- เมื่อความจริงกลายเป็นคำสอนปลอม และเมื่อคำสอนปลอมกลายเป็นความจริงสำหรับคริสเตียน พระวิญญาณเท่านั้นที่เปิดเผยให้จิตใจที่หล่นจากพระคุณแล้วให้หยั่งรู้ว่า อะไรจริงอะไรไม่จริง
- พระเยซูเป็นสะบาโตของเรา (ฮบ 4)
2:1 เพราะข้าพเจ้าใคร่ให้ท่านรู้ว่า ข้าพเจ้าสู้อุตส่าห์มากเพียงไรเพื่อท่าน เพื่อชาวเมืองเลาดีเซียและเพื่อคนทั้งปวงที่ยังไม่เห็นหน้าของข้าพเจ้าในฝ่ายเนื้อหนัง
2:2 เพื่อเขาจะได้รับความชูใจ และเข้าติดสนิทกันในความรัก และมั่นใจในความอุดมสมบูรณ์แห่งความเข้าใจ และเข้าในความรู้ ความลึกลับของพระเจ้า และของพระบิดา และของพระคริสต์
** "มั่นใจในความอุดมสมบูรณ์แห่งความเข้าใจ" คือพระวิญญาณทำให้เราเชื่อ และมั่นใจว่าความรู้ ข้อลึกลับทั้งหมดที่เราได้รับมานั้นเป็นมาโดยพระเจ้า ไม่ใช่จากสติปัญญาของมนุษย์ เราจึงกลับไปรับความรู้ผิดๆ ไม่ได้อีกแล้ว
** "ความรู้ในความลึกลับของพระเจ้าและของพระบิดา" คือข้อลึกลับเรื่องแผนการการบริหารจักรวาลและโลกของพระเจ้า
** "ความรู้ในความลึกลับของพระคริสต์" คือพระกายที่เป็นมนุษย์วิญญาณ เดินในวิญญาณโดยการเชื่อ (เอา) ว่าเขาใหม่ และอยู่ในพระคริสต์ตลอดเวลา อยู่ร่วมกันด้วยรัก และเกิดผลของพระกายถวายแด่พระเจ้า ไม่ใช่รับแต่ความรู้แต่ไม่ได้รับความเข้าใจในฝ่ายวิญญาณ
2:3 ซึ่งคลังสติปัญญาและความรู้ทุกอย่างทรงปิดซ่อนไว้ในพระองค์
** พระคริสต์เป็นผู้ปิดซ่อนข้อลึกลับทั้งหมดไว้จากผู้เผยพระวจนะ (ผู้รับใช้) และผู้ชอบธรรม (อวดว่าตนดี เข้มแข็งในความเชื่อ) แต่เปิดให้ผู้ที่อ่อนแอและเป็นคนอธรรมได้เห็น (มธ 13:11-17)
2:4 ข้าพเจ้ากล่าวเช่นนี้เพื่อมิให้ผู้ใดล่อลวงท่านด้วยคำชักชวนอันน่าฟัง
** ทุกวันนี้มีคำสอนและคนพูดด้วยคำพูดที่น่าฟัง ซึ่งอาจทำให้ผู้เชื่อใหม่หลงได้ ผู้เชื่อใหม่ที่ยังเป็นเด็กฝ่ายวิญญาณจะอ่อนไหวและชอบฟังถ้อยคำที่น่าฟัง เขาไม่รู้ว่าสิ่งไหนมาจากพระวิญญาณ และสิ่งไหนมาจากสติปัญญาของอาดัม
2:5 เพราะถึงแม้ว่าตัวของข้าพเจ้าไม่อยู่กับท่าน แต่ใจของข้าพเจ้ายังอยู่กับท่าน และมีความชื่นชมยินดีที่ได้เห็นท่านอยู่กันอย่างเรียบร้อย และเห็นความเชื่อมั่นคงของท่านในพระคริสต์
** คริสตจักรเมืองโคโลสีได้รับการเปิดตา และอยู่ในระดับหนุ่มแล้ว จึงไม่ขัดแย้งทะเลาะวิวาท ทุกคนรักกันเป็นหนึ่งเดียวในพระคริสต์
2:6 เหตุฉะนั้นตามที่ท่านได้ต้อนรับเอาพระเยซูคริสต์เจ้ามาแล้วอย่างไร ก็ให้ดำเนินชีวิตในพระองค์อย่างนั้นต่อไป
2:7 โดยท่านได้ถูกวางรากลงไว้แล้ว และถูกก่อร่างสร้างขึ้นในพระองค์ให้สมบูรณ์ และถูกตั้งให้มั่นคงอยู่ในความเชื่อตามที่ท่านได้รับการสอนมาแล้วนั้น จึงเต็มล้นด้วยการขอบพระคุณอยู่ในนั้น
** พระเจ้าทรงเลือกผู้เชื่อที่จะเป็นผู้ชนะ และเลือกเขาออกมาจากท่ามกลางผู้เชื่อที่ไม่ชนะ หลังจากนั้นก็ทรงชำระด้วยพระคำที่เป็นความจริง (ยน 17:17) และสุดท้ายก็ชำระด้วยพระวิญญาณ เพื่อสำแดงชีวิตพระคริสต์ (โรม 15:16)
2:8 จงระวังให้ดี เกรงว่าจะมีผู้ใดทำให้ท่านตกเป็นเหยื่อด้วยหลักปรัชญาและด้วยคำล่อลวงอันไม่มีสาระ ตามธรรมเนียมของมนุษย์ ตามหลักการต่างๆที่เป็นของโลก ไม่ใช่ตามพระคริสต์
** ตั้งแต่สมัยสาวก มีผู้เชื่อผู้นำที่นำเอาความคิดสติปัญญาของมนุษย์เข้ามาใช้เป็นส่วนประกอบในการเทศนาสั่งสอน เพื่อโน้มน้าวจิตใจผู้เชื่อ บางคริสตจักรยังฝึกเดิน ฝึกชีวิตในรูปแนวศาสนา ตามธรรมเนียมของมนุษย์ แต่คิดว่าเขาทำดีแล้ว ถูกแล้ว สุดท้ายก็มาไม่ถึงชีวิต แต่พระเจ้ามองเขาเป็นเหมือนคริสตจักรศาสนา
2:9 เพราะว่าในพระองค์นั้นสภาพของพระเจ้าดำรงอยู่อย่างบริบูรณ์
** พระเจ้าทรงสำแดงชีวิตอันครบผ่านพระเยซู
2:10 และท่านได้ความครบบริบูรณ์ในพระองค์ ผู้เป็นศีรษะแห่งปวงเทพผู้ครอบครองและศักดิเทพ
** เมื่อเราอยู่ในพระคริสต์และพระคริสต์อยู่ในเรา เราจึงสามารถเป็นผู้ชนะได้ ชีวิตผู้ชนะแท้ที่จริงแล้วไม่ใช่ชีวิตของเรา แต่เราขอยืมชีวิตนี้จากพระคริสต์ เพื่อเข้ามาสถิตในเรา และดำเนินชีวิตแทนเรา เพราะเราทำตามพระประสงค์ของพระบิดาไม่ได้
2:11 ในพระองค์นั้น ท่านได้รับเข้าสุหนัต ซึ่งเป็นการเข้าสุหนัตที่มือมนุษย์มิได้กระทำ โดยที่ท่านได้สละกายแห่งความบาปของเนื้อหนังเสีย โดยการเข้าสุหนัตแห่งพระคริสต์
** ยิวเข้าสุหนัตฝ่ายร่างกาย แต่คริสเตียนเข้าสุหนัตแห่งพระคริสต์แล้ว
2:12 ได้ถูกฝังไว้กับพระองค์ในบัพติศมา ซึ่งท่านได้เป็นขึ้นมากับพระองค์ด้วย โดยความเชื่อในการกระทำของพระเจ้า ผู้ได้ทรงบันดาลให้พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตาย
** การรับบัพติศมา คือการยืนยันความจริงว่าเราได้ตาย และถูกฝัง และได้เป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว เรายอมรับสิ่งนี้โดยความเชื่อว่าเป็นจริง ผู้เชื่อมากมายทุกวันนี้ไม่อาจเข้าใจได้
2:13 และท่านที่ตายแล้วด้วยความบาปทั้งหลายของท่าน และด้วยเหตุที่เนื้อหนังของท่านมิได้เข้าสุหนัต พระองค์ได้ทรงให้ท่านมีชีวิตด้วยกันกับพระองค์ และทรงโปรดยกโทษการละเมิดทั้งหลายของท่าน
** "มีชีวิตด้วยกันกับพระองค์" คือสองคนอยู่ในร่างเดียว คือเราที่เป็นคนใหม่และพระคริสต์ที่เป็นหนึ่งเดียวกับชีวิตใหม่ของเรา กระทำทุกสิ่งร่วมกันคือพระคริสต์ใช้ชีวิตใหม่ของเรา
2:14 พระองค์ทรงลบกรมธรรม์ในข้อบัญญัติต่างๆที่ต่อต้านเราอยู่ ซึ่งขัดขวางเราและได้ทรงหยิบเอาไปเสียให้พ้น โดยทรงตรึงไว้ที่กางเขนของพระองค์
** "การตายของพระเยซูบนกางเขน" คือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ คือเราได้หลุดพ้นจากพระบัญญัติทุกข้อที่ต่อต้านและขัดขวางตัวเก่าของเราไม่ให้เราเชื่อฟังรักษาพระบัญญัติได้
2:15 พระองค์ทรงปลดเทพผู้ครอบครองและศักดิเทพเสีย พระองค์ได้ทรงประจานเขาและชนะเขาโดยกางเขนนั้น
** โดยการตายที่กางเขน พระเยซูจึงมีชัยชนะ ทรงปลดเทพทั้งหลายที่ครอบครองทุกที่ทุกหนทุกแห่งซึ่งเป็นลูกน้องของซาตาน พระนามพระเยซูจึงมีอำนาจเหนือเทพทั้งหลาย
2:16 เหตุฉะนั้นอย่าให้ผู้ใดพิพากษาปรักปรำท่านในเรื่องการกินการดื่ม ในเรื่องการถือเทศกาล วันขึ้นหนึ่งค่ำ หรือวันสะบาโต
2:17 สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเงาของเหตุการณ์ที่จะมีมาในภายหลัง แต่กายนั้นเป็นของพระคริสต์
** ด้วยชัยชนะของพระเยซูที่กางเขน เราจึงไม่ต้องอยู่ใต้พระบัญญัติ ทั้งธรรมเนียมเรื่องการกินดื่ม การถือเทศกาล และแม้กระทั่งวันสะบาโต แต่เราอยู่ในพระคริสต์ ผู้เชื่อส่วนมากกลัวและฟ้องผิดภายในใจ เมื่อไม่ได้มานมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์ เพราะเขาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นวันสะบาโต แต่แท้ที่จริงแล้ว "สะบาโต" แปลว่า "พักผ่อน" ในยุคพระคุณ พระคริสต์เป็นสะบาโต (พักผ่อน) ของเรา เราทำงานฝ่ายร่างกายได้แต่เราต้องพักสงบในพระองค์ ไม่ว่าจะวันไหนเวลาไหนก็ตาม เมื่อเราต้องทำงานในวันอาทิตย์ เราอาจสามัคคีธรรมกับพระบิดาได้ในวิญญาณร่วมกับพี่น้อง และขอพระบิดาเปิดหนทางให้เราได้ร่วมกับพี่น้อง เพราะว่าคริสตจักรมีความจำเป็นต่อเรา และเราก็สำคัญต่อคริสตจักร
2:18 อย่าให้ผู้ใดโกงบำเหน็จของท่านด้วยการจงใจถ่อมตัวลงและกราบไหว้ทูตสวรรค์ ใฝ่ฝันในสิ่งเหล่านั้นที่เขาไม่ได้เห็น ผยองขึ้นเปล่าๆตามความคิดของเนื้อหนัง
** การกราบไหว้ และถ่อมตัวลงต่อทูตสวรรค์มีมานานแล้ว พระเจ้าห้ามมิให้ผู้เชื่อติดต่อหรือกราบไหว้ยกย่องสรรเสริญเป็นอันขาด แต่ทูตสวรรค์สามารถติดต่อกับเราได้เมื่อพระเจ้าอนุญาต
2:19 และไม่ได้ยึดมั่นในพระองค์ผู้ทรงเป็นศีรษะ ศีรษะนั้นเป็นเหตุให้กายทั้งหมดได้รับการบำรุงเลี้ยงและติดต่อกันด้วยข้อและเอ็นต่างๆ จึงได้เจริญขึ้นตามที่พระเจ้าทรงโปรดให้เจริญขึ้นนั้น
** คริสตจักรที่ไม่ยึดพระคริสต์เป็นศูนย์กลาง แต่กลับเน้นเรื่องอื่น ทั้งแบ่งแยกพรรคพวก ใช้ตัวอาดามเนื้อหนังดำเนินชีวิตคริสเตียนและรับใช้พระเจ้า การอยู่ในรูปแนวศาสนา ก่อตั้งกฎเกณฑ์มากมายเพื่อให้ผู้เชื่อแบก การหล่อเลี้ยงของพระเจ้าจึงไม่มี ชีวิตที่สุกงอมอย่างแท้จริงก็ไม่มา
2:20 ดังนั้นถ้าท่านตายกับพระคริสต์พ้นจากหลักการต่างๆที่เป็นของโลกแล้ว เหตุไฉนท่านจึงมีชีวิตอยู่เหมือนกับว่าท่านยังอยู่ฝ่ายโลก ยอมอยู่ใต้กฎต่างๆ
** ถึงแม้ว่าผู้เชื่อในเมืองนี้มีความรัก และเป็นหนึ่งเดียว แต่ก็ยังมาไม่ถึงชีวิตที่สุกงอม เพราะว่าตายังไม่ถูกเปิดทั้งหมด ยังมีบางด้านที่เขาเป็นเหมือนชาวโลก ยังเน้นเรื่องการทำผิด ทำถูก
2:21 (เช่น “อย่าแตะต้อง” “อย่าชิม” “อย่าเอามือหยิบ”
2:22 ซึ่งทั้งหมดจะพินาศเมื่อทำดังนั้น) อันเป็นหลักธรรมและคำสอนของมนุษย์
2:23 จริงอยู่สิ่งเหล่านี้ดูท่าทีมีปัญญา คือการเต็มใจนมัสการ การถ่อมตัวลง และการทรมานกาย แต่ไม่มีประโยชน์อะไรในการต่อสู้กับความต้องการของเนื้อหนัง
** สำหรับพระเจ้า การกระทำต่างๆ ภายในคริสตจักร ถึงแม้ว่าจะดูดีอย่างไร แต่การเอาชนะตัวบาปที่อยู่ในผู้เชื่อได้ คือสิ่งที่สำคัญ และผู้เชื่อควรเอาใจใส่ในการฝึกเดินเพื่อพระคริสต์จะก่อร่างขึ้นและขยายใหญ่ขึ้นในเรา