เปาโลใส่ใจมากในเรื่องการฝึกเดินในพระวิญญาณและด้วยตัวใหม่ ท่านจึงเกิดผลมาก
ท่านยืนยันว่าทุกถ้อยคำล้วนมาจากพระเยซูทั้งนั้น ไม่มีคำไหนที่มาจากท่านเอง ยกเว้นบางเรื่องและท่านก็จะบอกว่า สำหรับความคิดเห็นของข้าพเจ้า
พระเจ้าเป็นความจริง Truth และเป็นความเป็นจริง Reality คือในพระองค์ไม่มีโกหก และไม่มีความตกต่ำหรือความมืด ในพระองค์มีแค่ความสว่าง บุตรพระเจ้าจึงควรดำเนินชีวิตอยู่บนพื้นฐานแห่งความจริงและความเป็นจริงเช่นกัน
พระสัญญาของพระเจ้าที่ทรงประทานแก่อับราฮัมมาถึงทุกคนที่เชื่อ เพราะว่าพระองค์สัตย์ซื่อและเป็นพระเอเมน (แน่นอน-ใช่)
ผู้เชื่อทุกคนถูกเจิมให้เป็นสาวกผู้รับใช้โดยพระเจ้าทั้งสาม
พระวิญญาณประทับตรา คือจับจองเป็นเจ้าของแล้ว
ค่ามัดจำของพระวิญญาณ คือพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่ภายในเราเป็นมัดจำเพื่อนำเราเข้าสู่ความรอดและการดำเนินชีวิตใหม่
เปาโล และผู้รับใช้ฝ่ายวิญญาณจะนำความชื่นบานชื่นชมยินดีเพราะว่าผู้ที่รับพระคำแห่งความจริง (พระคำล้ำลึก) จะเกิดมีสันติสุขและหิวกระหายต่อพระคำดังกล่าว
คริสเตียนเดินด้วยความเชื่อ เริ่มต้นก็ด้วยเชื่อและจบก็ด้วยเชื่อ ไม่ใช่ด้วยการกระทำ การพยายามเลิกทำบาป และทำงานหนักเพื่อพระเจ้า
เราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับวันนี้ที่พระองค์นำเรามาถึงพระคำแห่งความจริงที่มีหลายเรื่องราวที่เราควรทำความเข้าใจและขอการเปิดเผยจากพระวิญญาณบริสุทธิ์
และสำหรับพี่น้องนะครับพี่น้องที่เข้ามาใหม่ พี่น้องที่อาจจะไม่เข้าใจเรื่องราวของคำสอนที่เปาโลเขียนจดหมายถึงคริสเตียนเมืองโครินธ์ เมื่อสองพันปีก่อนนะครับเปาโลเดินทางไปประกาศข่าวประเสริฐ ท่านเดินทางไปทั่วนะครับ และมาถึงเมืองโครินธ์ท่านก็ประกาศข่าวประเสริฐ และก่อตั้งคริสตจักรที่นี่ ไม่นานท่านก็จากไป และต่อจากนั้นก็มีผู้นำมาส่งจดหมายไปบอกเปาโลว่ามีปัญหามากมายเกิดขึ้นในคริสตจักรนี้ และมีหลายคนไม่ยอมรับเปาโลและคำสอนของท่านอีกต่อไป เนื่องจากว่าเปาโลไม่มีอะไรดูพิเศษ เปาโลเป็นคนยากจน เปาโลเป็นคนที่มีการงานการเงินที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แล้วก็ทนทุกข์ทรมานเพราะถูกข่มเหงอยู่เป็นประจำ
ซึ่งสมัยนั้นจะมีผู้นำหลายๆ คน หลายๆ กลุ่มที่เดินทางไปทั่ว และแต่งกายดูดี แล้วก็พูดดี โน้มน้าวจิตใจได้ดี แล้วไปเน้นเรื่องไฟเรื่องต่างๆ แล้วก็ฤทธิ์เดช คือเขาโปรโมทตัวเขาเอง เหมือนกับที่เราเห็นทุกวันนี้นะครับก็คือโปรโมทตนเอง สร้างชื่อเสียงเพื่อให้คนเคารพรัก นับถือ ยกเป็นอาจารย์ เป็นผู้นำ แต่เปาโลไม่ได้ทำแบบนั้น เปาโลจึงไม่ได้รับการเคารพไม่ได้รับการยอมรับจากหลายๆ คน
เมื่อเปาโลได้ข่าวนะครับเปาโลจึงเขียนจดหมายฉบับแรกเพื่อเตือนพวกเขา และหลายคนก็กลับใจ แต่ก็ยังมีคนที่ไม่ยอมรับท่านอยู่ เปาโลเปิดเผยว่าผู้รับใช้พระเจ้าคือไม่ใช่โปรโมทตนเอง ตั้งตนเป็นใหญ่ สร้างชื่อเสียง มีหน้ามีตาท่ามกลางคริสตจักร แต่ แต่คือผู้ที่สำแดงพระคริสต์ และนำทุกคนมาหาพระเยซู และสนิทในพระเยซู เอเมน
พระเยซูเป็นผู้เดียวนะครับที่ควรจะได้รับการยกย่อง สรรเสริญ เคารพ ยกขึ้น เป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ เพราะว่าพระองค์เป็นประมุขของคริสตจักร พระองค์เป็นศรีษะของคริสตจักร ผู้รับใช้ที่มาจากพระเจ้าจึงเน้นที่การสำแดงความรักและการเสริมสร้างให้คริสตจักรเติบโตสู่ชีวิตและนิสัยของพระเยซู ไม่ใช่มาอวดอ้างฤทธิ์เดชฤทธิ์อำนาจ ภาษาแปลกๆ อะไรทั้งหลาย แต่มาเพื่อสำแดงชีวิตและนิสัยของพระเยซูโดยเอาความรักเป็นหลักเอาความรักเป็นใหญ่ให้ทุกคนรักกันและกันและถ่อมใจเป็นหนึ่งเดียวกัน เอเมน
สำหรับหนังสือโครินธ์เปาโลเปิดเผยในจดหมายว่าความรอด ความรอดของพระเจ้ามาจากการตายของพระเยซู เมื่อเรายอมรับว่าพระเยซูตายไถ่บาปเรา เราก็ได้รอด ชีวิตที่พระเจ้าประทานแก่เราผ่านพระเยซู ก็คือการสำแดงความรักเป็นหลัก เมื่อเราได้รอด เมื่อเราต้อนรับพระเยซู เชื่อในพระเยซู พระองค์ประทานชีวิตเข้ามาอยู่ในเราและชีวิตนั้นก็คือพระเจ้านั่นเอง และชีวิตนี้จะก่อร่างสร้างตัวขึ้น และเมื่อเราเติบโตขึ้นสู่ชีวิตนี้ เราจะสำแดงความรักต่อผู้อื่น ต่อศัตรู ต่อพระเจ้าได้อย่างมากมาย เอเมน
และเป้าหมายหลักของการดำเนินชีวิตคริสเตียน ไม่ใช่ไปโบสถ์ ไม่ใช่พยายามทำดี ไม่ใช่พยายามถวายให้ได้ ไม่ใช่พยายามเลิกทำบาปให้ได้ ไม่ใช่นะครับ เป้าหมายของการดำเนินชีวิตคริสเตียน ทางสายใหม่ ก็คือเดินอยู่บนการถูกตรึงของตัวเก่า และเดินอยู่บนการบังเกิดใหม่ของตัวใหม่ในพระคริสต์
ทุกวันเรานับว่าเราตายต่อตัวเก่าเราถูกตรึงที่กางเขน และทุกวันเรานับว่าเราเป็นขึ้นมาจากความตายมีชีวิตใหม่ในพระคริสต์แล้ว เท่านี้นะครับเมื่อเราดำเนินชีวิตอยู่บนพื้นฐานของการตายที่กางเขน และอยู่บนพื้นฐานของการเป็นขึ้นมาใหม่ในพระคริสต์ เราจะพบว่าสันติสุขจะมีมาเต็ม พลังจะมีมาเต็ม กฎของพระวิญญาณและกฎของชีวิตจะมีมาเต็ม ทุกสิ่งในพระคริสต์มันจะเป็นชีวิตที่อยู่ในสวรรค์บนดินได้ เอเมนฮาเลลูยา
อีกปัญหาหนึ่งเกี่ยวกับพี่น้องที่ไม่ชอบหรือไม่ยอมรับเปาโลนะครับ ซึ่งเป็นเหตุมาจากการโน้มน้าวจิตใจของผู้เชื่อทั้งหลายที่เดินทางไปทั่วเนี่ย ก็คือเขาทำตนเป็นผู้นำเป็นผู้รับใช้เป็นนายเป็นอาจารย์ สิ่งนี้คริสเตียนฝ่ายวิญญาณพวกเราหลีกเลี่ยงนะครับ อย่างที่ผมเคยพูดใช่ไหมว่าเราทำตัวเป็นคนไร้ตัวตน ไม่มีหน้ามีตา ไม่ยกตนขึ้น ไม่พยายามทำให้พี่น้องเคารพเรารักเรายกเราขึ้นเป็นอาจารย์เป็นผู้นำ เราไม่ทำแบบนี้เพราะว่านี่คือการอวด หยิ่งผยองพองตัว prideful ก็คือหยิ่งผยองพองตัว อยากเป็นผู้นำอยากเป็นใหญ่อยากมีอำนาจเหนือคนอื่น ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่ต้องห้ามของพระเจ้าในท่ามกลางพระกายของพวกเรา
และสรุปในวันนี้ประมาณ 8-9 ข้อสำหรับวันนี้ก็คือ ..
ข้อที่ 1. เปาโลใส่ใจมากในเรื่องการฝึกเดินในพระวิญญาณและด้วยตัวใหม่ ท่านจึงเกิดผลมาก
ข้อที่ 2. ท่านยืนยันว่าทุกถ้อยคำล้วนมาจากพระเยซูทั้งนั้น สิ่งที่ท่านพูดท่านสอนจะมาจากพระเยซูทั้งนั้น ไม่มีคำไหนที่มาจากท่านเอง ยกเว้นตอนที่ท่านบอกว่าสำหรับเรื่องนี้และความคิดเห็นของข้าพเจ้า ถ้าไม่มีคำนี้นะครับ แสดงว่าทุกสิ่งทุกถ้อยคำล้วนมาจากพระเยซูทั้งนั้น เราจึงเชื่อและนับว่าจดหมายทุกฉบับของเปาโลถือว่าเป็นพระคำพระเจ้าอยู่ในพระคัมภีร์ได้ เอเมน
ข้อที่ 3. และสิ่งหนึ่งที่เราควรจะขอบพระคุณพระเจ้า ก็คือพระเจ้าเป็นความจริง ก็คือ truth ความจริง และพระเจ้าเป็นความเป็นจริง ก็คือ reality
truth ความจริง ก็คือไม่โกหก ก็คือมีแต่สิ่งที่เป็นความจริงทั้งนั้น ส่วนคำว่า reality ก็คือการที่ไม่เสื่อมสลาย เป็นอมตะ เป็นสภาพที่อยู่ยงคงกระพันนิรันดร์ มั่นคง ตายไม่เป็น เรียกว่า reality และพระเจ้าต้องการให้เราออกจากความมืดไปอยู่ในความสว่างก็คือในความจริงนี้ และพระเจ้าให้คริสเตียนไม่โกหก เราหลีกเลี่ยง เรื่องการไม่โกหก ความจริงอะไรจริงก็ว่าจริง อะไรที่ไม่จริงก็ว่าไม่จริง เรายอมรับเราไม่ใส่หน้ากาก และเราอยู่ในความเป็นจริงก็คืออยู่ในความสว่างของพระเจ้า
การที่จะได้อยู่ในความสว่างของพระเจ้าก็คือ เรียนรู้พระคำล้ำลึก เรียนรู้พระคำแห่งความจริงที่พระวิญญาณแห่งความจริงนำมาสู่พวกเรา ก็คือมานาที่ซ่อนไว้ สรรเสริญพระเยซู
ข้อที่ 4. พระสัญญาของพระเจ้าที่พระองค์ประทานแก่อับราฮัมมาถึงทุกคนที่เชื่อเพราะว่าพระองค์สัตย์ซื่อและเป็นพระเอเมน ตรงนี้นะครับเปาโลย้ำว่าพระเยซูพระเจ้าเป็นพระเอเมน แล้วก็พระเจ้าสัตย์ซื่อ ซึ่งพระสัญญาของพระองค์จะเกิดกับพวกเราแน่นอน เพียงแค่เราเชื่อในพระเยซูว่าพระองค์ตายไถ่บาปเรา ว่าพระองค์เป็นพระเจ้าที่เสด็จลงมาเพื่อนำเรากลับคืนดีกับพระบิดา แค่นั้นเองเราก็จะได้รับความรอดรับพระพรรับมรดกรับทุกสิ่งที่อยู่ในพระคริสต์ ดำเนินชีวิตในสวรรค์บนดินได้ เอเมน
ข้อที่ 5. เราถูกเจิมตอนไหน ทุกคนที่เชื่อนะครับเมื่อรับบัพติศมา พระเยซูก็จะเสด็จมาแล้วก็รับบัพติศมาเราเข้าสู่พระวิญญาณบริสุทธิ์ จากนั้นพระองค์จะให้เรา 1. บังเกิดใหม่ จากนั้นจะให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาสถิตอยู่ในเรา จากนั้นพระองค์ก็จะเจิมเรา เราแค่ไปแสวงหาว่าเรามีของประทานอะไร พระเจ้าให้ฤทธิ์เดชให้ฤทธิ์อำนาจอะไรแก่เราเพื่อที่เราจะใช้ในการรับใช้พระเจ้าในอนาคต
ข้อที่ 6. และขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์ประทับตราเราแล้ว การประทับตราของพระเจ้า พระเจ้าเป็นพระเอเมนพระเจ้าเป็นความจริงพระเจ้าเป็นความเป็นจริงพระเจ้าเป็นองค์สัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม เมื่อพระเจ้าประทับตราเมื่อพระเจ้าให้พระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่ในเราเป็นมัดจำ คือจะถอนสัญญาไม่ได้ จะถอนการตราประทับนี้ไม่ได้
ไม่เหมือนกับเราที่ไปซื้อรถไปซื้อบ้านไปซื้ออะไรที่เราชอบ คือมันมีการเปลี่ยนใจได้ ต่อมาเราเห็นบ้านหลังนึงดีกว่าราคาถูกกว่า เราชอบสไตล์เราชอบลักษณะมันดูดีกว่าหลังที่เราไปทำสัญญา เราก็เปลี่ยนใจได้ แต่สำหรับพระเจ้า พระเจ้ารักเรามาก เราจะเป็นคนดีไม่ดีน่ารักไม่น่ารัก จะเป็นยังไงก็ตาม พระเจ้าเลือกเรารักเราและประทับตรารับเราไว้ชั่วนิรันดร์ไม่เคยทิ้งเราไปไหนอีกแล้วจะไม่ปล่อยเราไปอีกแล้ว เอเมน
ข้อที่ 7. ค่ามัดจำของพระวิญญาณ ภาษาไทยแปลนะครับ แต่ภาษาอังกฤษจริงๆ แล้วก็คือ given Spirit in our hearts , given ก็คือให้แล้ว ก็คือให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาอยู่ในจิตใจของเราแล้ว เข้าไปอยู่ในจิตของเราแล้ว เพราะฉะนั้นเราทุกวันนี้มีพระวิญญาณบริสุทธิ์พร้อมที่จะทำงานในจิตของเรา เราแค่เพียงเชื่อว่าพระองค์อยู่ในจิตของเราทำงานอยู่ ก่อร่างของพระคริสต์อยู่ เราจะเห็นนิสัยใหม่จิตใจใหม่ จิตใจนิสัยของพระเจ้าเนี่ยมีมากขึ้นมากขึ้น ขอบคุณพระเยซูแค่เราเชื่อเราก็จะเห็น เอเมน
ข้อที่ 8. เปาโลและผู้รับใช้จะนำความชื่นบานชื่นชมยินดีมา เพราะว่าผู้ที่รับพระคำแห่งความจริงหรือพระคำล้ำลึกนี้ จะเกิดมีสันติสุขและหิวกระหายต่อพระคำดังกล่าว
เราพบว่าการประกาศการเทศนาสั่งสอนตามคริสตจักรต่างๆ และผู้นำผู้รับใช้ทั่วไปเมื่อประกาศข่าวประเสริฐหลายคนกลับใจเชื่อ ก็มีความสุขใช่ไหม ตื่นเต้นชื่นชมยินดี ดีใจที่ได้เห็นรู้จักพระเยซู ดีใจที่ได้พบประสบการณ์ใหม่ๆ ฝันนิมิต และพระเจ้าตอบคำอธิษฐานขึ้นเยอะมาก ก็เลยตื่นเต้นดีใจ แต่ความดีใจการตื่นเต้นนั้นไม่นานก็หายไป
แต่เมื่อเปาโลและผู้รับใช้ฝ่ายวิญญาณนำพระคำล้ำลึกนี้ มาสู่พวกเราอีกครั้งนึง เราจะพบว่าเป็นการนำความชื่นชมยินดีนำสันติสุขที่ไม่หิวกระหายอีกเป็นการนำสันติสุขที่มีมากกว่าเดิมอีกระดับหนึ่งมาสู่พวกเรา เหมือนกับพวกเราที่เคยอยู่ในคริสตจักรศาสนาทั่วไป แล้วชีวิตก็เหี่ยวแห้ง ชีวิตก็หิวกระหาย ชีวิตก็ล้มๆ ลุกๆ ดีบ้างบาปบ้าง สุขบ้างทุกข์บ้างใช่ไหม แล้วต่อมาเราได้รับพระคำล้ำลึกรับมานาพระคำแห่งความจริง ก็คือการนำความชื่นชมความชื่นบานกลับมาสู่เราอีกครั้งหนึ่งโดยพระคำล้ำลึกนี้ เอเมน
ข้อที่ 9. และสุดท้ายก็คือคริสเตียนพวกเราดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความเชื่อ เริ่มต้นก็ด้วยการเชื่อเอาและจบลงก็ด้วยการเชื่อเอา
- เราเห็นกันไหมว่าเราได้บังเกิดใหม่ เราไม่เห็นแต่เราเชื่อ เอเมน
- เราไม่เห็นว่าพระเยซูเสด็จมาแล้วก็รับบัพติสมาให้เราในพระวิญญาณ เราไม่เห็นแต่เราเชื่อ เอเมน
- เราไม่เห็นว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จเข้ามาอยู่ในเรา และอยู่กับเราตลอดไปทุกวัน เราก็ไม่เห็นแต่เราเชื่อ เอเมน
- เราไม่เห็นว่าพระเยซูก่อร่างขึ้น และให้เรามีนิสัยของพระองค์มากขึ้นเลิกทำบาปได้มากขึ้น เราไม่เห็นแต่เราเชื่อ
เมื่อเราเชื่อเราจะเห็นการบังเกิดใหม่ เมื่อเราเชื่อเราจะเห็นพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตอยู่ในเราและเคลื่อนไหวอยู่ และเมื่อเราเชื่อการก่อขึ้นสู่ชีวิตและนิสัยของพระเจ้าจะมีมากขึ้นมากขึ้นมากขึ้นในเรา จนเราตกใจว่าเอ๊ะรักคนนี้ได้ยังไง อภัยให้คนนี้ได้ยังไงเราเกลียดมันจะตาย แล้วเรารักศัตรูได้ยังไง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นโดยการเชื่อของเรา แล้วพระเจ้าก็เป็นคนทำ เอเมน
ซึ่งชีวิตนี้แตกต่างจากชีวิตที่เราเคยเดินใช่ไหม ซึ่งพยายามเลิกทำบาปให้ได้ พยายามๆๆ ฝืนใจทำ แต่สุดท้ายก็เหนื่อย ระเบิด
แต่ขอบคุณพระเจ้าที่เรามาถึงการแบกภาระเบาแอกเบากางเขนเบาอยู่ในการพักผ่อนมีสันติสุขทุกวันเวลาได้ ทั้งๆ ที่เรายังทำบาปอยู่ แล้วรอความหวังจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่จะชำระเราให้เลิกทำได้มากขึ้นมากขึ้น นี่คือชีวิตในพระคริสต์ที่แท้จริง นี่คือชีวิตในพระคริสต์คริสเตียนที่ปกติ ขอบคุณพระเจ้าเอเมน
ถาม.
ขอถามคำว่าเอเมนครับอาจารย์ เอเมนนี่คือมั่นใจใช่เลยแน่นอนถูกต้องเชื่อถือได้เป็นความจริง คือคำนี้มีใช้แบบมีลิมิตมั้ยครับ หรือว่าใช้ได้เต็มที่ คือเราจะเห็นพี่น้องคริสเตียนทั่วไปก็ใช้ว่า เอเมนมั้ยครับพี่น้อง ทุกคนก็เอเมน พวกเราก็ใช้เช่นเดียวกันใช่มั้ยครับ คือมันจะมีกลายเป็นแบบว่าใช้แบบไม่เหมาะสมเป็นไปได้มั้ยครับ แล้วก็อีกอย่างก็คือชาวยิวเขาใช้คำนี้ด้วยมั้ยครับสมัยก่อนสมัยพระบัญญัติเดิมครับ
ตอบ.
สำหรับคำว่า เอเมน นะครับ คริสเตียนพวกเราคือเราจะถามพี่น้องว่า "เอเมนไหม" ถ้าหากพี่น้องเข้าใจความหมายของคำว่าเอเมน เราก็ตอบว่าเอเมน
คือคำว่า “เอเมน” ไม่ใช่ขอให้เป็นไปตามนั้นหรือขอให้เป็นจริง แต่คำว่า “เอเมน” ก็คือ ใช่แล้ว แน่นอน ถูกต้องที่สุด ก็คือ definitely , absolutely ก็คือความแน่นอน ชัวร์ คือมันชัวร์มันเกิดขึ้นแน่มันจะต้องเป็นจริง มันจะต้องใช่แน่นอนเลย คือไม่มีผิดพลาด แน่นอน คือเราบอกว่าพระเจ้าเป็นความรัก เราบอกว่าเอเมนก็คือภาษาไทยภาษาลาวก็คือแน่นอน ใช่แล้ว ถูกต้องที่สุด เราบอกว่าพระเจ้าเป็นความจริง เราก็ตอบว่าเอเมน
คำว่า “เอเมน” เราใช้ได้ทุกวันทุกเวลาทุกโอกาสทุกสถานการณ์ และเมื่อเราเชื่อนะครับว่าเราพูดว่าเอเมนก็คือพระเจ้าเป็นพระเอเมนของเรา ถ้อยคำนี้จะเป็นฤทธิ์เดชเป็นฤทธิ์อำนาจเป็นชีวิตเพื่อจะหล่อเลี้ยงชีวิตของเราให้เราเกิดสันติสุขและมีพลังในชีวิตของเราในแต่ละวัน
การใช้คำว่าเอเมนไม่มีลิมิตนะครับไม่มีจำกัด เราพูดได้ทั้งวันทุกวัน เมื่อเราไม่รู้ว่าจะพูดยังไงจะอธิษฐานยังไงตอนที่เราอยู่คนเดียว อยากคุยกับพระเจ้าแต่ไม่รู้จะพูดอะไร เราแค่ใช้คำว่าเอเมนก็ได้ “เอเมนพระเยซู” “เอเมนพระเยซู” ก่อนจะกินข้าวทานข้าวเราก็บอกว่า “เอเมนพระเยซู“ ก่อนจะเดินทางไปไหนเรากลัวอาจจะไม่ปลอดภัย อากาศมันร้อน แล้วก็รถติด เราก็บอกว่า “เอเมนพระเยซู”
คำว่า “เอเมนพระเยซู” ก็คือการที่ให้พระเยซูเป็นคนนำทาง การให้พระเยซูเคลียร์ถนนให้รถจะได้ไม่ติด การที่จะให้พระเยซูให้เรามีหัวใจที่มีสันติสุขเต็มล้นเพื่ออากาศร้อนจะทำอะไรเราไม่ได้ เอเมน
ภรรยาดุเราภรรยาทะเลาะกับเราอยากหาเรื่องเรา เราคิดในใจนะครับ “เอเมนพระเยซู เอเมนพระเยซู” มันจะเกิดหัวใจที่เต็มล้นด้วยสันติสุข คือคำพูดของเขาจะทำอะไรเราไม่ได้ สามีก็เหมือนกันนะครับจะไปพูดทำร้ายจิตใจภรรยา ภรรยาก็บอกว่า “เอเมนพระเยซู เอเมน” ถ้อยคำนั้นมันจะทำอะไรไม่ได้กระทบกระเทือนหัวใจของเราไม่ได้
คำว่า เอเมน มีมากกว่าที่เราเข้าใจ หรือคริสเตียนศาสนาทุกวันนี้เข้าใจ คำว่า เอเมน เป็นคำที่มีฤทธิ์อำนาจอย่างมากมาย เพราะว่าคำว่าเอเมนก็คือพระเยซูนั่นเอง (วว 3:14)
อย่าลืมนะครับเมื่อเราพูดคำว่า เอเมน ก็เหมือนกับก็เท่ากับเราพูดคำว่า พระเยซู พระเยซู หรือเอเมน เอเมน เป็นคำเดียวกันนะครับเพราะว่าพระเยซูเป็นพระเอเมน
ถาม.
คือถ้าเราไปฟังเทศน์ในโบสถ์นะคะ เขาเทศน์จบปุ๊บเขาจะถามว่า เอเมนมั้ยครับพี่น้อง ก็คือหมายถึงว่า ใช่มั้ยพี่น้อง อย่างนี้หรือเปล่าค่ะ แล้วถ้าเราฟังแต่เราไม่ได้ใคร่ครวญไม่ได้ขอพระวิญญาณทรงนำหรือเปิดตาเรา ถ้าเราไปตอบว่าเอเมนใช่แล้วอย่างนี้ เราก็เหมือนกับว่ายอมรับในสิ่งที่เขาพูดมา อย่างนี้ใช่มั้ยค่ะ
ตอบ.
สำหรับคำเทศนาสั่งสอนของคริสตจักรทั่วไปตามโบถ์สโดยทั่วๆ ไป คือมันจะมีคำสอนที่ถูกบ้างผิดบ้างและผิดเป็นส่วนใหญ่ เมื่อเราเอเมนแสดงว่าเราก็เห็นด้วยกับคำสอนของเขา เราหลีกเลี่ยงนะครับเราจะไม่พูดว่าเอเมนนะครับ เรายิ้มเฉยๆ
ผมอยากจะถามพวกเรา พระเจ้าของเราคือยกโทษให้พวกเราแค่ 5-6-7 ครั้งก็พอ เอเมนไหมครับ (ไม่เอเมนค่ะ) แสดงว่าพวกเราเข้าใจความจริงของพระเจ้า เมื่อเราเอเมนเนี่ยก็คือเห็นด้วยกับผม คือเราก็ผิดไปทุกคนผิดด้วยกันนะครับ ซึ่งการสนับสนุนคำสอนที่ผิดก็คือเราตอบเขาว่าเอเมน เมื่อใครก็ตามที่พูดอะไรสอนอะไร แล้วเราฟังแล้วเรารู้ว่ามันไม่ใช่พระคำแห่งความจริง มีคำสอนที่ผิดเยอะมาก เรายิ้มเฉยๆ นะครับ การยิ้มไม่ใช่ว่าเห็นด้วย แต่การยิ้มก็คือ อืม ขอบคุณพระเยซูที่เขายังต้องการการชำระด้วยพระคำแห่งความจริง
ถาม.
คือเมื่อเราเข้าใจว่าสิ่งที่เขาสอนผิดสิ่งที่เขาพูดไม่ถูก เราก็ไม่ต้องเอเมนก็ได้ อยู่เงียบๆ แต่ว่าอาจารย์มุสลิมเขาก็ใช้คำนี้เขาก็มีเอเมน แต่ว่าเพราะว่าเป็นพระเจ้าคนละองค์ ก็เลยไม่เกี่ยวกันใช่มั้ยครับ
ตอบ.
คือสำหรับมุสลิมแล้วก็คริสเตียนศาสนาเขาจะเข้าใจว่าเอเมนเนี่ยก็คือใช่ไหมเห็นด้วยไหมเอเมนไหม แต่สำหรับคริสเตียนพวกเราที่เข้าใจภาษากรีก แล้วก็โดยเฉพาะคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ เรารู้ความหมายแท้ที่จริงก็คือคำว่า เอเมน คือ แน่นอน ถูกแล้ว ชัวร์เลย ใช่เลย ถูกต้องที่สุด ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีผิดพลาด ตรงนี้เนี่ยก็คือเราใช้เมื่อพี่น้องผู้แบ่งปันผู้เผยพระวจนะที่แบ่งปันมีแต่ความจริงล้วนๆ เราเอเมนได้
แต่เมื่อเราไปเยี่ยมคริสตจักรที่เขาสอนผิดสอนเพี้ยนนะครับ เขาชี้มาที่เราคือเขาเจาะจงบอกว่า เอเมนไหม แล้วเราจะไปตอบว่าเอเมนเพราะเกรงใจ อันนี้ไม่นะครับ หรือเราจะไปตอบว่าไม่เอเมนค่ะ อันนี้ก็คือมันจะเป็นเรื่องเป็นราว สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราทำได้ก็คือเรายิ้ม แค่เรายิ้มนะครับ
ถ้าสมมุติว่าผู้นำที่เขาอยากจะหาเรื่องอยากจะทำให้เราพูดให้ได้ว่าเอเมน ก็คือเราหลีกเลี่ยงเราใช้คำอื่นก็ได้ เราก็บอกว่าสรรเสริญพระเยซูค่ะ แค่นี้นะครับ ก็คือมันเป็นคนละเรื่องกัน เราพูดอะไรก็ได้ แต่เขาสำหรับเขาก็คือเขาเข้าใจว่าเราเห็นด้วยกับเขา แต่จริงๆ แล้วก็คือเราพูดอีกเรื่องหนึ่ง ก็คือสรรเสริญพระเจ้าค่ะ ขอบคุณพระเจ้าค่ะ เราไม่ได้เอเมนค่ะก็ไม่ผิดครับ
ถาม.
อย่างเช่นพี่น้องที่เป็นคริสเตียนศาสนา คือเวลาเขามาแล้วก็บอกว่าสวัสดีค่ะขอพระเจ้าอวยพร แต่ว่าเราก็ไม่ได้ตอบว่าเอเมนแต่เรายิ้มให้เขาเฉยๆ ค่ะเพราะว่าพระเจ้าอวยพรเราแล้ว ก็ขอบคุณพระเจ้าเอเมนค่ะ
ตอบ.
เมื่อพี่น้องคริสเตียนศาสนาที่เขาไม่เข้าใจ เขาใช้คำว่าขอพระเจ้าอวยพร เราตอบกลับนะครับว่า “ขอให้พี่น้องจำเริญขึ้นในพระคุณของพระเจ้า” เอเมนครับ
ถาม.
แต่อาจารย์ค่ะพอเราบอกว่า ขอให้จำเริญขึ้นในพระคุณของพระเจ้า เขาก็จะบอกว่าช่างมันเถอะพูดกันมานานแล้ว เขาว่าอย่างเงี้ยค่ะ
ตอบ.
เขาสำแดงความไม่สุภาพไม่อ่อนโยนกับเราไม่ถ่อมใจกับเราใช่ไหม อันนี้เราเห็นนะครับ
แต่สำหรับพวกเราคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ คริสเตียนแท้ผู้เชื่อที่แท้จริงเราสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนเราทำถ่อมดินเราไม่ต่อสู้กับใคร เมื่อเขาไม่เห็นด้วยกับเรา เราก็ยิ้มเเล้วก็ถอยออกมานะครับ ไม่ใช้การถกเถียงเราหลีกเลี่ยงการถกเถียง เราเห็นนะครับว่า 1 โครินธ์ 2 โครินธ์ เปาโลย้ำโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่าเราคริสเตียนแท้บุตรพระเจ้า ไม่ถกเถียง ไม่ขัดแย้งกับใคร เมื่อเราอธิบาย 2-3 คำ 2-3 ครั้ง เขาไม่รับเขาไม่ยอมเขาจะต่อสู้กับเราจะเอาชนะให้ได้ เราถอยเลยนะครับ สำหรับบุตรพระเจ้า คำว่าผู้แพ้เนี่ย สำหรับพระเจ้าพระเจ้ามองว่าเป็นผู้ชนะ เราเป็นผู้แพ้ตอนนี้ แต่เราจะเป็นผู้ชนะในยุคต่อไป