คริสเตียนยิวสำหรับคนยิวถวายสิบลด แต่สำหรับคริสเตียนวิญญาณสำหรับบุตรพระเจ้าในยุคพระคุณนี้ ยุคพระบัญญัติถวายสิบลด ยุคพระคุณถวายร้อยลด แต่ความหมายก็คือไม่ใช่เอาทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของเราไปให้คริสตจักรทั้งหมด ไม่ใช่. แต่คือการควักกระเป๋า การให้ การทำทุกสิ่งตามขนาดของความเชื่อ
ถาม.
แล้วที่มีบอกว่าคนที่หว่านมากได้มาก คนที่หว่านน้อยได้น้อยละคะ
ตอบ.
อันนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับการถวายสิบลดหรือร้อยลด คือถ้าใครให้มากได้โดยที่ไม่ฝืนใจ พระเจ้าก็ตอบแทนมาก และการให้ของพระเจ้าไม่ใช่ให้เราสะสม คือพระเยซูบอกให้เราสะสมอยู่ในสวรรค์ แต่พระเจ้าให้คืนมาเพื่อเราจะใช้ในการงานของพระองค์ ไม่ใช่เพื่อเก็บสะสม ไม่ให้ใช่ แบบว่า ใช้ตามอำเภอใจของเราบำเรอชีวิตที่เป็นฝ่ายเนื้อหนังของเรา เพราะว่าปัจจุบันนี้เราเป็นมนุษย์วิญญาณ เราเป็นคริสเตียนที่อยู่ในฝ่ายวิญญาณ โลกนี้เป็นที่อยู่ชั่วคราวสำหรับเราแล้ว ขอให้อยู่อย่างพอเพียง อยู่ยังไงก็ได้ แต่ใช้ทรัพย์สมบัติที่มี ใช้เงินที่มี ใช้เวลาที่เหลืออยู่ที่เรามี เพื่องานของพระเจ้า เพื่อการประกาศข่าวประเสริฐ เพื่อการรับใช้ แล้วเราจะมีบำเหน็จมากมาย
...
ถาม.
แล้วมีพระคำที่พูดถึง จงให้เขาแล้วท่านจะได้รับด้วย ทะนาน ยัด สั่น แน่น พูนล้น อันนี้มันคือ..
ตอบ.
ถ้าเราให้มากเท่าไหร่ด้วยความเต็มใจพอใจไม่ฝืนใจ ให้เพราะรักพระเจ้า ให้ตามขนาดของความเชื่อ สมมุติว่าเราให้มากๆ 1 ล้านบาทเลย ช่วยเหลือคริสเตียนหรือว่าช่วยเหลืองานประกาศข่าวประเสริฐให้ไปเลย แล้วพระเจ้าก็คืนมาให้นะครับ 2-3 ล้านเราไม่ทราบ พระเจ้าจะให้ แต่ไม่ใช่ให้เพื่อเก็บนะ แต่ให้เราเพื่อให้ต่อ ให้ต่อไป
...
ถาม.
กรณีที่เราไม่ได้ให้ที่คริสตจักร แต่ให้กับคน รู้สึกว่าเราอยากช่วย เราให้คน มันใช่ไหมคะ คือเราเล็งในใจว่าเราจะให้พระเจ้าแต่เราจะส่งเงินใส่จรวดแล้วก็ยิงขึ้นไปบนท้องฟ้าคงไม่ได้
ตอบ.
กรณีนี้น่ะครับ การให้มี 2 แบบ 1. ก็คือให้ตามใจเรา 2. ให้ตามน้ำพระทัยของพระเจ้า คริสเตียนที่ฉลาดจะต้องเรียนรู้การทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์
" มีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้าเซเว่น แล้วก็มีคนขอทานคนหนึ่งเดินมาคนขอทานคนนี้เดินหลังค่อม แล้วขอทานบอกว่าไม่มีข้าวกิน ไม่มีเงิน ขอเงินไปซื้อข้าวกินด้วย แล้วผู้ชายคนนี้ก็แบบว่าสงสารก็ควักเงินในกระเป๋าให้ หลังจากที่ผู้ชายคนนี้จากไป คนขอทานก็เดินไป พอเดินไปถึงมุมหนึ่งเขาไปอยู่ข้างๆของตึกเซเว่น เขาทำไงรู้ไหมครับ? เขายืนหลังตรง เอากุญแจรถออกมา กุญแจบีเอ็ม แล้วก็ไปนั่งกินเหล้ากับเพื่อน อยู่อเมริกามีคนขอทานแบบนี้เยอะมากขอทานปลอม แล้วคนที่ให้ก็คือถูกหลอก "
...
ถาม.
ถ้าอย่างนั้นจะตีความว่าไงเหมือนว่าเราให้ด้วยใจ
ตอบ.
คือเราให้เพราะเราไม่รู้ เราให้เพราะว่าเราไม่เรียนรู้การเดินด้วยวิญญาณ ให้พระวิญญาณบริสุทธิ์นำเราในชีวิต
คริสเตียนจึง (ภาษาลาวผมชอบใช้คำว่าเสียโง่) คือเราเห็นเขา เราสงสารเขา แต่แท้ที่จริง......
" สมมุติอีกรอบ มีคริสเตียนคนหนึ่งเป็นคริสเตียนมนุษย์วิญญาณ เขาฝึกฝนในการเดินด้วยวิญญาณ พระวิญญาณบริสุทธิ์นำเขา คนขอทานคนเดิมมา แล้วเดินหลังค่อมมา ขอเงินด้วย ขอเงินซื้อข้าวด้วย เราคริสเตียนคนนี้ก็เกิดอาการร้อนรนในใจ ร้อนรนแล้วเกิดอาการแบบว่าควักกระเป๋า ก็ควักมาให้ เขาเอาเงินให้เขา แต่ในใจก็บอกว่ายังไม่ได้ ป่ะเข้าร้านเซเว่นไปซื้อซาลาเปา ผมจะซื้อซาลาเปาให้คุณกิน.. ไม่เอาเงินให้ไม่ยอมถูกหลอก "
คริสเตียนฝ่ายวิญญาณเราต้องเรียนรู้ในการเดินด้วยพระวิญญาณ ทุกวันนี้เราเดินด้วยพระวิญญาณไหมหรือว่าเดินตามใจเรา (ตามใจเนอะส่วนมาก) เห็นใครสงสาร ก็ให้
และพอที่คริสตจักรถือถุงถวายเดินมาผ่านหน้าเรา แล้วเขาร้องเพลงกล่อมเรา🎵 ข้ามอบทุกสิ่งแด่พระเยซู ข้าขอมอบถวาย มอบถวายหมดแด่พระเยซู 🎵 นักร้องนำก็ร้องเพราะมาก แบบน้ำตาไหลก็เลยควักออกมาเลยเท่าไหร่เท่ากันให้ พอออกจากคริสตจักรไปปุ๊บ เสียดายมากเลยคือจะเอาไปซื้อนมให้ลูก
คือเขากล่อมเรา กล่อมโน้มน้าวจิตใจเราด้วยเสียงเพลง นี่เป็นเทคนิคที่คริสเตียนใช้ทุกวันนี้ แล้วเราก็หลงเราคิดว่าพระเจ้านำเรา พระเจ้าดลใจให้เราถวาย ควักออกมาเลยเท่าไหร่ก็เท่ากัน แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นเรื่องของ (จิต) คริสเตียนทุกวันนี้นมัสการพระเจ้าใน (จิต) ด้วย (จิต) ไม่ใช่ด้วยวิญญาณ
...
ถาม.
ยังในกรณีนี้เราตั้งใจว่าเราถวายไปด้วยความที่เราอยากให้พระเจ้า แต่การไปว่าเราตามใจตัวเอง เราเสียโง่ไปแล้ว ก็คือเราเชื่อ ศ.บ ศ.บ บอกว่ายิ่งไม่มีก็ยิ่งถวาย ถวายไปปุ๊บอย่างนี้เท่ากับเชื่อฟังใคร ฝ่ายใดถูกต้องคะ
ตอบ.
ถ้าหากเราทำตามใจเรา คือใจของเราก็มีดีใช่ไหม เราก็ดี เราก็ชอบธรรมดี แต่ความดีทุกครั้งที่เราทำ การดีที่เราทำไม่ใช่น้ำพระทัยพระเจ้า การดีของเรากับน้ำพระทัยพระเจ้ามันไม่เหมือนกัน การดีของเรามันดีสำหรับมนุษย์ มันดีสำหรับเรา
แต่การดีของพระเจ้า ดีสำหรับพระเจ้า จำได้ไหม (มธ 7:22-23) ในเวลานั้นจะมีผู้คนมากมาหาเรา และกล่าวว่าพระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์รักษาโรค ไล่ผี รับใช้ ถวายตัว ประกาศข่าวประเสริฐ นำคนมาเชื่อ ทำทุกสิ่งในพระนามของพระองค์ไม่ใช่หรือ พระเยซูตอบว่าเราไม่รู้จักเจ้า เรารู้จักแต่คนที่กระทำตามน้ำพระทัยของพระบิดา
เราจะเห็นน่ะครับการรักษาโรคไม่ได้หมายความว่าทุกครั้งเป็นน้ำพระทัยของพระบิดา คือเขาใช้ฤทธิ์อำนาจไปทำในทางที่ผิด เขาใช้อำนาจไปทำเมื่อพระเจ้าไม่ได้สั่งให้ทำ คนที่มีของประทานถามว่ารักษาโรคได้ไหมตอนที่พระเจ้าไม่ได้สั่งให้ทำ...ได้. เพราะว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์สงสารคนนั้นก็เลยรักษา แล้วก็พระวิญญาณบริสุทธิ์จะไม่ให้บำเหน็จรางวัลเรา พอถึงเวลาไปยืนดูต่อหน้าพระบัลลังก์ของการพิพากษาของพระเยซูเมื่อพระเยซูกลับมา พระเจ้าจะบอกว่าเราไม่รู้จักเจ้าเพราะว่าเจ้าไม่ได้กระทำตามน้ำพระทัยของพระบิดา
เพราะฉะนั้นเราจะต้องแสวงหาน้ำพระทัยของพระบิดา และเราจำต้องแสวงหาการเดินด้วยการทรงนำของพระวิญญาณ คริสเตียนปัจจุบันมีจุดอ่อนตรงนี้ก็คือ ไม่เดินตามน้ำพระทัยของพระบิดาและไม่รู้จักการทรงนำของพระวิญญาณ
คือผมก่อนที่จะไปไหน จะเกิดมีอาการบางอย่างเกิดขึ้นภายใน ร้อนรน บางครั้งก็อยากร้องไห้ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนที่ไม่ชอบร้องไห้ง่ายๆ เกิดอาการร้องไห้ขึ้นมา แล้วตอบเขาทันทีว่าไปทั้งๆที่ไม่ได้คิดอะไรเลย ไม่ได้ตัดสินใจตอบไปเลยว่าไป (แล้วก่อนที่จะมา กทม. ผมบอกว่าจะมา แต่ต่อมาทีมงานบอกว่าไม่อยากให้มา ผมก็พยายามคุยกับเขาหาเหตุผลต่างๆนาๆ เขาก็บอกคือไม่เหมาะสมที่คุณจะมาตอนนี้ ผมบอกว่าคงไม่มีอะไรหรอก แต่เขาบอกว่าเป็นปัญหาเกี่ยวกับเรื่องความเชื่อที่ไม่ตรงกันระหว่างผมกับคุณ...แต่ต่อมาพี่น้องก็อธิษฐานกัน พระเจ้าก็ตอบคำอธิษฐานพี่น้องก็ส่งข่าวมาบอกว่า... มาได้ ...)
คือน้ำพระทัยของพระเจ้า เราไม่เข้าใจจะมาหรือไม่มา จะเป็นยังไงหรือไม่เป็น แต่ในที่สุดน้ำพระทัยของพระเจ้าจะเกิดถ้าหากเราอยู่ในการอธิษฐาน และขอให้น้ำพระทัยสำเร็จ ขอให้เราเรียนรู้ 1. ก็คือการรู้จักน้ำพระทัยพระเจ้า 2. ก็คือการรู้จักการทรงนำของพระวิญญาณ
เรียนรู้ยังไงก็ฟังสิครับ เรียนฟัง เรียนฟังยังไง? ก็ขอพระวิญญาณสอนเราให้ฟังยังไง พระวิญญาณบริสุทธิ์พระเจ้าสอนข้าพระองค์เถิดให้ข้าพระองค์ฟัง รู้จักที่จะฟังพระองค์ยังไง ปัญหาจุดอ่อนของคริสเตียนสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราไม่เคยได้ยินเสียงพระเจ้า ก็คือเมื่อเราอธิษฐานเราไม่เคยฟังพระเจ้า เราพูดๆๆ ไปเรื่อยๆๆๆ แล้วหลังจากพูดจบแล้ว เราก็ลุกขึ้น แล้วก็จากพระเจ้าไป
นี่คือจุดอ่อนของคริสเตียน คือคริสเตียนไม่รู้จักฟังพระเจ้า ไม่รู้จักรอฟังพระเจ้า พูดๆๆ แต่พออธิษฐานไปขอพระเจ้าตรัสกับข้าพระองค์เถิด (จะตรัสได้ยังไงเธออธิษฐานเสร็จเธอก็ไป)
แต่พระเจ้าฉลาดกว่านั้น ไม่เป็นไร ไม่ทันได้พูด คือพระเจ้าตรัสผ่านทางพระคัมภีร์ก็ได้ ผ่านพระคำ ผ่านรถมาชนเรา ผ่านอะไรเยอะแยะที่เกิดขึ้น คือพระเจ้าตรัสทั้งนั้น ถามว่าพระเจ้าทำไมไม่ตรัสกับข้าพระองค์ดีๆ ทำไมให้รถมาชน คือเป็นการเตือน (เราไม่รอฟังพระเจ้าเอง)
พระเจ้าต้องใช้วิธีใดวิธีหนึ่งเพื่อเตือนเรา เพื่อพูดกับเรา ถ้าเราไม่ยอมฟัง เราพูดๆๆ แล้วก็หนีไป พระเจ้าพูดไม่ได้ก็เอาวิธีอื่น อ่ะ เอารถมาชนเลย
เรียนรู้การฟังพระเจ้าน่ะครับแล้วชีวิตเราจะสดใส
...
แต่ขอให้คิดถึงคำนี้น่ะครับก็คือ ทุกสิ่งทุกอย่างเราได้แล้ว สำเร็จแล้วโดยการเชื่อเอา ผมแค่มาเปิดตาพี่น้องเท่านั้นเอง มาเปิดตาให้พี่น้องได้รู้ว่า เราเกิดใหม่โดยการเชื่อ เราได้รับการยกโทษบาปด้วยความเชื่อ เรารับพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วยความเชื่อ เราเป็นผู้ชนะแล้ว อยู่ใน "เรา" แล้วนะ ผู้ชนะด้วยความเชื่อ ผมอยากให้พี่น้องจดคำนี้ ก็คือ ผู้ชนะ ชีวิตผู้ชนะคือชีวิตของพระเยซูไม่ใช่ชีวิตของเรา ชีวิตผู้ชนะคือชีวิตพระเยซูที่อยู่ในเรา ไม่ใช่ของเรา เรายืมชีวิตของพระเยซูมาใช้มาเป็นผู้ชนะ
...
ถาม.
ที่อาจารย์บอกว่าเราต้องเรียนรู้การทรงนำของพระเจ้าก็คือเราจะเรียนรู้ยังไงคะ
ตอบ.
เริ่มต้นด้วยการ
1. ให้เวลาสำหรับมีเวลาที่จะฟังพระเจ้า การอธิษฐานก็ต้องพูดแล้วก็ฟัง อย่าพูดแล้วหนี คือฟัง สมมุติว่า 10 นาทีเราอธิษฐานเราให้พระเจ้า 5 นาทีนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ต้องไปไหนฝึกทุกวัน
2. สังเกตพระคำพระเจ้า พระเจ้าตรัสกับเราไม่ใช่เพียงแต่เฉพาะทางเสียงเท่านั้น แต่พระเจ้าตรัสหลายด้านหลายทาง จากพระคำพระเจ้า จากทีวี จากสิ่งที่อยู่ในใจเราก็ได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดเราเริ่มต้นด้วยการฟังพระเจ้าให้เวลาที่จะฟัง ไม่ใช่ให้เวลาที่จะพูดเท่านั้น
คือการอธิษฐาน คำว่าอธิษฐานภาษากรีกคือพูดคุยสนทนา อธิษฐานก็คือคนหนึ่งอธิษฐาน เขาอธิษฐานเสร็จก็ไป จากพระเจ้าไป คือพระเจ้าไม่ได้พูดกับเขาอันนี้คืออธิษฐาน
แต่คำว่าอธิษฐานภาษากรีกก็คือพูดคุยสนทนา การพูดคุยสนทนากับพระเจ้าคืออะไร? ก็คือมีคนหนึ่งพูด แล้วก็ให้คนหนึ่งพูดด้วย แต่คริสเตียนทุกวันนี้เรามีแต่พูด เราไม่ได้ให้พระเจ้าพูด เราไม่ฟังพระเจ้า เราไม่เปิดหาคำตอบของพระเจ้า พระเจ้าอาจจะตรัสกับเราทางเสียงก็ได้...มีครับ. แล้วพระเจ้าตรัสกับเราทางพระคัมภีร์ก็มี ทางทีวีก็ได้ ทางเพื่อนบ้าน
(ทางหมาเห่าก็ได้ พระเจ้าให้หมาเห่าเพราะว่าเราอาจจะอธิษฐานเสียงดังเกินไป 'ข้างบ้านได้ยินฉันรำคาญมาก' คริสเตียนบางครั้งเราเป็นไหม คือแบบว่าเราอยากอธิษฐานอวดข้างบ้าน อยากให้ข้างบ้านรู้ คือบางครั้งเราก็เปิดเพลง เปิดเพลงคริสเตียนให้ข้างบ้านฟังคิดว่าเขาจะกลับใจ อย่าไปหวังนะเราใช้วิธีผิด)
คือพระเจ้าจะใช้ทุกวิธีเพื่อตรัสกับเราเพื่อพูดกับเรา แต่การฝึกฟังเพื่อพระเจ้า เป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่ควรทำ คริสเตียนทุกวันนี้ไม่ทำคือการฝึกฟังพระเจ้า
...
ถาม.
เราฝึกฟังพระเจ้าก็จริง โอเคเราคุยไป เราบอกพระเจ้าไป แล้วเราก็เงียบนิ่งแล้วก็ฟัง เราจะรู้ได้ยังไงสิ่งที่เข้ามาเป็นความคิดของเราหรือเป็นมาจากพระเจ้า
ตอบ.
มันเป็นขั้นตอนที่ยาว
1. ก็คือฝึกฟังพระเจ้าให้เวลาฟังพระเจ้า
2. ก็คือใจเดียว มีใจเดียว
- ขั้นตอนยังไง สมมุติว่าผมน่ะครับอธิษฐานอยู่ "ขอพระบิดาตรัสกับข้าพระองค์พรุ่งนี้ไม่รู้จะสอนอะไร คือกลัว หวั่นใจ ไม่รู้จะพูดอะไร ทำไงดีพระบิดาขอเปิดเผยด้วย" หลังจากนั้นน่ะครับก็จะมีเสียงบอกผมว่าหญิงพรหมจารี 10 คน เสียงนุ่มมากเสียงเหมือนทูตสวรรค์ที่ผมเคยได้ยินมาก่อน เคยได้ยินมาก่อน
- อันที่สองก็คือ เป็นเรื่องที่พระเจ้าให้ผมที่จะพูด แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่ามาจากพระเจ้าเรื่องหญิงพรหมจารี 10 คน ต้องพิสูจน์สิ
เอาเรื่องหญิงพรหมจารี 10 คนสอน พอสอนไปปุ๊บพี่น้องคริสเตียนที่มาฟังเกิดร้องไห้ เกิดมีอาการตอบสนองตอบโต้ ขอบพระคุณพระเจ้าไม่เคยรู้เรื่องหญิงพรหมจารี 10 คนและไม่เคยเข้าใจว่าพระคริสต์ครอบครองใจเรา ก็คือน้ำมันที่เอามาเผื่ออยู่ในภาชนะ คือการตอบสนองของพี่น้องที่ฟังนี่คือสิ่งที่พิสูจน์ว่ามาจากพระเจ้าหรือไม่
ถ้าสมมุติผมอธิษฐาน หญิงพรหมจารี 10 คน พรุ่งนี้ผมมาสอนเรื่องหญิงพรหมจารี 10 คน พี่น้องก็แบบเฉยๆไม่มีอาการตอบสนอง คือไม่ได้สัมผัสกับคำสอนเลย ถามว่ามาจากใครครับ? ก็ไม่ได้มาจากพระเจ้า มันจะแตกต่าง แต่ถ้าหากเราเดินในวิญญาณตลอดเวลาอยู่เสมอ เราจะมีโอกาสที่ให้พระวิญญาณบริสุทธิ์หรือทูตสวรรค์ตรัสกับเรา ตรัสกับเราได้