ความชอบธรรมแบบที่หนึ่ง: ก็คือความชอบธรรมที่ตายแล้ว
ความชอบธรรมแบบที่สอง: ก็คือความชอบธรรมที่มีชีวิตอยู่
ความชอบธรรมที่ตายแล้วคืออะไร ความชอบธรรมที่มีชีวิตอยู่คืออะไร
เนื่องจากว่าพี่น้องคริสเตียนส่วนมากไม่เข้าใจเกี่ยวกับความชอบธรรมสองแบบนี้ เมื่อเราเป็นคริสเตียนเราอ่านพระคัมภีร์เราเจอพระบัญญัติเดิมพระบัญญัติใหม่ เจอคำสั่งสอนของพระเยซู มีหลายสิ่งหลายอย่างที่พระเจ้าสั่งให้เราทำ เมื่ออ่านพบสิ่งเหล่านี้เราก็เริ่มปฏิบัติตาม เริ่มเชื่อฟัง เริ่มฝึกฝนชีวิต เริ่มพยายามเปลี่ยนแปลงแก้ไขในส่วนที่เราเรียกว่าบาป
ทันทีที่เราเริ่มเชื่อฟังพระเจ้าในลักษณะนี้ เราตกจากพระคุณเราหล่นจากพระคุณทันที เนื่องจากความไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าน้ำพระทัยของพระเจ้าคืออะไร ไม่รู้ว่าการดำเนินชีวิตคริสเตียนแท้ที่จริงคือการดำเนินชีวิตที่อยู่ในพระคริสต์ พระคริสต์อยู่ในเรา และพระคริสต์เป็นผู้ดำเนินชีวิตผ่านตัวเรา คือพระองค์จะสำแดงคุณสมบัติ พระองค์จะสำแดงแสงสว่าง ความชอบธรรม ความดี ความรัก ความเมตตา ผลของพระวิญญาณผ่านตัวเรา ไม่ใช่ความดีของเราเอง (กท 5:22-23)
ความชอบธรรมที่ตายแล้ว หรือความดีที่ตายแล้ว ก็คือความดีความชอบธรรมของอาดัม มนุษย์ทุกคนเกิดมาเรามีสติปัญญาที่ได้รับจากอาดัม เรามีความสามารถ กำลังเรี่ยวแรงที่รับมาจากอาดัม มนุษย์ทุกคนจะมีสิ่งเหล่านี้ เรียกว่าความดีที่ตายแล้วความชอบธรรมที่ตายแล้ว สติปัญญาไม่ว่าจะเฉลียวฉลาดมากมายแค่ไหนก็ตาม แต่สำหรับพระเจ้าเรียกว่าสติปัญญาที่ตายแล้ว (ฮบ 9:14)
เพราะฉะนั้นเราจะเห็นว่ามีศาสนาหลายๆ ศาสนา ที่ทุกวันนี้ ผู้รักษานับถือศาสนาเหล่านั้นจะพยายามใช้ชีวิตเก่าชีวิตที่ได้รับจากอาดัม แล้วก็ความดีสติปัญญาต่างๆ ความชอบธรรมที่ตายแล้วนี้เพื่อปฏิบัติธรรม เพื่อรักษาชีวิตให้บริสุทธิ์ให้ชอบธรรม แต่เขาไม่รู้ว่าความชอบธรรมเหล่านี้สำหรับพระเจ้าคือความชอบธรรมที่ตายแล้ว
ที่มาก็คือ อาดัมเมื่อทำบาปก็เสื่อมจากสภาพของความบริสุทธิ์ของความจริงของพระเจ้า เมื่ออาดัมเป็นคนผิดบาป สำหรับพระเจ้าเห็นว่าเขาเป็นคนที่ตายแล้ว ลูกหลานของอาดัมทุกคนที่เกิดมาจากอาดัมก็คือมนุษย์ที่ตายแล้ว เรียกว่าคนตาย เราจะเห็นว่าครั้งหนึ่งที่พระเยซูตรัสว่า ในมัทธิว 8:22 ปล่อยให้คนตายฝังคนตายของเขาเองเถิด ปล่อยให้คนตายฝังคนตาย ก็คือ คนตายคนแรกยังมีชีวิตอยู่ยังมีลมหายใจอยู่
ปัญหามีอยู่ว่าเมื่อมนุษย์เหล่านี้เป็นคริสเตียน เชื่อพระเจ้า รับพระเยซู กลายเป็นคริสเตียน พี่น้องเหล่านี้ก็นำใช้ของเก่าที่ได้รับมาจากอาดัม คือสติปัญญา ความเฉลียวฉลาด บางคนที่ฉลาดมากก็ถือว่าฉันมีทุนน่ะ มีความเฉลียวฉลาดเอามาใช้ในคริสตจักรให้เกิดผลได้ บางคนก็บอกว่าเป็นคนที่ดีรอบคอบสุภาพอ่อนโยนคุณสมบัติน่าจะเป็นศิษยาภิบาล ผู้รับใช้ก็รับการแต่งตั้งก็ถูกเลือกให้เป็นผู้รับใช้
อันนี้เป็นการเดินทางของคริสเตียนที่ผิด คริสเตียนหลงประเด็นแล้ว คริสเตียนคิดว่านำเอาทุนที่ได้รับสติปัญญาความเฉลียวฉลาด แล้วก็เรี่ยวแรงกำลัง คุณสมบัติ ความดีที่ตัวเราเองมีเอามาใช้ในคริสตจักร เอามาใช้ในการดำเนินชีวิตคริสเตียน
แท้ที่จริงแล้วพระเจ้าไม่ต้องการเลย ใช้ไม่ได้ทั้งนั้น สำหรับพระเจ้าเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า สติปัญญาที่ตายแล้ว ความชอบธรรมความดีที่ตายแล้ว ความสุภาพอ่อนน้อมที่ตายแล้ว ทุกสิ่งมันตายหมด ถวายแก่แด่พระเจ้าไม่ได้ เพราะว่าพระเจ้าเป็นพระเจ้าที่มีชีวิตอยู่
เราจะเห็นว่าเมื่อมนุษย์เสื่อมมนุษย์ผิดบาปเสื่อมจากสง่าราศีของพระเจ้า แล้วความดีก็มีขีดจำกัด ความรักก็มีขีดจำกัด ทุกอย่างมีขีดจำกัดหมด ตกต่ำหมดเสื่อมหมด เราไม่มีสภาพอยู่ในความรักอากาเป เราไม่มีสภาพอยู่ในความอดทนนาน เราไม่มีสภาพที่สามารถที่จะถอดเสื้อคลุมให้เขาได้ ถูกตบก็ไม่อาจที่จะหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้ได้ แถมเรายังโกรธและแก้แค้นด้วยใช่ไหม
เพราะฉะนั้นการกระทำที่ตายแล้วหรือความชอบธรรมที่ตายแล้วพระเจ้ารับไม่ได้ ถ้าหากคริสเตียน เชื่อพระเจ้าและอ่านพระคัมภีร์ พบคำสั่งสอนของพระเยซูคริสต์และพบพระบัญญัติ 10 ประการ เราเริ่มปฏิบัติตามเริ่มเชื่อฟังเริ่มกระทำตาม อันนี้เป็นการกระทำที่ผิด
ชีวิตคริสเตียนไม่ใช่ศาสนา ศาสนาก็คือบุคคลผู้ใดผู้หนึ่งเชื่อในศาสนานั้นแล้วก็อ่านคัมภีร์ตำราของเขา จากนั้นก็กระทำตามดำเนินชีวิตตามเชื่อฟังกฎบัญญัติหรือคำสั่งสอนในตำรานั้น
แต่สำหรับคริสเตียน เมื่อเราเชื่อพระเจ้า เราอ่านพระคัมภีร์ ขั้นตอนต่อไปเราจะต้องแสวงหาตัวเองคือตัวเราเองนี่แหละ เราจะต้องแสวงหาตัวเราเองว่าเราเป็นใคร พระเจ้าทำอะไรกับชีวิตของเรา เมื่อเราเชื่อพระเจ้ามีอะไรเกิดขึ้นในชีวิตของเราแล้ว
เพราะว่าคริสเตียนมากมายไม่รู้ว่าในอดีตของเรา ก็คืออดีตที่เราร่วมกับพระเยซูบนไม้กางเขน คริสเตียนส่วนมากไม่รู้ว่าเราทุกคนตายแล้ว เมื่อพระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนสองพันปีก่อน เราทุกคนก็มีส่วนในการตายนั้น และเมื่อพระเยซูฟื้นคืนพระชนม์เราก็มีส่วนฟื้นขึ้นมาและได้รับชีวิตใหม่
- เมื่อพระเยซูตาย คุณก็ตาย (2 คร 5:14; โรม 6:3-4, 6-8,11; กท 2:20)
- เมื่อพระเยซูถูกนำไปฝัง คุณก็ถูกฝังกับพระเยซูในอุโมงนั้นด้วย (โรม 6:4)
- เมื่อพระเยซูเป็นขึ้นจากตาย คุณได้รับชีวิตใหม่ หรือเป็นขึ้นจากตายกับพระเยซูด้วย (โรม 6:4-5)
- พระเยซูต้องตาย เพื่อพระองค์จะเป็นวิญญาณและสามารถแจกจ่ายชีวิตของพระองค์เข้ามมาอยู่ในคุณได้ (ยน 12:24)
คริสเตียนได้รับการยกโทษบาปสาเหตุมาจากการตายของพระเยซูบนไม้กางเขน คริสเตียนได้บังเกิดใหม่สาเหตุเพราะว่าพระเยซูฟื้นขึ้นมาจากตาย คริสเตียนได้รับพระวิญญาณที่มาอยู่กับเราอยู่ในเราทุกวันนี้สาเหตุก็เพราะว่าพระเยซูได้รับเกียรติจากพระบิดา
เพราะฉะนั้นเราต้องทำความเข้าใจกับชีวิตของตัวเองตัวเราเอง ว่าเมื่อเราเชื่อพระเจ้า เราเป็นใคร เรามีอะไร อะไรอยู่ในเรา ใครอยู่ในเรา เป็นการแสวงหาที่จะต้องค้นพบตัวเองตัวจริงของเราที่ดำเนินชีวิตอยู่ทุกวันนี้ เราได้ยินบ่อยๆ ใช่ไหมว่าเกิดใหม่บังเกิดใหม่ แต่เราไม่รู้ว่าการบังเกิดใหม่ต้องตายก่อน คริสเตียนที่จะบังเกิดใหม่ได้ก็ต้องตายก่อน
และตายเมื่อไหร่ ไม่ใช่ตายตอนที่บัพติศมา ไม่ใช่ตายตอนที่เราเลิกทำบาปแล้ว คริสเตียนเราตายตอนที่พระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนสองพันปีก่อน 2 คร 5:14 กล่าวว่าเราตายทุกคนแล้ว แล้วก็โรมบทที่ 6 ข้อที่ 3 และข้อที่ 4 ข้อที่ 6 ข้อที่ 11 มีหลายตอนหลายที่ในพระคัมภีร์ที่กล่าวถึงการตายของเราร่วมกับพระเยซู และเราเป็นคนใหม่เราฟื้นขึ้นมาใหม่ เราบังเกิดใหม่ นี่คือที่มาของการบังเกิดใหม่ของคริสเตียน
เพราะฉะนั้นเราต้องค้นหาตัวใหม่ของเราและดำเนินชีวิตในตัวใหม่นี้ด้วยตัวใหม่นี้
การดำเนินชีวิตด้วยตัวใหม่ทำยังไง? ก็คือ "เชื่อ" เราได้บังเกิดใหม่เพราะอะไร เพราะเรา "เชื่อ" เรารับพระเยซูเราเชื่อในพระเจ้าเราได้บังเกิดใหม่
และการที่จะดำเนินชีวิตด้วยตัวใหม่ทำยังไง? ไม่ใช่พยายามทำดี แต่ด้วยการเชื่อว่าเราเป็นคนใหม่แล้ว คือพระเจ้าทุกวันนี้ความจริงของพระเจ้าไม่เหมือนความจริงของเรา สำหรับพระเจ้า สำหรับพระเจ้าฝ่ายพระเจ้าพระเจ้ามองเราเป็นคนชอบธรรมแล้ว เนื่องจากว่าพระเยซูที่มาอยู่กับเราในสภาพของพระวิญญาณ พระองค์ปกปิดเราจากความบาปทั้งหลาย และปกปิดจากชีวิตเก่าของเรา พระบิดาจึงไม่เห็นตัวเก่าและไม่มองในฝ่ายเนื้อหนังของเราอีกต่อไป
2 คร 5:16 พระเจ้าจะไม่มองเนื้อหนังของเรา และสั่งเราด้วยว่าห้ามมองฝ่ายเนื้อหนังของกันและกัน และพระเจ้ายังตรัสอีกว่า บุคคลผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ผู้นั้นก็ถูกสร้างขึ้นใหม่แล้วดูเถิดสิ่งเก่าๆ ก็ล่วงไปมีแต่สิ่งใหม่ๆ ทั้งนั้น
เพราะฉะนั้นเวลาที่พระเจ้ามองเรา พระเจ้ามองเห็นเสื้อที่ดีที่สุด คือพระคริสต์ที่เราสวม เพื่อปกปิดความบาปของเรา และเรากลายเป็นคนชอบธรรมแล้วโดยเชื่อ เมื่อเราเชื่อ พระเจ้านับว่าเราเป็นคนชอบธรรม ไม่ใช่การปฏิบัติการทำดี แล้วทำให้พระเจ้าเห็นว่าเราเป็นคนดีชอบธรรม ไม่ใช่.
- ลก 15:22 พระเยซูเป็นเสื้อที่ดีที่สุด
- โรม 5:1 เราชอบธรรมเพราะสวมเสื้อนี้ ไม่ใช่เพราะทำดีเชื่อฟัง
- 2 คร 5:17 เมื่อเราสวมเสื้อนี้ เราใหม่หมดจด พระเจ้ามองไม่เห็นตัวอาดัมในเราอีก
- กท 3:27 ผู้ที่บัพติศมาเข้าในพระเยซู ก็สวมใส่พระเยซู
เพราะฉะนั้นการดำเนินชีวิตที่ก่อขึ้น การเชื่อฟัง การทำดี แล้วก็การรับใช้ ถ้าเราก่อให้ถูก ก่อให้เป็น ก่ออย่างผู้ที่มีสติปัญญา ก็คือเลิกใช้มนุษย์ตัวเก่าของเรา สติปัญญาของเราที่ได้รับมาจากอาดัม
หลายคนบอกว่าเมื่อเชื่อพระเจ้าเรามีทุนน่ะ ทุนคืออะไร บางคนเป็นคนดีมากๆ เป็นคนชอบธรรมมาก บางคนเป็นคนที่พูดน้อยน่ารัก บางคนเป็นคนที่แบบว่าจิตใจยังนักเลงยังพูดจาไม่เพราะยังทำบาปมากมาย สิ่งเหล่านี้พระเจ้าไม่นับ
เมื่อเรามาเชื่อพระเจ้า เราต้องทิ้งหมด ทั้งความดีและความชั่วทั้งชีวิตเก่าทุกอย่างที่เป็นของที่มาจากอาดัมเราทิ้งหมด พระเจ้าไม่นับ
และพระเจ้าจะเริ่มนับ เมื่อเรามีชีวิตใหม่ ด้วยการดำเนินชีวิตในพระคริสต์ และพระคริสต์เป็นผู้ที่ทำงานผ่านเราให้โลกเห็นความชอบธรรมของพระองค์ ให้โลกเห็นพระสติปัญญาของพระองค์ ให้โลกเห็นการตัดสินใจของพระองค์ คำพูด การกระทำ กิริยา อาการ ทุกสิ่งทุกอย่างมาจากทองคำเงินและเพชรพลอย เราจะได้รับรางวัล และผลงานทุกสิ่งก็จะถูกก่อขึ้น และผ่านไฟแห่งการทดลองได้ (1 คร 12-15)
ของประทานแห่งพระคุณ ก็คือพระเยซูทำแทนเรา พระเยซูเป็นผู้ดำเนินชีวิตแทนเราในเรา นี่คือหมายเลข 1 ถ้าหากเรามีของประทานแห่งพระวิญญาณเรารักษาโรคได้ ไล่ผีได้ ประกาศ เทศนา สั่งสอน นำคนมาเชื่อได้ มีผลงานมากมาย สิ่งเหล่านั้นเป็นแค่เลข 000 ที่จะมาอยู่ข้างหลังของเลข 1 แต่ถ้าเราไม่มีเลข 1 เราจะไม่สามารถที่จะเข้าในราชอาณาจักรสวรรค์ในยุคหน้าและมีส่วนครอบครองกับพระเยซูคริสต์ในฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่
ขอพระเจ้าช่วยเราให้หลุดพ้นจากการใช้ชีวิตเก่าที่เป็นไม้ฟางและหญ้าแห้ง เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ถึงว่าจะดีมากมายแค่ไหน พระเจ้าไม่นับไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับพระเจ้า เพราะว่าความดีเหล่านี้เป็นความดีที่ตายแล้ว ความชอบธรรมเป็นความชอบธรรมที่ตายแล้ว
มนุษย์เราที่เราเกิดมาจากอาดัมตัวเก่านี้เป็นมนุษย์ที่ตายแล้ว
เพราะฉะนั้นขอพระเจ้าช่วยเราที่จะเข้าใจเรื่องการดำเนินชีวิตในสภาพของบุคคลที่มีชีวิตอยู่ ที่พระเจ้าพอพระทัยและมีพระคริสต์นำเราในทุกก้าวเดินในชีวิตในแต่ละวันแต่ละเวลา