ถาม.
เรื่องการสถาปนาครอบครัวค่ะ สงสัยค่ะการสถาปนาครอบครัวคืออะไรค่ะ คือพี่น้องเขาแต่งงานแล้วเขาก็เชิญพี่น้องมาทำพิธีสถาปนาครอบครัวค่ะ
ตอบ.
สำหรับคริสเตียนฝ่ายวิญญาณนะครับ เราขอบคุณพระเจ้าที่เราหลุดพ้นจากการถือพิธี ถือวัน ถือเดือน ถืออะไรทั้งหลายที่เรียกว่าพิธี การขึ้นบ้านใหม่การซื้อรถใหม่การทำอะไรก็แล้วแต่ หลายคนจะทำเป็นพิธีมีพิธีมีผู้นำผู้รับใช้มาอธิษฐานเผื่อพี่น้องอธิษฐานเผื่อ ซื้อบ้านใหม่อะไรใหม่ก็แล้วแต่ หรือจะมีครอบครัวใหม่
สำหรับเรา เราต้องทำพิธีอะไรไหม ไม่นะครับ เราขอบคุณพระเยซู เราชวนพี่น้องมาเยี่ยม แล้วก็อธิษฐาน มอบครอบครัวนี้ไว้ให้พระเจ้า จบครับไม่มีอะไรมาก คำว่าพิธีก็คืออยู่ในการเป็นศาสนาคริสต์ คริสเตียนศาสนา แต่เราหลุดพ้นจากพิธีแล้ว ก็คือเปาโลพูดนะครับ เพราะฉะนั้นเมื่อมีคู่ครองที่อยากจะอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยา ก็มาแจ้งต่อคริสตจักร คริสตจักรก็อวยพร ก็อธิษฐานวางมือ ก็มีประมาณนี้เท่านั้นเองครับ ไม่ได้มีอะไร เรามอบครอบครัวนี้ไว้ที่พระหัตถ์ของพระเยซูก็แค่นั้นครับ
ถาม.
การสถาปนาเท่ากับเป็นการแต่งตั้งหรือเปล่าค่ะ
ตอบ.
ถ้าจะเรียกคำว่าสถาปนามันก็ประมาณนั้นครับ แต่สำหรับพวกเรานะครับ เราไม่แต่งตั้งไม่ก่อตั้งให้มีครอบครัวใหม่ขึ้นมาอีกครอบครัวนึง แต่สำหรับพวกเราก็คือเราขอบคุณพระเจ้าที่พระกาย มีพี่น้องในพระกาย 2 คนมีความรักต่อกันและมีความปรารถนาจริงจังอยากจะเป็นคู่ครองอยากจะเป็นคู่สมรสอยากจะเป็นสามีภรรยา เพื่อจะอยู่ร่วมกันเพื่อประกาศบ้าง รับใช้บ้าง อยู่เพื่อมีส่วนในพระกายบ้าง เราก็เอเมนกับเขา แล้วก็พี่น้องในพระกายก็อธิษฐานเผื่อผู้นำก็วางมือนะครับ ยกครอบครัวนี้มอบครอบครัวนี้ถวายครอบครัวนี้แด่พระเจ้า ก็แค่นั้นเองครับ
เราอาจจะเคยดูคลิปใช่ไหมที่ผมเคยอธิบายเรื่องการสถาปนาหรือการทำพิธีสมรส ว่าพิธีไหนที่พระเจ้ายอมรับ มันมี 4 วิธีที่มนุษย์ทำกัน แต่วิธีที่พระเจ้ายอมรับก็คือเข้ามาในครอบครัวของคริสเตียน ก็คือเข้ามาในพระกายหรือคริสตจักร แล้วให้คริสตจักรพี่น้องทุกคนรับรู้รับทราบเพื่อที่จะให้พระเจ้ายอมรับ เราก็อธิษฐานวางมือแล้วก็อวยพรเขา แค่นั้นเองครับ
https://youtu.be/9KdVNaxtC4E?feature=shared
บางคนบอกว่าต้องใช้แหวนแต่งงานไหม ต้องใส่ชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวไหม ต้องมีพิธีอะไรไหม ร้องเพลงไหม หรือสวมแหวนไหม หรือเยอะแยะเต็มไปหมดนะครับ แต่สำหรับพระเจ้านะครับพระเจ้าไม่รับรู้พระเจ้าไม่เกี่ยวข้องกับพิธีทางของมนุษย์ แต่สำหรับพระเจ้าก็คือการอธิษฐานของพระกายของคริสตจักรของผู้นำผู้รับใช้ เพื่อมอบครอบครัวเขาให้อยู่ภายใต้การดูแลของพระเจ้า เป็นหนึ่งเดียวซึ่งเมื่อก่อนเป็นสองคน ต่อมาก็คือกลายเป็นหนึ่งเดียวในพระคริสต์
สิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจก็คือ 1. โลกมีความเชื่อไม่เหมือนเรา 2. ก็คือคริสเตียนศาสนามีความเชื่อไม่เหมือนเรา ซึ่งเขาจะทำพิธีเขาจะมีอะไรก็แล้วแต่ เมื่อเขาเชิญเราไปร่วม เราก็ไปร่วมในงานนะครับ แต่เราไม่สนับสนุนอยู่ในใจลึกๆ ของเราก็คือเราไม่สนับสนุนอะไรใคร เรามาร่วมเพื่อความรักการสนิทการสร้างความผูกพันกับเขา เพื่ออนาคตเราจะมีโอกาสได้แบ่งปันพระคำพระเจ้าหรือประกาศข่าวประเสริฐ หรือแบ่งปันมานาฯ ให้เขา
ถาม.
พี่น้องที่ทำหน้าที่ถวายคู่สมรส ต้องเก็บค่าธรรมเนียมไหมค่ะ
ตอบ.
คริสตจักรฝ่ายวิญญาณเราไม่มีค่าธรรมเนียมนะครับ เราไม่เก็บค่าอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างฟรี
คริสตจักรศาสนาทุกวันนี้หลายๆ คริสตจักรมีค่าธรรมเนียมมีค่านู่นนี่นั่นเยอะแยะเต็มไปหมดนะครับ เราเชิญเขามาก็ต้องรับจ่ายนะครับ ซึ่งเขาไม่เรียกคำพูดที่มันไม่เหมาะสมไม่สวยหรู ก็คือใช้คำที่แบบถวาย หรือน้ำใจ แต่จริงๆ แล้วมันก็คือเก็บค่าที่พี่น้องพูดนั่นแหละ
แต่สำหรับเราคริสตจักรฝ่ายวิญญาณ เราไม่เก็บค่าอะไร เราไม่บังคับใคร แล้วก็ไม่บ่ง ว่าจำนวนต้องเท่าไหร่ต้องถวายเท่านี้เท่านั้น ไม่ครับ เราขอบคุณพระเยซูนะเมื่อมานาที่ซ่อนไว้เปิดเผยโดยพระวิญญาณกับพวกเรา คือ (2 คร 9:7) เราทำทุกสิ่งตามขนาดของความเชื่อ เราถวายตามขนาดของความเชื่อ เราให้ตามขนาดของความเชื่อ เราช่วยตามขนาดของความเชื่อ แล้วเราเดินในฝ่ายวิญญาณก็คือตามขนาดของความเชื่อ ไม่มีค่าอะไรครับทุกอย่างฟรีพระเยซูจ่าย และเราให้ก็คือให้ตามขนาดของความเชื่อหรือความพอใจเต็มใจ เอเมน
แต่คริสตจักรไหนที่จะมีการเก็บเรี่ยไร เก็บค่าธรรมเนียม เก็บค่านู่นนี่นั่น ก็คือไม่ใช่คริสตจักรฝ่ายวิญญาณแล้วครับ เราเคยได้ยินกันบ่อยไหมตอนที่เราอยู่ในคริสตจักรศาสนา ต้องเสียสิบลด ต้องจ่ายสิบลด ถ้าไม่อย่างนั้นไม่รอด หรือถ้าไม่อย่างนั้นก็คือคริสตจักรก็จะเจ๊ง ก็คือทุกคนก็ต้องช่วยกัน มันเป็นการบังคับที่ค่อนข้างจะเหมือนอาจจะทางอ้อมบ้าง หรือโดยตรงเลยนะครับ ก็มี
เพราะฉะนั้นสิ่งนี้ไม่มีในพระคัมภีร์ใหม่ไม่มีในยุคพระคุณของพระเจ้า เราให้เมื่อเราเต็มใจ ควักกระเป๋าเราไม่ฝืนใจ เราให้ อันนี้เรียกว่าร้อยลดครับ
แต่ก่อนคริสเตียน คือหลายคนหนีจากโบสถ์ ไม่เชื่ออีก เพราะสาเหตุเรื่องการให้การถวายการเสียค่าธรรมเนียมการจ่ายสิบลดเยอะมาก เนื่องจากว่าเขาไม่เข้าใจความจริงยังเดินในความมืด ผู้นำผู้รับใช้ส่วนมากก็คือหวังดี เพราะเห็นว่าคำสอนเรื่องสิบลดเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เพื่อความอยู่รอดของคริสตจักร ค่าน้ำค่าไฟ ค่าผู้รับใช้ หลายอย่าง แล้วก็เพื่อต้องทำตามพระบัญญัติเดิมที่สั่งไว้ว่าต้องรักษาพระบัญญัติก็คือต้องจ่ายสิบลด แล้วทำให้คริสเตียนกลัว แบกภาระหนักมาก อันนี้ผมพูดจริงๆ นะครับพูดตามตรง การถวายสิบลดเป็นเรื่องที่เราแบกภาระหนักมากๆ จนมีหลายคนก็คือถือเบา ก็คือมองข้าม ก็คือแบบว่าถวายก็ได้ไม่ถวายก็ได้
แต่จริงๆ แล้วคริสเตียนโดยทั่วไปบอกตรงๆ เลยนะขอใช้คำนี้ ก็คือโกงพระเจ้า ถ้าคริสเตียนคนไหน ศาสนาคริสต์นะครับ ที่บอกว่ายังรักษาพระบัญญัติเดิม ยังต้องถวายสิบลด แต่เมื่อเขาเชื่อแบบนั้นเขารักษาคำสอนแบบนั้น แต่ความเป็นจริงก็คือทุกคนโกงพระเจ้า ในคริสตจักรหนึ่งๆ จะมีคนที่ถวายสิบลดจริงๆ ก็ประมาณ 3-4-5 คน ก็คือศิษยาภิบาล ผู้ปกครอง ผู้รับใช้ หรือผู้เชื่อที่ถือว่าตนชอบธรรม ก็พยายามรักษาสิบลดถวายสิบลด มันก็มีประมาน 3-4-5 คนแค่นั้นเองในคริสตจักรหนึ่ง
เราขอบคุณพระเยซูที่ทุกวันนี้เราถวายร้อยลด ซึ่งควักกระเป๋าออกมา รู้สึกว่ามันหนักเกินไป มันเยอะเกินไป ค่าใช้จ่ายเราก็น้อยเงินเดือนก็น้อย เอาแค่นี้ แล้วเต็มใจให้ด้วยรักพระเยซู อันนั้นเรียกว่าเราถวายเต็มแล้วเอเมน
เราดูที่หญิงหม้าย (ลก 21:1-4) หญิงหม้ายคนหนึ่งมีแค่ 2 เหรียญ เอาให้พระเยซู ตรงข้ามก็คือมีเศรษฐีคนหนึ่งเอาให้เยอะมากหยอดเหรียญก๊องแก๊งก๊องแก๊ง หยอดเต็มไปหมด แล้วพระเยซูชมใคร ยกย่องใคร (หญิงหม้าย) มันไม่ได้อยู่ที่จำนวนปริมาณเท่าไหร่ แต่มันอยู่ที่ความรักที่ให้ด้วยหัวใจด้วยความเต็มใจพอใจและไม่ฝืนใจ (2 คร 9:7 )