ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์เป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ทรงเป็นพระเจ้าผู้เป็นอยู่ ทรงเป็นพระเจ้าผู้ประทานชีวิต พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าเป็นความรัก พระองค์ทรงเป็นความบริสุทธิ์ พระองค์อยู่เหนือสิ่งทั้งปวง พระองค์ทรงสมควรแก่การยกย่องสรรเสริญนมัสการ พวกเราขอบพระคุณ พวกเราสรรเสริญยกย่องพระองค์ และพวกเรานมัสการพระองค์ และพวกเรารักพระองค์ สรรเสริญพระเยซู
ขอบพระคุณพระบิดาสำหรับยอห์นบทที่ 16 ที่เปิดเผยเรื่องราวให้พวกเราได้เข้าใจ และได้กินจนอิ่ม และได้เต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เต็มล้นด้วยความรักของพระองค์ และชีวิตของพระองค์ เข้ามาสู่จิตใจของพวกเรา ขอบพระคุณพระเจ้าที่สอนพวกเราให้มาถึงพระคำล้ำลึก ที่เป็นอาหารผู้ใหญ่ ซึ่งเมื่อใครได้กิน ก็เกิดมี 2 สิ่งคือสันติสุขทุกวันทุกเวลา และชีวิตนิสัยของพระคริสต์ เริ่มเข้ามาแทนที่ชีวิต และนิสัยของอาดัมในเรา
สำหรับยอห์นบทที่ 16 สรุปมา 2 เรื่องด้วยกัน
...
- สำหรับเราน่าจะมีประสบการณ์เมื่อเราเป็นคริสเตียน เป็นผู้เชื่อใหม่ๆ พระเจ้าจะตอบคำอธิษฐาน เพื่อยืนยันว่าพระเจ้ามีอยู่ และพระเจ้าเป็นอยู่จริงๆ พระเจ้ามีจริง จากนั้น 2-3 ปีต่อมา การข่มเหงก็จะเริ่มมีขึ้น เพื่อให้คริสเตียนเติบโต และเพื่อให้พวกเราที่ผ่านการทดลองทดสอบผ่านปัญหาต่างๆ ได้ ก็คือเพื่อรับบำเหน็จในอนาคต ซึ่งพระเจ้าจะจัดเตรียมไว้ให้เรา ได้มีส่วนในอาณาจักรกับพระองค์
- การข่มเหงหรือปัญหาที่เข้ามา แน่นอนที่สุดจะไม่หนักเกินที่เราจะทนได้ ไม่นานจนเกินไป นี่คือคำสัญญาของพระเจ้าตรัสผ่านเปาโล และอีกอันหนึ่งก็คือไม่หนักเกินที่เราจะทนได้ ไม่นานเกินไป และพระเจ้าจะทรงปลอบประโลมเราเสมอ เมื่อเราท้อแท้ หรือถดถอย พระเจ้าไม่เคยทิ้งเรานะครับ แม้ว่าเราอาจจะแพ้บ้าง อ่อนแอบ้าง ท้อแท้ ถดถอยบ้าง แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะอยู่ตรงนั้นเพื่อที่จะปลอบประโลมเรา เหมือนพ่อที่เข้ามานั่งใกล้ๆ ลูก ตบไหล่บอกว่า โอเคลูกไม่เป็นไร พ่อเข้าใจ ใจเย็นๆ สบายใจได้
ยังมีรอบต่อไป ต่อไปอีก ซึ่งการข่มเหงจะเข้ามาเรื่อยๆ แต่อย่าลืมนะครับเรามีพระเยซู เรามีพระวิญญาณบริสุทธิ์ เรามีพระบิดาเข้าใจเรา
สำหรับการข่มเหงที่หนักมากๆ และบางครั้งบางคนอาจจะถึงตาย อันนี้นะครับไม่ได้มีไว้เพื่อคริสเตียนทุกคนนะครับ แต่มีไว้เพื่อผู้เชื่อบางคนที่พระเจ้าทรงเลือกเอาไว้ เพื่อถวายเกียรติแด่พระบิดา และเพื่อให้เขามีส่วนในอาณาจักร
ส่วนผู้เชื่อทั่วไป การข่มเหงก็จะเกิดมีเป็นระยะๆ แต่ไม่หนักจนถึงขนาดต้องร้องทุกข์นะครับ คือมันจะมีบ้าง เป็นมรสุมบ้าง แต่ไม่หนักเกินไป ซึ่งถ้าใครที่เจอหนักๆ หรืออาจจะถึงความตาย ก็คือคนที่พระเจ้าทรงเลือกเอาไว้แล้ว
เพราะฉะนั้นเราขอบคุณพระเจ้าขอบคุณพระเยซู สำหรับการข่มเหง สำหรับเรามาถึงมานาที่ซ่อนไว้ เรายิ่งถูกข่มเหงมากกว่าคริสเตียนที่เป็นคริสเตียนศาสนา
...
- เรื่องคริสเตียนศาสนา หรือที่พวกเราเรียกกันว่าศาสนาคริสต์ ไม่แปลกใช่ไหมที่เราเรียกแบบนี้ เนื่องจากว่าเขาปฏิบัติศาสนา เขาเน้นที่การทำๆๆ เขาเน้นที่พิธี อะไรก็พิธีทั้งหมด พิธีงานศพ พิธีถวายบุตร พิธีขึ้นบ้านใหม่ พิธีขอบพระคุณ พิธีๆๆ อันนี้เราเรียกว่าอยู่รูปแนวศาสนา เพราะฉะนั้นเมื่อคริสเตียนเข้ามาอยู่ในสังคมของคริสต์ และทำสิ่งเหล่านี้ เราเรียกว่าเป็นศาสนาคริสต์
แล้วผู้เชื่อคนไหนที่เล็ดลอดออกมาได้ แล้วมาถึงการดำเนินชีวิต การฝึก การเดินในวิญญาณ Live and walk in the spirit ใครที่มาถึงการอยู่ในพระวิญญาณ และเดินในพระวิญญาณได้อย่างสม่ำเสมอ ก็คือเราเรียกว่าคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ แต่ในโลกนี้มีน้อยมาก มี 5% 10% 15% แค่นี้เอง ไม่มีมาก
และคริสเตียนเหล่านี้ เราขอบพระคุณพระเจ้าเขาได้พบพระคำล้ำลึก ที่ผมเรียกว่ามานาที่ซ่อนไว้ ภาษาอังกฤษก็คือ Deeper knowledge ซึ่งเป็นพระคำที่ลึกซึ้งมาก ที่ล้ำลึก ที่เต็มไปด้วยข้อลึกลับ ข้อลับลึกต่างๆ ที่ผู้เชื่อทั่วไปถ้าหากพระวิญญาณไม่เปิดจะไม่มีโอกาสได้พบเป็นอันขาด จะเข้าใจไม่ได้ เพราะฉะนั้นเมื่อมีการไม่เข้าใจ เนื่องจากว่าคริสเตียนศาสนา หรือศาสนาคริสต์ 1. รับอาหารที่เป็นอาหารเด็ก 2. เป็นอาหารที่แปลผิด มีเชื้อยีสต์ สิ่งเหล่านี้ อาหารเด็กและเชื้อยีสต์ เป็นสิ่งที่เป็นภัยต่อสุขภาพฝ่ายวิญญาณและจิตใจ เขาจะโตไม่ได้
เมื่อโตไม่ได้ปัญหาที่ตามมา ก็คือการใช้ชีวิตที่เป็นศาสนาคริสต์ แบกภาระหนัก แอกก็หนัก กางเขนก็หนัก อะไรก็หนักไปหมด เราเคยเจอกันแล้วใช่ไหม นี่คือประสบการณ์ชีวิตของศาสนาคริสต์ที่ได้เจอกัน ตั้งแต่เกิดจนตาย
เพราะฉะนั้นเราขอบพระคุณพระเจ้า ใครจะว่าเราเทียมเท็จ ใครจะว่าปลอม อันนี้เป็นเรื่องที่ปกตินะครับ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยอัครสาวกแล้ว พระเยซูก็ถูกเรียกว่าครูสอนปลอม เราจำกันได้ไหมใครเรียกพระเยซูเป็นครูสอนปลอม ก็คือฟาริสี ธรรมจารย์ ก็คือพวกสะดูสี พวกผู้นำศาสนาต่างๆ บอกว่าคนนี้สอนปลอมนะ ระวังนะ แล้วก็ไปตามเขาไปจับเขา และต่อมาพอศาสนาคริสต์เริ่มเกิดมีขึ้น แพร่ขยายไปทั่วอาณาจักรโรมัน เราจะพบว่ามีการข่มเหงทั่วไป และเปาโลก็เป็นหนึ่งในฟาริสีที่ติดตามข่มเหงคริสเตียน
เพราะฉะนั้นเราเห็นว่ามาถึงยุคพวกเรา ก็มีการข่มเหงมาเรื่อยๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ขอบพระคุณพระเจ้า อีกครั้งนะครับ พระเจ้าจะให้มันไม่หนักจนเกินไป ไม่นานจนเกินไป และพระเจ้าทรงอยู่ใกล้ๆ เรา เพื่อปลอบประโลมเราอยู่เสมอ
...
และเราจะรู้ได้ยังไงว่าใครผิดใครถูก?
เพราะว่าทุกวันนี้ใครก็เห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น คณะนี้ กลุ่มนี้ นิกายนี้ ก็บอกว่าเราถูกคนอื่นผิดหมด เรากลุ่มไฟ เรากลุ่มเรียนรู้แบ๊บติส เรากลุ่มเมธอดิสท์ เรากลุ่มโน่นนี่นั่น และใครที่ถูกจริง เราไปถามเขาดูนะครับ ไปถามไปสนิทกับเขาเป็นเพื่อนรักเขา แล้วถามเขาว่าครอบครัวคุณอบอุ่นไหม มีสันติสุขทุกวันทุกเวลาไหม มีนิสัยของพระเยซูเข้ามาแทนที่นิสัยของคุณไหม ถ้าเขารักเราจริงๆ แล้วสนิทกันมากๆ เขาก็จะเปิดเผย แน่นอนครับว่าไม่มีสุข คือทุกวันนี้มีปัญหาบ่อยมาก มีปัญหาเยอะมาก เป็นทุกข์ กลุ้มใจเหลือเกิน เขาจะบอกเราแน่นอนครับ
แต่ถ้าไม่รู้จักกัน ไปถาม อย่าไปถามดีกว่า เขาจะปิดบัง เขาจะใส่หน้ากาก เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะบ่งบอกพิสูจน์ว่าใครผิดใครถูก ใครมาถึงพระคำพระเจ้าที่ถูกต้อง ง่ายมากครับ 2 สิ่งนะครับ
1. ก็คือมีสันติสุขทุกวันทุกเวลา แอกเบา ภาระเบา กางเขนเบา ทุกสิ่งเบาหมด
2. ที่พิสูจน์ได้ว่าเรามาถูกทาง ก็คือการเริ่มเห็นชีวิต และนิสัยของพระเยซูเริ่มมีมากขึ้นๆ โดยที่เราไม่ได้ทำเอง และเราก็สัมผัสได้ว่า เป็นไปได้ยังไง โอ้ เราไม่ได้อยากทำ เรารักคนนั้นได้ยังไงมันน่าเกลียดมาก แล้วเราไม่เคยคิดจะรักใครได้มากขนาดนี้ เราลืมความผิดของสามี ของภรรยา ของแฟน ของคนรักเก่าเราได้ยังไง ที่เขาเคยทำให้เรา เจ็บจนปางตาย แล้วทำไมเรายกโทษให้เขาได้ คือคริสเตียนทั่วไปเขาทำแบบนี้ไม่ได้ แต่รักไม่มีเหตุผล อากาเป มันเกิดขึ้น มันเข้ามาแทนที่รักฟิเลโอของมนุษย์อาดัมได้
เพราะฉะนั้นเราเห็น 2 สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา 1. สันติสุขทุกวันเวลา 2. ก็คือการทำแทนของพระคริสต์มีมากขึ้นๆ ในเรา
นี่คือสิ่งที่พิสูจน์ว่า ขอบคุณพระเจ้าเรามาถึงพระนิเวศน์ พระที่นั่งของพระบิดาแล้ว
เราเห็นพระเยซูพูดนะครับว่า ถ้าใครก็ตามที่มาหาเรา มาหานะครับ ไม่ใช่มาเชื่อ ก็คือมาหา ก็คือเดินเข้ามาใกล้ๆ มาอยู่ใกล้ๆ พระเยซู มาสนิท มาบอกรัก มาสร้างความผูกพันกับพระเยซู พระองค์ตรัสว่าใครที่มาหาเรา แอกก็เบา
แอกเบา คืออะไร?
แอกเบา ก็คือการใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ ที่อาจจะมีการทำงานบ้าง การดำเนินชีวิตเลี้ยงชีพบ้าง เป็นเเอกของเราซึ่งจะต้องแบก แต่มันเป็นแอกที่เบามากๆ นะครับ อาจจะขัดสน ขัดเขิน อาจจะไม่มีเป็นบางครั้งบางคราว แต่พระเจ้าก็เลี้ยงดู อย่างอัศจรรย์ เอเมนไหมครับ
...
อันที่สองพระเยซูตรัสว่า ภาระเบา คืออะไร?
ใครที่ติดตามเรามา ใครที่ตามเรามา ก็คือภาระจะเบา ภาระ ก็คือเล็งถึงพระบัญญัติ เราทุกวันนี้ไม่ต้องรักษาพระบัญญัติ 10 ประการ 200 กว่าประการ แต่เรารักษาพระบัญญัติ 2 ข้อ แล้วใครที่รักษาพระบัญญัติแทนเราในเราในแต่ละวัน ก็คือพระคริสต์ โอ้ ภาระเบามากใช่ไหม เอเมนสรรเสริญพระเจ้า สิ่งนี้เกิดขึ้นแล้วในเราผู้เชื่อทั้งหลายที่มาถึงพระคำล้ำลึก
...
ต่อมานะครับพระเยซูยังตรัสอีกว่าใครที่ตามเรามา กางเขนก็เบา กางเขน คืออะไร?
กางเขน ก็คือการฝึกเรื่องการตายต่อตัวเก่าในแต่ละวัน เราขอบคุณพระเจ้าเราตื่นนอนเราบอกว่า เอเมนข้าพระองค์ตายแล้ว อ้าปากเลยนะครับ พูดข้าพระองค์ตายแล้ว ข้าพระองค์ตายแล้ว ข้าพระองค์แบกกางเขนในแต่ละวัน ตัวเก่ามันตาย มันถูกตรึงที่กางเขน เราแบกมันไป หนักไหมครับ? ไม่ได้หนักเลยนะ คือการท่อง การพูด มีอะไรที่หนัก? เราไม่ได้ยกไม่ได้แบกอะไรใช่ไหม คือมันเบามากๆ กางเขนเบานะครับ ก็คือการฝึกการท่องว่าเราตายแล้ว แล้วเราก็บอกตัวเราเองว่าตายแล้วนะ แล้วบอกพระเจ้าว่าข้าพระองค์ยอมรับความจริง คือข้าพระองค์ตายกับพระเยซูเมื่อสองพันปีก่อน ขอบคุณพระเยซู และยิ่งกว่านั้นอีก ข้าพระองค์เป็นขึ้นมาแล้ว เป็นมนุษย์วิญญาณ เป็นคนใหม่ ขอบพระคุณพระเจ้า
...
นี่คือการติดตามพระเยซูที่ได้รับ แอกเบา ภาระเบา และกางเขนเบา สุดท้ายพระเยซูตรัสว่า เขาก็ได้รับการพักผ่อน ผมอยากถามพวกเรานะครับที่รับมานา นานพอสมควร เรามาถึงการพักผ่อนหรือยัง ได้เห็นสบาโตของพระคริสต์หรือยัง
เราสรรเสริญพระเจ้า ขอบพระคุณพระเจ้า คือมันเป็นความสุขที่บอกไม่ถูก ที่อธิบายไม่ได้ ซึ่งเมื่อก่อนเราเคยอยู่ในศาสนาคริสต์ เราไม่เจอสิ่งนี้ แต่พอเรามาถูกเปิดตา ขอบพระคุณพระเจ้า จิตใจที่ได้รับการพักผ่อนเนื่องจากว่าเรามีความสงบสุข มี peace มีความสงบสุขภายในหัวใจของเรา ซึ่งเราไม่กลัวพระเจ้า ไม่กลัวจะไม่รอด เพราะว่าเรารอดแล้วรอดเลย พระวิญญาณบริสุทธิ์ประทับตราเราแล้ว
เราเข้ามาทาง พระโลหิตทุกครั้งทุกวันทุกเวลา จะโกรธกับใครเมื่อเช้านี้ สามีภรรยาทะเลาะกัน อารมณ์ไม่ดี รถใครมาปาดหน้าเรา หรือเรามาร่วมสามัคคีธรรม ไปนมัสการร่วมกับพี่น้อง เรามาทางพระโลหิต พระเจ้าต้อนรับเรา โอ้..สบายใจมากนะครับ เบามากๆ เลย
เพราะฉะนั้นเราขอบคุณพระเยซูที่วันนี้พระองค์อยู่กับพวกเรา แล้วเราขอบคุณพระบิดาที่พระองค์รับการยกย่องสรรเสริญ การนมัสการของพวกเรา พระองค์รับสิ่งที่พวกเรานำมาถวาย ก็คือความรัก หัวใจที่เต็มด้วยความรัก อากาเป ให้พระองค์ เราขอบพระคุณพระเจ้า เอเมน