15:1 และบางคนซึ่งลงมาจากแคว้นยูเดียได้สั่งสอนพวกพี่น้อง และกล่าวว่า “ถ้าพวกท่านไม่เข้าสุหนัตตามลักษณะของโมเสส พวกท่านจะรอดไม่ได้”
15:2 เหตุฉะนั้นเมื่อเปาโลและบารนาบัสมีความไม่ลงรอยกันและการโต้เถียงกันไม่น้อยกับพวกเขา คนเหล่านั้นได้ตั้งใจว่าเปาโลและบารนาบัส กับคนอื่น ๆ ในพวกเขานั้น ควรขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ไปหาพวกอัครทูตและพวกผู้ปกครองในเรื่องนี้
15:3 และเมื่อถูกส่งไปในทางของท่านทั้งสองโดยคริสตจักร ท่านทั้งสองได้ผ่านเข้าไปในแคว้นฟีนิเซียกับแคว้นสะมาเรีย โดยบอกเล่าถึงการกลับใจเสียใหม่ของคนต่างชาติ และท่านทั้งสองได้ทำให้พี่น้องทุกคนมีความปีติยินดีอย่างยิ่ง
15:4 และเมื่อท่านทั้งสองมาถึงกรุงเยรูซาเล็มแล้ว คริสตจักร และพวกอัครทูต และผู้ปกครองทั้งหลายได้ต้อนรับท่านทั้งสอง และท่านทั้งสองได้ประกาศสิ่งสารพัดที่พระเจ้าได้ทรงกระทำกับพวกท่าน
15:5 แต่บางคนในนิกายของพวกฟาริสีซึ่งเชื่อแล้วได้ยืนขึ้น โดยกล่าวว่า จำเป็นที่คนต่างชาตินั้นต้องเข้าสุหนัต และต้องสั่งพวกเขาให้รักษาพระราชบัญญัติของโมเสส
15:6 และพวกอัครทูตกับผู้ปกครองทั้งหลายได้มาชุมนุมกันเพื่อจะพิจารณาเรื่องนี้
** การเข้าสุหนัต คือการตัดหนังปลายหุ้มองคชาติหรือตัดหนังปลายหุ้มอวัยวะของผู้ชายชาวยิวทุกคนเมื่อมีอายุ 8 วันก็จะได้เข้าสู่พิธีสุหนัต เพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งพันธสัญญาของประชากรของพระเจ้าซึ่งการเข้าสุหนัตเป็นพระบัญญัติของโมเสสที่ทุกคนจะต้องรักษา (ปฐมกาล 17:9–14, กิจการ 7:8) กฎของโมเสสย้ำสำหรับข้อกำหนดนี้ (เลวีนิติ 12:2–3) พระบัญญัติเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของชาวยิวทุกๆ คน แล้วถ้าหากใครไม่ถือรักษาพระบัญญัติก็จะถูกลงโทษจากพระเจ้าและผู้นำศาสนา พระเยซูเข้าสุหนัตตอนมีอายุได้ 8 วัน (ลูกา 2:21)
** เมื่อชาวยิวกลับใจเป็นคริสเตียนพวกเขายังไม่เข้าใจเรื่องพระบัญญัติเดิมและพระบัญญัติใหม่ พระสัญญาเดิมและพระสัญญาใหม่ พวกเขาจึงถือว่าความรอดได้มาจากการรักษาพระบัญญัติเดิมและเข้าสุหนัต แต่เมื่อมาถึงยุคพระคุณคือพระเยซูตายไถ่บาปมนุษย์ ความรอดไม่ได้อาศัยการรักษาพระบัญญัติ แต่โดยทางความเชื่อ กิจการบทที่ 15, กาลาเทีย 2:1–3, 5:1–11, 6:11–16, 1 โครินธ์ 7:17–20, โคโลสี 2:8–12 และฟีลิปปี 3:1–3 การปลดปล่อยเราจากพระบัญญัติ คือการตายที่กางเขนของพระเยซู การงานของเนื้อหนังจึงไม่ได้ข้องเกี่ยวอะไรกับความรอดเลย (กาลาเทีย 2:16) เปาโลให้ทิโมธีเข้าสุหนัตก็เพราะว่าเพื่อเห็นแก่ชาวยิวที่อาจจะขัดขวางงานข่าวประเสริฐของท่านและทิโมธี แต่ท่านก็ไม่ได้สนับสนุนให้ผู้เชื่อเข้าสุหนัต
** การรักษาพระบัญญัติ การเข้าสุหนัต การถือวันสะบาโต และอีกมากมาย มาปะปนกับพระคุณ ซึ่งจะทำให้พระคุณของพระเจ้าไม่ใช่พระคุณอีกต่อไป (โรม 11:6)
1. คริสเตียนศาสนารักษาพระบัญญัติ และคริสเตียนฝ่ายวิญญาณรอดโดยทางความเชื่อ
2. การรักษาพระบัญญัติกับพระคุณ
3. การเข้าสุหนัตกับพระคุณ
4. สะบาโตกับพระคุณ
ประเด็นเรื่อง การรักษาพระบัญญัติปะปนกับความเชื่อ (พระคุณ) เป็นเรื่องใหญ่มาก ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังมีการถกเถียงและแบ่งแยกกลุ่มผู้เชื่อออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ
เราขอบพระคุณพระเจ้าที่เปาโลเขียนโดยพระวิญญาณเรื่องรอดโดยพระคุณ *เท่านั้น* เอาไว้หลายๆ ข้อ โดยเฉพาะ (โรม 11:6 และเอเฟซัส 2:8-9)
โรม 11:6 Romans 11:6 King James Version
11:6 And if by grace, then is it no more of works: otherwise grace is no more grace. But if it be of works, then it is no more grace: otherwise work is no more work.
11:6 และถ้าเป็นโดยพระคุณ การทรงเลือกไว้นั้นจึงหาได้เป็นโดยบรรดาการกระทำไม่ มิฉะนั้นพระคุณก็ไม่เป็นพระคุณจริงอีกต่อไป แต่ถ้าการทรงเลือกไว้นั้นเป็นโดยบรรดาการกระทำแล้ว มันก็หาได้เป็นโดยพระคุณอีกต่อไปไม่ มิฉะนั้นการกระทำก็ไม่เป็นการกระทำจริงอีกต่อไป
เอเฟซัส 2:8-9 Ephesians 2:8-9
2:8 For by grace are ye saved through faith; and that not of yourselves: it is the gift of God:
2:9 Not of works, lest any man should boast.
2:8 ด้วยว่าท่านทั้งหลายได้รับความรอดโดยพระคุณผ่านทางความเชื่อ และมิใช่โดยตัวท่านทั้งหลายเอง ความรอดนั้นเป็นของประทานของพระเจ้า
2:9 ไม่ใช่โดยการกระทำใดๆ เกรงว่าคนหนึ่งคนใดจะอวดได้
สาเหตุมาจากว่าผู้เชื่อมากมายไม่รู้เรื่องการรักษาพระบัญญัติ (ใหม่) ของพระเยซูเพื่อเข้าในอาณาจักร ไม่ใช่เพื่อให้ได้รอดในวันสุดท้าย
ขอบพระคุณพระเจ้าที่เปิดเผยความจริงแห่งพระคำเรื่อง..
1. เรื่องรอดสองรอด
2. เรื่องพระคุณ
3. เรื่องพระคุณซ้อนพระคุณ
4. เรื่องรอดโดยพระคุณคือเชื่อเท่านั้น ไม่ใช่เชื่อและ...
5. เรื่องสุหนัตและลูกหลานอับราฮัมฝ่ายเนื้อหนังและวิญญาณ
6. เรื่องสะบาโตเก่าและใหม่
(โรม 11:6 และถ้าเป็นโดยพระคุณ การทรงเลือกไว้นั้นจึงหาได้เป็นโดยบรรดาการกระทำไม่ มิฉะนั้นพระคุณก็ไม่เป็นพระคุณจริงอีกต่อไป แต่ถ้าการทรงเลือกไว้นั้นเป็นโดยบรรดาการกระทำแล้ว มันก็หาได้เป็นโดยพระคุณอีกต่อไปไม่ มิฉะนั้นการกระทำก็ไม่เป็นการกระทำจริงอีกต่อไป)
ปฐมกาล 17:9–14
พิธีสุหนัตเป็นพันธสัญญากับลูกหลานของอิสราเอล
17:9 และพระเจ้าตรัสแก่อับราฮัมว่า “เหตุฉะนั้นเจ้าจงรักษาพันธสัญญาของเราไว้ ทั้งตัวเจ้าและเชื้อสายของเจ้าที่มาภายหลังเจ้าในชั่วอายุทั้งหลายของพวกเขา
17:10 นี่เป็นพันธสัญญาของเรา ซึ่งพวกเจ้าจะรักษาไว้ระหว่างเรากับพวกเจ้าและเชื้อสายของเจ้าที่มาภายหลังเจ้า คือเด็กผู้ชายทุกคนในท่ามกลางพวกเจ้าจะเข้าสุหนัต
17:11 และพวกเจ้าจะเข้าสุหนัตตัดหนังหุ้มปลายองคชาตของพวกเจ้า และการเข้าสุหนัตนั้นจะเป็นเครื่องหมายแห่งพันธสัญญาระหว่างเรากับพวกเจ้า
17:12 และผู้ชายที่มีอายุแปดวันจะเข้าสุหนัตในท่ามกลางพวกเจ้า เด็กผู้ชายทุกคนในชั่วอายุทั้งหลายของพวกเจ้า ผู้ชายที่เกิดในบ้าน หรือถูกซื้อด้วยเงินจากคนแปลกหน้าใด ๆ ซึ่งไม่ใช่ของเชื้อสายของเจ้า
17:13 ผู้ชายที่เกิดในบ้านของเจ้า และผู้ชายที่ถูกซื้อด้วยเงินของเจ้า จำเป็นต้องเข้าสุหนัต และพันธสัญญาของเราจะอยู่ในเนื้อของพวกเจ้า เป็นพันธสัญญานิรันดร์
17:14 และเด็กผู้ชายที่ไม่ได้เข้าสุหนัต คือผู้ที่ไม่ได้เข้าสุหนัตตัดหนังหุ้มปลายองคชาตของเขา ชีวิตนั้นจะถูกตัดขาดจากชนชาติของเขา เขาได้ละเมิดพันธสัญญาของเรา”
เลวีนิติ 12:2–3
12:2 “จงพูดกับลูกหลานของอิสราเอล โดยกล่าวว่า ถ้าผู้หญิงคนใดตั้งครรภ์แล้ว และคลอดบุตรชายคนหนึ่ง แล้วนางจะเป็นมลทินอยู่เจ็ดวัน ตามวันทั้งหลายแห่งการแยกตัวออกเพราะเหตุมีประจำเดือนนั้น นางจะเป็นมลทิน
12:3 และในวันที่แปดหนังหุ้มปลายองคชาตของเด็กชายนั้นจะถูกทำสุหนัต
โคโลสี 2:8–12
จงหลีกเลี่ยงธรรมเนียมต่าง ๆ และปรัชญาของมนุษย์
2:8 จงระวังให้ดี เกรงว่าจะมีผู้หนึ่งผู้ใดทำให้พวกท่านตกเป็นเหยื่อโดยทางหลักปรัชญาและคำล่อลวงอันไม่มีสาระ ตามธรรมเนียมของมนุษย์ ตามหลักการต่าง ๆ ของโลก และไม่ใช่ตามพระคริสต์
2:9 ด้วยว่าในพระองค์ ความเต็มเปี่ยมทั้งสิ้นแห่งความเป็นพระเจ้านั้นดำรงอยู่ในฝ่ายร่างกาย
2:10 และพวกท่านก็ครบบริบูรณ์ในพระองค์ ผู้ทรงเป็นศีรษะแห่งบรรดาเทพผู้ครอบครองอาณาจักรและเทพผู้มีอำนาจ
ถูกฝังไว้กับพระคริสต์ ในบัพติศมา
2:11 ในพระองค์นั้น พวกท่านก็ได้รับการเข้าสุหนัตเช่นกันด้วยการเข้าสุหนัตที่มิได้กระทำด้วยมือมนุษย์ โดยที่พวกท่านได้ถอดทิ้งกายแห่งบาปทั้งหลายของเนื้อหนังเสีย โดยการเข้าสุหนัตของพระคริสต์
2:12 ได้ถูกฝังไว้กับพระองค์ในบัพติศมา ซึ่งในบัพติศมานั้นพวกท่านได้เป็นขึ้นมาพร้อมกับพระองค์ด้วย โดยทางความเชื่อนั้นแห่งการกระทำกิจของพระเจ้า ผู้ได้ทรงบันดาลให้พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตาย
2:13 และพวกท่าน โดยที่ตายแล้วในบาปทั้งหลายของพวกท่าน และการไม่เข้าสุหนัตแห่งเนื้อหนังของพวกท่าน พระองค์ได้ทรงให้มีชีวิตด้วยกันกับพระองค์ โดยโปรดยกโทษการละเมิดทั้งสิ้นของพวกท่านแล้ว
บทความเพิ่มเติม: เราเชื่อพระเยซู เราเป็นลูกหลานของอับราฮัมฝ่ายวิญญาณแล้ว (เป็นยิวแท้)
15:7 และเมื่อมีการโต้เถียงกันมากแล้ว เปโตรได้ยืนขึ้น และกล่าวแก่พวกเขาว่า “พวกท่านและพี่น้องทั้งหลาย ท่านทั้งหลายทราบอยู่ว่า คราวก่อนนั้นพระเจ้าได้ทรงทำการเลือกในท่ามกลางพวกเราว่า พวกคนต่างชาติ โดยปากของข้าพเจ้า ควรจะฟังพระวจนะแห่งข่าวประเสริฐและเชื่อ
15:8 และพระเจ้า ผู้ซึ่งทรงทราบใจเหล่านั้น ได้ทรงเป็นพยานรับรองพวกเขา โดยประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่พวกเขา เหมือนอย่างที่พระองค์ได้ประทานแก่พวกเรา
** ไม่ว่าจะเป็นชาวยิวหรือคนต่างชาติ ทุกคนที่เชื่อในพระเยซูก็จะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์เหมือนกัน / ยิวไม่ได้รับพระวิญญาณโดยการเชื่อและรักษาพระบัญญัติฉันใด คนต่างชาติก็ไม่ต้องทำดีเชื่อฟังเพื่อที่จะได้รับพระวิญญาณฉันนั้น แต่โดยการเชื่อและวางใจในพระเยซู ซึ่งเรียกว่าฟังพระวจนะแห่งข่าวประเสริฐและเชื่อ
15:9 และไม่ทรงถือว่ามีความแตกต่างกันระหว่างพวกเรากับพวกเขา โดยทรงชำระใจของพวกเขาให้บริสุทธิ์โดยความเชื่อ
** เมื่อทั้งสองฝ่าย (ยิวและต่างชาติ)ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้วโดยทางความเชื่อ พวกเขาก็ได้รับการชำระใจ คือชำระภายในให้สะอาดด้วย (purifying their hearts by faith).
15:10 ดังนั้น เหตุไฉนบัดนี้พวกท่านจึงทดลองพระเจ้า เพื่อวางแอกบนคอของพวกสาวก ซึ่งทั้งบรรพบุรุษของพวกเราและพวกเราเองก็แบกไม่ไหว
** ผู้เชื่อชาวยิวในสมัยนั้นไม่เข้าใจเกี่ยวกับรอดโดยพระคุณ จึงพยายามแนะนำทุกคนให้เชื่อและยังต้องรักษาพระบัญญัติ เข้าสุหนัต และถือวันสะบาโตเพื่อให้ได้รอด ซึ่งไม่ต่างไปจากคริสเตียนมากมายหลายกลุ่มคณะนิกายทุกวันนี้
** เปโตรกล่าวโดยพระวิญญาณว่า แอก (พระบัญญัติ) นั้น ชนชาติอิสราเอลแบกมาตั้งนานแสนนานและแบกไม่ไหว และคนที่เคร่งศาสนายิวย่อมรู้ดีว่ารักษาทุกข้อไม่ได้และเป็นสิ่งที่หนักมาก
15:11 แต่พวกเราเชื่อว่า โดยทางพระคุณของพระเยซูคริสต์เจ้า พวกเราจะรอด เหมือนอย่างพวกเขา”
** เราขอบพระคุณพระเจ้า โดยทางพระคุณของพระเยซู คือพระองค์ดำเนินชีวิตที่เป็นที่ชอบพระทัยของพระบิดา และยอมตายเพื่อทุกคนที่เชื่อในพระองค์จะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ รับการชำระใจภายใน และได้รับความรอดโดยที่ไม่ต้องรักษาพระบัญญัติอีกต่อไป ส่วนการเลิกทำบาปนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งเพื่อผู้เชื่อจะได้เข้าไปในอาณาจักรเมื่อเขากลายเป็นผู้ชนะ
15:12 และฝูงชนทั้งหมดนั้นก็นิ่งอยู่ และฟังบารนาบัสกับเปาโลที่ประกาศว่ามีบรรดาการอัศจรรย์และการมหัศจรรย์ใดบ้างที่พระเจ้าได้ทรงกระทำในท่ามกลางพวกคนต่างชาติโดยท่านทั้งสอง
1. คริสเตียนสับสนเรื่องหลักการแห่งความรอดในวันสุดท้ายและรอดเข้าไปในอาณาจักร พวกเขาจึงเชื่อและยังต้องรักษาพระบัญญัติ ถือวันสะบาโต ถวายสิบลด เพื่อให้ได้รอดในวันสุดท้าย นี่คือการเอาแอกของยิวมาแบกเอาไว้
2. เราขอบพระคุณพระเจ้าที่เราได้เป็นอิสระจากแอก หรือจากการเป็นทาสของพระบัญญัติแล้ว คือรอดโดยพระคุณทางความเชื่อเท่านั้น (กท 5:1-6)
5:1 เหตุฉะนั้นจงยืนมั่นในเสรีภาพซึ่งในเสรีภาพนั้นพระคริสต์ทรงทำให้เราทั้งหลายเป็นไทแล้ว และอย่าเข้าเทียมกับแอกแห่งการเป็นทาสอีกเลย 5:2 ดูเถิด ข้าพเจ้าเปาโลขอกล่าวแก่พวกท่านว่า ถ้าพวกท่านเข้าสุหนัต พระคริสต์จะไม่ทรงทำประโยชน์อันใดแก่พวกท่านเลย 5:3 ด้วยว่าข้าพเจ้าเป็นพยานแก่ทุกคนที่เข้าสุหนัตอีกว่า เขาเป็นลูกหนี้ที่จะต้องกระทำตามพระราชบัญญัติทั้งสิ้น 5:4 พระคริสต์ย่อมไม่ได้มีผลอันใดต่อพวกท่านเลย ผู้ใดก็ตามในพวกท่านที่เป็นคนชอบธรรมโดยพระราชบัญญัติ พวกท่านก็หล่นจากพระคุณไปเสียแล้ว 5:5 เพราะว่า โดยพระวิญญาณพวกเรารอคอยความหวังแห่งความชอบธรรมโดยความเชื่อ 5:6 เพราะว่าในพระเยซูคริสต์นั้น การเข้าสุหนัต หรือการไม่เข้าสุหนัต หาเป็นประโยชน์อันใดไม่ แต่ความเชื่อซึ่งกระทำกิจโดยความรักต่างหาก
3. พระเยซูตรัสว่า จงมาหาเรา ท่านทั้งหลายทุกคนที่ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก และเราจะให้การหยุดพักแก่ท่านทั้งหลาย จงเอาแอกของเราแบกไว้บนท่านทั้งหลาย และจงเรียนจากเรา เพราะว่าเรามีใจอ่อนสุภาพและถ่อมลง และท่านทั้งหลายจะพบการหยุดพักสำหรับจิตวิญญาณของพวกท่าน ด้วยว่าแอกของเราก็แบกง่าย และภาระของเราก็เบา” (มธ 11:28-30) แอก ในที่นี้ คือพระบัญญัติ เมื่อมาหาพระเยซู ผลที่ได้รับคือพระเยซูตายแทนเราเพื่อให้เราได้รอดในวันสุดท้ายโดยไม่ต้องรักษาพระบัญญัติ และพระเยซูอยู่แทนเราเพื่อเข้าไปในอาณาจักรโดยไม่ต้องรักษาพระบัญญัติด้วยตัวเราเอง
15:13 และหลังจากพวกเขาได้นิ่งอยู่ ยากอบก็ตอบ โดยกล่าวว่า “พวกท่านและพี่น้องทั้งหลาย จงตั้งใจฟังข้าพเจ้า
15:14 ซีโมนได้ประกาศแล้วว่า ในตอนแรกนั้นพระเจ้าได้ทรงเยี่ยมเยียนพวกคนต่างชาติ เพื่อจะทรงนำประชาชนกลุ่มหนึ่งออกจากพวกเขาเพื่อพระนามของพระองค์
15:15 และบรรดาคำของพวกศาสดาพยากรณ์ก็สอดคล้องกับสิ่งนี้ ตามที่ได้เขียนไว้แล้วว่า
15:16 ‘หลังจากนี้เราจะกลับมา และจะสร้างพลับพลาของดาวิดซึ่งพังลงแล้วขึ้นใหม่ และเราจะสร้างที่ปรักหักพังทั้งหลายของพลับพลานั้นขึ้นอีก และเราจะตั้งพลับพลานั้นขึ้นใหม่
15:17 เพื่อผู้คนที่เหลืออยู่จะแสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้า ทั้งพวกคนต่างชาติ ผู้ซึ่งถูกเรียกด้วยนามของเรา องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส ผู้ทรงกระทำสิ่งสารพัดเหล่านี้
15:18 พระเจ้าทรงทราบกิจการทั้งสิ้นของพระองค์ตั้งแต่แรกสร้างโลกมาแล้ว’
15:19 เหตุฉะนั้น การตัดสินของข้าพเจ้าก็คือว่า อย่าให้พวกเรารบกวนพวกเขา ซึ่งจากท่ามกลางพวกคนต่างชาตินั้นได้หันกลับมาหาพระเจ้า
15:20 แต่ให้พวกเราเขียนถึงพวกเขาว่า ให้พวกเขางดเว้นเสียจากการรับประทานบรรดาสิ่งที่เป็นมลทินเนื่องด้วยรูปเคารพทั้งหลาย และจากการล่วงประเวณี และจากการรับประทานเนื้อสัตว์ทั้งหลายที่ถูกรัดคอตาย และจากการรับประทานเลือด
15:21 ด้วยว่าโมเสส ในสมัยโบราณ ในทุกนครมีคนเหล่านั้นที่ประกาศพระราชบัญญัติของท่าน ซึ่งถูกอ่านในธรรมศาลาทั้งหลายทุกวันสะบาโต”
15:22 แล้วพวกอัครทูตและผู้ปกครองทั้งหลายเห็นชอบในสิ่งนี้ พร้อมกับคริสตจักรทั้งหมด เพื่อที่จะส่งบางคนที่ถูกเลือกไว้แล้วจากกลุ่มคนของพวกเขาให้ไปยังเมืองอันทิโอก พร้อมกับเปาโลและบารนาบัสคือ ยูดาส ผู้มีนามสกุลว่า บารซับบาส และสิลาส ซึ่งทั้งคู่เป็นคนสำคัญในท่ามกลางพวกพี่น้อง
15:23 และเขาทั้งหลายได้เขียนจดหมายหลายฉบับ ส่งไปโดยทางพวกเขา ตามลักษณะนี้ว่า “พวกอัครทูตและพวกผู้ปกครองและพวกพี่น้อง ขอส่งคำทักทายมายังพวกพี่น้องซึ่งเป็นของพวกคนต่างชาติ ในเมืองอันทิโอก และแคว้นซีเรีย และแคว้นซีลีเซีย
15:24 เพราะเหตุที่พวกเราได้ยินว่า มีบางคนซึ่งออกไปจากพวกเราได้รบกวนพวกท่านด้วยคำพูดทั้งหลาย โดยบ่อนทำลายจิตใจทั้งหลายของพวกท่าน โดยกล่าวว่า ‘พวกท่านต้องเข้าสุหนัต และรักษาพระราชบัญญัติ’ ผู้ซึ่งพวกเราไม่ได้ให้คำสั่งเช่นนี้เลย
15:25 พวกเราเห็นว่าเป็นการดี โดยได้พร้อมใจกันร่วมประชุมแล้ว ที่จะส่งบางคนที่ถูกเลือกไว้แล้วมายังพวกท่าน พร้อมกับบารนาบัสและเปาโล ผู้เป็นที่รักของพวกเรา
15:26 คือคนทั้งหลายที่ได้เสี่ยงชีวิตของตน เพื่อพระนามของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเรา
15:27 เหตุฉะนั้น พวกเราจึงได้ส่งยูดาสกับสิลาส ผู้ซึ่งจะบอกสิ่งเดียวกันเหล่านี้แก่พวกท่านด้วยปากของพวกเขาเอง
การเข้าสุหนัต
- คือการตัดหนังหุ้มปลายองชาต เพื่อทำสัญญากับพระเจ้าของชาวยิวเพื่อการเป็นประชากรของพระเจ้าและรับพระพรจากพระองค์
- เราคือยิวและลูกหลานฝ่ายวิญญาณของอับราฮัมและเป็นยิวแท้สำหรับพระเจ้า เราเข้าสุหนัตฝ่ายวิญญาณทันทีที่เชื่อเราได้รับมรดกร่วมกับพระเยซูในพระเยซู
การรักษาพระบัญญัติเพื่อให้ได้พระพรและได้รอดของชาวยิวในยุคพระบัญญัติ
- พระบัญญัติเดิมเป็นสิ่งชั่วคราวเพื่อชาวยิวจะรักษาเพื่อให้ได้พระพรและได้รอดในวันสุดท้าย
- พระบัญญัติเป็นสิ่งชั่วคราวเพื่อกักขังยิวและทำให้ยิวยอมแพ้และหันมาร้องขอการช่วยเหลือจากพระคริสต์ในยุคพระคุณซึ่งก็คือพระคริสต์เป็นผู้ดำเนินชีวิตในเราแทนเราเพื่อเข้าไปในอาณาจักร
การเชื่อเพื่อให้ได้รอดของยิวและต่างชาติในยุคพระคุณ
- พระคุณและความรักของพระเจ้าเทลงมาอย่างมากมายทั่วโลก ทุกคนที่เชื่อในพระบุตรจึงได้รอดและรับพระพรโดยที่ไม่ต้องรักษาพระบัญญัติเพื่อให้ได้กลายเป็นคนชอบธรรมและเป็นบุตรพระเจ้า แต่การรักษาพระบัญญัติใหม่เป็นเรื่องของการเข้าไปในอาณาจักรต่างหาก
- เชื่อเท่านั้น เราก็ได้กลายเป็นคนชอบธรรมเท่ากับยิวที่เคร่งพระบัญญัติ
การหลีกเลี่ยงการกินดื่มสิ่งที่เป็นมลทิน
- สำหรับพระเจ้า สิ่งที่กราบไหว้พระอื่นก็เป็นของพระอื่น เราบุตรพระเจ้าจึงมิควรไปกินดื่มสิ่งที่ใช้เพื่อกราบไหว้พระเหล่านั้น ซึ่งผีมารจะทำให้สกปรกเป็นมลทินไปเสียแล้วและจะให้เราไม่สบายหรือป่วยเป็นโรคต่างๆ ได้ ส่วนเลือดเราก็ควรหลีกเลี่ยงเนื่องจากว่าฝ่ายวิญญาณมันคือชีวิต และฝ่ายร่างกายมันเป็นศูนย์รวมของเชื้อโรคมากมายอาศัยอยู่ ถึงแม้ว่าเราจะนำมาต้มจนเดือดแต่มีเชื้อโรคหลายชนิดจะไม่ตาย
5. การกลับมาสร้างพลับพลาของดาวิดซึ่งพังลงแล้วขึ้นใหม่
- คือการกลับมาก่อตัังอาณาจักรดาวิดของพระเยซูนั่นเอง ซึ่งก็คืออาณาจักรสวรรค์ในยุคพันปีที่กำลังจะมา
15:28 เพราะว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์และพวกเราเห็นแล้วว่าเป็นการดีที่จะไม่วางภาระบนพวกท่านมากไปกว่าสิ่งจำเป็นเหล่านี้
15:29 คือให้พวกท่านงดเว้นเสียจากการรับประทานอาหารทั้งหลายที่ถูกบูชาแก่บรรดารูปเคารพ และจากการรับประทานเลือด และจากการรับประทานเนื้อสัตว์ทั้งหลายที่ถูกรัดคอตาย และจากการล่วงประเวณี ซึ่งถ้าหากพวกท่านรักษาตัวของพวกท่านไว้จากสิ่งเหล่านี้ พวกท่านก็จะทำดี ขอให้พวกท่านอยู่เป็นสุขเถิด”
** ผู้เชื่อไม่ควรทานอาหาร น้ำ และผลไม้ที่เป็นเครื่องบูชาแก่รูปเคารพ เพราะนี่คือการล่วงประเวณีฝ่ายวิญญาณ ทั้งผู้เชื่อควรหลีกเลี่ยงการทานเลือด เนื้อสัตว์ที่ถูกรัดคอตาย
15:30 ดังนั้นเมื่อพวกท่านได้รับอนุญาตให้ไปได้แล้ว พวกท่านก็มายังเมืองอันทิโอก และเมื่อพวกท่านได้รวบรวมคนทั้งปวงให้มาพร้อมกันแล้ว พวกท่านก็มอบจดหมายฉบับนั้นให้
15:31 ซึ่งเมื่อคนเหล่านั้นได้อ่านแล้ว พวกเขาก็มีความปีติยินดีเนื่องด้วยคำปลอบใจนั้น
15:32 และยูดาสกับสิลาส ซึ่งเป็นพวกผู้พยากรณ์เองเช่นกัน ได้เตือนสติพวกพี่น้องด้วยถ้อยคำหลายประการ และเสริมกำลังให้พวกเขา
15:33 และหลังจากพวกท่านได้พักอยู่ที่นั่นหน่อยหนึ่งแล้ว พวกท่านก็ได้รับอนุญาตให้จากพวกพี่น้องไปถึงพวกอัครทูตโดยสันติภาพ
15:34 แต่อย่างไรก็ตาม สิลาสเห็นชอบที่จะอยู่ที่นั่นต่อไป
15:35 เปาโลเช่นกันและบารนาบัสได้อยู่ต่อไปในเมืองอันทิโอก โดยสั่งสอนและประกาศพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า ด้วยกันกับคนอื่นอีกหลายคนเช่นกัน
การทาน เลือด เนื้อสัตว์ที่ถูกรัดคอตาย และอาหารทุกชนิดที่เป็นเครื่องบูชาแก่รูปเคารพหรือพระอื่น
พระเยซูตรัสว่า ทุกสิ่งที่รับประทานก็ถ่ายออก แต่สิ่งที่ออกจากปากนั้นสำคัญกว่า
เราทานทุกสิ่งได้ แต่ไม่ทานสิ่งที่พระวิญญาณห้ามไม่ให้ทาน
เราปฏิเสธด้วย ฉลาดเหมือนงูและสุภาพเหมือนนกพิราบ
เมื่อเราทาน ผลที่ตามมาคือโรคภัยไข้ป่วย และเล่นชู้กับพระเจ้า
เมื่อเราไม่ทราบว่าอะไรเป็นเครื่องบูชารูปเคารพ เรากินด้วยการขอบพระคุณ
15:36 และล่วงไปได้หลายวัน เปาโลได้กล่าวกับบารนาบัสว่า “ให้พวกเราไปอีก และเยี่ยมพวกพี่น้องของพวกเราในทุกนคร ซึ่งพวกเราได้ประกาศพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าไว้ และดูว่าพวกเขาเป็นอย่างไรกันบ้าง”
15:37 และบารนาบัสได้ตั้งใจที่จะพายอห์นไปพร้อมกับท่านทั้งสอง โดยนามสกุลของเขาคือ มาระโก
15:38 แต่เปาโลคิดว่าไม่สมควรที่จะพายอห์นไปกับท่านทั้งสอง ผู้ซึ่งได้ละท่านทั้งสองเสียจากแคว้นปัมฟีเลีย และไม่ได้ไปพร้อมกับท่านทั้งสองในงานนั้น
15:39 และการโต้แย้งกันระหว่างท่านทั้งสองก็รุนแรงมากเหลือเกินจนท่านทั้งสองได้แยกย้ายกันไป และบารนาบัสจึงพามาระโกไป และแล่นเรือไปยังเกาะไซปรัส
15:40 และเปาโลได้เลือกสิลาส และเดินทางไป โดยถูกรับรองโดยพวกพี่น้องไว้กับพระคุณของพระเจ้า
15:41 และท่านผ่านไปตลอดแคว้นซีเรียกับแคว้นซีลีเซีย โดยเสริมกำลังให้คริสตจักรเหล่านั้น
** บารนาบัสเป็นเพื่อนร่วมงาน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเปาโล แต่เมื่อการเปิดตาไม่เท่ากัน สุดท้ายการแตกแยกก็เกิดขึ้น
- เป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้เชื่อต้องถูกเลือกสรรเพื่อให้เข้ามาร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระกาย
- เป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้เชื่อต้องถ่อมใจ ถ่อมลงถึงดิน ยอม เพื่อร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระกาย
- เป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้เชื่อควรเปิดใจไว้ก่อน อย่าเพิ่งด่วนตัดสินว่าพระคำล้ำลึกไม่ได้มาจากพระเจ้า ขอให้ใช้เวลาศึกษาและขอการเปิดเผยจากพระวิญญาณให้มาก ในเมื่อเราเคยผ่านการเรียนรู้ที่ผิดมานานหลายปี
- เป็นสิ่งจำเป็นที่เราต้องรู้และเข้าใจว่า การแตกแยก คือสิ่งที่มารต้องการและทำให้เราแตกแยก ขณะที่พระเจ้าต้องการให้เราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน คริสตจักรศาสนาเมื่อคิดไม่เหมือนกันก็คิดจะแตกแยกแบ่งแยกจนทุกวันนี้มีกลุ่มผู้เชื่อมากมายหลายพันคณะนิกาย พวกเราล้มเหลวและมารชนะ
- การไม่แตกแยก คือ ยอม ต่ำถ่อม ไม่มองใครในเนื้อหนังและด้านลบ เมื่อพี่น้องทำในสิ่งที่ไม่ถูกใจเรา นั่นอาจจะเป็นการทดสอบของพระเจ้าและให้เราหยั่งดูจิตใจของเราว่าเราปกติดีหรือไม่ (ปกติ ในที่นี้คือ ยอมต่ำ ถ่อม ยอม และรักพี่น้องทุกคนไม่เลือกหน้าหรือไม่)
- บรรดาผู้ที่ทำให้พระกายเป็นหนึ่งเดียวและเป็นหนึ่งเดียวกับพระกายโดยไม่มีข้อแม้ คือผู้ชนะที่แท้จริงและเป็นบุตรที่รักของพระบิดา
ปัญหาอันยิ่งใหญ่สำหรับคริสเตียนตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงทุกวันนี้ คือไม่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
แต่คริสตจักรที่แสวงหาการสร้างสันติและเป็นหนึ่งเดียวได้ บำเหน็จมากมายก็เป็นของเขา
1. ยอห์น 17:16-17 พวกเขาไม่ใช่ของโลก เหมือนอย่างที่ข้าพระองค์ไม่ใช่ของโลก ขอโปรดชำระพวกเขาให้บริสุทธิ์โดยทางความจริงของพระองค์ พระวจนะของพระองค์เป็นความจริง
พระเยซูขอพระบิดาสองสิ่งเพื่อสาวก คือ ขอทำให้พวกเขาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และ ขอทรงชำระพวกเขาด้วยพระคำแห่งความจริง
2. การรับการชำระด้วยพระคำ ทำให้หายจากอาการตาบอด
3. การรับการชำระด้วยพระคำ ทำให้เติบโตสู่ชีวิตและนิสัยของพระเยซู
4. การรับการชำระด้วยพระคำ ทำให้เรามีความเชื่อเดียว ความคิดเดียว
5. การรับการชำระด้วยพระคำ ช่วยให้เราเข้าถึงข้อลึกลับของพระเจ้า และของพระคริสต์ และข้อลึกลับทุกข้อในพระคัมภีร์