เราขอบคุณพระเจ้าที่ยิ่งเราได้รับการเปิดตามากขึ้น ยิ่งพระเยซูรักษาตาของเราให้หายบอดมากขึ้น ความจริงก็เด่นชัดมากขึ้น พระคำของพระเจ้าเราก็เห็นชัดมากขึ้นตาสว่างเลย และการดำเนินชีวิตก็ง่ายเบาสบายมีความสุขไปกับความเชื่อ ไม่เหมือนสมัยที่เราอยู่ในศาสนาคริสต์ เราสรรเสริญพระเจ้า พระเยซูพวกเรารักพระองค์
สำหรับในกาลาเทียบทที่ 1 ตั้งแต่ข้อที่ 6 จนถึงข้อที่ 10 จริงๆ แล้วเรื่องหลักความเชื่อ เกี่ยวกับความเชื่อ ที่เชื่อเท่านั้นก็รอด และเชื่อเท่านั้นไม่พอต้องเชื่อฟังพระบัญญัติ ต้องถวายสิบลด รับบัพติศมา และอีกมากมายจึงจะได้รอด อันนี้เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมานานแสนนาน ตั้งแต่สมัยสาวกจนถึงทุกวันนี้ และก่อให้เกิดการแตกแยกของคริสตจักร
ทุกวันนี้ ครึ่งต่อครึ่งของผู้เชื่อทั่วโลกที่อยู่ภายใต้สองหลักคำสอนใหญ่ คือครึ่งหนึ่งเชื่อว่าเชื่อเท่านั้นไม่พอต้องรักษาพระบัญญัติ ต้องทำนู่นนี่นั่นจึงจะรอด และอีกฝ่ายอีกครึ่งหนึ่ง ก็คือเชื่อเท่านั้นก็พอแล้ว เชื่อเท่านั้นก็รอด เนื่องจากว่าความรอดที่เราได้รับ ก็คือเป็นมาโดยพระคุณของพระเจ้า ซึ่งก็คล้ายๆ กับพวกเราที่ได้รับการเปิดตา ก็ขอบคุณพระเยซู
สำหรับเปาโลค้านและสอนให้คริสเตียนแคว้นกาลาเทียเข้าใจว่า ถ้าจะเชื่อฟังข่าวประเสริฐอื่น ถ้าจะเชื่อฟังคริสเตียนยิวพวกนั้น ต้องเข้าใจนะว่าถ้าจะรักษาพระบัญญัติให้ได้ หรือเชื่อฟังพระเจ้าเลิกทำบาปให้ได้ ก็คือเราตาย เราไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในเรา ซึ่งอยู่ในกาลาเทีย 2:20 นี่คือข้ออ้างที่เปาโลอ้างว่า การที่จะเชื่อฟังก็ต้องทำแบบนี้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการเชื่อฟังพระเจ้า การรักษาพระบัญญัติใหม่ การเลิกทำบาปให้ได้ การดำเนินชีวิต การรับใช้ การปรนนิบัติ การนมัสการ การทำทุกสิ่งที่ให้มีผลที่เกิดขึ้น เพื่อให้ได้มาซึ่งทองคำ เงิน เพชรพลอย ก็คือการให้พระคริสต์เป็นคนทำแทน พระคริสต์เป็นคนคิดแทน พระคริสต์เป็นคนดำเนินชีวิตแทนเรา พระคริสต์หายใจแทนเรา พระคริสต์มองแทนเรา ฟังแทนเรา ใช้อวัยวะทั้งหมดของเราที่เป็นมนุษย์คนใหม่คนนี้ ให้พระคริสต์เป็นคนสำแดงชีวิตของพระองค์ออกมาทั้งหมด เพื่อให้เป็นที่ชอบพระทัยของพระบิดา
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการทำดีเหล่านี้ เราจะทำเพื่อไปแลกกับความรอด ซึ่งขอบคุณพระเจ้าความรอดที่เราได้รับทุกวันนี้ เกิดมาจากการตายของพระเยซูที่กางเขน การจ่ายหนี้บาปของพระเยซู การทนทุกข์ทรมานของพระองค์ การถูกข่มเหง การถูกเฆี่ยนตี ประหารชีวิตจนตาย สิ่งเหล่านี้คือพระเจ้าประทานให้เราโดยผ่านทางการเสียสละของพระเยซู ขอบคุณพระเจ้า
เพราะฉะนั้นการกระทำของพระเยซูเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว และสิ่งที่พระเจ้าต้องการจากเราคืออะไร? เชื่อฟังหรอ? เลิกทำบาปหรอ? รักษาชีวิตให้บริสุทธิ์หรอ? คำตอบคือไม่.. คือในพระคัมภีร์บอกชัดว่าเราได้รับความรอดโดยทางความเชื่อ ซึ่งเป็นพระคุณของพระเจ้า และยุคนี้มาถึงยุคพระคุณ พระเจ้าพระบิดาประทับบนพระที่นั่งแห่งพระคุณแล้ว ซึ่งพระองค์เปลี่ยนจากพระที่นั่งแห่งพระบัญญัติ มาสู่พระที่นั่งแห่งพระคุณ
เราจะเห็นพระคัมภีร์ใหม่บอกชัดเจนมาก และทุกวันนี้ขอบคุณพระเจ้าที่พระคุณของพระเยซูยังไปถึงทั่วโลก และคนทุกคน ทุกชาติ ที่ต้องการอยากจะรอด ก็คือเชื่อเท่านั้น เชื่อเท่านั้น ไม่มีเชื่อและ เชื่อและๆๆๆ ไม่มี เชื่อและเชื่อฟัง เชื่อและรักษาพระบัญญัติ เชื่อและบัพติศมา เชื่อและต้องถวายสิบลด ไม่มีและฯ.. ก็คือเชื่อเท่านั้น ขอบคุณพระเจ้า
แต่ก็น่าเห็นใจพี่น้องอีกครึ่งหนึ่งในทุกยุคทุกสมัย จนมาถึงทุกวันนี้ ก็ยังมีอยู่ที่หลงเชื่อในข่าวประเสริฐอื่น โดยเฉพาะเราจะเห็นกลุ่มไฟ กลุ่มที่เน้นเรื่องภาษาแปลกๆ เรื่องพระวิญญาณ เรื่องไฟนี่แหละ และหลายคนที่อาจจะอยู่ในแบ๊บติสต์ ซึ่งก็แล้วแต่ผู้นำที่เรียนรู้มาจะเรียนรู้แบบไหน จะเชื่อยังไง สุดท้ายก็นำมาเผยแพร่ในคริสตจักรของตน และทุกคนก็เชื่อตามเขา หลายคนก็เป็นเหยื่อในคำสอนข่าวประเสริฐอื่นซึ่งเกิดขึ้นในทุกวันนี้
สำหรับบทที่ 1 ข้อที่ 6 เปาโลพูดว่า "ข้าพเจ้าประหลาดใจนัก ที่ท่านทั้งหลายได้แยกออกจากพระองค์" แยกออกจากพระองค์ มีผู้นำหลายคนที่สอนว่าแยกออกจากพระองค์ ก็คือการไปเชื่อกลุ่มเทียมเท็จบ้าง หรือออกจากทางแห่งศาสนาคริสต์บ้าง คือไม่สนใจเรื่องพระเยซู ไม่สนใจเรื่องพระเจ้า หรืออาจจะไปยุ่งเกี่ยวกับกลุ่มมอร์มอน หรือพยานพระยะโฮวาประมาณนั้น
แต่ในที่นี้ คริสเตียนในแคว้นกาลาเทียยังเชื่อในพระเจ้า ยังมีพระเจ้า มีพระเยซูคริสต์ ไม่ทิ้งความเชื่อของตน เพียงแต่ว่าเขาหลงเชื่อหลักการแห่งความเชื่อใหม่คำสอนใหม่ ข่าวประเสริฐใหม่ของคริสเตียนยิวที่นำมาเผยแพร่ เปาโลเรียกพี่น้องเหล่านี้ว่า ได้แยกออกจากพระองค์ เราเห็นว่าครึ่งต่อครึ่งของคริสเตียนทุกวันนี้ แยกออกจากพระเจ้าไปแล้วโดยที่ไม่รู้ตัว เขาไม่รู้ว่าเขาแยกออกจากพระเจ้า
ก็แยกจริงๆ ดูชีวิตเขาสิ การใช้ชีวิต เขาสนิทในพระเยซูไหม มีความผูกพันที่ดีกับพระเยซูไหม ไม่นะ. ดูเราเองก่อนที่เราจะมาพบพระคำล้ำลึก เราเห็นนะว่าชีวิตของเราเองเป็นพยานให้เราเอง คือพยานที่สำคัญมาก ก็คือเราเองนี่แหละ ที่ไม่เคยใกล้ชิด ไม่เคยมีความผูกพัน ไม่เคยมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งที่ดีมากๆ กับพระเยซู เราสูญเสียความรักดั้งเดิมไปตั้งนาน ตั้งแต่เดือนแรกของการเข้ามาเป็นคริสเตียน
เพราะฉะนั้นเราอธิษฐานเผื่อพี่น้องเหล่านี้ ให้เขาได้มีโอกาสที่จะเข้ามาถึงพระคำของพระเจ้า และเข้าสู่ความรอดที่ได้มาโดยทางความเชื่อเท่านั้น เพื่อจะต้องไม่แบกภาระหนัก แบกกางเขนหนัก แอกหนัก พยายามรักษาพระบัญญัติให้ครบ ถวายสิบลดให้ได้ เชื่อฟังพระเจ้า เลิกทำบาป เพื่อที่จะได้รอด ทั้งๆ ที่ความรอดมาถึงเขาตั้งแต่วันแรกที่เขาเชื่อ
มันเหมือนกับคนที่พยายามลงทุนทำอะไรก็ได้เพื่อให้ได้เงิน 1 ล้านบาท แต่เขาไม่เคยมองว่าในบัญชีของเขามีเงิน 1 ล้านบาทอยู่แล้ว ขอบคุณพระเยซูในทุกวันนี้ความรอดอยู่กับเราแล้ว และพระเจ้าสัญญาว่าจะไม่ทิ้งเราไม่ทอดทิ้งเรา ไม่มีใครแย่งชิงเราไปจากพระเจ้าและพระบิดา คือจากพระบิดาและพระเยซู
เพราะฉะนั้นเรารอดยังไม่พอ เรารอดแล้วรอดเลย พระเจ้าเป็นประกัน พระวิญญาณบริสุทธิ์ประทับตราเราให้ถึงความรอดในวันสุดท้ายแล้ว เพราะฉะนั้นเราไม่กลัว และเราไม่เคยวิตก เราไม่หวั่นไหว เราขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์ประทับตราเรา และให้เราถึงความรอดในวันสุดท้าย สรรเสริญพระเยซู
สำหรับเปาโลที่พูดว่า ท่านทั้งหลายได้แยกออกจากพระองค์ เราเข้าใจกันน่ะ คือไม่ใช่การเลิกเชื่อในพระเยซูเหมือนผู้เชื่อหลายคนเข้าใจ แต่คือการออกไปจากทางแห่งชีวิต ที่อยู่ใต้ร่มพระคุณของพระเยซู ซึ่งก็คือการพึ่งพาพระคุณของพระเยซูคริสต์ เพื่อให้ได้รอด และพึ่งพาการกระทำของพระคริสต์เยซู เพื่อให้ได้เป็นคนชอบธรรมต่อหน้ามนุษย์ ถ้าจะพูดง่ายๆ ก็คือเราอยู่ใต้พระคุณของพระเยซูคริสต์และพระคริสต์เยซู
ใต้พระคุณของพระเยซูคริสต์ ก็คือพระคริสต์ตายเพื่อเรา
ใต้พระคุณของพระคริสต์เยซู ก็คือพระคริสต์ดำเนินชีวิตแทนเราเพื่อเรา
ขอบคุณพระเจ้าเราอยู่ใต้ร่มพระคุณที่ครบบริบูรณ์ สรรเสริญพระเยซู ซึ่งผู้เชื่อมากมายทุกวันนี้อยู่ใต้พระคุณเท่านั้น แต่ไม่ได้อยู่ใต้ร่มพระคุณซ้อนพระคุณ ข้อที่หนึ่งที่เปาโลบอกว่าเรียกให้เข้าในพระคุณของพระเยซูคริสต์ ทุกวันนี้พระเจ้าพระบิดาเรียกเราให้เข้าไปอยู่ในร่มพระคุณของพระเยซูคริสต์ ก็คืออย่างที่ผมพูด ก็คือการอยู่ภายใต้การไถ่บาปของพระเยซูที่เป็นเนื้อหนัง จากนั้นก็เข้าสู่การเลี้ยงดู ดูแล ช่วยเหลือ และก่อขึ้นโดยพระคริสต์เยซูที่อยู่ในเราที่เป็นพระวิญญาณ
ข้อที่ 7 สำหรับเปาโลพูดว่า "ซึ่งมิใช่อย่างอื่นดอก แต่ว่ามีบางคนที่ทำให้ท่านยุ่งยาก" คริสเตียนยิวนำข่าวประเสริฐอื่น หรือหลักความเชื่อที่บอกว่า เชื่อเท่านั้นไม่พอ ต้องรักษาพระบัญญัติ ต้องถวายสิบลด ต้องทำนู่นนี่นั่น อันนี้เรียกว่า การนำสิ่งที่ทำให้พวกเรายุ่งยาก มันจริงไหม.
เมื่อเราเชื่อพระเยซู ความรอดเราได้รับโดยพระคุณทางความเชื่อ แต่อยู่ดีๆ มีอาจารย์มีผู้นำมีพี่น้องคริสเตียนด้วยกันในคริสตจักร มาบอก เรา ยังไม่พอนะต้องเลิกทำบาปให้ได้นะ แต่นี้ต่อไปอย่าสูบบุหรี่อย่าดื่มเหล้า อย่าไปทำนู่นนี่นั่น กิเลสตัณหาโลภโกรธหลง ต้องตัดทิ้งหมด ถ้าไม่อย่างงั้นไม่รอด อันนี้เราได้ยินบ่อยๆ เราได้ยินเป็นประจำ เกือบทุกๆ คริสตจักร จะมีคนที่มาแนะนำมาพูดกับเราแบบนี้ หรือผู้นำเองจะเป็นคนเทศนาสั่งสอน
เพราะฉะนั้นเขานำสิ่งที่เป็นสิ่งที่ยุ่งยาก เปาโลใช้คำนี้เลย "ทำให้ท่านทั้งหลายยุ่งยาก" เมื่อก่อนขอบคุณพระเจ้าตอนที่เรายังไม่พบมานา เห็นไหมว่าชีวิตของเราเจอความยุ่งยากสิ่งนี้ไหม และทุกวันนี้คริสเตียนศาสนา ศาสนาคริสต์เขาก็อยู่ในความยุ่งยากนี้ คือมันจะเป็นสิ่งที่รบกวนเราเป็นประจำทุกวัน รับใช้ก็ไม่ราบรื่น ยังกลัวๆ กล้าๆ การดำเนินชีวิตก็ยังไม่ราบรื่น เพราะว่ากล้าๆ กลัวๆ
การพยายามเชื่อฟังก็มีอยู่เป็นประจำ แต่ส่วนมากจะล้มเหลว แล้วก็ซ่อนปิดบังซ่อนเร้นไว้สิ่งที่ทำผิด สุดท้ายก็ใส่หน้ากาก มันเป็นชีวิตที่เจอความยุ่งยากอยู่ในความยุ่งยากตลอดมา
ขอบคุณพระเจ้าทุกวันนี้เราไม่มีความยุ่งยากแล้ว ไม่มีใครมารบกวนเรา ไม่มีใครมาทำให้เรากลับไปอยู่ในความเชื่อที่ต้องแบกพระบัญญัติ ต้องพยายามรักษาพระบัญญัติให้ได้ เชื่อฟังพระเจ้าให้ได้ทั้งหมด ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์เป็นผู้ดำเนินชีวิตแทนเรา รักษาพระบัญญัติใหม่ให้เรา อยู่เพื่อเรา คิดแทนเรา เป็นสติปัญญาของเรา เป็นความชอบธรรมของเรา เป็นความบริสุทธิ์ของเรา เป็นคำตอบของทุกคำถามที่เราทั้งหลายมีอยู่
สำหรับพี่น้องที่เข้ามาใหม่เข้าใจแล้วนะว่าข่าวประเสริฐอื่น ไม่ใช่ข่าวประเสริฐเรื่องของศาสนาอื่น หรือคำสอนอื่น หรือพวกเทียมเท็จ กลุ่มเทียมเท็จ แต่คำว่า "ข่าวประเสริฐอื่น" ในที่นี้ เปาโลหมายถึงคำสอน คำสอนที่สอนว่าเชื่อเท่านั้นไม่พอ ยังต้องรักษาพระบัญญัติ ยังต้องเชื่อฟังพระเจ้า ยังต้องถวายสิบลด ยังต้องๆๆๆๆๆ ต้องมีเชื่อและ และๆๆๆๆ บัพติศมา เชื่อและเชื่อฟัง ถ้าไม่อย่างนั้นไม่รอด อันนี้เรียกว่า "ข่าวประเสริฐอื่น"
ซึ่งทุกวันนี้คริสเตียนมากมายตกเป็นเหยื่อของข่าวประเสริฐอื่น และเขาแยกออกจากพระเจ้าโดยที่ไม่รู้ตัว เมื่อก่อนเราเชื่อพระเยซู เรารักพระเยซู เราน้ำตาไหลซาบซึ้งในพระคุณพระเจ้า อยู่มาไม่นานหลายเดือนต่อมา เราแยกออกจากพระเจ้าโดยไม่รู้ตัว เราหล่นจากพระคุณโดยไม่รู้ตัว เราตกเป็นเหยื่อของข่าวประเสริฐอื่นโดยที่ไม่รู้ตัว
แต่ทุกวันนี้ขอบพระคุณพระเจ้าเรารักพระเยซู เพราะว่าพระเยซูเป็นผู้ที่นำเรากลับเข้ามาสู่ความจริงของพระองค์ กางเขนเบา แอกเบา ภาระเบา ทุกสิ่งเบาไปหมด เพราะว่าพระองค์เป็นคนยกเราขึ้น พระองค์เป็นคนอุ้มเราไป ประคองเรา ให้เราหายเหนื่อย สรรเสริญพระเยซูมีแต่สันติสุข เอเมน
สำหรับความมั่นใจในเรื่องคำสอนที่เกี่ยวกับความรอด ที่ได้มาโดยทางความเชื่อเท่านั้น ไม่ใช่เชื่อและบัพติศมา เชื่อและเชื่อฟัง เชื่อและรักษาพระบัญญัติ เชื่อและทำอะไรมากมายเพื่อพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าทำเพื่อเรา ไม่ใช่เราทำเพื่อพระเจ้า
แล้วเราทำเพื่อพระเจ้าเนี่ยมันไม่มีประโยชน์อะไร เพราะว่าสิ่งที่พระเจ้าต้องการจะต้องบริสุทธิ์ แต่การกระทำของชีวิตเก่าของเราที่เป็นเนื้อหนัง ไม่บริสุทธิ์ ตกต่ำ เสื่อมทราม ถูกสาปแช่ง พระเจ้ารับไม่ได้มันไม่บริสุทธิ์ไม่สะอาด
เพราะฉะนั้นพระเจ้าต้องให้พระบุตรลงมาเพื่อที่จะกระทำทุกสิ่งเพื่อถวายการทำดี เพื่อถวายการงานที่บริสุทธิ์แด่พระบิดา และพระบิดาก็ยินดีรับ ขอบคุณพระเจ้า
ซึ่งสำหรับความรอดที่ได้มาโดยทางความเชื่อและเราจะไม่สูญเสียความรอด เราขอบคุณพระเจ้า ที่เราเห็นอยู่ในยอห์นบทที่ 10:28-29 เราให้ชีวิตนิรันดร์แก่แกะเหล่านั้น และแกะเหล่านั้นจะไม่พินาศเลย ขอบคุณพระเยซู
และจะไม่มีผู้ใดมาแย่งแกะเหล่านั้นไปจากมือของเราได้ นี่คือสัญญาของพระเยซู ไม่พินาศเลยและจะไม่มีผู้ใดแย่งแกะเหล่านั้นไปจากมือของเราได้ ของเราก็คือของพระเยซู
ข้อที่ 29 พระบิดาของเราผู้ซึ่งได้ประทานแกะเหล่านั้นให้แก่เรา ทรงเป็นใหญ่กว่าเรา ทรงเป็นใหญ่กว่าสิ่งสารพัดและไม่มีผู้ใดสามารถแย่งแกะเหล่านั้นไปจากพระหัตถ์ของพระบิดาของเราได้ มีพระหัตถ์ของพระเยซูในข้อที่ 28 และมีพระหัตถ์ของพระบิดาในข้อที่ 29 ใครจะมากล้าดึง มากล้ายึด มากล้าแย่งเราไปจากพระองค์ทั้งสองได้ ขอบคุณพระเยซู
และเราจะเห็นสิ่งที่ค้ำประกันโดยพระเจ้า คือในเอเฟซัส 4:30 ซึ่งโดยพระวิญญาณนั้นพวกท่านได้ถูกประทับตราไว้จนถึงวันที่ทรงไถ่ให้รอด ก็คือวันแห่งความรอด ขอบคุณพระเจ้า พระวิญญาณบริสุทธิ์ประทับตราพวกเรา เราอาจจะไม่เห็น เพราะว่าเราไม่มีตาฝ่ายวิญญาณ แต่ถ้าหากเรามีตาที่พระเจ้าให้เรามองเห็น หน้าผากของทุกคนจะมีชื่อของพระเยซูคริสต์ เหมือนกับในวิวรณ์ 3:12 ใครก็ตามที่เป็นของพระเจ้า เป็นบุตรของพระเจ้า ก็จะมีชื่อมีพระนามพระเยซูอยู่ที่บนหน้าผาก ขอบคุณพระเยซู
และอีกข้อหนึ่งในโรม 11:6 แต่ถ้าเป็นทางพระคุณก็หาได้เป็นเพราะทางการกระทำไม่ ฉะนั้นแล้วพระคุณก็ไม่เป็นพระคุณอีกต่อไป เราเข้าใจตรงนี้นะครับ มิฉะนั้นพระคุณก็ไม่เป็นพระคุณอีกต่อไป แต่ถ้าหากการทรงเลือกไว้นั้นเป็นโดยบรรดาการกระทำแล้ว มันก็ได้หาเป็นโดยพระคุณอีกต่อไปไม่ มิฉะนั้นการกระทำก็ไม่เป็นการกระทำจริงอีกต่อไป พระคุณก็จะไม่ใช่พระคุณ การกระทำไม่ได้เกี่ยวอะไร มีส่วนเกี่ยวข้อง ข้องเกี่ยวอะไรกับพระคุณ
คำว่า "พระคุณ" ก็คือพระเจ้าเป็นคนทำ พระเจ้าเป็นคนไถ่ พระเจ้าเป็นคนช่วย พระเจ้าเป็นคนทำทุกสิ่งตั้งแต่ล่างสุดจนถึงบนสุด นอกสุดจนถึงในสุด ก็คือพระเจ้าเป็นคนกระทำทั้งหมด ทั้งหมดทั้งมวลเป็นสิ่งที่พระเจ้ากระทำเอง นี่คือความรอดที่เราได้รับ ขอบคุณพระเยซู
และสิ่งที่สำคัญมากที่เปาโลย้ำในเอเฟซัสบทที่ 2:8-9 ด้วยว่าท่านทั้งหลายได้รับความรอดโดยพระคุณทางความเชื่อ และมิใช่โดยตัวท่านทั้งหลายเอง ความรอดนั้นเป็นของขวัญจากพระเจ้า (Gift) Gift ก็คือเป็นของขวัญ ไม่ใช่ค่าจ้างรางวัล ไม่ใช่ต้องทำอะไรเพื่อไปแลก แต่เป็นของขวัญที่พระเจ้าให้เราฟรีๆ ขอบคุณพระเยซู เราได้รับของขวัญทันทีที่เราเชื่อในพระองค์ เราจะเห็นคำยืนยันของเปาโลในข้อที่ 9 บอกว่า ไม่ใช่โดยการกระทำใดๆ เกรงว่าคนหนึ่งคนใดจะอวดได้ ไม่ใช่การกระทำใดๆ ก็คือไม่มีการกระทำอะไรทั้งนั้น ที่เข้ามายุ่งเกี่ยวเกี่ยวข้องกับเรื่องความรอด เพื่อเราจะไม่อวด
เพราะว่ามนุษย์ส่วนมากภายในก้นบึ้งของหัวใจ เราชอบอวด ไม่อวดมากก็อวดน้อยใช่ไหม เพราะฉะนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้มนุษย์ที่ตกต่ำเสื่อมทราม อวดผลงาน อวดผลดี อวดสิ่งที่ดีที่ตนกระทำ เพื่อให้ได้รับอะไรบางอย่างจากพระเจ้า คือไม่มีเลย ไม่มีสิ่งที่เราควรจะอวดเราอวดไม่ได้ เปาโลจึงบอกว่าถ้าใครจะอวดก็คืออวดได้สิ่งเดียวอวดได้คนเดียวเท่านั้น ก็คืออวดพระเยซูคริสต์ เพราะว่าพระเยซูคริสต์เป็นผู้กระทำทุกสิ่งเพื่อเรา สรรเสริญพระเยซู
เพราะฉะนั้นใครที่เข้ามาใหม่ แล้วยังไม่แน่ใจไม่มั่นใจเรื่องรอดแล้วรอดเลย และรอดโดยทางพระคุณทางความเชื่อเท่านั้น ไม่เกี่ยวอะไรกับการรักษาพระบัญญัติ เชื่อฟัง เลิกทำบาป เรายังทำบาปในแต่ละวันแต่เราก็รอดและรอดแล้ว แล้วก็รอดเลย ขอบคุณพระเจ้า
ถาม.
ขอถามตรงนี้หน่อยครับ คำว่า "พระคุณ" กับคำว่า "บุญคุณ" เป็นความหมายเดียวกันไหมครับ
ตอบ.
เป็นความหมายเดียวกันครับ แต่คำว่าพระคุณ ก็คือมันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ และเป็นมาโดยพระเจ้า
คำว่า "บุญคุณ" ใช้กับมนุษย์ก็ได้ ใครที่ทำดีกับเราเขาก็มีบุญคุณต่อเราใช่ไหม
สำหรับคำว่า "พระคุณ" ภาษาอังกฤษใช้คำว่า grace / grace คือมันหมายถึง มันจะยิ่งกว่าการกระทำเพื่อใครบางคนที่เป็นเพียงแค่บุญคุณเท่านั้น ซึ่งสำหรับมนุษย์เขาทำกับเราทำดีกับเราช่วยเหลือเราทำอะไรให้เรา คืออาจจะมีสิ่งที่แอบแฝง อาจจะมีสิ่งที่เขาหวัง เขาต้องการอะไรจากเรา และอาจจะทำได้บางครั้งบางคราว อาจจะทำได้เล็กๆ น้อยๆ หรือเท่าที่เขาไม่เดือดร้อน ซึ่งอันนี้ไม่ใช่ grace ไม่ใช่พระคุณ เป็นบุญคุณ เป็นบุญคุณ
แต่พระคุณกับบุญคุณคล้ายๆ กัน แต่คำว่าพระคุณ ก็คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ก็คือสิ่งที่ทำโดยที่ไม่มีขีดจำกัด ไม่มีข้อแม้ ไม่มีข้ออ้าง ไม่มีเหตุผล ไม่หวังผลอะไรจากเรา จึงเรียกว่า grace หรือพระคุณ
แต่คำว่า "บุญคุณ" คือสิ่งที่เล็กๆ น้อยๆ ที่อยู่ในพระคุณของพระเจ้า อย่างพ่อแม่ พ่อแม่มีบุญคุณต่อเราที่เลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เล็กจนโต แต่พ่อแม่ไม่ให้พระคุณเราได้ คือให้เรามาถึงความรอดไม่ได้ ให้เรามาถึงการทำแทนของพระเยซูไม่ได้ คือเราต้องพึ่งตัวเองพอมาถึงประมาณหนึ่งอายุโตมาหน่อย เพราะฉะนั้นคือบุญคุณของพ่อแม่ก็จะจบเท่าที่เขาทำได้กับเรา หรือเขาอาจจะเสียชีวิตไป หรือเราอาจจะจากเขาไปบุญคุณก็จบ แต่สำหรับพระคุณพระเจ้า คือมีตั้งแต่ปฐมกาลจนถึงนิรันดร์กาล
...
ถาม.
คำว่า พระคุณ ที่ใช้ในกลุ่มนี้ ที่กลุ่มศาสนาเขาบอกว่าขอพระเจ้าอวยพร แต่ในกลุ่มนี้บอกว่าขอพระคุณและความรักของพระเจ้าจำเริญขึ้นในพี่น้อง สาเหตุนี้ใช่ไหมคะที่กลุ่มนี้ใช้คำว่า พระคุณและความรักของพระเจ้าจำเริญขึ้น เอเมนค่ะ
ตอบ.
สำหรับในพระคัมภีร์ใหม่มีสักที่ไหมครับที่เปาโลหรือเปโตรหรือมัทธิวหรือใครก็ตามที่สาวกพูด ขอพระเจ้าอวยพรนะ มีไหม. ตั้งแต่หนังสือกิจการจนถึงวิวรณ์ ไม่มีเลยสักที่เดียวที่บอกว่า ขอพระเจ้าอวยพร ไม่มี.
และเราจะเห็นคำนี้บ่อยมาก คำไหนครับ ก็คือขอให้ท่านทั้งหลายจำเริญขึ้นในพระคุณของพระบิดา ขอให้ความสงบสุข สันติสุข peace and grace ก็คือขอให้สันติสุข ความสงบสุข และพระคุณของพระเจ้าอยู่ในท่านทั้งหลาย หรือจำเริญขึ้นในท่านทั้งหลาย
นี่คือสิ่งที่เปาโลและสาวกบางคนพูด เพราะฉะนั้นเราจะเอาแบบอย่างในศาสนาคริสต์ หรือคริสตจักรทั่วไป หรือเราจะเอาแบบอย่างในพระคัมภีร์ที่สาวกทั้งหลายพูดกัน แน่นอนเราตามพระคำพระเจ้า เราไม่ตามคริสตจักรไหนทั้งนั้น และถามว่าทำไมเปาโลและเปโตรและหลายคนไม่ใช้คำว่า ขอพระเจ้าอวยพร เพราะว่าทุกวันนี้ขอบพระคุณพระเจ้าเราได้รับพระพรจากพระเจ้าแล้ว
เอเฟซัส 1:3 พระเจ้าประทานพระพรทุกประการให้เราแล้ว เพราะฉะนั้นเมื่อเรามีแล้วทำไมเราต้องขอ ก็ใช้สิครับ ใช้พระพรของพระเจ้าให้เป็นประโยชน์
อยากรักษาโรคอยากหายโรค ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์ตายที่กางเขนพระองค์แบกความเจ็บไข้ของข้าพระองค์ไปแล้ว ข้าพระองค์เชื่อและข้าพระองค์จะหายดี เอเมน พระพรนั้นก็จะมา
ขอบพระคุณพระเจ้าที่พระเจ้าเลี้ยงดูข้าพระองค์ ตอนนี้ข้าพระองค์อาจจะขัดสน อาจจะมีชีวิตที่ลำบาก แต่ขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์สัญญาว่าจะเป็นผู้เลี้ยงที่ดี และจะเลี้ยงดูข้าพระองค์ไม่ให้ขัดสน เอเมนขอบคุณพระเยซูข้าพระองค์เชื่อ พระพรนั้นก็มา
เราเจออันตรายบ่อยมาก อุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยมาก ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์รักษาข้าพระองค์ในทางของข้าพระองค์ ช่วยข้าพระองค์ในการขับขี่ ช่วยข้าพระองค์ในการเดินทางไปมาอย่างปลอดภัย ข้าพระองค์เชื่อ เพราะว่าพระองค์เป็นผู้ดูแลของข้าพระองค์ ทูตสวรรค์ติดตามข้าพระองค์ตลอดเวลา ข้าพระองค์เชื่อเอเมน พระพรนั้นก็มา
เพราะว่าพระพรนี้อยู่กับเราแล้วพระองค์ประทานให้เราแล้ว เราไม่ต้องขอ เพียงแต่ขอบพระคุณ แค่ขอบพระคุณเท่านั้น เพราะว่าเรามีอยู่แล้ว ขอบพระคุณที่พระองค์ประทานให้ ข้าพระองค์จะใช้ในแต่ละวันให้เป็นประโยชน์ ขอบพระคุณพระเยซู
แต่สิ่งที่เปาโลและเปโตรย้ำบ่อยมากว่า ท่านทั้งหลายควรที่จะจำเริญขึ้นในพระคุณของพระเจ้า ถามว่าทำไม ก็เพราะว่าทุกวันนี้คริสเตียนเราต้องการ ไม่ใช่พระพร แต่เราต้องการพระคุณ
พระคุณคืออะไร?
- "พระคุณ" คือการกระทำของพระคริสต์ที่อยู่ในเรา ทุกวันนี้พระคุณ ก็คือพระคริสต์ และพระคริสต์ต้องการขยายตัว พระคริสต์ต้องการเติบโต พระคริสต์ต้องการครอบครองทุกส่วนในอวัยวะทุกส่วนในอวัยวะของร่างกายของเรา เพื่อใช้ชีวิตของเราสำแดงพระองค์ออกมาให้โลกเห็น สิ่งนี้คือสิ่งที่พระเจ้าต้องการ คือให้เราจำเริญขึ้นในพระคุณ
"การจำเริญขึ้นในพระคุณของพระเจ้า" ก็คือการก่อชีวิตของพระเยซู จนมนุษย์มองเรา เห็นพระเยซูผ่านเรา ใครที่มาถึงพระคุณเต็มล้น ก็คือได้รับการเปิดตา ได้เห็นพระคำพระเจ้าอย่างครบถ้วน และใช้ชีวิตอยู่โดยพระคำที่เขาได้รับนั้น
โดยที่เขาสำแดงชีวิตของพระคริสต์ สง่าราศีของพระคริสต์ คำพูดของพระคริสต์ การฟัง การมอง การยืน การนั่ง การเดิน การไป การมา ไม่ใช่เหมือนพระเอกที่ต้องแสดงละครหรือทำเอง แต่เป็นตัวตนของพระเยซูที่ทำออกมา โดยที่มนุษย์แปลกใจมากว่า เอ๋.. เมื่อก่อนคุณไม่ใช่คนแบบนี้นะ แล้วเขาก็เหมือนไม่ใช่การแสดงนะ คือมันแปลกมาก บุคลิก ลักษณะ นิสัย คุณสมบัติ การเดิน การนั่ง การไป การมา การพูด คือน้ำเสียงของเขา คือทุกสิ่งมันเปลี่ยนไป เอ๊ะ.. เขาเป็นอะไรนะ มีคนทักท้วงแบบนี้ ก็ขอบคุณพระเจ้า
คนนี้ก็คือคนที่ได้รับการจำเริญขึ้นในพระคุณของพระเจ้าอย่างครบแล้ว คำว่า "จำเริญขึ้นในพระคุณ" ก็คือจำเริญขึ้นในพระคำล้ำลึกของพระองค์ และนำใช้พระคำล้ำลึกของพระองค์นี้ สุดท้ายชีวิตก็ถูกก่อขึ้นโดยพระคริสต์ พระคริสต์ก็สำแดงชีวิตผ่านเราได้อย่างครบถ้วน เอเมน
เมื่อก่อนเราอวยพรกันจนเหนื่อยแล้วใช่ไหม แล้วมีใครได้รับพระพรนั้นไหม ขอให้อยู่ในสันติสุขของพระเจ้านะ ขอให้เต็มล้นด้วยพระวิญญาณนะ ขอให้เต็มล้นด้วยพระพรนะ ขอพระเจ้าอวยพรคุณนะ คนที่จนก็ยังจนอยู่ คนที่เป็นทุกข์ก็ยังเป็นทุกข์อยู่ คนที่มีปัญหาก็มีปัญหาอยู่ ไม่เคยมีพระพรพระเจ้าที่เข้ามา
แต่สำหรับคนที่รู้ความจริง แล้วบอกว่าเอเมน สันติสุขเต็มล้นในข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะใช้จะกินจะดื่ม เป็นแม่น้ำแห่งชีวิตที่ไหลอยู่ในข้าพระองค์แล้ว สรรเสริญพระเยซู
ทั้งๆ ที่ไม่เห็นสันติสุข สันติสุขนั้นก็จะพุ่งขึ้นก็จะแพร่กระจายไปทั่วร่างกายจิตใจ มันชุ่มฉ่ำมันเย็นสบายมีความสุข นี่แหละคือพระพรที่พระเจ้าให้เราแล้ว และเราใช้ให้เกิดประโยชน์ไม่ต้องขอ
วันนี้ขาดความสุขขาดสันติสุขเราก็แหงนหน้าขึ้นที่ฟ้าสวรรค์ แล้วก็บอกว่าพระบิดาขอพระองค์ประทานสันติสุขให้ข้าพระองค์ด้วย หรือเราเกลียดเพื่อนบ้าน เพื่อนบ้านทำอะไรกับเราไม่ดี แล้วสุดท้ายเราก็แหงนหน้าขึ้นแล้วก็บอกว่าพระบิดาข้าพระองค์รักศัตรูไม่ได้ ขอพระองค์ประทานความรักให้ข้าพระองค์ด้วย ใส่ใจข้าพระองค์เพื่อข้าพระองค์จะรักเขาได้ โอ้..วันนี้อ่อนแอมากเพลียมาก ขอพลังขอพระองค์ประทานให้ข้าพระองค์ด้วย
แล้วเราก็คิดว่าพระเจ้าจะโยนสิ่งที่เราต้องการทีละชิ้นทีละชิ้นให้เรา ในคลังของสวรรค์น่าจะมีคลังแห่งความรักอยู่ในห้องหนึ่ง อีกห้องหนึ่งก็คือพลัง อีกห้องหนึ่งก็คือสันติสุข มันไม่ใช่อะไรแบบนั้น
คือพระเจ้าโยนผู้เดียวมาให้เรา ก็คือพระเยซู พระเยซูตอบโจทย์ทั้งหมดเลย ตอบคำถามได้ทุกคำถาม และเป็นทุกสิ่งที่พวกเราต้องการได้ พระเจ้าไม่โยนสันติสุข พระเจ้าไม่โยนพลัง พระเจ้าไม่โยนอะไรทั้งนั้น แต่พระเจ้าโยนพระบุตรให้เรา ขอบคุณพระเจ้าที่ทุกวันนี้พระบุตรอยู่ในเราแล้ว เอเมน
ขอบคุณพระเยซูมันดีมากๆน่ะ เมื่อเราได้รับการจำเริญขึ้นในพระคุณของพระเจ้า เมื่อเราได้ถูกเปิดตา เป็นสิ่งที่ดีมากๆ เป็นชีวิตที่สรรเสริญพระเจ้ามากๆ
ถาม.
ที่ว่าพระเจ้าอวยพร พระเจ้าอวยพรนี่คือจริงๆ พระเจ้าอวยพรให้เราแล้วตั้งแต่ที่เรารับพระเยซูมา แต่ที่พี่น้องเขาพูดว่า พระเจ้าอวยพร นี่คือเขาพูดเองพระเจ้ารู้ไหมคะ เอเมนค่ะ
ตอบ.
เมื่อเราจะบอกกับใครนะครับว่า ขอพระเจ้าอวยพรคุณนะ หรือวันนี้เราขอบพระคุณพระเจ้านมัสการเสร็จ แล้วก็บอกว่าขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกท่านนะ พระเจ้าไม่เกี่ยวนะครับอะไรก็ตามที่เราทำแล้วทำผิดพระเจ้าไม่รับรู้ไม่เกี่ยวด้วย คือเราพูดก็เป็นลม เป็นลมๆ แล้งๆ ไป ไม่มีประโยชน์อะไร แล้วดีไม่ดีนะครับจะเป็นสิ่งที่ทำให้พี่น้องบางคนที่เป็นผู้เชื่อใหม่ ที่ยังไม่ได้เรียนรู้ก็เข้าใจผิดไปด้วย แล้วสุดท้ายเขาก็มาใช้คำนี้กับพวกเราใช่ไหม
ผมเมื่อก่อนนะครับไม่เข้าใจไม่ได้ถูกเปิดตา เป็นคริสเตียนใหม่ๆ เข้ามาปุ๊บ ก่อนจากกันนมัสการเสร็จ ก่อนจากกันก็ไหว้แล้วก็บอกว่าขอพระเจ้าอวยพรคุณนะ ผมก็บอกโอเคขอพระเจ้าอวยพรเหมือนกันนะครับ ก็ใช้คำเดียวกัน ใช้มานานหลายปี 18 ปีนะครับที่ใช้คำนี้ แต่สุดท้ายมารู้ว่า อ๋อ... เอเฟซัส 1:3 บอกว่า จงถวายสรรเสริญแด่พระเจ้า พระบิดาแห่งพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ผู้ได้ทรงโปรดประทานพระพรฝ่ายวิญญาณแก่เราทุก ๆ ประการแล้วในสวรรค์สถานในพระคริสต์
อ้าวแล้วถ้าเราได้รับพระพรทุกประการแล้วเนี่ย เราจะไปขอทำไม ก็ใช้สิครับ ก็ต้องเรียนรู้วิธีใช้ การเรียนรู้วิธีใช้ ก็คือขอบพระคุณพระเจ้า ขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์ประทานให้แล้ว คือเมื่อเราขอบพระคุณพระเจ้าปุ๊บ พระเจ้าก็จะทำ ก็คือให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นกับเรา
เอาง่ายๆ นะครับอีกครั้งนะครับเพื่อเป็นตัวอย่างสำหรับพี่น้องบางคนที่ยังไม่เข้าใจ พอเราตื่นนอนเรารู้สึกเพลียมาก รู้สึกอ่อนแอ รู้สึกเหนื่อย แล้วปรากฏว่าเราพูดทันทีเลยนะครับ
เอเมนพระเยซูข้าพระองค์รักพระองค์ ขอบพระคุณพระเยซูที่ประทานชีวิตใหม่ให้อีกวันหนึ่ง เป็นชีวิตที่เต็มด้วยพระพรของพระองค์เอเมน ในพระพรนั้นมีพลังที่ยิ่งใหญ่ มีพลังที่กระตุ้นข้าพระองค์ให้ลุกขึ้นจากที่นอนไม่ต้องเหนื่อย ข้าพระองค์ไม่เหนื่อยเอเมน
ทั้งๆ ที่เราตอนนั้นรู้สึกเพลียนะ รู้สึกว่าอ่อนแออยู่นะ แต่เราพูดคำนี้ คือเราต้องการจะได้อะไรจากพระเจ้า หรือเราต้องการมีประสบการณ์ในพระพรที่พระเจ้าประทานให้เราอยู่ในเราแล้วเนี่ย ก็คือขอบพระคุณพระเจ้าแล้วพูดออกมา การพูดนะครับคือการเชื่อ คือการยืนยันในสิ่งที่เราเชื่อ และคือยืนยันในสิ่งที่เรารู้ว่าเราได้รับแล้ว เอาง่ายๆ เลยนะ ฮีบรู 11:1 บอกว่ายังไง ความเชื่อคือการยอมรับในสิ่งที่ตามองไม่เห็นว่าได้รับแล้ว เอเมน
...
ถาม.
พระพรเราได้รับแล้วเราไม่ขอเราไม่ควรขอ แต่สิ่งที่เราควรที่จะขอพระเจ้า คือขออะไรได้บ้างครับ เอเมนครับ
ตอบ.
เราขอให้เราจำเริญขึ้นในพระคุณของพระเจ้า และขอให้น้ำพระทัยของพระเจ้าสำเร็จในชีวิตของเรา และสำหรับชีวิตของพี่น้อง สองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ขอให้เราได้จำเริญขึ้นในพระคุณ และขอให้พี่น้องได้จำเริญขึ้นในพระคุณ
เพราะว่าพระคุณ เป็นสิ่งที่เราต้องการ ทุกวันนี้เราไม่ต้องการพระพรเพราะว่าเรามีแล้ว สิ่งที่เราต้องการ ก็คือพระคุณ การจำเริญขึ้นในพระคุณ เป็นสิ่งที่เปาโลย้ำบ่อยมากเกือบจะทุกฉบับในจดหมายของเปาโล ที่พอพูดเสร็จท่านจะพูดว่าขอให้ท่านทั้งหลายจำเริญขึ้นในพระคุณของพระบิดาเถิด เอเมน
เพราะว่าถ้าหากเรามาถึงการจำเริญขึ้นในพระคุณ ก็คือการได้รับการเปิดตาอย่างมากมาย อย่างครบถ้วน สุดท้ายก็นำสิ่งเหล่านี้ไปใช้ในชีวิตประจำวันของเรา และเราก็จะสำแดงชีวิตของพระบิดานิสัยของพระบิดา การกระทำคำพูดทุกสิ่งที่มาจากพระบิดา โลกมนุษย์จะมองเห็นพระบิดาผ่านเราในเรา
...
ถาม.
ที่อาจารย์พูดเรื่อง การจำเริญขึ้นในพระคุณอย่างครบถ้วน คือการที่เราได้ถูกเปิดตา ก็คือการที่เราได้ถูกการชำระด้วยพระคำของพระองค์ ชำระด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ พอเราได้รับการชำระด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์ก็จะก่อตัวขึ้นในตัวเราใช่ไหมคะ แล้วก็ครอบครองจิตใจเราได้ เมื่อพระองค์ครอบครองจิตใจเราได้ เราก็หลุดพ้นจากการเป็นทาสของตัวบาป คือเราได้เป็นไทใช่ไหมคะ แล้วต่อไปก็คือสิ่งนี้ก็คือเราจะเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ใช่ไหมคะ
ตอบ.
เอาแบบนี้ดีกว่า ผมจะบอกความลับให้ก็ได้นะครับ "การจำเริญขึ้นในพระคุณ" ก็คือการที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ช่วยเราในการอ่านเว็บไซต์มานาที่ซ่อนไว้ และการฟังคลิปมานาที่ซ่อนไว้
ถ้าหากว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์เปิดตาเรา และทำให้เราเข้าใจได้ทั้งหมด ขอบคุณพระเจ้าครับ เราจำเริญขึ้นในพระคุณพระเจ้าแล้ว
และอีกต่อมาเหมือนที่พี่น้องถามเมื่อกี้ ในที่สุดท้ายนะครับ ในที่สุดท้ายก็จะมาถึงการชำระด้วยพระคำ และต่อมาก็ถึงการชำระด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ จากนั้นชีวิตและนิสัยของพระเยซูก็จะปรากฏออกมา ผลของพระวิญญาณในกาลาเทีย 5:22-23 ก็จะปรากฏออกมา เราไม่ได้มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว แต่พระคริสต์เป็นคนมีชีวิตแทนเราแล้วตอนนั้น เข้าใจกันนะครับ
อ่านมานาที่ซ่อนไว้ แล้วก็ฟังคลิปมานาที่ซ่อนไว้ โดยมีพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นผู้ช่วยนะครับ ทุกครั้งบอกว่า
"ขอบพระคุณพระเยซูที่พระองค์เลี้ยงดูข้าพระองค์ด้วยมานาที่ซ่อนไว้ ที่เป็นพระคำล้ำลึกของพระองค์ เป็นอาหารที่มาจากสวรรค์ ไม่ใช่อาหารจากมนุษย์ และขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์จะให้ข้าพระองค์เติบโต และขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์จะเปิดตาข้าพระองค์ ให้ข้าพระองค์ได้เห็นมากยิ่งขึ้น"
เราอย่าอ่านเองนะครับ หรือคิด หรือพยายามที่จะเข้าใจ ด้วยความสามารถของเราเอง แต่ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นคนเขียน พระวิญญาณบริสุทธิ์ต้องเป็นคนอธิบาย ต้องให้เราเห็นในฝ่ายวิญญาณ ความหมายที่แท้จริง เราจึงจะเข้าใจและรับรู้ได้ครับ
ถ้าหากมีพี่น้องบางคนมาหาเราแล้วบอกว่า เนี่ยได้อ่านเว็บไซต์ทั้งหมดแล้วนะ คือ อาจารย์ พี่น้อง ข้าพระเจ้าอ่านทั้งหมดแล้วครบแล้ว อันนั้นถามว่ามาถึงการจำเริญขึ้นในพระคุณอย่างแท้จริงไหม ไม่. อ่านยังไม่พอนะครับต้องได้รับการเปิดตาโดยพระวิญญาณ ถ้าอ่านแล้วปุ๊บ จะมีคำว่าอ๋อ..อ๋อๆๆๆ ก็จะมาถึงคุณอ๋อนะครับ แบบนี้นะครับเรียกว่าการได้รับการเปิดตาอย่างแท้จริง
...
ถาม.
ที่สอบถามอาจารย์ ก็คือว่าพอดีเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ได้รับการเปิดตาจากพระวิญญาณ พระองค์ก็พาให้เรารับรู้ถึงการเปิดตาทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็คือทางฝ่ายวิญญาณ ก็เกิดการทดสอบทดลองเรา แล้วก็ให้เรารู้ถึงการแยกจากว่า ร่างกาย จิต แล้วก็วิญญาณ มันคนละส่วนกัน แล้วพระองค์ก็สอนเรา พอเสร็จพระองค์ก็นำเราให้มาฟังคลิปของอาจารย์ในเรื่องเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่ ก็เลยทำให้เข้าใจ ก็เลยเอาตรงนี้มาสอบถามอาจารย์ ว่าสิ่งที่เข้าใจถูกต้องไหมค่ะ เอเมนค่ะ
ตอบ.
ใช่ครับ เป็นมาโดยพระวิญญาณ เราขอบคุณพระเจ้าครับ
ก็ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์ทำกิจอยู่ทุกวันนี้ ขอบคุณพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่เปิดตาเราแต่ละคนในแต่ละวัน เราสรรเสริญพระเจ้าในสิ่งนี้ เอเมนครับ
ทำให้เรารู้ใช่ไหมว่าพระเจ้าทำตามสัญญาที่พระองค์สัญญาไว้ เพราะฉะนั้นการอ่านการฟังในแต่ละครั้ง เราให้ขอบพระคุณ และขอการเปิดเผยจากพระวิญญาณบริสุทธิ์
เราขอบคุณสำหรับความรัก พระคุณ พระคุณซ้อนพระคุณ ความชอบธรรม ความบริสุทธิ์ พระเมตตา การเลี้ยงดู ดูแลเป็นอย่างดี สันติสุข พระพร พลังที่ยิ่งใหญ่ ทุกสิ่งที่พระองค์ประทานให้แก่พวกเรา โดยที่เราไม่สมควรที่จะได้รับ และขอบพระคุณที่พระองค์รักเรามาก ทั้งๆ ที่เราไม่สมควรที่จะได้รับรักจากพระองค์ เราเคยตกต่ำ เป็นคนบาป เป็นคนเสื่อมทราม ถูกสาปแช่ง แต่พระองค์ยอมตายถวายชีวิตของพระองค์เพื่อที่จะนำเรากลับคืนสู่พระบิดา กลับคืนสู่ชีวิตใหม่ และชีวิตเต็มด้วยสันติสุข และพลัง และพระพรทุกประการ เราสรรเสริญยกย่องพระนามของพระองค์
ขอบพระคุณพระบิดาที่ช่วยให้เราทั้งหลายจำเริญขึ้นในพระคุณของพระองค์ และขอบพระคุณพระองค์ที่เราได้ถูกเปิดตา ได้เข้าสู่พระคำแห่งความจริง และเข้าสู่ชีวิตที่เบาสบาย โดยที่พระองค์เป็นผู้ช่วย ผู้เลี้ยง ผู้ดูแล ผู้กระทำทุกสิ่งแทนเราทั้งหลายเพื่อเราทั้งหลาย และเพื่อเราจะสรรเสริญพระองค์
ขอให้พระนามพระองค์เป็นที่สักการะบูชา ขอให้อาณาจักรของพระองค์ลงมาตั้งอยู่ และขอให้น้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จในทุกสิ่งทุกการงานของพระองค์ และกับทุกคนที่เป็นบุตรทั้งหลายของพระองค์ พระเยซูพวกเรารักพระองค์ เอเมน