1. ข่าวดีสำหรับความรอดของชาวยิวและคนต่างชาติ คือข่าวประเสริฐของพระเจ้า โดยความเชื่อ (โรม 1:16)
2. ทั้งชาวยิวและต่างชาติ ทุกคนต่างก็อยู่ภายใต้ความบาปกันทั้งนั้น (โรม 1:18-3:20)
a. คนต่างชาติอยู่ในความผิดบาป (โรม 1:18-2:26)
b. ชาวยิวอยู่ในความผิดบาป (โรม 2:17-3:20)
3. เป็นความชอบธรรมได้โดยไม่ต้องรักษาพระบัญญัติ คือโดยทางความเชื่อวางใจในการตายเพื่อเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปของพระเยซูคริสต์ (โรม 3:21-5:21)
4. ไม่มีใครชอบธรรม (จริงๆ) สักคนเดียวโดยทางพระบัญญัติหรือการทำดี ไม่มีเลย (โรม 3:23)
5. เมื่อเรายังเป็นคนบาป พระเจ้ารักเรา ส่งพระคริสต์มาตายเพื่อไถ่บาปเรา (โรม 5:8)
6. ค่าจ้างของความบาปคือความตาย แต่ของขวัญของพระเจ้าคือมีชีวิตนิรันดร์ (โรม 6:23)
7. เราได้กลายเป็นคนชอบธรรมแล้วโดยทางความเชื่อ (โรม 5:1)
8. การได้เข้าส่วนในการตายและเป็นขึ้นกับพระเมซิอาห์ ช่วยให้เรามีชีวิตที่เชื่อฟังได้มากขึ้นในแต่ละวัน (โรม 6:1-8:39)
9. เราได้เข้าส่วนในการตายและเป็นขึ้นกับพระเยซู เรารู้ นับ ถวายตัวใหม่ในฐานะทาสเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อพระเจ้า (โรม 6:1-16)
10. คริสเตียนดำเนินชีวิตเริ่มต้นก็ด้วยความเชื่อ (เชื่อเอา) จบลงก็ด้วยความเชื่อ (เชื่อเอา) (โรม 1:17)
11. ทุกสิ่งต่างร่วมมือกัน เพื่อให้เกิดผลดีแก่คนทั้งหลายที่รักพระเจ้า คือคนทั้งปวงที่พระองค์ได้ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์ เพราะว่าผู้หนึ่งผู้ใดที่พระองค์ได้ทรงทราบอยู่แล้ว ผู้นั้นพระองค์ได้ทรงตั้งไว้ให้เป็นตามลักษณะพระฉายแห่งพระบุตรของพระองค์ เพื่อพระบุตรนั้นจะได้เป็นบุตรหัวปีท่ามกลางพวกพี่น้องเป็นอันมาก ยิ่งกว่านั้นบรรดาผู้ที่พระองค์ได้ทรงตั้งไว้นั้น พระองค์ได้ทรงเรียกมาด้วย และผู้ที่พระองค์ได้ทรงเรียกมานั้น พระองค์ได้ทรงโปรดให้เป็นผู้ชอบธรรม และผู้ที่พระองค์ทรงโปรดให้เป็นผู้ชอบธรรม พระองค์ก็ทรงโปรดให้มีสง่าราศีด้วย (โรม 8:28-30)
12. เรามั่งมีในความรักของพระเจ้าในพระคริสต์ ไม่มีใครไม่มีอะไรพรากจากเราไปจากความรักของพระเจ้าได้ (โรม 8:37-39)
13. คือว่าถ้าท่านจะยอมรับด้วยปากของท่านว่า พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และเชื่อในจิตใจของท่านว่าพระเจ้าได้ทรงชุบพระองค์ให้เป็นขึ้นมาจากความตาย ท่านจะรอด ด้วยว่าความเชื่อด้วยใจก็นำไปสู่ความชอบธรรม (กลายเป็นคนชอบธรรม) และการยอมรับด้วยปากก็นำไปสู่ความรอด (รอดจากบึงไฟ) เพราะมีข้อพระคัมภีร์ว่า ‘ผู้ใดที่เชื่อในพระองค์นั้นก็จะไม่ได้รับความอับอาย’ (โรม 10:9-10)
14. พี่น้องทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิต อันบริสุทธิ์ และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการปรนนิบัติอันสมควรของท่านทั้งหลาย อย่าทำตามอย่างชาวโลกนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจเสียใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบพระประสงค์ของพระเจ้าว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม (โรม 12:1-2)
15. อย่าทำชั่วตอบแทนชั่วแก่ผู้หนึ่งผู้ใดเลย ‘แต่จงมุ่งกระทำสิ่งที่ซื่อสัตย์ในสายตาของคนทั้งปวง ’ถ้าเป็นได้คือเรื่องที่ขึ้นอยู่กับท่าน จงอยู่อย่างสงบสุขกับทุกคน ท่านผู้เป็นที่รักของข้าพเจ้า อย่าทำการแก้แค้น แต่จงมอบการนั้นไว้แล้วแต่พระเจ้าจะทรงลงพระอาชญา เพราะมีคำเขียนไว้แล้วว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “การแก้แค้นเป็นของเรา เราเองจะตอบสนอง” เหตุฉะนั้น ถ้าศัตรูของท่านหิว จงให้อาหารเขารับประทาน ถ้าเขากระหาย จงให้น้ำเขาดื่ม เพราะว่าการทำอย่างนั้นเป็นการสุมถ่านที่ลุกโพลงไว้บนศีรษะของเขา’ อย่าให้ความชั่วชนะท่านได้ แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี (โรม 12:17-21)
16. พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าจึงขอวิงวอนท่าน ให้สังเกตดูคนเหล่านั้นที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกันและทำให้คนอื่นหลงไป ซึ่งเป็นการผิดคำสอนที่ท่านทั้งหลายได้เรียนมา จงเมินหน้าจากคนเหล่านั้น (โรม 12:16-17)