พี่น้องคริสเตียนส่วนมากได้รับแค่เฉพาะขั้นตอนที่หนึ่งเท่านั้น ยังอีกสองขั้นตอนที่ไม่ได้รับ จึงไม่มีโอกาสเติบโตในชีวิตพระคริสต์
สันติสุขทุกวันเวลาอยู่ที่ไหน เราได้รับกันหรือไม่ ปัญหามาจากอะไร ทำไมคริสเตียนส่วนมากทุกวันนี้จึงไม่สามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสันติสุขทุกวันทุกเวลานาทีได้
เรารู้กันดีว่าพระบัญญัติใหม่ของพระเยซูคริสต์ 1 ใน 9 ประการแรกของคุณสมบัติแห่งประชากรแห่งราชอาณาจักรสวรรค์ ก็คือการมีสันติสุขทุกวันเวลานาที หรือการอยู่ในความชื่นชมยินดีกับพระเยซูคริสต์ และจิตใจเราได้รับการพักผ่อน
แต่ถามว่าทำไมทุกวันนี้เราแบกภาระหนักกันมาก แบกภาระหนักเรื่องการรักษาพระบัญญัติ แบกภาระหนักเรื่องชีวิตครอบครัว การเงิน การงาน เศรษฐกิจ ปัญหาบ้านเมือง คือความวุ่นวายทั่วโลกมันทำให้เรามีผลกระทบ ชีวิตคริสเตียนของเราจึงดำเนินอยู่ในความไม่สะดวกแล้วก็ไม่ราบรื่น แล้วก็เราขาดสันติสุข ชีวิตของเราก็ขึ้นลงขึ้นลง การเชื่อฟังพระเจ้าก็ดีบาปดีบาปไปจนตาย
ถามว่าสัญญาของพระเยซูอยู่ที่ไหน ว่ากันว่าคริสตจักรก็ไม่ต่างไปจากโรงละครโรงใหญ่ที่มีผู้เชื่อมากมาย คือนักแสดงละคร ใครที่เล่นบทบาทได้ดี ตีบทแตก ก็เป็นพระเอก หรือเป็นผู้ชอบธรรมในคริสตจักร แล้วก็มีตำแหน่ง คือทุกวันนี้คริสเตียนพวกเราสวมหน้ากากเข้าหากันหรือหน้าซื่อใจคด เราไม่ได้ตั้งใจเราไม่ได้เจตนากระทำแต่มันจำเป็นใช่ไหม กลัวไม่มีใครนับถือไม่มีใครยกย่องให้เกียรติเรา ไม่มีใครเลือกเราหรือใช้เราในคริสตจักร และในที่สุดสังคมคริสเตียนทั่วไปทุกวันนี้จึงกลายเป็นคริสเตียนศาสนา เราไม่ได้ตั้งใจที่จะเป็นคริสเตียนศาสนา
พระเจ้าไม่เคยมีพระประสงค์ที่จะก่อตั้งศาสนาคริสต์ แต่เราผู้เชื่อทำให้คริสตจักรของพระเจ้า สังคมคริสเตียนกลายเป็นศาสนาไป แล้วก็คริสเตียนพวกเรากลายเป็นคริสเตียนดารา ก็คือหน้าซื่อใจคด แสดงละคร ในขณะที่อยู่ในโบสถ์ แล้วตัวจริงของเราไม่ใช่พระเอก และคริสเตียนพวกเรากลายเป็นคริสเตียนที่ตายแล้ว คริสเตียนชาวโลก คริสเตียนที่เป็นอุ่นๆ คริสเตียนฟาริสี คริสเตียนมากมายหลายประเภทที่ทุกวันนี้เราไม่ได้เป็นคริสเตียนฝ่ายวิญญาณที่แท้จริงตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
เราก็พยายาม เราก็รักพระเจ้าใช่ไหม สาเหตุที่คริสเตียนไม่มีโอกาสที่จะได้เข้าสู่การพัฒนาชีวิตสู่พระลักษณะของพระเยซูคริสต์ เนื่องจากว่าคริสเตียนไม่มีโอกาสได้เข้าสู่การ Sanctified / Sanctified ก็คือการแยกออก การ "แยกออก" ก็คือการ "ชำระ" ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Sanctified หรือ transform เป็นความหมายเดียวกันเป็นคำที่คล้ายๆ กัน และได้ความหมายของภาษากรีก
Sanctified หรือ Transform คือเปลี่ยนชีวิตจิตใจของเรา เปลี่ยนความชอบธรรมของอาดัมของเรา เปลี่ยนการกระทำของเรา คุณสมบัติของเราให้กลายเป็น คุณสมบัติและความดีความชอบธรรม การสำแดงชีวิตใหม่ ซึ่งพระวิญญาณพระเยซูคริสต์ในสภาพของพระวิญญาณที่ทำแทนเราทำอยู่ในเรา และสำแดงออกมาให้โลกเห็นพระองค์ผ่านเรา
3 ขั้นตอนของการ Sanctified หรือ 3 ขั้นตอนของการชำระให้เรากลายเป็นคนใหม่ ก็คือ..
- ขั้นตอนที่ 1. ก็คือ Sanctified by the Blood (ฮบ 10:10 / 1 คร 6:11) หรือการชำระโดยพระโลหิต การชำระโดยพระโลหิตคริสเตียนทุกคนเราได้รับแล้ว เราได้รับแล้ว โรม 5:1 กล่าวว่าเราได้รับการชำระโดยทางความเชื่อ เรากลายเป็นคนบริสุทธิ์แล้ว Justified by faith ก็คือพระเจ้าชำระเราแล้วโดยทางความเชื่อ และพระโลหิตเป็นเหตุให้พระเจ้าชำระเรา
2 โครินธ์ 5:17 เรากลายเป็นคนใหม่แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็ถูกสร้างขึ้นใหม่แล้ว สิ่งเก่าๆ ก็ผ่านไป
ลูกา 15:22 เราได้สวมเสื้อที่ดีที่สุด ก็คือพระเยซูคริสต์ในสภาพของบุคคลที่เข้ามาอยู่กับเราอยู่ในเรา และปกปิดเราเป็นเสื้อที่ให้เราสวมใส่ เพื่อทุกครั้งที่พระเจ้าพระบิดามองมาที่เราก็เห็นพระคริสต์
นอกจากนี้เราได้บังเกิดใหม่และเรากลายเป็นคนชอบธรรมโดยทางความเชื่อ
• เมื่อเราเกิดในอาดัม เรากลายเป็นคนบาป
• เมื่อเราบังเกิดใหม่ในพระคริสต์ เรากลายเป็นคนชอบธรรม
ไม่ได้เกี่ยวกับการปฏิบัติ ไม่ได้เกี่ยวกับการเชื่อฟัง การที่เรากลายเป็นคนชอบธรรม เพราะเหตุการได้บังเกิดใหม่ในพระคริสต์
"เราเกิดเก่าเกิดในอาดัมเป็นคนบาป" "เราเกิดใหม่เกิดในพระคริสต์เป็นคนชอบธรรม" (โรม 5:12, 19-21)
สรุป การชำระของคริสเตียนพระเจ้ามีพระประสงค์ที่จะให้เราได้รับการชำระ 3 แบบ 3 ขั้นตอนด้วยกัน แต่เนื่องจากว่าคริสเตียนทั่วไปส่วนมากทุกวันนี้ได้รับการชำระเพียงแต่ขั้นตอนแรกเท่านั้น คือ
- ขั้นตอนที่ 1. ก็คือ Sanctified by the Blood (ฮบ 10:10 / 1 คร 6:11) เมื่อเราเชื่อเราก็ได้บังเกิดใหม่ เราได้รับการชำระโดยพระโลหิตทุกคน ทุกคนที่เชื่อพระเยซูและได้บังเกิดใหม่อย่างแท้จริง เขาได้รับการชำระโดยพระโลหิตแล้ว
- และการชำระขั้นตอนที่ 2. Sanctified by the word (ยน 17:17) คือการชำระด้วยพระคำของพระเจ้า การชำระด้วยพระคำของพระเจ้าหมายความว่ายังไง คืออะไร?
การชำระด้วยพระคำของพระเจ้า ก็คือการตีความหมายพระคำของพระเจ้าที่ถูกต้องตามความหมายที่แท้จริงจากพระเจ้า ไม่ใช่การตีความหมายของเราเอง เราจะเห็นว่าแต่ละคริสตจักรมีเชื้อยีสต์เต็มไปหมดเลย ตอนนี้ 3 ถังแล้วเต็มไปหมดเลย เมื่อเชื้อยีสต์เข้ามาผสมกับแป้งสดๆ เรากินเข้าไปเราอ่านเรารับรู้เราเรียนรู้เข้ามา ปรากฏว่ามันทำให้เราโตไม่ได้ เราจะไม่สามารถเข้าสู่ลักษณะของพระเยซูคริสต์ การเปลี่ยนแปลง Transform / Sanctified หรือการเปลี่ยนใหม่จิตใจใหม่ชีวิตใหม่จะมาไม่ถึงมาไม่ได้
เนื่องจากว่าพระคำพระเจ้าถูกผสมด้วยแป้งด้วยเชื้อยีสต์ และเมื่อเรากินเข้าไปชีวิตของเราก็เหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง พี่น้องสังเกตใช่ไหมว่า คริสตจักรเรามีกี่คนที่มาถึงจุดที่เป็นผู้ชนะ ที่มาถึงจุดที่มีชีวิตใหม่อย่างแท้จริง
เราก็ทำดี เราก็มีดีอยู่บ้าง แต่เมื่อถึงเวลาที่เราเกินทนมันก็จะระเบิดใช่ไหม หรือการเสแสร้งแกล้งทำการแสดงละครในคริสตจักร เราดูไม่ออก บางครั้งเราดูไม่ออกว่าใครเข้มแข็งใครอ่อนแอ แต่ส่วนมากเวลามันจะเป็นเครื่องพิสูจน์ และถ้าเราได้เรียนบทเรียนนี้ บทเรียนแห่งฝ่ายวิญญาณ บทเรียนที่ลึกซึ้ง เราจะสามารถสังเกตได้เราดูออก
ยอห์น 17:17 พระเยซูตรัสว่า ขอพระบิดาชำระเขาด้วยพระคำของพระองค์ เพราะว่าพระคำของพระองค์เป็นความจริง หมายความว่ายังไง? หมายความว่าการตีความหมายพระคัมภีร์ที่ผิด เราจะมาไม่ถึงการชำระ เราจะมาไม่ถึงการเติบโต ชีวิตจิตใจใหม่จะมาไม่ถึงเรา และพระเยซูยังตรัสอีกว่า พระคำของพระเจ้าจะช่วยให้เราเป็นอิสระ เพราะว่าพระคำของพระเจ้าเป็นความจริง และความจริงจะช่วยให้เราเป็นอิสระ (ยอห์น 8:32)
ปกติแล้ว ถ้าหากพระเจ้าเปิดตาเรา เราตีความหมายพระคัมภีร์ถูก เราเข้าใจพระคำพระเจ้าถูกต้องตามความหมายของพระเจ้า ไม่ใช่ความหมายของเราคิดเองตีความหมายเองเข้าใจไปแบบนี้แบบนั้น เราจะมาถึงสันติสุขได้ทุกวันเวลานาที
สันติสุขแรก ก็คือความสงบของจิตใจความสงบภายในจิตใจ เราที่ไม่กลัวพระเจ้าอีก
แล้วก็สันติสุขต่อมา ก็คือเกิดมีอาการชื่นชมยินดีในพระเจ้า
แต่ทุกวันนี้ผู้เชื่อมากมายทั้งผู้รับใช้ภายในคริสตจักรทั่วไป เราทำงานหนักมากเพื่อที่จะได้สันติสุขมา ต้องอดอาหาร อธิษฐาน ตื่นแต่เช้ามืดเฝ้าเดียว ต้องทำอะไรต่อมิอะไรมากมายเพื่อที่จะได้สันติสุขและการเชื่อฟังพระเจ้า
แท้ที่จริงแล้วพระเยซูก็สัญญาแล้วใช่ไหมว่าผู้ที่มาหาเรา ภาระหนักก็จะหมดไป เราแบกภาระเบา ไม้กางเขนก็เบา เราก็ได้รับการพักผ่อนจากพระเจ้า (มธ 11:28-39) แต่ชีวิตของเรายังมาไม่ถึงจุดนี้
มัทธิว 13:33 กล่าวว่าผู้หญิงเอาเชื้อยีสต์เข้ามาผสมกับแป้งสดๆ จากนั้นก็ฟูขึ้นกลายเป็น 3 ถัง คำอุปมาเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องดีน่ะ พี่น้องคริสเตียนส่วนมากเข้าใจผิดคิดว่าคำอุปมาเรื่องนี้เป็นเรื่องของการขยายตัวหรือเจริญเติบโตของคริสตจักร แท้ที่จริงแล้ว (ไม่ใช่)
ถ้าหากเราดูคำอุปมาตั้งแต่มัทธิวบทที่ 13 บทนี้ ตั้งแต่ข้อที่ 1 จนถึงข้อสุดท้าย เราจะพบว่ามีทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดี
และโดยเฉพาะในข้อที่ 33 คือเรื่องผู้หญิงเอาเชื้อยีสต์เข้ามาผสมกับแป้งสดๆ แป้งล้วนๆ เราจะพบว่าอันนี้เป็นสิ่งไม่ดีน่ะ เชื้อแป้งน่ะ พระเยซูสอนให้สาวกระวังเชื้อ (เชื้อแป้งเชื้อยีสต์ของพวกฟาริสี)
แล้วก็ผู้หญิง ก็คือผู้นำ ผู้รับใช้ เราจะเห็นว่าอีกตอนหนึ่งที่พระคัมภีร์กล่าวถึงผู้หญิงในพระคัมภีร์วิวรณ์บทที่ 2:20 เราจะเห็นว่าผู้หญิง ก็คือครูสอน นักเทศน์ อาจารย์ ศิษยาภิบาล ใครก็ตามที่มีโอกาสได้แบ่งปัน เทศนา นำคำสอนเข้ามาในคริสตจักรเพื่อเลี้ยงดูคริสตจักร แต่ปรากฏว่าถ้าหากเราแปลผิด เราจะเอาเชื้อยีสต์เข้ามาผสม แล้วให้พี่น้องคริสตจักรกิน ผลที่ออกมาก็คือเราเห็นกันทุกวันนี้ใช่ไหม คือชีวิตไม่ได้รับการเติบโต
ทุกวันนี้มีพจนานุกรม หรือการตีความหมายการแปลพระคัมภีร์ มีหนังสือมากมายหลายร้อยเล่มเพื่อให้เราเลือกใช้ แต่ปรากฏว่าเชื้อยีสต์เต็มไปหมดเลย เราคิดว่าคนนี้ก็แปลดี คนนั้นก็ตีความหมายถูก แต่แท้ที่จริงแล้วเรามาดูเราจะเห็นว่ามีการแปลผิดมากมาย
แล้วก็ต่างฝ่ายต่างก็ถกเถียงกัน ทุกวันนี้แต่ละคณะนิกาย สาขา หน่วยงาน คริสตจักรมากมายถกเถียงแล้วก็ขัดแย้ง อยู่ด้วยกันไม่ได้ มีความเชื่อที่แตกต่างกันไป เนื่องจากการตีความหมายหรือการเข้าใจพระคัมภีร์ที่ไม่เหมือนกัน ปัญหาที่ตามมาก็คือสมาชิกโบสถ์แต่ละโบสถ์ แต่ละคณะ ตกเป็นเหยื่อของคำสอนปลอม ตกเป็นเหยื่อของการตีความหมายที่ผิด สุดท้ายเราจะเห็นน่ะว่าคริสเตียนทุกวันนี้กลายเป็นศาสนา คริสเตียนทุกวันนี้ตกจากพระคุณ (ตกขอบ)
และที่สำคัญที่สุดคริสเตียนทุกวันนี้ไม่มีโอกาสได้เข้าสู่กระบวนการการเปลี่ยนแปลง หรือการได้รับจิตใจใหม่ โรม 12:2 อาจารย์เปาโลกล่าวว่า จงรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ด้วยการรับการเปลี่ยนความคิดใหม่
ความคิดใหม่นี้ คือ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเปิดให้เรา พระเจ้าจะเปิดตาเราให้เราได้เห็นความสว่าง เห็นความรู้ที่ลึกลับ เห็นความรู้ที่เป็นปริศนา เห็นความรู้แห่งสติปัญญาของพระเจ้าที่ซ่อนไว้ ซึ่งพระเจ้าทำไมต้องซ่อนไว้ล่ะ? พระเจ้าซ่อนไว้จากคนที่หยิ่ง คนที่ไม่ถ่อม
ในโลกนี้คริสเตียนมากมายรักพระเจ้า คริสเตียนส่วนมากรักพระเจ้ากันหมด บางคนก็รักมาก บางคนก็รักน้อย แต่ปัญหาอยู่ตรงนี้ คือ ทุกคนรักพระเจ้าก็จริง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ถ่อมแท้ คนที่ถ่อมแท้มีน้อยมาก เพราะฉะนั้นพระเจ้าต้องการผู้ที่จะครอบครองร่วมกับพระเยซูในยุคใหม่ ยุคหน้า และชั่วนิรันดร์ คนๆ นั้นจะต้องเป็นคนที่ถ่อมแท้ ถ่อมจริงๆ ไม่ใช่แต่พูด ใครก็พูดได้ใช่ไหม?
ขอพระเจ้าช่วยเราที่จะเข้าสู่การชำระแบบที่ 2. ก็คือการชำระด้วยพระคำของพระเจ้า เมื่อเรารับการชำระด้วยพระคำของพระเจ้า เราตีความหมายพระคัมภีร์แบบใหม่เราเข้าใจถูกต้อง แล้วต่อจากนี้ไป จะอธิบายว่าเมื่อเราได้รับการชำระด้วยพระคำจะมีอะไรเกิดขึ้น เราจะเห็นความหมายพระคัมภีร์ยังไง เราจะเข้าใจเรื่องยุค เรื่องชีวิต เรื่องพระบัญญัติใหม่ พระบัญญัติเก่า เรื่องการดำเนินชีวิตในยุคพระคุณเป็นยังไง
ซึ่งทุกวันนี้พี่น้องคริสเตียนส่วนมากหลงยุค ดำเนินชีวิตอยู่ใต้พระบัญญัติเดิมแต่ไม่รู้ตัว พวกเราก็ยังทำกันไปทำกันอยู่ทุกวันนี้ไม่รู้ตัว แล้วถ้ามีใครมาบอกเราสิ่งที่ถูกต้อง เราก็บอกว่าคนนั้นเป็นคนเป็นพวกเทียมเท็จ
การชำระด้วยพระคำเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถ้าหากเราได้เข้าสู่การชำระนี้ เมื่อเราพบความรู้สติปัญญาของพระเจ้าที่ซ่อนไว้ที่ครบบริบูรณ์ ต่อจากนั้นเราก็จะได้เข้าสู่การชำระด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ชำระเราหรือ Sanctified เรา การเปลี่ยนแปลง การ Transform หรือการเปลี่ยนจิตใจที่เราเคยใช้ของอาดัมอยู่ ความรักที่มีขีดจำกัด ความดีความชอบธรรมที่ตายแล้ว สิ่งเหล่านี้ก็จะหมดไป ก็จะถูกแทนที่ด้วยความดีความชอบธรรมที่มีชีวิตอยู่ ซึ่งเป็นผลของพระวิญญาณแห่งพระคริสต์ที่อยู่ในเรา
เพราะฉะนั้นแล้วสิ่งที่จำเป็นมากสิ่งที่สำคัญมาก ที่คริสเตียนส่วนมากทุกวันนี้ไม่มีโอกาสได้รับ ก็คือการชำระด้วยพระคำ การชำระด้วยพระคำ คือการเข้าใจความหมาย คือการได้รู้แผนการน้ำพระทัยของพระเจ้าสำหรับชีวิตของเรา และการงานของพระเจ้าในแต่ละยุค
พี่น้องคริสเตียนส่วนมากได้รับแค่เฉพาะขั้นตอนที่หนึ่งเท่านั้น ยังอีกสองขั้นตอนที่ไม่ได้รับ จึงไม่มีโอกาสเติบโตในชีวิตพระคริสต์
จะขอยกตัวอย่างแค่บางเรื่อง: เรื่องยุคเป็นเรื่องที่สำคัญมาก คริสเตียนพวกเราหลงยุค เราไม่รู้ว่าตอนนี้เราอยู่ในยุคพระคุณและเราคิดว่าเราอยู่ในยุคสุดท้าย แต่แท้ที่จริงเราอยู่ในยุคที่ 3 แต่ชีวิตของเรามันฟ้องว่าเราดำเนินชีวิตอยู่ใต้ยุคพระบัญญัติ เราอยู่ในยุคพระบัญญัติ คือเราช้ายุคหนึ่ง
แล้วทีนี้เราบอกว่าเราอยู่ในยุคสุดท้าย แต่แท้ที่จริงยุคนี้เป็นยุคที่ 3 ยุคสุดท้ายก็คือยุคหน้า คือยุคอาณาจักร ยุคที่พระเยซูจะเสด็จกลับมาพร้อมกับราชอาณาจักรสวรรค์และตั้งอยู่บนโลกนี้เป็นเวลาพันปี แล้วก็ผู้ชนะผู้เชื่อที่ชนะผู้ที่มีชีวิตใหม่จิตใจใหม่แล้ว จะมีส่วนครอบของร่วมกับพระเยซูในยุคหน้า และพวกเขายังจะมีส่วนครอบครองกับพระเยซูไปจนชั่วนิรันดร์ในฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ด้วย
กลุ่มพยานพระยะโฮวาห์ เป็นกลุ่มที่เทียมเท็จที่สอนเรื่องยุคพันปี ยุคอาณาจักร เมื่อคริสเตียนส่วนมากได้ยินคำว่า ยุคอาณาจักร อาณาจักร เราก็มักจะคิดว่าพี่น้องเหล่านี้เป็นกลุ่มพยานพระยะโฮวาห์ หรือพวกเทียมเท็จ
แต่แท้ที่จริงแล้วมีคริสเตียนมากมายหลายกลุ่มที่พูดถึงเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า พระเยซูพูดก่อน พระเจ้าสัญญาในพระคัมภีร์เดิม และเมื่อพระเยซูเสด็จมาประกาศ พระเยซูพูดถึงแต่เรื่องราชอาณาจักร ราชอาณาจักร ราชอาณาจักร บ่อยมาก
- การชำระด้วยพระคำ ก็คือการเข้าใจยุค ว่าโลกนี้มี 4 ยุค เรื่องพระคัมภีร์มัทธิวเป็นหนังสือข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักรสวรรค์ ซึ่งอยู่ในยุคหน้า ไม่ใช่ข่าวประเสริฐเรื่องความรอดในฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ พระคัมภีร์มัทธิวอาจจะพูดถึงเรื่องความรอดในวันสุดท้ายเล็กน้อย ก็พอมี แต่ส่วนมากพระคัมภีร์มัทธิวจะเป็นเรื่องที่เน้นถึงข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักรสวรรค์ในยุคหน้า
- การชำระด้วยพระคำอีกเรื่อง ก็คือการที่เราไม่ได้อยู่ใต้พระบัญญัติเดิมแล้ว แต่เราอยู่ใต้พระบัญญัติใหม่ และการอยู่ใต้พระบัญญัติใหม่นั้นเราอยู่ใต้พระคุณ
ใต้พระคุณ ก็คือเราไม่ได้เป็นคนปฏิบัติตามรักษาพระบัญญัติใหม่ของพระเยซูคริสต์ แต่พระคริสต์ต่างหากที่เป็นพระวิญญาณที่อยู่ในเราเป็นผู้รักษาแทนเรา
- การได้รับการชำระด้วยพระคำของพระเจ้าอีกเรื่องหนึ่ง ก็คือพระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนสองพันปีก่อน เราก็มีส่วนเราก็ตายกับพระเยซูด้วย และเมื่อพระเยซูฟื้นคืนพระชนม์ เราก็มีส่วนในการฟื้นคืนพระชนม์ และได้รับชีวิตใหม่จากพระเจ้า
- เรื่องต่อไป ก็คือเรามีชีวิตอยู่วันละครั้งเท่านั้น หรือมีชีวิตอยู่วันต่อวัน คือวันนี้เราอยู่จนค่ำเรานอนเราก็ตาย และพรุ่งนี้เรามีชีวิตใหม่อีกครั้งหนึ่ง เราก็ตายต่อตัวเก่าและดำเนินชีวิตในตัวใหม่ และคืนนี้เรานอนเราก็ตายอีก และพรุ่งนี้เราก็มีชีวิตใหม่อีก เราอยู่ได้วันละครั้งหรือวันต่อวัน
พระเยซูตรัสว่า ขอพระองค์ทรงประทานอาหารประจำวันแก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย พระเยซูไม่ได้บอกว่าอาหารประจำสองวัน ขอประทานอาหารประจำอาทิตย์หนึ่ง หรือเดือนหนึ่ง หรือปีหนึ่ง แต่พระเยซูตรัสว่า ขอวันเดียว
ในลูกา 9:23 กล่าวว่า ถ้าผู้ใดใคร่จะตามเรามา ให้ผู้นั้นเอาชนะตัวเองและรับกางเขนของตนแบกทุกวันและตามเรามา
ถ้าหากผู้ใดไม่แบกกางเขนทุกวัน และตามเรามา บุคคลผู้นั้นก็ไม่เหมาะสมกับเรา อันนี้คือการตายทุกวัน แบกกางเขนทุกวัน ก็คือการยอมรับการตายต่อตัวเก่าชีวิตเก่าทุกวัน และดำเนินชีวิตใหม่ทุกวัน
1 โครินธ์ 15:31 อาจารย์เปาโลกล่าวว่า ข้าพเจ้าตายทุกวัน
คือพูดง่ายๆ ก็คือชีวิตของคริสเตียน เราดำเนินชีวิตอยู่ได้วันละครั้ง มัทธิว 6:25-34 พระเยซูตรัสว่า อย่ากระวนกระวายถึงวันพรุ่งนี้
เราดำเนินชีวิตในวันนี้ให้ดีที่สุด พรุ่งนี้ก็เป็นของพรุ่งนี้ไม่เกี่ยวกับวันนี้
คริสเตียนส่วนมากมักจะเป็นห่วงกระวนกระวาย คิดหนักว่าพรุ่งนี้จะทำยังไง จะเอาอะไรกิน จะไปทำมาหากินยังไง จะต้องดำเนินชีวิตยังไง คือมีภาระในใจมากมายเหลือเกิน เราแบกภาระเพียงวันเดียว ถ้าเราแบกภาระวันเดียวภาระก็จะเบามาก
- และการได้รับการชำระด้วยพระคำหรือรับการชำระด้วยความจริงของพระเจ้า ก็คือเราไม่ใช่คนบาปอีกต่อไปแล้ว ผู้เชื่อส่วนมากทุกวันนี้คิดหรือเข้าใจว่าเราเป็นคนบาปอยู่ สาเหตุเพราะว่าเรายังทำบาปกันอยู่
แต่แท้ที่จริงเราเป็นคนชอบธรรมแล้วในพระเจ้าในพระคริสต์ และการทำบาปของเราเรียกว่าคนดีทำบาป คนชอบธรรมทำบาป
แต่สำหรับชาวโลกคนที่ไม่เชื่อพระเจ้า พระเจ้าเรียกเขาว่า คนบาปทำดี เมื่อเขาทำดีแล้วเขาก็มีความดีอยู่ เมื่อเขาทำดี พระเจ้าเรียกเขาว่าคนบาปทำดี ไม่ใช่คนดีทำดีน่ะ
เมื่อพระเจ้าชำระเราด้วยพระคำนี้ เราจะพบความจริงว่าเราไม่ใช่คนบาปอีกต่อไป และเราเป็นคนชอบธรรม คริสเตียนพวกเราได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้ว เรามีตำแหน่ง หรือฐานะเป็น Saints ก็คือ ผู้บริสุทธิ์ สำหรับพระเจ้า ทุกครั้งพระเจ้ามองมาที่เรามีพระคริสต์เป็นเสื้อที่ดีที่สุดที่เราสวมใส่ และพระเจ้ามองมาเห็นว่าเราบริสุทธิ์ชอบธรรมต่อจากพระเนตรของพระองค์
- อีกเรื่อง ก็คือความรอดมีสองความรอด คือรอดในวันสุดท้าย คือเชื่อเท่านั้นก็รอดแล้วไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติ
และอีกความรอดหนึ่ง ก็คือการได้รอดเข้าในราชอาณาจักรในยุคหน้า ซึ่งพระเยซูจะเสด็จกลับมาพร้อมกับราชอาณาจักรของพระองค์ และเรามีส่วนได้เข้าในราชอาณาจักรนี้
- การได้รับการชำระด้วยพระคำของพระเจ้าในขั้นตอนต่อมาในเรื่องต่อไป ก็คือยุคนี้ทำนา ยุคหน้ารับค่าจ้าง พี่น้องคริสเตียนส่วนมากเข้าใจผิดคิดว่ายุคนี้เป็นยุคสบายน่ะ เชื่อพระเจ้าแล้วชีวิตจะราบรื่น การงานดี สุขภาพดี ครอบครัวดี ชีวิตดี ฐานะดี ทุกอย่างดีหมด แต่แท้ที่จริงแล้วพระเยซูตรัสว่า คนที่ติดตามพระเยซูจะถูกข่มเหง
เรามีร้อยพ่อร้อยแม่ร้อยบ้านร้อยครอบครัวร้อยที่ดิน ร้อยทั้งหลายก็คือ ร้อยพ่อร้อยแม่คริสเตียน เรามีพี่น้องคริสเตียนที่ดูแลกันช่วยเหลือกัน ทรัพย์สินของเขาก็เหมือนทรัพย์สินของเรา แต่ทุกวันนี้เราตกขอบแล้ว เราทำไม่ได้น่ะ
แต่ยังไงก็ดีน้ำพระทัยของพระเจ้าหรือความจริงของพระเจ้า ให้เราเชื่อและเราอยู่ในความจริงนี้ คือเราไม่ได้อยู่ในยุคแห่งการรับพระพรฝ่ายเนื้อหนัง ทุกวันนี้พระเจ้าประทานพระพรให้เราฝ่ายวิญญาณแล้ว เรามีพระพรฝ่ายวิญญาณครบทุกประการ มีสันติสุข มีความหวัง ได้รับความรอด ได้รับชีวิตพระเจ้า ได้รับพระวิญญาณ ได้รับมรดกมากมายหลายประการ (แต่เป็นฝ่ายวิญญาณ) ส่วนเรื่องพระพรฝ่ายร่างกาย หรือค่าจ้างรางวัลบำเหน็จที่เราจะได้รับ อยู่ในยุคหน้า
อีกครั้ง.. ยุคนี้ทำนา ยุคหน้ารับค่าจ้าง พี่น้องคริสเตียนส่วนมากยังไม่ได้พบความจริงนี้ ก็เลยปลูกบ้านใส่ทุ่งนา ตอนนี้นอนสบายไม่ทำงาน
- และการได้รับการชำระจากพระเจ้าในเรื่องต่อไป ก็คือพระคริสต์อยู่ในเรา พี่น้องคริสเตียนส่วนมากมักไม่เข้าใจ ว่าพระเยซูคริสต์ในสภาพของพระวิญญาณอยู่ในเราทุกวัน 24 ชั่วโมง 7 วัน ไม่เคยออกไปจากเราเลย และพระวิญญาณก็เช่นกันพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็อยู่ในเราอยู่กับเราไม่เคยจากเราไปไหน
ยอห์น 14:16 กล่าวว่า เราจะประทานผู้หนึ่งมาอยู่กับท่านและผู้นั้นจะอยู่กับท่านตลอดไป ภาษาอังกฤษก็คือ Forever / Forever ก็คือชั่วนิรันดร์ตลอดไปไม่เคยจากไปไหน
แต่พี่น้องคริสเตียนส่วนมากทุกวันนี้มักคิดว่าเมื่อเราทำบาปพระวิญญาณก็จะออกจากเรา และเมื่อเราเชื่อฟังพระวิญญาณก็จะกลับมาใหม่ ออกเข้า ออกเข้า หลายรอบเลย อันนั้นเป็นยุคเดิมยุคพระบัญญัติ เมื่อชาวยิวพระเจ้าต้องการจะใช้ใคร คนนั้นต้องบริสุทธิ์เชื่อฟังพระเจ้า ชีวิตต้องไม่ทำบาป และพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะเข้ามาสถิตชั่วคราว พอทำงานเสร็จแล้วใช้คนนั้นแล้วพระวิญญาณก็จะออกไป
- การได้รับการชำระเรื่องต่อไป ก็คือพระเจ้าจะยกโทษให้เราไม่ว่าจะเป็นการทำบาปมากมาย มากน้อย เล็กใหญ่ บาปที่ตั้งใจ ไม่ตั้งใจ บาปที่แบบว่าเล่นเกมกับพระเจ้า ทำบาปแล้วกลับมาสารภาพใหม่
แต่ถ้าหากเราเสียใจเรายอมรับผิดเราคุกเข่าสารภาพต่อพระเจ้า พระเจ้าก็จะยกโทษให้ การยกโทษของพระเจ้าไม่ได้ขึ้นอยู่ที่การทำบาปของเรา สภาพการสถานการณ์ความบาปจะเป็นยังไง แต่การยกโทษของพระเจ้าอยู่ที่พระโลหิต พระโลหิตของพระเยซูเป็นเหตุให้พระเจ้ายกโทษให้เรา เรากล้าสารภาพร้อยครั้งพันครั้ง พระเจ้าก็กล้ายกโทษให้ร้อยครั้งพันครั้ง เพราะว่าพระเจ้าก่อตั้งระบบการยกโทษให้เราแล้ว ถ้าพระเจ้าไม่ยกโทษครั้งเดียวเราตายน่ะ
- การได้รับการชำระด้วยพระคำของพระเจ้ายังมีอีกมากมายหลายประการ ขอพระเจ้าช่วยเรา ให้เราเข้าใจมากขึ้นเรื่องความจริง พระคำที่แปลตามความหมายที่ถูกต้องตามภาษากรีกและการทรงนำการทรงเปิดเผยของพระวิญญาณบริสุทธิ์
คือเราจะเห็นน่ะว่า หนังสืออธิบายพระคัมภีร์ คู่มือพระคัมภีร์มีมากมายเหลือเกินเป็นร้อยเป็นพันฉบับ แต่อย่าลืมน่ะว่าไม่ใช่ทุกคนที่พระเจ้าเลือก ไม่ใช่ทุกคนที่พระเจ้าเปิดเผย ไม่ใช่ทุกคนที่พระเจ้าใช้ ยังมีปัญหาอีกมากมายในคริสตจักร ที่..
เราเดินในทางที่หลงผิด เดินในทางแห่งความมืด
เราเดินในทางที่ตกหล่นจากพระคุณ
เราเดินในทางที่เป็นคริสเตียนที่ตายแล้ว
เราเดินในทางที่เป็นคริสเตียนชาวโลก
เราเดินในทางที่ไม่ได้ไปตามทาง
เราเดินในทางที่ไม่ได้เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า
แต่เราไม่รู้ตัว..
เราเห็นว่าพระเจ้าก็ทำงานอยู่ใช่ไหม คือดูมันก็โอเค ดูก็มีผลงาน ก็ดูคริสตจักรก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ดีอยู่ เราจึงเห็นว่าพระเจ้าก็ทำงาน เราคงจะไปถูกทางแล้วใช่ไหม
แต่ถ้าจะดูดีๆ ดูให้ดี สังเกตดีๆ ชีวิตของเรายังขึ้นลง ขึ้นลง สันติสุขก็ไม่มี มีบางครั้งมีบางวันมีบางเวลาใช่ไหม นี่คือข้อพิสูจน์ คือผลที่บอกให้รู้ว่าชีวิตคริสเตียนของเราป่วย เราไม่ปกติ
- การดำเนินชีวิตของคริสเตียนที่แท้จริง เราควรจะได้รับการชำระด้วย 1. พระโลหิต 2. คือด้วยพระคำของพระเจ้า คือการตีความหมายพระคัมภีร์ที่ถูก เข้าใจถูก รับการเรียนรู้จากผู้ที่ได้รับของประทานแห่งพระวิญญาณในการตีความหมายแปลความหมาย ของประทานแห่งความรู้สติปัญญา เพื่อที่จะแบ่งให้เรา และชีวิตเราก็จะเกิดผลให้พระเจ้า 2 อย่างคือ..
1. คือการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ภายใน มีจิตใจใหม่ มีชีวิตใหม่ รักอากาเป อดทนนานได้ ไม่ตอบโต้ ไม่ต่อสู้ใคร เป็นคนที่ต่ำ ถ่อม ยอมเสียเปรียบ
2. ขั้นตอนสุดท้ายก็คือการชำระด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เมื่อเรามีความเข้าใจเมื่อเราได้รับการปลดปล่อยจากความไม่จริง ได้มาเรียนรู้เข้าใจถึงความจริงของพระเจ้า ดำเนินชีวิตในยุคที่ถูกต้อง เรารู้ว่าเราอยู่ในยุคไหน เรารู้ว่าตอนนี้เราเป็นคนใหม่แล้ว เป็นคนชอบธรรมไม่ใช่คนบาปอีกต่อไป เรารู้ว่าทุกวันนี้เราเดินด้วยพระคริสต์ พระคริสต์เป็นผู้ดำเนินชีวิตแทนเราเพื่อเราช่วยเรา
และเราได้อยู่ในความจริงมากมายที่พระเจ้าเปิดตาเราให้เราเข้าใจ ชีวิตของเราก็จะอยู่ในการแบกไม้กางเขนที่เบา ภาระก็เบา เราได้รับการพักผ่อนมากมาย ชีวิตคริสเตียนน่าจะสบาย ง่ายๆ เราอาจจะถูกข่มเหงจากผู้อื่น เราอาจจะถูกกล่าวหาด่าว่าจากคนรอบข้างเรา แต่ชีวิตภายในของเราไม่เคยขาดสันติสุขเลย
เราขอบคุณพระเจ้า ชีวิตในฝ่ายร่างกายของเราถูกข่มเหง ประสบกับความทุกข์ยากลำบาก แต่ชีวิตฝ่ายวิญญาณของเราได้รับความมั่งคั่งสมบูรณ์ มรดกพระพรมากมายที่พระเจ้าประทานให้เราแล้วอยู่ในเรา
เพราะฉะนั้นการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องขึ้นอยู่กับการเชื่อที่ถูกต้อง และขึ้นอยู่กับการที่เราได้รับการชำระด้วยพระคำของพระเจ้า ให้รู้จริง เข้าใจความจริง เห็นจริง ดำเนินชีวิตถูกยุคถูกสมัย และเริ่มทำนา เพราะว่าเรารู้แล้วว่ายุคนี้เป็นยุคทำนา เราเริ่มทำนา เราอยู่เพื่อรับใช้พระเจ้า อยู่เพื่อให้พระเจ้าใช้ร่างกายใช้ชีวิตของเราในแต่ละวัน และสะสมบำเหน็จรางวัลที่พระเยซูจะนำกลับมา เมื่อพระเยซูเสด็จกลับมาพร้อมกับราชอาณาจักรของพระองค์ และเราจะมีส่วนครอบครองกับพระองค์ในยุคหน้าและฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ด้วย