ถามว่าทำไม เราจึงหลีกเลี่ยง และไม่ให้มีสิ่งที่เป็นด้านลบ หรือตัดสิน หรือคำสั่ง เนื่องจากว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของศาสนา เราเป็นบุตรพระเจ้า เราเป็นมนุษย์วิญญาณ และพระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าแห่งความรัก ขอบพระคุณพระเยซูที่พระองค์เป็นความรัก
และพระองค์เตือนเราโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ตรัสผ่านเปาโลว่า เราทำทุกสิ่ง “เริ่มต้นก็ด้วยความรัก จบลงก็ด้วยความรัก” ตั้งแต่เช้าจนค่ำ ทำทุกสิ่ง มีความรักผสมผสาน ให้มีความรักนำหน้า ให้มีความรักเป็นหลัก ให้มีความรักเป็นใหญ่ จำกันได้ไหม 1 โครินธ์ 13:1-3 ถ้าหากเราทำทุกสิ่งโดยที่ไม่มีความรัก มันก็ไร้ประโยชน์ เอเมน
และอย่าลืมว่า ชีวิตอาดัมมันจบแล้วที่กางเขน ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาและใช้ในพระกายใหม่ของพระเยซู พระกายใหม่ของพระเยซูมีแต่สิ่งใหม่ๆ ทั้งนั้น ทุกสิ่งที่เป็นของเก่าเนื้อหนังจบแล้ว ผ่านไปแล้ว
เราขอบพระคุณพระเยซูที่เป็นความสว่าง และนำเรามาสู่ความสว่างของพระองค์ ศาสนาคริสต์นะครับมีมาตั้งแต่เริ่มแรก และจะมีต่อไปจนถึงระยะสุดท้ายของยุคนี้ เราหลีกไม่ได้ คือมันจะต้องมี และจะมีอยู่ตลอดไป จนกว่ายุคพันปีจะเข้ามาจึงจะจบศาสนาคริสต์ได้ และทุกๆ ศาสนาในโลกนี้ก็จะจบ เหลือเพียงแค่ความเชื่อกับพระเจ้า ขอบคุณพระเยซู
สำหรับผม สรรเสริญพระเจ้าอย่างมาก เพราะว่าความสว่างมันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก พี่น้องว่ามั้ย ถ้าหากเราอยู่ในห้องมืดๆ อยู่ในที่มืดๆ หรือเดินไปที่ไหนก็ได้ที่มันมืด มืดสนิท มันจะทำให้เรามีความยุ่งยากที่สุด ไม่ว่าจะทำอะไรก็ยุ่งยาก คือเรามองไม่เห็น ตาไม่สว่าง ทำอะไรก็ยาก แล้วทำอะไรก็ผิดไปหมด
เพราะฉะนั้นเมื่อพระเจ้าส่องสว่างเข้ามาสู่ตาที่สามของเรา คือตาฝ่ายวิญญาณ เราพบว่าเรื่อง รอด รอดเดียว แต่ก่อนที่เราเป็นศาสนาคริสต์
ก่อนอื่นนะครับผมไม่อยากให้พวกเราคิดในแง่แบบลักษณะของการตัดสิน เราไม่ตัดสินเขา เราไม่ตัดสินใคร เราพูดเพื่อการศึกษา เราพูดเพื่อให้ได้เข้าใจว่าสิ่งที่เราเคยทำ และสิ่งที่เขาทำอยู่ทุกวันนี้ เป็นศาสนาคริสต์นะครับ เรารักเขา รักทุกคน รักพี่น้อง และรักคนที่ไม่เชื่อด้วย แต่เพียงแต่ว่าที่เราพูดถึงนี้ไม่ใช่การตัดสิน แต่เพื่อจะชี้ให้เห็นว่าจุดนี้เป็นจุดที่ผิด แล้วเราต้องหลีกออกมา ต้องเลิกเชื่อ ต้องหยุด
แต่ก่อนสิ่งที่ทำให้ผมหนักใจมาก ก็คือทำบาปเมื่อไหร่ก็กลัวจะไม่รอด คิดว่าโอ้ วันนี้ไม่รอดแน่นอน พระเยซูอย่าเพิ่งมา แต่วันไหนที่ทำดี ทำดีวันสองวัน ดีใจมากแล้วก็บอกว่า มาเลย วันนี้ข้าพระองค์รอดแน่นอน ผมเชื่อนะครับว่าพี่น้องหลายคนก็คิดแบบนี้
เพราะฉะนั้น ขอบคุณพระเจ้าที่เราได้รู้เรื่อง รอด 2 รอด ขอบคุณพระเยซู
และเรื่องสอง ที่แตกต่างจากศาสนาคริสต์ ก็คือหัวใจของพระเจ้าคืออาณาจักร อาณาจักรนะครับ พระเยซูก็พูดอยู่น่ะ คือพระเยซูสั่งสอนไปมาหลายเรื่อง
แล้วมีคำหนึ่งที่พระเยซูตรัส อย่ากระวนกระวายถึงเรื่องสิ่งใดทั้งนั้นในโลกนี้ อย่ากระวนกระวาย ไม่ต้องกระวนกระวาย พระเยซูตรัสสามครั้ง จากนั้นพระองค์ตรัสว่า แต่จงแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะประทานสิ่งทั้งปวงให้
แต่คริสเตียนไม่ยอมเชื่อฟังคำสอนของพระเยซูเรื่องนี้ ก็คือไม่แสวงหาอาณาจักร แต่แสวงหาสิ่งที่จำเป็นในการใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ และพยายามเลิกทำบาปเพื่อที่จะไปสู่โลกหน้า
แต่เราขอบคุณพระเยซู เราพบอาณาจักรแล้ว พบความชอบธรรมของพระเยซูแล้ว และเราพร้อมที่จะฝึกเดินเพื่อเข้าสู่อาณาจักร ไปพร้อมๆ กัน เราจะสู้ไปด้วยกัน เอเมน
และแต่ก่อน เราเห็นว่าเมื่อเราอยู่ในศาสนาคริสต์ เรารู้เพียงแต่ว่าพระโลหิตของพระเยซู ชำระความผิดบาปของเรา ทำให้พระเจ้ายกโทษให้เรา แต่ มีแต่ด้วยน่ะ คือถ้าหากเรายังทำบาปอยู่ พระโลหิตก็จะไม่มีผล คือเราอาจจะไม่รอด
เพราะฉะนั้นตอนนี้เรารู้แล้วว่า พระโลหิตของพระเยซู มีผล มีความสำคัญ มีค่ามากที่สุด ทำให้พระเจ้ายอมยกโทษให้เรา และยอมให้เราเข้าไปสู่ฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ ทั้งๆ ที่เรายังทำบาปอยู่
แต่ ก่อนที่จะเข้าสู่ฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ พระเจ้าก็จะบ่มเรา จะขัดเกลา จะทำทุกสิ่งเพื่อให้เรา บริสุทธิ์ ชอบธรรม มีธรรมชาติเป็นเหมือนพระเจ้า และเข้าไปอยู่ในฟ้าสวรรค์ใหม่แผ่นดินโลกใหม่ อยู่กับพระเจ้าไปตลอดชั่วนิรันดร์ เอเมน
และเรื่องที่สำคัญ ก็คือคริสตจักรศาสนา ศาสนาคริสต์ ไม่ได้สอนเรื่องเกี่ยวกับพระคริสต์อยู่ในเรา เพื่อดำเนินชีวิตแทนเรา เรื่องต่อมาก็คือเรื่องพระคริสต์อยู่ในเรา ตอนแรกผมก็เหมือนกันนะครับ ก็คือ 18 ปีนะครับที่อยู่ในศาสนาคริสต์ เข้าใจว่าพระเยซูอยู่บนสวรรค์ อยู่ในสวรรค์กับพระบิดา นานๆ ทีหนึ่งจะมาเยี่ยมบ้านผม แล้วก็มาเยี่ยมคริสตจักรพวกเรา
แต่ขอบคุณพระเจ้า ที่ โคโลสีบทที่ 1:27 พระองค์ตรัสผ่านเปาโลว่า พระคริสต์อยู่ในเรา เป็นความหวังแห่งสง่าราศี ขอบพระคุณพระเจ้า และผมได้มาเข้าใจว่า กาลาเทีย 2:20 ความจริงก็คือเป็นเรื่องของเราทุกคน ไม่ใช่ของเปาโลคนเดียว ก็คือข้าพเจ้าถูกตรึงไว้กับพระเยซูคริสต์แล้ว ข้าพเจ้าจึงไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า
“พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า”
เอเมน เราสรรเสริญพระเยซู เพราะว่าเราทำดีเองไม่ได้ เราพยายามเลิกทำบาปไม่ได้ เราเชื่อฟังพระเจ้าไม่ได้ เพราะว่าเราตกต่ำ เราเสื่อมทราม จิตของเรามันตกต่ำแล้ว มันรักในการบาป รักในการชั่ว ตัวบาปเป็นนายเรา เราจะทำยังไงก็ดิ้นไม่หลุด
แต่มีทางเดียวเท่านั้น ที่จะไถ่เราให้รอดได้ ก็คือ พระคริสต์ที่อยู่ในเรา เป็นความหวังแห่งสง่าราศี เอเมนสรรเสริญพระเยซู
แล้วเราจำกันได้ไหม เรื่องพระวิญญาณเข้าๆ ออกๆ ผู้นำมากมายจะสอนเรานะครับ ตอนทำบาปพระวิญญาณก็จะออก ตอนทำดีเชื่อฟังพระวิญญาณก็จะกลับเข้ามา
แต่เรารู้ความจริงแล้วว่า พระวิญญาณสถิตอยู่ในวิญญาณของเรา วิญญาณของเราบริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซ็นต์พันเปอร์เซ็นต์ไม่มีที่ด่างพร้อย พระวิญญาณจะไม่ออกไปจากเราเมื่อเราทำบาป เพราะว่าคนที่ทำบาปในเราก็คือจิตเรากับร่างกาย
แต่วิญญาณของเราไม่ได้ทำ เพราะฉะนั้นพระวิญญาณ ก็อยู่ในวิญญาณของเราเหมือนเดิมไม่ไปไหน แต่ พระองค์ทำงาน เพื่อที่จะครอบครองจิตส่วนต่อๆ มา ให้กลายเป็นที่อยู่ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระคริสต์ และเราก็จะเลิกทำบาปได้อย่างอัตโนมัติ ขอบคุณพระเจ้า
ผมเองนะครับ 18 ปีผ่านไป หลังจากที่เป็นคริสเตียน ผมก็ยังเชื่อว่าผมเป็นคนบาป เป็นผู้รับใช้เป็นก็ยังคิดว่าตนเองเป็นคนบาป ประกาศกับพี่น้องที่คริสตจักรตลอดนะครับว่าเราเป็นคนบาป เราเป็นคนบาป เมตตาเราด้วยพระบิดา นี่คือสิ่งที่ผิดพลาด ที่พระเจ้าทำงานในเราไม่ได้
คนที่พระเจ้าจะทำงานได้อย่างครบถ้วน ก็คือเราต้องถูกเปิดตาว่า เราถูกชำระโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์โดยพระเจ้าโดยพระโลหิตของพระเยซู เราจึงกลายเป็นคนชอบธรรมและบริสุทธิ์เท่าเทียมกับพระบิดา และเป็นคนที่ชอบธรรมเท่าเทียมกับชาวยิวที่เคร่งศาสนา
เพราะว่าพระเจ้ามองมาที่เราเมื่อไหร่ พระองค์ไม่เห็นตัวเรา แต่พระองค์เห็นพระคริสต์ปกปิดซ่อนเราอยู่ สรรเสริญพระเจ้าเราจึงไม่เป็นคนบาปอีกต่อไป แต่เป็นคนชอบธรรม เอเมน
และขอบคุณพระเจ้าเราไม่ถวายสิบลดนะครับเพราะว่าสิบลดเป็นของยิว เรารู้แล้ว และตอนนี้เราถวายร้อยลด มันหนักกว่าเดิมหรอ ไม่ใช่นะครับ ร้อยลดก็คือเราทำตามขนาดของความเชื่อ
เราเชื่อ เราทำได้มากเท่าไหร่ เราควักสิบเหรียญได้ เราควักสิบบาท ร้อยบาท สองร้อยบาท เท่าไหร่ไม่ได้สำคัญ แต่การควักกระเป๋าของเราครั้งนั้น เป็นการกระทำด้วยความรักพระเยซู และทำโดยไม่ฝืนใจ ไม่บังคับใจ ไม่เสียดาย นี่คือการถวายร้อยลด
และขอบคุณพระเจ้า เราได้เรียนรู้ความแตกต่างระหว่างศาสนาคริสต์กับคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ ก็คือเมื่อก่อนเราเป็นอาดัม เราอยู่ในอาดัม และเราได้รู้แล้วว่าตอนนี้มันจบแล้ว
แต่คริสเตียนศาสนายังไม่จบมัน ก็คือยังเอามันมาใช้อยู่ ใช้ชีวิตเก่าใช้ตัวเก่าใช้อาดัม เพื่ออยู่ในสังคมคริสเตียน อยู่ในการรับใช้ อยู่ในการดำเนินชีวิต อยู่ในการประกาศข่าวประเสริฐ ทำทุกสิ่งเพื่อพระเจ้า ในการนมัสการ อันนี้เป็นสิ่งที่พระเจ้ารับไม่ได้ เพราะว่ามันเป็นการกระทำที่ตายแล้ว
ขอบคุณพระเยซูวันนี้ เรามีชีวิตอยู่ในพระคริสต์ และในพระคริสต์เป็นชีวิตไม่ตาย เราทำทุกสิ่งด้วยคนใหม่ตัวใหม่ เราเชื่อว่าเราเป็นคนใหม่ และพระคริสต์ทำร่วมกับเราในเราเพื่อเรา ทุกสิ่งพระเจ้าก็รับได้ และเป็นทองคำเงินและเพชรพลอย ซึ่งจะกลายเป็นมงกุฎที่ยิ่งใหญ่เพื่อสวมศีรษะของเรา และนั่งร่วมกินดื่มกับพระเยซูในยุคพันปีและตลอดไปชั่วนิรันดร์ เอเมน
และสำหรับพี่น้องที่อาจจะเผลอ พลั้ง พลาด หรือฝึกมายังไม่ถึงนะครับ ขอให้จำกันนะครับว่า อาดัมจบแล้วที่กางเขน อย่าใช้ชีวิตอาดัม อย่าใช้นิสัยของอาดัม เข้ามาอยู่ในท่ามกลางพระกายใหม่ของพระเยซู มันจบแล้วที่กางเขน เอเมน
เราคิดจะตำหนิใคร จะตัดสินใคร ขอให้เอาอันหนึ่งบวกไปด้วย ก็คือความรัก ความรัก อยากคิดเตือนพี่น้องก็เตือนด้วยความรัก อยากจะบอกพี่น้องว่า อันนี้มันไม่ถูกต้องน่ะ ก็บอกด้วยความรัก ถ้าความรักมันไปด้วย ก็คือทุกสิ่งมันจะราบรื่น มันจะหวานซึ้งหวานหอม หอมหวาน พี่น้องก็จะชอบที่จะรักในการที่จะฟังเราตักเตือน
และขอบคุณพระเจ้า ที่เราไม่ได้ถือเรื่อง วัน เดือน ปี งานฉลองคริสต์มาส งานฉลองต่างๆ เราไม่มีอีกแล้ว อีสเตอร์ไม่มีอีกแล้ว
แต่ทุกวันเดือนปี เราฉลองพระเยซูฟื้นขึ้นมาจากความตาย เป็นงานฉลองที่ยิ่งใหญ่ และเราทำทุกๆ วันอาทิตย์ ทุกๆ สัปดาห์ ตื่นนอนตอนเช้าเราบอกว่าขอบคุณพระเยซู พระองค์ฟื้นขึ้นมาจากความตาย และข้าพระองค์ก็ฟื้นขึ้นมาด้วย เป็นคนใหม่ อยู่ด้วยกัน อยู่เพื่อกันและกัน เอเมน
ผมนะครับขอบคุณพระเยซู สองสิ่งที่ผมได้รับจากการเปิดตา เข้าสู่ความสว่าง เมื่อตาหายบอดนะครับ สันติสุขทุกวันเวลาผมได้รับ ซึ่ง 18 ปีผมเป็นคริสเตียนศาสนานะครับ ไม่เคยได้รับ ก็ยังมีสุขทุกข์สุขทุกข์ไปเรื่อยๆ แต่เมื่อมาถึงมานาที่ซ่อนไว้ คือพระคำล้ำลึก สันติสุขทุกวันเวลาก็เข้ามา และปล่อยปลงวางได้
และขอบคุณพระเยซู ที่เมื่อตาหายบอด กำลัง การเชื่อฟัง จากทำบาปมาก กลายเป็นทำบาปน้อย จากกลายเป็นเชื่อฟังน้อย ตอนนี้ก็คือขอบคุณพระเจ้า เชื่อฟังได้มาก คือจากน้อยกลายเป็นสิ่งที่มาก สุขนะครับเมื่อก่อนสุขน้อย กลายเป็นสุขมีมากมาย
ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์เปลี่ยนทุกสิ่งเมื่อตาหายบอด เมื่ออยู่ในความมืดสนิท แสงสว่างส่องเข้ามา ส่องสว่างความจริงของพระเจ้า เราจึงเห็นความจริง และดำเนินชีวิตอยู่ในความจริง เราจึงไม่หลงทางอีกต่อไป ขอบคุณพระเยซู
ถาม.
ขอถามเรื่องสันติสุขนิดนึงครับผม คือสันติสุขที่ได้รับต่อเนื่องนี้คือจากการที่เรานึกถึงพระคำของพระเจ้าที่ทำสำเร็จแล้ว แล้วเราได้รับแล้ว หรือว่าสันติสุขนี้คือถ้าเราได้รับ คือมันจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติเองเลยหรือครับ หรือยังไงครับ
ตอบ.
ก่อนอื่นนะครับขอให้เราเข้าใจคำว่าสันติสุขที่ผมพูดถึง แล้วก็น้องชายถาม ก็คือ peace อันแรกก็คือ peace / peace ก็คือความสงบสุขภายในจิตใจ ความสงบสุขนี้ทำให้เราไม่ดิ้นรน ไม่กระเสือกกระสน ไม่ต้องการอะไรอีกต่อไปแล้ว คือเรารู้สึกว่ามันพอแล้ว มันเป็นสิ่งที่ว่างเปล่าอยู่ในหัวใจ แล้วไม่ต้องการอะไรที่จะเข้ามาอีกเพื่อให้มีความสุข เรียกว่าความสงบสุข peace / peace อันนี้เราจำกันได้ไหม โรม 5:1 เมื่อเราได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้ว เราได้รับการชำระด้วยความเชื่อโดยทางความเชื่อ เราจึงมีสันติสุขในพระเยซูคริสต์
สรุป ก็คือสันติสุข เป็นของขวัญที่พระเจ้าประทานให้เรา เมื่อเราเชื่อในพระเยซู ซื้อ 1 แถมอีก 1 อย่างครับ แถมชิ้นนึง เราซื้อพระเยซู ก็คือแถมสันติสุขให้เรา โดยไม่ต้องทำอะไรเพื่อที่จะแลกเอาสันติสุข ไม่ต้องจับฉลาก ไม่ต้องไปทำกิจกรรม ไม่ต้องร่วมงานอะไรกับเขา ก็คือไปซื้อของมา แล้วเขาก็แถมสิ่งหนึ่งมาให้ ก็คือสันติสุข
แล้วเราจะทำยังไง เพื่อมีประสบการณ์กับสันติสุขที่พระเจ้าประทานให้เราแล้ว อย่าลืมนะครับพระเจ้าประทานให้เราแล้ว เราจะทำยังไงเพื่อที่จะมี ประสบการณ์ในสันติสุขนี้ “เชื่อเอา” เชื่อนะครับ
เราไม่มีความสุขเราไม่มีสันติสุขไม่มีความสงบสุขภายในจิตใจ เรากลัวพระเจ้า เรากลัวไปทั้งหมด ก็คือเราบอกว่า “พระเยซู ขอบคุณพระองค์ตื่นนอนตอนเช้าวันนี้ ข้าพระองค์มีสันติสุขแล้ว พระองค์ประทานให้แล้ว เพราะว่าข้าพระองค์เชื่อในพระองค์ ขอบคุณพระเยซู” แค่นี้นะครับ เราจะเห็นการเคลื่อนไหวการทำงานของสันติสุขที่อยู่ภายในเรา
แต่พี่น้องทราบไหม สันติสุขนี้ก็คือพระเยซูนั่นเอง ที่อยู่ในเรา
คำตอบนะครับ ก็คือเชื่อว่ามีสันติสุขแล้วในพระคริสต์ ทั้งๆ ที่เราไม่เห็น ทั้งๆ ที่เราเป็นทุกข์อยู่ ทั้งๆ ที่เรากังวลกระวนกะวายอยู่ ขอเพียงแต่เราเชื่อทุกวัน ตื่นนอนตอนเช้าทุกเช้านะครับบอกว่า “ขอบคุณพระเยซู ที่พระองค์ประทานสันติสุขนี้ ให้ข้าพระองค์แล้ว ขอบคุณพระเยซูเอเมน” เชื่ออย่างตายใจ
ทุกวันเราพูดเราอธิษฐานเราบอกพระเยซู เช้า สาย บ่าย เย็น สุดท้ายอีกไม่นานเราจะเห็นว่าสันติสุขนี้จะเคลื่อนไหวเราจะมีประสบการณ์ในสันติสุขนี้ตลอดเวลา เชื่อผมไม่ใช่เชื่อผมอย่างเดียวนะครับ เชื่อพระคำพระเจ้า และผมได้มีประสบการณ์นี้มาตลอด แล้วพี่น้องหลายคนที่ฝึกมาจนถึงจุดที่ได้รับแล้ว เขาอยู่ในสันติสุขทุกวัน ขอบคุณพระเจ้า
อย่าบอกนะครับว่าพี่น้องหลายท่านในที่นี้ ไม่ได้มีประสบการณ์นี้ เอเมนไหม ขณะที่เราเพิ่งพบมานาฯ เราได้รับพระคำล้ำลึกปุ๊บ บางคนอาจจะ 1 เดือน 2 เดือน 3 เดือนหรือ 5-6 เดือนนะครับ ผมรู้ดีว่าเราได้มีประสบการณ์สันติสุขนี้แล้ว ซึ่งเราไม่เคยเจอในศาสนาคริสต์ ตอนที่เราอยู่โบสถ์ ถูกมั้ยครับ
อีกครั้งนะครับขอให้น้องชายแล้วก็พี่น้องทุกท่านที่ยังไม่ได้เข้าสู่สันติสุขทุกวันเวลา ฝึกนะครับ
และอีกเรื่องหนึ่งก็คือ joy ก็คือความชื่นชมยินดี ความดีใจ ความดีใจนี้ก็คือตอนที่เราประสบปัญหา เจอมรสุมชีวิต เจอปัญหาเข้ามาอย่างรีบด่วน เราต้องการสันติสุขหรือความยินดีการยิ้มการหัวเราะอย่างเรียบด่วน หรือ joy หรือ Rejoice ก็คือยิ้มแล้วบอกพระเยซูว่า “ขอบพระคุณพระองค์พระองค์เป็น Rejoice พระองค์เป็น joy เป็นสันติสุขความชื่นชมยินดี ความดีใจของข้าพระองค์เอเมน” ทั้งๆ ที่เราเป็นทุกข์อยู่ แล้วสันติสุขการยิ้มการดีใจอาการนี้ก็จะเกิดขึ้นในเรา
จำได้ไหมเปาโลพูดโดยพระวิญญาณว่า อย่ากระวนกระวายในเรื่องสิ่งใดเลย อย่ากระวนกระวาย อย่าเป็นทุกข์เลย แต่จงชื่นชมยินดีเถิด จงชื่นชมยินดีข้าพเจ้าขอย้ำว่าจงชื่นชมยินดีเถิด (ฟป 4:4) นี่นะครับพระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสผ่านเปาโลเพื่อเตือนพวกเรา ว่าเรามีความชื่นชมยินดีแล้ว เรามีแฮปปี้แล้ว และเราก็มี peace มีความสงบสุขอยู่ภายในเราแล้ว
เพียงแต่ว่าเราเชื่อ เราอธิษฐาน เราบอกพระเยซูและเราบอกเราเองว่า เธอมีแล้วสันติสุขนี้ จากนั้นเราก็จะเห็น เอเมน
“ฟีลิปปี 4:4 จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลา ข้าพเจ้าขอย้ำอีกครั้งว่า จงชื่นชมยินดีเถิด”
สำหรับตาที่ได้เห็น ก็เป็นสุข (มธ 13:16) เราสรรเสริญพระเยซู เราขอบพระคุณพระเจ้าที่เป็นคนนำเรามาถึงความจริงความสว่างของพระองค์
สำหรับคนที่ได้พบพระเยซู ก็คือคริสเตียนทั่วไปทั่วโลก ก็คือได้รับการไถ่ ตายแทนโดยพระเยซู
แต่ยังมีสิ่งที่ดีกว่านั้น ก็คือเมื่อพวกเราได้รู้ว่าพระเยซูคริสต์สถิตอยู่ในพวกเรา และดำเนินชีวิตแทนเรา ก็คือเป็นพระคุณซ้อนพระคุณ สรรเสริญพระเจ้าที่เรามาถึงพระคุณซ้อนพระคุณแล้ว เอเมน
ในท่ามกลางสังคมคริสเตียนที่อยู่อเมริกา คำนี้เป็นคำที่ไม่ใช่คำที่แปลกหรือเป็นสิ่งที่คนทั่วไปจะรับไม่ได้ เขาได้ยินบ่อยมาก แล้วเขาเข้าใจนะครับ แต่ก็อาจจะถูกปิดตาอยู่ ก็คือ Christ live for you , Christ die for you , and Christ live you.
Christ die for you ก็คือพระคริสต์ตายแทนคุณ
Christ live for you ก็คือพระคริสต์เป็นอยู่แทนคุณ
พระองค์ไม่เพียงแต่ตายแทนเราเท่านั้น พระองค์ยังจะเข้ามาและดำเนินชีวิตเป็นอยู่แทนพวกเรา เพราะว่าเราทำดีไม่ได้ เราตกต่ำเราเสื่อมทราม เราเป็นเนื้อหนังที่ตายแล้ว เราสรรเสริญพระเยซูที่พระองค์เป็นพระคุณและเป็นพระคุณซ้อนพระคุณที่อยู่ในเรา
เอเมนพระเยซูสำหรับวันนี้ ขอบพระคุณที่ให้เราเห็นถึงความแตกต่าง ระหว่างศาสนาคริสต์และมนุษย์วิญญาณ บุตรที่รักของพระเจ้า และขอบคุณพระเยซูที่เปิดตาพวกเราให้หายจากอาการตาบอด และเดินในความสว่างของพระองค์ ขอให้ทุกสิ่งเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพี่น้องทุกท่านที่พระองค์เปิดตานำมาถึงพระคำล้ำลึกของพระองค์ ขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์ เอเมนรักพระเยซู