ถาม.
เราจะดูแลผู้เชื่อใหม่อย่างไร เพราะว่าพวกเราไม่มีการประชุม ไม่มีการนมัสการ ไม่มีการรวมตัวกันเหมือนเมื่อก่อน ผู้เชื่อใหม่เขาก็แสวงหาพระเจ้าอยากไปนมัสการอยากรู้จักพระเจ้ามากขึ้น เราจะดูแลเขายังไงดี
ตอบ.
เราไปเยี่ยมเขา เราไปเยี่ยมเขาใช้เวลาอยู่กับเขา หรือถ้าไม่สะดวกจริงๆ ไม่สะดวกจริงๆ ก็คืออธิษฐานเผื่อเขา สำหรับพระเจ้า สำหรับฝ่ายพระเจ้าคนที่บังเกิดใหม่แล้ว แน่นอนที่สุดพระเจ้าไม่เคยทิ้งใคร พระเจ้าจะหาช่องทาง หาโอกาส หาทางเพื่อช่วยคนนั้น จากเป็นคริสเตียนเด็กเล็กๆ ทารก จนเติบโตขึ้นมาได้แน่นอนครับ เราอย่าลืมกันว่า ที่พระเยซูสัญญาบอกว่าพระองค์จะไม่ทิ้งใครไปไหนเลย ไม่เคยห่าง
...
ถาม.
ที่พูดมาคือคุณป้าของผมเอง หลังจากที่เขาป่วยไม่สบายแล้วเขาก็เลือกเส้นทางของพระเจ้า เขาไม่เอาทางพุทธแล้ว จากนั้นลูกหลานเขาก็ดูแลเขาไม่ค่อยดี ปล่อยเขาอยู่ตามอำเภอใจไม่ค่อยดูแลเขา จากที่เคยดูแล หลังจากที่เขาบอกว่าไม่เอาทางพุทธแล้ว เขาจะเอาพระเจ้าเขาเลือกพระเจ้า เขาก็ไม่ดูแลแล้ว แต่ป้าจะอยู่กับเขา แล้วป้าก็อยากไปโบสถ์ อยากไปนมัสการ (ถ้าหากว่าผมพาป้าไปโบสถ์ ผมจะผิดไหม ถ้าผมพาไป)
ตอบ.
สำหรับพวกเรา ผมเคยใช้คำนี้นะครับ เอาไปฝาก คือไม่รู้จะใช้คำไหน การที่ใช้คำนี้เพราะว่าเรารู้นะครับ ถ้าหากใครที่เป็นผู้ที่ถูกเลือก วันหนึ่งนะครับเขาก็จะพบพระคำล้ำลึก แล้วก็จะกลายเป็นบุตรที่รักของพระเจ้า เกิดผลชีวิตพระคริสต์ทำแทน
แต่ถ้าหากใครนะครับเป็นแค่คริสเตียนศาสนา ก็คือเป็นบุตรพระเจ้าธรรมดาคนหนึ่ง พระเจ้าก็เลือกเขา เขาก็ได้บังเกิดใหม่ แล้วก็ได้รอด เราก็ขอบคุณพระเยซูสำหรับชีวิตของเขา
คือเราพาไปได้นะครับ ไปฝากไว้นะครับ แล้วต่อมา คือเราอธิษฐานเผื่อ พอหลายปีเราก็แนะนำเขา ว่ามีพระคำล้ำลึกนะ มีบทเรียนที่ลึกกว่านะ ชีวิตที่ดีกว่ารออยู่ อยากมีสันติสุขที่เต็มล้นไหม ซึ่งตอนนี้มี บ้างก็มี คริสเตียนศาสนาทั่วไปเขาก็มี
แต่สันติสุขที่แท้จริงสันติสุขที่เต็มล้น สันติสุขทุกวันทุกเวลา ความสงบสุขของจิตใจมันมี เพราะฉะนั้นชวนเขา แล้วก็ลองให้เขาอ่านดู คือเป็นขั้นตอนต่อมา
แต่สำหรับคริสเตียนที่บังเกิดใหม่ผมไม่แนะนำนะครับ ว่าจะเลี้ยงเขาด้วยมานาที่เป็นแบบอาหารผู้ใหญ่ แต่เรามีบทเรียน มีบทเรียนที่แปลถูกซึ่งเป็นบทเรียนสำหรับเด็กฝ่ายวิญญาณ
และอันนี้ผมพูดเผื่อมีพี่น้องบางคนในกรณีพิเศษ ที่พระเจ้าเลือกเขาทั้งๆ ที่เขาไม่เคยพบเชื้อยีสต์ ไม่เคยอยู่ในคริสเตียนศาสนา แต่เชื่อปุ๊บ คือมาเจอพระคำล้ำลึก แล้วอยู่กับพระคำล้ำลึก แล้วกินพระคำล้ำลึก แล้วเขาก็ซาบซึ้ง แล้วเขาก็ได้เห็นความจริง แล้วเชื่อในความจริงนั้น อันนี้ก็มีบางคน เราก็ขอบคุณพระเจ้าสำหรับสิ่งนี้
แต่สำหรับผม ประสบการณ์ของผมแล้วก็พี่น้องหลายคนที่อยู่อเมริกา คือผมเชื่อนะครับว่า ถ้าไปอยู่ในท่ามกลางสังคมคริสเตียนศาสนา แล้วได้ประสบการณ์แบบเชื่อผิดเชื่อถูก ทำผิดทำถูก ไปเป็นแบบนั้นอยู่สักระยะหนึ่ง เราจะเกิดมีความรักพระเจ้ามากกว่าคนที่อยู่ดีๆ ก็รับมานา แล้วก็คือถูกเปิดตา แล้วก็อยู่ในชีวิตที่มีความสุขโดยที่ไม่ผ่านประสบการณ์เหล่านั้น อันนี้ก็แล้วแต่นะครับ
แต่สำหรับผม ผมเห็นว่าควรจะเจอสิ่งเหล่านั้นบ้าง เพราะจะเห็น ซาบซึ้งถึงพระคุณที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้าได้ คือถ้าหากเราไม่เคยจน แล้วอยู่ดีๆ เรารวย เราจะเห็นคุณค่าของเงินของเวลาของทุกสิ่งไหม เห็นคุณค่าของพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเรามาไหม คือมันอาจจะมี แต่น้อยนะผมว่า
คนที่เคยยากจน เห็นพ่อแม่ลำบาก เพื่อช่วยเหลือเรา ดูแลเรา เลี้ยงดูเรา ส่งเราเรียนจนจบ ทำทุกสิ่งเพื่อเรา แล้วเราเองก็ลำบาก คือการกินการอยู่การทำอะไรทุกสิ่งลำบาก พอมีฐานะดีขึ้น เราจะเห็นว่า อ๋อ เงินทอง เวลา ทุกสิ่งมันมีค่ามาก
การล้มเหลวในชีวิต การตกเป็นคริสเตียนศาสนาช่วงระยะหนึ่ง สุดท้ายมาพบมานา เราจะซาบซึ้งในพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้ามากกว่า เอเมนไหมครับ
สำหรับใครที่มาถึงมานาโดยที่ไม่ผ่านคริสเตียนศาสนา ก็เอเมน ก็ขอบคุณพระเจ้า
แต่สำหรับผม เอาไปฝากเถอะครับ