10:23 แล้วเปโตรจึงเชิญพวกเขาให้เข้ามา และให้พวกเขาพักอยู่ที่นั่น และในวันต่อมา เปโตรก็ไปกับพวกเขา และพวกพี่น้องบางคนจากเมืองยัฟฟาก็ไปกับท่าน
10:24 และในวันต่อมาพวกเขาก็เข้าไปในเมืองซีซารียา และโครเนลิอัสกำลังคอยรับรองพวกเขาอยู่ และได้เชิญญาติพี่น้องของท่าน กับเพื่อนสนิททั้งหลายให้มาประชุมกันอยู่แล้ว
10:25 และขณะที่เปโตรกำลังเข้ามา โครเนลิอัสก็ต้อนรับท่าน และหมอบลงที่เท้าของท่าน และนมัสการท่าน
10:26 แต่เปโตรได้จับตัวโครเนลิอัสให้ลุกขึ้น โดยกล่าวว่า “จงยืนขึ้นเถิด ข้าพเจ้าเองก็เป็นแต่มนุษย์เหมือนกัน”
** การยกย่อง ในลักษณะกราบไหว้นมัสการผู้นำศาสนาเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ เมื่อคนใดคนหนึ่งทำการอัศจรรย์ได้ แต่สำหรับคริสเตียน เราไม่ควรยกย่องในลักษณะกราบไหว้หรือให้ความเคารพมากจนเกินมนุษย์ เนื่องจากว่าพระเจ้าคือผู้เดียวที่เราจะยกย่องสรรเสริญและกราบไหว้นมัสการ เปโตรรู้ตัวดีจึงไม่ยอมรับการยกย่องสรรเสริญจากโครเนลิอัส นี่คือลักษณะของผู้รับใช้ที่ดีที่ถ่อมใจ และไม่ยกตน ไม่แสวงหาเกียรติยศชื่อเสียงคำยกย่องจากมนุษย์ และแน่นอนพระเจ้าจะยกเขาขึ้นเองเมื่อถึงเวลาอันควรทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
10:27 และขณะที่โครเนลิอัสกำลังสนทนากับท่านอยู่ เปโตรได้เข้าไป และพบคนเป็นอันมากที่มาประชุมกันอยู่
10:28 และเปโตรกล่าวแก่คนเหล่านั้นว่า “ท่านทั้งหลายทราบแล้วว่า เป็นสิ่งที่ผิดพระราชบัญญัติสำหรับคนที่เป็นชนชาติยิวที่จะคบให้สนิทหรือเข้าเยี่ยมกับคนต่างชาติ แต่พระเจ้าได้ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าแล้วว่า ข้าพเจ้าไม่ควรเรียกคนหนึ่งคนใดว่าเป็นที่ห้ามหรือเป็นมลทิน
** ในพระบัญญัติเดิม พระเจ้าห้ามไม่ให้ชาวยิวซึ่งเป็นประชากรของพระเจ้ากินดื่มและเทียมแอกกับคนต่างชาติ เนื่องจากว่าพวกเขากราบไหว้พระอื่น แต่พระบัญญัติใหม่ คือทุกคนที่เชื่อ ไม่ว่าจะชาติไหนถูกนับว่าเป็นยิวเป็นกายเดียวกันในพระคริสต์แล้ว
10:29 เหตุฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงมายังพวกท่านโดยปราศจากการคัดค้าน ทันทีที่ข้าพเจ้าได้รับเชิญให้มา เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าจึงขอถามว่า พวกท่านเชิญข้าพเจ้าให้มาด้วยประสงค์อะไร”
10:30 และโครเนลิอัสกล่าวว่า “สี่วันมาแล้ว ข้าพเจ้ากำลังอดอาหารอยู่จนถึงโมงนี้ และตอนบ่ายสามโมงข้าพเจ้าได้อธิษฐานอยู่ในบ้านของข้าพเจ้า และดูเถิด มีชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้าสวมเสื้อมันระยับ
10:31 และกล่าวว่า ‘โครเนลิอัสเอ๋ย คำอธิษฐานของท่านนั้นทรงสดับฟังแล้ว และทานทั้งหลายของท่านนั้นก็เป็นที่ระลึกถึงในสายพระเนตรของพระเจ้าแล้ว
10:32 เหตุฉะนั้น จงส่งไปยังเมืองยัฟฟา และเชิญซีโมนมาที่นี่ ผู้ซึ่งมีนามสกุลว่า เปโตร ผู้นั้นอาศัยอยู่ในบ้านของคนหนึ่งชื่อ ซีโมนที่เป็นช่างฟอกหนัง อยู่ริมฝั่งทะเล ผู้ซึ่ง เมื่อเขามาถึงแล้ว จะกล่าวแก่ท่าน’
10:33 ในทันใดนั้น ข้าพเจ้าจึงส่งคนไปเชิญท่าน และท่านก็ทำดีแล้วที่ท่านมา เหตุฉะนั้นบัดนี้ พวกเราทุกคนอยู่พร้อมกันต่อพระพักตร์พระเจ้า เพื่อจะฟังสิ่งสารพัดที่พระเจ้าได้ทรงบัญชาท่านไว้”
10:34 แล้วเปโตรได้อ้าปากของท่าน และกล่าวว่า “แท้จริงแล้ว ข้าพเจ้ารับรู้ว่า พระเจ้าไม่ทรงเลือกหน้าผู้ใด
10:35 แต่ในทุกประชาชาติ ผู้ใดที่เกรงกลัวพระองค์และประพฤติตามทางชอบธรรม ก็ได้รับการยอมรับกับพระองค์
** ความรอด สันติสุข ชีวิตที่ครบบริบูรณ์ ไม่ได้ถึงชาวยิวพวกเดียวเท่านั้น แต่มาถึงคนทุกชาติทั่วโลกที่แสวงหาพระเจ้า
10:36 พระดำรัสซึ่งพระเจ้าได้ส่งมายังลูกหลานของอิสราเอล โดยประกาศเรื่องสันติสุขโดยทางพระเยซูคริสต์ (พระองค์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของสิ่งสารพัด)
** ประกาศเรื่องสันติสุข the gospel of peace ภาษารีกคือ ประกาศข่าวประเสริฐเรื่องสันติสุข ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายๆ เรื่องในข่าวประเสริฐของพระเจ้า
- อย่ายกย่องสรรเสริญผู้รับใช้ในลักษณะที่สูงกว่ามนุษย์ แต่จงยกย่องสรรเสริญพระเจ้าผู้เดียว และผู้รับใช้ผู้นำของพระเจ้า คือคนที่ถ่อมใจ และไม่แสวงหาอำนาจเกียรติยศชื่อเสียงใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ถ่อมใจนอบน้อมถ่อมตน
- เราอยู่ใต้พระบัญญัติใหม่ คริสเตียนไม่มีหลายชาติแต่เป็นชาติเดียวเป็นพระกายเดียวของพระคริสต์เยซูแล้ว
- ข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข (ความสงบสุขภายใน) เป็นหนึ่งในข่าวประเสริฐหลายๆ เรื่องของข่าวประเสริฐของพระเจ้า เรากล้าพูดว่าเชื่อพระเยซูจะพบความสงบสุขที่แท้จริงภายในจิตใจได้ ซึ่งโลกนี้แสวงหา แต่ไม่พบ ปัญหาก็คือมีผู้เชื่อมากมายที่ยังไม่ได้รับสันติสุขดังกล่าว เพราะว่าเขายังไม่ได้ถูกเปิดตา
เสริมเกี่ยวกับสรุปในกิจการบทที่ 10:23-36 ขอบพระคุณพระเยซู
ข้อที่ 1. เราผู้เชื่อพระเจ้าเลือกให้มาพบพระคำแห่งความจริงแล้ว เราใส่ใจสำรวจตนเองเสมอว่าเรากำลังแสวงหาเกียรติยศ ชื่อเสียง ความเป็นใหญ่ เป็นนายคนไม่มากก็น้อย ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอยู่หรือไม่ เราสำรวจ ถ้าพบเห็นที่มีอยู่ในเราก็ขอพระบิดาชำระเพื่อพระบิดาจะไม่ข่มเรา แต่จะยกเราขึ้น และเราจะไม่กลายพันธุ์เป็นคริสเตียนศาสนาโดยไม่รู้ตัว และกลายเป็นฟาริสีท่ามกลางคริสเตียนท่ามกลางพี่น้องในพระกาย
หรือถ้าหากเราเห็นพี่น้อง หรือผู้เผยพระวจนะที่เป็นอยู่ ที่แสวงหาเกียรติชื่อเสียงยกตนขึ้น พยายามทำตนเป็นนายของคน เราก็อธิษฐานเผื่อ และคุยกับเขาถ้าคุยได้ถ้าสนิทมากพอ หรือไม่ก็ไปหาผู้ปกครองติดต่อผู้ปกครองแล้วบอกเขาว่า ให้เตือนเขา และอธิษฐานเผื่อ
เพื่ออะไรครับ? เพื่อป้องกันการกลายพันธุ์เป็นศาสนาคริสต์ เพื่อป้องกันการอยู่ด้วยกันที่อยู่แบบอบอ้าว ขอให้เราทุกคนนะครับ ผมขอย้ำทุกคน ขอให้เราผู้รับใช้ ผู้นำ ผู้เผยพระวจนะที่มีส่วน มีภาระใจที่อยากเผยพระวจนะ อยากเสริมสร้าง อยากช่วยพระกายให้ได้รับการก่อขึ้น ผมขอย้ำคำนี้นะครับ ทุกคน ให้ทุกคนอยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่น ไม่ใช่อยู่แบบอบอ้าว ถ้าใครคนใดคนหนึ่งอยู่แบบอบอ้าว พระเยซูก็อบอ้าวด้วย เพราะพระเยซูอยู่ในเราทุกๆ คน
เรากระทำดีต่อใคร เราก็ได้กระทำดีต่อพระเยซูด้วย
เรากระทำไม่ดีต่อใคร เรากำลังทำไม่ดีต่อพระเยซูด้วย
จำได้ไหมพระเยซูตรัส “เจ้าข่มเหงเราทำไม” อย่าให้คำนี้เกิดขึ้นกับเรานะครับ เอเมน
เราเอาความรักเป็นใหญ่ เอาความรักเป็นหลัก เอาความรักเป็นที่หนึ่ง เพื่อทุกสิ่งที่เราทำจะได้ไม่เสียเวลาจะไม่เสียประโยชน์ ไม่กลายเป็นไม้ฟางหญ้าแห้ง อันนี้ผมพูดจากใจและพูดด้วยรัก
และสิ่งที่ 2. ที่ผมอยากย้ำก็คือ ข่าวประเสริฐมีข่าวประเสริฐเดียว สำหรับกรีกและภาษาอังกฤษพูดชัดเจน ข่าวประเสริฐมีข่าวประเสริฐเดียว ก็คือข่าวประเสริฐของพระเจ้า แต่ทุกวันนี้คริสเตียนมากมายเข้าใจผิดคิดว่าข่าวประเสริฐมีข่าวประเสริฐเดียว คือข่าวประเสริฐเรื่องความรอดเรื่องพระเยซูคริสต์เท่านั้นแหละ
แต่จริงๆ แล้วมีข่าวประเสริฐเดียว ใช่ เรื่องพระเจ้าข่าวประเสริฐของพระเจ้า แต่มีหลายเรื่องนะครับ เรื่องอาณาจักร เรื่องพระเยซูคริสต์ เรื่องพระเจ้า เรื่องสันติสุข เรื่องพระคุณพระเจ้า เรื่องความรอด เรื่องไม้กางเขน เรื่องอมตะ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดพระเยซูย้ำ จงแสวงหาข่าวประเสริฐที่ยิ่งใหญ่ก็คือเรื่องอาณาจักร
เราทุกวันนี้เป็นประชากรของอาณาจักรทุกวันอยู่หรือไม่
เราทุกวันนี้แสวงหาการดำเนินชีวิตในลักษณะของราษฎรแห่งอาณาจักรอยู่หรือไม่
และสุดท้ายก็คือ มีพระกายเดียวเท่านั้นสำหรับพระเจ้า ใครที่มองลบ ใครที่มองฝ่ายเนื้อหนัง ใครที่มองใครไม่ดี หรือต่ำกว่าเรา หรือไม่ดีเท่าเรา หรือไม่มีประโยชน์สำหรับเรา อันนี้ขอให้เราเปลี่ยนความคิดใหม่ได้แล้ว
พระเจ้ามองผู้เชื่อทุกคนเป็นพระกายเดียวและอยู่ในบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง ทุกคนเป็นยิวหรืออิสราเอลฝ่ายวิญญาณแล้ว เอเมน เราเป็นมนุษย์วิญญาณ ไม่มีชนชั้น ไม่มีฐานะ ไม่มีสีผิว ไม่แบ่งแยกชายหญิงอีกต่อไป ถ้าหากผู้เชื่อยังมองกันด้วยสายตาอาดัมก็ยังไม่พบความจริง ยังไม่พบพระคำพระเจ้าที่เป็นความจริง
การกระทำดีหรือไม่ดีต่อพี่น้อง ผมขอย้ำก็คือการทำกับพระเยซูเหมือนกัน “เราจะไม่ทอดทิ้งกัน ไม่ทอดทิ้งใคร” เราจะมองทุกคนให้ทุกคนได้รับความอบอุ่นภายในพระกาย อย่าให้เขาได้รับความอบอ้าว แล้วตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่บำเหน็จมากมายจะเป็นของเรา สรรเสริญพระเยซูเอเมน
ต่อไปถ้าใครจะประชดใครพูดให้ใครในด้านลบ ขอให้ระลึกถึงสิ่งนี้นึกถึงสิ่งนี้ ก็คือพระเยซูจะถาม “ประชดเราทำไม” เราไม่ได้ประชดเขาเท่านั้น ประชดพระเยซูด้วย หรือพูดใส่พระเยซูด้วยหรือทำร้ายทำลายพระเยซูด้วย
ถาม.
คือสันติสุขที่เราได้รับมานี้ คือเป็นสิ่งที่เราได้รู้ รู้ความจริงของพระเจ้าว่าเราเชื่อพระเจ้า แล้วพระเจ้าทรงประทานอะไรให้แก่เรา ก็คือว่าเราได้รับชีวิตที่ครบบริบูรณ์ เราได้รับความรอด เราได้รับการอภัยบาป เราได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่พระเจ้าประทานให้เรา เราเลยเกิดมีใจที่ไม่กลัวอะไร แล้วก็มีสันติสุข แบบนี้ใช่ไหมครับที่เราเชื่อแบบนี้ เอเมนครับ
ตอบ.
เรื่องสันติสุขมี 2 แบบ ดั่งที่เราได้รู้กัน ก็คือ ความสงบสุขภายในจิตใจ ภาษาอังกฤษก็คือ peace
อีกสันติสุขหนึ่ง อีกแบบหนึ่ง ก็คือ เป็นความชื่นชมยินดี อาการดีใจ คือ Rejoice เป็นอาการที่แฮปปี้
สำหรับ peace คือความสงบสุขภายในจิตใจนี้จะเกิดขึ้นจากเรา
อันแรก ความเชื่อความเข้าใจของเรา
และอันที่สอง ก็คือขั้นตอนต่อมาที่พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำให้ใจเราสงบนิ่ง เกิดอาการเย็นใจ สบายใจ ปลงปล่อยวางได้ และไม่เกิดอาการกลัวว่าจะไม่รอดหรือกลัวพระเจ้าอีกต่อไป
คือเราต้องเรียนรู้ความเข้าใจใหม่เรื่องการยกโทษบาป เมื่อก่อนเรากลัวพระเจ้าจะไม่ยกโทษให้เรา ก็เกิดมีความทุกข์ใช่ไหม และเมื่อก่อนเราถูกสอนมาว่าต้องเชื่อฟัง ไม่ใช่เชื่อเท่านั้นน่ะ ต้องเชื่อฟังจึงจะรอดได้ ต้องรักษาพระบัญญัติ ต้องถวายสิบลด ต้องๆๆๆๆ อะไรก็ต้องทั้งหมด ก็คือทำเพื่อพระเจ้าให้ดีที่สุดจึงจะได้รับสันติสุขแล้วก็ได้รับความรอด เป็นความเข้าใจผิดนะครับ ก็เลยเกิดอาการกลัว เมื่อกลัวก็ไม่มีสุข
เพราะฉะนั้นเราขอบพระคุณพระเจ้าเราเปลี่ยนความคิดใหม่ เคล็ดลับก็คือโรมบทที่ 12:2 เราเปลี่ยนความคิดใหม่ เข้าใจพระคำพระเจ้าให้ถูกต้อง พบพระคำแห่งความจริงนี้โดยพระวิญญาณแห่งความจริงนำมาเปิดเผย
เมื่อเราได้เรียนรู้ สิ่งต่อมาเราเชื่อ เรายอมรับความจริงนี้ จากนั้นพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะทำให้เราเกิดมีอาการสงบสุขภายในมีสันติสุขภายใน เอเมน
สำหรับเรื่องข่าวประเสริฐเรื่องสันติสุข ขอบคุณพระเจ้าที่เป็นหนึ่งในหลายๆ ข่าวประเสริฐ และเราจะไปพูดกับใครบอกกับใครก็ได้ จะเริ่มเรื่องนี้ก่อนก็ได้ ซึ่งเราพบว่าในหนังสือกิจการบทที่ 10:23-36 นี้พูดถึงผู้ประกาศนำสิ่งนี้ไปเพื่อไปบอกคนทั้งหลาย
พี่น้องรู้กันดีใช่ไหมว่าตั้งแต่โลกนี้ถูกสร้างขึ้นมา ตั้งแต่มีมนุษย์คนแรกจนถึงคนสุดท้าย ทุกวันนี้มนุษย์ตกอยู่ภายใต้แห่งความบาป เสื่อมทรามตกต่ำแล้ว ความทุกข์ ทุกข์ใจ ทุกข์กาย มันมีอยู่ทุกที่ทุกแห่งทุกหนและทุกคน ใครก็ทุกข์ หรือแม้แต่คนที่มาเป็นคริสเตียนเชื่อไหม.. เราก็รู้ดีใช่ไหม ไม่ต้องถามก็ได้น่ะ ก็อยู่ในทุกข์ ยังมีทุกข์ มีสุข มีขึ้น มีลง สุขทุกข์ดีบาป และบางคนเป็นไปจนตายยังไม่เจอสันติสุขทุกวันเวลา อันนี้เรามีประสบการณ์ใช่ไหมก่อนที่เราจะมาพบมานาที่ซ่อนไว้
และเป็นสิ่งหนึ่งที่สมัยนั้นสาวกเองทุกคนก็มีทุกข์นั่นแหละ ผู้รับใช้สาวกทั้งหลายจึงประกาศข่าวประเสริฐและพูดเรื่องสันติสุข เรื่องความสงบสุขนี้ให้ทุกคนได้ฟัง พอเขาได้ฟังเขาก็เกิดดีใจมีความหวัง ขณะที่ทุกคนมีความทุกข์อยู่
ทุกข์เพราะอะไร? ทุกข์เพราะยากจน ทุกข์เพราะไม่มีเงิน ทุกข์เพราะสุขภาพไม่ดี ทุกข์เพราะโดนข่มเหง เป็นข้าทาส เป็นทาส ทุกข์เพราะมีหลายเรื่อง ครอบครัวตีกัน ทุกข์เพราะสามีภรรยาทะเลาะกัน ทุกข์เพราะลูกหลานไม่เชื่อฟัง มันมีหลายๆ เรื่องด้วยกัน เป็นหนี้ หลายเรื่อง
ซึ่งขอบพระคุณพระเจ้าข่าวประเสริฐเรื่องสันติสุขเนี่ยไปถึงทุกที่ทุกแห่งทุกหน และถ้าหากใครที่แสวงหา ใครที่มาถึงพระเจ้าและพบได้รับการเปิดตา ก็จะมาถึงข่าวประเสริฐเรื่องสันติสุขที่แท้จริง
คนที่เข้าสู่ข่าวประเสริฐเรื่องสันติสุขอย่างครบถ้วน ก็คือผู้ที่ได้รับการเปิดตา พบพระคำแห่งความจริงนี้ ก็เหมือนพวกเรานี่แหละ สรรเสริญพระเยซูที่เราได้พบข่าวประเสริฐเรื่องสันติสุขแล้ว เอเมน
ขณะที่คริสเตียนศาสนาได้พบสันติสุขชั่วคราวเหมือนกับชาวโลก คริสเตียนศาสนาแสวงหาสันติสุขโดยการขอจากพระเจ้า คริสเตียนศาสนาแสวงหาสันติสุขโดยการไปประชุมไปนมัสการไปร้องเพลงนมัสการ อธิษฐาน เขาก็ได้พบสันติสุข ใช่ พระวิญญาณบริสุทธิ์สัมผัสเขาแตะเขา เขาได้รับ แต่พอเขากลับออกมาก็จะมาเป็นทุกข์เหมือนเดิม ถูกไหมครับ อันนี้เราเคยมีประสบการณ์
และโลกนะครับที่ไม่มีพระเจ้า เขาก็แสวงหาสันติสุขความสุขความสงบสุขโดยการนั่งสมาธิ โดยการนับถือศาสนาใดศาสนาหนึ่ง โดยการไปท่องเที่ยว เดินทางดูธรรมชาติ ทุกวิถีเพื่อให้มีความสุข แต่มันเป็นความสุขคนละแบบกับคริสเตียน เป็นความสุขชั่วคราว
วันนี้ขอบคุณพระเยซูที่ข่าวประเสริฐเรื่องสันติสุขมาถึงเรา และเราอธิษฐานเผื่อพี่น้องคริสเตียนที่ยังไม่ได้มาพบสันติสุขนี้ และพี่น้องใหม่ที่เข้ามาและยังไม่มีประสบการณ์นี้ ขอให้เรียนรู้นะครับ เรียนรู้เรื่องทำยังไงถึงจะได้รับสันติสุขทุกวันเวลา ตามที่พระเยซูเป็นผู้สัญญาเป็นคนสัญญาให้เราผู้เชื่อทุกคน
และขอบคุณพระเจ้าโรมบทที่ 5:1 ทุกคนที่เชื่อเราได้รับการชำระให้กลายเป็นคนบริสุทธิ์และมีสันติสุขแล้วในพระคริสต์ ขอบคุณพระเยซูในพระคริสต์ เรามีสันติสุขแล้วน่ะ เป็นของขวัญที่พระเจ้าประทานให้เรา ให้ทุกคนที่เชื่อและกลับใจต้อนรับพระเยซูว่าเป็นพระเจ้าและเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา
แล้วพระเยซูยังสัญญาบอกว่า แม่น้ำแห่งชีวิตที่เราจะให้เจ้า เจ้าจะได้กินและดื่มและจะไม่กระหายอีกเลย พระเจ้าของเราไม่มุสา พระเยซูสัญญา พระเยซูก็ทำได้ และเราก็จะได้รับ และตอนนี้เราหลายคนก็ได้รับแล้ว ใครที่ยังไม่ได้รับนะครับเรียนรู้ไปกับพวกเรา แล้วก็ถามในกลุ่มใหญ่ว่าจะต้องทำยังไงขั้นตอนแบบไหน ขอบคุณพระเจ้าเอเมน
สิ่งสำคัญเรารู้ว่าทุกสิ่งพระเจ้าทำสำเร็จแล้วในพระคริสต์ มีพลังแล้ว มีสันติสุขแล้ว มีทุกสิ่งแล้วที่เป็นพระพรฝ่ายวิญญาณที่เรานำมาใช้มากินมาดื่มได้ในชีวิตประจำวัน ก็คือการ “เชื่อเอา” เชื่อว่าเราได้รับ แล้วเราพูดเราท่องเราจำทุกวันเพื่อไม่ให้เราลืมและหลงและหลุดออกไปจากความเชื่อนี้ความจริงนี้
ถาม.
อยากถามเรื่องการอธิษฐานเผื่อพี่น้องค่ะ คือเรารู้ทุกอย่างแล้วว่าพระเจ้าประทานให้เราแล้ว พระพรความหวังความรอดอะไรพวกนี้เรารู้ว่าเราได้ครบแล้ว คือเราจะเน้นที่ขอบพระคุณไม่เน้นที่ขอ แล้วบางทีเวลาสามัคคีธรรมและพี่น้องให้อธิษฐานเผื่อว่าจะไปประกาศกับพี่น้อง หรืออธิษฐานเผื่อการเดินทาง เราเป็นไปได้ไหมที่เราจะขอพระเจ้า อย่างพี่น้องอธิษฐานเผื่อในการเดินทาง ขอพระเจ้าปกป้องให้พี่น้องเดินทางปลอดภัยในการเดินทาง หรือขอพระเจ้านำพาในการประกาศของพี่น้อง เราอธิษฐานขอได้ไหมค่ะอาจารย์
ตอบ.
ก่อนอื่นผมอยากให้เราเข้าใจตรงนี้นะครับ เราเน้นที่การขอบพระคุณไม่เน้นที่การขอ แต่เราก็ยังขออยู่ในบางเรื่องที่ควรขอและต้องขอ พระเยซูสั่งให้เราขอหลายๆ เรื่อง
แต่ที่สำคัญนะครับก็คือการขอบพระคุณสำหรับทุกกรณีทุกเรื่อง
สำหรับพี่น้องที่จะเดินทาง พี่น้องที่จะทำอะไร ทำมาค้าขาย ทำธุรกิจ หรือมีอะไรก็ตามที่มาให้เราอธิษฐานเผื่อ เราพูดสั้นๆ ครับ
สำหรับผมก็คือ “ขอให้น้ำพระทัยพระบิดาสำเร็จในกิจการการงาน ในธุรกิจ ในการเดินทางครั้งนี้ ขอบพระคุณที่พระเยซูอยู่ด้วยไปด้วยกับเขา เอเมน” แล้วก็วางใจ
ยกตัวอย่างพี่น้องหลายคนเคยให้ผมอธิษฐานเผื่อเรื่องสุขภาพ บอกว่าไม่สบายตรงนี้ ป่วยตรงนั้น ผมก็แค่บอกว่า “พระเยซูขอบพระคุณพระองค์สำหรับชีวิตของเขา ขอบพระคุณสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น และขอให้น้ำพระทัยสำเร็จ ขอพระองค์แตะเขา ขอพระองค์แตะเขา” สั้นๆ นะครับ แล้วก็ขอบพระคุณล่วงหน้า เอเมน
หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้คิดไม่ได้อะไร ถามว่าเป็นห่วงไหมก็เป็นห่วงอยู่ แต่เชื่อและวางใจพระเยซูมากกว่า จากนั้นหลายคนก็โทรมาบอกว่าอาจารย์ขอบคุณที่อธิษฐานเผื่อน่ะ หายแล้ว ก็เห็นมาบ่อยนะครับ ผมก็ขอบคุณพระเยซูที่เป็นผู้ทำให้สำเร็จ
...
ถาม.
พอดีว่ามีพี่น้องคริสเตียนคนหนึ่งที่รู้จัก เขาป่วยหนักมาก ก่อนหน้านี้เขาทำบาปที่รุนแรงมากซึ่งคนทั่วไปก็ไม่ทำกัน เขาไปทำแล้วก็กลับมาสารภาพบาป แล้วก็สักพักหนึ่งก็กลับไปทำใหม่ คือทำซ้ำๆ วนๆ อย่างนี้ แล้วครั้งสุดท้ายนี้คือเขาเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ก็เป็นไปได้ไหมที่ว่าพระเจ้าจะเอาเขาไปเลย หรือว่าพระเจ้าจะรักษาเขาไหมค่ะ เขาก็ถามมาเหมือนกัน แต่ว่าอยากรู้ความจริงว่าพระเจ้าจะเอาเขาไปไหม ในเมื่อเขาไม่ได้กลับใจอย่างแท้จริงอะคะ เอเมนค่ะ
ตอบ.
คือความผิดความบาปในบางเรื่องเป็นการกระทำผิดต่อร่างกาย เขาก็ต้องชดใช้
ถามว่าพระเจ้ายกโทษไหม พระเจ้ายกโทษ ไปทำซ้ำแล้วซ้ำอีกแล้วก็กลับมาสารภาพซ้ำแล้วซ้ำอีกวนไปวนมา วกวนอยู่นั่นแหละ แล้วถามว่าพระเจ้ายกโทษไหมพระเจ้ายกโทษน่ะ พระเจ้ายกโทษเพื่อความรอดของเขา แต่เรื่องฝ่ายร่างกายเขาต้องชดใช้ เขาต้องรับการตีสอน แต่ที่สำคัญเรารู้ดีว่าพระเมตตาพระคุณของพระเจ้ายิ่งใหญ่ การตีสอนของพระเจ้าก็จะไม่หนักเท่ากับโทษที่เขาควรจะได้รับ ไม่เหมือนชาวโลกนะครับ
คริสเตียนเมื่อทำบาปซ้ำแล้วซ้ำอีกทำไม่หยุด มีโทษมีการตีสอน แต่ก็ไม่หนักเท่ากับโทษที่เขาควรจะได้รับ อันนี้เราขอบพระคุณพระเยซู
และกรณีที่ถามว่าพระเจ้าจะเอาเขาไปไหม อันนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของพระเจ้ากับเขา และก็เป็นไปได้ หรืออาจจะเป็นไปไม่ได้ก็ได้ พระเจ้าอาจจะรักษาเขาหรือให้เขาอยู่ยาวไปอีกหน่อยหนึ่งก็เป็นได้ ก็แล้วแต่พระเจ้า ที่สำคัญนะครับ เราขอได้เราอดอาหารเผื่อเขาได้ หรือให้เขานะครับยอมจำนน คือพูดกับพระเจ้า เปิดใจจริงใจกับพระเจ้า ยอมจำนน
“ข้าพระองค์อ่อนแอ ข้าพระองค์มีตัวบาปที่มีอำนาจเหนือข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์ไม่ได้ฝึก ไม่ได้พบพระคำแห่งความจริง ข้าพระองค์ยอมรับผิด ขอพระองค์เมตตาข้าพระองค์อีกครั้งหนึ่ง ข้าพระองค์ยอม ยอมแพ้”
ก็ร้องไห้ใส่พระเจ้า พระเจ้าเป็นพระเจ้าที่เต็มล้นด้วยความรักและพระคุณ พระองค์ขี้สงสาร สิ่งที่เราคาดไม่ถึงอาจจะเกิดขึ้นได้ครับ
ทีนี้เราไม่มองเขาไม่ตำหนิเขาไม่โทษเขา เรื่องการฝึก 1. เนื่องจากการไม่ได้พบมานาที่ซ่อนไว้ ไม่ได้พบพระคำแห่งความจริง จึงพยายามต่อสู้กับบาปและพ่ายแพ้เหมือนเปาโล หลายคนทุกวันนี้ก็ยังทำกันอยู่ แล้วก็วกวนไปมาก็ยังทำกันอยู่ แต่ขอบพระคุณพระเจ้าที่พวกเราได้เปรียบได้พบพระคำแห่งความจริง และรู้วิธีทางแห่งการเอาชนะความบาปได้ง่ายมาก แต่ที่สำคัญเราอธิษฐานเผื่อพวกเขานะครับ
ถามว่าหายไหม มีโอกาสหายได้ มีโอกาสที่พระเจ้าจะเมตตาได้ แต่ก็ต้องทำงานหนักและ ก็คืออดอาหาร หรืออธิษฐาน หรือร้องไห้ เปิดใจจริงใจต่อพระเจ้า คำว่าใจดำนะครับคำนี้ผมได้ยินบางคนพูด แต่อันนี้ใช้กับพระเจ้าไม่ได้ พระเจ้าไม่ใช่พระเจ้าเป็นคนใจดำ พระเจ้าเป็นคนใจอ่อน และเป็นคนที่เต็มด้วยหัวใจที่มีแต่ความรัก
คนที่มีแต่ความรัก เราจะทำชั่วทำบาปทำยังไงก็แล้วแต่ ก็เหมือนกับลูกที่ไปทำชั่วที่ไม่เคยกลับใจและไปติดคุก พ่อแม่ทิ้งไหม ไม่น่ะ พ่อแม่หลายคนก็ไปร้องไห้ที่คุกที่กักขัง แล้วก็อยากช่วยเขาพยายามทำทุกวิธีทางเพื่อช่วยลูกให้ออกมา อันนี้ก็เหมือนหัวใจของพระเจ้าก็เป็นแบบนี้
...
ถาม.
การร้องไห้มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามนำพระทัยของพระองค์ใช่ไหมค่ะ เพราะว่าเวลาอธิษฐานแล้วก็จะมีการร้องไห้ แต่มีคนบอกว่าร้องไห้บ่อยๆ เนี่ยไม่ดีน่ะ เพราะว่ามันไม่มีสันติสุขเพราะเกิดการร้องไห้แบบสะอึกสะอื้นอะไรพวกนี้ แต่บางครั้งก็รู้สึกไม่ใช่แล้วร้องเยอะไปแล้ว ก็คิดว่าการขมขื่น การร้องไห้ การกดดัน เหมือนกับว่าเราไม่ได้รับการปลดปล่อย ก็อยากถามอาจารย์ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเพราะว่าบางทีเราอธิษฐานแล้วเราก็ร้องๆ อะไรอย่างเนี้ย ก็กลัวว่าจะผิดน้ำพระทัยของพระองค์
ตอบ.
สำหรับเรื่องการร้องไห้เราแบ่งออกเป็น 2 ส่วน
ส่วนแรกก็คือการร้องไห้เพราะเรามีภาระ เจอมรสุมชีวิต มีปัญหาอะไรที่เข้ามามากมาย เราไม่ไหวแล้วก็ร้องไห้กับพระเจ้า และมาร้องไห้ต่อพระกาย อันนี้บ่งบอกถึงเรื่องความเชื่อระดับความเชื่อของเราที่ยังเป็นเด็กอยู่ หรือ อาจจะเข้าสู่หนุ่มฝ่ายวิญญาณ จึงร้องไห้เพราะเป็นทุกข์
แล้วก็อีกกรณีหนึ่งก็คือการร้องไห้ร่วมกับพี่น้องที่เป็นทุกข์อยู่ เนื่องจากว่าเราเข้าใจเขา เขาร้องไห้เพราะเป็นทุกข์เราก็เป็นทุกข์กับเขา อันนี้พระเยซูก็ยังบอกใช่ไหม พี่น้องเป็นทุกข์ท่านก็ต้องเป็นทุกข์ด้วย อย่าปล่อยให้เขาเป็นทุกข์คนเดียว เข้าใจนะครับ และอย่าไปตำหนิเขา คือเห็นเขาร้องไห้บ่อย รู้สึกรำคาญ รู้สึกไม่ดี รู้สึกไม่ชอบอะไร
เราต้องเรียนรู้ที่จะเข้าใจพี่น้อง เข้าใจอวัยวะส่วนอื่นๆ ส่วนต่างๆ ของร่างกาย เห็นพี่น้องทุกข์เราก็ยอมไปทุกข์ด้วย เราก็ร้องไห้กับเขาด้วย
และทีนี้สำหรับผู้ที่ได้รับการเปิดเผยโดยพระวิญญาณ เราควรจะเข้าใจตรงนี้ ต้องมีคำว่า อย่างเหมาะสม ไม่ใช่ทุกครั้งก็เข้ามาแล้วก็ร้องไห้ๆ แล้วก็ร้องยาวไปเลยนะครับ หรือร้องนานๆ คือมันทำให้เสียเวลา การสามัคคีธรรมการยกย่องสรรเสริญพระเจ้าการโฟกัส
โฟกัสของเรานะครับ ก็คือจ้องไปที่มองไปที่พระเยซู มองไปที่การยกย่องสรรเสริญ นมัสการพระเจ้าในขณะนี้ในตอนนี้ เพราะว่าการร้องไห้บ่อยๆ การร้องไห้เป็นประจำ จะทำให้พี่น้องหันความสนใจมาที่เรามากกว่าพระเจ้า ถูกไหมครับ
เพราะฉะนั้นเราจะหัวเราะได้ เข้ามาร้องเพลงสั้นๆ ได้ ร้องไห้ได้ แต่สั้นๆ แต่อย่างเหมาะสมอย่างมีเหตุผล ไม่เอาบ่อยๆ ไม่เอายาวๆ ไม่เอาจนทำให้พี่น้องหันความสนใจจากพระเจ้ามาสู่เรามาที่เรา
ร้องได้ครับ ร้องไห้ แล้วเราก็จะร้องด้วย ก็คือแบบจะโศกเศร้าไปด้วย เราเศร้าไปด้วยกัน มีความสุขไปด้วยกัน หัวเราะไปด้วยกัน ยิ้มไปด้วยกัน ร้องเพลงไปด้วยกัน เผยพระวจนะไปด้วยกัน นี่คือการเสริมสร้างการที่แท้จริง เอเมน
...
ถาม.
คนที่ป่วยที่พูดถึงเมื่อกี้ พอดีเขามีลูกชายอยู่คนนึงอายุ 7 ขวบ พอดีว่ามีพี่น้องคริสเตียนคนที่ฐานะร่ำรวยมากเขาอยากจะเอาน้องคนนี้ไปดูแล อยากจะเอามาเป็นลูกบุญธรรมเลย เขาจะเอาเงินมาให้ทีละพัน ทีละสองพันห้า เขาก็คิดว่าไม่น่าจะรอดแน่นอน เขาก็พยายามจะมาเอาลูกคนนี้ไป ทีแรกคนนี้ก็ 2 จิต 2 ใจว่าจะให้หรือไม่ให้ดี แล้วก็รับเงินเขามาแล้ว ก็เลยอยากถามว่าถ้าเขารับเงินมาเขาโลภไหมหรือว่าเข้าบาปไหม ใจหนึ่งเขาก็อยากอยู่กับลูกไม่อยากให้ลูกไป แต่อีกใจหนึ่งถ้าลูกไปอยู่กับคนที่มีฐานะลูกน่าจะมีอนาคตดีกว่า เขาฝากถามมาค่ะว่า แบบนี้เป็นความบาปไหมหรือว่าจะเอาเงินคืนเขาดีไหมค่ะ
ตอบ.
อย่าเพิ่งคิดนะครับว่าบาปหรือไม่บาป กลับมาถามใจเรานะครับ แล้วก็อธิษฐาน อธิษฐานขอพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นคนนำเราให้กระทำสิ่งนี้ เพราะว่าเป็นเรื่องใหญ่ใช่ไหมการที่จะให้ลูกเราไปอยู่กับใครสักคนหนึ่งที่ไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริง แต่ถ้าหากเขารักเด็ก เขาอยากจะช่วยเหลือ เขามีใจและมีภาระใจ เราก็เอเมน เราก็เอเมน
แล้วสิ่งสำคัญอย่าลืมนะครับ ขอคำตอบจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ขอคำตอบจากพระเยซูที่อยู่ในเราก่อน ถ้าหากเราเกิดมีอาการที่พระเจ้าตอบเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเราจึงทำครับ ฝากบอกเขาด้วยครับ
...
ถาม.
เรื่องเงินต้องเอาไปคืนเขาไหมค่ะที่เขาให้มา
ตอบ.
ถ้าเขาให้ด้วยความเต็มใจ ด้วยพอใจนะครับ เรารับไม่เป็นไรครับ ไม่ได้เกี่ยวกับความโลภ คืออาการโลภจะเกิดจากการที่เราไปเสนอก่อนใช่ไหมหรือเรารับมาทันทีโดยที่ไม่ตรึกตรองไม่อธิษฐานขอการนำพาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ อันนี้โลภใช่ครับ
แต่ถ้าหากเราเฉยๆ เราทำด้วยเหตุผล เรารับมาด้วยเหตุผลเราก็เอเมนครับ เขาให้ด้วยใจด้วยเต็มใจด้วยพอใจ เราก็เอเมนรับ
ชีวิตที่ติดสนิทบอกรักจะมีคำตอบของพระวิญญาณที่อยู่ในความคิดในสมองในชีวิตประจำวันของเรา พระองค์จะสัมผัสพระองค์จะแตะพระองค์จะเร้าใจเราให้ทำทุกสิ่ง
แต่กรณีนี้นะครับกลับไปบอกเขาว่า อธิษฐานขอคำตอบจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์จะให้คำตอบแน่นอน ถ้าหากเรายิ่งขอ
อีกอันหนึ่งสำหรับเรื่องโลภหรือไม่ เป็นการอาการโลภหรือไม่ อันนี้ตัวเขาเองจะเป็นคนที่ตอบได้มากกว่าใคร บอกเขา ถามใจเขาว่าตอนนี้เขาคิดอะไรอยู่ เขามีอาการโลภหรือไม่ คนที่มีอาการโลภกับคนที่ไม่โลภ คนที่ปกติมันแตกต่างกันใช่ไหม อาการโลภก็คือมีแต่อยากได้ไม่มีเหตุผลอื่นนะครับ ก็คือมีแต่อยากได้ ใครจะเอาอะไรไป เอาลูกฉันไป เอาสามีฉันไป ภรรยาฉันไป จะทำยังไงเอาอะไรไปเอาไปเลยขอให้แค่ฉันได้มาได้มาเยอะๆ นี่คืออาการโลภ
แต่ถ้าเขาไม่มีอาการแบบนี้ แล้วเขาให้เพราะว่าเหตุผลหนึ่งก็คือ คนอื่นที่จะมาดูแลลูกเราดีกว่าเรามีฐานะหรือช่วยเหลือเราได้เป็นภาระช่วยเรา ก็ดีก็เอเมน ถ้าหากว่าเราให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นคนตัดสินใจแทนเราคิดแทนเรา เพราะว่าอาจจะเป็นเรื่องใหญ่ก็ได้น่ะ คือลูกเราที่คนอื่นเลี้ยงก็อาจจะเป็นไปในลักษณะที่ดีหรือไม่ดีอันนี้เราไม่รู้ใช่ไหม หรือแม้แต่อยู่กับเราดีหรือไม่ดีเราก็ยังไม่รู้เลยนะครับ
แต่คนที่ตอบได้คนที่เป็นผู้รู้มากที่สุดก็คือ พระเยซูที่อยู่ในเรา เอเมน
ถาม.
เวลาเราไปอธิษฐานวางมือกับญาติพี่น้องของเรา เราจะใช้คำว่าในนามของพระเยซูคริสต์จงหายดี แบบนี้ได้ไหมค่ะ
ตอบ.
อันนี้เป็นคำที่ฮิตมาก และเป็นคำที่สาวกก็ใช้ เราใช้ได้ครับ ในพระนาม ในนามพระเยซู ในพระนามพระเยซู จงหายดี แล้วก็เชื่อด้วยนะครับว่าพระเยซูจะทำ
ผมคิดว่าหลายคนคงจะมีประสบการณ์เรื่องเกี่ยวกับการอธิษฐานเผื่อพี่น้อง เผื่อหลายคน คือตอนที่ผมเป็นคริสเตียนศาสนา ผมเคยกังวลพอไปวางมือไปอธิษฐานเผื่อหลายๆ คน ก็กลับมาก็บอกว่าพระเจ้าอย่าลืมน่ะ ช่วยเขาด้วยรักษาเขาให้หายน่ะข้าพระองค์ไม่อยากเสียหน้า ในใจนึกแบบนี้นะครับ
แต่ตอนนี้ขอบคุณพระเจ้าที่แอกเราเบามาก ก็คือวางมืออธิษฐานเผื่อพูดในสิ่งที่ควรจะพูด จากนั้นก็วางใจในพระเจ้า วางใจในพระองค์ ยกให้พระองค์เป็นคนกระทำไม่ต้องกังวลไม่ต้องห่วงไม่ต้องคิดอะไร หายไม่หายอยู่ที่พระหัตถ์ของพระเยซูแล้ว
...
ถาม.
เรื่องการวางใจในพระเจ้าเราต้องฝึกไหมครับ หรือว่าเราต้องรับการเปิดตาให้มากๆ การวางใจถึงจะมามากกว่า มากกว่าที่เป็นอยู่ หรือว่าเราต้องฝึกตัวเองครับ เอเมนครับ
ตอบ.
การวางใจในพระเจ้าอยู่ที่ 1. อันแรกเลยที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องความเข้าใจ ความเข้าใจ การเปลี่ยนความคิด เรารู้แล้วว่าพระเจ้าเป็นคนเลือกทุกคนให้รอดหรือไม่รอดเรื่องความรอดนะครับ
และเรารู้ว่าสายพระเนตรของพระเจ้า พระเจ้ามี 7 ตา มีตา 7 ดวง คืออะไร ไม่ใช่ตา 7 ดวงที่เห็นกับตานะครับ ความหมายก็คือพระเจ้ามองเห็นสอดส่องไปทั่วทุกมุมทุกแห่งทุกที่ของโลกของจักรวาล พระเจ้าเห็นทุกคน
เพราะฉะนั้นพระเจ้าเป็นคนดูแล พระเจ้าเป็นผู้เลี้ยง พระเจ้าเป็นผู้วางแผนสำหรับชีวิตทุกๆ คนที่เชื่อในพระองค์ เพราะฉะนั้นเมื่อเราได้รับความเข้าใจนี้แล้ว เราเชื่อ และเมื่อเราเชื่อ เราก็สบายใจ เราก็วางใจในพระองค์ มันแตกต่างกันมากใช่ไหม ตอนที่รู้กลับไม่รู้
แตกต่างนะครับก็คือเมื่อก่อนเรากังวลเรากลัวเราเกิดมีอาการอะไรมากมายหลายอย่าง แต่ตอนนี้เราสบายใจมากเพราะเรารู้แล้วว่าทุกสิ่งอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า พระเจ้าจะเป็นคนทำ พระเจ้าเป็นคนวางแผน พระเจ้าเป็นคนเลือก พระเจ้าเป็นคนกระทำ เริ่มแรกพระเจ้าเรียกมา จากนั้นพระเจ้าชำระ จากนั้นพระเจ้าทำให้พระองค์พอใจ จากนั้นพระเจ้าชำระให้บริสุทธิ์ จากนั้นพระเจ้าทำให้กลายเป็นคนที่ใช้ได้ จากนั้นก็กลายเป็นปุโรหิต จากนั้นก็กลายเป็นผู้ชนะ จากนั้นก็เข้าสู่การใกล้ชิดพระเยซู เป็นผู้ร่วมปกครองกับพระเยซู
คือทุกสิ่งมันจบแล้ว เป็นสิ่งที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เราจะกังวลทำไม เราก็ต้องวางใจในพระเจ้า เมื่อเราเกิดมีความเข้าใจแบบนี้ ความเข้าใจนี้พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะช่วยเรา คือคอนเฟิร์ม คือยืนยัน คือช่วยเรา ให้เราเกิดวางใจอย่างที่สุด แล้วจากนั้นต่อมาเวลาผ่านไปความวางใจการเชื่อใจพระเจ้าของเราก็จะเติบโตในเรา
ผมจึงไม่คิดอะไร ไม่กังวลอะไร ไม่กลัวอะไร ไม่กระวนกระวาย คืออะไรจะมา อะไรจะไป อะไรจะอยู่ อะไรจะเป็น อะไรจะทุกข์ อะไรจะเจอมรสุม อะไรจะเจอความราบรื่นของชีวิต หรือเป็นแบบไหนยังไงกับผมหรือกับใคร ผมใช้คำเดียวเมื่อมีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ผมใช้คำนี้ครับก็คือ เอเมนพระเยซู ขอบคุณพระเยซู
เราลองมานึกดูสักเรื่องด้วยกันดีไหม เกี่ยวกับเรื่องการวางใจ เมื่อก่อนเราขอบ่อยมาก ขอให้มีการงานที่ดี ขอให้ทำธุรกิจค้าขายได้ ขอให้มีสุขภาพที่ดี ขอๆ บ่อยมาก แล้วก็ขอๆๆๆๆ อยู่นั่นแหละ การขอนะครับก็ดี แต่การขอบ่อยเกินไปมากเกินไปเยอะเกินไปอย่างไม่เหมาะสม บ่งบอกถึงความไม่ไว้วางใจของเรากับพระเจ้าต่อพระเจ้า
ตรงข้ามนะครับอีกคนหนึ่งที่รู้แล้วว่าเราเป็นลูกพระเจ้า เราทั้งหลายเป็นบุตรพระเจ้า เอเมน เป็นบุตรพระเจ้าพระเจ้าให้กำเนิดเรา คือเราได้บังเกิดใหม่ในฝ่ายวิญญาณในพระวิญญาณในพระเยซูแล้ว พระเจ้าเอาเราเข้าไปอยู่ในพระคริสต์ พระเจ้าให้เรานั่งอยู่บนสวรรค์สถานกับพระเยซูในพระเยซูร่วมกับพระบิดาแล้วตอนนี้ เราจะไปกลัวอะไร ไปกลัวทำไม แล้วเราถูกซ่อนไว้ในพระเยซู ไม่มีอะไรทำร้ายทำลายเราได้ ถ้าหากพระเจ้าไม่อนุญาต
เพราะฉะนั้นทุกสิ่งเหล่านี้ แล้วก็เราก็รู้ดีพระเยซูตรัสเองว่า “เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี” คำนี้เป็นคำที่พระเยซูให้คริสเตียนท่องจำเพื่ออะไร เพื่อว่าเราจะได้เรียนรู้กันวางใจในพระองค์
แล้วพระเยซูยังบอกอีกใช่ไหมว่า “อย่ากระวนกระวาย” ไม่ต้องห่วงว่าจะกินจะดื่มอะไรจะนุ่งห่มอะไร ไม่ต้องกระวนกระวาย พระเยซูตรัสถึง 3 ครั้ง คือเน้นเพื่อให้เราจดจำ เน้นเพื่อให้เราคิด แต่ถึงขณะนั้นคริสเตียนก็ยังไม่ได้สนใจคำพูดของพระเยซู คือยังมีความกระวนกระวายไม่วางใจในพระเจ้า
แต่ตอนนี้เรามาพบความจริงมากมายหลายอย่างที่พระคำล้ำลึกเปิดเผยโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราได้เห็นน่าจะเป็นสิ่งที่สนับสนุนและช่วยเราคอนเฟิร์มและทำให้เราเกิดการวางใจในพระเจ้าได้มากขึ้น
ผมเชื่อนะครับว่าเราตอนนี้มีหลายคนที่วางใจในพระเจ้ามากกว่าตอนที่เป็นคริสเตียนศาสนาอย่างมากมาย ก็ขอบคุณพระเยซู เอเมน
...
ถาม.
อีกเรื่องหนึ่งเราขอบ่อยๆ ได้ไหมค่ะ เพราะว่าเราทำบาปบ่อยมากเลยค่ะ แล้วก็กลับมาสารภาพแล้วก็ขอพระเจ้าชำระขอพระเจ้าช่วยให้เราให้ชนะบาป เราขอบ่อยๆ ได้ไหมค่ะ วันละหลายๆ ครั้งได้ไหมค่ะ
ตอบ.
สำหรับเรื่องประเด็นที่เป็นเรื่องใหญ่ประเด็นที่เป็นสิ่งที่เรากระทำในสิ่งที่ไม่ใช่น้ำพระทัยพระเจ้า อันนี้เราขอบ่อยได้ การขอบ่อยๆ เรื่องเกี่ยวกับการทำบาปบ่งบอกว่าเราจริงใจเราจริงจังเราอยากเลิกทำบาปจริงๆ เราจึงขอพระเจ้าบ่อยๆ พระเจ้าเข้าใจพระเจ้าเห็นใจพระเจ้ารู้
และสิ่งสำคัญการเลิกทำบาปไม่ใช่การขออย่างเดียว
คือการรับการเปิดตาให้มากขึ้น ผมอยากจะขอกลับไปพูดสิ่งหนึ่งที่ผมเคยโพสต์นานแล้วหลายปีแล้วเราจำกันได้ไหม
- คริสเตียนถ้าหากได้รับการเปิดตามาก ก็จะทำบาปน้อยลง
- แต่ถ้าไม่ได้รับการเปิดตามาก ก็จะทำบาปมากเหมือนเดิม
- ถ้าคริสเตียนได้รับการเปิดตามาก ก็จะมีสันติสุขมากขึ้นและความทุกข์ก็น้อยลง
- ถ้าหากคริสเตียนได้รับการเปิดตามาก ก็มีพลังมาก ไม่เหมือนแต่ก่อนที่มีกำลังน้อยอ่อนแอ
- ถ้าหากคริสเตียนได้รับการเปิดตามาก เราก็เข้าสู่ชีวิตผู้ชนะได้เร็วกว่าคนที่ได้รับการเปิดตาน้อย
ถูกไหมครับ ทุกสิ่งมันอยู่ที่ไหนครับ อยู่ที่การได้รับการเปิดตา คริสเตียนมันเป็นเรื่องของตา เราทุกวันนี้ไม่ได้เดินด้วยเท้า แต่เราเดินด้วยตา ความหมายคือ เราเรียนรู้ เรารับการเปิดเผย ตาสว่างมากเท่าไร ก็อยู่ในความสว่างของพระเจ้ามากเท่านั้น การกระทำกิจของพระเจ้าก็เกิดขึ้นก็เคลื่อนไหวในเรามากยิ่งขึ้นยิ่งขึ้น
สรุป ก็คือ กฎแห่งพระวิญญาณและกฎแห่งชีวิตก็จะครอบคลุมเอาชนะกฎแห่งความบาปและกฎแห่งความตายในเราได้ เราขอได้นะครับ ขอพระเจ้าช่วย ชำระข้าพระองค์ให้เลิกทำบาป
แต่รู้ไหมครับพระเจ้าจะตอบและจะทำอะไร
ก็คือพระเจ้าจะเปิดตาเราให้มากขึ้น ให้ได้เห็นว่า เธอเป็นผู้ชนะแล้วน่ะ เธอรับการเคลื่อนไหวของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ขอให้เชื่อทุกวันว่าเธอเป็นผู้ชนะ และมีกฎแห่งพระวิญญาณและกฎแห่งชีวิตอยู่ในเธอแล้ว สุดท้ายกฎนั้นก็จะเคลื่อนไหวครอบคลุมเอาชนะกฎความบาปและกฎความตาย
สำหรับพี่น้องที่อยากเอาชนะความบาป และให้เป็นไปตามกำหนดของพระเจ้าเป็นเวลาของพระเจ้า อย่าท้อ ไม่ต้องท้อ ฝึกสิ่งนี้ ก็คือ “ขอพระบิดาชำระข้าพระองค์ เรื่องกฎแห่งพระวิญญาณและกฎแห่งชีวิต ขอให้เกิดความเข้าใจมากยิ่งขึ้น” และขอบพระคุณที่วันนี้ ตื่นแต่เช้านะครับ
“ขอบพระคุณที่วันนี้พระองค์ให้กฎแห่งพระวิญญาณและกฎแห่งชีวิตเคลื่อนไหวในข้าพระองค์ ขอบพระคุณที่ข้าพระองค์สวมชีวิตผู้ชนะแล้ว ก็คือพระคริสต์อยู่ในข้าพระองค์ที่เป็นผู้ชนะแทนข้าพระองค์ พระองค์จะทำแทน พระองค์จะพูดแทน พระองค์จะเอาชนะแทน พระองค์จะเป็นทุกสิ่งแทนข้าพระองค์ เอเมน”
พูดคำนี้ทุกเช้าๆ อาการ กำลัง พลัง ทุกสิ่ง สันติสุข จะเปลี่ยนไป แต่อย่าลืมนะครับเคล็ดลับก็คือ ห้ามท้อ
สำหรับกรณีของการพยายามเลิกทำบาป หรือขอพระเจ้าให้เลิกทำบาปให้ได้ เรารู้ดีนะครับคำตอบอยู่ที่ไหน เปาโลเป็นคนเปิดเผยโดยพระวิญญาณ เปาโลบอกว่า โอ๊ยจะตายอยู่แล้ว โอ๊ยทำไมข้าพระองค์ถึงเป็นแบบนี้ โอ๊ย ทำไมๆๆๆๆ ทำไมมมม คือมันเลิกไม่ได้ทำไมพยายามแล้วพยายามอีกก็ไม่สำเร็จ
แล้วสุดท้ายเปาโลก็พูดออกมาว่า ขอบพระคุณพระเจ้า โดย โดยพระเยซูคริสต์ โดยพระเยซูคริสต์ คือเปาโลยอมแพ้ต่อการกระทำของตนเอง จึงหันความสนใจความหวังไปอยู่ที่พระเยซู ในโรมบทที่ 7:25 เปาโลพูดก็คือ ขอบพระคุณพระเจ้าที่โดยพระเยซูคริสต์ ข้าพระองค์มีความหวัง และในโรมบทที่ 8 ต่อมาก็คือ พระเยซูคริสต์เข้ามาพระองค์นำกฎแห่งพระวิญญาณและกฎแห่งชีวิต เพื่อเอาชนะกฎแห่งความบาปและกฎแห่งความตายได้
เราไม่ต้องทำอะไรนะครับ เราแค่เชื่อว่าพระเยซูเป็นสิ่งเหล่านี้ พระเยซูเป็นสันติสุข เป็นกฎแห่งพระวิญญาณและกฎแห่งชีวิต แล้วพระองค์เป็นผู้กระทำให้ข้าพระองค์ชนะได้ เปาโลบอกเป็นนัยๆ ใช่ไหมว่าคนที่วิ่งแข่งมีหลายคน แต่ผู้ชนะมีคนเดียว อ้าว คริสเตียนจะมีผู้ชนะคนเดียวเหรอ ไม่ใช่นะครับ ทุกคนชนะแต่คนที่ชนะผู้ชนะที่แท้จริงก็คือพระเยซูคนเดียวที่อยู่ในพวกเราทุกๆ คน เอเมน
วันนี้เรายกย่องสรรเสริญขอบพระคุณนมัสการพระบิดา เราขอบพระคุณที่ได้นำหัวใจที่เต็มแต่ความรักมาถวายเป็นเครื่องบูชาแด่พระองค์ นำคนใหม่คนนี้มาถวายแด่พระองค์ ขอบพระคุณพระบิดาที่รักเราก่อน แล้ววันนี้เราทั้งหลายรักพระองค์
ขอบพระคุณพระบิดาสำหรับความรู้ความเข้าใจการเปิดเผย และทั้งเป็นอาหารฝ่ายวิญญาณเพื่อเราจะกินดื่มเพื่อได้เติบโตสู่ชีวิตผู้ชนะ และดำเนินชีวิตที่พระองค์จะพอพระทัยในโลกนี้ต่อหน้ามนุษย์ทั้งหลาย เพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์ พระบิดาพวกเรารักพระองค์ เอเมน