พระเจ้าทรงซื้อท่านแล้ว ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิตของท่านอีกต่อไปแล้ว
อย่าส่ำสะสมสมบัติไว้ในโลกนี้ อย่ารักสิ่งของในโลกนี้ แล้วเราทำงานได้ไหม?
เราสะสมเงินทอง เงินในบัญชีของเรามันก็เยอะอยู่นะ เอามายกให้คริสตจักรเลยดีไหม?
ขอให้เข้าใจแบบนี้ พระเยซูสอนว่าเราส่ำสม สมบัติไว้ที่สวรรค์ คืออะไร?
คือเราเชื่อว่าทุกสิ่งเป็นของพระเจ้า พระเจ้าซื้อเราแล้ว 1 คร 6:19-20 บอกว่า "ท่านไม่รู้หรือว่า ร่างกายของท่านเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งสถิตอยู่ในท่าน ซึ่งท่านได้รับจากพระเจ้า ท่านไม่ใช่เจ้าของตัวท่านเอง พระเจ้าได้ทรงซื้อท่านไว้แล้วตามราคา เหตุฉะนั้นท่านจงถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าด้วยร่างกายของท่าน และด้วยจิตวิญญาณของท่าน ซึ่งเป็นของพระเจ้า"
พระเจ้าทรงซื้อท่านแล้ว มีคริสเตียนหลายคนที่อ่านเจอพระคัมภีร์ข้อนี้แต่ไม่เคยคิด ไม่เคยคิด เราต้องกลับมาคิดดีๆ พระเจ้าซื้อท่านแล้ว
ถ้าพระเจ้าซื้อท่านแล้ว ท่านเป็นของใคร?
คริสเตียนมากมายทุกวันนี้ดำเนินชีวิตอยู่โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงว่าเราเป็นของพระเจ้า พระเจ้าซื้อเราแล้ว ถ้าพระเจ้าซื้อเราชีวิตของเราก็เป็นของพระเจ้า
จิตใจของเราเป็นของใคร? เป็นของพระเจ้า
ร่างกายเราเป็นของใคร? เป็นของพระเจ้า
ลูก เมีย สามีเป็นของใคร? เป็นของพระเจ้า
รถเป็นของใคร? เป็นของพระเจ้า
บ้านเป็นของใคร? เป็นของพระเจ้า
ที่ดินเป็นของใคร? เป็นของพระเจ้า
ทุกสิ่งก็เป็นของพระเจ้าสิ แล้วพวกคุณจะมีสิทธิ์ใช้มันหรอ? เราไม่มีสิทธิ์ที่จะใช้มัน แต่อยู่ในโลกนี้ขณะนี้เรากำลังฝึกเดินในฝ่ายวิญญาณ เราฝึกเดินในความเชื่อ เราจะยกทุกสิ่งมอบให้พระเจ้าเป็นไปไม่ได้
ขั้นแรกก็คือเชื่อก่อน เชื่อว่าทุกสิ่งเป็นของพระเจ้าแล้ว พระเจ้าจะเอาเอง ทุกสิ่งเกิดขึ้นจากความเชื่อ ถ้าเราเชื่อพระเจ้าจะทำ เราเชื่อในการอัศจรรย์เชื่อว่าพระเจ้ารักษาโรคพระเจ้าก็จะรักษา เชื่อว่าเราจะหายพระเจ้าจะให้หาย เชื่อว่าพระเจ้าไล่ผีได้พระเจ้าก็จะไล่ผี ความเชื่อคือเคล็ดลับ
แล้วทีนี้ถ้าเราเชื่อว่าทุกสิ่งเป็นของพระเจ้า พระเจ้าจะจัดการกับทรัพย์สิน ทรัพย์สมบัติ เงินทองทุกสิ่งของเราเอง ธุรกิจของเราด้วย อยากรุ่งเรืองในธุรกิจไหม? เชื่อว่าเป็นของพระเจ้า อยากมีครอบครัวที่อบอุ่นไหม? เชื่อว่าเป็นของพระเจ้า อยากให้มีร่างกายสุขภาพแข็งแรงตลอดเวลาไหม? เชื่อว่ามันเป็นของพระเจ้า ถ้าเป็นของพระเจ้า พระเจ้าก็ดูแล ใช่มั้ย.
เพราะฉะนั้นอย่าส่ำสม สมบัติไว้ในโลกนี้ก็คือ เชื่อว่าทุกสิ่งเป็นของพระเจ้าแล้ว เจ้าของบัญชีธนาคารเป็นของเราแต่เจ้าของที่แท้จริงก็คือพระเยซู ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามีอยู่ทุกวันนี้เป็นของพระเยซู ขอให้เชื่อแบบนี้ตั้งฐานแห่งความเชื่อที่ถูกต้องก่อน
ต่อมาเราให้พระเจ้าเท่าที่จะให้ได้ไม่ใช่สิบลดแล้ว เพราะว่าทุกวันนี้เราเป็นของพระเจ้าไม่ใช่สิบลด พระเจ้าไม่ต้องการสิบลดจากเรา แต่พระเจ้าต้องการร้อยเปอร์เซ็น
มีใครบ้างที่ไปซื้อรถแล้วเขาให้มา 10% ของรถ อ่ะคุณเอาล้อไหนก็ได้ เอาล้อหน้าล้อหลัง ต้องพวงมาลัยด้วยไหม แต่ห้ามเอาทั้งคัน เราซื้อรถเราก็ต้องการทั้งคันสิ.
พระเจ้าซื้อเราพระเจ้าก็ต้องการทั้งชีวิตของเราด้วย เพราะฉะนั้นอย่าคิดนะว่าตอนนี้ตั้งแต่ตอนนี้ต่อไปเราไม่ใช่คนยิวที่อยู่สมัยก่อนที่ให้พระเจ้าสิบเปอร์เซ็นสิบลด แต่เราตอนนี้เป็นของพระเจ้าร้อยเปอร์เซ็นร้อยลด เชื่อแบบนี้
แล้วใช้เงินใช้ทุกสิ่งในนามพระเยซู ควักกระเป๋าน่ะครับอยากได้รถใหม่ซื้อในนามพระเยซูซื้อเลยแล้วพระเจ้าจะถือว่านั่นเป็นของพระองค์ คุณจะทำอะไรก็ตามเชื่อว่าทำในนามพระเยซู ให้เงินคนยากจนให้เงินในนามพระเยซู ช่วยเหลือคนยากจนช่วยในนามพระเยซู ช่วยคริสตจักรช่วยในนามพระเยซู ทำธุรกิจทำในนามพระเยซู อะไรก็ตามในนามพระเยซู เราทุกวันนี้อยู่ในนามของพระเยซูไม่ใช่หรอ? เอเมนมั้ย
เราเป็นคริสเตียน เราเป็นบุตรพระเจ้า พระเจ้าไถ่เรา พระเจ้าซื้อเรา เราไม่มีสิทธิ์ในชีวิตของเราอีกต่อไปแล้ว ถ้าฉลาดพอ แล้วอยากมีชีวิตที่มีความสุขในโลกนี้ และมีบำเหน็จในอาณาจักรในยุคหน้าในโลกหน้าลงทุนกับพระเจ้า
การส่ำสมสมบัติในสวรรค์ ก็คือเราใช้เงิน เรามีเงิน เราหาเงิน เราทำธุรกิจได้ แต่อย่าถือว่าเราเป็นเจ้าของ เชื่อและถือว่านั่นเป็นของพระเจ้า เวลาใช้ก็บอกว่าใช้ในนามพระเยซู บางคนน่ะครับยังติดเกมอยู่ ตอนนี้ ps5 มันกำลังมาอยากไปซื้อก็ซื้อในนามพระเยซูซื้อเลย ซื้อในนามพระเยซู เล่นเกมก็เล่นในนามพระเยซู อะพระเยซูเล่นด้วยเล่นกับพระองค์ คือทำแบบนี้เลย แล้วพระเจ้าจะค่อยๆ เปลี่ยนๆๆๆๆ ความคิดของเรา เปลี่ยนจิตใจเราชำระใจเรา สุดท้ายไม่อยากเล่น ไม่อยากทำ ไม่อยากไปืไม่อยากนั่งดื่มเบียร์ดื่มเหล้าอยู่ร้านคาราโอเกะไม่อยากทำ คือหัวใจของเราจะเริ่มถูกเปลี่ยน เปลี่ยนไปๆๆไปเอง ไม่ต้องห่วงสิ่งแรกก็คือเชื่อว่าทุกสิ่งเป็นของพระเจ้า นี่คือการส่ำสมสมบัติ
เราหาเงินได้เยอะเท่าไหร่ พระเจ้าให้มี อย่าลืมสิครับว่าพระเยซูสัญญาใน ลูกา 6:38 ยัดสั่นแน่นพูนล้น พระเจ้าให้เรารวยได้ ถ้าคนไหนที่พระเจ้าให้รวยก็รวยได้ ถ้าคนไหนที่พระเจ้าไม่ให้รวยคุณจะดิ้นรนแค่ไหนคุณก็รวยไม่ได้เสียเวลาเปล่า
เพราะว่าชีวิตของเราทุกคนที่มาเชื่อพระเยซู พระเจ้าทำสัญญากับเราแล้ว เราไม่เห็นหนังสือสัญญาเพราะว่ามันเป็นฝ่ายวิญญาณ เรากับพระเจ้าเซ็นกันแล้ว แล้วพระเจ้าจะดูแลชีวิตของเราจะให้ชีวิตของเราเดินไปตามที่พระองค์กำหนดไว้ มันเป็นไปตามนั้นแล้ว พระองค์กำลังทำอยู่แล้ว เราไม่รู้ เรามาเชื่อ เราไปคริสตจักรบ้างไม่ไปบ้าง อธิษฐานบ้างไม่อธิษฐานบ้าง บางครั้งก็ออกจากความเชื่อ บางครั้งก็กลับมาบ้าง คือเราไม่รู้ว่านั่นเป็นสิ่งที่พระเจ้ากำหนดแล้วเราก็ไปตามนั้น แล้วในที่สุดบุตรพระเจ้าทุกคน พระเจ้าจะดึงมาจะนำกลับมา
เข้าใจน่ะครับส่ำสมสมบัติ เรามีเงินได้ ทำงานได้ ทำธุรกิจได้ รวยได้ แล้วถ้าเรารวยทุกวันนี้คุณรู้ไหมใครอนุญาตให้คุณรวย? (พระเจ้า)
แล้วการที่พระเจ้าให้เรารวยให้เรามีเงินให้เรามีฐานะเพื่ออะไร? เพื่อการรับใช้คริสตจักร เพื่อการรับใช้พระเจ้า เพื่อการงานของพระเจ้า เพื่อการไปประกาศข่าวประเสริฐ
....
ถาม.
ถ้าสมมุติว่าเงินเรา เราถือว่าเป็นของพระเจ้า และบางครั้งคริสเตียรบางคนที่คิดว่าพระเจ้าจะเลี้ยงดูชีวิตเรา ฉะนั้นแล้วเวลาเรามีเงิน เราจึงใช้ๆๆๆๆๆ สุดท้ายมาใช้ซื้อนั่นซื้อนี่ใช้ตามใจและหลังจากนั้นเงินหมด
ตอบ.
อันนี้เป็นความคิดที่ไม่ฉลาด สำหรับพระเจ้า พระเจ้าให้เราฉลาดในการใช้เงินใช้สมบัติ ใช้ร่างกาย ใช้ชีวิตของเรา
เริ่มต้นจากร่างกายชีวิตเรา บางคนมาเป็นคริสเตียนขยันมากออกไปประกาศข่าวประเสริฐ ไปๆๆๆๆ ทำงานหนักมากเพื่อพระเจ้า ตื่นแต่เช้านอนน้อย สุดท้ายเป็นยังไง เหนื่อย เพลีย เสียสุขภาพ แล้วถามว่าพระเจ้าอนุญาตไหมพระเจ้าพอพระทัยไหม? (ไม่) พระเจ้าจะต่อว่าเราจะตำหนิเราว่าไม่ฉลาด เราต้องใช้ร่างกายของเราให้พอดีๆ มีการพักผ่อน
แล้วเงินทองก็ใช้ให้เป็น ใช้แบบฉลาด ไม่ใช่บอกว่าใช้ไปเลยพระเจ้าจะดูแลพระเจ้าจะส่งมา ไปกินร้านอาหารแพงๆ อย่าไปคิดแบบนั้นน่ะครับ คือการใช้เงินแบบวิธีของพระเจ้า คือใช้อย่างฉลาดใช้แบบพอดี เก็บสะสมเพื่อครอบครัวเพื่อลูกเมียสามี คือใช้ให้เป็น คริสเตียนหลายคนรวยนะแต่เขาไม่แสดงออกว่าเขารวย เขาไม่บอกใครหลายคนรวย มี. แต่คนที่ไม่รวย อวดรวย
....
ถาม.
สำหรับการถวายเมื่อกี้อาจารย์พูดว่าการถวายเราต้องถวายให้ร้อยลดกับพระเจ้า และการถวายของเราถ้าสมมุติว่าวันไหนที่เรามี เราต้องการถวายเยอะน้อยเท่าไหร่ ถ้าวันไหนที่เราไม่มีเราคิดว่าเราต้องให้ และสำหรับตัวเราเองครอบครัวเราเอง
ตอบ.
การถวายน่ะครับ ใน 2 คร 9:7 ทุกคนจงให้ตามที่เขาได้คิดหมายไว้ในใจ มิใช่ให้ด้วยนึกเสียดาย มิใช่ให้ด้วยการฝืนใจ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักคนนั้นที่ให้ด้วยใจยินดี
เปาโลพูดโดยพระวิญญาณว่าจงให้ตามขนาดของความเชื่อโดยที่ไม่ฝืนใจ คือในจิตใจของเราพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเร่าร้อนจะดลใจจะดลจิตใจเราให้ถวายมากน้อยเท่าไหร่
เราตอนนี้ปัจจุบันนี้นั่งอยู่แล้วคิดว่า ค่าอาหารอยากจะช่วยบ้าง ในใจเราจะคิดว่าสัก 100 ดีไหม เราไม่รู้สึกอะไร หรือ 2,000 ดีไหม เราเริ่มรู้สึกละ รู้สึกพระวิญญาณบริสุทธิ์เร้าใจเราก็ให้ แต่ถ้าเราคิดในใจหนึ่งแสนดีไหมวันนี้ใจใหญ่ เรารู้สึกว่า เอ๋ มันทำไม่ได้เราต้องใช้จ่ายอย่างอื่นด้วยคือเรามีภาระอย่างอื่น เราก็ไม่ทำน่ะครับ คือไม่ฝืนใจ ไม่บังคับใจ แต่เราทำด้วยรักพระเจ้า เราตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเชื่อนี้ ให้มากน้อยเท่าไหร่อยู่ที่ใจของเราว่ามันฝืนใจไหมบังคับใจไหม
....
แต่นี้ต่อไปคริสเตียนเราไม่ถวายสิบลดแล้ว เพราะว่าสิบลดเป็นของยิว สิบลดเพื่อพระวิหาร พระวิหารตอนนี้ถูกทำลายแล้ว แล้วก็คนเก็บส่ำสมสิบลดตอนนี้ก็ไม่มี แล้วอีกอย่างเราไปเรียนรู้เรื่องสิบลด สิบลดไม่ใช่เงิน พระเจ้าห้ามเอาเงินไปที่พระวิหาร สิบลดคือเป็นสัตว์ เป็นผลไม้ เป็นพืชผัก เป็นข้าว เป็นสาลี เป็นน้ำนม น้ำผึ้ง องุ่น เหล้าองุ่น คือเป็นทุกสิ่งที่ไม่ใช่เงิน (ถ้าหากครอบครัวใดอยู่ห่างใกลจากพระวิหาร ก็ให้ขายสัตว์ พืชผัก เหล่านั้นและมาซื้อที่พระวิหาร เพื่อความสะดวกในการเดินทาง / พระราชบัญญัติ 14:22-29) พระเจ้าให้ความสะดวกแต่ไม่เอาเงิน
ถามว่าทำไมพระเจ้าไม่อนุญาตให้ถวายเงินให้พระวิหาร?
ภาษาลาวสุภาษิตคำหนึ่งมันเกิดผลมันเป็นความจริง "เห็นเงินหน้าดำ เห็นคำหน้าเศร้า" มนุษย์จะเป็นแบบนี้ทุกคน เกือบทุกคน เกือบทุกคนจะเป็น คือเห็นเงินหน้ามันก็จะดำ แล้วเห็นคำมันก็จะน่าเศร้า มันอยากได้ มันโลภ มันมีการโกง การกิน ไม่ว่าจะเป็นโบสถ์ ไม่ว่าจะเป็นวัด ไม่ว่าจะเป็นศาสนาไหนก็ตาม ถ้ามันเกี่ยวกับเรื่องเงินมันก็จะมีความโลภ ตาจะโตขึ้นมาทันที คือเห็นเงินมันจะเกิดความโลภขึ้นมา เมื่อเกิดความโลภขึ้นมามันก็จะเกิดการโกง ลัก โบสถ์ก็เป็น วัดก็เป็น อยู่ไหนก็เป็น
เพราะฉะนั้นน่ะครับพระเจ้าให้เราระมัดระวังเรื่องเกี่ยวกับการดูแลรักษาทรัพย์สมบัติ ทรัพย์คลังเงินทองอะไรทั้งหลาย
เพราะฉะนั้นเราจึงทำให้มันใสสะอาด วิธีไหนก็ได้ ถามว่าเราเชื่อพี่น้องที่ดูแลเรื่องเงินไหม เราเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เราต้องคิดถึงระบบ ก็คือให้ทุกคนสบายใจ ก็คือมีสองคนดูแลเงินคริสตจักร เราเชื่อเขาแต่เราต้องมีสองคนเพื่อทุกคนสบายใจ