เราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับวันนี้ซึ่งบทเรียนอาจจะสั้น แต่เนื้อความบทความเรื่องราว เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาศึกษาเรียนรู้ค้นหาความจริงกันมากเลยทีเดียว เพราะว่าทุกวันนี้มีการถกเถียงเรื่องพระบัญญัติ ซึ่งเราพบว่าในจดหมายของเปาโลที่เขียนโดยทั่วไปส่วนมากก็จะเป็นเรื่องของการยกเลิกพระบัญญัติเดิม
จนในที่สุดมาถึงกิจการบทที่ 21 ก็คือบทนี้ ต่อไปเราจะเห็นว่าพวกยิวจะข่มเหงจับและอีกไม่นานต่อมาก็จะประหารชีวิตเปาโล ซึ่งข้อหาคดีของท่าน ก็คือเป็นคนพูดเรื่องการยกเลิกไม่นำพาพี่น้องชาวยิวแล้วก็คนต่างชาติให้รักษาพระบัญญัติ ก็คือการยกเลิกพระบัญญัติเดิมนั่นเอง เป็นการพูดที่เด่นชัดมาก ซึ่งทุกวันนี้คริสเตียนก็ถกเถียงกันว่าจดหมายจากเปาโลน่าจะไม่ใช่พระคำพระเจ้าหรือไม่นับเข้าเรียกว่าพระคัมภีร์
แต่สำหรับเรา เราทราบดี เราขอบคุณพระเยซู ในวิญญาณของพวกเรารับรู้ว่าถ้อยคำของเปาโลไม่เคยขัดแย้งกับคำสั่งสอนของพระเยซู และถ้าหากเราได้รับการเปิดตา ได้เข้าใจการยกระดับมาตรฐานของพระบัญญัติโดยพระเยซูในมัทธิวบทที่ 5 บทที่ 6 เราจะพบว่าพระองค์เปลี่ยนแปลงแก้ไข ดัดแปลง ยกระดับ ให้สูงขึ้นจนมนุษย์ทำไม่ได้
แล้วถ้ายกให้สูงขึ้นจนใครทำไม่ได้ แล้วจะให้ใครทำ ก็ขอบคุณพระเจ้าก็คือพระเยซูจะมาทำเอง สรรเสริญพระเยซู เป็นสิ่งที่เป็นพระคุณซ้อนพระคุณ เป็นพระคุณที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับพวกเรา หนังสือมัทธิวพระเยซูประทานพระบัญญัติ แต่หนังสือยอห์นเปิดเผยว่าพระเยซูจะเป็นคนมารักษาในเราเองเพื่อเรา เพราะว่าเราทำไม่ได้ และถ้าหากเราจะรักษาพระบัญญัติเดิม เราก็ทำไม่ได้อยู่ดี
แล้วถ้าหากจะรักษาพระบัญญัติเดิมเราต้องนำสัตว์ นำเครื่องถวายบูชาไถ่บาปมาที่พระวิหาร แต่ตอนนี้ก็คือพระวิหารไม่มีแล้ว ระบบใหม่เปลี่ยนหมดแล้ว ระบบเดิมมันผ่านพ้นไปแล้ว
ก่อนที่ผมจะพูดถึงเรื่องพระบัญญัติต่อนะครับ ผมอยากชวนเราย้อนกลับไปดูเรื่องพระสัญญาที่พระเจ้าให้ไว้กับใครก่อน กับใครทีหลัง แล้วทุกวันนี้คริสเตียนพวกเราอยู่ใต้พระสัญญาอันไหน
สมัยแรกเมื่อก่อนเราพบว่า ก็คือเหตุการณ์หลังจากน้ำท่วมโลก โนอาห์มีบุตรชาย 3 คน เชม ฮาม ยาเฟท ซึ่งอับราฮัมสืบเชื้อสายมาจาก เชม พระเจ้าทรงเรียกบิดาของอับราฮัมให้ออกจากเมืองที่ท่านอยู่ และเดินทางไปยังดินแดนคานาอัน แต่ต่อมาไม่นานบิดาของอับราฮัมเสียชีวิต พระเจ้าจึงเรียกอับราฮัมต่อ นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปฐมกาลบทที่ 11 และบทที่ 12
จากนั้นพระเจ้าสัญญา ขอให้ฟังดีๆ นะครับ มีคำว่าสัญญามาแล้ว the promise พระเจ้าสัญญากับอับราฮัมว่าจะประทานดินแดนคานาอัน และอวยพรท่าน ทั้งลูกหลานของท่าน นี่คือเรียกว่าพระสัญญานิรันดร์ ท่านจะมีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมืองเต็มโลก แล้วก็พระเจ้าจะอวยพรเชื้อสายของท่าน อีกครั้งนะครับนี่คือพระสัญญานิรันดร์
แต่ต่อมาไม่นาน ก็เกิดมีพระสัญญาของพระเจ้าต่อโมเสสและต่อชนชาติอิสราเอล ถามว่าทำไม เนื่องจากว่าอับราฮัมไม่ได้เดินทางเข้าไปอยู่ในดินแดนคานาอัน แต่ปรากฏว่าลูกหลานของอับราฮัมต่อมาก็คือเดินทางไปมา สุดท้ายก็กลายเป็นทาสในประเทศอียิปต์ แล้วพระเจ้าจึงให้โมเสสนำชนชาติอิสราเอลออกมาจากอียิปต์ เพื่อเดินทางไปต่อที่ดินแดนคานาอัน ตามที่พระเจ้าสั่งอับราฮัมให้ไป แล้วทำไม่สำเร็จ
พระเจ้าจึงให้โมเสสเป็นคนนำชนชาติอิสราเอลออกจากอียิปต์เพื่อเดินทางไปอยู่อาศัยที่ดินแดนคานาอัน ซึ่งเป็นดินแดนแห่งพระสัญญา และนี่คือที่มาของการก่อกำเนิด “พระบัญญัติ” ซึ่งเพื่อใช้บังคับชนชาติอิสราเอลชั่วคราว และพระสัญญาของพระเจ้าต่อโมเสสและชนชาติอิสราเอล ก็คือพระสัญญาชั่วคราว เราเข้าใจกันนะครับ เพื่อนำอิสราเอลออกจากอียิปต์และเพื่อเดินทางเข้ามาอยู่ในดินแดนคานาอัน และชั่วคราวนะครับก็คือพวกเขาต้องรักษาพระบัญญัติเพื่อที่จะได้รับพระพรและได้รับความรอด ซึ่งพระบัญญัติก็มี 10 ข้อใหญ่ แล้วก็ 200 กว่าข้อ
การที่จะมีชีวิตดีพระเจ้าอวยพรเรื่องการงาน การเป็นอยู่ ซึ่งตอนที่อาศัยอยู่ในดินแดนคานาอัน เป็นเรื่องของพระสัญญาที่พระเจ้าให้กับโมเสส และพระบัญญัติที่พระเจ้าให้ผ่านโมเสส ขอย้ำนะครับว่านี่คือพระสัญญาและพระบัญญัติชั่วคราว เราพบคำตอบอยู่ที่กาลาเทียบทที่ 3:21
แล้วมาถึงตอนนี้คำถามก็คือ คริสเตียนอยู่ใต้พระสัญญาอันไหนกันแน่ อยู่ใต้พระสัญญาของอับราฮัม หรืออยู่ใต้พระสัญญาของโมเสสที่เป็นพระสัญญาชั่วคราว (พระสัญญานิรันดร์ เอเมน) เราขอบคุณพระเยซูเป็นพระคุณอันล้นเหลือที่วันนี้เราได้มาพบพระเยซู ซึ่งพระองค์นำเอาพระสัญญาของพระเจ้าซึ่งเป็นพระสัญญานิรันดร์ที่พระเจ้าประทานให้อับราฮัม ตกมาถึงพวกเรา พวกเราตอนนี้อยู่ภายใต้พระสัญญานิรันดร์ของอับราฮัม ฮาเลลูยาสรรเสริญพระเจ้า
คือเมื่อพระเยซูเสด็จมา พระองค์นำพระสัญญานิรันดร์ของอับราฮัมมาสู่ผู้เชื่อทุกคน อย่าลืมนะครับผู้เชื่อทุกคนเราอยู่ภายใต้พระสัญญานิรันดร์ เราจึงเป็นลูกหลานของอับราฮัมฝ่ายวิญญาณผ่านพระเยซูคริสต์ เอเมน เราจึงได้เข้าสุหนัตฝ่ายวิญญาณโดยพระเยซูเป็นคนทำเอง เอเมน เราได้รับการยกโทษบาปทั้งสิ้น โดยการถูกนับเข้าไปมีส่วนในการตายถูกฝังและเป็นขึ้นมากับพระเยซู เอเมน
และที่สำคัญที่สุดเราไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ต่างๆ ข้อบังคับที่เมื่อก่อนเราฝืนใจทำ และวันสะบาโตทั้งหลาย ทั้งชีวิตที่อยู่ในเนื้อหนังอาดัม ไม่มีใครมาตัดสินเราอีกแล้วเรื่องการกินดื่ม การถือเทศกาล การถือสะบาโต การถือพระบัญญัติเดิม การถือวันถือเดือนถือปี ไม่มีใครตัดสินเราได้เพราะว่าพระเยซูเป็นคนทำสำเร็จแล้ว เอเมน
(ทั้งหมดนี้อยู่ในโคโลสีบทที่ 2:11-17)
และสุดท้ายขอบคุณพระเจ้า พระบัญญัติของโมเสสกลายเป็นพระบัญญัติของพระคริสต์ และยากมากจนไม่มีใครรักษาได้ ซึ่งผู้ที่จะรักษาก็คือพระคริสต์ที่สถิตอยู่ในเราคนใหม่คนนี้ ข้าพเจ้าถูกตรึงกับพระเยซูคริสต์แล้ว ข้าพเจ้าจึงไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า เอเมนฮาเลลูยา
เราจึงขอบพระคุณพระเจ้า ชีวิตอยู่ใต้พระคุณ ชีวิตที่อยู่ใต้พระสัญญานิรันดร์ของพระเจ้า ก็คือเราอาศัยสิ่งเดียว สิ่งนั้น ก็คือ "ความเชื่อ" เรามองไม่เห็นพระเจ้า เราหาพระเจ้าไม่เจอ ถ้าใช้สายตาอารมณ์ความรู้สึก แต่โดยความเชื่อเราได้เห็นพระเจ้าแน่นอน เอเมน
เราไม่เห็นว่าเราได้บังเกิดใหม่ แต่พระคัมภีร์ พระเจ้าตรัสในพระคัมภีร์บอกว่าเรามันเกิดใหม่แล้ว ทันทีที่เราเชื่อ เมื่อเราเชื่อการบังเกิดใหม่ก็จะเกิดขึ้น เราก็จะได้สัมผัส เอเมน
เราไม่เห็นว่าเราได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ตอนไหน และพระเยซูเสด็จมาสถิตอยู่ในเราตอนไหน พระบิดาพระบุตรและพระวิญญาณอยู่ในเราตอนไหน และทูตสวรรค์อยู่ใกล้ๆ เราอยู่กับเราทุกวันตอนไหน เราไม่เห็น แต่พระคัมภีร์กล่าวไว้ และเราเชื่อเราก็จะได้เห็นความจริงนี้ เอเมน
เราไม่เห็นสันติสุข แต่เราเชื่อว่าเราได้รับ เราก็จะได้สัมผัสสันติสุขเต็มล้น เอเมน
เราไม่เห็นชีวิตใหม่ ชีวิตผู้ชนะ เลิกทำบาปได้ เราไม่เห็นและไม่มีความหวัง แต่เมื่อเราเชื่อว่าเราเป็นผู้ชนะแล้วและสนิทในพระเยซูมากยิ่งขึ้น พระองค์ก็จะทำมากขึ้นมากขึ้นในชีวิตของเราในแต่ละวัน เอเมน
สรุปสิ่งที่สำคัญ ก็คือการอยู่ใต้พระสัญญานิรันดร์ของอับราฮัมที่พระเยซูนำมาสู่พวกเรา การที่จะเข้าไปรับมรดก รับพระพร รับความรอด รับความหวัง รับความสุข ทุกสิ่งที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้ในพระเยซูคริสต์ เราได้รับโดยทางความเชื่อเท่านั้น
ขอบคุณพระเยซูสำหรับพระสัญญานิรันดร์ และขอบคุณพระเยซูที่พระองค์เป็นดินแดนคานาอันที่เราอาศัยอยู่ในตอนนี้ ชีวิตในพระคริสต์คือชีวิตในดินแดนคานาอันที่พระเจ้าสัญญานั่นเอง ฮาเลลูยา
เราจะเอเมนไปพร้อมกันนะครับ ขอบคุณพระเยซูที่พระบัญญัติเดิมไม่มีอีกแล้ว และเราเองไม่ต้องรักษาพระบัญญัติเดิมพระบัญญัติใหม่ ไม่ต้องรักษา เพราะว่าพระเยซูรักษาแทนเรา
ทำไมพระบัญญัติเดิมพระเยซูจึงทำให้มันจบสิ้นลง เพราะว่า..
ข้อแรก พระบัญญัติเดิมอ่อนแอ เอเมน
ต่อมา เพราะว่าพระบัญญัติเดิมไม่มีประโยชน์อะไร เพียงมีแต่ฆ่าเราทำลายเราลงโทษเราตีเรา เอเมน
และขอบคุณพระเจ้าเพราะว่าพระบัญญัติเดิมไม่ครบถ้วนสมบูรณ์แบบต้องถูกยกระดับขึ้น เอเมน
และขอบคุณพระเจ้าพระบัญญัติเดิมคือไม่อาจให้ชีวิตแก่เราได้ แต่พระคริสต์ให้ชีวิตเราได้เต็มล้นครบบริบูรณ์ เอเมน
และขอบคุณพระเจ้าเราไม่ต้องอยู่ใต้พระบัญญัติเดิมเพราะว่าพระบัญญัติเดิมมาเพื่อที่จะฆ่าเรา ประหารชีวิตเรา ลงโทษเราเท่านั้น แต่พระคุณประทานชีวิตให้เรา อวยพรเรา นำสันติสุขมาแก่เรา เอเมน
และขอบคุณพระเจ้าเราพบความจริงแล้วก็คือพระบัญญัติเดิมมีหน้าที่ควบคุมชาวยิวเอาไว้ชั่วคราวเท่านั้น ไม่มีหน้าที่ไม่มีบทบาทสำหรับชีวิตคริสเตียนทุกวันนี้ เอเมน
เอเมนพระเยซูพวกเรารักพระองค์ที่ได้พบความจริง และพบพระองค์ และอยู่ในชีวิตที่อยู่ในดินแดนคานาอันที่พระองค์เป็นดินแดนนั้น ซึ่งเต็มด้วยหญ้าเขียวสด อาหารมากมาย น้ำผึ้ง น้ำนม ทุกสิ่งที่พวกเราต้องการจะกินดื่มเพื่อชีวิตนี้จะเติบโตสู่ลักษณะของพระเจ้า เอเมน
เรื่องพระสัญญาและพระบัญญัติถ้าหากเราเข้าใจในสิ่งนี้ ก็คือสิ่งที่ผมได้พูดไปแล้ว ก็จะไม่มีการถกเถียง เราก็จะไม่ต้องข้องใจอีกว่าตกลงเราอยู่ภายใต้พระสัญญาของใครกันแน่ เพราะว่าทุกวันนี้คริสเตียนหลายคนบอกว่า อาจจะอยู่ภายใต้พระสัญญาของโมเสส ซึ่งพระบัญญัติเดิมไม่เคยถูกลบล้างพระเยซูตรัสเอง แต่ปรากฏว่าบางคนก็บอกว่า เราอาจจะอยู่ภายใต้พระสัญญาของอับราฮัม แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจชัดเจน ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะว่า “มันเป็นเรื่องของตา”
การได้รับการเปิดตา เป็นสิ่งที่คริสเตียนควรจะได้รับ เพราะว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ตาเป็นความสว่างของร่างกาย ถ้าหากตาบอดหรือไม่เห็นอะไร ชีวิตก็ไม่มีความหมาย เดินไปก็จะชนนู่นชนนี่ แล้วก็ไม่เห็นทางที่จะเดินไป มันจะมืดมากสักแค่ไหนพระเยซูตรัสเอง
“มัทธิว 6:22 ตาเป็นประทีปของร่างกาย เหตุฉะนั้นถ้าตาของท่านดี ทั้งตัวก็จะเต็มไปด้วยความสว่าง”
แต่วันนี้ขอบคุณพระเจ้าตาเราสว่างแล้ว ตาเราหายบอดแล้ว เพราะว่าพระองค์นำยาหยอดตามา เพื่อทำให้เราตาหายดี และได้เห็นความจริงแห่งพระคำของพระเจ้า สรรเสริญพระเยซู
ถาม.
ขอถามอาจารย์หน่อยครับ คือคำว่าพระสัญญาและพระบัญญัติ ความหมายอันเดียวกันไหมครับ
ตอบ.
สำหรับพระสัญญาและพระบัญญัติ เป็นคนละเรื่องกันนะครับ เป็นคนละความหมาย
- พระสัญญา ก็คือเมื่อพระเจ้าเรียกใคร พระองค์ก็จะมีสัญญา ทำสัญญากับคนนั้น เราสังเกตนะครับเมื่อพระเจ้าเรียกอับราฮัม พระองค์บอกว่าจงไปดินแดนคานาอันเราจะให้เจ้าแผ่นดินนั้นและให้เจ้ามีชีวิตที่ดีขึ้น ได้รับดินแดนเรียกว่าดินแดนแห่งพระสัญญา และอวยพรให้ดินแดนนั้นมีน้ำนม มีอาหาร มีผลไม้ มีข้าว ทุกสิ่งเกิดผลมากมาย นี่คือสัญญาที่พระองค์ให้เมื่อพระองค์เรียก
- พระบัญญัติ ส่วนพระบัญญัติ บัญญัติก็คือ law กฎเกณฑ์ ก็คือข้อบังคับ ก่อนที่เราจะได้รับอะไรจากพระเจ้า รับพระพรจากพระเจ้า รับความรอดจากพระเจ้า ก็คือเราต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อให้พระเจ้าพอพระทัย ซึ่งพระเจ้าเองก็จะเป็นคนบอกเราว่า เราให้เจ้าพระบัญญัติ 10 ประการ มีกฎ 10 ข้อที่ต้องทำ อันนี้เรียกว่าพระบัญญัติครับ
ส่วนพระสัญญา ก็คือคำสัญญา คำมั่นสัญญา ก็คือ promise ถ้าจะพูดเป็นภาษาอังกฤษพระสัญญาก็คือ the promise ก็คือคำสัญญาว่าจะให้นุ่นนี่นั่น
ส่วนเรื่องพระบัญญัติ ก็คือ law , law ก็คือกฎเกณฑ์ กฎหมายข้อบังคับ ซึ่งเราต้องทำเพื่อที่จะได้รับจากคำสัญญาของพระเจ้า
สำหรับประเทศอเมริกานะครับก็คือทุกๆ ปีเขาจะมี Project ที่เรียกว่าวีซ่าลอตเตอรี่ใช่มั้ย คือให้โอกาสคนทั่วโลกได้มีโอกาสเข้าไปอาศัยเป็นพลเมืองของประเทศอเมริกา เขาสัญญาแบบนี้นะครับว่าต้องผ่านข้อแม้อะไรบ้างกี่ข้อ ก็คือต้องเรียนจบอะไร ต้องเป็นแบบไหน ลักษณะไหน ซึ่งเขาให้คำสัญญา แล้วเราผ่านนะครับ เราได้เข้าไป เมื่อเข้าไปนะครับราษฎรประชาชนอเมริกันก็คือเขาอยู่ภายใต้กฎหมายของประเทศอเมริกา ไม่ใช่ว่าเข้าไปแล้วอยู่ยังไงก็ได้ ทำอะไรก็ได้ ไปขโมยของใครก็ได้ เป็นแบบไหนก็ได้ ตามใจ อยู่ตามสบาย ไม่นะครับ
ทุกประเทศต่างก็มีกฎหมาย ซึ่งคำสัญญาของอเมริกานะครับก็คือคุณเข้าไปอยู่ได้ เราให้คุณเข้าไปอาศัยอยู่ปีละกี่หมื่นคนทั่วโลกก็คือเข้าไปได้ แต่เมื่อคุณเข้ามาอยากมีชีวิตที่ดี อยากอยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาล ก็คือต้องรักษากฎหมายกฎเกณฑ์ ซึ่งนั่นก็ไม่ต่างไปจากพระบัญญัตินั่นเอง เอเมน
...
ถาม.
เรื่องราวก็คือพระเจ้าประทานพระสัญญาให้อับราฮัมและลูกหลาน และต่อมาอับราฮัมมีลูกหลานแล้วก็ได้เข้าไปอยู่ในแผ่นดินพันธสัญญา และพระเจ้าก็ให้พระบัญญัติเพราะว่าลูกหลานของอับราฮัมเนี่ยทำความผิดความบาปหรือว่าไม่มีชีวิตเป็นที่ชอบพระทัยของพระเจ้าได้ พระเจ้าก็เลยให้กฎเกณฑ์เพื่อที่จะอวยพรให้เขา พระบัญญัติเป็นสิ่งที่ชั่วคราวควบคุมเฉพาะชาวยิวเพื่อที่จะได้พระสัญญา
แต่ว่าพระสัญญาที่ให้กับอับราฮัมเป็นพระสัญญานิรันดร์ ยกเลิกไม่ได้ แต่ต่อมาข้อกฎเกณฑ์เนี่ยยกเลิกเพื่อที่จะให้คนทั้งโลกได้รับพระสัญญาของพระเจ้าและพระคุณของพระเจ้า ก็มาถึงพวกเราใช่ไหมครับ คือเรื่องราวเป็นแบบนี้ใช่ไหมครับ
ตอบ.
สำหรับพระสัญญานิรันดร์ คือพระเจ้าจัดเตรียมไว้แล้ว แต่พระเจ้ายังไม่ประทานพระบัญญัติเนื่องจากว่าอับราฮัมและลูกหลาน ก็คือมีไม่กี่คนตอนนั้น ซึ่งพระเจ้าสัญญาไว้แล้วนะครับแต่ยังไม่ให้พระบัญญัติยังไม่ให้กฎหมาย
แล้วต่อมาเราสังเกตดูนะครับถ้าหากพี่น้องได้อ่านปฐมกาลเราจะพบว่าอับราฮัมเนี่ยแทนที่จะเดินตรงไป เดินทางตรงไปที่ดินแดนคานาอันซึ่งไม่ไกลเท่าไหร่ แต่เราเห็นนะครับว่าหลักฐานบอก ก็คืออับราฮัมเนี่ยเดินทางไปทั่ว เดินไปหลายๆ เมืองเดินไปหลายประเทศหลายอาณาจักร ก็เดินทางไปเรื่อยๆ ซึ่งแทนที่จะเดินทางเข้าไปอยู่ในดินแดนคานาอัน แต่ท่านไม่ยอมไป
นี่คือสาเหตุที่เขาไม่ได้รับดินแดนคานาอัน และสุดท้ายยังไม่พอนะครับ ก็คือลูกหลานของอับราฮัมไปจบชีวิตอยู่ที่อียิปต์ และก็มาไม่นานก็เป็นทาสของประเทศอียิปต์
และพระสัญญาที่พระองค์ให้กับโมเสส ที่เรียกว่าพระสัญญาชั่วคราว ก็คือให้นำชนชาติอิสราเอลออกจากอียิปต์ก่อน แล้วไปตั้งถิ่นอาศัยอยู่ในดินแดนคานาอันซึ่งรอให้พระสัญญานิรันดร์จะมา ก็คือให้ชั่วคราว การให้ชั่วคราวของพระเจ้าเราพบว่าเป็นการให้ที่แบบไม่หนักเกินไปไม่ยากเกินไป
ถ้าบังคับใจหรือถ้ากัดฟันสู้รักษาพระบัญญัติก็อาจจะพอทำได้ ซึ่งเป็นเรื่องของการกระทำที่แสดงออกที่กระทำออกมา แต่ความคิดที่ผิดบาปความคิดชั่วในใจ ก็คือพระเจ้าไม่เอาโทษ อันนี้เรียกว่าพระสัญญาชั่วคราวและพระบัญญัติชั่วคราว จนกว่าพระเยซูเสด็จมา พระสัญญานิรันดร์จึงมาถึงพวกเรา และพระบัญญัตินิรันดร์ก็มาถึงพวกเรา
แต่พระบัญญัตินิรันดร์อย่าลืมนะครับว่าเราไม่ใช่เป็นคนรักษา ก็คือพระเจ้าเป็นคนรักษาให้เรา ก็คือพระเจ้าประทานชีวิตของพระองค์เองเข้ามาอยู่ในเราเป็นตัวตนเพื่ออยู่กับเราสองคนในร่างเดียว และพระองค์จะสำแดงพระองค์ให้โลกให้จักรวาลให้มนุษย์เห็นพระองค์ เราเองก็จะได้รับบำเหน็จที่ร่วมมือกับพระเจ้า
เรื่องพระสัญญาใหม่ พระสัญญาเดิม พระบัญญัติใหม่และพระบัญญัติเดิม เราจะพบคำตอบที่ชัดเจนมากในหนังสือกาลาเทีย
ถาม.
ผมมีคำถาม 3 ข้อครับอาจารย์
คำถามข้อที่ 1 นี้คือพันธสัญญานิรันดร์ที่อยู่ในปฐมกาลบทที่ 17 ที่มีมาก่อนพระบัญญัติครับสมัยโมเสสครับ พระเจ้าสั่งให้อับราฮัมเข้าสุหนัต เป็นการเข้าสุหนัตฝ่ายเนื้อหนังอย่างเดียว หรือหมายถึงการเข้าสุหนัตฝ่ายวิญญาณด้วยครับ อันนี้คือข้อ 1 นะครับ
ตอบ.
ในปฐมกาลบทที่ 11-12 แล้วบทต่อๆ ไปจะพูดถึงเรื่องการเข้าสุหนัตของอับราฮัม ตอนนั้นก็คือพระเจ้าเน้นว่าพระเจ้าจะให้เขาเข้าสุหนัต แล้วหลังจากนั้นก็จะนำเข้าสู่ดินแดนคานาอัน ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลเรียกว่าฝ่ายร่างกาย แต่โดยความผิดพลาดของอับราฮัม โดยสิ่งที่อับราฮัมทำ ก็คือพลาดเป้าที่พระเจ้าวางไว้ให้เขาเดิน ก็คือเขาไม่ได้เดินเข้าไปอยู่ในดินแดนคานาอัน เขาเดินวนไปวนมาสุดท้ายก็เป็นทาสในอียิปต์ ซึ่งเหล่านี้เราจึงพบว่าพระเยซูเป็นคนมาแก้ พระเยซูเป็นคนมาทำ แต่ไม่ได้ทำฝ่ายร่างกายอีกต่อไป พระองค์ทำฝ่ายวิญญาณ ทุกสิ่งกลายเป็นฝ่ายวิญญาณทั้งหมด
ซึ่งโคโลสีบทที่ 2 ถ้าไปอ่านจะพบว่าเราทั้งหลายตอนนี้จึงไม่ได้เข้าสุหนัตฝ่ายร่างกาย แต่เข้าสุหนัตฝ่ายวิญญาณ และคนที่ทำให้เรา ก็คือพระเยซูเองเป็นคนทำ โดยที่พระองค์นำเราเข้าไปมีส่วนในการตายถูกฝังและเป็นขึ้นมาพร้อมกับพระองค์ นี่คือการเข้าสุหนัตของพระเยซูที่ทำกับเรา เอเมน
โคโลสี 2:11-17
“11 ในพระองค์นั้น ท่านได้รับเข้าสุหนัต ซึ่งเป็นการเข้าสุหนัตที่มือมนุษย์มิได้กระทำ โดยที่ท่านได้สละกายแห่งความบาปของเนื้อหนังเสีย โดยการเข้าสุหนัตแห่งพระคริสต์
12 ได้ถูกฝังไว้กับพระองค์ในบัพติศมา ซึ่งท่านได้เป็นขึ้นมากับพระองค์ด้วย โดยความเชื่อในการกระทำของพระเจ้า ผู้ได้ทรงบันดาลให้พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตาย
13 และท่านที่ตายแล้วด้วยความบาปทั้งหลายของท่านและด้วยเหตุที่เนื้อหนังของท่านมิได้เข้าสุหนัต พระองค์ได้ทรงให้ท่านมีชีวิตด้วยกันกับพระองค์และทรงโปรดยกโทษการละเมิดทั้งหลายของท่าน
14 พระองค์ทรงลบกรมธรรม์ในข้อบัญญัติต่างๆ ที่ต่อต้านเราอยู่ ซึ่งขัดขวางเราและได้ทรงหยิบเอาไปเสียให้พ้น โดยทรงตรึงไว้ที่กางเขนของพระองค์
15 พระองค์ทรงปลดเทพผู้ครองและศักดิเทพเสีย พระองค์ได้ทรงประจานเขาและชนะเขาโดยกางเขนนั้น
16 เหตุฉะนั้นอย่าให้ผู้ใดพิพากษาปรักปรำท่านในเรื่องการกินการดื่ม ในเรื่องการถือเทศกาล วันต้นเดือน หรือวันสะบาโต
17 สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเงาของเหตุการณ์ที่จะมีมาในภายหลัง แต่กายนั้นเป็นของพระคริสต์”
เราเป็นลูกหลานของอับราฮัม ซึ่งเราควรจะเป็นลูกหลานฝ่ายร่างกาย แต่ปรากฏว่าตอนนี้ทุกสิ่งกลับกลายมาเป็นฝ่ายวิญญาณแล้ว โดยพระเยซูเป็นคนทำ อย่าลืมนะครับ เเม้แต่อิสราเอลเองเขามีความหวังว่าพระเยซูจะมาเป็นกษัตริย์ที่เป็นมนุษย์เป็นฝ่ายร่างกายเพื่อปกครองเพื่อยึดอำนาจคืนมาจากอาณาจักรโรมัน แต่รู้ไหมครับว่าพระเยซูบอกว่าเราไม่ได้มาทำแบบนั้น
แต่เรามาเพื่อเป็นกษัตริย์ในหัวใจของท่าน และอาณาจักรของเรา ก็คืออาณาจักรสวรรค์ที่จะมาในยุคต่อไป ทุกสิ่งมันเปลี่ยนไปแล้ว คานาอันที่แท้จริงที่เป็นฝ่ายโลกนี้ ก็คือยุคพันปีที่กำลังจะมาที่พระองค์จัดเตรียมไว้
...
ถาม.
ขอขยายความตรงนี้หน่อยครับที่พระเยซูเข้าสุหนัต ฝ่ายวิญญาณให้เราแล้วหรอครับ
ตอบ.
เราไปอ่านดูนะครับ โคโลสี บทที่ 2:11-17 เราเข้าสุหนัตแล้วโดยมือของพระเยซู ไม่ใช่มือของมนุษย์นะครับ ขอบคุณพระเจ้า
สำหรับชาวยิวนะครับ ลูกหลานของอับราฮัมทั้งหลายเขาเข้าสุหนัตใช่ไหม แต่เรามาดูชีวิตของชาวยิวนะครับ เป็นชนชาติที่หยิ่งผยองพองตัวมาก (prideful) และเป็นเชื้อชาติที่อวดดีอวดเก่งอวดฉลาดมากๆ แล้วเป็นเชื้อชาติที่เต็มด้วยกิเลสตัณหาโลภโกรธหลง ขอโทษนะครับขอพูดคำนี้ ซึ่งต่อมาพระเจ้าเกลียดชังเขามาก ใช่พระเจ้าเลือกเขา แต่เขาใช้ชีวิตที่น่าขยะแขยงสำหรับพระเจ้า
จนสุดท้ายพวกเขาเองนั่นแหละที่เป็นคนถุยน้ำลาย เป็นคนดูถูกเหยียดหยาม เฆี่ยนตีตบตีพระเยซู ซึ่งเป็นพระเจ้าเองที่ลงมาหาพวกเขา เป็นการทรยศครั้งใหญ่มาก มันจะมีความหมายอะไรที่เราเข้าสุหนัตฝ่ายร่างกายแล้วทำแบบนี้ เอเมนมั้ยครับ
ทุกวันนี้นะครับ คริสเตียนแสวงหาการเข้าสุหนัต มีหลายคณะนิกายที่บอกว่าเราต้องเข้าสุหนัตเพื่อรับพระสัญญาของอับราฮัม แต่ความจริงก็คือเมื่อเข้าสุหนัตแล้ว ไปทำแล้ว ปรากฏว่าชีวิตใส่หน้ากากเหมือนเดิม ชีวิตอยู่ในกิเลสตัณหาโลภโกรธหลงเหมือนเดิม ชีวิตน่าซื่อใจคด ขึ้นๆ ลงๆ สุขทุกข์ดีบาปเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แล้วการเข้าสุหนัตเนี่ยจะช่วยอะไรเรา
แต่ขอบคุณพระเจ้าวันนี้ เราผู้เชื่อทั้งหลายเข้าสุหนัตโดยมือของพระเยซู ไม่ใช่มือมนุษย์ ฮาเลลูยาสรรเสริญพระเจ้า
...
ถาม.
โคโลสีบทที่ 2 เมื่อกี้นี้คือเป็นการเข้าสุหนัตฝ่ายเนื้อหนังและฝ่ายวิญญาณ พร้อมกันหรือเปล่าครับ
ตอบ.
ไม่นะครับไม่ เป็นเรื่องของฝ่ายวิญญาณนะครับ เรากลับไปอ่านดูดีๆ นะครับ จะพบว่าพระเยซูไม่สนับสนุน พระเยซูไม่เคยสั่งและจะไม่ทำให้เราเข้าสุหนัตฝ่ายเนื้อหนังอีกแล้ว
...
ถาม.
เพื่อจะสอดคล้องกับปฐมกาลบทที่ 17 ที่พระเจ้าสั่งให้เข้าสุหนัตฝ่ายเนื้อหนังครับ
ตอบ.
คืออย่าลืมว่าพระสัญญาของพระเจ้าที่มีต่ออับราฮัมในสมัยนั้นก็คือฝ่ายร่างกายก่อน ฝ่ายร่างกายก่อน
แล้วตอนนี้ก็คือพระเยซูนำพระสัญญานั้นมา แล้วพระเยซูทำให้ทุกสิ่งเปลี่ยนไปเป็นฝ่ายวิญญาณ
ถ้าสมมุติว่าเราต้องเข้าสุหนัตฝ่ายร่างกาย แล้วเราจะไปอยู่ในดินแดนคานาอันไหม มีใครบ้างที่จะไปประเทศอิสราเอล มีใครจะไปอยู่ที่นั่นไหมตอนนี้ ซึ่งมันกำลังเกิดสงครามรุนแรงมาก ไปสิครับ เพราะว่านั่นคือดินแดนแห่งพระสัญญาของพระเจ้าต่ออับราฮัม ถ้าหากเราไม่เข้าใจฝ่ายวิญญาณ ไปเลยครับ ถ้าใครอยากไปอยู่ ไปตายนะครับ
ถ้าเราจะเน้นเรื่องฝ่ายร่างกายอย่างเดียว แล้วเราจะเข้าสุหนัต เราก็ต้องไปเป็นยิวสิครับ แล้วอีกอย่างเราก็ต้องไปอยู่ในดินแดนคานาอันที่พระเจ้าสัญญาไว้ แล้วทำไมทุกวันนี้คริสเตียนส่วนมากเขาเข้าสุหนัตแล้วไม่ไป ต้องไปสิครับจะได้ถูกต้องตามพระคัมภีร์ปฐมกาล เพราะว่าพระเจ้าสัญญาลูกหลานของพระเจ้าต้องอยู่ที่ดินแดนคานาอันเท่านั้น แล้วทำไมทุกวันนี้เราอยู่เมืองไทย เราอยู่อเมริกา เราอยู่หลายๆ ที่ ใช่ไหมครับผมพูดมีเหตุผลไหม
...
ถาม.
แล้วคานาอันนี้คือที่ประเทศไหนครับตอนนี้
ตอบ.
ประเทศอิสราเอลครับผม แถบๆ นั้น ล้อมรอบแถบๆ บริเวณนั้น อิสราเอลเเล้วก็มีหลายประเทศที่อยู่รอบๆ เรียกว่าดินแดนคานาอัน
เราขอบคุณพระเจ้านะครับในพระคัมภีร์ พระเจ้าตรัส ทุกวันนี้ผ่านเปาโลเราเชื่อ แล้วพระเยซูเป็นคนตรัสเราเชื่อ ซึ่งพระคัมภีร์ใหม่เราเชื่อว่าพระเจ้าดลใจให้ผู้เขียนเขียนโดยการดลใจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งดินแดนคานาอันทุกวันนี้ก็คือพระคริสต์ ชีวิตในพระคริสต์ก็คือชีวิตในดินแดนคานาอันนั่นเอง และคานาอันที่จะมาอย่างแท้จริงก็คืออาณาจักรพันปี ก็คือปรากฏเลย ขอบคุณพระเยซู
...
ถาม.
คำถามข้อที่ 2 คือเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเราเข้าสุหนัตฝ่ายวิญญาณแล้ว
ตอบ.
อันนี้ตอบง่ายมาก ขอบคุณพระเยซูนะครับในหนังสือที่เปาโลเขียนโดยพระวิญญาณ โดยเฉพาะโรมบ้าง โคโลสีบ้าง กาลาเทียบ้าง มีหลายๆ ข้อที่พูดถึง
เราได้มีส่วนตายกับพระเยซู เอเมนไหมครับ
และเราได้มีส่วนถูกฝังกับพระเยซูแล้ว เอเมนไหมครับ
และเรามีส่วนเป็นขึ้นมาจากความตายกับพระเยซูแล้ว เอเมนไหมครับ
ซึ่งถ้าหากเราเชื่อ เราเชื่อ 3 สิ่งนี้ เรานับทุกวันว่าเราตาย และถูกฝัง และเป็นขึ้นมาใหม่ ดำเนินชีวิตด้วยคนใหม่ นี่คือการใช้ชีวิตของคริสเตียนผู้ที่เข้าสุหนัตอย่างแท้จริง โดยมือของพระคริสต์เป็นคนทำ
เราจะรู้ได้ยังไงว่าเราเข้าสุหนัตโดยพระเยซูทำ เรารู้เพราะว่าเราเชื่อว่าเราตาย เราถูกฝัง และเราเป็นขึ้นมา ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตใหม่และชีวิตใหม่นี้พระเยซูเป็นคนขับเคลื่อนไป นี่คือการเข้าสุหนัตที่แท้จริง
...
ถาม.
คำถามข้อที่ 3 เงื่อนไขของการเข้าสุหนัตฝ่ายวิญญาณคืออะไร
ตอบ.
เงื่อนไขของการเข้าสุหนัตฝ่ายวิญญาณ เชื่อเท่านั้น เชื่อพระเยซูว่าพระองค์เป็นพระเจ้า และเชื่อว่าพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระองค์ตายไถ่บาปของเราทั้งหมด แค่นี้ครับเงื่อนไข เอเมน
อย่าลืมนะครับคริสเตียนทุกคนพอเราเชื่อ พระเจ้าก็นับเราเข้าไปมีส่วนในการตายกับพระเยซู พอเราเชื่อพระเจ้าก็นับเราเข้าไปมีส่วนในการถูกฝังกับพระเยซู และพอเราเชื่อพระเจ้าก็นับเราให้มีส่วนเป็นขึ้นมาจากความตาย โรมบทที่ 6:3-4 เอเมน
“โรม 6:3 ท่านไม่รู้หรือว่าเราทั้งหลายที่ได้รับบัพติศมาเข้าในพระเยซูคริสต์ก็ได้รับบัพติศมานั้นเข้าในความตายของพระองค์
6:4 เหตุฉะนั้นเราจึงถูกฝังไว้กับพระองค์แล้วโดยการรับบัพติศมาเข้าส่วนในความตายนั้นเหมือนกับที่พระคริสต์ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตายโดยเดชพระรัศมีของพระบิดาอย่างไร เราก็จะได้ดำเนินตามชีวิตใหม่ด้วยอย่างนั้น”
...
ถาม.
เมื่อกี้ข้อ 2 เชื่อว่าตาย แล้วก็ฝัง แล้วก็เป็นขึ้น พร้อมกับพระองค์นี้คือเป็นการเข้าสุหนัต เหมือนกับทั้งฝ่ายเนื้อหนังแล้วก็ฝ่ายวิญญาณด้วย ใช่ไหมครับ
ตอบ.
ฝ่ายวิญญาณเท่านั้นครับผม อย่าลืมทุกวันนี้ชีวิตคริสเตียน เรียกว่าชีวิตฝ่ายวิญญาณ ชีวิตคริสเตียนทุกวันนี้เดินในพระวิญญาณ ชีวิตคริสเตียนทุกวันนี้ดำเนินชีวิตอยู่ในพระวิญญาณ
We live in the spirit, We walk in the spirit, We pray in the spirit, We worship in the spirit, We Soap in the spirit
เราทำทุกสิ่ง เรานมัสการพระเจ้า ดำเนินชีวิต เราอธิษฐาน เราให้ เราใช้ชีวิตอยู่ ทุกสิ่งเป็นฝ่ายวิญญาณทั้งนั้น ไม่มีฝ่ายร่างกาย ไม่มีเอเมน
เราเริ่มจากชีวิตของเรานะครับ การเริ่มต้นของชีวิตคริสเตียนพวกเรา ก็คือเริ่มเข้าสุหนัตที่พระเยซูเป็นคนทำเอง ก็คือเมื่อเราเชื่อปุ๊บพระเยซูจะมาหาเรา และนับเรา บอกว่าคนนี้ได้ตายที่กางเขน ได้ถูกฝัง และเป็นขึ้นมาร่วมกับเราแล้ว เราพอใจเขา
ถ้าไม่พอใจนะครับพระเจ้าจะไม่บอกว่าเราได้กลายเป็นคนชอบธรรมแล้ว ความชอบธรรมของเรานะครับเท่าเทียมกับชาวยิวที่เคร่งศาสนา พระเจ้ามองเราเป็นคนบริสุทธิ์ บริสุทธิ์มากๆ เท่ากับพระเจ้าเลย เพราะว่าความบริสุทธิ์นี้พระเยซูเป็นคนให้เรา ความชอบธรรมพระเยซูเป็นคนให้เรา สรรเสริญพระเจ้าไม่มีอะไรที่น่ายินดีไปมากกว่านี้ ขอบคุณพระเยซู
สำหรับผมนะครับผมขอบคุณพระเจ้า แล้วก็ขอบคุณน้องชายที่เปิดใจที่ถ่อมใจ ซึ่งมีหลายอย่างที่เราคุยกันไปกันมา ซึ่งก็ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์อยู่ร่วมกับพวกเรา แล้วก็ยิ่งถ่อมใจและเปิดใจมากเท่าไหร่ ความจริงก็จะปรากฏ เอเมน
มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมเพิ่งนึกได้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเรียกชื่อของพระเจ้า หรือเรียกพระนามร้องออกพระนามพระเจ้า น้องชายไม่ใช่คนแรกที่ทำแบบนี้หรือพี่น้องอีกหลายๆ ท่านนะครับ ผมเองก็เคยเป็น ซึ่งตอนแรกๆ ก็เรียกว่าเยซู แต่อยู่อเมริกาก็เรียกว่า Jesus พอมีบางกลุ่มบางคนมาแนะนำว่าเนี่ยคุณพูดชื่อพระเจ้าไม่ถูกนะ ถ้าพูดชื่อพระเจ้าไม่ถูกเนี่ยก็อาจจะกลายเป็นเรียกว่าไปเรียกพระเจ้าอื่น พระอื่น แล้วพระเจ้าก็จะไม่ได้ยิน
ผมก็เลยมานึกนะครับว่า เออ น่าจะใช่ ก็เลยไปหาเรียนรู้จากยูทูปบ้างจากอาจารย์หลายท่านบ้าง ว่าเราควรเรียกพระเจ้ายังไงถึงจะถูก ก็เลยได้ไปพบคำว่า อีชูอะ ซึ่งหลายคนเรียกคำนี้แทนคำว่าเยซูหรือจีซัส
แต่ต่อมาอีกไม่นานผมกลับไม่คุ้น ไม่คุ้นเคยนะครับเราก็รู้สึกว่าภายในต่อต้าน ต่อสู้ แล้วมีความคิดหนึ่งที่โผล่ขึ้นมาบอกว่า ขอแค่เรานึกได้ว่าคนที่เราเรียกเนี่ยก็คือคนที่อยู่เบื้องบนเป็นพระเจ้าองค์สูงสุด แล้วเป็นคนเดียวที่เสด็จลงมา เป็นคนเดียวกันกับผู้ที่เสด็จลงมาตายเพื่อไถ่บาปมนุษย์ทั้งหลายเมื่อ 2,000 ปีก่อน
อาจจะเรียกเพี้ยนบ้าง อาจจะเรียกไม่ตรงบ้าง หรือแม้แต่บางคนนะครับที่เรียกว่า พระเจ้าพระผู้ที่เราไม่รู้จัก พระองค์ก็ยังตอบเลย ใช่ไหม. ผมจึงกลับมาเรียก Jesus แล้วก็บางครั้งถ้าเป็นภาษาไทยก็คือ พระเยซู ก็แค่นี้นะครับ แต่รู้ไหมครับคือพระเจ้าก็ตอบผม แล้วพระเจ้าก็อยู่ด้วย พระเจ้าก็สัมผัส สันติสุขก็เต็มล้น เดินไปกับพระเจ้าในแต่ละวัน คือมันมีความสุขมาก
แล้วถามว่าพระอื่นไหมที่เป็นคนมาสนับสนุนแล้วก็อยู่เบื้องหลัง ทำให้ชีวิตผมเดินได้กับพระเจ้าถึงขนาดนี้ ผมว่าไม่น่ะ ก็คือพระเยซูนั่นแหละ ก็คืออีชูอะนั่นแหละ แต่เราจะเรียกยังไง พระเจ้าเข้าใจเราว่ามันมีการผิดเพี้ยน มีการออกชื่อออกนามที่ไม่ตรง เนื่องจากการเขียนแล้วก็เสียง Essence ของแต่ละชาติแต่ละประเทศ แต่ไม่สำคัญนะครับ ถึงแม้ว่าเราจะเรียกพระองค์ว่าพระเจ้า พระผู้ที่เราไม่รู้จัก พระองค์ก็ยังตอบ พระองค์ก็ยังอยู่ด้วย พระองค์ก็ยังทำงานได้
เพราะฉะนั้นเรียกอะไรได้เรียกนะครับ ไม่ผิดไม่ใช่เรื่องใหญ่ พระเจ้าของเราไม่ใช่พระเจ้าที่แบบเอาเรื่องหรือใส่ใจเรื่องหยุมหยิม ไม่ครับ ก็คือพระองค์รู้ดีว่าเราเรียกร้องหาพระองค์ ขอย้ำนะครับขอเพียงแต่เรามั่นใจว่าเราเรียกร้องหาพระเจ้าผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งปวงผู้สร้างจักรวาลและพระองค์นี้เป็นผู้ที่เสด็จลงมาตายเพื่อไถ่บาปเราทั้งหลายเมื่อ 2,000 ปีก่อน แค่นี้จบเอเมน
แต่มีบางกลุ่มบางคนใส่ใจกันมาก ต้องเรียกให้มันถูก ต้องเรียกให้ตรง อีชูอะ คือพูดออกมาแบบน้ำเสียงไปฝึกน้ำเสียงให้มันเหมือนคนแขกเหมือนอิสราเอลเหมือนยิว
แต่สำหรับผม ผมเห็นว่าขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์เข้าใจเรา ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์เข้าใจเรื่องภาษา เรื่องการออกเสียง เรื่องสำเนียงที่มันเปลี่ยนไปมันผิดเพี้ยนไป แต่เรารู้ดีว่าพระเจ้าองค์นี้เป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ผู้สูงสุด ผู้สร้างจักรวาล สร้างสรรพสิ่งทั้งปวง และพระองค์เดียวนี่แหละที่ลงมาตายเพื่อไถ่บาปโลกทั้งหลายเมื่อสองพันปีก่อน ขอบคุณพระเยซู
เพราะฉะนั้นน้องชายไม่ต้องคิดมากเรื่องพระนามพระเจ้าเรื่องอะไรเรื่องศัพท์เดิมภาษาเดิมอะไร ไม่ต้องไปใส่ใจมากเกินไป แต่สิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เราใส่ใจมาก ก็คือการบอกรักพระเยซู I love you Jesus / I love you เยซู / I love you อีชูอะ ยังไงก็แล้วแต่ ขอให้มีคำว่า I love you เพราะว่าคริสเตียนพวกเราทุกวันนี้อยู่เพื่อ บอกรักพระเจ้า เพื่อรักพระเจ้า และรักกันและกัน
ถ้าผมจะเพิ่มขออนุญาตนะครับ อันนี้แค่ชวนกันมาคิดดู ถ้าเราจะเพิ่มคำหนึ่งใส่ใน 1 โครินธ์บทที่ 13 ที่เปาโลบอกว่า ถึงแม้ว่าเราจะถวายตัวให้พระเจ้า ถูกเผาไฟ เราจะถวายชีวิตของเราทั้งหมด ทรัพย์สินทั้งหมด เพื่อประกาศข่าวประเสริฐเพื่อรับใช้พระเจ้าเพื่อพระเจ้า แล้วถึงแม้ว่าเราจะเรียกชื่อพระเจ้าให้ถูกให้ตรง “แต่ไม่มีความรักมันจะมีความหมายอะไร มันจะมีประโยชน์อะไร”
เพราะฉะนั้น “รัก” คือสิ่งที่พระเจ้าตามหาในชีวิตของเราในหัวใจเรา
มาถึงข้อสรุปที่สำคัญ สำหรับชาวยิวและคริสเตียนศาสนา เขาเน้นเรื่องการทำถูกทำผิดทำดีทำไม่ดี พอเห็นหน้ากันและอยู่ในคริสตจักร ทุกคนก็จะมองด้วยสายตาที่จ้องจับผิด ค้นหาสิ่งที่ผิดในเรา นี่คือศาสนาคริสต์ที่เราเห็นกันทุกวันนี้ คือการมองว่าใครทำผิดบ้าง ใครทำถูกบ้าง นี่คือการใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ผลไม้แห่งความรู้ดีชั่ว และเดินไปด้วยกันตัดสินคนอื่นผิดหรือถูก
แต่สำหรับคริสเตียนพวกเรา อยู่ภายใต้กฎหมายของต้นไม้แห่งชีวิต ก็คือเอาชีวิตที่เต็มด้วยความรัก ความเมตตา ความอ่อนสุภาพ อ่อนโยน ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราควรจะมีในท่ามกลางสังคมคริสเตียน แต่ทุกวันนี้หายากมาก
แล้วขอบคุณพระเจ้าคริสตจักรพวกเรามีหวัง เพราะว่าเราเป็นมนุษย์วิญญาณ เราอยู่เพื่อรักพระเจ้า และเราเห็นความสำคัญของพระบัญญัติข้อแรก ก็คือรักพระเจ้าสุดจิตสุดใจรักหมดหัวใจ เอเมน รักคือสิ่งที่ดีที่สุด
น้องชายเเล้วก็พี่น้องอีกหลายๆ ท่านไม่ต้องตกใจไม่ต้องแปลกใจ ผมเคยเป็นผมเคยผ่านผมเคยเจอ เรื่องกลุ่มไฟ ผมเคยผ่านเรื่องการเคร่ง เคร่งศาสนา เคร่งเรื่องชื่อพระเยซู เคร่งทุกด้านอดอาหารอธิษฐาน ช่วยเหลือคนยากจน ถวาย เคยเคร่งไปหมด แต่สุดท้ายชีวิตผมล้มเหลว ถ้าจะพูดว่าเสียใจได้ไหมก็ได้ เพราะว่าตอนนั้นไม่ได้ถูกเปิดตา แล้วใช้ชีวิตแบบคนเคร่งศาสนาจนครอบครัวเกลียด แล้วหลายคนที่เป็นพี่น้องในคริสตจักรก็อาจจะเกลียด ที่ผมชวนเขาให้เคร่งกับผม
แต่สุดท้ายเมื่อมาพบมานาที่ซ่อนไว้ ได้รับการเปิดตา ก็เห็นว่าผู้ที่แบกภาระหนักและแอกหนัก จงมาหาเรา เเอกก็เบากางเขนก็เบา แล้วสุดท้ายก็ได้รับการพักผ่อน พระคำข้อนี้นะครับกลายเป็นจริงในชีวิตของผม (มธ 11:28:30) แล้วสุดท้ายก็ไม่หนีไปไหน ซึ่งเมื่อก่อนเคยคิดจะหนี เลิกเชื่อ ไม่เอาพระเจ้า ไม่รับใช้ แต่ตอนนี้ขอบคุณพระเยซูสำหรับทุกสิ่งที่พระองค์กู้สถานการณ์ให้กลับคืนมาสู่ชีวิตที่ปกติได้ สรรเสริญพระเยซูเอเมน
อ่าน: >>> เรื่องพระนามของพระเจ้ากับการออกเสียงทั้งหลาย.... <<<