ถาม:
อาจารย์คะ เหมือนกับว่าเวลาที่เราอ่าน เราเห็นด้วยกับพระคำตรงนั้นรึเปล่า
ตอบ:
แน่นอนครับ เราต้องเห็นด้วย พระคำพระเจ้าเป็นความจริง พระเจ้าไม่เคยมุสา พระเจ้าตรัสอะไรก็คือนั่นก็เป็นความจริง
ถ้าสมมุติว่า พระคัมภีร์บอกว่า 2 คร. 5:17 บุคคลผู้ใดที่อยู่ในพระคริสต์ คนนั้นก็ถูกสร้างขึ้นใหม่แล้ว สิ่งเก่าๆ ก็ล่วงไป ดูเถิดมีแต่สิ่งใหม่ๆ ทั้งนั้น
แต่เรามามองดูตัวเรา จะใหม่ได้ยังไง เมื่อกี๊ยังตะโกนด่าลูกใช่มั๊ยครับ เมื่อกี๊ตบลูกไปครั้งนึง แรงมากด้วย จะใหม่ได้ยังไงพระบิดา… ใช่มั๊ยครับ
นี่คือการใช้สายตา… ใช้สายตา อารมณ์ และความรู้สึกตัดสิน แต่การเชื่อว่าใหม่ ก็คือเชื่อเอาว่าเราใหม่แล้วครับ
2 คร. 5:17 พระเจ้าบอกว่าเราใหม่ สิ่งเก่าๆ ก็ล่วงไป มีแต่สิ่งใหม่ๆ ทั้งนั้น… “เอเมน ข้าพระองค์จะเชื่อ” บอกแบบนี้เลยครับ “เอเมน ข้าพระองค์จะเชื่อ ข้าพระองค์ไม่เห็น แต่ข้าพระองค์จะเชื่อ”
2 คร. 5:7 อย่าเดินด้วยสายตา อารมณ์ และความรู้สึก แต่จงเดินด้วยความเชื่อ Walk by faith, not by sight เห็นมั๊ยครับ
Walk by faith ก็คือเดินด้วยความเชื่อ ก็คือเชื่อเอา Not by sight ก็คือไม่ใช่การใช้สายตามองเห็น ถ้าเรามองก็ยังเห็นเป็นคนบาป ยังทำบาป แต่ถ้าเราเชื่อเอา ก็คือเราเป็นคนชอบธรรมในพระคริสต์ เราเชื่อพระคำพระเจ้า
ถ้าจะให้เห็นภาพชัดเจนมากกว่านี้ ก็คือในโลกนี้มีความจริงอยู่สองความจริง คือความจริงในพระคัมภีร์ และความจริงที่ตาเราเห็น เราต้องเลือกว่าเราจะเอาความจริงนี้ หรือจะเลือกความจริงที่ตาเราเห็น
ตาเราเห็นอยู่ก็คือเราเป็นคนบาป พระคัมภีร์บอกว่าเราเป็นคนชอบธรรม เราจะเลือกเอาอันไหน เราจะเลือกเชื่อพระเจ้าพูด หรือเลือกเชื่อที่ตาเราเห็น… ใช่มั๊ยครับ
ความจริงของพระเจ้าขัดแย้งกับความจริงของมนุษย์ เราจะต้องเลือกเชื่อในความจริงของพระเจ้า ความจริงของพระเจ้าจึงจะปรากฏในชีวิตของเราครับ
ถาม:
ข้อพระคัมภีร์ที่ว่า คนชอบธรรมจะดำเนินชีวิตอยู่โดยความเชื่อ
ตอบ:
โรม 1:17 คนชอบธรรมจะดำเนินชีวิตอยู่โดยความเชื่อ เขาไม่เดิน ไม่ดำเนินชีวิตด้วยสายตา และอารมณ์ หรือความรู้สึกครับ
อ่านต่อเรื่อง: ในพระคริสต์ / " คำว่า ในพระคริสต์ มีความหมายมากกว่าที่คุณคิดเสียอีก "