปัญหามากมายแค่ไหนก็ช่างนะครับ เราจำเป็นที่จะต้องมีสันติสุขทุกวันเวลา ถ้าหากเราไม่มี เราละเมิดกฎพระบัญญัติใหม่ของพระเยซูคริสต์
พี่น้องคริสเตียนส่วนมากทุกวันนี้ ละเมิดพระบัญญัติใหม่ของพระเยซู ละเมิดกฏสะบาโตของพันธสัญญาใหม่ สาเหตุมาจากเรากระวนกระวายมาก เรากระวนกระวายเรื่องการเป็นอยู่ เรื่องชีวิต เรื่องปัญหา เรื่องการงาน เรื่องสุขภาพ เรื่องนี้เรื่องนั้น "แท้ที่จริงแล้วพระเจ้าให้ทุกสิ่งเข้ามา มันจึงเข้ามาได้" และสิ่งที่พระเจ้าให้เราเพื่อที่จะอดทนต่อทุกสิ่งได้ ก็คือสันติสุข
สันติสุขทุกวันเวลาระดับแรก คือสันติสุขระดับปกติ สันติสุขนี้ก็คือการกล้าที่จะเข้ามาหาพระเจ้าทางพระโลหิตและสันติสุขคือการเลิกกลัวพระเจ้า เราเข้าใจว่าทุกครั้งที่เราสารภาพบาปพระเจ้าจะยกโทษให้เรา 70×7 คือ 490 ครั้ง
เพราะฉะนั้นอย่ากลัวพระเจ้านะครับ เมื่อเรามีบาป สารภาพทันทีและขอบพระคุณเดี๋ยวนั้นเลย เพราะว่าเมื่อเราสารภาพพระเจ้าก็จะยกโทษให้ แล้วการสารภาพ การเข้ามาหาพระเจ้าสามัคคีธรรมกันต่อไป เราได้รับการหล่อเลี้ยง ด้วยพระวิญญาณ ด้วยน้ำมัน ด้วยน้ำแห่งชีวิต ด้วยสันติสุข และเรามาหาพระเจ้าทางพระโลหิตนะครับ ไม่ใช่มาเพราะว่าวันนี้จิตใจดี อารมณ์ดี เชื่อฟังบริสุทธิ์ ไม่ทำบาป ก็เลยมาหาพระเจ้าได้ ไม่ครับ
การมาหาพระเจ้าจะมาในสภาพไหนก็ตาม ต้องมาทางพระโลหิตเท่านั้น พระเจ้าจะต้อนรับเรา (ทางพระโลหิต คือทางเดียว ฮีบรู 10:19)
...
การได้รับจิตใจที่สงบสุขในพระเจ้า คือ หัวใจของเราอยู่ในสันติสุขหรือความสงบสุขกับพระเจ้า อันนี้เป็นความชื่นชมยินดี เป็นสันติสุขขั้นแรกนะครับที่เราได้รับ
ต่อจากนั้นก็คือสันติสุขที่เมื่อเราเจอปัญหาหนักๆ ปัญหาที่ใหญ่เข้ามา แล้วเราเกิดความกระวนกระวาย หรือเกิดมีอาการท้อใจ หรือรู้สึกบางอย่าง
เราสรรเสริญครับ ยกย่องสรรเสริญ สนิทกับพระเจ้ามากขึ้น
เมื่อเราสนิทมากขึ้น พระเจ้าก็สนิทกับเรามากขึ้น
จากนั้น สันติสุขที่เกินความเข้าใจก็จะครอบครองจิตใจของเราอยู่ เราก็ไม่ห่วงไม่กังวลอะไร เพราะว่าพระเจ้ากำลังทำงานในชีวิตของเรา
...
เราทราบแล้วนะครับว่า สันติสุขคือพระบัญญัติใหม่ของพระเยซู เป็นหนึ่งในคุณสมบัติ 9 ประการ ในมัทธิวบทที่ 5 ข้อที่ 3 ถึง 12 มีคุณสมบัติ 9 ประการอยู่ในนั้น และ 1 ใน 9 ประการนั้นก็คือสันติสุข ความชื่นชมยินดี ความสุขที่อยู่ภายใน เป็นสิ่งที่จำเป็นที่คริสเตียนต้องมีนะครับ เพราะว่าเป็นคำสั่งของพระเยซูและพระเจ้าประทานให้เราแล้วโดยผ่านทางพระคริสต์ เราสามารถชื่นชมยินดีได้ เรามีสันติสุขได้ เมื่ออยู่ในการข่มเหง
แล้วก็เราอยู่ในสันติสุขได้เมื่อเรามีปัญหาในชีวิต ในครอบครัว ในการงาน ในเรื่องสุขภาพ ในเรื่องการรับใช้ ทุกสิ่งเรามีสันติสุขได้ เพราะว่าสันติสุขนี้ไม่เกี่ยวกับการได้รับสิ่งดีสิ่งร้าย การดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่จะเกิดขึ้นกับเรา แต่พระเจ้าให้สันติสุขนี้เพื่อเราจะสามารถทนทานกับทุกสิ่งได้
แล้วก็สันติสุขนี้เป็นบ่อน้ำพุ ยอห์นบทที่ 4:14 สันติสุขเป็นบ่อน้ำพุที่อยู่ในตัวเรา บ่อน้ำพุนั้นก็คือพระคริสต์ในสภาพของพระวิญญาณที่เป็นน้ำแห่งชีวิตให้เราดื่ม เป็นอาหารแห่งชีวิต เป็นทุกสิ่งที่เราต้องการ เป็นลมหายใจที่เราหายใจเข้าออกทุกวันนี้ ก็คือพระคริสต์
ฟีลิปปี 4:4 พระวิญญาณตรัสผ่านอาจารย์เปาโลว่า "จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลา ข้าพเจ้าขอย้ำอีกครั้งว่าจงชื่นชมยินดีเถิด"
นี่คือคำพูดของอาจารย์เปาโล
...
แล้วทำยังไงเราถึงจะได้สันติสุขนั้น?
ขั้นแรกนะครับก็คือ เรียนรู้เรื่องการยกโทษบาปของพระเจ้า ที่ผ่านทางพระโลหิตเท่านั้น การยกโทษบาปของพระเจ้าเราต้องเข้าใจนะครับว่า พระเจ้าไม่ถือโทษ ไม่โกรธเคืองเรา ถ้าเราสารภาพบาปเมื่อไหร่ พระโลหิตนะครับก็จะเป็นสิ่งที่ค้ำประกัน เพื่อเรารับการยกโทษบาปจากพระเจ้า พระเจ้ายกโทษให้เรานะครับ แล้วจากนั้นเราก็สามัคคีธรรมกับพระเจ้า คุยกับพระเจ้า สนทนากับพระเจ้า สนิทในพระเจ้าทุกวันทุกเวลานาที เราเข้ามาหาพระเจ้าสนิทในพระเจ้าได้ทุกเมื่อนะครับ
...
จากนั้นเราต้องเรียนรู้เรื่องการเข้ามาหาพระเจ้า มาทางไหน
คริสเตียนส่วนมากทุกวันนี้เข้ามาหาพระเจ้า อ่านพระคัมภีร์ ไปโบสถ์ นมัสการ อธิษฐานต่างๆทั้งหลาย โดยอาศัย อารมณ์ ความรู้สึก เมื่อไหร่เราทำดีเชื่อฟังพระเจ้า รักพระเจ้า ชอบธรรม บริสุทธิ์ใช่ไหมเราก็เข้ามาหาพระเจ้าได้ เราก็ไปโบสถ์ได้ อ่านพระคัมภีร์ได้ แต่เมื่อไหร่ที่เรารู้สึกว่ามีบาปทำบาปหรือจิตใจความรู้สึกอารมณ์ของเราไม่ดี ตอนนั้นเราก็ไม่กล้าที่จะเข้ามาหาพระเจ้า อันนี้เป็นความคิดที่ผิดครับผม
การเข้ามาหาพระเจ้า เราเข้ามาหาพระเจ้าทางเดียวเท่านั้น คือทางพระโลหิต ฮีบรู 10:19 กล่าวว่า "เหตุฉะนั้นพี่น้องทั้งหลายเมื่อเรามีใจกล้าที่จะเข้าไปในที่บริสุทธิ์ที่สุดโดยพระโลหิตของพระเยซู" เราจึงมีใจกล้าที่จะเข้ามาหาพระเจ้าโดยทางพระโลหิต ทางอื่นพระเจ้าไม่ต้อนรับนะครับ นอกจากทางเดียวเท่านั้นพระเจ้าจะต้อนรับเราไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม เรามีอารมณ์โกรธ เรามีจิตใจเย่อหยิ่ง เรามีจิตใจที่มีความคิดบาปชั่ว หรือทำบาปมาเมื่อกี้นี้เอง เราสารภาพบาปและเข้ามาหาพระเจ้าได้โดยทางพระโลหิตครับผม
การทำความเข้าใจให้ละเอียดให้ชัดเจนนะครับเราจะเลิกกลัวพระเจ้า
จากนั้นการฝึกเพื่อรับสันติสุขทุกวันเวลา อาจจะเป็นตอนที่ตื่นนอน อาจจะเป็นตอนนี้ก็ได้ ตอนไหนก็ได้ ที่เรารู้สึกว่าขาดสุข เรารู้สึกว่าจิตใจไม่สงบ เมื่อเราได้เรียนรู้เรื่องการเข้ามาหาพระเจ้าโดยทางพระโลหิตและการสารภาพบาปพระเจ้ายกโทษให้ เราขอบพระคุณทันทีเดี๋ยวนั้นเลย ขอบพระคุณทันที ยิ้ม แล้วก็สามัคคีธรรมกับพระเจ้าไปในแต่ละวัน และเมื่อเรารู้สึกว่าขาดสันติสุขหรือจิตใจมันเหี่ยวแห้ง อารมณ์ของเรารู้สึกว่าไม่มีสุข เราขอบพระคุณพระเจ้า ยกย่อง สรรเสริญพระเจ้า คุยกับพระเจ้า บอกรักพระเจ้า แล้วก็เชื่อนะครับ เชื่อว่าขณะที่เราคุยกับพระเจ้าอยู่
ทุกครั้งที่เราอ่าน นมัสการ อธิษฐาน สามัคคีธรรมกับพระเจ้า เราเชื่อนะครับว่า เรากำลังรับสันติสุขอยู่ เมื่อเราเชื่อเราก็จะได้เห็น เพราะว่าการสื่อสารกับพระเจ้า การติดต่อกับพระเจ้า การสนทนาสามัคคีธรรมสนิทในพระเจ้าทุกสิ่งเหล่านี้ มีสันติสุข น้ำมัน น้ำแห่งชีวิต พระวิญญาณเคลื่อนไหว
แต่ถ้าเราไม่เชื่อ เรามองดูที่อารมณ์จิตใจของเรา เหงาหงอยจังเลย วันนี้อารมณ์ไม่ดีเลย ถ้าเราคิดอย่างนี้ เราจะไม่เห็นสันติสุข เราจะไม่เห็นการทำงานของพระวิญญาณ การทำงานของพระวิญญาณขึ้นอยู่กับความเชื่อของเรา เราเชื่อพระวิญญาณทำงาน เราไม่เชื่อพระวิญญาณทำงานไม่ได้
เพราะฉะนั้นขณะที่เรารู้สึกว่าเมื่อยล้า เหนื่อย อ่อนแอ ท้อแท้ ขาดสุข ใจเป็นทุกข์มาก ว่างเปล่า เราอธิษฐาน เราคุยกับพระเจ้า เราบอกว่าขอบพระคุณขอบพระคุณพระเยซูที่ในจิตใจของเราตอนนี้มีสันติสุขแล้ว พระองค์เป็นสันติสุข เป็นบ่อน้ำพุอยู่ข้างใน เป็นน้ำแห่งชีวิตที่ให้ข้าพระองค์ดื่ม จากนั้นก็ยิ้ม ยิ้มรอ
เมื่อผมฝึกตอนแรกๆ ช่วงแรกๆ ตื่นนอนทุกเช้าที่อเมริกานะครับ คนส่วนมากตื่นแต่เช้า แต่เช้ามืดเลยตี 4 ตี 5 หรือ 6 โมงเช้าเพื่อไปทำงาน ส่วนมากจะรู้สึกเหนื่อยแล้วก็อ่อนแอทางร่างกาย ขณะนั้นเองนะครับเรายิ้ม
"เรายิ้มบอกว่าข้าพระองค์อยู่ในพระเยซู ข้าพระองค์อยู่ในพระวิญญาณ ข้าพระองค์อยู่ในพระคริสต์ ขอบพระคุณพระเยซู เอเมน ฮาเลลูยา ขอบพระคุณพระองค์"
อาจจะใช้เวลาอาจสัก 7-8 นาทีถึง 10 นาที จึงจะได้เห็นสันติสุข การเคลื่อนไหวการทำงานของพระวิญญาณชัดเจนมาก แล้วทีนี้จิตใจเราจะเริ่มโปร่งใส จิตใจจะเริ่มรู้สึกมีอะไรเย็นขึ้นมา จากนั้นเราก็กระตือรือร้น ร้อนรน เริ่มลุกขึ้น เริ่มเดินเริ่มไป เริ่มทำงาน วันทั้งวันเราจะสามารถสนิทในพระเจ้าและพระเจ้าสนิทในเราและเราเต็มด้วยสันติสุข เต็มด้วยน้ำแห่งชีวิต เต็มด้วยพระวิญญาณ เราจะไม่ขาดกำลัง
นี่คือสิ่งที่คริสเตียนส่วนมากคิดไม่ถึง ว่าการดำเนินชีวิตที่สนิทอยู่ในพระเยซูจะเป็นลักษณะแบบนี้นะครับ
พี่น้องส่วนมากมักแปลว่าการสนิทกับพระคริสต์ พระคริสต์สนิทกับเรา ต้องคือการเชื่อฟัง การอธิษฐาน ไม่คับผม การอธิษฐานกับการสนทนากับพระเจ้า แตกต่างกันนะครับ การอธิษฐานก็คือคนคนหนึ่งหลับตาคุกเข่าหรือนั่งอธิษฐาน เเล้วก็อธิษฐานจบ ก็ปิดท้ายรายการอธิษฐานนั้น แล้วก็ลุกขึ้นไปทำงานส่วนตัว ไปทำอะไรก็ได้ใช่ไหมครับ
แต่การสนทนากับพระเจ้า การสนิทในพระคริสต์ ในยอห์นบทที่ 15 ไม่เหมือนกับการอธิษฐาน การสนิทในที่นี้ก็คือ คุยสนทนาทำความรู้จักมักคุ้น สนิทตลอดเวลา คือคุยเป็นช่วงๆ นะครับ เราจะแบ่งออกเป็นชั่วโมงก็ได้
เพราะฉะนั้นนะครับ การหล่อเลี้ยงจากพระวิญญาณ การทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่จะส่งน้ำมัน พระวิญญาณ ส่งน้ำแห่งชีวิต คือพระคริสต์ในสภาพของสันติสุขที่มาถึงเรา มาถึงจิตใจ ทุกสิ่งที่มาจากวิญญาณเข้าสู่จิตใจของเรา คือการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์
เพราะฉะนั้นแล้ว นี่คือการฝึกการรับสุขคือ สรรเสริญ ยกย่องพระเจ้า สนิทในพระเจ้า คุยกับพระเจ้าในแต่ละวัน บอกรัก ถ้าเรารู้สึกผิดบาปสารภาพเลย แล้วก็ขอบพระคุณทันที เพราะว่ามีการสารภาพอยู่ที่ไหนมีการยกโทษบาปที่นั่น
ถ้าเราฝึกนะครับ หลายวันผ่านไปยังไม่เห็น ไม่ต้องท้อแท้นะครับ ไม่ต้องท้อแท้ ไม่ต้องท้อถอย ฝึกต่อไปเรื่อยๆ ผมใช้เวลาอาจจะถ้าจำได้ก็อาจจะประมาณสัก เกือบเดือนหนึ่งนะครับ อาจน่าเกือบเดือนที่ฝึก แล้วก็เห็นนิดนึง แล้วก็บางวันไม่เห็น แต่ในที่สุดขอบคุณพระเจ้าเมื่อฝึกไปนานขึ้น นานขึ้นๆๆ เดือนกว่าก็จะเริ่มเห็นมากขึ้น มากขึ้นๆ จากนั้นก็ไม่ฝึกเลยไม่ต้องฝึกนะครับ
ถ้าตื่นแต่เช้าวันไหนรู้สึกเหนื่อย ก็ขอบพระคุณ ฮาเลลูยา สรรเสริญพระเจ้า ยิ้มรอได้เลยครับ ไม่ต้องถึง 7-8 นาทีหรือ 10 นาทีเหมือนเมื่อก่อน
ถ้าหากพี่น้องข้องใจสงสัยหรือมีคำถามอะไรทักมาได้นะครับ ติดต่อมาได้แล้วผมจะพยายามใช้เวลาพูดถึงรายละเอียดมากกว่านี้เกี่ยวกับเรื่องการฝึกนะครับ
คริสเตียนเราปกติจะต้องมีสันติสุขทุกเวลานาทีนะครับ พี่น้องล่ะครับตอนนี้อยู่ในชีวิตแบบไหน สุขบ้างทุกข์บ้าง หรือว่ามีสันติสุขทุกวันเวลาได้แล้ว ขอพระเจ้าช่วยเรานะครับ
การฝึกให้มีสันติสุขทุกวันเวลาไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ต้องใช้เวลามากและต้องทำงานหนักมากเพื่อจะได้สันติสุข พี่น้องคริสเตียนส่วนมากทุกวันนี้ทำแบบนี้นะครับ อดอาหาร อธิษฐานหลายๆ ชั่วโมง เพื่อที่จะได้สันติสุข แต่ขอบคุณพระเจ้าพระเยซูตรัสว่า เราเดินตามพระเยซูภาระก็เบา แอกก็เบา ได้รับการพักผ่อนมาก ถ้าเราทำถูกวิธีนะครับ
เมื่อเรารู้และเข้าใจถึงคุณค่าของพระโลหิตของพระเยซูคริสต์
คือการสารภาพบาปทุกครั้งเราจะได้รับการยกโทษบาปทุกครั้ง แล้วก็พระเจ้ายกโทษให้เรา
70 × 7 ก็คือ 490 ความหมายในที่นี้ไม่ใช่หมายเลขจริงๆน่ะครับ ก็คือไม่มีขีดจำกัด ไม่มีกำหนด คือทุกครั้ง ทุกวัน ทุกเวลา ทุกนาที ไม่ว่าจะเป็นอย่างไง ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น เราสารภาพปุ๊บ พระเจ้าก็จะยกโทษทันที
เราต้องทำความเข้าใจเพื่อที่จะเลิกกลัวพระเจ้า การสารภาพบาปเป็นสิ่งที่สำคัญมากเนื่องจากพระโลหิต ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับความบาปของเรา แต่เนื่องจากพระโลหิต จะเป็นยังไงก็ช่างพระเจ้าก็ต้องยกโทษให้เราไม่มีข้อแม้นะครับ เพราะว่าพระเยซูจ่ายหนี้บาปให้เราแล้วโดยทางพระโลหิต
...
และคุณค่าพระโลหิตประการที่สองก็คือ
เราเข้ามาหาพระเจ้าได้ทุกครั้งทุกวันทุกเวลานาทีโดยทางพระโลหิต พระโลหิตไม่เพียงแต่เป็นสาเหตุให้พระเจ้ายกโทษให้เราเท่านั้น พระโลหิตยังสามารถที่จะช่วยเราให้เข้ามาหาพระเจ้าได้ เราจะเข้ามาด้วยอารมณ์ดี จิตใจดี ความดี ความชอบธรรม บริสุทธิ์ เชื่อฟัง ไม่สำคัญนะครับ แต่มาทางเดียวที่พระเจ้าต้อนรับได้ ก็คือทางพระโลหิต เราจะโกรธจะเกลียดจะเป็นคนที่ไม่ดีเท่าไหร่ทำบาปอยู่มากมาย แต่เราเดินเข้ามาบอกว่าข้าพระองค์มาหาพระองค์ทางพระโลหิต พระเจ้าก็ต้อนรับครับผม
...
ในขั้นตอนต่อไปก็คือ การฟ้องร้องของซาตาน
ซาตานจะฟ้องเรา จะฟ้องเราต่อพระเจ้า แต่เมื่อพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ทรงตั้งไว้แล้ว การฟ้องร้องของซาตานก็ไม่มีประโยชน์อะไรพระเจ้าจะไม่ฟังซาตานอีกแล้ว
"เราคืนดีกับพระเจ้าแล้วโดยทางพระโลหิต ซาตานฟ้องไม่ได้อีกแล้ว"
...
คุณค่าของพระโลหิตในขั้นตอนต่อมาก็คือ การฟ้องร้องของจิตใจ
จิตใจเรามักจะฟ้องร้องหรือซาตานมักจะกระซิบในใจเราบอกว่า เธอเป็นคนเลว เธอเป็นคนไม่ดี ดูสิชีวิตของเธอเหลวแหลก ล้มเหลว ย่ำแย่ ไม่มีอะไรดีเลย ไม่มีอะไรที่พระเจ้าจะพอพระทัยในชีวิตของเธอเลย
ภายในจิตใจของเราจะฟ้องเราบ่อยๆ ซาตานจะกระซิบ แล้วก็ภายในจิตใจเราจะบอกนะครับว่าเราไม่มีคุณค่าอะไร เราไม่มีความหมายอะไร ไม่มีประโยชน์อะไร พระเจ้าไม่สนใจ พระเจ้าไม่ได้รักเราหรอก คือมันจะมีเหตุผลร้อยแปดพันประการเหตุผลจอมปลอมที่จะหลอกเรา
พระโลหิตของพระเยซูคริสต์นะครับ สามารถที่จะชนะและชำระการฟ้องร้องของภายในจิตใจของเราได้ คือ consciousness ของเราจะถูกชำระเราไม่ต้องคิดไม่ต้องกลัวไม่ต้องไปยอมมัน
"เราบอกว่าขอบพระคุณพระเจ้า พระโลหิตตั้งไว้แล้ว เพื่อให้ข้าชนะความคิดเหล่านี้ การฟ้องร้องเหล่านี้ภายในจิตใจเราเนื่องจากพระโลหิต เราจึงสามารถได้รับความสงบสุขในจิตใจที่พระเจ้าประทานให้ คือเราเลิกกลัวพระเจ้า เรารู้คุณค่าของพระโลหิตอย่างครบถ้วนแล้ว"
...
จากนั้นเมื่อเรามีปัญหา เมื่อเราเผชิญการข่มเหง เมื่อเราพบอุบัติเหตุ เมื่อมีปัญหาเรื่องการเงิน การงาน สุขภาพ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตเราในด้านลบ เราขอบพระคุณ เราสรรเสริญ เรายกย่อง เรายิ้มรับสันติสุข ทั้งๆที่ไม่มี ทั้งๆที่ไม่เห็นนะครับ ดูเหมือนว่าจะเหมือนกับว่าเราโกหกตัวเองใช่ไหม
แต่แท้ที่จริงนะครับ นี่คือการดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ คือเชื่อสิ่งที่ตามองไม่เห็น พระเจ้าบอกว่าสันติสุขพระเจ้าให้เราแล้ว เป็นบ่อน้ำพุแห่งชีวิต เป็นบ่อน้ำพุที่อยู่ภายในตัวเรา และพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เต็มล้นในเราแล้ว ทำอย่างไรจึงจะได้เห็น 2 สิ่งนี้ วิธีก็คือง่ายๆ คือเชื่อ เชื่อครับผม
"บัดนี้ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นหลักฐานมั่นใจว่า สิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง" ความเชื่อการยอมรับในสิ่งที่ตาไม่เห็นว่าได้รับแล้ว ฮีบรู 11:1 ฉบับภาษากรีก
การเชื่อนี้จะนำมาซึ่งผลแห่งพระวิญญาณ
การเชื่อจะนำมาซึ่งสันติสุข
การเชื่อจะนำมาซึ่งการเต็มล้นด้วยชีวิตของพระเจ้าที่อยู่ในเรา พลังอำนาจ ฤทธิ์เดช ความเข้มแข็ง ความร้อนรน ความกระตือรือร้น คือทุกสิ่งที่พระเจ้าเตรียมให้เราแล้ว คืออยู่ในเราแล้ว
แต่เราไม่เข้าใจวิธีการรับสิ่งเหล่านี้ สิ่งเดียวที่จะรับได้ก็คือ เชื่อ ความเชื่อ
ความเชื่อนำมาซึ่งสิ่งที่เราไม่เห็นมาสู่เรา พระเจ้าเป็นคนทำเราเป็นคนเชื่อ
...
การรับสุขทุกวันเวลานาทีเราทำได้ด้วยความเชื่อและความเชื่อนี้ เราเชื่อว่าเราอยู่ในพระวิญญาณ เราอยู่ในฝ่ายวิญญาณ เราอยู่ในโลกวิญญาณ เราอยู่ในสวรรค์สถานกับพระคริสต์กับพระบิดาและเราอยู่ในราชอาณาจักรของพระเจ้าแล้วตอนนี้
และเชื่อว่าเราเดินในวิญญาณ เดินในวิญญาณก็คือเดินในความเชื่อ คือเชื่อในสิ่งที่ตามองไม่เห็น เราเชื่อว่าเราเป็นคนใหม่แล้ว เชื่อว่าเรามีสันติสุขแล้ว เชื่อว่าเรามีพระวิญญาณแล้ว เชื่อว่าเราเป็นคนชอบธรรมแล้ว เราเชื่อทุกสิ่งที่พระเจ้าสัญญาแล้ว พระเจ้าประทานให้แล้ว ไม่มีทางอื่นนะครับ
ถ้าเราจะพยายามทำให้ดีที่สุดรักษาชีวิตให้บริสุทธิ์ เพื่อจะเป็นคนชอบธรรมให้ได้ อันนั้นไม่ใช่ความเชื่อครับ อันนั้นคือการดำเนินชีวิตด้วยการปฏิบัติ ด้วยการเชื่อฟังนะครับ
...
เพราะฉะนั้นขอพระเจ้าช่วยเรา ที่จะเรียนรู้การดำเนินชีวิตในความเชื่อ ในวิญญาณ ในพระวิญญาณ กินอาหารในฝ่ายวิญญาณ ดื่มน้ำแห่งชีวิตในฝ่ายวิญญาณ แล้วก็อธิษฐานในวิญญาณ นมัสการพระเจ้าในวิญญาณ อ่านพระคัมภีร์ในวิญญาณ ทำทุกสิ่งในวิญญาณ
เมื่อเราดำเนินชีวิตและเข้าใจวิธีการ ดำเนินชีวิตในวิญญาณและรับใช้ในวิญญาณ
เนื่องจากว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงานกับเราได้ ในฝ่ายวิญญาณและในวิญญาณ
ซึ่งจากนั้นพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำงานมากขึ้นและขยายอาณาเขตของพระองค์เข้ามาสู่จิตใจของเราและเราจะเห็นชีวิตใหม่ธรรมชาติใหม่ของเรามีมากขึ้น