เราทำบาปต่อไปเพื่อรอการชำระ คืออะไรกันแน่
เรารู้ดีว่าพระเจ้าไม่พอใจ ถ้าหากเราเชื่อและยังทำบาปต่อไป
ผู้เชื่อส่วนมากต่างก็รู้ดีว่า ไม่มีใครอยากทำบาปต่อไป และทุกคนก็พยายาม และหาวิธีเพื่อเลิกทำบาปให้ได้
การเลิกทำบาปได้โดยวิธีเดียวที่พระเจ้าประทานให้เราซึ่งก็คือ สนิท บาปไหนที่เราเลิกทำได้ เราเชื่อว่าพระเยซูทำแทนแล้ว และบาปที่เรายังเลิกไม่ได้ เราจะไม่พยายามเลิกเอง แต่รอ คือรอการชำระด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์
ขณะที่เรารอการชำระของพระวิญญาณเพื่อให้เลิกทำบาปที่ยังทำอยู่ เราไม่อดกลั้น และฝืนใจ บังคับตนด้วยกำลังของอาดัม เราจำยอม จำเป็นต้องปล่อยตัวเพื่อให้ได้มาซึ่งการชำระ อันนี้เปาโลเรียกว่าอยู่ใต้พระคุณ
การอยู่ใต้พระบัญญัติ คือพยายามเชื่อฟังเลิกทำบาปให้ได้ด้วยอาดัม ส่วนการอยู่ใต้ร่มพระคุณ คือการยอมไม่บังคับตน ไม่พยายามอดกลั้นเพื่อเชื่อฟังพระเจ้า และไม่ทำบาป เราจำยอมปล่อยตัว
** ผลที่ได้รับก็คือ ไม่นานต่อมาเราจะทำน้อยลง จนเลิกทำได้และเชื่อฟังพระเจ้าในที่สุด
...
ถามว่าทำไมเราปล่อยตัวไปทำบาปที่เรายังเลิกไม่ได้ชั่วคราวเพื่อรอการชำระ คำตอบก็คือ ยิ่งเราพยายามเลิกทำบาปมากเท่าไหร่ ตัวบาปก็จะลุกขึ้นและมีกำลังมากในเรา จนเราต้องไปทำบาปมากกว่าเดิมเสียอีก
โรม 7:14-24
โรม 7:14 เพราะว่าพวกเราทราบว่าพระราชบัญญัตินั้นอยู่ฝ่ายจิตวิญญาณ แต่ข้าพเจ้าอยู่ฝ่ายเนื้อหนัง ถูกขายไว้ให้อยู่ใต้บาป
...
การต่อสู้กันระหว่างฝ่ายเนื้อหนังกับฝ่ายจิตวิญญาณ
7:15 ด้วยว่าสิ่งซึ่งข้าพเจ้ากระทำ ข้าพเจ้าก็ไม่อนุญาต เพราะว่าสิ่งใดที่ข้าพเจ้าประสงค์ สิ่งนั้นข้าพเจ้าก็ไม่กระทำ แต่สิ่งที่ข้าพเจ้าเกลียดชัง สิ่งนั้นข้าพเจ้ากระทำ
7:16 ดังนั้น ถ้าข้าพเจ้ากระทำสิ่งซึ่งข้าพเจ้าไม่ประสงค์ ข้าพเจ้าก็เห็นด้วยกับพระราชบัญญัติว่าพระราชบัญญัตินั้นดี
7:17 ฉะนั้นบัดนี้ ไม่ได้เป็นข้าพเจ้าซึ่งกระทำสิ่งนั้น แต่เป็นบาปซึ่งอาศัยอยู่ในตัวข้าพเจ้า
7:18 ด้วยว่าข้าพเจ้าทราบว่าในตัวข้าพเจ้า (คือในเนื้อหนังของข้าพเจ้า) ไม่มีความดีประการใดอาศัยอยู่เลย เพราะว่าความประสงค์ก็อยู่กับข้าพเจ้า แต่จะกระทำการดีนั้นอย่างไร ข้าพเจ้าหาพบไม่
7:19 ด้วยว่าการดีนั้นซึ่งข้าพเจ้าประสงค์กระทำ ข้าพเจ้าก็ไม่ได้กระทำ แต่การชั่วร้ายซึ่งข้าพเจ้าไม่ประสงค์กระทำ ข้าพเจ้ายังทำอยู่
7:20 บัดนี้ ถ้าข้าพเจ้ายังกระทำสิ่งซึ่งข้าพเจ้าไม่ประสงค์ ก็ไม่ใช่ตัวข้าพเจ้าเป็นผู้กระทำสิ่งนั้น แต่เป็นบาปที่อาศัยอยู่ในตัวข้าพเจ้า
** เราพบว่า เมื่อเราพยายามเลิกทำบาป เปาโลเรียกว่า อยู่ใต้พระบัญญัติ และเมื่อเราอยู่ใต้พระบัญญัติ เราก็เป็นเนื้อหนัง และเมื่อเราเป็นเนื้อหนังตัวบาปก็มีอำนาจเหนือเราและชักนำเราให้ทำบาปโดยที่เราไม่อาจต่อสู้กับมันได้ ยิ่งพยายามไม่ทำบาปเราก็ยิ่งทำมากก่วาเดิมเสียอีก (โรม 7:14-24)
...
สรุป
** เพราะฉนั้น การเลิกทำบาป และไม่ต้องกลับมาทำซ้ำๆ อีก ก็คือรับการชำระครั้งเดียวจบ ซึ่งเราอาจจะกลับไปเผลอทำบาปนั้นๆ นานๆ ที การชำระด้วยพระวิญญาณเกิดจากการเรียนรู้พระคำล้ำลึก สะสม นำมาใช้ให้ถูกวิธี และสนิท การใช้ให้ถูกวิธีก็คือ ได้รู้ว่าตายต่อชีวิตอาดัม และเป็นคนใหม่แล้ว จากนั้นก็นับว่าตายทุกวัน (โรม 6:11/ 1 คร 15:31) ถวายตัวใหม่เมื่อเริ่มวันใหม่ ไม่พยายามเชื่อฟัง แต่ทำชั่วคราวแล้วรอการชำระ เพราะว่าถ้าหากเราพยายาม เราก็จะแพ้อยู่ดี พระวิญญาณจึงสอนเราผ่านเปาโล ให้รู้จักคำว่า อยู่ใต้พระคุณคือการไม่พยายามทำดีด้วยกำลังของอาดัมเพราะวันหนึ่งเราจะกลับมาทำซ้ำๆ อีกเมื่อการทดลองเข้ามา
...
7:14 เพราะว่าพวกเราทราบว่าพระราชบัญญัตินั้นอยู่ฝ่ายจิตวิญญาณ แต่ข้าพเจ้าอยู่ฝ่ายเนื้อหนัง ถูกขายไว้ให้อยู่ใต้บาป
- พระบัญญัติเป็นมาโดยพระวิญญาณและเป็นสิ่งที่อยู่ฝ่ายวิญญาณ
- มนุษย์ อาดัม เป็นเนื้อหนัง และถูกขายไว้ให้อยู่ใต้อำนาจของตัวบาปแล้ว
...
7:15 ด้วยว่าสิ่งซึ่งข้าพเจ้ากระทำ ข้าพเจ้าก็ไม่อนุญาต เพราะว่าสิ่งใดที่ข้าพเจ้าประสงค์ สิ่งนั้นข้าพเจ้าก็ไม่กระทำ แต่สิ่งที่ข้าพเจ้าเกลียดชัง สิ่งนั้นข้าพเจ้ากระทำ
- ข้อที่ 15 เมื่อเราทำบาป เราก็ไม่ได้อยากทำและไม่อนุญาต แต่ก็ยังทำเพราะว่าเราต่อสู้กับมันไม่ได้
- และสิ่งที่เราอยากทำ คือเชื่อฟังรักษาพระบัญญัติ เรากลับไม่ทำ เพราะว่าเราทำไม่ได้ (ด้วยตัวเก่าอาดัม)
- และในที่สุด สิ่งที่เราเกลียดชัง คือความบาป เราพยายามที่จะไม่ทำก็ไม่ได้
...
7:16 ดังนั้น ถ้าข้าพเจ้ากระทำสิ่งซึ่งข้าพเจ้าไม่ประสงค์ ข้าพเจ้าก็เห็นด้วยกับพระราชบัญญัติว่าพระราชบัญญัตินั้นดี
- เราจึงพบว่า บาปที่เราไม่อยากทำเราก็ยังทำอยู่ คือหยุดไม่ได้ แต่จิตใจเราก็รักชอบว่าการเชื่อฟังและพระบัญญัตินั้นดี
...
7:17 ฉะนั้นบัดนี้ ไม่ได้เป็นข้าพเจ้าซึ่งกระทำสิ่งนั้น แต่เป็นบาปซึ่งอาศัยอยู่ในตัวข้าพเจ้า
- ปัญหาอยู่ตรงนี้ คือแท้ที่จริงคือตัวบาปนี่เองที่ทำบาปในเรา คำว่า "บาป" ในข้อนี้คือเป็นเอกพจน์ singular ซึ่งไม่ใช่ความบาป แต่ "เป็นตัวตนเป็นบุคคล" ที่ "อาศัยอยู่ในเรา" ที่เป็นคนทำบาปทุกชนิต เราไม่ได้เป็นคนทำ
...
7:18 ด้วยว่าข้าพเจ้าทราบว่าในตัวข้าพเจ้า (คือในเนื้อหนังของข้าพเจ้า) ไม่มีความดีประการใดอาศัยอยู่เลย เพราะว่าความประสงค์ก็อยู่กับข้าพเจ้า แต่จะกระทำการดีนั้นอย่างไร ข้าพเจ้าหาพบไม่
- สำหรับพระเจ้า ทรงมองเห็นภายในจิตใจของมนุษย์ แท้ที่จริงแล้วไม่มีใครดีชอบธรรมสักคนเดียว ไม่มีเลย (โรม 3:12)
- เมื่อเราเชื่อ เรารักชอบและมีความประสงก์ที่จะทำดีเชื่อฟังเลิกทำบาป แต่การทำดีเหล่านั้นที่พระเจ้าจะยอมรับได้นั้นไม่มีเลย เนื่องจากว่าพระเจ้ายอมรับทุกสิ่งที่เราทำ "ในพระคริสต์" เท่านั้น คือการทำดีด้วยตัวใหม่ที่ผ่านกางเขนมาแล้วและเข้าในพระคริสต์แล้ว
...
7:19 ด้วยว่าการดีนั้นซึ่งข้าพเจ้าประสงค์กระทำ ข้าพเจ้าก็ไม่ได้กระทำ แต่การชั่วร้ายซึ่งข้าพเจ้าไม่ประสงค์กระทำ ข้าพเจ้ายังทำอยู่
- เปาโลเมื่อก่อนเป็นหนึ่งในพวกฟาริสีที่เคร่งศาสนา เขาพยายามรักษาพระบัญญัติเรื่อยมา แต่วันนี้เขากลับยอมรับว่าเขาไม่ได้ทำได้จริงๆ เขาแค่ใส่หน้ากากและทำตนว่าเป็นเหมือนคนดีต่อหน้าผู้คน เขายังแอบทำบาปอยู่ จนได้มาเรียนรู้จักการอยู่ใต้พระคุณจริงๆ เขาจึงเลิกทำบาปได้และเป็นผู้ชนะได้
...
7:20 บัดนี้ ถ้าข้าพเจ้ายังกระทำสิ่งซึ่งข้าพเจ้าไม่ประสงค์ ก็ไม่ใช่ตัวข้าพเจ้าเป็นผู้กระทำสิ่งนั้น แต่เป็นบาปที่อาศัยอยู่ในตัวข้าพเจ้า
- เปาโลย้ำว่า เขาไม่ได้อยากทำบาป และก็ไม่ใช่ตัวเขาที่ทำบาป แต่เป็นตัวบาปที่อาศัยอยู่ใตเขาเป็นคนกระทำ
...
7:21 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงพบกฏอย่างหนึ่ง คือว่า เมื่อข้าพเจ้าประสงค์กระทำความดี ความชั่วร้ายก็อยู่กับข้าพเจ้า
- นี่คือ กฎ แห่งความบาป ซึ่งเมื่อตัวบาปเข้ามาอยู่ในมนุษย์มันก็นำเอากฎแห่งความบาปซึ่งเป็นชีวิตและพลังของมันเข้ามาด้วย
- ทุกครั้งที่ผู้เชื่อจะทำดี กฎแห่งความบาปนี้จะขัดขวางเราไม่ให้ทำดีเพื่อพระเจ้าได้
...
7:22 เพราะว่าข้าพเจ้าชื่นชมยินดีในพระราชบัญญัติของพระเจ้า ตามมนุษย์ภายในนั้น
- ผู้เชื่อทุกคนรักชอบและเห็นว่าพระบัญญัติของพระเจ้านั้นดี คือวิญญาณและจิตส่วนที่ใหม่แล้วเป็นคนพูด inward man มนุษย์ภายใน คือวิญญาณและจิตส่วนที่ถูกชำระแล้ว
...
7:23 แต่ข้าพเจ้าเห็นกฏอีกอย่างหนึ่งอยู่ในบรรดาอวัยวะของข้าพเจ้า ซึ่งทำสงครามกับกฏแห่งจิตใจของข้าพเจ้า และนำข้าพเจ้าเข้าสู่การตกเป็นเชลยต่อกฏแห่งบาปซึ่งอยู่ในบรรดาอวัยวะของข้าพเจ้า
- กฎแห่งบาปครอบครองอวัยวะทุกส่วนของมนุษย์อาดัมแล้ว
- กฎแห่งจิตใจ law of my mind คือจิตเราก็มีกฎ ซึ่งมนุษย์ทุกคนรักดี ชอบความดี ความชอบธรรม ยุติธรรม อิสระเสรี แต่กฎแห่งจิตใจนี้อ่อนแอมากซึ่งมันเป็นทาสของตัวบาป
...
7:24 โอ ข้าพเจ้าเป็นคนเข็ญใจจริง ผู้ใดจะช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากร่างกายแห่งความตายนี้ได้
- มนุษย์น่าสมเพชที่สุด เนื่องจากว่าเราตกต่ำ เสื่อมทราม ถูกสาปแช่งแล้ว เราต้องพึ่งใครซักคนที่ไม่ใช่มนุษย์ เพื่อช่วยเหลือเราให้รอดจากตัวบาปให้ได้ ซึ่งคำว่า ผู้ใด ในข้อนี้เปาโลร้องเรียกหาใครสักคน และคนนั้นก็คือคำตอบในข้อที่ 25 นั่นเอง
...
7:25 ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้า โดยทางพระเยซูคริสต์ เอเมน โดยทางพระเยซูคริสต์ พระเยซูไม่ได้เพี่ยงแต่มาเพื่อไถ่เราให้พ้นจากการพิพากษาในบึงไฟ แต่พระองค์มาเพื่อช่วยให้เราหลุดพ้นจากตัวบาปในแต่ละวันได้
- โรม 8:1-3 เราพบว่า เมื่อเราเชื่อพระคริสต์เข้ามาสถิตอยู่ในเรา และพระองค์นำกฎแห่งพระวิญญาณเพื่อเอาชนะกฎแห่งความบาปในเราแทนเรา และทรงนำกฎแห่งชีวิตเข้ามาเพื่อเอาชนะกฎแห่งความตายในเราแทนเรา
- เมื่อก่อนเราทำบาป ไม่ใช่เราเป็นคนทำ แต่ตัวบาปเป็นคนทำ เดี๋ยวนี้เราทำดีก็ไม่ใช่เราเป็นคนทำ แต่พระคริสต์ต่างหากที่เป็นคนทำ