เปาโลใส่ใจมากในเรื่องการฝึกเดินในพระวิญญาณและด้วยตัวใหม่ ท่านจึงเกิดผลมาก
ท่านยืนยันว่าทุกถ้อยคำล้วนมาจากพระเยซูทั้งนั้น ไม่มีคำไหนที่มาจากท่านเอง ยกเว้นบางเรื่องและท่านก็จะบอกว่า สำหรับความคิดเห็นของข้าพเจ้า
พระเจ้าเป็นความจริง Truth และเป็นความเป็นจริง Reality คือในพระองค์ไม่มีโกหก และไม่มีความตกต่ำหรือความมืด ในพระองค์มีแค่ความสว่าง บุตรพระเจ้าจึงควรดำเนินชีวิตอยู่บนพื้นฐานแห่งความจริงและความเป็นจริงเช่นกัน
พระสัญญาของพระเจ้าที่ทรงประทานแก่อับราฮัมมาถึงทุกคนที่เชื่อ เพราะว่าพระองค์สัตย์ซื่อและเป็นพระเอเมน (แน่นอน-ใช่)
ผู้เชื่อทุกคนถูกเจิมให้เป็นสาวกผู้รับใช้โดยพระเจ้าทั้งสาม
พระวิญญาณประทับตรา คือจับจองเป็นเจ้าของแล้ว
ค่ามัดจำของพระวิญญาณ คือพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่ภายในเราเป็นมัดจำเพื่อนำเราเข้าสู่ความรอดและการดำเนินชีวิตใหม่
เปาโล และผู้รับใช้ฝ่ายวิญญาณจะนำความชื่นบานชื่นชมยินดีเพราะว่าผู้ที่รับพระคำแห่งความจริง (พระคำล้ำลึก) จะเกิดมีสันติสุขและหิวกระหายต่อพระคำดังกล่าว
คริสเตียนเดินด้วยความเชื่อ เริ่มต้นก็ด้วยเชื่อและจบก็ด้วยเชื่อ ไม่ใช่ด้วยการกระทำ การพยายามเลิกทำบาป และทำงานหนักเพื่อพระเจ้า
พระเยซูพวกเรารักพระองค์ พระองค์เป็นพระบิดา พระองค์เป็นชีวิต พระองค์เป็นความสว่าง พระองค์เป็นผู้ที่เปลี่ยนความตายให้เป็นชีวิตได้ พระองค์เป็นคำตอบ นำพวกเรามาสู่การบังเกิดใหม่ในพระวิญญาณ พระองค์เป็นคำตอบเรื่องความสุขที่มนุษย์แสวงหา แต่พระองค์ให้ความสุขที่ไม่ต้องกระหายอีก พระเยซูพระองค์คือคำตอบเรื่องการรักษาอาการเจ็บไข้ป่วย เพราะว่าพระองค์แบกเอาความเจ็บไข้ของเราไปที่กางเขนแล้ว
ขอบพระคุณพระองค์ที่เราทั้งหลายอยู่ใต้พระคุณไม่ได้อยู่ใต้พระบัญญัติอีกต่อไป ขอบพระคุณพระองค์เป็นคำตอบเรื่องพันธสัญญาใหม่ที่มาถึงพวกเรา ขอบพระคุณที่พระองค์เป็นคำตอบเรื่องการยกโทษบาปให้มนุษย์ทั้งหลาย ซึ่งเมื่อก่อนไม่มีใครยกโทษให้ใครได้ แต่พระองค์เสด็จมาเพื่อตายและพระโลหิตของพระองค์ตั้งไว้เพื่อการยกโทษบาป
ขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์เป็นผู้เลี้ยงที่ดี พระองค์เป็นประตู เป็นทุ่งหญ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์จะเป็นเหตุให้ผู้คนทั้งหลายฟื้นขึ้นมาจากความตายในวันของพระองค์ที่จะเสด็จมา ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์เป็นพระบิดา ขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์เป็นพระสหาย ขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์เป็นผู้ปลอบประโลม ขอบพระคุณที่พระองค์เป็นผู้ช่วย ขอบพระคุณที่พระองค์เป็นผู้ดำเนินชีวิตแทนพวกเราในแต่ละวัน
ขอบพระคุณที่พระองค์เป็นสติปัญญา ขอบพระคุณที่พระองค์เป็นผู้ชอบธรรมผู้บริสุทธิ์ เป็นผู้ที่เปิดตาพวกเราให้มาถึงพระคำแห่งความจริง ขอบพระคุณที่พระองค์รักเราทั้งหลาย วันนี้เรานำชีวิตใหม่มาถวายแด่พระองค์ร่วมกัน และเราจะถวายทุกวัน ทุกเช้า และขอบพระคุณที่วันนี้เรามีโอกาสได้นำเอาความรักที่เรามีอยู่เพื่อถวายแด่พระองค์ และเพื่อจะรับเอาความรักที่ยิ่งใหญ่หลั่งไหลเข้ามาสู่พวกเรา เพื่อพวกเราจะรักพระเจ้าได้สุดจิตสุดใจ และรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง และรักทุกคน และดำเนินชีวิตอยู่โดยเอาความรักเป็นหลัก ขอบพระคุณพระเยซูพวกเรารักพระองค์เอเมน
เรื่องเกี่ยวกับทำยังไงจะให้พระเยซูคิดแทนทำแทน คิดช้าลงนะครับ แล้วก็ทำช้ากว่าที่เคยทำ เมื่อก่อนเราเห็นอะไรปุ๊บปั๊บมา เกิดมีอะไรเข้ามา เราก็จะคิดทันที แต่เราจะปฏิเสธนะครับว่าจะไม่คิด แล้วก็ “พระเยซูพระองค์คิดเถิดพระองค์เป็นสติปัญญาพระองค์เป็นผู้ตัดสินใจแทนข้าพระองค์เถิด เพราะว่าไม่ใช่หน้าที่ของข้าพระองค์” เราปฏิเสธนะครับเพราะว่าจริงๆ แล้วมันก็ใช่ ไม่ใช่หน้าที่ของเรา
ขอบคุณพระเยซูเราเริ่มจากนับตั้งแต่เช้าว่าเราเป็นคนใหม่ เพราะว่าพระเจ้าจะไม่คิดแทนทำแทนคนเก่า มนุษย์เนื้อหนังไม่มีส่วนอะไรในพระคริสต์ เพราะฉะนั้นเราเชื่อว่าเราเป็นคนใหม่ เราตายต่อตัวเก่า นับนะครับ หลังจากที่เรานับ เราก็สนิท สนิทในพระองค์ เมื่อเราสนิท ถวายตัวใหม่นี้ พระเจ้าจะเป็นคนใช้พระคริสต์จะเป็นคนใช้ตัวใหม่ของเรา แล้วจากนั้นเราจะเห็นการคิดแทนทำแทนมากขึ้นมากขึ้นมากขึ้น
อีกครั้งนะครับประเด็นอยู่ตรงนี้ก็คือ คิดช้ากว่าที่เคยคิดเมื่อก่อน มีอะไรเข้ามาปุ๊บปั๊บเนี่ยเราอย่าเพิ่งคิดอย่าเพิ่งตัดสินใจ แต่บอกว่า “พระเยซูทำไงดี พระเยซูพระองค์คิดแทนเถิด พระเยซูตัดสินใจแทนเถิด” เราอาจจะไม่เห็นในระยะแรกๆ นะครับ พระวิญญาณเฝ้าดูเพื่อพิสูจน์ว่าเรามีความเชื่อเรามั่นใจในความจริงนี้หรือไม่ เมื่อเราตายใจเราเชื่อว่าสิ่งนี้คือทางออก เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าให้พระเยซูเป็นคนคิดแทนทำแทน จากนั้นนานเข้าเราจะเห็นผลของพระวิญญาณของพระคริสต์คิดแทนทำแทนมากขึ้นมากขึ้น
ขอบคุณพระเยซูที่พี่น้องได้ย้ำถึงเรื่อง การที่เมื่อเราคิดเองตัดสินใจเอง บางครั้งก็อาจจะดีน่ะ แต่ถ้าพระคริสต์คิดแทนมันจะดีกว่า แล้วเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะว่าพระเจ้ารู้ว่ามีอะไรจะเกิดขึ้น พระเจ้ารู้ว่าอะไรจะเข้ามา เมื่อพระเยซูตัดสินใจแทนก็คือพระองค์คือคนที่รู้ล่วงหน้าคนที่เห็นเหตุการณ์กว้างไกล แล้วมาคิดแทนเราทำแทนเรามันดีกว่าเยอะ เหมือนกับใครบางคนที่ขับรถไปเรื่อยๆ แต่เขาไม่รู้ว่าถนนเส้นนั้นมันมีแผ่นดินไหวบ้างหรือมันมีอะไรเกิดขึ้นทำให้มันมีหินที่ปิดถนนไปต่อไม่ได้ เราไม่รู้นะครับแต่พระเจ้ารู้ใช่ไหมว่ามีอะไรอยู่ตรงหน้าเรา เราไม่เห็นเราเห็นใกล้ๆ นะครับ ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์คิดแทนเราทุกวันนี้ พระองค์เป็นสติปัญญาของเรา เอเมน
และสิ่งที่สำคัญนะครับวันนี้เราได้พูดถึงการดูเปาโลเป็นตัวอย่างเป็นแบบอย่าง เพราะว่าท่านเป็นผู้ชนะได้ และท่านแนะนำเราให้ทำเหมือนท่าน และเป็นวิธีทางของพระเจ้าที่เสนอให้เปาโล แล้วเปาโลก็เสนอต่อให้ผู้เชื่อทุกคน แล้วทุกวันนี้ก็มาถึงพวกเรา
1. ท่านยอมแพ้ต่อการเอาเนื้อหนังไปต่อสู้กับบาป (โรม 7:24)
** คือเราปฏิเสธนะครับไม่ต้องต่อสู้ไม่ต้องฝืนใจไม่ต้องพยายามทำดีพยายามเลิกทำบาป อันนี้ปฏิเสธเลยนะครับอยู่ในโรม 7:24
2. ท่านใส่ใจในเรื่องการวิ่งแข่งเพื่อเข้าอาณาจักร (1 คร 9:26-27)
** เราทุกวันนี้ใส่ใจกันหรือไม่
3. ท่านใส่ใจในการนับทุกวันว่า พระคริสต์อยู่ในท่าน และดำเนินชีวิตแทนท่านทุกวัน (กท 2:20)
** เรานะครับส่วนมากก็อาจจะมาร่วมสามัคคีธรรม เราคุยกันเสริมสร้างกันและกัน เราก็จดจำ แต่พอออกจากการสามัคคีธรรมปุ๊บเนี่ย ไปทำอย่างอื่นไปทานข้าวไปทำธุระ ปรากฏว่าเราไม่ได้นับว่าพระคริสต์อยู่ในเราแล้ว ถูกไหม หลายครั้งแล้วลืมใช่ไหม แล้วก็เราลืมไปนะครับว่าพระเยซูเป็นคนดำเนินชีวิตแทนเรา เรากลับใช้ชีวิตตามสบาย อันนี้เราต้องทำเหมือนเปาโลนะครับเราจึงจะเห็นชีวิตผู้ชนะ เอเมน
4. ท่านใส่ใจเรื่องการนับว่าตายแล้วทุกวัน (1 คร 15:31)
** นับนะครับ นับตายทุกวันทุกวัน ข้าพเจ้าตายแล้วข้าพเจ้าตายแล้ว. (1 คร 15:31)
5. ท่านใส่ใจเรื่องนับว่าเป็นคนใหม่ทุกวัน (อฟ 4:24)
** ยังไม่พอนะครับที่นับว่าตาย ก็คือคนคนนี้ที่เราเห็นอยู่เรามองที่ตัวเราทุกส่วน พอคิดถึงตัวเรานะครับเราเชื่อเรานับว่านี่คือตัวใหม่นี่คือคนใหม่ อาจจะเป็นคนเก่าอาจจะเป็นคนที่ทำบาปอยู่อาจจะเป็นคนนิสัยเหมือนเดิมยังไงก็แล้วแต่ แต่ความเชื่อจะนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่ร่างกายจิตใจและชีวิตของเรา เอเมน
6. ท่านใส่ใจเรื่องนับว่าเป็นทาสของพระเยซูทุกวัน (โรม 1:1)
** ยังไม่พอนะครับยังไม่พอ ข้อที่ 6 ท่านใส่ใจเรื่องการนับว่าเป็นทาสของพระเยซูทุกวัน (โรม 1:1) เรานับนะครับว่าเราเป็นทาส ตอนเช้าก็เป็นทาสพระเยซู ตอนสายบ่ายเย็นก็เป็นทาสของพระเยซู เราอยู่ในฐานะทาสของพระเยซู แต่ไม่ใช่ทาสแบบไม่มีอิสระไม่ใช่ทาสถูกข่มเหงถูกตีถูกทำร้าย แต่เราเป็นทาสที่เหมือนกับลูกของนายที่นายรักมาก ขอบคุณพระเยซู
7. ท่านใส่ใจเรื่องการมองทุกสิ่งใหม่หมดทุกวัน (2 คร 5:16-17)
** เราไม่มองด้านลบ เราไม่คิดลบ เราไม่มองใครว่าทำอะไรไม่ดี เราไม่สนใจนะครับอันนั้นเป็นหน้าที่ของพระเจ้าที่จะตัดสินเขา ส่วนเรานะครับมีหน้าที่มองเขาว่าเป็นคนใหม่หมด เราเห็นพี่น้องมองว่าเขาเป็นคนใหม่ เอเมนไม่มีจุดบกพร่อง เราเห็นพี่น้องคนนี้ เราเห็นน้องชายคนนั้น เราเห็นทุกคนเราเห็นใครก็ตาม เราไม่มองไปที่ อ๋อคนนี้มีจุดบกพร่อง อ๋อคนนี้ไม่ดีตรงนี้ อ๋อคนนี้เคยมีประวัติไม่ดี อันนี้ไม่ใช่สิ่งที่เปาโลทำนะครับ เปาโลบอกว่าดูเถิดทุกคนที่อยู่ในพระคริสต์ก็เป็นคนที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่แล้ว สิ่งเก่าๆ ก็ล่วงไป ดูเถิดมีแต่สิ่งใหม่ทั้งนั้น เป็นสิ่งที่อยู่ด้านบวกแล้วก็เป็นสิ่งที่มองทุกสิ่งใหม่หมด เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงเข้ามาได้ เอเมน
8. ท่านใส่ใจเรื่องการสนิทในพระเยซูทุกวัน (1 ธส 5:17)
** และสุดท้ายเป็นสิ่งที่สำคัญมากข้อที่ 8 ที่เปาโลทำ แล้วเราควรจะทำเป็นแบบอย่างก็คือ ท่านใส่ใจเรื่องการสนิทในพระเยซูทุกวัน (1 ธส 5:17) แล้วก็ยังมีอีกหลายๆ ข้อที่บอกว่าท่านจงอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ ท่านจงวิงวอนอย่างสม่ำเสมอ สม่ำเสมอเนี่ยเป็นคำที่เปาโลใช้บ่อยมากๆ เกี่ยวกับเรื่องการอธิษฐาน เพราะว่าสิ่งเดียวที่พระเจ้าต้องการ คือการพูดคุยสนทนา สนิทในพระองค์ นี่แหละคือกุญแจที่จะนำเราสู่ชีวิตผู้ชนะได้ จงสนิทในเราแล้วเราสนิทในท่านแล้วท่านก็จะเกิดผลมาก ขอบคุณพระเยซูเอเมน
ขอบคุณพระบิดาที่พระองค์นำเราเข้าสู่ความรู้ล้ำลึกที่เป็นมาโดยพระวิญญาณแห่งความจริง ขอบคุณพระองค์ที่พระองค์เลือกเราท่ามกลางผู้เชื่อมากมาย ขอบพระคุณพระองค์ที่เป็นพระคุณอันล้นเหลือ ที่เราได้เข้าใจเราได้เห็นในสิ่งที่บุตรของพระเจ้าอีกมากมายหลายล้านคนไม่มีโอกาสได้เห็น ก็คือพระคำแห่งความจริง คือความล้ำลึก ความลึกลับ ของถ้อยคำที่มาจากพระองค์ ฮาเลลูยาเอเมน
สำหรับพระคำพระเจ้าวันนี้ ผมเห็นมี 6 ข้อที่อยากจะพูดถึง
ข้อแรกเรื่องแรก ก็คือเปาโลเขียนหนังสือและจดหมายทุกฉบับโดยการนำพา คือสติปัญญาของพระคริสต์ คือพระเยซูจะเป็นคนดลบันดาล พระวิญญาณบริสุทธิ์จะดลบันดาลให้เปาโลเขียน ไม่ใช่ออกมาจากความคิดของท่านเอง อันนี้เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มากนะครับ อาจจะมีบางคำที่ท่านเขียนตามความคิดของท่านเอง แต่ท่านจะบอกเลยว่าตอนนั้นเป็นมาโดยความคิดของท่านความคิดเห็นของท่าน สำหรับความคิดเห็นของข้าพเจ้า คำนี้เราจะเห็นนะครับ แต่ถ้าไม่มีคำนี้ก็คือทุกถ้อยคำที่ท่านเขียนแล้วส่งไปถึงคริสตจักรต่างๆ ก็คือมาจากพระวิญญาณล้วนๆ เอเมน. น่าเสียดายนะครับที่มีพี่น้องผู้เชื่ออีกมากมายที่ไม่ยอมรับว่าจดหมายฝากของเปาโลสิ่งที่เปาโลเขียนเป็นมาโดยพระเจ้า อันนี้เขายังไม่เข้าใจเขายังไม่เห็น
สำหรับเรื่องที่ 2. ที่เรามาถึงวันนี้ก็คือ เปาโลเน้นที่การสนิทในพระเยซู การอธิษฐานพูดคุยกับพระเยซูอย่างสม่ำเสมอ ท่านจึงเห็นผลของพระคริสต์คิดแทน พระคริสต์นำพา พระคริสต์ตัดสินใจแทน และเขียนแทนท่าน เคล็ดลับอยู่ที่การพูดคุยอธิษฐานกับพระเยซูอย่างสม่ำเสมอ
เรื่องที่ 3. ก็คือ เปาโลกลับใจประมาณ ค.ศ. 30 กว่าจนถึง 40 กว่า ไม่มีหลักฐานแน่นอนนะครับ เราเห็นว่าเชื่อว่าประมาณนี้ ก็คือพระเยซูฝืนขึ้นมาจากความตายและเสด็จขึ้นไปสู่พระบิดา ก็คืออยู่ในช่วง ค.ศ. 30 กว่า หลังจากนั้นอีกไม่นานต่อมาก็คือ ค.ศ. 30 กว่านี้แหละจนถึง ค.ศ. 40 กว่าประมาณนี้ ที่พระเยซูปรากฏกับเปาโลที่เมืองดามัสกัสขณะที่เดินทางไปเมืองดามัสกัส และตอนที่ท่านเขียนหนังสือ 2 โครินธ์ ที่เราเรียนรู้กันในวันนี้ในบทที่ 1 ก็คือในปี ค.ศ. 60 ท่านตอนนี้นะครับก็คือขอบคุณพระเยซูที่หลายปีผ่านไปท่านมีชีวิตที่พระคริสต์ทำแทนอย่างมากมายแล้ว แต่ว่าชีวิตผู้ชนะที่เลิกทำบาปได้โดยสิ้นเชิงสำเร็จแล้ว ก็คืออยู่ในช่วงอีก 7 ปีต่อมา ก็คือ ค.ศ. 67 ขอบคุณพระเยซูท่านใช้เวลาประมาณ 10 ปี ในการฝึกเดินในพระวิญญาณ สิ่งนี้เราขอบพระคุณพระเจ้า ท่านใช้เวลาประมาณ 10 ปี
และถามว่าทุกวันนี้คริสเตียนมีโอกาสที่จะเป็นผู้ชนะได้ภายในเวลา 5 ปี 10 ปี เหมือนเปาโลมั้ย เราต้องเข้าใจตรงนี้นะครับแล้วก็พระเจ้ารู้พระเจ้าเข้าใจสมัยนี้มีการทดลองมากกว่าสมัยสาวกตั้งหลายเท่า จริงมั้ยครับ มันมีอินเตอร์เน็ตมันมีโซเชียลมันมีหลายสิ่งมากมายที่เข้าถึงความมืดที่เข้าถึงความบาปได้เร็วมาก แล้วก็การเปลี่ยนแปลงของมนุษย์สมัยนี้ ความรักเยือกเย็น ความบาปเต็มโลก เต็มบ้านเต็มเมือง ความไม่ดีฉ้อโกงกิเลสตัณหาโลภโกรธหลงการโกหกการหลอกลวงการอะไรเต็มไปหมด เพราะฉะนั้นอันนี้พระเจ้าเข้าใจ พระเจ้าเข้าใจ
เพราะฉะนั้นบางคนเมื่อรับพระคำล้ำลึกอาจจะใช้เวลานานมากกว่าเปาโลก็เป็นได้ กว่าจะมาถึงชีวิตที่สำเร็จแล้ว ที่บอกว่าสำเร็จแล้วชนะโดยสิ้นเชิงแล้ว ก็คือจะต้องใช้เวลามากอาจจะมากกว่าเปาโลอาจจะเป็น 15 ปี 20 ปี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขณะที่เปาโลเขียนหนังสือฉบับนี้ท่านก็ยังไม่เป็นผู้ชนะ แต่มีผลของพระคริสต์ที่คิดแทนทำแทนได้เยอะ เราก็เหมือนกันขอบคุณพระเยซูเมื่อเราพบมานาฯ เราได้รับสันติสุข อันนี้สรรเสริญพระเจ้าเพื่อยืนยันว่าเรามาถูกทางเอเมน จากนั้นพี่น้องก็รับมานาฯ มาเรื่อยๆ แล้วก็ฝึกเดิน ฝึกนับตายถวายตัว ฝึกนับว่าเป็นคนใหม่ ฝึกนับว่าเป็นทาสของพระเยซู ฝึกนับว่ามองทุกสิ่งใหม่หมด ฝึกนับ แล้วก็สนิทในพระคริสต์ทุกๆ วัน เราก็เห็นผลของชีวิตใหม่เห็นการนำพาของพระคริสต์มากขึ้น อันนี้คือสิ่งที่พิสูจน์ว่าเรามาถูกทางและเราอยู่ในกระบวนการการก่อขึ้นของพระเยซู สรรเสริญพระเจ้าเอเมน
และสำหรับเรื่องที่ 4. ก็คือ เมื่อเปาโลไม่อยู่ ไม่ต้องห่วงพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะทำงานต่อ และเปิดเผยพระคำแห่งความจริงมากขึ้นมากขึ้น เปาโลเป็นแค่เพียงเครื่องใช้ที่พระเจ้าใช้เพื่อการเกิดผลของผู้เชื่อ แต่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังคือพระวิญญาณบริสุทธิ์คือพระเยซูคริสต์ เปาโลเดินทางไปสถานที่อื่นไปประกาศไปทำงานที่อื่น แต่คริสตจักรในเมืองโครินธ์ คริสตจักรในเมืองเอเฟซัส คริสตจักรในเมืองฟีลิปปี คริสตจักรในเมืองโคโลสี พระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่ที่นั่นกับเขาแล้วก็เปิดตาเขาต่อไป
เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงนะครับถ้าไม่มีอาจารย์... ก็จะมีใครบางคนที่พระเจ้านำขึ้นมาพระเจ้าจะนำบางคนจะใช้บางคนขึ้นมาไม่ต้องห่วง อันนี้เราเป็นแค่เครื่องใช้ของพระเจ้าที่พระองค์ให้เรามีโอกาสได้มีส่วนร่วมในภารกิจของพระองค์ อันนี้เราขอบพระคุณพระเยซู เพราะฉะนั้นเรารับใช้แอกไม่หนักภาระไม่หนัก แอกเบาสบาย ไม่ต้องกังวลไม่ต้องคิดมากว่าจะทำยังไงดีถ้าไม่มีคนนี้ถ้าไม่มีคนโน้น เรามีพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเป็นคนทำงานท่ามกลางพวกเรา เอเมน
ในพระคัมภีร์ที่เรามาถึงวันนี้พูดถึงเรื่อง พระคุณ 2 เท่า ก็คือ Double Grace พระคุณ 2 เท่า คำๆ นี้นะครับเป็นสิ่งที่เราเข้าใจเรารู้ดี 2 เท่าคืออะไร ในพระคัมภีร์บางข้อพูดถึงพระคุณซ้อนพระคุณ Grace under Grace ก็คือพระคุณซ้อนพระคุณ เราเคยไปซื้อแฮมเบอร์เกอร์ที่ Mcdonald มั้ย เราจะเห็นว่ามันมีเนื้อชั้นนึง แต่ถ้าเราจะไปสั่งดับเบิ้ลชีสเบอร์เกอร์หรือว่า Double มันก็จะมีเนื้อ 2 แผ่นใช่มั้ย
พระคุณพระเจ้า 2 เท่า พระคุณแรกก็คือ ขอบพระคุณพระเยซูที่พระองค์เสด็จมาและขอบพระคุณพระเยซูที่พระองค์ให้พระคุณอันแรกสำเร็จที่กางเขน ก็คือการตายเพื่อไถ่บาป เพื่อหลั่งไหลพระโลหิต เพื่อจ่ายค่าหนี้บาปให้เราทุกๆ คนแล้ว นี่คือพระคุณพระเจ้า ผู้เชื่อทุกคนคริสเตียนศาสนาคริสเตียนฝ่ายวิญญาณได้รับทุกคน เอเมนสรรเสริญพระเยซู
แต่ว่านะครับ แต่ว่าพระคุณ 2 เท่าหรือพระคุณที่ครบถ้วนหรือพระคุณซ้อนพระคุณยังไม่มาถึงผู้เชื่อทุกคน แต่จะมาถึงผู้เชื่อที่ถ่อมใจ ผู้เชื่อที่เปิดใจ ผู้เชื่อที่ติดสนิทในพระเยซู และผู้เชื่อที่ไม่ยอมทิ้งพระคำล้ำลึกไป
มีพี่น้องบางคนพอรับมานาฯ มานานหลายปี แต่เข้าถึงความล้ำลึกของพระเจ้ายังไม่ครบ พอมีคนมาบอกว่ากลุ่มพยานพระยะโฮวาห์เนี่ยดีที่สุดถูกต้องที่สุดเป็นกลุ่มเดียวที่พระเจ้ารับรองรับยืนยันว่าถูกต้องและจะมีโอกาสได้รอด พี่น้องที่รับมานาฯ บางคนก็ไป แล้วก็มีบางกลุ่มที่สอนว่าไม่ต้องสารภาพบาป แล้วก็พระคุณพระเจ้าครบถ้วนแล้วที่กางเขน ก็มีพี่น้องบางคนที่รับมานาฯ มานานหลายปีก็ไป
ซึ่งผมมีโอกาสได้คุยกับเขาแล้วก็อธิบายนะครับ แล้วก็บอกว่าไม่ต้องสารภาพบาปเนี่ยอยู่ที่ไหน แล้วผมก็ลองคุยกับเขาว่าจำได้มั้ย 1 ยอห์น บทที่ 1:9 ถ้าหากท่านสารภาพบาป แล้วก็พี่น้องคนนั้นก็บอกว่าอาจารย์ที่สอนเขาพูดว่าหนังสือ 1 ยอห์น, 2 ยอห์น, 3 ยอห์น คือเขียนถึงคนที่ไม่เชื่อ แล้วคำว่าถ้าหากท่านสารภาพบาปพระเจ้าผู้ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรมจะยกโทษให้ท่านและชำระบาปของท่านทั้งหลาย ผมก็เลยบอกว่าลองกลับไปอ่านหนังสือ 1 ยอห์น, 2 ยอห์น, 3 ยอห์นดู แล้วคำแรกที่ท่านยอห์นพูดนะครับก็คือ "ถึง" "ถึงผู้เชื่อทุกคน" ไม่มีแม้แต่ที่เดียวที่บอกว่าถึงคนที่ไม่เชื่อ หรือพูดถึงคนที่ไม่เชื่อให้สารภาพบาป เขาก็เลยคิดอยู่นานพอสมควร
แล้วยังมีอีกหลายเรื่องก็คือพระคุณที่ครบถ้วนอยู่ที่กางเขน ไม่นะครับ. พระคุณที่ครบถ้วนก็คือใช่ครับอันแรกอยู่ที่กางเขน อันที่สองอยู่ในเรา คือพระคริสต์กำลังสำแดงพระคุณของพระองค์อย่างเต็มล้น ในที่สุดเราเป็นผู้ชนะเรียกว่าเราได้รับพระคุณอย่างครบถ้วน เอเมน
ขอพระเจ้ารักษาเราในทางแห่งความสว่างที่แท้จริง ขอพระเจ้ารักษาเราในทางแห่งความสว่าง เพื่อเราจะไม่หลงไปเมื่อได้ยินคำพูดที่อ่อนหวาน คำพูดที่ดี คำพูดที่น่าฟัง เหตุผลที่น่าพิจารณาที่น่ารับได้ แต่จริงๆ แล้วสิ่งเหล่านั้นก็คือกำแพงหรือเหตุผลจอมปลอมที่เขานำมาเสนอ มันน่าฟังมันดูดี แต่มันไม่มีความจริงไม่ใช่ความจริง ผมแนะนำเขานะครับว่าไปสืบไปค้นหาว่าอาจารย์คนนั้นที่สอนเรา คือเขาผ่านมหาวิทยาลัยศาสนศาสตร์มาหรือไม่ แล้วเขาเข้าสู่ความรู้ฝ่ายวิญญาณหรือไม่ เขารู้เรื่องรอด 2 รอดหรือไม่ อันนี้เป็นสิ่งที่น่าเสียดาย แต่ก็ขอพระเจ้าช่วยเขา สำหรับเราก็คือเราทำหน้าที่ที่ดีที่สุดอธิษฐานเผื่อเขา เอเมน
อีกครั้ง พระคุณ 2 เท่า หรือพระคุณซ้อนพระคุณหรือพระคุณครบถ้วน
อันแรก ก็คือ พระเยซูตายบนกางเขนเพื่อไถ่บาปเรา เราทุกคนได้รับพระคุณแล้ว
และพระคุณที่สอง ก็คือ พระคุณซ้อนพระคุณพระคุณอันครบถ้วน หรือพระคุณ 2 เท่า ก็คือเรามีพระคริสต์เป็นคนคิดตัดสินใจแทนเรามากขึ้น เราคิดช้าลงพระคริสต์คิดแทนเรามากขึ้น เราทำน้อยลงพระคริสต์จะทำในเรามากขึ้น
นี่คือเคล็ดลับ..
ถ้าคุณไม่ตาย พระเยซูจะเป็นอยู่ไม่ได้
ถ้าคุณไม่หยุด พระเยซูจะทำไม่ได้
เพราะฉะนั้นคุณจะต้องหยุดและคุณจะต้องตายต่อตัวเก่าต่อชีวิตเก่า
ชีวิตใหม่นี้คุณไม่มีหน้าที่ทำอะไร คุณเป็นอวัยวะที่ให้พระเยซูเป็นคนขับเคลื่อน ฮาเลลูยามันเบามากมันสบายมากและเต็มด้วยสันติสุขด้วยได้พักผ่อนในพระคริสต์อยู่ในสะบาโตของพระเยซูทุกวัน สรรเสริญพระเจ้าเอเมน
เปาโลพูดว่า "เราปิติยินดีในท่านทั้งหลายและท่านทั้งหลายก็ปิติยินดีในเรา" ก็คือเปาโลประกาศ เขาเกิดผล เขาได้รับการก่อขึ้นสู่ชีวิตในพระคริสต์เป็นผู้ชนะในที่สุด แล้วเปาโลเองก็ดีใจและพี่น้องก็ดีใจที่ได้รับข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักรจากเปาโลโดยพระเยซูคริสต์ ทั้งสองปิติยินดีเพราะอะไร เพราะว่าทั้งสองในวันที่พระเยซูเสด็จมา ทั้งสองคือเปาโลและพี่น้องเหล่านั้นก็มีโอกาสได้เข้าไปในอาณาจักรร่วมกัน นี่คือสิ่งที่เราเรียกว่าความปิติยินดีของผู้เชื่อและผู้ที่ได้รับข่าวประเสริฐ
เราทุกคนจะยืนอยู่ต่อหน้าพระที่นั่งของพระคริสต์เมื่อพระเยซูเสด็จมา แล้วก็ดูจากเหตุการณ์ในโลกนี้ คือเรารู้สึกแปลกกันไหม มี 3I/ATLAS กำลังจะมาถึงโลก แล้วก็คือสงครามตอนนี้คือมันยุ่งไปหมด ประเทศที่ไม่เคยมีสงคราม ไม่เคยต่อสู้กัน หรือเงียบกันไปนาน อยู่ดีๆ ก็เกิดโผล่ขึ้นมาแล้วก็ต่อสู้กัน ตอนนี้เรามีปัญหาด้วยใช่ไหมก็คือชายแดนกับกัมพูชา แล้วก็ยูเครนกับรัสเซียก็ต่อมาเรื่อยๆ แล้วก็มีอีกหลายประเทศมีอีกหลายประเทศที่ต่อสู้กันอยู่ มีแผ่นดินไหวมีน้ำท่วมมีเหตุการณ์มากมายที่เราเห็นว่าก็คือ การเสด็จมาของพระเยซูใกล้เข้ามาแล้ว
เพราะฉะนั้นเอาเคล็ดลับที่เปาโลทำเพื่อเข้าสู่ชีวิตผู้ชนะ ไปใช้ แล้วเราเองก็จะมีโอกาสได้เป็นผู้ชนะ และเข้าส่วนในอาณาจักร และการครอบครองร่วมกับพระเยซู เอเมน
เมื่อเรายืนอยู่ต่อหน้าพระเยซู ทุกคนนะครับจะต้องรายงานตัวที่พระที่นั่งของพระคริสต์ เรื่องการดำเนินชีวิตและการรับใช้ เพื่อรับบำเหน็จและเพื่อถูกตีสอนในเวลาพันปี บางคนเน้นไฟบางคนเน้นฤทธิ์เดชบางคนเน้นการไล่ผีบางคนเน้นการรักษาโรค บางคนเน้นความรู้โอ้ความรู้ถกเถียงกันเยอะมาก คุณรู้น้อย ผมรู้มาก คุณไม่รู้ผมรู้ บางคนเน้นการสร้างโบสถ์ใหญ่ๆ บางคนเน้นแสวงหาพระพรความร่ำรวยความมั่งมี บางคนเน้นความสุขในโลกนี้ มากกว่าการสนิทบอกรักและใกล้ชิดพระคริสต์หรือให้พระคริสต์เป็นฐานเป็นรากฐานในชีวิตของเราและเดินโดยการใช้ความรักเป็นหลัก อันนี้ไม่ค่อยมี
แต่พวกเรา เรามาถึงความรู้ที่ล้ำลึก เรามาถึงเคล็ดลับ เรามาถึงกุญแจ ที่จะเข้าถึงอาณาจักรได้ ก็คือการให้พระคริสต์เป็นรากฐาน และดำเนินชีวิตด้วยความรักเป็นหลัก ทำอะไรก็ตาม ยื่นอะไรให้เขา ไปซื้อของไปขายของ ไปทำธุรกิจ ไปหาใคร ไปอยู่กับใคร อยู่กับครอบครัวเรา สามีภรรยาลูก เอาความรักเป็นหลัก ก่อนที่จะพูดก่อนที่จะคิดก่อนที่จะทำอะไรออกไป “เอาความรักไปด้วย”
คือถ้าอาหารไม่มีเกลือหรือไม่มีผงชูรส ต่อไปทุกครั้งที่เราปรุงแต่งอาหารมันก็ต้องมีเกลือมีผงชูรส ทุกครั้งที่เราทำอะไรกับใคร ไปไหน อยู่ที่ไหน ขอให้มีความรักที่เปรียบเสมือนเกลือหรือผงชูรส ให้คำพูดของเรามันมีรสชาติอร่อยกับเขา ให้การกระทำของเรามันดูเหมือนแคร์เหมือนใส่ใจเขา ให้เขาดีใจ ให้เขารู้สึกว่าอย่างน้อยมีคนนึงที่รักเรา และนี่แหละคือหน้าที่ของพวกเราคริสเตียนผู้ชนะ เอเมน
เรื่องความผิด เรื่องการไม่ผิด ผิดถูกเนี่ยเอาไว้ที่หลัง เราถูกไม่เป็นไร เขาผิดโอเคไม่เป็นไร เรื่องการทำดีทำชั่วไม่เป็นไรเอาไว้ทีหลัง แต่เรื่องหลักเรื่องใหญ่สำหรับพระเจ้าที่พระเจ้าต้องการทุกวันนี้ก็คือ “ความรัก” พระเยซูตรัสว่าพระบัญญัติมีมากมายหลายข้อในพระบัญญัติใหม่ แต่พระองค์ย่อย่นเข้าให้เหลือข้อเดียว คืออะไร “รัก” เอเมน love , love yes , คือความรัก คือทุกสิ่ง และคริสตจักรทั้ง 7 ที่พระเยซูตำหนิ คริสตจักรแรกเลยก็คือท่านทั้งหลายขาดความรักดั้งเดิม ความรักคือสิ่งที่พระเจ้าต้องการ
เพราะฉะนั้นทุกวันนี้เราทำทุกสิ่งมีความรักปนผสมอยู่ด้วยไหม คำพูดของเราที่พูดออกมามีความรักผสมอยู่ด้วยไหม การกระทำของเราต่อเพื่อนบ้านต่อสามีภรรยามีความรักผสมอยู่ด้วยไหม หรือจะโกรธโมโหด่าว่าหรือต่อว่า คุณทำผิดผมทำถูก คุณไม่ดีผมไม่ดี คืออะไรประมาณนี้ อันนี้เราคริสเตียนผู้ชนะไม่ทำกัน ถ้าเรายังทำอยู่ไม่เป็นไรสารภาพบาปแล้วขอพระเจ้าชำระเรา ขอทุกวัน “พระเยซูชำระข้าพระองค์เถิดในปัญหาตรงนี้จุดบกพร่องตรงนี้ ข้าพระองค์ไม่ต้องการ ข้าพระองค์อยากสำแดงชีวิตที่เต็มด้วยความรัก เพราะว่าพระองค์ต้องการให้ข้าพระองค์เป็นแบบนี้ พระองค์ทำเถิดเอเมนพระเยซูทำเถิด”
ถาม.
ขออนุญาตถามครับอาจารย์เรื่องการเขียนจดหมายฝากของอาจารย์เปาโลถึงคริสตจักร เล่มที่ 1 ถึง 2 3 4 5 6 กับการเรียบเรียงในพระคัมภีร์ คือในพระคัมภีร์เรียบเรียงโดยกิจการ โรม 1 โครินธ์ 2 โครินธ์ กาลาเทีย อย่างเงี้ยครับ แต่ว่าที่เห็นในวันนี้ก็คือ เล่มที่ 1 ก็คือ เธสะโลนิกา แล้วก็ต่อมา กาลาเทีย ทำไมเขาเรียบเรียงไม่ใช่เล่มแรกคือ 1 เธสะโลนิกา เขาเรียบเรียงโดยจากเหตุการณ์หรือว่าอะไรครับ
ตอบ.
เมื่อเวลาผ่านไปสาวกเสียชีวิตแล้วนะครับ แล้วก็จะมีคริสเตียนกลุ่มนึงที่อยากจะรวบรวมจดหมายฝากของเปาโลเพื่อนับเข้าในพระคัมภีร์ ปรากฏว่าความไม่รู้นะครับความไม่รู้ ในจดหมายฝากของเปาโลไม่ได้เขียนบอกใช่ไหมว่าข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน ค.ศ.นี้ ค.ศ.โน้น ไม่มีใช่ไหม อันนี้นะครับทำให้เขาไม่รู้ เพราะฉะนั้นเขาจึงเรียงลำดับของจดหมายฝากของเปาโลอันไหนอันแรกอันไหนอันก่อนเนี่ยเขาไม่รู้เขาก็เรียงไปตามนั้น แต่นี่คือสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เราทำการบ้าน คือจดหมายฉบับแรกๆ เลยที่เปาโลเขียนก็คืออยู่ใน ค.ศ. 54 ก็คือ 1 เธสะโลนิกา แล้วต่อมาก็คือหนังสือกาลาเทีย ตามที่ผมเขียนให้ 11 ข้อนะครับ
นี่คือลำดับหนังสือที่เปาโลเขียนถึงคริสตจักรต่างๆ จากแรกจนถึงสุดท้าย
1. 1 เธสะโลนิกา / ค.ศ. 54
2. กาลาเทีย / ค.ศ. 54
3. 1 โครินธ์ / ค.ส. 59
4. 2 โครินธ์ / ค.ส. 60
5. โรม / ค.ส. 60
6. ฟิเลโมน / ค.ส. 64
7. ฟีลิปปี / ค.ส. 64
8. เอเฟซัส / ค.ส. 64
9. โคโลสี / ค.ส. 64
10. 1 ทิโมธี / ค.ส. 65
11. 2 ทิโมธี / ค.ส. 67
มันจะดีน่ะถ้าสมัยก่อนเป็นเหมือนทุกวันนี้ที่มีคอมพิวเตอร์ที่เขียนอีเมลส่งข้อความอะไรก็ตามมันจะบอกเวลาวันและเวลาใช่ไหม แต่สมัยก่อนไม่มีนะครับ เพราะฉะนั้นผู้นำทั้งหลายก็รวบรวมจดหมายฝากของเปาโล แต่มีก๊อบปี้มากกว่านี้น่ะ มีก๊อบปี้มากหลายฉบับที่เขาต้องเลือกว่าฉบับไหนควรจะเอามาเก็บไว้ในพระคัมภีร์ และฉบับไหนต้องตัดออกหรือเพิ่ม ก็เขียนเพิ่มใส่ เพื่อให้มันมีค่ามากหรือเพื่อให้มันมีความหมายมากกว่า เขาตัดสินใจเพิ่มบางส่วนของจดหมายหลายฉบับที่เป็นก๊อบปี้เดียวกันเรื่องเดียวกัน คือมันมีคนที่ก๊อบปี้ พอก๊อบปี้ไปเนี่ยก็จะมีการเขียนเพิ่มการเสริมใส่เพื่อให้ผู้ฟังผู้อ่านได้เข้าใจมากขึ้น แต่ปรากฏว่าบางครั้งเนี่ย ก็ขอบคุณพระเยซูน่ะที่พระวิญญาณบริสุทธิ์นำพาให้ไม่มีการผิดเพี้ยนในจดหมายของเปาโลทุกฉบับ
แล้วสมัยก่อนนะครับคือผู้นำคริสตจักรบางคริสตจักร ไปเยี่ยมคริสตจักรนึงที่มีจดหมายของเปาโล คือสมมุติว่าพี่น้องจากเมืองเอเฟซัสไปเยี่ยมคริสตจักรเมืองเธสะโลนิกา แล้วเห็นว่ามีจดหมายฝากของเปาโล โอ้ดีน่ะเดี๋ยวเราจะขอก๊อบ ขอก๊อบแล้วก็เอาไปให้พี่น้องที่เมืองเอเฟซัสได้อ่าน ทีนี้ก็ขอก๊อบนะครับ พี่น้องอีกบางเมือง กาลาเทียก็มาเยี่ยม แล้วก็คือขอก๊อบด้วย
แต่การก๊อบก็คือการเขียนที่อาจจะเพิ่มจะเสริมนะครับ แล้วปรากฏว่ามันมีหลายฉบับเหลือเกิน แต่ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ให้ทุกสิ่งทุกส่วนทุกคำทุกถ้อยคำเนี่ยถูกต้อง เพราะฉะนั้นพอมาถึงเวลาที่กลุ่มที่รวบรวมพระคัมภีร์ให้เป็นเล่มนึง ปรากฏว่าเขาจะเลือกคำถ้อยคำที่เห็นว่าเหมาะสมเพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจเขาก็เขียนใส่เพิ่ม เพราะฉะนั้นหนังสือกาลาเทียเราจะเห็นว่ามาจากหลายฉบับ หนังสือโครินธ์ฉบับเดียวที่เราอ่านในพระคัมภีร์ใหม่ มาจากจดหมายหลายฉบับที่เขาก๊อบ ก๊อบปี้ต่อกันมา
การก๊อบปี้ในสมัยก่อนก็คือนั่งเขียนนะครับ เขียนด้วยปากกา ไม่ใช่ก๊อบด้วยเครื่อง Copy machine ที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้มันเร็วมากใช่ไหม
ถาม.
คือกลุ่มเทียมเท็จที่ว่าเขาจะเอาพระคำของพระเจ้ามาชักชวนเราให้เราออกมาจากมานาฯ คำสอนของเขาจะไม่มีอยู่ในไบเบิลใช่ไหมครับ เขาจะกุขึ้นมาสอนเองใช่ไหมครับ
ตอบ.
มีหลายเรื่องนะครับที่ไม่ได้อยู่ในพระคัมภีร์ และก็มีหลายเรื่องที่อยู่ในพระคัมภีร์ แต่การแปลของเขาก็คือแปลผิดเพี้ยน
สมมุติตัวอย่างที่ผมเพิ่งคุยกับพี่น้องบางคนเมื่อคืน ก็คือเขาบอกว่าไม่ต้องสารภาพบาป แล้วก็หนังสือยอห์นที่เขียนว่าไม่ต้องสารภาพบาป ก็คือเขียนถึงคนที่ไม่เชื่อ อันนี้ผมจับได้นะครับก็คือขอบคุณพระเจ้าที่ให้เราได้รับการเปิดตาเข้าสู่ความจริง แล้วผมได้เรียนรู้มาก่อน เราย้อนกลับไปดูใน 1 ยอห์น, 2 ยอห์น, 3 ยอห์น พบว่าท่านยอห์นเขียนถึงผู้เชื่อทุกคนแล้วไม่เกี่ยวกับคนที่ไม่เชื่อ นี่นะครับคือสิ่งที่เราพิสูจน์ได้ว่าเขาสอนผิด ผิดเพี้ยน
แล้วก็พระคุณครบถ้วนแล้วที่กางเขน แล้วผมบอกว่ายังไม่ใช่ พระเยซูฟื้นขึ้นมาจากความตายแล้วอยู่ในพวกเราทำแทนเรา นี่คือการครบถ้วนของพระคุณคือพระคุณซ้อนพระคุณ เขาก็นั่งนิ่งไม่พูดอะไร อีกหลายๆ เรื่องนะครับที่เราคุยกัน ปรากฏว่าคือเขาแปลพระคัมภีร์ผิดเพี้ยนตามความคิดความเข้าใจของเขาเอง แล้วอาจารย์ที่สอนในกลุ่มนี้ในองค์กรนี้ในคณะนิกายนี้ก็คือมีความรู้พระคัมภีร์ไม่แน่นพอ เพราะฉะนั้นต้องระมัดระวังนะครับผู้นำที่เป็นศิษยาภิบาลที่เป็นศาสนาจารย์ที่เป็นอะไรก็ตาม อาจจะอยู่ในคริสตจักรหลายปีมีผลงานดีเด่นมากมาย แต่ความรู้ไม่แน่นความรู้เรื่องศาสนศาสตร์ไม่แน่น แล้วปรากฏว่าเขาก็นำในสิ่งที่เขาเข้าใจแค่นั้นตื้นๆ บางข้อเอามาแปลมาตีความหมายทำให้มันผิด
ถาม.
แล้วกลุ่มนี้เขาไม่ใช่กลุ่มเทียมเท็จใช่มั้ยครับ เป็นคริสเตียนศาสนาใช่มั้ยครับแบบนี้
ตอบ.
สำหรับคริสเตียนที่เรียกว่ากลุ่มเทียมเท็จก็คือ ปฏิเสธเรื่องพระเจ้า 3 พระภาค ปฏิเสธว่าพระเยซูไม่ใช่พระเจ้า แล้วก็ปฏิเสธว่าไม่มีบึงไฟ คือความเชื่อหลักของคริสเตียนถ้าหากเราปฏิเสธหลายๆ ข้อนะครับเขาก็จะถูกกำหนดว่าเป็นคริสเตียนเทียมเท็จ
อย่างเช่น: กลุ่มพยานพระยะโฮวาห์
อย่างเช่น: กลุ่มมอร์มอน ที่เชื่อในพระคัมภีร์ของพวกเราแต่ตีความหมายไปผิดเพี้ยนเยอะมาก เราก็จำเป็นนะครับที่ต้องเรียกเขาว่าเป็นกลุ่มเทียมเท็จ
แต่พี่น้องที่แปลผิดพระคัมภีร์เนี่ยก็เต็มไปหมดนะครับทุกวันนี้ คริสเตียนศาสนาก็แปลพระคัมภีร์ผิด ตีความหมายตามความคิดของเขาเอง แต่เราจะไม่เรียกเขาว่าเป็นกลุ่มเทียมเท็จ เราจะเรียกเขาว่าเป็นกลุ่มที่เชื่อผิดนะครับ เพราะว่าเขาเชื่อพระเจ้า 3 พระภาค เขาเชื่อว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า เป็นพระผู้ไถ่ เขาเชื่อว่ามีบึงไฟ เขาเชื่อว่าพระคัมภีร์ทุกเล่มทุกบทคือเป็นมาโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ อันนี้เรายอมรับเขาว่าไม่ใช่กลุ่มเทียมเท็จ แต่เป็นกลุ่มที่เชื่อผิดเท่านั้นเอง
ถามว่าทำไมเราเชื่อว่ากลุ่มฟื้นฟูที่มีความเชื่อความรู้เหมือนกับพวกเรา ถามว่าทำไมเราเชื่อว่าเขาเป็นกลุ่มเทียมเท็จ เพราะว่าเขาเริ่มเพี้ยนนะครับบอกว่าพระเจ้ามี 4 พระภาคไม่ใช่ 3 พระภาค อันนี้แน่นอนครับ แล้วคริสตจักรทั่วโลกคริสเตียนทั่วโลกก็บอกว่าเขาเป็นกลุ่มเทียมเท็จอยู่แล้ว แล้วทีนี้เรามาเห็นความจริงนี้ก็คือเรายอมรับเหมือนกันว่าเขาเป็นกลุ่มเทียมเท็จ
สิ่งที่สองที่เราเรียกว่าเขาเป็นกลุ่มเทียมเท็จเพราะว่าเขาบอกว่าคริสเตียนเป็นมนุษย์พระเจ้า ผู้เชื่อเนี่ยเป็นมนุษย์พระเจ้า เราตอนนี้เนี่ยกำลังพัฒนาจากหนอนแล้วต่อมาจะเป็นผีเสื้อ ก็คือจากมนุษย์พระเจ้าเล็กๆ แล้วต่อมาโตขึ้นมาก็จะเป็นมนุษย์พระเจ้าแล้วก็เป็นพระเจ้าด้วย เราคือพระเจ้า มีใครกล้าพูดไหม แล้วมีใครมีจิตใต้สำนึกที่ยอมรับไหมว่าเราเป็นพระเจ้า เป็นไปได้ ไม่มีนะครับ. เขาอ้างว่า ลูกไก่ก็คือไก่ พอมันโตขึ้นมันก็คือไก่ ลูกเป็ดมันเกิดมามันก็เป็นเป็ด มันก็เป็นลูกเป็ด แต่โตมามันก็เป็นเป็ด คือเราเป็นลูกพระเจ้า เราโตขึ้นสุดท้ายเราก็เป็นพระเจ้า อันนี้ไม่ใช่นะครับไม่ใช่แล้ว
คือสมมุติว่าผมมีพ่อนะครับ อยู่กับคุณพ่อ ผมยังเล็กๆ อยู่ ก็เป็นลูกของคุณพ่อใช่ไหม แล้วผมโตขึ้น ผมเป็นพ่อไหม ไม่น่ะผมก็ยังเป็นลูกของพ่อของผมอยู่ ถูกไหมครับ แล้วความเชื่อนี้กลุ่มฟื้นฟูไปรับมาจากจอยซ์ไมเออร์ซึ่งเป็นผู้นำผู้หญิง แล้วก็เบนนี่ ฮินน์ แล้วก็คริสเตียนมากมายที่อยู่ในอเมริกา เขาเชื่อนะครับว่ามนุษย์เป็นพระเจ้า มนุษย์พระเจ้าเล็กๆ พระเจ้าองค์เล็กๆ และต่อมาก็เป็นพระเจ้า แต่สำหรับสิ่งนี้เราเรียกว่าหมิ่นประมาทพระเจ้านะครับ เพราะว่าเราเป็นลูกของพระเจ้า โตขึ้นเท่าไหร่เป็นผู้ชนะก็ยังเป็นลูกของพระเจ้า ไม่ใช่พระเจ้าที่ต้องมีอะไรที่เท่าเทียมกับพระเจ้า ไม่นะครับ. แต่สำหรับกลุ่มนี้เขาบอกว่าเราเป็นพระเจ้า We are God อันนี้มันอันตรายมาก เอเมน
ถาม.
อาจารย์ขอถามค่ะมีพี่น้องอ่ะค่ะเขาบอกว่าการบอกรักเนี่ยจะต้องบอกเฉพาะผู้เชื่อใหม่ๆ ไม่ใช่ใช่มั้ยค่ะอาจารย์ ของเรานี่บอกตลอดเนาะ
ตอบ.
สำหรับคริสเตียนที่เพิ่งเชื่อ เป็นคริสเตียนใหม่ๆ อย่าเพิ่งไปสอนเขาเรื่องการบอกรัก ให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องความเชื่อความหวังความรอด ให้เขาได้ปูพื้นก่อน หลังจากนั้นนะครับเราจึงอธิบายให้เขาฟังว่าเป้าหมายสูงสุดของคริสเตียน ก็คือการบอกรักพระเยซู ก็คือการสนิทในพระเยซู พระเยซูไม่ได้ต้องการให้เราทำๆๆ แต่พระเยซูต้องการความรักๆๆ
ศาสนาคริสต์เขาทำ แต่เราไม่ใช่ศาสนาคริสต์ เราเป็นบุตรพระเจ้า เราเป็นผู้เชื่อในพระเยซู และเรามีหน้าที่สร้างความผูกพันที่ดีกับพระเจ้า
เราไม่ใช่ศาสนาแต่เราเป็นคนที่สร้างความผูกพัน เข้าใจไหมครับ ศาสนาเขาเน้นที่การกระทำ แต่เราเน้นที่ความรัก ความผูกพัน
ถ้าเราเข้าใจภาษาอังกฤษเราจะรู้ว่ามีบางคนที่พูดก็คือ We are not religion , We are relationship ก็คือเราไม่เน้นที่การกระทำในลักษณะของศาสนาที่ทำๆๆ ทุกวัน แต่เราเน้นที่ความผูกพันสร้างความผูกพันก็คือ relationship เอเมน
ดูตัวอย่างง่ายๆ ถ้าเราไม่เห็นใครก็คือ มารีย์กับมารธา พี่สาวกับน้องสาว ที่มารธาเน้นที่ทำๆๆ ทำกับข้าวทำอาหาร ทำไปแล้วก็บ่นไปด้วยเพราะว่าเหนื่อย แต่มารีย์ไม่ได้ทำอะไรนั่งที่พระบาทของพระเยซู แล้วก็ตั้งใจฟังถ้อยคำที่พระเยซูตรัส สุดท้ายพระเยซูตรัสว่าใครเป็นคนที่เราชอบพระทัยชอบใจมากที่สุด ใครที่ทำดีมากที่สุด แล้วพระเยซูก็ชี้ไปที่นางมารีย์
แล้วเราจะเห็นว่าประวัติศาสตร์คริสตจักรบันทึกเรื่องชีวิตการรับใช้ของนางมารีย์เต็มไปหมด แต่ไม่มีการบันทึกเรื่องประวัติการรับใช้ของนางมารธา ไม่มีอะไรเลย
คือพระเจ้ายกย่องพระเจ้าให้เราใส่ใจที่เรื่องการสนิท การนั่งใกล้ๆ พระเยซู พูดคุยกับพระเยซู สร้างความผูกพันที่ดีกับพระองค์ นี่นะครับคือหัวใจของคริสเตียน
กลับมาถามพวกเรา ที่ผ่านมาพวกเรามีความผูกพันที่ดีกับพระเยซูหรือไม่ ถ้าไม่มี ไม่สายเกินไปนะครับ เรากลับใจ แล้วก็บอกว่า “พระเยซูชำระข้าพระองค์เถิด ตั้งแต่วันนี้สอนข้าพระองค์นำข้าพระองค์ พระองค์เป็นคนนำข้าพระองค์นะไม่ใช่ข้าพระองค์นำเอง ความปรารถนาและการกระทำเนี่ยอยู่ที่พระองค์ เพราะฉะนั้นเป็นหน้าที่ของพระองค์ที่ต้องทำ พระองค์ชำระข้าพระองค์เลย พระองค์นำข้าพระองค์ให้สนิทให้บอกรักให้พูดคุยให้สนทนา ให้อยู่ใกล้พระองค์ตลอดเวลา เป็นหน้าที่ของพระองค์นะ จัดการเลยพระเยซูเอเมน” เราพูดแบบนี้พระเจ้าก็จะทำ
ถาม.
ไม่ทราบว่ากลุ่มผู้เชื่อฝ่ายวิญญาณอื่นๆ ที่เป็นผู้ชนะ ที่อาจจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มมานาฯ ที่เขามีการฝึกเดินเหมือนเรามั้ยครับ คือเอาเรื่องการนับตายการถวายตัวใหม่ เอาชีวิตของเปาโลไปฝึกเดินเหมือนเรามั้ยครับ หรือยังไงครับ
ตอบ.
เท่าที่ผมรู้เฉพาะในอเมริกานะครับ ประเทศอื่นผมไม่ทราบ แต่เฉพาะในอเมริกามีหลายกลุ่ม มีหลายกลุ่มที่เรียกกันว่าเป็น Spiritual groups , Spiritual Church เป็นคริสตจักรฝ่ายวิญญาณ ซึ่งในยูทูปเราค้นหาดูได้ ซึ่งมีหนังสือที่เป็นฝ่ายวิญญาณ มีผู้นำหลายคนนะครับผู้รับใช้หลายคนที่เขียนไว้ ซึ่งบางคนก็เสียชีวิตไปแล้ว บางคนก็ยังมีชีวิตอยู่ แล้วพี่น้องคริสเตียนที่นำเอาความรู้เหล่านี้มาเพื่อเรียนรู้เพื่อรับเอาแล้วก็เพื่อฝึกเดิน นับตายนับเป็นคนใหม่อะไรทั้งหลายเนี่ย ก็คือมีนะครับมีเยอะมากมีหลายกลุ่ม แต่อย่าลืมนะครับเขาจะเป็นกลุ่มเล็กๆ ไม่ใช่กลุ่มใหญ่ๆ อันนี้เป็นคำทำนายของพระเยซูเองในวิวรณ์บทที่ 2 บทที่ 3 คือจะมีกลุ่มเล็กๆ เยอะแยะเต็มไปหมดกลุ่มคริสเตียนฝ่ายวิญญาณที่ฝึกเหมือนพวกเรา
ไม่ใช่แต่เฉพาะพวกเราเป็นกลุ่มเดียว ไม่ใช่ว่ากลุ่มมานาที่ซ่อนไว้ สุดท้ายจะจบไปที่อาณาจักร ไม่นะครับยังมีพี่น้องอีกหลายกลุ่ม แต่เขาไม่เรียกชื่อเขาว่าเป็นกลุ่มมานาที่ซ่อนไว้ เขาอาจจะเรียกกลุ่มว่าเป็นกลุ่มพระกายเที่ยงแท้ หรือเป็นคริสตจักรของพระเยซูเฉยๆ คือไม่อวดชื่อไม่พูดถึงชื่อไม่ต้องพูดอะไรก็ได้ เรียกว่าคริสตจักรของพระเยซู
เราจะเรียกในอนาคตก็ได้นะครับบอกว่าพวกเราเป็นคริสตจักรของพระเยซู ถ้าจะพูดว่าพระกายเที่ยงแท้ในเชิงของการไม่อวด หรือไม่ทำให้คนอื่นมองว่า อ๋อพวกนี้อวดดีอวดเก่งคิดว่าเขาถูกเขาเป็นผู้ชนะกลุ่มเดียว เราก็หลีกเลี่ยงได้นะครับ เราเรียกว่าคริสตจักรของพระเยซูก็ได้
อีกครั้งนะครับขอย้ำมีหลายกลุ่มมีเยอะแยะเต็มไปหมดโดยเฉพาะที่อเมริกา และสิ่งที่สำคัญขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์นำความจริงรวบรวมทุกสิ่งทั้งหมด ขอบคุณพระเยซูที่คือผมเป็นผู้เล็กน้อยที่พระองค์อนุญาตให้นำเอาความรู้มาจากหนังสือหลายฉบับมาจากผู้นำหลายท่าน ไม่ว่าจะเป็นคนที่อยู่นานมาแล้วหลายสิบปี แล้วก็บางคนในสมัยนี้ ขอบพระคุณพระเจ้าที่ให้นำมาแล้วก็รวบรวมให้เป็นชีวิตเป็นความจริงและมีฤทธิ์เดช เพื่อเราอ่านแล้วจะได้กินได้ดื่มได้สัมผัสพระวิญญาณบริสุทธิ์ อันนี้เป็นพระคุณอันล้นเหลือ แล้วก็ทำให้เราฝึกเดินได้ง่ายฝึกเดินได้สะดวก แล้วก็รู้วิธีการฝึก แล้วก็นำเอาชีวิตเปาโลมาค้นทุกจุดทุกที่ทุกแห่ง เขาทำอะไรเพื่อที่จะเป็นผู้ชนะได้ เราก็นำมารวบรวม ก็เอเมน
คือผมเคยพูดใช่ไหมว่าตอนที่อยู่อเมริกาก็คือตอนได้พบได้รับการเปิดตาครั้งแรกเนี่ย ก็คือตอนที่ไม่อยากฟัง พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็ผลัก ก็ผลักให้มานั่งฟัง อยากออกจากการนั่งฟังอยากหยุดฟังเพราะว่าเหนื่อย พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็ผลักมาให้ฟัง ก็คือทั้งฟังทั้งอ่าน ก็คือหนังสือหลายๆๆๆๆ สิบฉบับ ก็ได้อ่านได้เรียนรู้แล้วก็จำได้ง่ายด้วย ก็ขอบคุณพระเจ้า อันนี้เป็นผลของพระวิญญาณที่พระองค์ต้องการที่จะสอนแล้วก็จะใช้ผมในอนาคตนะครับ ก็ขอบคุณพระเยซู
ถาม.
เอเมนขอถามครับ คือคริสตจักรผู้ชนะถึงจะมีหลายกลุ่มก็ตาม แต่ว่าความเชื่อการสอนการเรียนรู้ ความเข้าใจความรู้ฝ่ายวิญญาณก็คือคล้ายๆ กันไม่ห่างกันมากใช่ไหมครับ
ตอบ.
จะมีคล้ายๆ กันแบบนี้ ก็คืออยู่ในพระคัมภีร์อยู่ในข้อลึกลับ เขาได้เห็นเหมือนที่เราได้เห็น เป็นคนใหม่ตายต่อตัวเก่า ชีวิตใหม่ในพระคริสต์เท่านั้น ชีวิตเก่าเข้าไปอยู่ในพระคริสต์ไม่ได้ ไม่ได้รับอนุญาต แล้วก็เราทุกวันนี้มีพระคริสต์ทำแทน พระคริสต์อยู่ในเรา ซึ่งเป็นความรู้ที่พวกเราได้เรียนรู้นี่แหละที่พวกเขามี
ซึ่งบางคริสตจักรก็อาจจะไม่ได้มีครบเหมือนพวกเราก็เป็นได้ ก็มีนะครับแล้วแต่ผู้นำที่จะได้รับการเปิดเผยมากน้อยแค่ไหน แต่จะเป็นความรู้ที่แตกต่างไปจากคริสเตียนศาสนาเยอะมากอย่างมากมาย พระคริสต์อยู่ในเราเนี่ยคริสตจักรศาสนาไม่มีใช่ไหม พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่เข้าไม่ออก และอยู่กับเราตลอดไปเนี่ย คริสตจักรศาสนาก็ไม่มีเหมือนพวกเรา พระคริสต์สถิตอยู่ในเราเป็นความหวังแห่งสง่าราศี พระคริสต์ทำแทนเนี่ย เขาก็ไม่รู้ เขาต้องพยายามรักษาพระบัญญัติ พระบัญญัติใหม่ตอนนี้มาพระบัญญัติเดิมจบไปแล้ว อันนี้เขาก็ไม่รู้ เห็นไหมครับก็คือสิ่งเหล่านี้ก็คือคริสตจักรมากมายที่อาจจะไม่ใช่กลุ่มพวกเราเขาก็ได้รับเหมือนกัน เอเมน
ถาม.
แล้วกรณีที่ในเรื่องของเชื้อยีสต์ ที่แปลผิดอ่ะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเทศกาลโดยเฉพาะคริสต์มาส หรือเทศกาลใหญ่ๆ อ่ะค่ะที่แบบว่าพี่น้องในรูปแนวศาสนาเขายังเอามาปฏิบัติ ในส่วนนี้ค่ะสำหรับพี่น้องที่ได้รับการเปิดตาแล้ว คือเขาจะเข้าใจในส่วนนี้ด้วยมั้ยค่ะหรือว่ามันก็แล้วแต่ผู้นำของเขา ณที่นั้นๆ ว่าได้รับการเปิดตาหรือยัง เกี่ยวข้องมั้ยค่ะ
ตอบ.
เราเห็นว่ามีผู้นำคริสเตียนฝ่ายวิญญาณเยอะแยะนะครับที่ลงยูทูปที่ต่อต้านเรื่องการเฉลิมฉลองคริสต์มาส หรือถือวันถือเดือนถึงปี ถือเทศกาลต่างๆ อันนี้มันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ชัดเจนมากที่เปาโลพูดใช่ไหมล่ะว่าท่านทั้งหลายอย่าถึงวันอย่าถือเดือนอย่าถือปีอย่าถือเทศกาลทั้งหลายเพราะว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเงาและเป็นเงาของสิ่งหนึ่งที่จะตามมาก็คือ “พระคริสต์ ”
เมื่อพระคริสต์เสด็จมา เราไม่ถืออะไรเราถือพระคริสต์ เมื่อพระคริสต์เสด็จมาเราไม่มองที่อะไรเรามองที่พระคริสต์ เมื่อพระคริสต์เสด็จมาเราไม่ใส่ใจเราไม่เน้นเราไม่ยุ่งอยู่กับการกระทำอะไรทั้งหลาย เราไม่ปักใจในสิ่งอื่นๆ สิ่งต่างๆ แต่เราปักใจที่พระคริสต์ พระคริสต์เป็นพระเอก พระคริสต์เป็นศูนย์กลาง พระคริสต์เป็นหลักเป็นรากฐานของชีวิต พระคริสต์เป็นชีวิต พระคริสต์เป็นทุกสิ่ง
นี่คือสิ่งที่เปาโลย้ำ เพราะฉะนั้นการถือวันการถือเดือนการถือปีการถือเทศกาลการถืออะไรทั้งหลาย มันเป็นเพียงแค่เงา แล้วพระคริสต์เสด็จมามันก็จบไปแล้ว
คือตอนที่เรายืนอยู่ตามถนนแล้วปรากฏว่าพอแสงแดดมีน้อยๆ เราก็เห็นเงาเราอยู่ แต่ปรากฏว่าพอตะวันขึ้นอยู่บนฟ้าแล้วก็อยู่ตรงศีรษะของเราเงามันก็หายไป
เมื่อพระคริสต์เสด็จมา เงาทั้งหลายก็คือการถือวันการถือเดือนการถือเทศกาลการรักษาพระบัญญัติทุกสิ่งเก่าๆ ก็คือมันจบไปแล้ว
แล้วสิ่งที่สำคัญทุกวันนี้ที่อยู่ได้คนเดียวผู้เดียวก็คือ “พระคริสต์” พระคริสต์เป็นผู้เดียวที่เราต้องใส่ใจ ที่เราต้องรัก ที่เราต้องเข้ามาใกล้ๆ ที่เราต้องพูดคุยด้วย ที่เราต้องให้พระองค์เป็นที่หนึ่งในหัวใจของเราดวงใจของเรา เอเมน
ทุกๆ ปีพอคริสตจักรศาสนาจัดงานคริสต์มาส หลายคนยอมรับนะครับว่าเกิดผล มีผู้เชื่อมากมายมากลับใจ มารับเชื่อ มาต้อนรับพระเยซู บางคนถูกเชิญมาเพื่อมางานเลี้ยงคริสต์มาสของคริสตจักรของเพื่อนที่ชวนมา เขาก็มา ปรากฏว่าได้ยินเสียงเพลงได้ยินการประกาศการเทศนา เขาก็กลับใจ หลายคนก็เลยคิดว่าการจัดคริสต์มาสเป็นสิ่งที่ดีนำคนมาเชื่อได้เยอะหรือมีผลของพระวิญญาณ แต่เราสังเกตดูดีๆ นะครับพระเจ้าทำงานผ่านทุกคนที่ประกาศข่าวประเสริฐผ่านทุกคนที่เทศนา พระเจ้าอยู่กับคริสตจักรศาสนาทุกๆ คริสตจักรศาสนา เพื่อรอโอกาสที่จะช่วยคนทั้งหลายให้ได้รอด แต่พระเจ้าไม่ได้สนับสนุนให้เราถือเทศกาลหรือจัดงานคริสต์มาส
เราลองมาคิดดูกันดีไหมการจัดงานคริสต์มาสหรือการจัดงานทั้งหลาย พอจัดงานเสร็จ งานจบ มีอะไรเกิดขึ้น มีคนบ่นมีคนต่อว่ามีคนถกเถียงกันมีคนน้อยใจ สิ่งที่ดีๆ เกิดขึ้นเนี่ยไม่ค่อยจะมี แล้วงานคริสต์มาสเขาเน้นที่อะไรเขาใส่ใจปักใจในสิ่งไหน ของขวัญ การร้องเพลง การแสดงละคร การบันเทิงทั้งหลาย พระคริสต์อยู่ที่ไหน? จำกันได้ไหมที่ผมเคยพูดนานมาแล้วหลายสิบปีนะครับว่า เขาจัดงานคริสต์มาสเขาจัดงานวันเกิดให้เราแต่เขาไม่เห็นเราอยู่ที่นั่น เราไปงานคริสต์มาสเราเคยคำนึงถึงไหมว่าพระเยซูอยู่ที่นั่น ไม่น่ะ. ถูกไหมครับ
เขาบอกว่าคืองานคริสต์มาส คืองานวันเกิดของพระเยซู แล้วมีใครบ้างที่เอาของขวัญไปให้พระเยซู ไม่มี. คือเอาของขวัญไปแลกไปแจกกัน ผมเอามาให้คุณคุณเอามาให้ผม แล้วเจ้าของงานวันเกิดทำไมไม่ได้อะไรเลย ถูกไหมครับ อย่างน้อยนะครับทุกๆ คนก็น่าจะพูดว่า happy birthday พระเยซู พระเยซูพวกเรารักพระองค์ พระเยซูพวกเราขอถวายสรรเสริญแด่พระองค์ พระเยซูพระองค์เป็นผู้ที่เป็นเจ้าของวันเกิดในวันนี้ ขออวยพรพระองค์ ทุกสิ่งที่เป็นคำพูดที่ดีๆ ยกย่องสรรเสริญขอบพระคุณ ไม่มีน่ะ. เขาเน้นที่อะไร ที่งาน ความสนุกสนาน เอเมน
ถาม.
ขอ อ. ขยายความประโยคนี้หน่อยนะคะ “ทุกสิ่งเป็นแค่เงา ท้ายที่สุดจะเหลือแค่เรากับพระเจ้า”
ตอบ.
ถูกแล้วครับ เปาโลเคยพูดในหนังสือโคโลสี 2:16-17 ที่บอกว่า ท่านอย่าฉลองอย่าถือเทศกาลทั้งหลาย อย่าถือวันถือเดือนถือปี เพราะว่าทุกสิ่งเหล่านี้ หรือแม้แต่การรักษาพระบัญญัติเดิม ทุกสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงแค่เงา
เงานะครับก็คือสิ่งที่เป็นอยู่ชั่วคราว รอให้พระผู้หนึ่งเสด็จมา ในหนังสือกาลาเทียบทที่ 4:10 เปาโลเขียนโดยพระวิญญาณ ทุกสิ่งรอพระเยซูคริสต์เสด็จมา เมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จมานะครับ ทุกสิ่งก็จบก็ผ่านไปก็หมดอายุ ภาษาอังกฤษ expired มันหมดอายุแล้วมันใช้ไม่ได้แล้ว มันไม่ได้อนุญาตให้นำมาใช้อีกต่อไป ก็คือเงา คือสิ่งที่เป็นอยู่ชั่วคราว
คือพระบัญญัติเดิมเป็นอยู่กับชาวยิว 400 กว่าปี แล้วเมื่อพระเยซูเสด็จมา พระองค์ตรัสว่าพระบัญญัติจบแล้ว เราไม่ได้มาเพื่อทำลายล้างพระบัญญัติแต่จะทำให้สำเร็จ สำเร็จก็คือสร้างพระบัญญัติจากพระบัญญัติเดิมเปลี่ยนแปลงแก้ไขสร้างให้เป็นพระบัญญัติใหม่ พูดง่ายๆ ก็คือพระบัญญัติเดิมไม่มีแล้วมันจบแล้ว แล้วในโรมบทที่ 10:4 เปาโลพูดโดยพระวิญญาณว่า พระเยซูเป็นจุดจบของพระบัญญัติ นั่นไงก็คือเงามันหมดแล้วมันหายไปแล้วมันไม่มีแล้ว คือตัวจริงของจริงคือพระเยซูมาแล้ว
อีกครั้ง การดำเนินชีวิตคริสเตียนของเรา เราไม่ได้แบกภาระหนักแอกหนักกางเขนหนัก เราไม่ได้ใส่ใจเรื่องการพยายามทำๆๆ เพื่อพระเจ้า รับใช้พระเจ้าตื่นแต่เช้าไปประกาศเขาประเสริฐ มาปรนนิบัติพระเจ้าไปที่โบสถ์ไปทำความสะอาด ไปช่วยกันนู่นนี่นั่น
แต่สิ่งที่คริสเตียนเราที่จะต้องทำในแต่ละวัน ก็คือการใส่ใจที่พระเยซู การปักใจไปที่พระเยซู การนั่งใกล้ๆ พระเยซูเหมือนนางมารีย์ แล้วก็การพูดคุยสนิทในพระเยซูเหมือนเปาโล นี่คือสิ่งเดียวที่พระเจ้าต้องการ “ความรัก” “การสนิท” พระเจ้าต้องการคนใกล้ชิด คนสนิทคนรัก พระเจ้าไม่ได้ต้องการคนใช้
ถาม.
โคโลสี 2:16-17 เหตุฉะนั้นอย่าให้ผู้ใดพิพากษาปรักปรำท่านในเรื่องการกินการดื่ม ในเรื่องการถือเทศกาล วันต้นเดือน หรือวันสะบาโต สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเงาของเหตุการณ์ที่จะมีมาในภายหลัง แต่กายนั้นเป็นของพระคริสต์ เอเมนครับ
ตอบ.
แต่กายนั้นเป็นของพระคริสต์ พระคริสต์มาแล้วนะครับ เทศกาลทั้งหลายการถือวันถือเดือนถือปี การถืออะไรก็แล้วแต่ การกินการดื่ม หลายคริสตจักรระมัดระวังเหลือเกินอย่ากินนู่นอย่ากินนี่อย่าดื่มนู่นอย่าดื่มนี่ อย่าทำนู่นอย่าทำนี่ รักษาพระบัญญัติน่ะ ต้องถือคริสต์มาสน่ะ Thanksgiving Day วันขอบพระคุณอะไรทั้งหลายแหล่ ก็ใส่ใจกันเหลือเกิน แต่เขาไม่เห็นกาลาเทียบทที่ 4:10
กายนั้นคือพระคริสต์ ก็คือพระคริสต์พระเยซู แล้วก็เราที่เป็นพระกาย เราใส่ใจพระเยซูและเราใส่ใจอวัยวะของพระองค์ ก็คือเราทุกคนนี่แหละที่เป็นพระกายของพระเยซู เอเมนฮาเลลูยา