4:1 ให้ทุกคนถือว่าเราเป็นผู้รับใช้ของพระคริสต์ และเป็นผู้อารักขาสิ่งลึกลับของพระเจ้า
** ผู้รับใช้ หรือคนใช้
** ผู้อารักขา หรือ ผู้จัดการ ผู้บริหาร
** ผู้อารักขาสิ่งลึกลับของพระเจ้า สิ่งลึกลับคือข้อลึกลับของพระเจ้าในพระคัมภีร์ที่เรารู้กันว่า อาหารแข็งนี่เอง พระเจ้าทรงเลือกบางคนให้มาพบอาหารผู้ใหญ่และบางคนเป็นผู้รับใช้ที่ดูแลเรื่องการแบ่งปันและปกปิดข้อลับลึกของพระคำพระเจ้าต่อคนที่ไม่ถ่อมใจ
4:2 ยิ่งกว่านี้ฝ่ายผู้อารักขาเหล่านั้นต้องเป็นคนที่สัตย์ซื่อทุกคน
** สัตย์ซื่อ คือทำตามหน้าที่อย่างไม่ท้อแท้ถดถอยไม่หนีไม่บ่นเบื่อไม่สะดุดใคร ใครจะว่าอย่างไรจะเป็นอย่างไร เราก้มหน้าก้มตาอารักขาสิ่งลึกลับของพระเจ้า
4:3 สำหรับข้าพเจ้าการที่ท่านทั้งหลายหรือมนุษย์ผู้ใดจะตัดสินตัวข้าพเจ้า ข้าพเจ้าถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ถึงแม้ข้าพเจ้าเองก็มิได้ตัดสินตัวข้าพเจ้า
** ขณะที่ท่านเปาโลเขียนหนังสือโครินธ์ ท่านก็ยังเลิกทำบาปไม่ได้ และเป็นคนเจ้าอารมณ์ ท่านยังไม่ได้เป็นผู้ชนะ (ฟป 3:12) แต่ท่านไม่เคยสนใจคำพูดของใคร ท่านไม่มองว่าท่านบกพร่องหรือฟ้องผิด แต่ท่านมองที่พระคริสต์และมุ่งหน้าเดินต่อไป
4:4 เพราะข้าพเจ้าไม่รู้ว่าข้าพเจ้ามีความผิดสถานใด ถึงกระนั้นข้าพเจ้าก็ไม่พ้นการพิพากษา ท่านผู้ทรงพิพากษาตัวข้าพเจ้าคือองค์พระผู้เป็นเจ้า
** เปาโลไม่คิดไม่มองเรื่องความผิดบาปของท่าน และท่านให้องค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นที่จะเป็นผู้ตัดสิน นี่คือการเอาชนะมารที่จะใช้ผู้เชื่อเข้ามาตัดสินเราและทำให้เราฟ้องผิดด้วยการมองที่ความบกพร่องของเรา เราตั้งจิตที่ไม่ฟ้องผิดและไม่ยอมให้คำพูดของใครมาตัดสินเรา
4:5 เหตุฉะนั้นท่านอย่าตัดสินสิ่งใดก่อนที่จะถึงเวลาจนกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมา พระองค์จะทรงเปิดเผยความลับที่ซ่อนอยู่ในความมืดให้แจ่มกระจ่าง และจะทรงเผยความในใจของคนทั้งปวงด้วย เมื่อนั้นทุกคนจะได้รับคำชมเชยจากพระเจ้า
** เราผู้เชื่อทั้งหลายไม่ควรตัดสินพี่น้องหรือผู้อื่น นอกเสียจากว่าพระเจ้าทรงให้บางคนเป็นผู้ตัดสินภายในคริสตจักร และเมื่อถึงการพิพากษาที่พระที่นั่งของพระคริสต์ ทุกคนจะถูกเรียกออกมายืนต่อหน้าพระเยซูและรับการตัดสิน ถ้าหากวันนี้เราตัดสินผู้อื่นว่าผิดบาปไม่ดีนู่นนี่นั่น การตีสอนก็จะมาถึงเราอย่างแน่นอน
4:6 พี่น้องทั้งหลาย สิ่งเหล่านั้นที่ข้าพเจ้าได้นำมากล่าวเปรียบเทียบถึงตัวข้าพเจ้าและอปอลโล ก็เพื่อประโยชน์ของท่านทั้งหลาย เพื่อให้ท่านทั้งหลายเรียนแบบของเรา มิให้ยกย่องคนหนึ่งคนใดเกินกว่าที่เขียนบอกไว้แล้ว มิให้ยกคนหนึ่งคนใดข่มผู้อื่น
** พระวิญญาณสอนผู้เชื่อทุกคนผ่านเปาโลเรื่องการยกย่องผู้นำ ผู้ที่พบอาหารผู้ใหญ่จะไม่คิดและทำอย่างนั้น เรายกย่ององค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น และเราอาจพูดถึงผู้เลี้ยงของเราเล็กน้อยเพื่อแสดงน้ำใจขอบคุณ
4:7 ผู้ใดเล่ากระทำให้ท่านวิเศษกว่าคนอื่น ท่านมีอะไรที่ท่านมิได้รับมา ก็เมื่อท่านได้รับมา เหตุไฉนท่านจึงโอ้อวดเหมือนกับว่าท่านมิได้รับเลย
** ผู้ที่พบอาหารผู้ใหญ่ย่อมรู้ดีว่าใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังและประทานสติปัญญาความรู้ทั้งหลายให้แก่ผู้นำที่ทรงใช้มา เพราะฉะนั้นไม่มีใครดีวิเศษเหนือใคร เขาทุกคนเป็นพี่น้องในครอบครัวของพระบิดา
4:8 ท่านทั้งหลายอิ่มหนำแล้วหนอ ท่านมั่งมีแล้วหนอ ท่านได้ครองเหมือนกษัตริย์โดยไม่มีเราร่วมด้วยแล้วหนอ ข้าพเจ้ามีความปรารถนาให้ท่านทั้งหลายได้ขึ้นครองจริงๆเพื่อเราจะได้ขึ้นครองกับท่าน
** อิ่มหนำ มั่งมี ขึ้นครอง คืออิ่มหนำและมั่งมีในความรู้สติปัญญาของมนุษย์ และมีตำแหน่งใหญ่โตในคริสตจักรที่พวกเขาแตกแยกและยกกันเองเป็นผู้นำ เปาโลจึงตำหนิพวกเขาว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่มาจากเนื้อหนัง
4:9 เพราะข้าพเจ้าเห็นว่าพระเจ้าได้ทรงตั้งเราผู้เป็นอัครสาวกไว้ในที่สุดปลาย เหมือนผู้ที่ได้ถูกปรับโทษให้ถึงตาย เพราะว่าโลกคือทั้งทูตสวรรค์และมนุษย์มองดูเราด้วยความพิศวง
** เปาโลยืนยันการทรงเลือกและแต่งตั้งให้เป็นอัครสาวกโดยพระเจ้าของท่าน
4:10 เราทั้งหลายเป็นคนเขลาเพราะเห็นแก่พระคริสต์ และท่านทั้งหลายเป็นคนมีปัญญาในพระคริสต์ เราทั้งหลายมีกำลังน้อยแต่ท่านทั้งหลายมีกำลังมาก ท่านทั้งหลายมีเกียรติยศแต่เราทั้งหลายเป็นคนอัปยศ
** คริสตจักรในเมืองโครินธ์กลายเป็นคริสตจักรศาสนามีผู้นำแบบนิโคเลาตัน มีหลายพรรคหลายพวก และคิดว่าพวกตนมีสติปัญญาในพระคริสต์ ขณะที่เปาโล และผู้รับใช้อีกหลายคนต้องร่อนเร่และอยู่อย่างทนทุกข์ลำบาก
4:11 จนถึงเวลานี้เราก็ทั้งหิวและกระหาย เปลือยเปล่าและถูกโบยตี และไม่มีที่อาศัยเป็นหลักแหล่ง
** เปาโลถูกข่มเหงทุบตี และกักขังบ่อยมากเนื่องจากท่าน และทีมงานเดินทางไปประกาศในที่ที่ชาวเมือง และเจ้าหน้าที่ไม่ต้อนรับข่าวประเสริฐ
4:12 เราทำการหนักด้วยมือของเราเอง เมื่อถูกด่าเราก็อวยพร เมื่อถูกข่มเหงเราก็ทนเอา
** เปาโล และทีมงานทำงานเพื่อเลี้ยงชีพ และเพื่องานประกาศ นี่คือตัวอย่างที่ดีของผู้รับใช้ ซึ่งเราไม่ควรอ้างว่าต้องดูแลทั้งคริสตจักร และเสียเวลาแต่งเขียนบทเรียนบทเทศนา
** คุณสมบัติของผู้ที่พบอาหารผู้ใหญ่ คืออวยพรขณะที่ถูกด่า และอดทนเมื่อถูกข่มเหง
4:13 เมื่อถูกใส่ร้ายเราก็อ้อนวอน เรากลายเป็นเหมือนกากเดนของโลกและเหมือนราคีของสิ่งสารพัดจนถึงบัดนี้
** เมื่อเขากล่าวหาในสิ่งที่ไม่จริงเราอธิษฐานมอบปัญหาไว้ที่พระเยซู เราเป็นแค่คนที่ไม่มีใครรู้จักไม่แสวงหาชื่อเสียง และคิดว่าเป็นผู้เล็กน้อยคนหนึ่งในโลกนี้ เพื่อเมื่ออาณาจักรมาถึงเราจะยิ่งใหญ่เหมือนเปาโล
4:14 ข้าพเจ้ามิได้เขียนข้อความเหล่านี้เพื่อจะให้ท่านได้อาย แต่เขียนเพื่อเตือนสติในฐานะที่ท่านเป็นลูกที่รักของข้าพเจ้า
** เปาโลไม่ได้มีเจตนาประชดพวกเขาแต่เพื่อให้พวกเขาสำนึก และกลับใจ เนื่องจากว่าท่านได้มาประกาศกับชาวเมืองนี้
4:15 เพราะในพระคริสต์ถึงแม้ท่านมีครูสักหมื่นคนแต่ท่านจะมีบิดาหลายคนก็หามิได้ เพราะว่าในพระเยซูคริสต์ข้าพเจ้าได้ให้กำเนิดแก่ท่านโดยข่าวประเสริฐ
** เปาโลพูดในแง่ถ่อมใจ และบอกความจริงแก่ชาวเมืองนี้ว่าท่านคือบิดาของพวกเขา
4:16 เหตุฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงขอให้ท่านทำตามอย่างข้าพเจ้า
** คือเรียนแบบท่านตั้งแต่ข้อที่สองจนถึงข้อที่สิบห้า
4:17 เพราะเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงได้ใช้ทิโมธีลูกที่รักของข้าพเจ้า ซึ่งเป็นคนสัตย์ซื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้าให้มาหาท่าน เพื่อนำท่านให้ระลึกถึงแบบการประพฤติของข้าพเจ้าในพระคริสต์ ตามที่ข้าพเจ้าสอนอยู่ในทุกคริสตจักร
** การประพฤติของข้าพเจ้าในพระคริสต์ คือการฝึกเดิน สนิท บอกรัก สร้างความผูกพันธกับพระเยซู สะสมอาหารผู้ใหญ่ สรุปก็คือเป็นอยู่ในวิญญาณ และเดินในวิญญาณอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งพระวิญญาณต้องการให้เราทุกคนทำเหมือนท่าน
4:18 แต่บางคนทำผยองราวกับข้าพเจ้าจะไม่มาหาท่าน
** ไม่ว่าจะเป็นคริสเตียนศาสนาหรือผู้พบอาหารผู้ใหญ่ จะมีบางคนที่รู้ แต่ไม่รู้มากพอ หรือถูกเปิดตาเล็กน้อย จะมีอาการหยิ่งผยองพองตัว ยกตนข่มท่าน ไม่สำนึกถึงคุณที่ผู้รับใช้ที่พระเจ้าใช้เพื่อมาเปิดตาเขา ไม่เคยคิดว่าเขาเคยมาช่วยเลย สุดท้ายก็กลับไปสู่ทางเดิมหรือตกขอบหล่นจากพระคุณอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว
4:19 แต่ถ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรด ข้าพเจ้าจะมาหาท่านในไม่ช้านี้ และข้าพเจ้าจะหยั่งดู มิใช่ถ้อยคำของคนที่ผยองเหล่านั้นแต่จะหยั่งดูฤทธิ์อำนาจของเขา
4:20 เพราะว่าอาณาจักรของพระเจ้ามิใช่เรื่องของคำพูดแต่เป็นเรื่องฤทธิ์เดช
** อาณาจักร ในข้อนี้ คือคริสตจักรผู้ชนะ หรือพระกายเที่ยงแท้ ซึ่งคำพูดของทุกคนคือฤทธิ์เดชมีอำนาจ ไม่เพียงแต่เฉพาะคำพูดที่ออกมาจากปากเท่านั้น เราจะเห็นว่าบทเรียนมานาหรืออาหารผู้ใหญ่ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ช่วยเราให้เข้าใจ และนำมาใช้เพื่อฝึกเดิน และมีประสบการณ์กับพระคริสต์ได้
4:21 ท่านจะเอาอย่างไร จะให้ข้าพเจ้าถือไม้เรียวมาหาท่าน หรือจะให้ข้าพเจ้ามาด้วยความรักและด้วยใจอ่อนสุภาพ
** เปาโลถือว่าท่านเป็นบิดาหรือผู้เลี้ยงฝ่ายวิญญาณของผู้เชื่อในเมืองนี้ ท่านจึงพูดเหมือนพ่อพูดกับลูกๆ