เราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับวันนี้ที่พระองค์สอนเราและป้อนเราด้วยมานาที่มาจากสวรรค์และเป็นพระคำที่เป็นความจริงเป็นชีวิตและเป็นฤทธิ์เดช สรรเสริญพระเยซู เราขอบพระคุณพระองค์ที่เปิดตาเรา ทั้งได้กินอย่างอิ่มหนำ ขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์ให้เราเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ทางผ่านทางพระคำของพระองค์ เอเมน
สำหรับวันนี้มี 6 ข้อด้วยกัน 6 เรื่องด้วยกันก็คือ..
ข้อแรกข้อที่ 1. ผู้ปกครอง
ข้อที่ 2. เปาโลเป็นแบบอย่างที่ดีในการสำแดงพระคริสต์ เรื่องความรัก ความเมตตา ความอดทนสำหรับการข่มเหง
ข้อที่ 3. ในข่าวประเสริฐเดียวมีหลายเรื่อง
ข้อที่ 4. ก็คือข่าวประเสริฐแห่งพระคุณ คือข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูคริสต์นั่นเอง เพราะว่าพระคุณก็คือตัวตนของพระเยซู พระเยซูเสด็จมาเพื่อตายไถ่บาป และพระเยซูเสด็จกลับมาเพื่ออยู่ในเราและดำเนินชีวิตแทนเรา พระเยซูตายแทนเราคือพระคุณ พระเยซูดำเนินชีวิตแทนเราคือพระคุณซ้อนพระคุณ
ผู้ใดที่ได้รับการเปิดตา ถูกเปิดตา ได้เห็นและได้ยินก็เป็นสุขเพราะว่าอาณาจักรสวรรค์เป็นของผู้นั้น เอเมน
ข้อที่ 5. ก็คือความแตกต่างระหว่างอาณาจักรของพระเจ้าและอาณาจักรสวรรค์
ข้อที่ 6. ก็คือบริสุทธิ์จากโลหิตของทุกคน อันนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะสำคัญมาก
เราจะมาดูข้อที่ 1. ด้วยกัน จะสรุปสั้นๆ คือผู้เชื่อทุกคน ทันทีที่เชื่อ เราเป็นบุตรของพระเจ้าแล้ว เอเมนขอบคุณพระเยซู และพระเยซูแต่งตั้งให้เราเป็นปุโรหิตหลวงเพื่อนมัสการพระเจ้าด้วยกันร่วมกันในคริสตจักรของพระองค์ แล้วยังไม่พอเรายังเป็นสาวกของพระเยซูด้วย
แต่มีบางคนในแต่ละคริสตจักรเท่านั้นที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงแต่งตั้งให้เป็นผู้ปกครอง เพื่อดูแลคริสตจักร ส่วนมากนะครับจะเป็นผู้ที่มีอายุ ซึ่งผ่านชีวิตผ่านอะไรมามากมายมีประสบการณ์ และพอเข้ามาเชื่อก็คือจะสำแดงชีวิตพระคริสต์ จะเป็นผู้ใหญ่ จะได้รับการเปิดตา จะเรียนรู้บทเรียนและรับทุกสิ่งได้ง่ายมาก แล้วก็สำแดงชีวิตได้ง่ายเพราะว่าร่างกายค่อนข้างจะคือมาถึงจุดที่เป็นผู้ที่มีประสบการณ์และมีอายุมาก เป็นผู้ชายนะครับ ต้องเป็นพี่น้องชาย พี่น้องหญิงทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองไม่ได้นะครับ
ซึ่งเราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับพี่น้องหญิงหลายคน ในกลุ่มพวกเราไม่น้อยใจ ไม่น้อยใจไม่เสียใจ แล้วก็ยอมรับด้วยถ่อมใจ พระเจ้ามีเหตุผลนะครับ อันนี้เราไม่ต้องถามใครไม่ต้องต่อว่าพระเจ้า เรามองที่ตัวเราเรารู้ดี พี่น้องหญิงถูกสร้างในลักษณะที่เป็นผู้ที่จะพึ่งผู้ชาย และพี่น้องหญิงมีร่างกายจิตใจ จิตใต้สำนึก จิตสำนึกที่อ่อนไหว อ่อนแอ และเปลี่ยนแปลงอารมณ์ได้ง่ายมาก ซึ่งจำเป็นนะครับ ที่จะไม่ควรอยู่ในฐานะของผู้นำผู้ปกครองศิษยาภิบาลหรือผู้ดูแลคริสตจักร
แต่เรายังทำหน้าที่อื่นได้นะครับ คือแบ่งปัน เผยพระวจนะ อธิษฐานเผื่อ ทำหน้าที่ด้วยความถ่อมใจ อย่าทำตนในลักษณะของการเป็นผู้นำ หรือให้คนอื่นมองว่าเป็นอาจารย์ เป็นผู้นำ การใช้คำพูดนะครับ เราต้องใช้คำพูดในลักษณะของคนที่ต่ำมากๆ ถ่อมถึงดิน ถ้าเราจะพูดว่า “ไม่ได้น่ะ ไม่ให้ไปน่ะ ขอสั่งน่ะ ขอห้ามน่ะ” ในลักษณะที่เหมือนกับเป็นผู้นำคน อันนี้เราทำไม่ได้นะครับ
เพราะฉะนั้นเราขอบคุณพระเจ้า พี่น้องหญิงเข้าอาณาจักรได้ พี่น้องหญิงเป็นใหญ่ในอาณาจักรก็ได้ เป็นใหญ่กว่าพี่น้องชายอีกหลายคน เพราะว่าถ้าหากเขาถ่อมใจ และถ้าหากเขาสนิทในพระเยซูมากกว่าใคร
การที่จะมีตำแหน่งสูงในอาณาจักร ในยุคพันปี และในฟ้าสวรรค์ใหม่แผ่นดินโลกใหม่ เป็นเรื่องของการสนิทในพระเยซูมากกว่าใคร เอเมน
สำหรับยุคนี้ ก็คือเราทำตามหน้าที่และเราทำตามของประทาน และทำตามเพศชายหญิงของเราที่ถูกกำหนดมาแบบนี้ เพราะฉะนั้นเราขอบพระคุณพระเจ้าที่ไม่น้อยใจ พี่น้องบางท่านเราขอบพระคุณพระเจ้าที่เขายังถ่อมใจแล้วก็เชื่อฟังพระกายของพระองค์นะครับ และรับใช้ตามหน้าที่ตามของประทาน
ส่วนเรื่องการเปลี่ยนแปลงการแก้ไขนะครับ พี่น้องและพี่น้องหญิงหลายท่านอาจจะยังมีอยู่ เราอลุ่มอล่วย เราให้โอกาส เราให้เวลา เราอยู่ร่วมกันด้วยความรัก และเห็นใจซึ่งกันและกัน ไม่มีการตัดสินไม่มีการกล่าวโทษ ไม่ว่ากันนะครับ เรื่องอะไรที่มันเล็กๆ น้อยๆ ที่พอผ่านไปได้ก็ผ่านไป
แล้วเราจะเห็นว่าพี่น้องหญิงจะเป็นผู้ที่มักจะมีปากเสียง หรือการถกเถียงจะบ่อยกว่าพี่น้องชาย อันนี้ผมพูดถูกนะครับ ไม่ต้องคิดอะไรมากก็ได้ ซึ่งเรารู้ดีเรื่องอารมณ์ อารมณ์ความรู้สึก ฮอร์โมน การเปลี่ยนแปลงของจิตใจอารมณ์เนี่ยมันง่ายมาก
เพราะฉะนั้นเราขอบคุณพระเจ้าที่เราทำตามขนาดของความเชื่อและเราอยู่ในการก่อขึ้นของพระคริสต์ ขอบคุณพระเจ้า
เพราะฉะนั้นหน้าที่ของผู้ปกครอง ก็คือ ยกให้พี่น้องชาย และพี่น้องชายที่จะเป็นผู้ปกครองนั้น ก็คือทุกคนรักและเคารพ แล้วมองเห็นสง่าราศีของพระเยซูที่อยู่ในเขา
สำหรับหน้าที่ หน้าที่ของผู้ปกครองก็คือ..
1. อธิษฐานเผื่อ
ขอถามนะครับว่าคริสตจักรพวกเรากลุ่มพวกเรา พี่น้องที่อยู่ในทีมประสาน หรือเป็นผู้ปกครอง สำหรับพี่น้องชาย พวกเราทำหน้าที่อธิษฐานเผื่อพี่น้องทุกวันหรือยัง ถ้าทำแล้วก็ขอบพระคุณพระเยซู แต่สำหรับพี่น้องบางคนถ้ายังไม่ทำก็เริ่มทำนะครับ เพราะว่านี่คือส่วนหนึ่งที่สำคัญมากสำหรับการเป็นผู้ปกครอง ก็คืออธิษฐานเผื่อพี่น้อง
ข้อที่ 2. ก็คือแบ่งปันเสริมสร้างฝ่ายวิญญาณ
ข้อที่ 3. ก็คือแก้ไขปัญหาที่มีมาเป็นระยะๆ
ข้อที่ 4. ก็คือตัดสินพี่น้องที่กระทำผิดด้วยความรักและเมตตา
สุดท้าย ก็คือสำแดงชีวิตพระคริสต์ในแต่ละวัน เอเมน
และสำหรับบทเรียนในวันนี้ ข้อที่ 2. ก็คือ เปาโลเป็นแบบอย่างที่ดีในการสำแดงชีวิตพระคริสต์ต่อพี่น้องและผู้เชื่อ ท่านรัก ท่านมีเมตตา ท่านอ่อนสุภาพ ท่านอดทนต่อปัญหาและการข่มเหงที่เข้ามาอยู่ตลอดเวลา ท่านประกาศรับใช้อย่างสัตย์ซื่อ ท่านเดินตามการนำพาของพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่เสมอ เมื่อไม่ทรงนำก็ไม่ทำ นี่คือตรีมของเปาโลนะครับ เราเห็นจากหนังสือกิจการจนถึงหนังสือเล่มสุดท้ายที่เปาโลเขียน “ถ้าพระวิญญาณไม่นำพา ท่านจะไม่ทำ”
เราก็เหมือนกัน เราก็ควรจะใช้ชีวิตแบบเหมือนเปาโล ก็คือ “ถ้าพระวิญญาณไม่นำ เราไม่ทำ” เอเมน
ข้อที่ 3. สำหรับบทเรียนในวันนี้ ก็คือมีข่าวประเสริฐเดียว ก็คือ ข่าวประเสริฐของพระเจ้า ในโรมบทที่ 11:1 เปาโลพูดถึงข่าวประเสริฐของพระเจ้านะครับ แล้วทำให้คริสเตียนมากมายทุกวันนี้เข้าใจผิด คริสเตียนทุกวันนี้มักจะคิดว่ามีข่าวประเสริฐเดียว ก็คือข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูคริสต์ อันนั้นผิดนะครับ
ข่าวประเสริฐเดียว เรียกว่าข่าวประเสริฐของพระเจ้า the Gospel of God ในโรมบทที่ 11:1 แต่ในข่าวประเสริฐเดียวนั้นมีหลายเรื่องด้วยกัน อย่างเช่น ข่าวประเสริฐเรื่อง 1. อาณาจักร 2. เรื่องพระเยซูคริสต์ 3. เรื่องพระเจ้า 4. เรื่องสันติสุข 5. เรื่องพระคุณของพระเจ้า 6. เรื่องความรอด 7. เรื่องไม้กางเขน และ 8. สุดท้าย เรื่องอมตะ
ข่าวประเสริฐทุกเรื่องนะครับ ต่างก็มีไว้เพื่อสนับสนุน เรื่องอาณาจักรในยุคหน้าและนิรันดร์ มัทธิวบทที่ 6:33 ท่านทั้งหลายจงแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้า และวิวรณ์บทที่ 11:15
สรุปก็คือข่าวประเสริฐทุกเรื่องสนับสนุน อาณาจักรของพระเจ้า เพราะว่าอาณาจักรของพระเจ้าเป็นหัวใจของพระเจ้า เป็นสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้มนุษย์ทุกคนแสวงหาและเรียนรู้และเข้าใจและเข้าไปมีส่วนในอาณาจักรนั้น เอเมน
ข้อต่อไปข้อที่ 4. ก็คือข่าวประเสริฐเรื่องพระคุณ ข่าวประเสริฐเรื่องพระคุณเรียกได้ว่าเป็นเรื่องของพระเยซูคริสต์ได้นะครับ เพราะว่าพระคุณก็คือตัวตนของพระเยซูที่มาอยู่กับพวกเรา ที่มาตายแทนเรา และที่มาอยู่แทนเรา
สำหรับข้อที่ 5. ก็คืออาณาจักรของพระเจ้า อาณาจักรของพระเจ้านะครับก็คือสวรรค์ ที่ประทับของพระเจ้า ที่อยู่ไกลโพ้น ต่อมาก็คืออาณาจักรของพระเจ้าเริ่มขึ้นเมื่อพระเจ้าสร้างโลกก็คืออยู่ที่สวนเอเดน หลังจากนั้นต่อมาไม่นานอาณาจักรของพระเจ้าก็คือชนชาติอิสราเอล และเมื่อพระเยซูเสด็จมาพระเยซูก็เป็นอาณาจักรของพระเจ้า และต่อมาก็คือคริสตจักรก็คืออาณาจักรของพระเจ้า และยุคพันปีก็คืออาณาจักรของพระเจ้า ฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ก็คืออาณาจักรของพระเจ้า
สรุปอาณาจักรของพระเจ้า ก็คืออะไร คือทุกที่ทุกแห่งทุกคน ทุกคนและทุกสิ่ง ที่พระเจ้าเป็นผู้ปกครอง เป็นผู้ครอบครอง เอเมน
แล้วส่วนอาณาจักรสวรรค์ คืออะไร อาณาจักรสวรรค์มีอยู่แค่ 2 ยุคนะครับ ก็คือในยุคนี้เรียกว่าคริสตจักร คริสตจักรหรือพระกายของพระเยซูคืออาณาจักรสวรรค์ เราทั้งหลายทุกวันนี้เป็นบุตรแห่งสวรรค์ เป็นชาวสวรรค์ และเป็นอาณาจักรสวรรค์ของพระเยซู เอเมน
แล้วพวกเราที่เป็นชาวสวรรค์ เป็นราษฎรแห่งอาณาจักรสวรรค์ แล้วเราดำเนินชีวิตตามกฎหมายใหม่ของพระเยซูในมัทธิวบทที่ 5 บทที่ 6 บทที่ 7 หรือยัง และเรานับว่าพระบัญญัติที่ใหญ่ที่สุดของพระเยซู คือรักพระเจ้าสุดจิตสุดใจ และรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง เราอยู่ในกฎหมายใหม่ของพระเยซูนี้หรือยังในแต่ละวัน
เพราะฉะนั้นขอพระวิญญาณบริสุทธิ์นำเรา ชำระเรา ให้มาถึงชีวิตที่ดำเนินไปในฐานะของราษฎรแห่งอาณาจักรสวรรค์นี้ เพื่อเราจะเข้าไปมีส่วนในอาณาจักรสวรรค์ในยุคพันปีที่กำลังจะมา เอเมน
และสรุปอาณาจักรสวรรค์ ก็คือทุกที่ทุกแห่งทุกหน ทุกคนและทุกสิ่ง ที่พระคริสต์เป็นผู้ครอบครองและเป็นเจ้าของ
คือทันทีที่เราเชื่อเราได้รอดโดยพระคุณทางความเชื่อ ไม่ว่าใครเมื่อเราเชื่อในพระเยซู เชื่อว่าพระองค์ตายไถ่บาปเรา และเชื่อว่าพระองค์เป็นพระเจ้าเสด็จลงมาเป็นมนุษย์เพื่อตายแทนบาปของมนุษย์ทั้งหลาย เราก็ได้รับความรอด ความรอดนี้ได้รับมาโดยทางความเชื่อ ความรอดนี้เป็นของขวัญ เป็น Gift ที่พระเจ้าประทานให้เราฟรีๆ โดยไม่ต้องพึ่งพาการปฏิบัติ การเลิกทำบาป การเชื่อฟัง การถวายทั้งสิ้น ก็คือเชื่อเท่านั้นก็ได้รอดแล้ว สรรเสริญพระเยซูสำหรับความรอดนี้เอเมน
ส่วนการเข้าอาณาจักร เป็นเรื่องที่ยากค่อนข้างจะยาก ต้องวิ่งแข่ง ต้องแข่งขัน ต้องแย่งชิง ต้องเลิกทำบาปให้ได้ และใช้ชีวิตใหม่ถวายให้พระคริสต์เป็นผู้ดำเนินชีวิตแทนเราในแต่ละวันจึงจะเข้าได้
บุคคลผู้ใดมีสง่าราศี 2 สง่าราศี จึงจะเข้าในอาณาจักรได้
- สง่าราศีแรก ก็คือสง่าราศีที่ได้มาจากการสนิทในพระเยซูในแต่ละวัน
- สง่าราศีที่สอง ก็คือได้มาจากการเลิกทำบาปได้แล้ว มีชีวิตที่เป็นผู้ชนะได้แล้ว
ข้อที่ 6. ข้อสุดท้าย ก็คือผู้เชื่อทุกคนเป็นสาวกของพระเยซู และทุกคนมีของประทานนะครับ เพราะฉะนั้นเราจึงควรค้นหาสิ่งที่พระเจ้าประทานให้เรา และนำมาใช้เพื่อการงานการรับใช้ เพื่อที่จะไม่มีตำหนิ และโลหิตของคนที่ไม่เชื่อจะไม่ตกมาที่เรา คำว่า บริสุทธิ์จากโลหิตของทุกคน ที่เปาโลเขียน ก็คือการที่เราทำหน้าที่ที่ดีที่สุด เราประกาศกับทุกคนเมื่อพระเจ้าให้เรานำเราไปประกาศ และใช้ของประทานในการรับใช้ ทำทุกสิ่งด้วยของประทานที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ประทานให้ คำว่าบ ริสุทธิ์จากโลหิตของทุกคนจึงเป็นของเรา เราจึงจะไม่ถูกตำหนิโดยพระเยซูคริสต์เมื่อพระองค์เสด็จกลับมา เอเมน
ถาม.
มีคำถามค่ะ เกี่ยวกับ 6 เรื่องนี้ ก็มีเรื่องหนึ่งที่ว่าผู้หญิงเป็นผู้ปกครองไม่ได้ แล้วสมมุติว่าเราสองคนอยู่บ้านเดียวกัน มีแม่กับลูก แล้วแม่ก็รับมานาฯ มาแล้ว แล้วก็รู้พระคำล้ำลึกมาส่วนหนึ่งแล้ว แล้วก็เราก็ประกาศกับลูก แล้วลูกก็รับมานาฯ ก็เข้าใจ แล้วก็เรื่องอาณาจักรอะไรหลายอย่าง แต่ว่าเวลาเราสามัคคีธรรมกันหรือว่าเรานมัสการกันอาทิตย์ละครั้ง หักขนมปัง แล้วก็ร้องเพลงนมัสการ 2 คน แล้วเวลาแบ่งปัน ลูกชายก็คือเขายังไม่ได้รับการเปิดตา แล้วเราก็เหมือนลักษณะว่าไม่อยากไปสอน แต่เราควรจะทำอย่างไรค่ะ เราก็ไม่อยากไปสอนผู้ชายใช่ไหม เขาเป็นลูกก็ตามแต่ว่าเราเป็นผู้หญิงจะไปสอน เหมือนกับว่าก็สอนล่ะเนาะ หมายความว่าสอนลักษณะสอน แต่เราควรจะถ่อมใจยังไงค่ะ ขอให้อาจารย์อธิบายให้ฟังหน่อยค่ะ ขอบคุณค่ะ
ตอบ.
สำหรับเรื่องการวางตัวนะครับ เราวางตัวในฐานะของพี่น้องหญิง เราวางตัวในฐานะของพระกายของพระเยซู
เราจะไม่ใช้คำพูดในลักษณะของการเป็นผู้นำ เป็นผู้สอน เหมือนครูนะครับ แต่เราใช้คำพูด การพูด ในลักษณะของคนที่ถ่อมใจคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าเราจะเป็นแม่หรือเป็นอะไรก็ตามนะครับ เราพูดในลักษณะการนอบน้อมถ่อมตน ใช้คำพูดที่เหมาะสม เท่านั้นก็พอครับ
เราสอนได้ แต่เราจะไม่ใช้คำว่า สอน แต่เราจะใช้คำว่าแบ่งปันนะครับ เอเมน
...
ถาม.
ลูกชายเขาก็ว่าเราเป็นแม่ใช่ไหม เหมือนกับว่าเราเป็นแม่จะต้องสอนลูก เขาไม่เข้าใจค่ะ แล้วก็เราควรจะอธิบายให้เขาฟังใช่ไหมว่าผู้หญิงสอนผู้ชายไม่ได้ ต้องถ่อมใจอะไรประมาณเนี้ย ให้เขาเข้าใจ เราอธิบายให้เขาฟังได้ไหมค่ะ
ตอบ.
เมื่อถึงเวลาอันควร ถึงเวลาที่เหมาะสม เราจึงบอกลูกเราไปนะครับ บอกว่า “เนี่ยนะคือสำหรับพระคัมภีร์ น้ำพระทัยของพระเจ้าในยุคพระคุณ คริสตจักรของพระองค์มีพี่น้องชายเท่านั้นที่สอนได้ที่เป็นอาจารย์ที่เป็นผู้นำผู้ปกครองคริสตจักรผู้ดูแลคริสตจักรและพี่น้องหญิงควรจะนอบน้อมถ่อมตนถ่อมใจ” และพูดในลักษณะของคนที่ไม่มีค่าอะไรเลย ซึ่งอันนี้ผู้ชายพี่น้องชายก็ทำเหมือนกันนะครับ ไม่ใช่ว่าแต่เฉพาะพี่น้องหญิง
เราทุกคน ต่ำถ่อมถึงดิน เอเมน
และการพูดของเรา การใช้คำพูด การใช้ถ้อยคำ การสำแดงการแสดงกิริยาอาการ คุณสมบัติ เราทำให้เหมาะสม
อีกครั้งนะครับ เมื่อถึงเวลาเหมาะสมเราจึงอธิบายจึงบอกให้เขาฟัง แต่ตอนนี้ถ้ายังก่อนก็ไม่เป็นไรนะครับ แต่ในอนาคตควรจะบอกเขาเพื่อป้องกัน สำหรับในอนาคต ก็คือ บางครั้งเราไม่บอกเราไม่พูดเลย พอเขาไปฟังใน YouTube หรือเห็นอาจารย์ที่เป็นพี่น้องหญิงเป็นผู้หญิงนะครับ ใน YouTube เขาก็ไปรับมาไปเรียนรู้มาไปเอาคำสอนมาแล้วก็ยกย่องอาจารย์คนนั้น ซึ่งอันนี้ขอพูดตามตรงเลยขอพูดชื่อเลย ก็คือจอยซ์ไมเออร์ที่เป็นอาจารย์ผู้หญิงที่เป็นที่ได้รับความนิยมชมชอบ การยกย่อง มากมายในอเมริกา
แต่ถ้าหากเราได้รับการเปิดตาโดยมานาพระคำล้ำลึกนี้ พอเราไปฟังเราไปดูคลิปของเขา เราจะเห็นว่าเขาแสดงอาการของการเป็นอาจารย์ เป็นคนที่มีอีโก้สูงมาก แต่ก่อนมีอยู่ครั้งนึงที่เขาไปรัฐโอไฮโอ แล้วพี่น้องคริสตจักรก็ไปช่วยงานเขา แล้วเขาก็บอกนะครับว่าถ้าคุณจะมาร่วมงานของฉัน คุณจะไม่ได้รับอะไรนะ คุณได้รับแต่พระพร ไม่มีค่าตอบแทนอะไรให้ แต่คำพูดของเขานะครับจะเป็นคำพูดที่ค่อนข้างจะแข็ง เป็นคำพูดที่เหมือนกับอาจารย์เป็นผู้ใหญ่เป็นผู้ยิ่งใหญ่เป็นผู้ที่มีชื่อเสียง ซึ่งหลายคนสะดุดนะครับ หลายคนสะดุดมาก
และเท่าที่เราดูในคลิป ใช่ครับ เขาพูดในสิ่งที่มีประโยชน์ และเขาพูดได้รับการหนุนใจ จากหลายคนนะครับ แต่ไม่ใช่น้ำพระทัยของพระเจ้า พระเจ้าไม่ได้แต่งตั้งเขาให้เป็นผู้นำเป็นอาจารย์เป็นผู้สอนในลักษณะนั้น แต่เขาตั้งตัวขึ้นเป็นอาจารย์เอง รู้ได้ยังไง? เพราะว่าในพระคัมภีร์เปาโลพูดโดยพระวิญญาณว่า อย่าให้พี่น้องหญิงลุกขึ้นหรือเป็นผู้นำเป็นผู้ปกครองนะครับ
“1 ทิโมธี 2:11-13
11 ให้ผู้หญิงเรียนอย่างเงียบๆ และด้วยใจนอบน้อมทุกอย่าง
12 ข้าพเจ้าไม่อนุญาตให้ผู้หญิงสั่งสอนหรือใช้อำนาจเหนือผู้ชาย แต่ให้เขานิ่งๆ อยู่
13 ด้วยว่าพระเจ้าทรงเนรมิตสร้างอาดัมก่อน แล้วจึงทรงสร้างเอวา”
...
ถาม.
พระเจ้าสร้างอดัมก่อนเนาะ แล้วก็สร้างผู้หญิงจากซี่โครงด้านซ้าย ผมไม่เข้าใจตรงนี้ อาจารย์อธิบายหน่อยยังไม่เข้าใจครับ
ตอบ.
ถ้าขอโทษนะครับ ถ้ามีคนตาย เราไปดูกระดูกของผู้ชาย เราจะเห็นว่า อยู่ซีกข้างซ้ายหรือข้างขวาผมไม่แน่ใจ (ปฐมกาล 2:21-22) มันเหมือนกับว่าถูกหักไป แล้วผู้ชายทุกคนก็เป็นด้วยนะ นี่คือสิ่งที่เราพบหลักฐานที่พระเจ้าสร้างในหนังสือปฐมกาลบทที่ 1 บทที่ 2
พระเจ้าสร้างผู้หญิงมาอยู่เป็นเพื่อนผู้ชาย พระเจ้าสร้างผู้หญิงนะครับ ให้มาเป็นคนรัก คนร่วมชีวิตของผู้ชาย แต่ไม่ได้เป็นใหญ่กว่าผู้ชายและไม่ได้เป็นทาสของผู้ชายด้วย ขอให้เข้าใจตรงนี้นะครับ
ไม่ใช่ว่าพี่น้องชายหรือผู้ชายเนี่ยคิดว่า ผู้หญิงต้องเป็นทาสต้องต่ำกว่าผู้ชาย ไม่ใช่ลักษณะนั้นนะครับ ก็คือเป็นเพื่อน เป็นผู้อยู่ร่วม เป็นคนที่รู้ใจ เป็นเพื่อนใจ เป็นเพื่อนรัก เป็นคนรัก เป็นภรรยา ไม่ใช่คนใช้ไม่ใช่ทาสเหมือนกับที่หลายชาติหลายศาสนาทุกวันนี้เขาเข้าใจกัน แล้วก็เขาปฏิบัติกับผู้หญิงเนี่ยไม่เหมาะสมเลย
แต่เรา เราขอบพระคุณพระเจ้าเรารักพี่น้องหญิงเท่าเทียมกัน เราผู้ชายผู้หญิงเท่ากันหมดนะครับในคริสตจักร เราเป็นพระกายเราเป็นบุตรทั้งหลายของพระเจ้า
แต่..เรื่องการปรนนิบัติรับใช้ ตำแหน่ง อันนี้เราต้องให้พี่น้องหญิงหลีกเลี่ยงไปก่อน และทำหน้าที่ที่ควรจะทำเท่านั้นครับ
และพี่น้องหญิงขอตอบพี่รินนะครับก็คือ เราสั่งสอนลูกได้นะครับ สอนที่บ้าน เราสั่งสอนลูกได้ เพียงแต่ว่าอย่างที่ผมพูดก็คือด้วยการเอาผ้าคลุมศีรษะ ความหมายก็คือถ่อมใจ
...
ถาม.
ผู้หญิงถูกมารหลอกลวงในสวนเอเดน ผู้ชายไม่ได้โดนหลอก ต้นแอปเปิ้ลนะครับ อธิบายหน่อยครับ
ตอบ.
สำหรับพี่น้องที่เข้าใจว่าเป็นแอปเปิ้ล ขอให้เปลี่ยนความคิดนะครับ ผลไม้ต้นไม้แห่งความรู้ดีชั่ว ไม่ใช่แอปเปิ้ลครับผม
และถามว่าผลอะไร อันนี้เราไม่ทราบ เราไม่ทราบ แต่ต้นไม้แห่งชีวิตนะครับ ผลไม้จากต้นไม้แห่งชีวิต ก็คือต้นองุ่นนั่นแหละ
พอมาถึงเรื่องการพูดว่าใครถูกหลอกใครไม่ถูกหรอก ใช่ครับพี่น้องหญิงผู้หญิงเป็นคนที่อ่อนไหวอ่อนแอ เพราะว่าเป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตของผู้ชาย อย่าลืมนะครับผู้หญิงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของผู้ชายออกมาจากผู้ชาย พระเจ้าไม่ได้สร้างผู้หญิงโดยตรง แต่หักเอาซี่โครงแล้วก็นำชีวิตให้เกิดมีชีวิตของผู้หญิง
เพราะฉะนั้นผู้หญิงมีชีวิตที่ค่อนข้างจะอ่อนไหว อ่อนแอ อ่อนโยน อ่อนไปหมดนะครับ แล้วหลงเชื่อคำพูดของคนได้ง่าย คือทุกสิ่งก็ง่ายหมดแหละ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องยอมรับและเข้าใจว่าเราถูกสร้างมาในลักษณะนี้ เราก็ดำเนินชีวิตเท่านี้ แต่เราเป็นใหญ่ในอาณาจักรได้ เป็นใหญ่กว่าพี่น้องชายได้ด้วยนะ ก็คือการสนิทในพระเยซูมากกว่าใคร บอกรักพระเยซูมากกว่าใคร อยู่ใกล้พระเยซูอยู่กับพระเยซู ใช้ชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้ามากกว่าใคร แน่นอนครับเราจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่มากกว่าศิษยาภิบาล มากกว่าอาจารย์เจมากกว่าใครอีก เอเมนขอบคุณพระเยซู
...
ถาม.
ถามหน่อยครับ ทำไมผู้หญิงใส่ตุ้มหูครับ
ตอบ.
เพราะว่าผู้หญิงรักสวยรักงาม เขาก็ใส่ ถามว่าผิดไหม สำหรับชาวยิว ผู้หญิงหรือในคริสตจักรสมัยแรก พี่น้องหญิงที่ใส่เนี่ย เราใส่ได้นะครับ เราใส่ได้ แต่อย่าไปหลงใหล อย่าไปใส่ใจกับมันมากเกินไปจนลืมการสนิทในพระเยซู ลืมไปว่าเราเป็นคนใหม่ในพระคริสต์ เราเป็นพระกายของพระเยซู เรือนเราบ้านของเราเป็นที่สถิตของพระเจ้า
เราใส่ได้ใส่พอดีๆ ให้เหมาะสม เราประดับประดาเครื่องแต่งกายได้แต่ให้เหมาะสม คือทำอะไรก็ได้แต่อย่าทำให้มันมากเกินไป เท่านั้นพอครับ เอเมน
การดำเนินชีวิตในฝ่ายวิญญาณสำคัญกว่าฝ่ายเนื้อหนัง เราอาจจะใส่ใจในฝ่ายเนื้อหนังได้นะครับ ไม่ใช่ไม่ได้ แต่พอเราโตขึ้นในฝ่ายวิญญาณ เราจะปล่อยทิ้งมันเอง อันนี้เป็นหน้าที่ของพระเจ้าที่จะชำระเราในอนาคตให้มีมากขึ้นๆ เข้าสู่ฝ่ายวิญญาณมากกว่า แล้วตัดทิ้งฝ่ายเนื้อหนัง สละทั้งหมดที่เป็นเนื้อหนัง
แต่ตอนนี้ใครที่ใส่ อยากใส่ ก็ใส่นะครับ ไม่เป็นไร พระเจ้าเข้าใจเราเพราะว่าเรายังเป็นเด็กในฝ่ายวิญญาณ
แต่สำหรับคนที่โตแล้วในฝ่ายวิญญาณก็คือเขาจะไม่สนใจในเรื่องการประดับ การแต่งกาย การดูดีภายนอก แต่เขาจะใส่ใจในเรื่องการดูดีภายใน สำแดงชีวิตพระคริสต์ เป็นนางงามจักรวาลของพระเยซู ก็คือสำแดงความรัก ความบริสุทธิ์ ความชอบธรรม และความเป็นจริงความสว่างของพระเจ้า
ถามว่าทำไมผมมักจะตอบว่าได้ หรือทำ คำตอบนี้นะครับ อยู่บนรากฐานของชีวิตคริสเตียน 3 ระดับ ถ้าเราไปถามคริสตจักรทั่วๆ ไป เราจะได้รับคำตอบเดียว ก็คือว่าไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ให้ตกแต่ง ไม่ให้ประดับเครื่อง ไม่ให้ใส่สร้อยทองคำ ไม่ให้ใส่อะไรที่มันสวยงาม ไม่ให้เน้นที่ยี่ห้อแบรนด์เนมอะไรทั้งหลาย ตัดทิ้งหมด เลิกทำบาปทุกอย่าง
แต่เราต้องเข้าใจนะครับ ว่าคริสเตียนมี 3 ระดับ พอเราเริ่มเชื่อพระเจ้า เราจะตัดทิ้งหมดไม่ได้ ไม่มีใครตัดได้ ผมเองนะครับก็เป็นคนที่นับว่าเคร่งมากคนหนึ่ง พี่พอเชื่อพระเยซูปุ๊บเนี่ยก็สัญญาสาบานกับพระเจ้าเลยว่าจะเชื่อฟัง จะดำเนินชีวิตที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า แต่ไม่นานนะครับ ไม่นาน แค่เอ่ยปากพูดเนี่ยอีกไม่กี่วันก็ทำบาปแล้ว ซึ่งต่อมาก็ทำอีก ต่อมาก็ทำอีก
ยิ่งสัญญากับพระเจ้ามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งล้มมากเท่านั้น
จึงพบว่า อันนี้ไม่ใช่เรื่องของเราที่จะพยายามทำดีให้ได้ สุดท้ายก็ยอมแพ้ แล้วก็ต่อมาอีกไม่นานหลายปี ก็มาพบพระคำล้ำลึก แล้วพบว่าเราต้องพึ่งเขาประเสริฐแห่งพระคุณ ก็คือให้พระคุณซ้อนพระคุณมาดำเนินชีวิตแทนเรา
เพราะฉะนั้นสำหรับคริสเตียนที่เพิ่งเชื่อพระเจ้าและคริสเตียนที่เข้ามาใหม่ รู้จักพระเยซูใหม่ๆ นะครับ อันนี้เรายังอยู่ในฐานะของการเป็นคริสเตียนในระดับเด็ก
เพราะฉะนั้นการทำบาปเป็นเรื่องที่พระเจ้าเข้าใจเรา
การประดับเครื่องแต่งกายพระเจ้าเข้าใจเรา
การที่ยังรักยังใช้แบรนด์เนมอยู่พระเจ้าเข้าใจเรา
การยังรักโลกโกรธหลงพระเจ้าก็เข้าใจเรา
แล้วพระเจ้าก็ทำงานทุกวันเพื่อที่จะดึงเรา ช่วยเรา ชำระเรา ให้เราเติบโต “แต่มันเป็นเรื่องของเวลา” เปาโลใช้เวลาเท่าไหร่ กี่ปีครับ? 10 ปีนะครับ 10 กว่าปีที่เปาโลใช้เวลาเพื่อวิ่งแข่งเพื่อเลิกทำบาปให้ได้ และสุดท้ายท่านก็ประกาศว่าข้าพเจ้าทำสำเร็จแล้ว 10 กว่าปีผ่านไปนะครับ
แล้วเราเองต้องเข้าใจและเห็นใจพี่น้องนะครับ จะไปบอกว่า เลิกทำบาปนะ เลิกประดับเครื่องแต่งกายนะ เลิกแบรนด์เนมนะ เลิกรักโลภโกรธหลงนะ อันนั้นมันเป็นไปไม่ได้
อันนี้มันเป็นเรื่องของระหว่างเราหรือ หรือระหว่างเขากับพระวิญญาณบริสุทธิ์ เอเมน
ถาม.
ขออนุญาตถามนะคะ อยากทราบว่าคนที่ได้รับการเปิดตา แล้วก็ฝึกเดินในมานาที่ซ่อนไว้หลายปีแล้ว แล้วก็สะดุดแล้วก็หลงหายไปนานหลายปี แล้วก็กลับมาใหม่อีก แล้วก็มาอยู่ได้ประมาณ 3-4 เดือน แล้วก็ไปอีกแล้ว แบบนี้เขาจะถูกตีสอนไหม แล้วก็หนักมากไหมค่ะ ถ้าเขายังแบบว่าไม่ยอมกลับใจหันมาเลือกน้ำพระทัยของพระเจ้า แล้วก็ไม่ได้ให้พระเจ้เป็นที่หนึ่งในชีวิตอ่ะค่ะ เอเมน
ตอบ.
สำหรับพี่น้องที่ได้เข้าสู่พระคำล้ำลึก ได้รับการเปิดตา รับมานาฯ แล้ว แต่ปรากฏว่าอยู่ๆ ก็หายไปหลายปี แล้วต่อมาก็กลับมาอีก เพราะเห็นว่ามีความซาบซึ้ง และเห็นความสำคัญของมานาที่ซ่อนไว้อยู่ แล้วต่อมาไม่นานก็หายไปอีก อันนี้มันเป็นเรื่องของดินนะครับ ที่ตกอยู่ในพุ่มไม้ จำกันได้ไหม (มธ 13:3-9)
แล้วต้นไม้ที่เกิดมา ก็คือมันถูกแดด มันถูกแดดร้อน เป็นต้นไม้ที่อยู่ใต้พุ่มหนาม มันเจอปัญหา เจอการทดสอบ การทดลอง มากเกินไปมันรับไม่ได้ แล้วมันรักโลกอยู่นะครับ มันก็เลยหายไป คือตายไปนะครับ แล้วอีกต้นไม้ต้นหนึ่งก็คือมันถูกแดด ก็คือถูกทดลองทดสอบจากพระเจ้า เจอปัญหาสารพัดเข้ามา สุดท้ายก็ออกไป
คือสำหรับพี่น้องที่รับมานาฯ จะมีหลายคน ไม่ต้องแปลกใจนะครับจะมีคนเข้าๆ ออกๆ หายไปบางคนเป็นเดือนเป็นปีแล้วก็กลับมา อันนี้เป็นเรื่องธรรมดานะครับเป็นเรื่องปกติ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการกลับมาก็คือการดึงของพระวิญญาณบริสุทธิ์ การนำเรากลับมาสู่พระคำล้ำลึก แต่ด้วยความที่ว่าคือพุ่มหนามมันใหญ่เกินไป แล้วแสงแดดมันร้อนเกินไป สุดท้ายก็ทนไม่ไหวก็ออกไป
บางคนเข้ามานะครับก็ได้ยินเสียง มีการถกเถียง มีการทะเลาะกัน มีการใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสม คือเจอแบบนี้เขาแบบ เอ่อ เบื่อ เนี้ยคริสตจักรมานาฯ เป็นแบบนี้หรอ น่าเบื่อ ก็ออกไปก็มีนะครับเขาสะดุด
ซึ่งผมจะแยกออกเป็น 2 เรื่อง
1. เรื่องการที่เขาออกไปเพราะอยู่ในการทดสอบการทดลอง แล้วก็ยังรักโลกอยู่ เป็นความผิดของเขาเอง แล้วเขาก็ออกไป แล้วสุดท้ายก็กลับเข้ามาหรือออกไป ถามว่ามีการตีสอนไหม สำหรับพระเจ้านะครับ การตีสอนอยู่ในเนื้อหนังอยู่แล้ว ชีวิตคริสเตียนเมื่อมาพบพระเจ้า แล้วไม่อยู่ในฝ่ายวิญญาณ ไม่สนิทในพระเยซู การตีสอนอยู่ในเนื้อหนังอยู่แล้วเขาก็รับการตีสอนนั้น เข้าใจไหมครับ
คือไม่ได้อยู่ในการคุ้มครองครอบครองปกครองของพระเจ้า เมื่ออยู่ในเนื้อหนังก็อยู่ในความตายและถูกเรียกว่าเป็นศัตรูของพระเจ้า (โรม 8:6-7) เพราะฉะนั้นมารซาตานจะไปทำอะไรเขาจะยังไง ก็คือพระเจ้าก็เห็นอยู่ แต่ช่วยไม่ได้ ก็ปล่อยให้เขาถูกกระทำ แต่พระเจ้าอนุญาตให้กระทำแต่เฉพาะมีขีดจำกัดเท่านั้น
2. ส่วนเรื่องเขาหนีไป เพราะเขาสะดุดในพี่น้องที่ทะเลาะกัน ที่อาจจะพูดไปๆ มาๆ ในเรื่องที่ไร้สาระ หรือไม่ได้ก่อชีวิตของเขาขึ้น เขาก็หนีไปเขาเบื่อ อันนี้เป็นความผิดของเราที่เราต้องแก้ไข
สำหรับเราที่เป็นพระกายเที่ยงแท้ เราหลีกเลี่ยงเรื่องการทะเลาะถกเถียงกันในกลุ่มใหญ่ เพื่อพี่น้องที่เข้ามาใหม่จะไม่สะดุด อันนี้ผมขอนะครับในพระนามพระเยซู แล้วก็ผมพูดด้วยรักนะครับ สำหรับที่พี่น้องที่พูดเยอะ ขอให้แก้ไข พูดน้อยลง อันนี้เตือนด้วยความหวังดีนะครับ
แล้วสำหรับพี่น้องที่พูดในแง่ลบ คิดในแง่ลบ ก็ขอให้เลิก เรากลับมาคิดในแง่บวก พูดในสิ่งที่เป็นบวก สิ่งที่ก่อสร้างชีวิตฝ่ายวิญญาณของพี่น้องให้เติบโตขึ้น ช่วยกันล้างเท้าช่วยกันแบ่งปันช่วยกันเผยพระวจนะจะดีกว่า
และในอนาคตถ้าหากมีการถกเถียง มีการทะเลาะ มีการลงเอยกันไม่ได้ ตกลงกันไม่ได้ ขอให้พูด 3 ครั้ง ถ้าพูด 3 ครั้งอีกฝ่ายไม่ยอมเราหยุด เอเมนไหมครับ เราหยุดเลย คือมันไม่มีชัยชนะที่เราจะชนะใคร ชัยชนะที่แท้จริงคือเราชนะตัวเราเอง เอเมน
แล้วใครจะไปถกเถียงจะไปต่อสู้ บอกว่า เอ่อ มันไม่แฟร์ไม่ยุติธรรมสำหรับฉัน พี่น้องดูว่าฉันตอนนี้กำลังตกต่ำ ดูฉันไม่มีค่า ดูว่าฉันเป็นคนผิดไปหมด ผิดไปทุกอย่าง
อย่าไปแคร์นะครับอย่าไปใส่ใจ ใครจะดูยังไงใครจะคิดยังไง พระเจ้าก็มีคำตอบมีผลสำหรับเขา แล้วเราทำดีที่สุดก็พอ มันเป็นเรื่องระหว่างเรากับพระเยซู โลกนี้มี 2 คนเท่านั้น ก็คือเรากับพระเจ้าเท่านั้น ไม่มีใครอื่น
ส่วนพี่น้องท่านอื่นถ้าเรามาอยู่รวมกันในฐานะของพระกายฝ่ายวิญญาณ หน้าที่ของเราก็คือก่อพี่น้องขึ้น สร้างพี่น้องเสริมสร้าง ช่วยกันล้างเท้า เปิดตาพี่น้องให้มากขึ้นเพื่อเข้าสู่การเติบโตในชีวิตฝ่ายวิญญาณเพื่อสำแดงชีวิตพระคริสต์ได้ เอเมน
แล้วสำหรับพี่น้องที่ชอบน้อยใจบ่อยๆ ขี้น้อยใจ ที่มักจะน้อยใจในคำพูดของคนอื่นอยู่เสมอ อย่าลืมนะครับคุณตายทุกวัน เมื่อวานคุณตายแล้ว คุณจำอะไรไม่ได้แล้วในสิ่งที่เป็นอดีต เดือนที่แล้วปีที่แล้ว 8 ปี 9 ปีก็ตามที่แล้วเนี่ย ก็คือมันเป็นอดีตไปแล้ว แล้วคุณตายจากมันไปแล้ว คุณมีชีวิตอยู่วันต่อวัน พระเยซูสอนเราใช่ไหมว่ากฎหมายใหม่ของพระเยซู เรามีชีวิตอยู่วันต่อวัน Live Day By Day อ่ะไปเรียนภาษาอังกฤษเลย Live Day By Day คืออะไร อยู่ได้วันเดียว มีชีวิตวันต่อวัน
แมลงวันมีชีวิตกี่วัน (วันเดียวค่ะ) จริงหรอ (7 วันครับ) 7 วันใช่ไหม
อ่ะไส้เดือนมีชีวิตกี่วัน (เดือนหนึ่งครับเอเมน) เดือนนึงเหรอทำไมต้องเดือนหนึ่ง ไส้เดือนใช่ไหม อันนี้น่าจะเป็นเรื่องตลกมากกว่า
อ่ะขอถามคำสุดท้ายยุงมีชีวิตกี่วัน (8 วันครับ) 8 วันเหรอครับ OK อ่ะมาเข้าถึงบทเรียน
คริสเตียนเรามีชีวิตอยู่กี่วัน (วันเดียว) มันเป็นความจริงหรือว่าความไม่จริง ใครเป็นคนพูด พระวิญญาณตรัสผ่านเปาโล (1 คร 15:31) ว่า ข้าพเจ้าตายทุกวัน I die daily / daily ก็คือทุกวัน ในแต่ละวัน
เพราะฉะนั้นคริสเตียนพวกเรา เราทุกคน มีชีวิตอยู่วันต่อวัน เราตายแล้วเมื่อวาน วันนี้เราอยู่ แล้วคืนนี้เรานอนหลับเราก็ตาย แล้วพรุ่งนี้ก็มีชีวิตใหม่อีกวันนึง เอเมนไหมครับ
แล้วคนที่ตายเนี่ยมันจะจำอะไรได้ไหม จำอะไรไม่ได้นะครับ คือคนที่ตายเนี่ย คนตายแล้วมันจะจำอดีตไม่ได้ จำสิ่งที่ไม่ดีไม่ได้ จำอะไรที่เป็นเนื้อหนังเป็นชีวิตเก่าไม่ได้
เพราะฉะนั้นพระเจ้าไม่อนุญาตให้เราจดจำความผิดของใคร พระเจ้าไม่อนุญาตให้เราจดจำในสิ่งที่เป็นบกพร่อง หรือเป็นปม เป็นปมด้อย หรือเป็นปัญหาที่มันเกิดขึ้น หรือเป็นความขัดแย้งการถกเถียงกันระหว่างเรากับพี่น้อง ใครจะมีปัญหากับใครก็ตามนะครับ เราลืมมันไปเพราะว่าเราตายจากมันไปแล้วเมื่อวานนี้ เอเมน
เป็นชีวิตที่เบาสบายมากนะครับสำหรับผมขอบพระคุณพระเจ้าที่ได้พบกฎหมายใหม่ของพระเยซูในข้อนี้ เพราะว่าอะไร มันมีมากมายหลายสิ่งเหลือเกินที่เราจำ และมันมีมากมายหลายสิ่งเหลือเกินที่เป็นสิ่งที่จะดึงเราลงถ่วงเราลง ไม่ยอมทิ้งเราดึงเราให้จมลงไป แล้วเราไม่สามารถที่จะดำเนินชีวิตใหม่ในพระเยซูในแต่ละวันได้เพราะว่ามันมีปมด้อย มันมีการฟ้องผิดในใจว่าเรา เคยทำอะไร เคยทำชั่วอะไร เคยทำบาปอะไร เคยทำผิดอะไร
ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับกฎหมายใหม่ข้อนี้ คือพระเจ้าให้ลืมไปหมด แล้วตั้งใจตั้งมั่นมุ่งมั่นไปสู่วันข้างหน้า ไปสู่ข้างหน้า เอามือทิ้งอดีตไป แล้วเอามือนี้คว้าไปเพื่อจะจับอนาคต มันมีอีกมากมายหลายสิ่งที่รอเราอยู่ เพราะฉะนั้น 2 มือนี้ ให้จับมากมายหลายสิ่งที่กำลังรอเรา
เพราะฉะนั้นถ้ามือไม่ว่างเปล่า มือมันมีอะไรอยู่ในอดีต ก็คือเราจะไปจับอนาคตไม่ได้ ต้องทิ้งมันไป
ขอบคุณพระเยซูสำหรับกฎหมายใหม่ของพระเยซู เราอยู่วันต่อวัน ยุงมีอายุกี่วันไม่สำคัญ ไส้เดือนมีอายุกี่วันไม่สำคัญ แมลงวันไม่สำคัญ แต่เราคริสเตียนมนุษย์วิญญาณของพระเจ้ามีชีวิตอยู่วันเดียว
...
ถาม.
อ. ขอขยายตรงนี้นิดนึงครับ มีชีวิตวันต่อวัน นี้คือเราสามารถวางแผนอนาคตได้ไหมครับ หรือเราวางได้แต่เราไม่กังวล หรือยังไงครับ
ตอบ.
การวางแผนอนาคตเราวางได้ แต่วางโดยพระเยซูเป็นสติปัญญาของเรา เราวางโดยที่ไม่ได้คาดหวังไม่ได้ต้องการอะไรให้มันเกิดขึ้น คือเราวางก็คือทำตามที่เราวางไว้แล้วก็เดินไปตามมัน วางได้ครับผม แล้ววางในเรื่องที่เป็นด้านบวกด้านดีสิ่งที่ดี เรื่องทำมาค้าขาย เราวางแผนได้ครับ
ถาม.
คือว่าเวลาเราเห็นพี่น้องทะเลาะกันใช่ไหมค่ะ ทำไมหัวใจเรามันปวดแล้วก็แน่นหน้าอกแล้วก็เหมือนว่าน้ำตามันจะไหลอย่างนี้ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เรื่องของเราค่ะ มันเป็นเพราะอะไรค่ะเอเมน
ตอบ.
คือพระวิญญาณบริสุทธิ์เร้าใจเสียพระทัยอยู่ในเรานะครับ หลายคนที่มีภาระใจ มีความรักความเมตตา พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงานในเรามาก พอเห็นพี่น้องถกเถียงทะเลาะกัน ก็คือมันจะบีบหัวใจรู้สึกว่าจะร้องไห้มากกว่าปกติ มีความเมตตาสงสารเขามากกว่าปกติ
อันนี้เมื่อเราเกิดมีอาการแบบนี้ สิ่งที่เราทำก็คือ 1. อธิษฐานเผื่อ 2. ถ้าเรารู้จักเขาดี ก็อาจจะพูดคำเดียวสู้ๆ นะ พระเยซูอยู่กับเรานะ แค่นั้นไม่ต้องพูดยาว แล้วพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเป็นคนทำต่อไป
พอดีมีพี่น้องบางคน เท่าที่ผมได้อ่านนะครับ แล้วก็มีพี่น้องบอกว่าอาจารย์เจเข้าไปดูหน่อยเห็นว่ามีการถกเถียงกันนิดนึง น่าจะไม่เยอะนะครับก็เลยได้อ่านแล้วก็สุดท้ายก็มาเห็นว่าน้องชาย Lee ใช่มั้ยที่บอกว่าอาจจะต้องให้บางคนเนี่ยพักไปสักครึ่งปีดีไหม ซึ่งคำพูดคำนี้นะครับเขาอาจจะไม่ได้หมายความว่าครึ่งปีจริงๆ ก็คือแบบโอเคเอาให้นานๆ เลยดีมั้ย เพราะว่าเราเนี่ยทะเลาะกันไม่หยุด พอดีผมก็ได้ไปคุยกับเขานะครับ แล้วเขาก็บอกว่าไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ก็แค่แบบน่าจะไม่กี่วัน ขอเพียงแต่ว่าคือเรากลับใจ เราแก้ไขในจุดบกพร่องที่เราเป็นอยู่เรามีอยู่ ซึ่งมันเกิดขึ้นซ้ำซาก
เพราะฉะนั้นอันนี้ ผมขอหนุนใจพวกเรา เราจะไม่ทำในลักษณะของการไม่มีความรัก หรือเมตตาหรือเห็นใจ แต่เพียงแต่ว่าขอพี่น้องนะครับขอพี่น้องเมื่อรับการตักเตือน เราก็แก้ไข เราทำทุกสิ่งร่วมกันด้วยความรัก
เพราะฉะนั้นเมื่อเห็นว่าคริสตจักรรักเรา ก็ขอให้เรารักพระกายของพระเยซู และรักพี่น้องทุกคน มีจุดบกพร่องที่ไหนก็แก้ไข และขอพี่น้องอธิษฐานเผื่อเรา เอเมนไหมครับ
เราต้องการคริสตจักร และคริสตจักรก็ต้องการเรา เพราะฉะนั้นเราขาดกันไม่ได้ เราจะอยู่ร่วมกันและจะสู้ไปด้วยกันเพื่อให้ถึงเส้นชัย เอเมน
...
ถาม.
จะพูดว่าก็คือของประทานทุกอย่างที่เป็นตำแหน่ง ส่วนใหญ่ผู้ชายจะได้เป็นใช่ไหมครับ แล้วทีนี้ผมก็ได้รับการหนุนใจเนาะแล้วผมก็เป็นหัวใจพี่น้องหญิงต่อ ก็คือมีพี่น้องหญิงท่านหนึ่งเขาอยากจะเป็นอาจารย์สอน อยากเป็นมากๆ เลย บอกว่าพระเจ้าใช้เขาไม่เป็นอาจารย์เป็นผู้นำเป็น Elder เป็น Elder น่ะ ผมก็อธิษฐานกับพระเจ้าเผื่อพี่น้องหญิงท่านนี้เมื่อหลายปีก่อน เพราะว่าเขาก็รับมานาเหมือนกัน แต่ว่าผมก็เตือนด้วยความรักว่า ตำแหน่งเนี้ยที่เป็นอาจารย์เป็น Elder ก็คือผู้ปกครองหรือตำแหน่งครู teacher ก็คือผู้หญิงเป็นไม่ได้ รวมถึงศิษยาภิบาลด้วย
แต่พี่น้องหญิงท่านนี้เขาฟังแล้วเขาสะดุดนะครับ เขาก็เลยออกจากมานาฯ ไป ผมเสียใจมากว่าผมตอนนั้นก็เดินมานาฯ มาได้หลายปีแล้ว ก็เลยอธิษฐานกับพระเจ้าว่า ถ้าลูกพูดอะไรผิดไปเรื่องเนี้ยแล้วพี่น้องสะดุดไปแล้วไม่เข้าใจเรื่องการหนุนใจ เรื่องของประทานว่าผู้หญิงเป็นไม่ได้ แล้วเขาออกไป ผมก็ขอโทษพระเจ้า อันนี้คือเราผิดด้วยไหมครับหรือว่ายังไงครับ
ตอบ.
ถ้าหากว่าพระเจ้าเป็นคนบอกเรานะครับให้ไปเตือนเขา ก็ไม่ผิด แต่ถ้าหากเราไปเตือนโดยที่พระเจ้าไม่ได้บอกเรา โดยที่เราเนี่ยมีภาระใจหรือเป็นห่วงเขา เมื่อเราได้รู้ความจริงว่าพี่น้องหญิงไม่ควรจะเป็นผู้นำ อันนี้เราผิดนะครับ
...
ถาม.
คือผมพูดด้วยความถ่อมใจนะครับและรู้สึกรักเขามาก
ตอบ.
ความถ่อมใจยังไม่พอ การรักเขามากยังไม่พอ ยังไม่พอนะครับ เราต้องได้รับการเร้าใจโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ อย่างน้อยนะครับ เรารอการนำพาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ สิ่งที่พระเจ้าต้องการยืนยันก็คือน่าจะ 2 ครั้ง 3 ครั้ง เพื่อให้เรามั่นใจว่านั่นคือการนำพาของพระเจ้า
ส่วนมากทุกวันนี้นะครับ เราเห็นใจพี่น้อง เรามีความรักต่อพี่น้อง บางคนอาจจะน้ำตาไหล แล้วก็ไปเตือนเขาคิดว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์นำเรา แท้ที่จริงอันนั้นไม่ใช่นะครับ เป็นอารมณ์ความรู้สึกของเราเอง เป็น emotion ที่พาเราไปเอง
ซึ่งผลที่ตามมา ก็คือมันจะแย่กว่าเก่า ไม่เกิดผลที่ดีนะครับ
...
ถาม.
มีพี่น้องอยากถามเรื่องของประทานค่ะ คือเขาบอกว่าเขาเวลาเขาอธิษฐานเผื่อใคร หรือมีพี่น้องหรือคนที่ไม่เชื่อเจ็บป่วยอะไรแบบเนี้ย มาบอกเขาแล้วเขาก็ไปวางมืออธิษฐาน แล้วก็หายโรค แล้วก็อธิษฐานสิ่งใด ก็คือแป๊บเดียวพระเจ้าตอบ แล้วเป็นแบบนี้อยู่ซ้ำๆ บ่อยๆ อันนี้เขาเรียกว่าของประทานแห่งความเชื่อใช่ไหมค่ะ ไม่ว่าจะอธิษฐานเผื่อผู้เชื่อหรือไม่เชื่อ เมื่อเขาอธิษฐานก็จะได้รับคำตอบจากพระเจ้าทุกครั้งเลยค่ะ เอเมน
ตอบ.
ความเชื่อเป็นของประทานอย่างหนึ่งนะครับ ในหลายๆ ของประทาน พระเจ้าให้ใครมีความเชื่อและเราอธิษฐานเผื่อพี่น้องก็ได้ผล ถ้าเป็นอยู่บ่อยๆ 10 ครั้งนะครับเกิดผลประมาณ 6-7 ครั้ง ก็ถือว่าเป็นของประทานแล้วครับ เอเมน
...
ถาม.
ขออนุญาตถามอีกค่ะ คือถ้ามีคนๆ หนึ่งมีของประทานในความเชื่อ ในการเยียวยารักษาโรค แล้วพอตัวเองเจ็บป่วยแล้วก็วางมือรักษาตัวเองได้ไหมค่ะ เอเมน
ตอบ.
สำหรับการรักษาตัวเราเองนะครับ จริงๆ แล้วไม่ต้องวางมือก็ได้ครับ หรือจะวางมือก็ไม่ผิดไม่ใช่เป็นเรื่องใหญ่ แต่สิ่งที่สำคัญ ก็คือเราขอบพระคุณพระเยซู แล้วขอพระองค์รักษาเรา เราอาจจะแตะหรือไม่แตะก็ได้ จริงๆ แล้วเราลองคิดดู พระเจ้ารู้ไหมว่าเราเจ็บตรงไหน (รู้ ) โอเค ถ้าเราอธิษฐานเผื่อตัวเราเองนะครับ เราแค่บอกว่า
“พระเยซูขอพระองค์เมตตา ขอพระคุณความรักของพระองค์ทำให้ข้าพระองค์หายดี ฤทธิ์เดชของพระองค์ยิ่งใหญ่ เอเมนขอบพระคุณพระเยซูล่วงหน้า พระองค์แบกเอาความเจ็บไข้ของข้าพระองค์ไปที่กางเขนแล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้ข้าพระองค์เชื่อและขอทวงสิ่งที่พระองค์สัญญา เอเมนรักพระเยซู” เท่านั้นครับ
ส่วนสำหรับเรื่องการวางมือ การวางมือก็คือ เราไปวางมือใส่คนที่เขาป่วยที่ไม่สบายมีปัญหาเรื่องสุขภาพ แล้วฤทธิ์เดชจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่อยู่ในเรา ที่เป็นของของประทานของเราเนี่ยก็คือจะแพร่ไปสู่เขา ขยายไปสู่เขา กระจายไปสู่เขา แล้วเขาก็หายดีครับ
ส่วนสำหรับเราเอง อีกครั้งนะครับ วางก็ได้ไม่วางก็ได้ครับ
...
ถาม.
อยากถามอาจารย์อีกว่า เรามีของประทานในการรักษาโรค ครั้งที่เรารู้ว่าเรามีของประทานรักษาโรคใช่ไหม เราก็มีงานเข้าตลอด แต่ระยะหลังนี้ไม่มีงานเข้า แต่ว่าเราอธิษฐานเผื่อพี่น้องหรือว่าญาติพี่น้องในกลุ่มของเรา เขาเรียกว่าใช้ของประทานหรือเปล่าค่ะ
ตอบ.
เมื่อพระเจ้าไม่มีงานให้เรานะครับ คืองานไม่เข้าเรื่องรักษาโรค พระเจ้าก็ใช้เราสำหรับของประทานอื่น ก็คืออธิษฐานเผื่อพี่น้อง หรือแบ่งปัน หรือทำอย่างอื่นได้ครับผม
สำหรับพระเจ้านะครับ ไม่ให้เราทำตลอดเวลา ตลอดไปเรื่อยๆ ไป บางครั้งก็ทำบางครั้งก็ไม่ให้ทำ ก็แล้วแต่น้ำพระทัยของพระองค์ ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่ดีนะครับพระวิญญาณบริสุทธิ์จะใช้เราเมื่อพระองค์ต้องการจะใช้ เมื่อไม่ใช้เราก็ทำหน้าที่อื่น แล้วใช้ของประทานอย่างอื่นนะครับ เอเมน
ไม่ใช่ว่าเราจะขนขวายนะครับ วันนี้ใครเจ็บป่วย วันนี้ใครไม่สบาย เดี๋ยวไปเยี่ยมหน่อยไปรักษาหน่อย ไปใช้ของประทานให้คุ้มค่า ไม่นะครับ
คือการใช้ของประทานอย่าลืมนะครับเราต้องก่อขึ้นด้วยทองคำเงินเพชรพลอย คืออะไร ถ้าพระเจ้าไม่นำ ข้าพเจ้าไม่ทำ
...
ถาม.
เอเมนค่ะใช่ค่ะถ้าพระเจ้าเร้าใจแล้วก็มีงานเข้า ถ้าเราไปวางมือที่คนป่วยหรือว่าคนบาดเจ็บ มันจะขนลุกจะร้องไห้ค่ะ เอเมน
ตอบ.
สำหรับเรื่องฤทธิ์เดชของประทานในการรักษาโรค เมื่อเราไปอธิษฐานวางมือสำหรับบางคนโดยที่พระเจ้าไม่นำ เกิดผลไหม เกิดผลนะครับ เป็นความเมตตาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่มีต่อเขา แต่พระเจ้าไม่ได้ใช้เรา ซึ่งอาจจะต้องรอเวลา หรือยังไม่ถึงเวลา หรือยังไม่ถึงกำหนดที่พระเจ้ากำหนดเอาไว้เพื่อที่จะช่วยเขาหรือรักษาเขา แต่เราไปทำก่อน เรานะครับก็ทำได้รักษาได้ ฤทธิ์เดชของพระเจ้าก็เกิดขึ้นที่นั่นเพราะว่าเขามีความเชื่อ ความเชื่ออยู่ที่ไหน การอัศจรรย์ก็อยู่ที่นั่น แต่.. แต่เราจะไม่ได้รับบำเหน็จ
ถามว่าอาจารย์เจรู้ได้ยังไง มัทธิวบทที่ 7:21-23 เป็นคำตอบ เขาบอกว่าข้าพระองค์รักษาโรคข้าพระองค์ไล่ผี ข้าพระองค์ประกาศข่าวประเสริฐ รับใช้พระองค์ในพระนามของพระองค์ไม่ใช่หรือ แต่พระเยซูตอบยังไง ถอยไปเราไม่รู้จักเจ้า
อีกครั้งขอย้ำ ตรีมสำหรับวันนี้บทเรียนที่ยิ่งใหญ่ที่พระเจ้าสอนเรา ก็คือ ถ้าพระวิญญาณไม่นำเราไม่ทำ
แล้วสำหรับเรื่องการประกาศข่าวประเสริฐ อย่าเข้าใจผิดนะครับ ไม่ใช่ทุกคนที่ประกาศข่าวประเสริฐได้ และไม่ใช่ทุกคนที่มีของประทานนี้ เพราะฉะนั้นถ้าพระเจ้าไม่ใช้เราในการประกาศข่าวประเสริฐ เราไปประกาศกับกี่คนก็ตามไม่มีใครกลับใจ หรือกลับใจน้อยมาก อาจจะมีคนนึง 2 คน 3 คน ไม่ต้องน้อยใจ เราขนขวายแสวงหาค้นหาของประทานอื่นนะครับ พระเจ้าจะใช้เราอาจจะไม่ได้ประกาศ แต่ให้เลี้ยงคริสตจักรก็ได้ หรือทำหน้าที่อื่นก็ได้
งานการรับใช้ของพระเจ้ามีเยอะแยะมีมากมายหลายประการนะครับ เราค้นหาว่าพระเจ้าให้อะไรแก่เรา แล้วรีบนำมาใช้ เพื่อโลหิตบริสุทธิ์จะไม่ตกมาที่เรา
...
ถาม.
พระเจ้าบอกว่าให้แสวงของประทานที่จะเผยพระวจนะนะครับเอเมน
ตอบ.
สำหรับการเผยพระวจนะ คือผู้เชื่อมากมายในคริสตจักรจะได้รับของประทานนี้ เพราะว่าพระเจ้าต้องการให้ทุกคนมีส่วนในการพูด พระเจ้าให้ทุกคนก่อกันขึ้น แบ่งปัน ล้างเท้ากันและกัน อันนี้เป็นหน้าที่ที่สำคัญมากและพระเจ้าให้แทบจะทุกคน เพราะฉะนั้นเราควรจะพูด สิ่งที่สำคัญก็คือเรามีหน้าที่ช่วยเหลือพี่น้องในการเติบโตในชีวิตฝ่ายวิญญาณ เอเมน
ถาม.
ขออาจารย์ช่วยอธิบายที่อาจารย์พูดเมื่อกี้หน่อยค่ะ ที่จะไม่ให้พระโลหิตอันบริสุทธิ์ตกมาถึงเรานี่ ความหมายคืออะไรค่ะ
ตอบ.
ในบทนี้นะครับเปาโลพูดถึง เราบริสุทธิ์จากโลหิตของทุกคน ความหมายคืออะไร ก็คือเมื่อพระเจ้าใช้เราให้มีของประทานในการประกาศข่าวประเสริฐ หรือรับใช้หน้าที่อื่นๆ ต่างๆ แล้วเราก็ทำอย่างสัตย์ซื่อนะครับ เราก็กลายเป็นคนบริสุทธิ์จากโลหิตของคนทั้งหลาย
แต่ถ้าหากว่าพระเจ้าใช้เราให้ประกาศข่าวประเสริฐ ให้ของประทานแก่เรา แล้วเราไม่ประกาศไม่ไปทำไม่ไปเปิดเผยเรื่องพระเยซูคริสต์เรื่องความรอด เรื่องสันติสุขอะไรทั้งหลาย สรุปก็คือ เรากลายเป็นคนที่ไม่บริสุทธิ์จากโลหิตของคนทั้งหลาย ก็คือโลหิตของเขาก็คือตกมาที่เรา ก็คือเขาไม่รอดเนี่ยก็คือเป็นความผิดของเรา แล้วพระเจ้าก็ต้องตีสอนเรา
สำหรับชาวยิวมักจะใช้คำนี้ บริสุทธิ์จากโลหิตของคนทั้งหลาย ก็คือเราทำดีที่สุดแล้ว โลหิตของเขานะครับเมื่อตกเนี่ยมันจะไม่ตกมาที่เรา จำกันได้ไหมตอนที่เขาจะประหารชีวิตพระเยซู แล้วเขานำพระเยซูมาตัดสินอยู่ต่อหน้าปีลาต แล้วประชาชนก็บอกว่า ขอให้โลหิตของเขาตกมาที่เรา (มธ 27:25)
...
ถาม.
เอเมนใช่แล้วครับ ถ้าเรารู้เรื่องของพระเจ้าดี ถ้าเราไม่ออกไปประกาศ เราก็ผิดครับ
ตอบ.
เดี๋ยว!! ขอแก้นะครับ ถ้าเรารู้เรื่องของพระเจ้าเราไม่ประกาศ ผิด อันนี้ไม่ผิดนะครับ
เฉพาะคนที่มีของประทานจึงประกาศได้ แล้วถ้าหากเราไม่มีของประทานเราก็ไม่ประกาศข่าวประเสริฐนะครับ แต่เราทำหน้าที่อื่น ก็คือเผยพระวจนะ รับใช้ อธิษฐานเผื่อพี่น้อง มีจิตใจกว้างที่จะช่วยเหลือการงานของคริสตจักร ช่วยเหลือผู้รับใช้ คือมีมากมายหลายสิ่งที่เป็นของประทานของพระเจ้า เอเมน
เพราะว่าคริสเตียนทุกวันนี้ มีมากมายหลายคนที่เข้าใจผิดคิดว่าต้องประกาศ ทุกคนต้องประกาศให้ได้ อันนี้ผิดนะครับ คือพระเจ้าให้ของประทานบางคนเท่านั้นเกี่ยวกับเรื่องการประกาศข่าวประเสริฐนะครับ แล้วอาจารย์ผู้นำหลายคนก็บอกว่า เนี่ยเห็นไหมเปาโลพูด ถ้าข้าพเจ้าไม่ประกาศข้าพเจ้าจะวิบัติ (1 คร 9:16) แล้วคำนี้เขาก็จะมาใช้กับคริสเตียนทุกคน บอกว่าเนี่ยถ้าคุณไม่ประกาศ คุณไม่ประกาศ คนนี้ไม่ประกาศ เขาจะวิบัติ
จริงๆ แล้วคำนี้ใช้เฉพาะเปาโลเท่านั้น เพราะว่าพระเจ้าใช้เปาโลให้ประกาศกับคนต่างชาติ แล้วเมื่อเปาโลไม่ประกาศนะครับ วิบัติ การตีสอน ยุคพันปี เกเฮนา ก็จะเป็นของเขา เขาจึงกลัวนะครับ แล้วเขาก็ซื่อสัตย์ในการประกาศข่าวประเสริฐ
แต่สำหรับเรา เมื่อเราไม่มีของประทานในการประกาศ เราก็รับใช้ในคริสตจักร ช่วยเหลือพี่น้อง เสริมสร้างพี่น้องให้เติบโตในชีวิตฝ่ายวิญญาณ
อย่าลืมนะครับ ว่าคริสเตียนเรามี 2 สาย คริสเตียนมี 2 สาย
สายที่ 1. สายแรก ก็คือสายเปโตร สายเปโตรก็คือสายประกาศข่าวประเสริฐ ไปประกาศไปประกาศมีของประทานในการประกาศ นำคนมาเชื่อ
แต่สายยอห์น สายที่ 2. ก็คือสายยอห์น สายยอห์นก็คือรับใช้ในคริสตจักร ปรนนิบัติพี่น้อง ทำหน้าที่เลี้ยงดูฝ่ายวิญญาณพี่น้องให้เติบโต
สำหรับเราที่มีของประทานในการประกาศ หรือในการรับใช้ในหน้าที่อื่น เป็นสิ่งที่สำคัญที่เราจะเรียนรู้ในการใช้ แต่ความหมายนะครับไม่ได้หมายความว่าต้องไปฝึกอบรม เข้าคอร์ส เรียนบทเรียน 3 บท 4 บท 8 บท 10 บท อะไรประมาณนั้น ไม่นะครับ ก็คือเราเรียนรู้ในการพูด เรียนรู้ที่จะพูดอะไร เรียนรู้ที่จะไม่พูดหลีกเลี่ยงอะไร แค่นั้นเองไม่ต้องเยอะนะครับ แล้วจากนั้นพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะเป็นคนนำเรา
สิ่งที่เราเรียนรู้คือไม่เอ่ยถึงไม่ดูถูกศาสนาอื่น ไม่ก้าวก่ายในชีวิตส่วนตัวของเขา ไม่ว่าจะเรื่องอะไร เราแค่ประกาศบอกว่า “พระเยซูเป็นพระเจ้าเสด็จลงมาจากสวรรค์เพื่อตายไถ่บาปแทนมนุษย์ เราที่เชื่อก็จะได้รอด คนที่ไม่เชื่อก็จะไม่รอด” ประมาณนี้นะครับ คือหลีกเลี่ยงในสิ่งที่ไม่ควรพูด และพูดในสิ่งที่ควรพูดเท่านั้นเองครับ
สำหรับผมคือขอบพระคุณพระเจ้าที่ก็ไปเรียนมานะครับจากมหาวิทยาลัยศาสนศาสตร์ แต่ถามว่าได้ใช้ไหม ไม่ค่อยได้ใช้ เพราะว่าผมไม่จำเป็นที่จะต้องเน้นเรื่องการใช้กลยุทธ์ ใช้การโน้มน้าว ใช้จิตวิทยาที่จะเกลี้ยกล่อมพี่น้อง อันนี้ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะพูดยังไงให้พี่น้องติดใจหรือยังไง ไม่เคยเลยนะครับ ขอบคุณพระเยซูที่พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นคนพูด เพราะว่าผมทุกครั้งจะบอกว่า “พระเยซูถึงเวลาแล้ว พระเยซูพูดเลย พระองค์ตรัสเถิดกับพี่น้อง” เท่านั้นเอง
แล้วเมื่อมีโอกาสได้พบกับคนที่ไม่เชื่อได้เจอะเจอกับเขา แล้วสิ่งที่ผมพูดใช้บ่อยๆ ก็คือมีอะไรให้อธิษฐานเผื่อไหม เพราะว่าพระเจ้าของผมพอผมอธิษฐานก็ได้รับคำตอบ เขาก็สนใจนะครับ แล้วผมก็บอกว่าฟรีไม่ได้เสียค่าอะไร ไม่ต้องเอาอะไรมาถวายเอายังไงไม่จำเป็น เขาก็บอกโอเค พออธิษฐานเขาก็ได้รับหรือรู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างที่อยู่ภายในเนี่ยมันร้อนรนหรือมันใจเย็นหรือมันว่างเปล่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จากนั้นเขาก็สนใจ เราก็ฉวยโอกาสประกาศข่าวประเสริฐต่อไป เท่านี้ครับไม่ได้ยากอะไร
สำหรับเราที่เป็นบุตรพระเจ้า เราไม่ดูถูกใคร อันนี้เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำคัญมากสำหรับเรานะครับ ซึ่งคริสเตียนหลายคนไม่เข้าใจไม่ได้เรียนรู้อาจจะเป็นเพราะว่าความคิดเดิมๆ ที่คือเขาพูดตรงเกินไป ศาสนาฉันดีกว่าพระเยซูของฉันดีกว่า แต่ลืมคิดไปนะครับว่าคนที่ฟังเขาไม่ได้คิดเหมือนเรา เขาอาจจะยังไม่เปิดใจ เขาอาจจะยังไม่สนับสนุนมาทางเรา
เพราะฉะนั้นสิ่งที่หลีกเลี่ยงสิ่งที่สำคัญมากที่สุด อะไรก็ได้ที่ไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องส่วนตัวเรื่องความเชื่อเรื่องศาสนาของเขา อย่าไปพูดเพราะว่ามันจะเป็นการดูถูกเขาครับ
มีคนมาบอกผมนะครับว่า ศาสนาทุกศาสนาก็ต่างก็สอนคนให้เป็นคนดี ผมก็ตอบว่าใช่ อืมก็ใช่ ทุกศาสนาสอนคนให้เป็นคนดี ก็โอเค ซึ่งผมอาจจะรู้หรือไม่รู้ก็ไม่สำคัญ
ถึงจะยังไงก็ตามคำพูดนี้ก็อาจจะถูกนะครับ ศาสนาทุกศาสนาต่างก็สอนคนให้เป็นคนดี ทั้งๆ ที่ผมรู้คำตอบที่ดีกว่า ผมไม่พูดอะไรไม่ตอบโต้ ก็อืมโอเคก็ใช่ แต่ในใจนึกเสมอนะครับว่า “พระเยซูไม่ได้มาสอนพระเยซูมาช่วย”
เรื่องศาสนาเป็นเรื่องของการสอนคำสอนใช่ไหม แต่เรื่องสำหรับพระเยซู พระองค์ไม่ได้มาสอนเท่านั้น พระเยซูมาช่วย มาทำ มาให้คุณรอด
...
ถาม.
มีอีกหนึ่งคำถามค่ะ พอดีว่าได้ยินพี่น้องคริสเตียนชอบพูดกันอยู่บ่อยๆ ว่ามีของประทานในการอธิษฐานวิงวอน แต่เท่าที่ดูในของประทานทั้งหมด 25 อย่าง ไม่มีคำว่าอธิษฐานวิงวอนเลยค่ะ อันนี้เขาเข้าใจผิดกันไปเองหรือว่ามีจริงๆ ค่ะ เอเมนค่ะ
ตอบ.
ของประทานในการอธิษฐานวิงวอน วิงวอนก็คืออธิษฐาน ก็คือขอต่อพระเจ้า อย่าลืมนะครับว่าของประทาน 25 ประการ 25 อย่างในหนังสือโครินธ์ที่เปาโลพูดถึง เป็นพื้นฐานนะครับเป็นพื้นฐาน ซึ่งยังมีอีกของประทานมากมายที่เปาโลไม่ได้เขียนไม่ได้บอก ซึ่งถ้าหากว่าเราทำไปแล้วเกิดผลโดยที่ไม่ใช่กำลังของเราเอง ก็คือมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ อันนั้นเรียกว่าของประทานครับ
เป็นความสามารถ สรุปพูดง่ายๆ ก็คือ ของประทานคือความสามารถ คือฤทธิ์เดชที่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ใช่จากตัวเราเอง แล้วเราทำไปบ่อย ก็เกิดผลบ่อยๆ เรียกว่าของประทานที่เรามีครับ
...
ถาม.
ขออาจารย์อธิบายต่อตรงนี้หน่อยค่ะ พอดีว่าค้นหาของประทานมาตั้งแต่เป็น 10 ปีแระ ก็ได้เรื่องความเชื่อด้วย ที่นี้ว่ามันแตกต่างกันยังไง กับการที่เราไปวางมือ และรักษาโรคหายอ่ะค่ะ
ตอบ.
สำหรับเราที่มีของประทานความเชื่อนะครับ ความเชื่อเนี่ยขอบคุณพระเจ้าสำหรับบางคนที่มาถึงความเชื่อของพระเยซูที่ยิ่งใหญ่ ที่เชื่ออย่างตายใจ เชื่ออย่างสุดจิตสุดใจหมดหัวใจ จิตสำนึกใต้สำนึกอะไรก็เชื่อ เชื่อแล้ว แล้วของประทานในการเชื่อนี้ ซึ่งเราเชื่ออะไรเชื่อว่าเขาจะหาย เขาก็หาย เราอธิษฐานเผื่อใครก็เกิดผลก็ได้ผล เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่เป็นสิ่งที่เราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับของประทานนี้
ไม่เพียงแต่ไปรักษาโรค ไปอธิษฐานเผื่อพี่น้องที่เจ็บป่วยนะครับ ไปอธิษฐานเผื่ออะไรก็ได้ผล พระเจ้าตอบ เพราะว่าเรามีความเชื่อที่ยิ่งใหญ่นี้ เป็นความเชื่อที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ประทานให้ไม่ใช่เราเอง เพื่อจะไม่มีใครอวดได้ครับ
เรื่องการใช้ของประทานเรื่องความเชื่อ เราใช้ได้ทั้งตัวเก่าตัวใหม่นะครับ แต่ตัวเก่าทำเนี่ยก็คือ เป็นไม้ฟางหญ้าแห้งไม่มีบำเหน็จในอาณาจักร
ส่วนถ้าหากเราทำด้วยตัวใหม่ก็จะมีบำเหน็จ เป็นทองคำเงินเพชรพลอย มีบำเหน็จในอาณาจักรในยุคพันปีและแผ่นดินโลกใหม่ครับ
อย่าลืมนะครับการใช้ของประทาน มนุษย์อาดัมคริสเตียนศาสนาก็ใช้ได้ คริสเตียนฝ่ายวิญญาณก็ใช้ดี ทั้งสองฝ่ายใช้ได้ทั้งหมด เพียงแต่ว่าผลที่ตามมา ก็คือจะไม่ได้รับผลตอบแทน และฝ่ายวิญญาณก็จะได้รับผลตอบแทนครับ
เราดูจากที่ไหน พิสูจน์จากอะไร เราไปดูสิครับพี่น้องที่เป็นคริสเตียนศาสนาเขาประกาศได้ผลไหม มีคนมาเชื่อเยอะใช่ไหม เขาสร้างคริสตจักรได้ไหม ได้ แล้วก็คือเขามีการถวาย มีหัวใจที่ร้อนรนต่อพระเจ้าไหม มี พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงานในชีวิตของแต่ละคนไหม ทำ เพียงแต่ว่าตาเขายังไม่ถูกเปิดเขายังเป็นคริสเตียนเด็กอยู่
ซึ่งเมื่อของประทานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่พระองค์ประทานให้แต่ละคนเนี่ย ทุกคนก็ใช้ได้ ถึงจะเป็นคริสเตียนเด็กก็ยังใช้ได้
เพียงแต่ว่าเมื่อเราโตแล้ว เรารู้ว่าเอาตัวไหนทำ แล้วจะได้รับอะไร นี่คือสิ่งที่สำคัญ เอเมน
...
ถาม.
ขอถามหน่อยครับทำไมพระเยซูบอกว่า ถ้ามีคนเจ็บป่วยให้เชิญผู้ปกครองไปวางมือรักษาโรคแล้วเขาจะหาย และบาปที่เขากระทำก็จะยกโทษ (ยากอบ 5:14-16) เอเมน
ตอบ.
อันนี้ไม่ใช่พระเยซูพูดนะครับ เปาโลเป็นคนพูดโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์
ตรงนี้นะครับ คือสำหรับพี่น้องบางคนที่เจ็บป่วย แล้วผู้ปกครองผู้นำคริสตจักรก็ไปอธิษฐานให้เขา แล้วเขาก็หายดี แล้วได้รับการรักษาโรค แล้วก็ได้รับการอภัยบาปให้ด้วย เนื่องจากว่าคนนั้น คนนั้นเขาทำบาป แล้วเขาถูกตีสอน
เพราะฉะนั้นผู้ปกครองหรือผู้นำคริสตจักรจึงไปหาแล้วก็อธิษฐานเผื่อเขา แล้วชักชวนเขาให้สารภาพบาป แล้วพระเจ้าก็ยกโทษบาปให้เขาครับ
อย่าลืมนะครับปัญหาสุขภาพความเจ็บป่วยเจ็บไข้ มาจาก 3 ด้าน 3 แหล่ง ก็คือ..
แหล่งที่ 1. ก็คือ การทดสอบทดลองจากพระเจ้า พระเจ้าให้เขาได้รับเอง
อันที่ 2. ก็คือ เพราะว่าเขาทำผิดทำบาป พระเจ้าจึงให้มีอาการเจ็บป่วย มีปัญหามรสุมชีวิตเข้ามา เพื่อให้เขากลับใจแล้วสารภาพบาป แล้วพระเจ้าก็เอายกปัญหาไป
และสิ่งที่ 3. ก็คือ อาการเจ็บป่วยสุขภาพไม่ดี หรือปัญหาต่างๆ เข้ามา เพราะว่าเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า คือมีคนหนึ่งที่เจ็บป่วย พระเจ้าอนุญาตให้เจ็บ แล้วพระเจ้าทำให้เจ็บ แล้วต่อมาไม่นานเขามาเป็นคริสเตียน เขามาเชื่อ หรืออาจจะยังไม่เชื่อ แล้วมีคริสเตียนมาเพื่อรักษาเขาต่อหน้าผู้คนมากมาย เมื่อผู้คนมากมายเห็นเขาหายดีแล้วตัวเขาเองก็เห็นว่าเขาหายดีโดยพระเจ้า พวกเขาก็จะยกย่องสรรเสริญพระเจ้าและถวายเกียรติแด่พระเจ้า
ถาม.
ถามต่อเมื่อกี้นะคะที่เกี่ยวกับว่าถ้าเจ็บป่วยให้เชิญผู้ปกครองมา แต่ว่าเมื่อเรานมัสการพระเจ้าและสามัคคีธรรมกันในกลุ่มออนไลน์ ก็สังเกตจากประสบการณ์หลายปีที่ผ่านมา พี่น้องแม้ว่าเป็นผู้เชื่อใหม่อธิษฐานเผื่อคนนั้นที่เจ็บไข้ได้ป่วย เขาก็หายโรคนะคะ น้องคนนั้นไม่ได้เป็นผู้ปกครองแน่นอน แต่ก็หายโรคค่ะ เกิดจากพระเจ้าเมตตาหรือว่าของประทานที่เขามี ใช่ไหมค่ะ
ตอบ.
สำหรับเรื่องการรักษาโรคการอธิษฐานรักษาโรคในท่ามกลางคริสเตียน คือผู้ปกครองบางคนมีของประทานในการรักษาโรค
แล้วบางคนที่ไม่ได้เป็นผู้ปกครองเป็นพี่น้องคริสเตียนทั่วไปแต่มีของประทานในการรักษาโรค ก็ทำได้ครับผม
ขอให้มองตรงนี้นะครับขอให้มองตรงนี้ ก็คือในคริสตจักรหนึ่ง พระเจ้าให้ทุกคนมีของประทานอย่างน้อย 1 ชิ้น แล้วบางคนก็รักษาโรคได้ บางคนก็ไล่ผีออกได้ โดยที่เขาเองอาจจะเป็นพี่น้องหญิงก็ได้ และโดยที่บางคนที่เขามีของประทาน ไม่ได้เป็นผู้นำเป็นศิษยาภิบาลเป็นผู้ปกครองดูแลคริสตจักร ก็เป็นได้ก็มีนะครับ
...
ถาม.
ทำไมคริสเตียนศาสนา ผู้ปกครอง มัคทายก ทำไมเขาอธิษฐานเจิมวางมือ เจิมนะครับ ไม่เข้าใจครับ
ตอบ.
สำหรับการเจิมนะครับเราต้องเข้าใจ ทันทีที่เราทุกคนเชื่อในพระเยซูคริสต์ เราได้รับการเจิมโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเยซูเองนั่นแหละที่มาเจิมเรา
เมื่อมีพี่น้องที่อธิษฐานเผื่อเรา หรือผู้นำหรือผู้ปกครองเจิมเรา อันนี้จะเป็นการกระทำของเขาเอง ซึ่งการรักษาโรคไม่เรียกว่าเจิม การไล่ผีออกไม่เรียกว่าเจิม
การเจิมคือพระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์ดลใจผู้ปกครองบางคนให้วางมือใส่เรา และเรียกเราให้รับใช้ตามหน้าที่ของประทานที่เรามี
แต่ไม่ใช่เจิมทุกสัปดาห์ เจิมทุกอาทิตย์ เจิมทุกครั้งที่เจอกันที่มาโบสถ์ที่นมัสการพระเจ้า ไม่ใช่ครับ
คำว่า เจิม คือ Anointed ก็คือการเลือก การเจิมการเลือก การ ตั้ง การแต่งตั้ง และการช่วยเหลือ
เมื่อพระเจ้าเจิมนะครับ ก็มีครั้งเดียว ไม่ใช่ว่าจะเจิมทุกๆ อาทิตย์ อันนั้นผิดแล้วครับ
...
ถาม.
เหมือนที่ว่าพระเจ้าเจิมพระเยซู มีไหมในพระคัมภีร์
ตอบ.
มีเยอะมากครับในพระคัมภีร์เดิม พระเยซูเป็นผู้ที่ถูกเจิม เป็นผู้ที่ถูกเลือกเอาไว้ เป็นพระเมสสิยาห์ เป็นพระคริสต์ที่จะมา คำว่า anointed ก็คือ เจิมไว้ เลือกเอาไว้แล้ว ตั้งไว้แล้ว ซึ่งพระเยซูเป็นคนถูกเจิม แน่นอนครับมีเยอะนะครับ ถ้าต้องการจะค้นมาให้นะครับ
แล้วเราทุกคนที่เชื่อพระเยซูปุ๊บเนี่ย เราก็ได้รับการเจิมโดยพระเยซูคริสต์ พระองค์เจิมเราให้เป็นบุตรพระเจ้า พระองค์เจิมเราให้เป็นสาวกของพระเยซู พระองค์เจิมเราให้เป็นปุโรหิตหลวงของพระองค์
สำหรับคริสเตียนที่ไปโบสถ์แล้วขอเจิม ขอให้อาจารย์เจิมทุกๆ อาทิตย์ อันนี้เป็นเรื่องที่ผิดนะครับ ไม่มีคำสอนในพระคัมภีร์
...
ถาม.
เอเมนบางคนมาเจิมรถ เชิญอาจารย์มาเจิมรถใหม่ครับ ผิดไหมครับ
ตอบ.
เราไม่เจิมรถนะครับ เราขอพระเจ้าดูแลปกปักรักษาคุ้มครองในการเดินทางในการใช้รถของเราครับ
...
ถาม.
ขออนุญาตค่ะขอถามเรื่องของประทานค่ะ คือตัวอย่างว่าเรารู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่าอะไรจะเกิดขึ้น แล้วมันก็เกิดขึ้น อันนี้คือของประทานอะไรค่ะ
ตอบ.
ของประทานในการทำนายครับ
สำหรับการเผยพระวจนะ ผู้เผยพระวจนะที่พระเจ้าให้ของประทาน การเผยพระวจนะ ก็คือ 1 ใน 4 อย่าง 4 ข้อ ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเผยพระวจนะ
ก็คือ 1 ทำนาย พระเจ้าให้บางคนได้รู้สิ่งที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า สำหรับตัวเขาเอง หรือสำหรับพี่น้อง
เมื่อเราพิสูจน์ได้นะครับเมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัส 2-3 ครั้ง ว่าสิ่งนี้มาจากพระเจ้าจริงๆ เราจึงไปเตือนพี่น้อง หรือเราเองก็น้อมรับด้วยการขอบพระคุณ เมื่อเรารู้ว่ามันจะมา เราก็บอกว่า “เอเมนขอบพระคุณพระเยซู ถ้าจะหนักก็ขอให้เป็นเบา ถ้าจะยากก็ขอให้เป็นง่าย ถ้าเป็นร้ายมากก็ขอให้เป็นร้ายน้อย ถึงยังไงก็ขอบคุณพระเยซู ข้าพระองค์รักพระองค์อยู่เสมอ” เท่านั้นครับ
ก็คือพระเจ้าให้เรารู้เพื่อให้เราทำใจ หรือให้พี่น้องบางคนได้ทราบเพื่อให้เขากลับใจ หรือแก้ไข ถ้าสมมุติว่าน้ำจะท่วม ก็บอกว่าย้ายไปอยู่กับญาติก่อน หรือทำยังไงไม่ให้ทรัพย์สมบัติสิ่งของมันเดือดร้อนมันเสียหายครับ
ในหนังสือกิจการมีพี่น้องคริสเตียน 2-3 คนที่เดินทางมาถึงคริสตจักรแห่งหนึ่ง แล้วเขาก็เผยพระวจนะ ก็คือทำนาย บอกว่าจะมีเหตุการณ์กันดารอาหารเกิดขึ้นอยู่แถวๆ บริเวณนี้ในเมืองนี้ ขอให้พวกท่านเตรียมตัวสำหรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น พี่น้องเขานั้นก็เตรียมนะครับเชื่อฟัง แล้วทุกอย่างก็เกิดขึ้นจริง (กจ 11:28)
ซึ่งอันนี้อีกครั้งนะครับขอย้ำ การทำนายเป็น 1 ใน 4 อย่างของ ของประทานในการเผยพระวจนะ
...
ถาม.
ขอถามเรื่องที่ถ้าพระเจ้ามาตรัสกับเราเองคืออันนี้ก็คือการแยกออกไป ไม่ใช่ของประทานใช่ไหมค่ะ คือพระเจ้าตรัสอย่างมาบอกเหตุการณ์ในครอบครัวของเรา อะไรอย่างนี้ค่ะ แล้วหลังจากนั้นก็เกิดขึ้นจริงๆ คืออันนี้เป็นการที่พระเจ้าแยกออกมาเป็นการที่พระเจ้ามาบอกเราล่วงหน้า ใช่ไหมค่ะ
ตอบ.
อันนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการเผยพระวจนะหรือการทำนายครับ พระเจ้าบอกเอง คือพระเจ้ามาบอกเองมาเตือนเองนะครับ
การทำนายการรู้ล่วงหน้าถึงอนาคต ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น ก็คือการที่พระเจ้ามาบอกเรา ว่าพระองค์จะทำอันนี้ทำอันนั้น และเราเองนะครับได้รับบ่อยๆ ก็คือรับเรื่องราวนิมิต เสียงของพระเจ้าที่จะบอกว่า ไปเตือนคนนู้นไปเตือนคนนี้ สิ่งนี้เราจะทำกับเขา
ถามว่าทำไมพระเจ้าไม่ไปเตือนเขาเอง
เพราะว่าเขาอาจจะอยู่ในเนื้อหนัง สัญญาณของเขาไม่ดีนะครับ ไม่ถึง 5g 6g ของพระเจ้า พระเจ้าก็เลยเตือนเขาไม่ได้ พระเจ้าบอกเขาไม่ฟังนะครับเพราะว่าเขาไม่รู้ว่าพระเจ้ากำลังเตือนเขา พระเจ้าก็เลยใช้พี่น้องในคริสตจักรในพระกายเพื่อไปเตือนเขา แล้วคนนั้นก็คือคนที่มีของประทาน
...
ถาม.
เอเมนค่ะ พี่น้องฝันหรือนิมิต แล้วมาเล่าให้เราฟัง แล้วเราสามารถตีความหมายความฝันได้ อันนี้เขาเรียกของประทานอะไรค่ะ
ตอบ.
ก็คือของประทานในการแปลความฝัน ตีความหมายในนิมิตได้ แต่ต้องระมัดระวังนะครับ
สำหรับผมที่ผ่านมา ผมเห็นพี่น้องบางคน พี่น้องบางคนที่เขาบอกว่าเขามีของประทานในการแปลหรือตีความหมายนิมิตที่พระเจ้าให้ แต่จริงๆ แล้วพอมาเล่าให้ฟังเนี่ยก็คือไม่ใช่
สำหรับนิมิต นิมิต ความฝัน หรือสิ่งที่พระเจ้าให้เห็น อย่าลืมนะครับอยู่บนรากฐานของพระคำพระเจ้า ในพระคัมภีร์มีเรื่องราวมากมายและมีหลายคนในสมัยพระคัมภีร์เดิมและพระคัมภีร์ใหม่ที่ฝันที่เห็นนิมิต เราใช้พื้นฐานตรงนี้นะครับเป็นรากฐานเป็นพื้นฐานสำหรับการแปล
ซึ่งถามว่ามีบางคนมาถามผมใช่ไหม เป็นระยะๆ เรื่องฝัน อาจารย์เจช่วยตีความหมายให้หน่อย ก็คือมองไปเห็นบ้านหลังหนึ่ง แล้วบ้านหลังนั้นอยู่ดีๆ ก็ถล่มก็เสียหายพังลงมา อันนี้เราแปลง่ายๆ แปลง่ายๆ บ้านก็คือคน ก็คือคนเรานี่แหละ ก็คือตัวมนุษย์คนคนหนึ่งที่พังลง ชีวิตก็พังลง ก็คือตายไป
แล้วสำหรับน้ำคืออะไร น้ำก็คือชีวิต เราไปทุกสิ่งเราแปลทุกเรื่องตามรากฐานพื้นฐานที่อยู่ในพระคัมภีร์อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเมื่อเราเรียนรู้พระคำพระเจ้าเกี่ยวกับเรื่องการฝันการเห็นนิมิต มันก็ไม่ยากอะไรนะครับ
แต่ถ้าใครตีความหมายที่ออกไปจากพระคำพระเจ้า ก็คือนั่นไม่ใช่นิมิต ซึ่งเขาคิดว่าเขาได้รับนิมิตจากพระเจ้า มีของประทานในการแปล จริงๆ แล้วขอให้ระมัดระวังนะครับ การแปลผิดการตีสอนก็ตามมา
...
ถาม.
ทำไมผมฝันเห็นน้ำท่วมบ่อยครับ
ตอบ.
ฝันน้ำท่วมบ่อย อันนี้พี่น้องคริสเตียนยุคนี้นะครับจะเจอบ่อยมากๆ ฝันเห็นน้ำท่วม ไฟไหม้ ที่ค่อนข้างจะยิ่งใหญ่ คือเรารู้อยู่ว่าตอนนี้ก็คือเราอยู่ใกล้ยุคสุดท้าย เราอยู่ในระยะสุดท้ายของยุคพระคุณ ซึ่งเหตุการณ์มัทธิวบทที่ 24 กำลังจะเกิดขึ้น และ 7 ปีแห่งความทุกข์ทรมานกำลังจะตามมา ขอให้เตรียมตัว
พระเจ้าทำไมให้พี่น้องได้เห็นบ่อยๆ เพราะว่าพระเจ้าต้องการให้พี่น้องฝึกสะสมมานาฯ บอกรักพระเยซู สนิทในพระเยซูให้มากๆ อย่าใส่ใจในเรื่องฝ่ายเนื้อหนัง ตอนนี้นะครับปักใจในพระวิญญาณ สนิทในพระเยซู บอกรักพระเยซูบ่อยๆ เพื่อเราจะเติบโตและผ่านพ้นเหตุการณ์น้ำท่วมที่จะเกิดขึ้น เอเมน
สำหรับพี่น้องที่ได้เห็นนิมิตบ่อยๆ นะครับเรื่องเหตุการณ์เลวร้ายที่จะเกิดขึ้น อยู่ในความฝันหรือในนิมิต เราอย่าเมินเฉยนะครับนั่นคือการเตือนของพระเจ้า สำหรับชีวิตของเรา และนำมาหนุนใจพี่น้องนะครับว่าฝัน เห็นนิมิต ที่พระเจ้าเตือนไฟไหม้ น้ำท่วม สิ่งนี้พระเจ้าต้องการอยากให้เรานะครับเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมให้เป็นหญิงพรหมจารี 5 คนที่ฉลาด
ขอบคุณพระเจ้าพระองค์เปิดตาเรามาสู่มานาที่ซ่อนไว้ และเรามีโอกาสที่จะได้เป็นหญิงพรหมจารี 5 คนที่ฉลาดแล้ว เพื่อให้เราเตรียมน้ำมันมาเผื่อ เพราะว่าตะเกียงมันจะดับเมื่อไหร่เราไม่ทราบ
แต่เราขอบคุณพระเยซูที่เรามีพระวิญญาณบริสุทธิ์เต็มล้นในจิตของเราด้วย เพื่อเราจะเดินสำแดงชีวิตพระคริสต์อย่างสม่ำเสมอในแต่ละวัน และเมื่อพระเยซูเสด็จกลับมา พระองค์ก็จะนำมงกุฎมาให้เราเป็นของขวัญ เอเมน
ถาม.
ขอถามอาจารย์ว่า การที่ว่าเราตอนช่วงนอนนะคะ ตอนเราหลับแบบหลับตา หลับตาปุ๊บก็จะเห็นแบบเป็นภาพอะไรต่างๆ อะไรอย่างเงี้ยคือเป็นนิมิตหรือเปล่าค่ะ แต่ว่าก่อนนอนก็จะอธิษฐานและพูดคุยกับพระเจ้า แล้วก็หลับตาลงอะไรอย่างเงี้ยค่ะ ก็จะเห็นเป็นภาพหลายหนหลายครั้งอ่ะค่ะ เอเมนค่ะ
ตอบ.
สำหรับพระเจ้านะครับให้นิมิตแก่เรา ใช่ครับ การเห็นภาพในความฝัน เห็นนิมิต เรียกว่าเห็นในวิญญาณนะครับ พระเจ้าทำงานในวิญญาณของเรา ทุกสิ่งที่พระเจ้าให้เห็นก็คือ สำแดงให้เราเห็นในฝ่ายวิญญาณในวิญญาณของเรา ก็คือ in the spirit ก็คือในวิญญาณ
ยอห์นเห็นนิมิตในวิญญาณ เปาโลเห็นนิมิตในวิญญาณ เปโตรเห็นนิมิตในวิญญาณ เพราะฉะนั้นพระเจ้าทำงานกับเรานะครับก็คือในวิญญาณของเรา สิ่งที่เราเห็นภาพบ่อยๆ ก็คือมาจากพระเจ้า ถ้าเราสนิทในพระเยซูเราอธิษฐานเป็นประจำโอกาสที่เราจะได้รับนิมิตจากพระเจ้าเนี่ยก็คือบ่อยมาก ก็ขอบคุณพระเจ้าสำหรับพี่น้อง เอเมนครับ
เมื่อเราปักใจ ปักใจ คลื่นของเรา หมุนคลื่นของเราไปที่พระวิญญาณ สิ่งที่เราได้รับก็คือในวิญญาณของเราจะสัมผัสโลกฝ่ายวิญญาณเยอะแยะเต็มไปหมดนะครับ มันเป็นสันติสุขที่อธิบายไม่ถูก เราจะเห็นสิ่งที่ผู้คนมากมายไม่มีโอกาสได้เห็น เห็นโลกฝ่ายวิญญาณ เห็นพระเยซูคริสต์ เห็นความรัก เห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า เห็นภาพมากมายที่พระเจ้าให้เห็นก่อนเพื่อนให้เห็นก่อนใคร
...
ถาม.
อยากถามอาจารย์ค่ะพอดีลูกชายเขาฝันเมื่อ 2 ปีที่แล้วนะคะ คือมันมีเป็นสีขาวฟุ๊บมาจากจากท้องฟ้าแล้วมันก็เหมือนแบบแว๊บไปเลย หมายถึงว่าแว๊บตัวเรากับลูกชายไปเลย แล้วก็คือลูกชายไปฟื้นอีกทีหนึ่งเขาลืมตามา รอบข้างมันจะขาวโพนไปหมดเลยเป็นที่กว้างใหญ่ แล้วก็จะมีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาแต่ว่าเห็นตั้งแต่ช่วงคอลงมาค่ะ แต่งชุดสีขาว ผู้ชายคนนั้นก็พูดกับลูกชายว่า ไม่ต้องกลัวนี่เราเอง แล้วลูกชายก็หันมามองดิฉัน คือดิฉันยังไม่ตื่นเลย ทีนี้อยากจะถามอาจารย์ว่าอาจารย์เข้าใจว่ายังไงค่ะ
ตอบ.
สำหรับอันนี้ก็คือมาจากพระเจ้าเรารู้ได้ทันทีนะครับเพราะว่าเขายังเด็กอยู่ แล้วก็เขาเห็นในนิมิตก็คือไม่เห็นหน้าพระเยซู ถ้าเห็นก็คือไม่ได้อยู่จนถึงทุกวันนี้นะครับพระเจ้าออกไปแน่นอน
สำหรับคริสเตียนถ้าฝันหรือเห็นนิมิต ถ้าหากว่าในความฝันนะครับเห็นหน้าพระเยซู แสดงว่าอันนั้นไม่ได้มาจากพระเจ้า มาจากมารนะครับ
แต่ถ้าความฝันของเราอยู่นะครับเห็นเป็นหน้าเบลอๆ หรือไม่เห็นส่วนของศีรษะนะครับ เห็นแต่ข้างล่าง เห็นแต่พระกายของพระองค์ การใส่เสื้อผ้าของพระองค์เป็นชุดขาว นั่นคือพระเยซูแล้วก็มาจากพระเจ้าจริงๆ
พระเจ้าอาจจะสำแดงให้เราที่เป็นเด็กนะครับให้ได้เห็นเพื่อให้เรามั่นใจในความเชื่อ มั่นใจในสิ่งที่เราเชื่อ ก็คือพระเยซูคริสต์
...
ถาม.
เอเมน ทำไมผมชอบฝันถึงต่อสู้กับมารซาตานบ่อย และฝันเห็นคนตายบ่อย ผมก็กลัวนะครับนึกว่าพระเจ้าจะรับไป เอเมน
ตอบ.
เหตุผลที่เราฝันเห็นคนตายบ่อยๆ แล้วก็ต่อสู้บ่อยๆ เนื่องจากเราตอนนี้อยู่ในระหว่างเนื้อหนังกับฝ่ายวิญญาณ สิ่งที่ผมอยากเห็นใจพี่น้อง ก็คือสะสมมานาฯ สนิทในพระเยซู อธิษฐานเป็นประจำ อ่านพระคัมภีร์ อย่าปักใจในฝ่ายเนื้อหนัง ถ้าหากเราปักใจในฝ่ายเนื้อหนังซาตานก็จะมาแล้วก็ต่อสู้กับพระวิญญาณ
แล้วฝันเห็นคนตายนะครับ สิ่งที่ไม่ดีก็คือซาตานพยายามหลอกเราทำให้เรากลัว ขอย้ำนะครับสนิทในพระเยซูให้มากๆ อย่าใส่ใจในฝ่ายเนื้อหนังให้มากเกินไป
แล้วก็ขอพระเยซูว่า “พระองค์ชำระข้าพระองค์ ให้ข้าพระองค์มีจิตใจใหม่ ให้ข้าพระองค์อยู่ในพระคริสต์สม่ำเสมอตลอดเวลา เพื่อข้าพระองค์จะไม่ถูกชักนำ ไม่ถูกมารซาตานมาล่อลวงมาก่อกวนให้จิตใจไม่สงบ เอเมน”
เราขอบคุณพระเจ้าสำหรับพี่น้องที่เอ่ยถึงเรื่องการเต็มล้น สำหรับคริสเตียนสิ่งที่เราต้องการมากที่สุดในแต่ละวันก็คือ เต็มล้นด้วยพระวิญญาณ ไม่ภายนอกก็ต้องภายใน และโดยเฉพาะภายนอก ก็คือการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณเพื่อที่พระองค์จะให้เราเต็มด้วยสันติสุข ให้เราเต็มด้วยพระพร ให้เราเต็มด้วยจิตใจที่มีความอดทน มีความรัก มีความเมตตา แล้วสิ่งนี้ก็จะเพิ่มขยายถูกก่อขึ้นให้ถึงการเต็มล้นภายใน ก็คือชีวิตพระคริสต์ก่อขึ้น
เปาโลจึงพูด ท่านทั้งหลายจงเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพราะฉะนั้นขอบคุณพระเยซู ขอให้คำนี้ก้องอยู่ในหูของเราทุกๆ เช้า ตอนบ่ายตอนเที่ยงตอนสายตอนไหนก็ตาม จงเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์
จะเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ยังไง ก็คืออธิษฐาน ขอบพระคุณ บอกรัก สนิทในพระเยซู เดินไปกับพระองค์ในแต่ละวัน เอเมน