1. คริสเตียนเด็ก (คต. ศาสนา)
2. คริสเตียนหนุ่ม (บุตรที่รัก)
3. คริสเตียนระดับพ่อ (เปิดเผยข้อล้ำลึกแห่งพระคำพระเจ้าและนำเด็กมาถึงการเป็นบุตรได้)
ถามว่าทำไมไม่มีการเติบโต พี่น้องคริสเตียนส่วนมาก 90-95% ไม่ว่าจะชาติไหน ยังอยู่ในสภาพของการเป็นคริสเตียนศาสนา หรือถ้าจะพูดง่ายๆ ก็คือคริสเตียนเด็กนั่นเอง ในท่ามกลางสังคมคริสเตียน มีคริสเตียน 3 แบบ 3 ระดับ
ระดับแรก ก็คือ คริสเตียนเด็ก หรือคริสเตียนศาสนา
ระดับที่สอง ก็คือ คริสเตียนที่เรียกว่าหนุ่ม หรือบุตร
ระดับที่สาม ก็คือ ระดับพ่อ พ่อก็คือเกิดผลชีวิตใหม่ ได้อย่างครบถ้วน นานๆ บาปที อันนั้นไม่นับนะครับ และเขาสามารถที่จะนำพระเจ้าเข้ามาอยู่ในจิตใจของผู้เชื่อมากมาย
พี่น้องคริสเตียนส่วนมากทุกวันนี้สับสน คิดว่าเราเป็นคริสเตียนนานหลายปี เข้าโบสถ์นาน เราก็ได้กลายเป็นผู้ใหญ่ และถ้าหากเรามีตำแหน่ง รับใช้ในคริสตจักร โดยเฉพาะถ้าหากเป็นศาสนาจารย์ ศิษยาภิบาล เราก็คิดว่าเราเติบโตเต็มที่ เป็นผู้ใหญ่แล้ว อันนั้นไม่ใช่..
การเป็นผู้ใหญ่ หรือการเป็นหนุ่ม เป็นบุตร ของพระเจ้า ไม่ได้วัดที่ตำแหน่ง หรืออายุของการเป็นคริสเตียน แต่ละวัดกันที่ผลของพระวิญญาณ ผลของชีวิตใหม่ในพระคริสต์ ที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้น และเกิดผลมากมายในชีวิตของเขา
ถามว่าทำไมคริสเตียนมากมายทุกวันนี้ ไม่ได้เข้าสู่กระบวนการการเปลี่ยนแปลงมาถึง ระดับของบุตร หรือหนุ่ม ภาษาอังกฤษคริสเตียนศาสนา ก็คือ คริสเตียนเด็ก คริสเตียนเด็ก ก็คือ (Little child : เด็ก) Little child ก็คือ เด็กๆ
คริสเตียนเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหนอายุเท่าไหร่ ไม่สำคัญ ถ้าหากไม่มีชีวิตใหม่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงภายใน ไม่มีจิตใจใหม่ ไม่มีความรักแท้อากาเป้ ไม่มีความอดทนนาน ไม่มีการกระทำคุณให้ ที่ไม่หวังอะไรเลย เป็นความรักที่ Unlimited คือความรักที่ไม่มีขีดจำกัด ความรักที่ไร้ขอบเขต ไร้เหตุผล ซึ่งเราจะเห็นว่าท่ามกลางคริสเตียนทุกวันนี้ หายาก
สิ่งที่เราเห็นเป็นประจำ ก็คือความรักของฟิเลโอ หรือความรักของอาดัม หรือความรักของมนุษย์ ความชอบธรรมที่มันขาดแล้ว
ถามว่าเป็นความผิดของใคร เมื่อคริสตจักรมากมายทุกวันนี้ ไม่มาถึงระดับบุตร และระดับพ่อ พี่น้องเคยเห็นไหมศิษยาภิบาล ศาสนาจารย์ ผู้แบ่งพระคำ พูดเทศนา ผู้สอน ครูสอนรวี มีใครบ้างที่เอ่ยคำว่า ป้อนอาหารฝ่ายวิญญาณ ขณะที่เขาสอนอยู่ ส่วนมากเรามักจะเน้นถึงการสอนเพื่อการเรียนรู้ใช่ไหม
ถ้าหากเรามัวแต่แบ่งๆๆ เรามัวแต่สอนๆๆ เรามัวแต่สั่งๆๆ คือสอนว่าเนี่ยเธอรู้ไหม เนี่ยความรู้แบบนี้ เธอได้ยินไหม เนี่ยเป็นสิ่งที่ใหม่สำหรับเธอ เอาไปใช้สิ เรียนรู้กันนะ ให้เข้าใจพระวจนะพระเจ้า เข้าใจประวัติศาสตร์ เข้าใจเรื่องราวของความเชื่อ เนี่ยนะพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นอย่างนี้ พระเจ้าเป็นอย่างนี้ ชีวิตคริสเตียนเป็นอย่างนี้ ต้องเชื่อฟังพระเจ้านะ นี่คือความรู้ทั้งหมด
เมื่อพี่น้องคริสเตียนเขาฟังกัน เขาก็รับมาเป็นการเรียนรู้ เขาไม่ได้กิน และถ้าหากเขาไม่ได้กิน เขาจะโตได้ยังไง
ผู้สอนไม่เน้นหนัก ผู้สอนไม่แบ่งไม่บอกว่า เนี่ยนะฉันป้อนเธอ และอธิษฐานนะ เราบอกว่า พระเจ้าป้อนเขาด้วย ถ้อยคำที่มาจากปากของข้า ไม่ได้มาจากข้าพระองค์ แต่มาจากพระบิดา มาจากพระวิญญาณ มาจากการเคลื่อนไหวภายใน เพื่อช่วยให้พี่น้องคริสตจักรได้เติบโต แต่เรามัวแต่สอนๆๆๆ ใช่ไหม
และการค้นหา การปรุงแต่งอาหาร หรือพระวจนะของพระเจ้า เราก็เน้นหนักเฉพาะจุดตรงที่ว่า ให้เขาได้เรียน
นี่คือปัญหาใหญ่ ทำให้คริสตจักรทุกวันนี้ไม่เติบโต ทำให้พี่น้องคริสเตียนกลายเป็นคริสเตียนศาสนา ที่ใช้มนุษย์อาดัมเพื่อทำดี เมื่อเราสั่งเขาบอกว่า ทำดีนะ เชื่อฟังนะ พระเจ้าจะอวยพรเธอ ถวายสิบลดนะ ฐานะจะร่ำรวย เชื่อฟังพระเจ้านะ เธอจะมีสุขภาพที่ดี มีการงานที่ดี มีครอบครัวที่อบอุ่น ทุกอย่างดีไปหมดราบรื่น และเมื่อพี่น้องได้ฟัง เขาก็นำไปปฏิบัติตาม เชื่อฟัง พยายามฝึกฝนชีวิตของเขา นี่คือการเรียนรู้
ผู้นำสั่งให้เขาทำ ผู้ฟังก็รับไป เพื่อที่จะพยายามปฏิบัติตาม เมื่อทำไม่ได้ ก็ปล่อยปละละเลย ไม่สนใจอีกแล้ว คริสเตียนจึงกลายเป็นศาสนา และสาเหตุเพราะว่าเราใช้ระบบศาสนา
คริสตจักรที่แท้จริง ผู้รับใช้ที่แท้จริงของพระเจ้า เราเน้นหนักเรื่องเกี่ยวกับการป้อนอาหารให้พี่น้อง เมื่อเราป้อนเขากินเขาก็เติบโต แต่เมื่อเราสอนเขาเรียนเขาก็รู้ แค่นั้นเองไม่มีอะไร
ผมอยู่ในท่ามกลางสังคมคริสเตียน 30 ปี แต่ 20 ปีแรก ผมเป็นคริสเตียนศาสนา ผมเคยใช้ระบบนี้และผมก็รู้นะว่าทุกคริสตจักรส่วนมากก็ใช้ระบบนี้ ไม่มีใครเน้นไม่มีใครเอ่ยไม่มีใครพูดถึงว่า เนี่ยนะเป็นการป้อนพระวจนะ เนี่ยนะเป็นการที่ส่งพระคำ เป็นการส่งอาหาร ป้อนอาหารให้คริสตจักรกิน เพื่อคริสตจักรจะโตได้
สรุป คือใครจะโทษใครก็ได้ ผู้แบ่งโทษสมาชิกก็ได้ สมาชิกโทษผู้แบ่งก็ได้ แต่ความผิดส่วนใหญ่นะจะมาจากผู้แบ่ง ผู้ป้อนอาหาร เพราะว่าการปรุงแต่ง เขาเป็นการปรุงแต่งในลักษณะที่ว่านำบทเรียนมาเพื่อที่จะสอนให้เขาเรียนให้เขารู้
ขอพระเจ้าช่วยเรา ที่จะเปลี่ยนความคิดใหม่ เปลี่ยนความเข้าใจ เราปรุงแต่งอาหาร หรือพระวจนะคำของพระเจ้า เรานำมาเพื่อที่จะแบ่งให้พี่น้อง เราอธิษฐานบอกว่า “เป็นอาหารฝ่ายวิญญาณ เป็นพระคำพระเจ้าที่เป็นชีวิตและเป็นความจริง เพื่อที่จะปลดปล่อย และเพื่อที่จะช่วยให้พี่น้อง รับเข้าไป” และเขานอนอยู่ เขาตื่นอยู่ เขาเดินอยู่ เขาทำอะไรก็ตาม พระคำพระวจนะคำของพระเจ้าก็จะเคลื่อนไหวและทำงานภายในจิตใจของเขา
และการเติบโตก็จะค่อยๆ เป็นไปเหมือนต้นไม้ ที่ได้รับอาหาร รับแสงแดด รับน้ำ พี่น้องเหล่านั้นก็จะเห็นการเติบโตเกิดขึ้น ไม่มากก็น้อย
ผมขอบคุณพระเจ้าที่เมื่อได้รับพระคำพระเจ้าในลักษณะของอาหาร เป็นอาหารฝ่ายวิญญาณ เราพูดถึงกันบ่อยๆ ว่าพระเยซูคริสต์ในสภาพของพระวิญญาณ เป็นขนมปัง เป็นอาหารฝ่ายวิญญาณ พระคำพระเจ้าเป็นอาหารฝ่ายวิญญาณ แต่เราเคยป้อนไหม ไม่เคย..
ส่วนมากเราไม่ค่อยจะคิดถึง เมื่อเราเทศนา และแบ่งปัน เราก็มักจะใส่ใจในการสอนให้เขาเรียนรู้ แล้วเขาก็นำไปใช้นำไปปฏิบัติ แต่สิ่งที่เขาพลาด ก็คือเขาไม่มีชีวิตพระเจ้าที่กระจายขยายเคลื่อนไหวผ่านพระคำของพระเจ้า เข้าไปสู่ชีวิตจิตใจของเขา เขาจึงไม่โต
อีกครั้ง การสอน การแบ่ง การเทศนา การป้อนพระคำพระเจ้า เราเชื่อนะว่าขณะที่เราป้อนอยู่ เราแบ่งอยู่ เราพูดคุยกับพี่น้องอยู่..
“พระเจ้าป้อนเขาเถิด พระวจนะของพระองค์ที่ผ่านทางข้าพระองค์ มาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ เป็นอาหารฝ่ายวิญญาณที่แท้จริง พระวจนะของพระองค์มีฤทธิ์เดช เป็นชีวิตที่สามารถเลี้ยงดู เป็นอาหารให้เขากิน เพื่อเขาจะเติบโตได้ สามารถเปลี่ยนจิตใจเขาได้ พระเจ้าทำเถิด”
และถ้าหากเราเปลี่ยนมุมมอง เราเปลี่ยนความคิด เราใช้ระบบนี้ เป็นระบบที่ถูกต้อง เป็นระบบที่พระเจ้ามีพระประสงค์ที่จะให้เราทำ อีกไม่นานนะคริสตจักรก็จะเติบโตได้
ผมขอบพระคุณพระเจ้าที่หลุดพ้นจากระบบศาสนา และเข้าสู่ชีวิตใหม่ในพระคริสต์ ซึ่งการดำเนินชีวิตมันไม่ได้ยากเหมือนที่เราคิด พี่น้องหลายท่านบ่นกับผมว่า ทำไมเชื่อพระเจ้าเป็นคริสเตียน การดำเนินชีวิตมันยากจัง แบกภาระหนักมาก ก็หนักสิ เพราะว่าเราแบกไม่เป็น
ผู้ที่แบกภาระแท้ที่จริงแล้วไม่ใช่เรา แต่พระคริสต์ แล้วพระคริสต์เองก็ไม่ได้แบก เป็นธรรมชาติของพระเยซูเอง ที่ดำเนินชีวิตในพระวิญญาณ อยู่ภายใต้กฎหมายใหม่ของพระเจ้า ของพระเยซูคริสต์ ในมัทธิวบทที่ 5 บทที่ 6 บทที่ 7 สำหรับเรา เราทำไม่ได้แน่นอน แต่สำหรับพระเจ้าง่ายนิดเดียว
และเรานะอยู่ในพระคริสต์ เรามีธรรมชาติใหม่ เรามีชีวิตจิตใจใหม่ เราสวมเสื้อสำหรับงานสมรส ก็คือให้พระคริสต์เป็นผู้ทำแทน ดำเนินชีวิตแทนเรา ภายในเรา คือเป็นภาระหน้าที่ของพระองค์ ไม่ใช่หน้าที่ของเรา
พระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อตายไถ่บาปของเราแล้ว ยังไม่พอนะ พระเยซูยังกลับมาอยู่กับเรา เป็นพระวิญญาณ เป็นผู้ดำเนินชีวิตแทนเรา
และเมื่อเรา "สอน" พี่น้องคริสเตียนก็จะกลายเป็น นักรู้ ผู้รู้ รู้ไปหมด อะไรก็รู้ ไม่มีใครสอนใครได้ ผมก็รู้ คุณก็รู้ ฉันก็รู้ เธอก็รู้ ใครก็รู้หมด แต่ไม่มีนักรัก ใช่ไหม ส่วนมากจะเป็นนักรู้ แต่ขาดนักรัก คริสตจักรของพระเจ้า มีแต่คนรู้ แต่ไม่มีคนรัก
และสำหรับสังคมคริสเตียนเราทุกวันนี้ ส่วนมากมีแต่ผู้สอน แต่ไม่มีผู้ป้อน
และพี่น้องคริสเตียนศาสนามักจะเน้นถึง การเชื่อฟัง การปฏิบัติ การรักษาพระบัญญัติพระเจ้า การดำเนินชีวิตให้เป็นคนที่บริสุทธิ์และชอบธรรมในแต่ละวัน
แต่คริสเตียนฝ่ายวิญญาณ เราควรจะเน้น เราควรจะเน้นถึงการบอกรักพระเจ้า สนิทกับพระคริสต์ เพื่อความผูกพัน เพื่อเราจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้า และเรื่องผลของพระวิญญาณ ผลของชีวิตใหม่ เป็นสิ่งที่จะตามมาทีหลัง เพราะว่าการเชื่อฟัง การเป็นคนใหม่ การเป็นคนบริสุทธิ์ การที่เราจะเกิดผล มาจากการทำงานของพระเจ้าที่อยู่ภายในเรา
และการทำงานของพระเจ้าเกิดขึ้นได้เนื่องจาก ว่าเราสนิทกับพระคริสต์ และเราบอกรักพระองค์ เราสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพระองค์ ผูกพันกับพระคริสต์ในแต่ละวัน
ถามว่าเรารู้ได้ยังไง ว่าพี่น้องคริสเตียนผู้รับใช้ศิษยาภิบาลศาสนาจารย์มากมายทุกวันนี้ ยังเป็นเด็กหรือเป็นคริสเตียนศาสนา ดูง่ายๆ คือถ้าหากว่าเขายังเป็นคนที่โกรธโมโหง่ายขี้ใจน้อย มักแบ่งพรรคแบ่งพวก หลงตัวเองว่าเป็นผู้รู้ ผู้ฉลาด ชอบที่นั่งที่มีเกียรติ หน้าซื่อใจคด ยังรักโลกและสิ่งของที่เป็นของโลก ยังใช้การบันเทิงทั้งหลายของโลกนี้ เพื่อเป็นการบันเทิงของชีวิตคริสเตียน
ไม่มีความผูกพันไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเยซูคริสต์ รู้จักพระเยซูแต่ไม่รู้จักพระเยซูจริงๆ ไม่มีความรักแท้อากาเป้ ไม่มีการยกโทษที่แท้จริง ไม่มีความอดทนนาน เขาจะรักคนที่ให้ผลประโยชน์แก่เขา มากกว่าคนที่ไม่มีอะไรให้เขา เขาเข้าข้างตัวเองเสมอนะว่า เขาเป็นคนถูกเป็นคนดี เป็นคนบริสุทธิ์ไม่มีใครเหนือเขา ไม่มีใครเท่าเขา และไม่มีใครเด่นดังดีเท่าเขา ยังมีอีกเยอะนะที่ผมคิดว่าไม่ควรจะเอ่ยถึง แต่เพียงเท่านี้ก็พอจะบ่งบอกแล้วใช่ไหม
ขอพระเจ้าช่วยเรานะ ที่เราจะได้เข้าสู่กระบวนการการเติบโตในชีวิตใหม่ และช่วยให้เรากลายเป็นบุตร หรือเป็นหนุ่มในพระคริสต์ หรือเรียกว่า young man หรือ Son
มีพี่น้องบางท่านถามผมว่า ทุกคนก็เป็นบุตรพระเจ้าไม่ใช่หรือ คำตอบคือ ใช่ คำว่าบุตรพระเจ้าในพระคัมภีร์มี 2 ลักษณะ
บุตรพระเจ้าคือคริสเตียนทุกคนที่เชื่อพระเจ้า เราก็ได้กลายเป็นบุตรพระเจ้าแล้ว อันนี้เป็นบุตรขั้นแรก (ทุกคนไม่ว่าใคร)
บุตรในลักษณะที่ 2 ก็คือบุตรที่รัก แต่พระคัมภีร์ไม่ได้เอ่ยถึงที่รัก แต่พระคัมภีร์ใช้คำว่า บุตร เฉยๆ อย่างเช่นบุคคลผู้ใดสร้างสันติ พระเจ้าจะเรียกเขาว่าเป็นบุตร ถามว่าอ้าวแล้วทุกคนเป็นบุตรไม่ใช่เหรอ? ไม่ครับ ทุกคนเป็นบุตรแน่นอน แต่บุตรในที่นี้ก็คือ บุตรที่รัก และ อจ. เปาโลกล่าวในโรมบทที่ 8:14 ว่าถ้าหากพระวิญญาณนำพาผู้ใด หรือถ้าหากพระวิญญาณของพระเจ้า นำพาผู้ใด ผู้นั้นก็เป็นบุตรพระเจ้า
อีกครั้ง บุตร ในที่นี้ ก็คือหนุ่มฝ่ายวิญญาณ ไม่ใช่หนุ่มฝ่ายร่างกาย หรือเป็นบุตรพระเจ้าบุตรที่รักของพระเจ้า อย่างที่ผมว่านะครับ คือในสังคมคริสเตียนมีคริสเตียน 3 ระดับ
ระดับแรก ก็คือบุตร คือ Little child คือ เด็ก และ เด็ก ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงเด็กฝ่ายร่างกาย แต่เด็กฝ่ายวิญญาณ ไม่ว่าเราจะเป็นศาสนาจารย์ ศิษยาภิบาล ผู้ปกครอง อะไรก็ตาม ไม่สำคัญ
แต่ถ้าหากเรายังไม่ได้มาถึงกระบวนการการเปลี่ยนแปลง ยังไม่มีชีวิตจิตใจใหม่ ยังรักอากาเป้ไม่ได้ ยังเป็นคนที่ขี้ใจน้อย เป็นคนที่แบ่งพรรคแบ่งพวก อย่างที่ผมพูดเมื่อกี้นี้ ก็คือเด็กทั้งนั้นเลย และเรายังเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าคริสเตียนศาสนา เพราะว่าเชื่อพระเจ้าแต่ไม่มีการกระทำ ไม่มีการปฏิบัติ ไม่มีผลของชีวิตใหม่ พอจะมีบ้างก็คือผลของชีวิตอาดัม ความดีที่มันแบบว่า อย่าให้เกินขีดจำกัดของเรานะ ถ้ามันเกินเนี่ยเราก็จะระเบิด
และระดับหนุ่ม ก็คือ เข้าสู่กระบวนการการเปลี่ยนแปลงแล้ว การทำบาปของเขาจะน้อยลง แต่ยังไม่เกิดผลได้ครบบริบูรณ์
และระดับพ่อ ก็คือ คนที่เกิดผลได้สมบูรณ์ครบถ้วน นานๆ ทำบาปที่นึง และระดับพ่อก็คือคนที่สามารถนำพระเจ้าเข้าไปสู่คริสเตียนได้แล้ว หมายความว่ายังไง ก็คือคนที่เปิดเผย เปิดเผยและเปิดตาให้ผู้คน ให้พี่น้องคริสเตียน ได้เห็นว่าพระเจ้าอยู่ในเขา และพระเจ้าเป็นคนทำแทนเขา พระคริสต์ในสภาพของพระวิญญาณดำเนินชีวิตแทนเขา
คริสเตียนเด็กสามารถนำมนุษย์มาหาพระเจ้าได้ นำคนมาหาพระเจ้า
แต่คริสเตียนผู้ใหญ่หรือคริสเตียนพ่อ นำพระเจ้ามาหาคนได้
religious Christian Little child can Only Bring man to God but they cann Bring God to man คือคริสเตียนเด็กสามารถนำมนุษย์มาหาพระเจ้าได้ นำคนมาเชื่อได้
But the Father can Bring God into Man ก็คือคริสเตียนระดับพ่อ สามารถนำพระเจ้าเข้าไปสู่มนุษย์ได้
คือเราพบว่า โอ้ พระเจ้าอยู่ในฉันเหรอ อ๋อ พระคริสต์ทำแทนฉันเหรอ โอ้ ขอบพระคุณพระเจ้า โอ้ พระเจ้าอยู่ในฉัน
ตอนนี้ตั้งแต่นี้ไป เราเป็นคนใหม่ และอยู่ในพระคริสต์ พระคริสต์อยู่ในเรา สองคนในร่างเดียว ดำเนินชีวิตร่วมกัน และพระคริสต์เป็นคนที่เกิดผล เป็นคนที่ทำแทน เราเป็นคนที่เก็บเกี่ยว
สง่าราศีเกียรติเป็นของพระเจ้า บำเหน็จรางวัลเป็นของเรา เพราะว่าเราให้เรายกอวัยวะของเราให้พระคริสต์ใช้ร่างกายของเรา เพื่อปรากฏพระองค์ให้โลกเห็นความชอบธรรม เห็นแสงสว่าง เห็นคุณสมบัติ เห็นชีวิตของพระเจ้าผ่านเรา
1 ยอห์น 2:12 ข้าพเจ้าเขียนถึงพวกท่าน ลูกเล็ก ๆ ทั้งหลายเอ๋ย เพราะว่าบาปทั้งหลายของพวกท่านได้รับการอภัยให้พวกท่านแล้ว เพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์
2:13 ข้าพเจ้าเขียนถึงพวกท่าน บิดาทั้งหลายเอ๋ย เพราะว่าพวกท่านได้รู้จักกับพระองค์ผู้ทรงดำรงอยู่ตั้งแต่เริ่มแรก ข้าพเจ้าเขียนถึงพวกท่าน คนหนุ่ม ๆ ทั้งหลายเอ๋ย เพราะว่าพวกท่านได้ชัยชนะแก่มารร้ายแล้ว ข้าพเจ้าเขียนถึงพวกท่าน ลูกเล็ก ๆ ทั้งหลายเอ๋ย เพราะว่าพวกท่านได้รู้จักกับพระบิดา
2:14 ข้าพเจ้าได้เขียนถึงพวกท่าน บิดาทั้งหลายเอ๋ย เพราะว่าพวกท่านได้รู้จักกับพระองค์ผู้ทรงดำรงอยู่ตั้งแต่เริ่มแรก ข้าพเจ้าได้เขียนถึงพวกท่าน คนหนุ่ม ๆ ทั้งหลายเอ๋ย เพราะว่าพวกท่านมีกำลังมาก และพระวจนะของพระเจ้าดำรงอยู่ในพวกท่าน และพวกท่านได้ชัยชนะแก่มารร้ายแล้ว
อ่านเพิ่มเติม: