a. เมื่อพี่น้องมาพูดกับเราในด้านลบว่า คนโน้นไม่ดี คนนั้นไม่ดีแบบนี้แบบนั้น หรือคริสตจักรนี้ไม่ดีอย่างนี้อย่างนั้น เราจะบอกเค้าไปว่า “เราทุกคนเป็นพี่น้องกัน และอยู่ในระหว่างการทำกิจของพระเจ้า” เอเมน
เราทุกคนอยู่ในระหว่างการทำกิจของพระเจ้า พระเจ้ากำลังก่อเราขึ้น พระเจ้ากำลังช่วยเราอยู่ และพระเจ้ากำลังทำงานในชีวิตของเรา เค้าเป็นพี่น้องกับเรา อย่าไปพูดไม่ดีกับเค้า นี่คือคำพูดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ
แต่ตอนที่ยังเป็นคริสเตียนศาสนา ถ้าหากมีคนมาซุบซิบนินทากับเรา หรือพูดเรื่องไม่ดีของคนนั้นคนนี้กับเรา เราก็ร่วมวงด้วยใช่ไหมครับ
b. การพูดถึงคำสอนผิด และการพูดหรือการกระทำผิดของผู้อื่น
เราควรพูดในที่ประชุมของผู้ดูแล (ถ้าหากจำเป็นต้องนำมาพูด)
เราพูดในเวลาที่มีการแบ่งปัน หรือเผยพระวจนะ แต่เราพูดในลักษณะเพื่อศึกษาเรียนรู้ เพื่อเป็นบทเรียน และเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานั้นที่จะเกิดกับเรา
ที่ประชุมของผู้ดูแล ก็คือผู้ดูแลมาประชุมกัน เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ แต่พี่น้องที่อยู่ในคริสตจักรไม่ร่วมด้วย หรือไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ถ้าเราพูดในเวลาที่มีการแบ่งปันหรือเผยพระวจนะ หรือในเวลานมัสการพระเจ้า เราพูดได้ แต่พูดในลักษณะเพื่อศึกษาเรียนรู้ ไม่ใช่ตัดสินเค้า หรือทำร้ายเค้า
ตอนที่เป็นคริสเตียนศาสนา เราเม้าท์หรือพูดเรื่องไม่ดีของคนโน้นคนนี้ให้คนอื่นฟัง ภรรยาศิษยาภิบาลจะไปพูดต่อเรื่องคนโน้นที่ไม่ดี ภรรยาศิษยาภิบาลพูดกับศิษยาภิบาล ศิษยาภิบาลพูดกับภรรยาศิษยาภิบาล คนนู้นพูดกับคนนี้ และคนนี้ก็พูดกับคนโน้น บอกต่อกันไป เราเคยเป็นไหมครับ
สมมติว่า เราเป็นผู้นำคริสตจักร หรือเป็นผู้ปกครอง เราเคยนำเรื่องของเรา หรือของคริสตจักรไปบอกภรรยาไหม หรือเอาเรื่องของเราไปบอกอีกคนหนึ่งมั๊ย อันนี้ไม่เหมาะนะครับ เป็นเรื่องของใครของมัน เรื่องการงานคริสตจักรก็เป็นเรื่องของคริสตจักร อย่าเอาปัญหาไปให้คนอื่นแบก
สิ่งเดียวที่ผมอยากเน้น หรือย้ำกับพี่น้อง คืออย่าเอาปัญหาของพี่น้องคริสตจักรให้คนอื่นแบก และเราก็ไม่ต้องแบกด้วย
ถาม:
ถ้าเป็นการพูดแบบระบายความอึดอัดล่ะคะ
ตอบ:
เราต้องดูก่อนว่า คนที่รับการระบายของเราเค้ารับได้ไหม เค้าโอเคไหม หรือเค้าหนักใจไหมเวลาเราพูดกับเค้า
ถ้าสมมติว่า พี่น้องเดียร์มีปัญหา และอยากมาระบายกับผม ผมก็รับได้สบายๆ ก็พูดมาได้เลย แต่ถ้าพี่น้องเดียร์มาพูดกับผม แล้วผมบอกว่า “ทำไมเป็นแบบนี้ จริงเหรอ โอ๊ย ตายแล้ว” ก็คือผมหนักใจไปด้วย และเป็นทุกข์ไปด้วย แสดงว่าไม่เหมาะแล้ว พี่น้องเดียร์ก็ต้องไปหาคนอื่น เราต้องหาคนที่เหมาะสมที่จะระบาย
สิ่่งแรกที่เราทำได้ ก็คือระบายกับพระเยซู แต่ถ้าเราคิดว่าพระเยซูอยู่ไกลเรา เราอยากพูดกับคนที่เป็นมนุษย์ ก็พูดกับคนที่เหมาะสม ที่เค้ารับได้ ไม่ไปพูดต่อ และก็หนุนใจเราด้วย
ตัวอย่าง:
พี่น้องทราบไหมครับ คนที่ประสบความสำเร็จในการที่จะอยู่กับพี่น้อง คือคนที่เป็นนักฟัง ทุกวันนี้มีแต่นักพูด ไม่มีนักฟัง ถ้าใครเป็นนักฟัง จะเป็นคนที่คนอื่นรักมากๆ
เราที่เป็นคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ สิ่งหนึ่งที่เราขาดไม่ได้ ไม่ว่าเราอยู่ในสังคมคริสเตียนทั่วไป หรือเราอยู่ในท่ามกลางพี่น้องเรา คือเราจะต้องเป็นนักฟังที่ดี เป็นนักฟังที่ดีนะครับ ไม่ใช่นักฟังเฉยๆ ครับ
นักฟังที่ดี คือตั้งใจฟังเค้าดีๆ อย่าไปคิดเรื่องอื่น บางครั้งเค้าพูดมาๆ และเราไม่สนใจ แต่เราก็แกล้งฟัง และคิดถึงเรื่องอื่น แล้วพอเค้าถาม เราก็จำไม่ได้
เราฟังเค้า รับรู้เรื่องราวของเค้า และเห็นอกเห็นใจเค้า เสียเวลาหน่อยก็ไม่เป็นไร แล้วหลังจากนั้นก็ชวนเค้าอธิษฐาน อธิษฐานเผื่อเค้า และหนุนใจเค้าเล็กน้อยก็พอ
คนที่มีปัญหา อย่าหนุนใจมาก อย่าเสียเวลายืดยาวยกพระคัมภีร์ข้อนู้นข้อนี้ พระคัมภีร์ข้อนี้บอกว่าอย่างนี้ จงเชื่อใจในพระเจ้า อย่ากระวนการะวายเลย ไม่นะครับ อันนี้เป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง
คนที่กำลังกระวนกระวาย มีปัญหา หรือมีเรื่องอะไรเยอะแยะ เค้าต้องการคำหนุนใจสั้นๆ นิดๆ หน่อยๆ ก็พอ แล้วอธิษฐานเผื่อเค้า แค่นั้นเองครับ ที่เหลือให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นคนจัดการเองนะครับ