เอเมนพระเยซูขอบพระคุณสำหรับหนังสือกิจการ ขอบพระคุณสำหรับความเข้าใจใหม่ๆ ขอบพระคุณสำหรับพระคุณของพระเจ้าที่ทำให้เราได้กลายเป็นคนชอบธรรมบริสุทธิ์ และกลายเป็นบุตรพระเจ้า และอยู่ในพระเจ้า พระเจ้าอยู่ในเรา ขอบพระคุณที่พระองค์รักเราและประทานพระคุณให้แก่เรา ก็คือองค์พระเยซูคริสต์ที่พระองค์ช่วยเราตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงสุดท้ายของชีวิต
เพียงแค่เราสนิทในพระองค์และบอกรักพระองค์สร้างความผูกพันกับพระองค์ สะสมพระคำแห่งความจริง เราก็จะกลายเป็นผู้ชนะ และผู้ที่พระองค์ยกขึ้นเพื่อสำแดงชีวิตของพระองค์ท่ามกลางโลกนี้ และท่ามกลางคริสตจักรของพระองค์ เราสรรเสริญพระเยซูเรารักพระองค์เอเมน
มีหนังสือหลายเล่มที่เปาโลเขียน แล้วก็สาวกอีกบางคนเขียน ก็คือยืนยันว่า พระเจ้า 3 พระภาคอยู่กับเรา อยู่ในเรา โดยเฉพาะก็คือ เอเฟซัส 3:17 และโคโลสี 1:27 พระคริสต์อยู่ในเรา ขอบพระคุณพระเจ้า นี่คือสิ่งสำคัญ และก็พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็อยู่ในเรา (2 ทิโมธี 1:14) พระบิดาก็อยู่ในเราใน (หนังสือยอห์นบทที่ 14)
...
ถาม.
พอดีว่าช่วงนี้มีเกี่ยวกับน้ำท่วมใช่ไหมค่ะ แล้วก็น้ำที่ทะเลลดไปกว่า 2 กิโลเมตร แล้วมันมีเสียงดังก้องมากจากบนฟ้านะคะ ทีแรกก็ไม่รู้ว่าเสียงอะไร แต่เมื่อเช้าฟังมันเหมือนคล้ายๆ ว่าเป็นทูตสวรรค์เป่าแตรหรือเปล่าค่ะ อันนี้ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวข้องกับวิวรณ์ไหม หรือว่าเสียงนี้คือคิดกันไปเองหรือเปล่าว่ามีเสียงเหล่านี้ค่ะ เพราะมันดังแล้วก็ดังยาวมากเลยบางคนก็เข้ามาตีความหมายไปต่างๆ นาๆ ก็ไม่แน่ใจว่าพระเจ้าเตือนมนุษย์หรือเตือนพวกเราผ่านสถานการณ์นี้หรือเปล่าค่ะ เอเมนค่ะ
ตอบ.
เรื่องแตรที่ 1 ถามว่าเริ่มขึ้นหรือยัง อันนี้เราไม่ทราบไม่มีคำตอบนะครับ แต่เราถ้าจะดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ คือมันไม่เหมือนที่ผ่านมาใช่ไหม มีหลายเรื่องราวมีหลายสิ่ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันค่อนข้างจะแปลกๆ ใหม่ๆ และก็เป็นเรื่องใหญ่ด้วยโดยเฉพาะน้ำท่วม
ได้ยินเสียงที่กระหึ่มนะครับ ก็ไม่แน่อาจจะเป็นเสียงแตรก็ได้ ถามว่าทำไมได้ยินแต่เฉพาะในเมืองไทย คือไม่น่ะ คือคำตอบก็คือได้ยินเสียงอยู่แถวๆ นั้น แต่มันไปถึงทั่วโลกได้ยังไง โซเชียลใช่ไหม ก็คือทุกคนได้รู้ข่าว ได้ยินข่าว ทั่วโลกนะครับว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่ไหนบ้าง ซึ่งอาจจะเป็นได้ (แต่เราไม่กล้าพูดว่าแน่นอนใช่ เราแค่บอกว่าอาจจะเป็นได้)
ซึ่งถ้าหากแตรที่ 1 เกิดขึ้นเมื่อไหร่ ก็คือการเริ่มขึ้นของการเริ่มต้นของกลียุค ก็คือ 7 ปีแห่งความทุกข์ทรมานกำลังจะมา ซึ่งที่ผ่านมาเราก็เห็นแล้ว พวกเรา โลกนี้ อยู่ในมัทธิวบทที่ 24 กำลังเกิดขึ้นกำลังเป็นไปกำลังดำเนินไปโดยพระเจ้า พระเจ้าอนุญาตให้ทุกสิ่งมันเกิดขึ้นแล้ว และที่สำคัญแตรที่ 1 เกิดขึ้นก็ต้องตามมาด้วยแตรที่ 2-3-4 แตรที่ 1 จนถึงแตรที่ 4 เรียกว่า กลียุค 3 ปีครึ่งแรก 3 ปีครึ่งแรก เราเข้าไปดูในเว็บไซต์ก็ได้นะครับ
แต่สิ่งที่สำคัญ สิ่งที่สำคัญเราไม่ใส่ใจที่เหตุการณ์ แต่ที่สำคัญก็คือเราใส่ใจว่า “เราจะได้เข้าในอาณาจักรหรือไม่”
คำตอบนะครับก็ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์เลือกพวกเราให้มาพบมานาที่ซ่อนไว้ ซึ่งเป็นพระคำแห่งความจริง เป็นการแปลพระคำโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระวิญญาณแห่งความจริงนำมาสู่พวกเรา มาเปิดตาเราให้ได้พบและรู้ว่าทุกวันนี้เราไม่แสวงหาฤทธิ์เดช เราไม่แสวงหาความรู้ เราไม่แสวงหาความมั่งคั่งของโลกนี้ เราไม่แสวงหาอะไรทั้งนั้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้สิ่งที่เราได้รับ ก็คือเป็นเรื่องรองเป็นเรื่องสำรองเป็นเรื่องที่พระเจ้าให้เราหลังจากที่เราแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน เอเมน
สิ่งแรกเราอธิษฐานนะครับ “ขอบพระคุณพระเยซูที่พระองค์นำเรามาสู่การ แสวงหาความชอบธรรมของพระเจ้า แสวงหาอาณาจักรของพระเจ้า และเราได้พบแล้ว ขอนำพวกเราในการฝึก ในการเดินไปกับพระองค์ในแต่ละก้าว เพื่อเราจะสุกงอม เพื่อเราจะพร้อมที่จะรับมือ หรือพร้อมที่จะถูกรับขึ้นไปก่อนที่กลียุค หรือแตรที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 จะมา สรรเสริญพระเยซูเอเมน”
สิ่งที่สำคัญเราได้รับสิทธิพิเศษนะครับ ถ้าหากว่ามีบางคนที่อาจจะยังอยู่ในช่วงเหตุการณ์กลียุคเริ่มต้นเริ่มขึ้น ก็คือพระเยซูพระองค์ตรัสในหนังสือวิวรณ์ 12:14 ให้ยอห์นเขียนโดยพระวิญญาณว่า พระเยซูจะเป็นเหมือนนกอินทรีย์ ที่เราอยู่ภายใต้การดูแลของนกอินทรีย์ ก็คืออยู่ใต้ปีกของพระองค์ที่กางออกเพื่อดูแลปกปักรักษาคุ้มครองพวกเรา จากภัยอันตรายทั้งหลาย เราอาจจะเจอบ้างนิดๆ หน่อยๆ บางคนอาจจะเจอมาก แต่ความรักพระคุณการช่วยเหลือของพระเจ้าก็อยู่กับเรา อันนี้เป็นสิ่งที่เราขอบพระคุณพระเยซู เอเมน
...
ถาม.
ถ้าสมมุติว่ากลียุคเริ่มเข้ามาแล้ว แล้วก็มีความทุกข์ยากถูกข่มเหง แล้วผู้ชนะนี้จะถูกรับขึ้นไปก่อนแล้วใช่ไหมค่ะ หรือว่ายังอยู่ในโลกนี้ เอเมนค่ะ
ตอบ.
สำหรับผู้เชื่อที่สุกงอมนะครับ ผู้เชื่อที่สุกงอม ความหมายก็คือ ได้สำแดงชีวิตและนิสัยของพระเยซูเป็นประจำ สม่ำเสมอในแต่ละวัน นานๆ ทีนึงอาจมีพลาด เผลอ พลั้ง แต่ชีวิตปกติของเขาจะอยู่ในการสนิท บอกรัก สร้างความผูกพันที่ดีกับพระเยซู และสำแดงชีวิตของพระเจ้าได้อย่างสม่ำเสมอ คนเหล่านี้จะถูกรับขึ้นไป
และสำหรับอาจจะมีกรณีที่พระเจ้าอนุญาตให้บางคน บางคนเท่านั้นที่จะอยู่ต่อเพื่อช่วยเหลือพี่น้องคริสเตียน แต่ปกติส่วนมากก็จะถูกรับขึ้นไปถ้าหากสุกงอมแล้ว
สำหรับพระเจ้านะครับตอนนี้อยู่ในช่วงที่ข้าวในนาเตรียมที่จะเข้าสู่การเก็บเกี่ยวโดยทูตสวรรค์ ก็คือใกล้จะถึงเวลาที่ คือข้าวมันสุกแล้วพระเจ้าก็ต้องเก็บเกี่ยว และตอนนี้ก็คือมันใกล้แล้ว ใกล้มากแล้ว
ช่วงระยะที่เหตุการณ์ในโลกกำลังเกิดโกลาหล เป็นเวลาที่เราควรจะมานั่งพิจารณาแล้วก็คิดร่วมกันก็ได้ หรือนั่งคิดคนเดียวก็ได้ ว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร เราอยู่เพื่ออะไร อยู่เพื่อใคร ใครอยู่เพื่อเรา เราจะไปต่อทางไหน เป็นสิ่งที่สำคัญ
ถ้าเลือกที่จะเชื่อก็ทำให้มันคุ้ม ก็คือเชื่อให้ถึง เข้าให้ถึง เข้าให้ถึงคืออะไร? ก็คือเข้าให้ถึงอาณาจักร ถ้าจะเชื่อแล้วขอให้รอดในวันสุดท้ายเท่านั้นผมว่ามันไม่คุ้มนะครับ
วิธีที่จะเข้าสู่อาณาจักร ถามว่าบางคนคืออาจจะคิดว่าเรายังไม่พร้อม มันยังไกลเหลือเกิน ยังทำบาปอยู่เป็นประจำ สำหรับพระเจ้านะครับขอให้จำสิ่งนี้ สำหรับพระเจ้าทุกสิ่งเป็นไปได้ สำหรับพระเจ้าเราถูกเรียกว่าเป็นผู้ชนะแล้ว ทั้งๆ ที่เราไม่เห็นคำว่า ชนะ หรือชนะบาปในแต่ละวัน แต่อย่าลืมสำหรับพระเจ้าพระองค์ทำได้ สำหรับพระเจ้าเวลาไม่มีจำกัดไม่ใช่ว่าวันสองวัน สำหรับพระเจ้าพระองค์ทำทุกสิ่งได้ เพียงแต่เราร่วมมือกับพระเจ้า
“พระเยซูชำระข้าพระองค์ ตื่นนอนตอนเช้าทุกวัน พระเยซูชำระข้าพระองค์ พระเยซูชำระข้าพระองค์ ข้าพระองค์ถวายตัวใหม่ ถวายชีวิตใหม่ พระเยซูนำพา พระเยซูใช้ชีวิตของข้าพระองค์ คือทุกคำก็พระเยซู พระเยซู”
พอทำบาปก็สารภาพ “พระเยซูยกโทษให้ข้าพระองค์ ชำระข้าพระองค์” ใส่ใจนะครับ
มีพี่น้องบางท่านที่ส่ง 1 คร 9:26-27 มาผมจะตอบเพื่อให้เข้ากับบทเรียนในวันนี้ แล้วก็คำถามที่พี่น้องถามเรื่องผู้ชนะ คือเปาโลบอกว่า ข้าพเจ้าทุบตีตัวเอง พี่น้องบางคนที่เป็นคริสเตียนศาสนาแปลความหมายว่า คือเขาตบหัวเขาเอง แล้วก็ตบปากเขาเองเวลาพูดอะไรที่ไม่ดี คือใช้กำลังนะครับ อันนี้มันเป็นการแปลที่ผิดเข้าใจผิดนะครับ
การทุบตีตัวเอง ก็คือการ ขอพระเจ้า ขอพระเจ้า ขอพระเจ้า วิงวอน ขอให้พระเจ้าช่วยเขา คือพยายาม พยายามใช้หัวใจ ใช้คำพูดที่ร้องขอต่อพระเจ้า
อย่าลืมนะครับการทุบตีตัวเองมันไม่ได้มีความหมายอะไร นั่นคือการใช้เราเองร่วมงานกับพระเจ้าร่วมมือกับพระเจ้าในการเอาชนะบาป
แต่เปาโลหันความสนใจจากตัวเขาเองไปสู่พระเจ้าในโรมบทที่ 7:24-25 เราเห็นนะครับ โอ้ ข้าพเจ้าช่างเป็นคนที่ยากเย็นแสนเข็ญอะไรขนาดนี้ คือหมดความหวังในตัวเขาแล้ว แล้วก็ไปพึ่งพระเยซูคริสต์ในข้อที่ 25 ขอบพระคุณพระเจ้าโดยพระเยซูคริสต์ เห็นไหมครับโดยพระเยซูคริสต์
เพราะฉะนั้นเราไม่ทุบตีตัวเอง เราไม่ตบปาก เราไม่ตบหัวตบศีรษะ เราไม่ทำอะไรทำร้ายตัวเอง
แต่เราวิงวอนอ้อนวอนขอพระเจ้า นี่คือการทุบตีตัวเองใน 1 คร 9:26-27 หรือถ้าทำได้มากที่สุดก็คืออาจจะเป็นการอดอาหารก็ได้ครับ อดอาหารแต่ไม่เป็นการบังคับใจฝืนใจ แต่ทำด้วยความรักด้วยความพอใจ และตามกำลังที่มี ไม่ใช่ว่าอด อดจนมีปัญหาเรื่องสุขภาพอันนั้นไม่ได้ครับผม
เราจำกันได้ไหมวิธีเอาชนะบาปคืออะไร
ข้อแรก ก็คือสนิทในพระเยซู บอกรัก สร้างความผูกพัน อยู่ในพระองค์ พระองค์ก็อยู่ในเรา เราจะเกิดผลมาก
และอันที่สอง ก็คือรับการเปิดตาให้มากขึ้น มันเป็นเรื่องของตา การเป็นผู้ชนะเป็นเรื่องของตา ถ้าตาเห็นได้มากก็เลิกทำบาปได้มาก ถ้าตาเห็นน้อยก็ยังทำบาปมากอยู่
คือตอนแรกที่ผมได้อ่านข้อความที่พี่น้องบางคนส่งมาบอกว่า มีคนหนึ่งที่เขาคุยด้วยเป็นคริสเตียนศาสนาแล้วเขาก็บอกว่าถ้าพูดผิดอะไรผิด พูดอะไรที่ไม่ดีก็ตบปาก ถ้าทำอะไรไม่ดีก็ตบที่หัว ผมก็เลยนึกอยากขำแต่ขำไม่ลง เพราะว่ามันน่าสงสารแล้วก็น่าเห็นใจเขา
คือทุกคนก็รักพระเจ้า ทุกคน แม้แต่คริสเตียนศาสนาก็รักพระเจ้า ทุกคนก็อยากทำดีเพื่อพระเจ้า ตอนที่เราเป็นคริสเตียนใหม่ๆ ทุกคนอยากเชื่อฟังพระเจ้า อยากเลิกทำบาป เอาชนะบาปให้ได้ ก็ทำทุกวิธี แต่มันเป็นวิธีที่มนุษย์สร้างขึ้นมนุษย์คิดขึ้นมา เป็นความเข้าใจผิดนะครับ
จนเราได้รับการเปิดตาสู่มานาที่ซ่อนไว้ เราพบว่าการเลิกทำบาปได้อย่างแท้จริงในยอห์นบทที่ 15:5 เปิดเผย
“จงสนิทในเราและเราสนิทในเจ้าและเจ้าจะเกิดผลมาก”
แค่นี้ครับ ขอบคุณพระเยซู
แล้วขณะที่เราเปลี่ยนเป็นคนใหม่เลิกทำบาปได้ ใครเป็นคนทำ เราเห็นนะครับว่าโรมบทที่ 12:2 จงรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ คือจงรับการเลิกทำบาปได้ ด้วยการเปลี่ยนความคิดของท่าน คือเปลี่ยนความคิด เมื่อก่อนเราคิดทำอะไรตบปากตบหัว หรือพยายามฝืนใจบังคับใจ อดกลั้นไม่ยอมทำบาป จนมันระเบิดแล้วก็ไปทำบาปมากกว่าเก่า อันนั้นไม่ใช่วิธีของพระเจ้า
วิธีของพระเจ้า ก็คือรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ด้วยการเปลี่ยนความคิด เอเมนขอบคุณพระเยซู
ถาม.
อยากให้อาจารย์อธิบายเพิ่มนะคะเปลี่ยนความคิด คือเปลี่ยนความคิดแล้วการกระทำของเรามันจะเปลี่ยนไปด้วยใช่ไหมค่ะ โดยที่มีพระคริสต์ทำแทนอ่ะค่ะ
ตอบ.
มันเป็นเรื่องที่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นตามมา คือสำหรับเราที่เมื่อก่อน เราคิดแบบไหน เราคิดแบบคริสเตียนศาสนา เราคิดยังไงคิดเหมือนคริสเตียนศาสนา ก็คือพระเจ้าอยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้าอยู่ไกลโพ้น เราอธิษฐานก็คือคิดไปว่าพระเจ้าอยู่ในสวรรค์ และพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเข้าๆ ออกๆ เราทำดีพระวิญญาณก็เข้ามา เราทำชั่วพระวิญญาณก็ออกไป พระเยซูไม่เคยอยู่กับเรา ไม่เคยอยู่ในเรา อันนี้เราไม่เคยรู้เราไม่เคยเข้าใจ
และคริสตจักรเป็นที่ที่เราไปประชุมก็คือเป็นที่ที่พระเยซูมาเยี่ยม เราไม่เคยรู้นะครับว่าพระเยซูเป็นเจ้าของคริสตจักร พระเยซูเองนั่นแหละที่เป็นคนก่อตั้งคริสตจักรที่เราไปร่วมประชุมอยู่ และบ้านของเรานะครับเป็นบ้านของพระเยซูเป็นบ้านของพระเจ้า และตัวเราเองร่างกายชีวิตวิญญาณจิตใจทุกส่วนเป็นของพระเจ้า พระเจ้าซื้อแล้ว อันนี้เราไม่เคยรู้ไม่เคยคิดใช่ไหม และเราก็คิดไปว่ามันเป็นของเรา
นานๆ ทีเราบอกว่าพระเยซูมาเยี่ยมบ้านข้าพระองค์ ใช่ไหมครับ นี่คือความคิดเก่าๆ ความคิดเดิมๆ ที่เราควรต้องได้รับการเปลี่ยนแปลง ต้องเปลี่ยน
ตอนนี้เราเปลี่ยนหรือยังครับ?
พระเยซูอยู่ในเรา พระบิดาอยู่ในเรา พระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่ในเรา เมื่อเราทำบาปพระองค์จะไม่พรากจากเราไม่ออกไปจากเราเป็นอันขาด นี่คือการเปลี่ยน
และเราไม่พยายามทำดี ไม่พยายามเชื่อฟัง ไม่พยายามรักษาพระบัญญัติด้วยกำลังของตัวเก่าของอาดัมของชีวิตของเราเอง ของเราเองพูดง่ายๆ แต่พึ่งพระคริสต์เป็นคนกระทำในเรา อยู่ในเรา ดำเนินชีวิตแทนเรา คิดแทนเรา ทำทุกสิ่งแทนเรา ขอบคุณพระเจ้านี่คือการเปลี่ยนความคิดใหม่
และการขอนะครับ ก็คือขอสันติสุข เราไม่ต้องขอนะครับ สันติสุขเป็นของขวัญที่เราได้รับทันทีเดี๋ยวนั้นขณะที่เราเชื่อและต้อนรับพระเยซูเป็นพระเจ้าและเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา เราไม่ต้องขอนะครับ เพียงแต่เราเชื่อว่า คือใครที่รู้สึกว่าไม่มีสันติสุข ไม่มีประสบการณ์เรื่องสันติสุข เราแค่พูดคำว่า
“ขอบคุณพระเยซู ที่สันติสุขเป็นของข้า ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์นั่นแหละที่เป็นสันติสุขของข้า ขอบคุณพระเยซูสำหรับสันติสุขที่อยู่ในข้าพระองค์”
จากนั้นก็ยิ้มทั้งๆ ที่ไม่เห็น ไม่ได้มีประสบการณ์อะไรเกี่ยวกับสันติสุข เมื่อเราเชื่อเมื่อเราขอบพระคุณเมื่อเรารอรับ สิ่งที่ตามมาก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะนำประสบการณ์แห่งสันติสุขเข้ามาสู่เรา นี่คือสิ่งที่เราได้รับหลังจากที่เราเปลี่ยนความคิดของเรา เมื่อก่อนเราขอ แต่เดี๋ยวนี้เราขอบพระคุณ
แล้วพลังที่เอาชนะบาป พลัง กำลัง ที่เราจะดำเนินชีวิตในแต่ละวัน เข้มแข็ง ร้อนรน กระตือรือร้น มาจากพระเยซูเองที่เป็นกฎแห่งพระวิญญาณและกฎแห่งชีวิตที่อยู่ในเรา เราไม่ขออีกนะครับ (ขอกำลังด้วย ขอความรักเพื่อข้าพระองค์จะรักเพื่อนบ้าน ขอสติปัญญา ไม่นะครับเราไม่ขอ) เราขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์เป็นทุกสิ่งให้เราแล้วแก่เราแล้ว นี่คือการเปลี่ยนความคิด การรับมานาคือการรับการเปลี่ยนความคิดใหม่ใช่ไหมครับ
...
ถาม.
ขอถามครับ สมมุติว่าพรุ่งนี้เข้าสู่กลียุคแล้ว เราซึ่งอยู่ในกระบวนการฝึกเดินอยู่ อาจจะยังไม่ได้สุกงอมแบบ 100% จะมีโอกาสที่แบบว่าถูกรับขึ้นไปในครั้งแรกได้ไหมครับ คือแบบว่าพระเจ้ามีวิธีทำให้เราสุกทันทีเลยตอนนั้นไหมครับ
ตอบ.
สำหรับพระเจ้านะครับ สำหรับพระเจ้า คือบางคนกลัว บางคนกลัวว่าตอนนี้ยังทำบาปเยอะมาก ยังทำบาปในแต่ละวันจะมีโอกาสไหม
เราขอนะครับ เมื่อเราตื่นนะครับ อย่าลืมทุกครั้งที่เราสามัคคีธรรมประชุมไม่ว่าจะออนไลน์ หรือไปร่วมกันจริงๆ พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงาน โดยเฉพาะขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์ทำงานได้มากกว่าคริสตจักรทั่วไป ก็คือคริสตจักรฝ่ายวิญญาณ ก็คือเราร่วมประชุมและมีพระเยซูคริสต์เป็นผู้ที่อยู่ท่ามกลางพวกเรา และเรามีพระวิญญาณบริสุทธิ์กำลังพูดอยู่
เมื่อเราเชื่อเรารู้ว่าพระองค์เตือนเราว่า ให้เข้าสู่การสนิทในพระเยซูให้มากๆ แล้วก็สะสม แล้วก็เดินไปกับพระองค์ในแต่ละวัน เป็นโอกาสที่พระองค์เตือนเราเราเชื่อแบบนี้ผมก็เชื่อแบบนี้ เนื่องจากว่าเราไม่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องกลียุคในวันนี้ บทเรียนก็คือเป็นเรื่องของกิจการบทที่ 10
เพราะฉะนั้นเราขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์เตือนพวกเราให้พร้อม เพื่อที่จะรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น หรือรับขึ้นก่อนที่เหตุการณ์ทั้งหลายจะเกิดขึ้น ก็คือเริ่มสนิท บอกรัก พูดคุยกับพระเยซู สร้างความผูกพันที่ดีกับพระองค์ และไม่แน่นะครับ คือการสุกงอม เราสุกงอมได้ พระเจ้าทำได้ในเวลาสั้นๆ คือเร่งให้สุกงอม เป็นไปได้ครับผม แต่ตำแหน่งผลที่ได้รับ ก็คือเราอาจจะเป็นคนธรรมดาทั่วไปหรือมีตำแหน่งที่เล็กน้อยมากในอาณาจักร แต่อย่างน้อยก็ยังได้เข้าใช่ไหมก็ยังขอบพระคุณพระเจ้านะครับ
คือผมอยากจะหนุนใจพวกเรา
ข้อแรก ขอให้เราตั้งความคิดของเรา ก็คือขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์ทุกวันนี้เรียกเราว่าเป็นผู้ชนะ ทั้งๆ ที่เราไม่เห็น แต่สำหรับพระเจ้า พระเจ้ามองเราเป็นผู้ชนะในหนังสือยอห์นที่บอกไว้ ว่าเราทุกคนเป็นผู้ชนะแล้ว ทั้งๆ ที่เรายังไม่เห็น อาการ หรือประสบการณ์ชีวิตผู้ชนะอยู่ ยังทำบาปอยู่ แต่เราตั้งความคิดนี้ไว้ ก็คือเราเป็นผู้ชนะ
อันที่สอง ก็คือทุกวันเน้นที่การสนิท เน้นที่การสนิท เน้นการบอกรัก และเน้นที่การถ่อมใจ เน้นที่การเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับพี่น้อง เน้นที่คำว่า รัก รัก รัก รัก รัก เราไม่ได้ทำอะไรมากให้กับพี่น้องหรือเสริมสร้างพี่น้อง ขอสิ่งหนึ่งนะครับก็คือเราบอกรักพระเยซูบอกรักพี่น้อง รักนะครับ ตั้งอารมณ์อยู่ในความรัก เราเป็นคริสเตียนฝ่ายวิญญาณเราเป็นสิ่งหนึ่งเรียกว่านักรัก ไม่ใช่นักรบ ไม่ใช่นักต่อสู้ ไม่ใช่นักปฏิบัติ กระทำ รักษาพระบัญญัติ เราเป็นนักรัก เมื่อเราเป็นนักรักพระเจ้าจะทำให้เราเป็นนักรบเป็นทุกสิ่งได้ เอเมน
สำหรับวันนี้ก่อนที่จะสรุปบทเรียน
พระเจ้าแสวงหา รัก ของเราต่อพระองค์ และ รัก ท่ามกลางพี่น้อง รักได้มากเพราะเราเต็มล้นภายใน
1. รัก คือถ่อมถึงดิน เราไม่มีค่า
2. ถ่อมถึงดิน มาถึงการยอมเป็นหนึ่งเดียวกับพี่น้อง
อย่าให้มีการแบ่งแยก พระกายเที่ยงแท้ไม่แบ่งแยก ไม่มีหลายพรรคหลายพวก รัก ถ่อม เป็นหนึ่งเดียวได้มากเพราะเราเต็มล้นภายใน เนื่องจากว่าเราสนิทในพระเยซูด้วยการบอกรักพระเยซูและอธิษฐานพูดคุยอย่างสม่ำเสมอ สะสมพระคำแห่งความจริง
นั่นคือการเตือนของพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่าพระองค์รักเรา และพระองค์ต้องการสิ่งหนึ่งจากพวกเรา ก็คือ ความรัก เราเห็นนะครับคริสตจักร 7 คริสตจักร พระเจ้าเตือนคริสตจักรแรกเลย แล้วก็เป็นเรื่องหัวใจของพระเจ้าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก คือพระเจ้าต้องการอะไรจากเรา พระเจ้าไม่ได้ต้องการให้เราตั้งโบสถ์หลายๆ หลัง นำคนมาเชื่อให้เยอะๆ สร้างผลงาน ประกาศข่าวประเสริฐ ไปรักษาโรค ไล่ผีได้กี่ตัว ไม่นะครับ
เรารักพระเยซูได้ทุกวันหรือไม่? เราบอกรักพระเยซูได้มากเท่าไหร่? นี่คือสิ่งที่พระเจ้าต้องการจากเรา และเรารักพี่น้องได้มากเท่าไหร่?
เพราะฉะนั้นเราตื่นได้แล้วนะครับ ถ้าหากเรายังขาดความรัก หรือเรายังไม่เน้น ไม่ใส่ใจในเรื่องเกี่ยวกับความรัก และเรายังแบ่งแยก หรือเห็นใครไม่เป็นพรรคพวกเรา หรือเราเห็นว่ามันเริ่มจะมี 2 พรรค 2 ฝ่าย เรากลับใจได้ครับ
เพราะว่า อีกครั้ง กลียุคอาจจะกำลังเริ่มขึ้นแล้ว ผมก็ได้ยินข่าวครับหลายคนก็ได้ยินข่าวไปถึงทั่วทุกประเทศทั่วโลก ที่เมืองไทยเกี่ยวกับน้ำทะเลมันลดลงไปจนถึงประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นสิ่งที่แปลกมาก แล้วก็เสียง ได้ยินเสียงที่กระหึ่ม ที่มันไม่เคยมีมาก่อนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แล้วก็หลายเหตุการณ์โดยเฉพาะน้ำท่วมหลายประเทศเหลือเกินที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างมากมายมหาศาล
ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ขอบพระคุณพระเจ้า อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เราจะอธิษฐานไม่ได้ แต่เราอธิษฐานขอให้หนักกลายเป็นเบา ร้ายกลายเป็นดี ยากกลายเป็นง่าย สำหรับผู้ที่เชื่อในพระองค์และเดินในพระองค์ เอเมน
ถาม.
อยากจะสอบถามว่า การที่ทุกวันนี้ แต่ก่อนพี่ไปทุกวันอาทิตย์ แล้ว ณ ปัจจุบันนี้ไม่ได้ไปแล้ว สามีพี่เขาถามว่าทำไมเดี๋ยวนี้ไม่ไปคริสตจักร เขาจะถามทั้งๆ ที่สามีเขายังไม่เชื่อพระเจ้าพี่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงว่าทำไมเราถึงไม่ไปคริสตจักร เพราะว่าเราไปไม่ได้ค่ะ อจ. แล้วก็มีพี่น้องที่คริสตจักรนู้นคริสตจักรนี้เขามาชวนนะคะว่าให้พี่ไปที่คริสตจักรเขาบ้าง แต่ว่ามันไปไม่ได้นะคะคือไปแล้วฟังไม่รู้เรื่อง แล้วพี่ก็กลับมา หลังจากนั้นพี่ก็ไม่ไปคริสตจักรไหนอีกเลย แล้วสามีเขาเป็นคนที่ไม่เชื่อพระเจ้าลูกสาวก็ไม่เชื่อพระเจ้า แต่ว่าก็พยายามประกาศกับเขา แต่ว่าเขามาสงสัยในตัวเราว่าทำไมเราอยู่ๆ ไม่ไปคริสตจักร มีปัญหาอะไรไหม ทั้งๆ ที่พี่น้องมาตาม ไม่รู้จะตอบเขาว่ายังไงและไม่อยากให้เขามีความรู้สึกไม่ดีกับคริสตจักรนะคะ
ตอบ.
คือสำหรับเรื่องแรกนะครับ ถามว่าทำไมเราไปไม่ได้ ทำไมเราไม่ไป ไม่อยากไป แล้วฟังก็คือมันไม่เหมือนก่อนแล้วใช่ไหม แต่ก่อนก่อนที่จะพบมานาฯ พี่น้องทุกคนมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ใช่ไหมครับ ก็คือเราก็นั่งฟังได้ก็ไปร่วมกับพี่น้องได้ปกติไม่มีปัญหาอะไร
แต่พอมาฟังมานาฯ พระวิญญาณบริสุทธิ์นำพระคำแห่งความจริงมาสู่เรามากขึ้นมากขึ้น สุดท้ายก็แน่น แล้วปรากฏว่าเรากลับไปที่คริสตจักรแล้วก็ไปนั่งฟังมันไม่ได้แล้ว ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว นี่คือการกระทำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ผ่านพระคำล้ำลึกผ่านมานาที่ซ่อนไว้
ถ้าจะคิดด้านบวกนะครับก็คือ ขอแสดงความยินดีด้วยที่พระเจ้าทำกิจของพระองค์ในชีวิตของพี่น้อง และทำให้พี่น้องเนี่ยอยู่ยากอบอ้าวเวลาที่อยู่กับพี่น้องคริสเตียนที่เคยอยู่ร่วมกับเขา และด้านกลับกันนะครับคิดในแง่ลบก็คือ คือเราจะมีปัญหากับเขาถ้าหากเราจะอยู่ต่อ ก็คือความรู้มันเป็นคนละเรื่องกัน เป็นคนละฝ่ายกัน เป็นสิ่งที่เข้ากันไม่ได้ ขัดแย้งกันหลายๆ เรื่องด้วยกัน
เพราะฉะนั้นถ้าเกิดในกรณีนี้นะครับ ก็คือถามว่าไปแล้วจะทำยังไงต่อ ก็คือถึงเวลาที่พระเจ้าจะให้เราออกมาเราก็ออกมาไม่ผิดครับผม ไม่ใช่เรื่องผิดที่เราจะออกมาจากคริสตจักรใดคริสตจักรหนึ่ง ซึ่งคริสตจักรนั้นไม่ได้เลี้ยงดูเราด้วยอาหารที่มาจากสวรรค์
ขอบพระคุณพระเจ้ามานาที่ซ่อนไว้คืออาหารที่มาจากสวรรค์ เรากล้าพูดเพราะว่าพี่น้องทุกคนที่ได้เข้ามา ได้เรียนรู้ ได้รับ แล้วก็นำไปฝึก ได้มีประสบการณ์สันติสุขทุกเวลานาทีแล้ว เอเมน
และเราเข้าสู่กระบวนการ เรารู้ได้ยังไง? เพราะว่าเราเริ่มเห็นความรัก เริ่มเห็นจิตใจที่ดีขึ้น เริ่มเห็นจิตใจกว้าง เริ่มเห็นการกระทำที่มันไม่เหมือนแต่ก่อน โดยมีใครบางคนที่กระตุ้นเราผลักดันเราให้เราทำได้ ทั้งๆ ที่เราคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ ขอบคุณพระเจ้า คือพลังแห่งการทำดี พลังแห่งการกระทำที่พระคริสต์ทำแทนมันเกิดขึ้นมากมายในชีวิตของเรา นี่คือสิ่งที่ยืนยันว่ามานาฯ เป็นสิ่งที่มาจากพระเจ้าหรือไม่ ใช่ไหมครับ
และสุดท้ายคำตอบ ก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ทำให้เรามาถึงจุดนี้ ก็คือเราออกมาได้ และเราออกมาโดยที่ไม่ผิด เป็นนามพระทัยพระเจ้าซะด้วยซ้ำที่ให้เราออกมา
และคำถามที่สอง ก็คือถ้าเราเป็นแบบนี้เราจะตอบลูกตอบสามีตอบภรรยาได้ยังไง เรื่องจะพูดยังไง ก็คือเราก็อธิบายนะครับ อธิบายว่า คริสตจักรมีหลายคริสตจักร คริสตจักรที่เลี้ยงเราได้ หรือคริสตจักรที่ทำลายเรา หรือไม่เลี้ยงเราให้เติบโตขึ้นได้ มันมีหลายคริสตจักรก็อธิบายให้เขาฟังให้เขาเข้าใจสั้นๆ ง่ายๆ ครับ
และมีอีกทางหนึ่งที่ผมใช้พูดและก็มีพี่น้องบางคนใช้กัน ก็คือเราบอกเขาไปตรงๆ ตามตรงว่า คริสตจักรมีสองลักษณะใหญ่ๆ ก็คือ..
ลักษณะแรก ก็คือ เป็นคริสตจักรของศาสนาคริสต์ทั่วๆ ไป ก็คือเรียนรู้แบบตื้นๆ เผินๆ เขินๆ
ส่วนมีบางคริสตจักร ก็เป็นคริสตจักรที่เข้าลึกถึงกันแท้ของพระคัมภีร์ แล้วพอดีเราได้มาพบคริสตจักรนี้ หรือกลุ่มนี้ เราจึงเข้าไปร่วม แล้วผลที่มันเกิดขึ้น เราอธิบายสิ่งสำคัญนะครับ ก็คือเราให้เขาเข้าใจว่ามันแตกต่างตรงนี้
คือเรามาร่วมกลุ่มนี้เราได้รับสันติสุขความสุขมีความสุขมากขึ้นมากกว่า และการดำเนินชีวิตมีความหมายมากกว่า มีพลัง มีกำลัง มีกำลังใจ มีทุกสิ่งเนี่ยคือมันมากกว่า นี่คือสิ่งแตกต่าง ปกติเขาถามแต่ถ้าหากเขารู้เหตุผลที่เราออกมา มาร่วมกับกลุ่มนี้ ออกจากกลุ่มนี้ ได้รับอะไร นี่คือเหตุผลที่เราควรให้เขาเข้าใจด้วยครับ
...
ถาม.
อยากให้ อจ. ช่วยอธิบายความหมายพระคัมภีร์ใน 1 เธสะโลนิกา 5:20 แต่ผมขอเพิ่มข้อที่ 21 ไปอีกข้อหนึ่ง คือมีพี่น้องหลายคนเขาเหมือนกับพูดว่าเราไม่ควรไปคิดลบหรือว่าไม่เชื่อฟังกับสิ่งที่ผู้เผยพระวจนะพูด เขาอ้างพระคัมภีร์บทที่ 1 เธสะโลนิกา 5:20 อย่าประมาทคำพยากรณ์ แต่ผมขอเพิ่มข้อที่ 21 นะครับ จงพิสูจน์ทุกสิ่ง สิ่งที่ดีนั้นจงยึดถือไว้ให้มั่น คืออยากให้ช่วยอธิบายความหมายของข้อนี้หน่อยครับเอเมน
ตอบ.
สำหรับคริสตจักรทั่วไปนะครับ ศาสนาคริสต์นะครับ เขายึดพระคัมภีร์ข้อนี้และอีกหลายๆ ข้อเกี่ยวกับเรื่องการยกย่อง การให้ความเคารพ ให้เกียรติบรรดาผู้นำ ผู้รับใช้ ผู้เผยพระวจนะ ห้ามไปแตะเขา อันนี้เป็นพระคำของพระเจ้าเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าใช่ครับ แต่ปัญหามันอยู่ตรงนี้
คริสตจักรมากมายทุกวันนี้ตกขอบ
คริสตจักรมากมายทุกวันนี้หลงทาง
คริสตจักรมากมายทุกวันนี้นำความรู้ของโลกเข้ามานำการแปลที่ผิด โดยใช้สติปัญญาของมนุษย์เข้ามาแปลพระคำของพระเจ้า จึงทำให้ความเข้าใจคลาดเคลื่อน พระคำของพระเจ้าจึงคลาดเคลื่อน
และคำว่า อย่าประมาทผู้เผยพระวจนะ ใช้ไม่ได้กับผู้นำเหล่านี้ กับคริสตจักรเหล่านี้ ถ้าหากเราพบคริสตจักรที่เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าและไม่แปลความหมายผิด แปลถูกนะครับ นำพระคำแห่งความจริงมาเปิดเผยต่อพี่น้องทั้งหลาย และ 1 เธสะโลนิกา 5:20 ใช้ได้กับคริสตจักรเหล่านี้ ก็คือคริสตจักรเที่ยงแท้ พระกายเที่ยงแท้ คริสตจักรฝ่ายวิญญาณ
และถ้าเป็นแบบนี้นะครับถ้าผมอยู่ในคริสตจักรฝ่ายวิญญาณ มีพระกายเที่ยงแท้ พบผู้นำผู้รับใช้ที่เขาแปลถูก เขาถ่อมใจ เขายกย่องพระเจ้า และเขาสอนในสิ่งที่ไม่มีเชื้อ และทำให้พี่น้องได้รับการหนุนใจ ปลอบประโลม กระตุ้น ร้อนรน รักพระเจ้ามากขึ้น อันนี้ผมก็ไม่กล้าแตะเหมือนกันนะครับ ถ้าแตะก็จะโดนตีสอนอย่างแน่นอนครับ
และคำว่า จงพิสูจน์ทุกสิ่งจงยึดถือสิ่งที่ดีไว้ให้มั่น เห็นไหมครับ ก็ขอบคุณพระเจ้าคำตอบก็อยู่ในข้อที่ 21 นี่แหละครับ ก็คือใครที่พยากรณ์ ใครที่เผยพระวจนะ ใครที่แบ่งปัน สอนพระคำพระเจ้า และเรานะครับต้องพิจารณา พิจารณา พิสูจน์ว่าสิ่งไหนเป็นสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งไหนที่เป็นสิ่งที่แปลผิด และเราก็ยึดสิ่งที่ดีนั้นไว้
ถ้าสมมุติว่าอาจารย์เจบอกว่าพระเจ้าสถิตอยู่ในเราทั้งสามพระภาค โดยเฉพาะมีพระเยซูสถิตอยู่ในเรา เราก็ต้องไปค้นหาว่าอยู่ในข้อไหนบทไหนอยู่ที่ไหนของพระคัมภีร์ เมื่อเราไม่เจอนะครับแสดงว่าอาจารย์เจผิด สอนผิด แต่ปรากฏว่าขอบคุณพระเจ้าเราเจอความจริงเราเจอหลักฐานในพระคัมภีร์ ก็แสดงว่าถูก เราก็ขอบคุณพระเจ้าและยึดเอาไว้
ผมเชื่อนะครับว่าเราทุกคนมีประสบการณ์ใช่ไหมในคริสตจักรเก่าที่เราเคยไปร่วม เราได้ยินบ่อยๆ นะครับว่าอย่าประมาท จงยกย่อง อย่าทำร้ายทำลาย อย่าใส่ร้าย อะไรก็ได้ที่เป็นด้านลบ คือเราทำกับผู้รับใช้ผู้นำไม่ได้ อย่าแตะผู้นำ อันนี้คำนี้เป็นคำที่ศักดิ์สิทธิ์มากเราได้ยินบ่อยมาก แต่ขอบคุณพระเจ้าผู้นำในพระคัมภีร์ที่กล่าวถึงก็คือผู้นำแห่งคริสตจักรเที่ยงแท้ พระกายเที่ยงแท้ของพระเยซู
ตอนแรกเราเชื่อพระเยซู เราก็ดีใจ เราก็คิดว่าได้รับอิสระ คือพบความหวังใหม่โดยพระเจ้าในทางของพระเยซูคริสต์ แต่ปรากฏว่าพอเราเข้ามาปรากฏว่าคริสตจักรทำคอกใหม่ให้เราอยู่ ก็คือให้เราถวาย ให้เรารักษาพระบัญญัติ ให้เราพยายามเชื่อฟัง ให้เราเข้าร่วมกับกิจกรรมที่อดอาหาร เฝ้าเดี่ยว ไปประกาศเป็นกลุ่ม ทำหลายสิ่งโดยที่เราอาจจะไม่พร้อม
แต่เรากลัวว่าจะถูกสาปแช่งหรือกลัวว่าจะถูกพระเจ้าลงโทษ กลัวว่าวิบัติจะเกิดกับเราถ้าหากเราไม่ไปประกาศ กลัวว่าพระเจ้าจะลงโทษตีสอนเราหนักเมื่อเราแตะผู้นำ ไปขัดแย้งเขาไม่ได้พูดอะไรโต้เถียงเขาไม่ได้ เขาพูดอะไรก็ต้องเชื่อฟังเขาทุกอย่าง
แต่พอเรามารับการเปิดเผยโดยพระวิญญาณ รับการเปิดตา เราจึงรู้ว่า ผู้นำเหล่านั้นไม่ใช่ผู้นำที่เที่ยงแท้ คริสตจักรเหล่านั้นไม่ใช่คริสตจักรเที่ยงแท้ แต่เป็นศาสนาคริสต์ ทำไมเรากล้าพูดอันนี้ไม่ใช่คำดูถูกนะครับไม่ใช่คำตำหนิ แต่เราพูดตามความจริงที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ คริสตจักรทุกวันนี้ไม่ใช่คริสตจักร ทำไม?
เพราะว่าไม่มีอาหารที่มาจากสวรรค์ มีก็เล็กน้อย และทุกคนที่เข้าไปร่วมเข้าไปอยู่ ก็คือกลายเป็นศาสนา กลายเป็นการเน้นการดำเนินชีวิตที่มีแต่ทำ ทำ ทำ ทำ ไม่มีรัก รัก รัก รัก รัก ไม่มีความผูกพันกับพระเยซู และความผูกพันระหว่างพี่น้อง
มีแต่การแตกแยก แบ่งแยก ขัดแย้ง โต้เถียง ต่อสู้ มันอบอ้าวมาก สุดท้ายเราจะออกมาก็ออกไม่ได้ เขาก็ขู่เรานะครับว่าถ้าหนีไปจากคริสตจักร ออกจากโบสถ์ ก็คือจะถูกสาปแช่ง
แต่ขอบพระคุณพระเยซูในวันนี้เราได้หลุดพ้น ขอบพระคุณพระเยซูที่เราได้เป็นอิสระ ขอบพระคุณพระเยซูที่พระองค์นำเราออกมาจากคอกแล้ว สรรเสริญพระเจ้า
ช่วงแรกๆ ที่เกิดขึ้นกับผมนะครับเมื่อผมเดินออกมาจากคริสตจักร และเมื่อผมไม่ยุ่งเกี่ยวกับคริสตจักรศาสนา สิ่งที่ผมได้รับก็คือความใจจืดใจดำ ความไม่เป็นมิตร ความที่ทุกคนมองผมว่าเป็นคนร้าย เป็นคนที่สอนผิด เป็นครูสอนเทียมเท็จ เป็นครูสอนปลอม อะไรก็โยนมาให้ผมหมด ตอนนั้นผมรู้สึกน้อยใจมากว่า เอ๊ะ ทำไม ความรักมันอยู่ที่ไหน ไหนบอกว่าคริสตจักรพระเจ้ามีแต่ความรัก มีแต่คนรักกันและกัน แล้วความรักผมไม่เห็นน่ะ ไม่เห็นจริงๆ ในท่ามกลางของพี่น้องที่ผมเดินออกมา
ตอนแรกนะครับก็แปลกใจ แต่ต่อมาก็ขอบพระคุณพระเจ้า ได้รู้ว่า นี่คือเป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่า คริสตจักรเที่ยงแท้มีลักษณะแบบไหน และคริสตจักรเที่ยงแท้อยู่ที่ไหน และเขาเป็นคริสตจักรเที่ยงแท้หรือไม่ ผมก็ขอบคุณพระเยซูและสรรเสริญพระเยซู
ถ้าหากเรายังเห็นความรัก “อากาเป” ในคริสตจักรเหล่านั้นเราก็ไม่ควรออกมาเราก็อยู่ต่อได้ แต่ปรากฏว่าทุกวันนี้คริสตจักรทั้งหลายไม่มี “อากาเป” คริสตจักรทั้งหลายไม่สอนเราว่าสนิทในพระเยซู บอกรักพระเยซู อยู่ใกล้กับพระเยซู อยู่กับพระเยซูตลอดเวลา ไม่มี แล้วใช้ตัวใหม่เพื่อดำเนินชีวิตและรับใช้ก็ไม่มี ใช้ตัวใหม่เพื่อนมัสการพระเจ้า อธิษฐาน อ่านพระคัมภีร์ ทำทุกสิ่งด้วยตัวใหม่ก็ไม่มี พระเยซูทำแทนก็ไม่มี
เพราะฉะนั้นนี่นะครับคือเราสรุปได้ว่าเป็นคริสตจักรศาสนาเป็นศาสนาคริสต์เท่านั้น อันนี้เราไม่ตัดสินใครแต่เราพูดตามความจริง เรารักพี่น้องของพวกเราเขายังเป็นพี่น้องเป็นพระกายของพระเยซูเป็นบ้านหลังใหญ่ แต่ขอบพระคุณพระเจ้าที่เรากลายเป็นภาชนะที่ได้รับการชำระเข้าสู่กระบวนการเป็นภาชนะทองคำ ออกมาจากภาชนะดินแล้ว
และเราอธิษฐานเผื่อพี่น้องที่ยังเป็นภาชนะดินอยู่ เอเมน เพราะว่าเราไม่ทิ้งเขา พระคัมภีร์บอกไว้นะครับว่าบ้านหลังใหญ่ก็คือโลกนี้ และมีภาชนะ 2 ชนิด ก็คือภาชนะดินและภาชนะทองคำ พระองค์ต้องการให้เราเข้าใจและให้เรายังรักพวกเขาและหาช่องทางวิธีโอกาสที่จะนำเขาช่วยเขาให้ออกมา เอเมน
“2 ทิโมธี 2:20 แต่ว่าในบ้านใหญ่หลังหนึ่งๆมิได้มีแต่ภาชนะทองและเงินเท่านั้น แต่มีภาชนะไม้และภาชนะดินด้วย บ้างก็มีเกียรติ และบ้างก็ไร้เกียรติ
21 เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดชำระตัวให้พ้นจากสิ่งเหล่านี้ เขาก็จะเป็นภาชนะที่มีเกียรติ ซึ่งคัดไว้แล้ว เหมาะที่นายจะใช้ให้เป็นประโยชน์ และถูกเตรียมไว้พร้อมสำหรับการดีทุกอย่าง
22 จงหลีกหนีเสียจากราคะตัณหาของคนหนุ่ม แต่จงใฝ่ในความชอบธรรม ในความเชื่อ ความรัก และสันติสุข ร่วมกับผู้ที่ออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยใจบริสุทธิ์
23 จงหลีกเลี่ยงจากปัญหาอันโง่เขลาและไม่เป็นสาระ ด้วยรู้แล้วว่าปัญหาเหล่านั้นก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาทกัน
24 ฝ่ายผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าต้องไม่เป็นคนที่ชอบการทะเลาะวิวาท แต่ต้องมีใจสุภาพต่อคนทั้งปวง เหมาะที่จะเป็นครูและมีความอดทน”